Opium Wars

   13.-popy001
      ฝิ่นเป็นยาเสพย์ติดที่ชาวจีนติดกันอย่างงอมแงมและติดกันมานาน ใน สมัยราชวงศ์ชิง รัชกาลจักรพรรดิหย่งเจิ้น เคยมีดำริที่จะทำการปราบปรามฝิ่นแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ชาวจีนส่วนใหญ่ยังติดฝิ่นเรื่อยมา
      ฝิ่นนำเข้ามาขายในประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ชิงโดยอังกฤษนำเข้าในนามบริษัทอีสต์อินเดีย จำกัดแต่ด้วยวิธีทางเมืองของจีน ทำให้อังกฤษค้าขายกับจีนลำบาก อังกฤษขาดดุลการค้ากับจีน จังหาวิธีด้วยการนำข้าฝิ่นมาขายโดยอ้างว่าฝิ่นเป็นยา ต่อมาชาวจีนจึงติดฝิ่นงอมแงม ประเทศที่ค้าฝิ่นกับจีน ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และรัฐเซีย โดยมีการนำเขาอย่างมโหราฬ ทั้งที่ทางการประกาศห้ามจำหน่ายและสูบฝิ่น แต่ราษฎรทั่งประเทศติดฝิ่น เงินทองหมดไปกับการสูบฝิ่น วิธีการของอังกฤษคือ ใช้กำลังทหารคือกองเรือข่มจีน และติดสินบนพวกขุนนางกังฉินชั้นสูง
      รัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวง พรองค์มีเจตนารมณ์อย่างแรงกล้าที่จะทำการปราบฝิ่น ทรงแต่งตั้งหลินเจ๋อสวีเป็นตรวจราชการ สอง มณทฑ เป็นผู้นำในการกวาดล้างฝิ่นจากแผ่นดินจีย หลิน’รู้ว่าอังกฤษปลูกฝิ่นที่อินเดียมานานแล้ว แต่การปราบปรามการค้าฝิ่นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก จึงต้องใช้กฎหมายของประเทศ ประกาศให้ชุมชนตางชาติทราบว่า การค้าฝิ่นเป็นการผิดกฎหมายของจีน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย พวกพ่อค้าจีนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับต่างชาติรู้ถึงการประกาศของหลิน..พวกเขาจึงระมัดระวังตัว
    ขณะนั้น กับตันเรืออังกฤษ ชาล์ส เอลเลียต และนายวิลเลียม จอร์ดีน อยู่ที่มาเก๊าได้ประกาศลาออกจากบริษัทเพื่อเดินทางกลับอังกฤษ
     เอเลียตพยายามทุกวิถีทางทั้งติดสินบนและใช้กำลังข่มขู่แต่ไม่เป็นผล
     หลินบีบบังคับทางอังกฤษโดยการดึงคนงานทั้งหมดของจีนออกจาโรงงานของอังกฤษ แต่ทางอังกฤษก็ไม่ยอมออกจากโรงงาน
     เมือเอเลียตถูกบีบบังคับ จึงแสดงความรับผิดชอบ แต่เห็นจะเป็นการตอบโต้ที่หลินก็คาดไม่ถึงโดยการรับซื้อฝิ่นทั้งหมดจากพ่อค้าชาวอังกฤษที่อยู่ในกวางตง และทำหนังสือไปบอกแก่หลิน แจ้งจำนวนฝิ่นทั้งหมดที่มีอยู่ คือ 20,283 หีบ ราคา กว่า สองล้านปอนด์ ส่งมอบให้หลินเพื่อนำไปทำลาย แต่การนี้เอเลียต ได้ทำการโอนฝิ่นทั้งหมดเป็นของรัฐบาลอังกฤษ
     หลินทำการทำลายฝิ่น หลินพยายามกวาดล้างให้ถึงต้นต่อคือแหล่งปลูกฝิ่นหรือที่อินเดีย พยายามหาแหล่งข่าวการขนฝิ่น และมีหนังสือถึงพระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษ เพื่อให้อังกฤษยุติการค้าและโรงงานผลิตฝิ่น แต่จดหมายไม่ถูกเปิดอ่าน
      เอลเลียต หลังจากที่ทำสัญญาส่งฝิ่นแล้วเขาออกคำสังให้ชาวอักฤษรวมทั้งคนในบังคับอังกฤษออกจากกว่างตงทั้งรวมทั้งให้นำรือสินค้าทั้งหมดออกจากแม่น้ำเพิร์ลรวมทั้งมาเก๊า และฮ่องกง ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้พ่อค้าชาวจีนเห็นเป็นจริง และรอคำตอบจากลอนดอน
     เมื่ออังกฤษถอนตัวออกไปแล้วราคาฝิ่นถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้มีการลักลอบขนฝิ่นมาขาย
     เกิดเหตุการณืลูกเรืออังกฤษชกต่อยกับคนจีน ทำให้คนจีนถึงแก่ความตาย ซึ่งกามกฎหมายกว่างตงต้องขึ้นศาลจีน แต่เอลเลียตไม่ยอม เอลเลียตได้พิพากษาโดยใช้กฎหมายอังกฤษ ให้จำคุกตามโทษานโทษทั้งหกคนและสุดท้ายได้รับการปล่อยตัว พ้นผิดทังหมด ทำให้หลิน..ไม่พอใจ
     จากกรณีนี้หลินจึงนำเอามาเป็นขอ้อ้างเพื่อจะควบคุมชาวต่างชาติ เชาสั่งให้ชาวอังกฤษหยุดทำการค้าขายที่กว่างตง …
    หลังจากเหตุการนี้เกิดการปะทะทางเรื่อระหว่างจีนกับอังกฤษ การกล่าวอ้างของเอลเลียตที่เป็นฝ่ายเปิดฉากยิง คือนาทหารจีนไม่มีอำนาจที่จะอนุญาตให้ซื้ออาหารและน้ำได้นอกจากหลินคนเดียว .. การเปิดศึกครั้งนี้จึงกลายเป็นสงครามฝิ่นไปในที่สุด    
      ในปี พ.ศ. 2385 กองทัพอังกฤษบุกเข้ายึดเมืองนานกิงได้ กระทั้งในทีสุดจีนจำเป็นที่ต้องเจรจาสงบศึกกับอังกฤษ ที่เมือนานากิงนั้เอง และยอมเซ็นสันธิสัญญาที่ชาวจีนถือเป็นความอัปยศที่สุด คือ สนธิสัญญานานกิง 
    เนื้อหาในสนธิสัญญาฉบับนี้ อังกฤษบังคับให้จีนเปิดเมืองท่าตามชายทะเลเพื่อค้าขายอับอังกฤษ รวมทั้งขอสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนือดินแดนจีน คนที่ถือสัญชาตอังกฤษ จะไม่ต้องขึ้นศาลจีน รวมทั้งสิทธิใดๆ ที่อังกฤษได้ ต่างชาติอื่นๆ ก็ต้องได้ด้วยแม้ว่าเนื่อหาของสนธิสัญญานี้ จีนจะเสียเปรียบอย่างมาก แต่จีนก็จำต้องเซ็นสัญญา..


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)