WWII:Navik,Norway

     นอร์เวย์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรนอร์เวย์ เป็นประทเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ ส่วนตะวันตกของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย มีอาณาเขตจรดประเทศสวีเดน ฟินแลนด์และรัสเซีย มีอาณาเขตทางทะเลจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้กับประเทศเดนมาร์กและสหราชอาณาจักร
      การต่อสู้ในนอร์เวย์ใช้เวลาเพียง 2-3 วันก่อนที่นอร์เวย์จะยอมจำนน กษัตริย์และรัฐบาลหนีไปประเทศอังกฤษและยังคงต่อสู้เพื่อให้นอร์เวย์เป็นอิสระ ณ ที่นั้น ชาวนอร์เวย์หลายคนประกอบกิจกรรมที่ฝิดกฎหมายระหว่างช่วงสงคราม มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างไม่มีการปิดกั้น ทั้งทางหนังสือพิมพ์และใบปลิว และอีำหลายคนที่ช่วยคนให้หลบหนีไปยังประเทศอื่น
      นอร์เวย์มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองฝ่ายโดยมีสองสาเหตุ คือ ความสำคัญของเมือง่านนาร์วิกซึ่งสมารถขนส่งเหล็กและโลหะจากสวีเดน ซึ่งเยอรมันต้องการมากเส้นทางเดินเรือดังกล่าวยังเป็นเส้นทางสำคํยมากเป็นพิเศษในช่วงที่ทะเลบอลติกนั้นกลายเป็นน้ำแข็ง นาร์วิกมีความสำคัญต่อดังกฤษเช่นเดียวกันเมื่ออังกฤษทราบว่าโครงการแคทเธิรียของอังกฤษที่จะครอบครองทะเลบอลติกนั้นไม่สามารถนำมาใช้ได้
       อย่างที่สองเมืองท่าของนอร์เวย์เป็นช่องว่างของการปิดลิ้มเยอรมนี เรื่อรบเยอรมันสามารถแล่นออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกได้ นอร์เวย์ยังถูกมองจากพรรคนาซีว่าเป็นแหล่งกำเนินของชนชาตินอร์ติก-อารยันตามคำกล่าวของฮิตเลอร์การยึดครองนอร์เวย์ยังมีผลสำคัญยิ่งต่อความสามารถในการใช้อำนาจทางทะเลเพื่อต่อกรกับฝ่ายสัมพันธมิตร

      โดยเฉพาะฝ่ายอังกฤษ เมื่อนอร์เวย์วางตนเป็นกลาง ไม่ถูกยึดครองโดยคู่สงครามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ความอ่อนแดในการป้องกันชายฝั่งของนอร์เวย์นั้นนายพลเรือรีดเดอร์ชี้ให้เห็นหลายครั้งถึงความอันตรายของนอร์เวย์ที่จะมีแก่เยอรมนีโดยอังกฤษ หารอังกฤษฉวยโอกาสรุกรานนอร์เวย์ ถ้ากองเรืออังกฤษยึดเมือท่าเบอร์เกน นาร์วิกและทรอนด์แฮมได้เยอรมนีจะถูกปิดล้อมทางทะเลเหนือโดยสิ้นเชิง และกองทัพเรือในทะเลบอลติกจะตกอยู่ในอันตราย
       ครั้งเกิดสงครามฤดูหนาวรุสเซียรุกรานฟินแลนด์ฝ่ายสัมพันธมิตรร่วมือกับเดนมาร์กและสวีเดน ซึ่งเปิดโอกาสให้ฝ่ายสัมพันธมิตรมอบความเห็นใจอย่างจริงใจต่อฟินแลนด์และอ้างที่จะส่งกองกำลังเขายึยดครองแหล่งแร่และเมืองท่าในนอร์เวย์การเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความกังวลให้แก่เยอรมนี
     สนธิสัญญาเมโลตอฟ-ริบเบนทรอฟทไให้ฟินแลนด์กลายเป็นเขตอิทธิพลของสหภาพโซเวียต เยอรมนีวางตัวเป็ฯกลางต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ความกลัวเยอรมันนั้นทำให้นายทหารระดับสูงของเยอรมนีทำนายว่านอร์เวย์และสวีเดนอาจรับความช่วยเหลือจากฝ่ายสัมพันธมิตรแต่เหตุการณ์ก็ำไม่เป็นดังคาด นอร์เวย์และสวีเดนเพิ่มความระมัดระวัลและเฝ้าจับตามอง "การทรยศโดยชาติตะวันตก"ของโปแลนด์เมือโปแลนด์ถูกรุกราน ทั้งสองประเทศไม่ต้องการที่จะทำลายความเป็นกลางของตนและเข้าพัวพันกับสงครามโลกทหารต่างชาติเดินผ่านเข้าตามแนวชายแดนด้วยสนธิสัญญาสันติภาพมอสโก แผนการต่าง ๆ ของฝ่ายสัมพันธมิตรจึงล้มเิลิกไป
      นายทหารระดับสูงของเยอรมนีให้ความสนใจความเป็นกลางของนอร์เวย์มากตราบเท่านที่เรือรบฝ่ายสัมพันธมิตรยังไม่แล่นเข้าสู่น่านน้ำของทะเลนอร์เวย์เรือขนส่งสืนค้าของเยรมนีก็ยังคงปลอดภัยที่จะเข้าสู่ชายฝั่งนอร์เวย์ จอมพลเรืออิริช เรอเดอร์ โต้แย้งแผนการโจมตี เขาเชื่อว่าเมืองท่าของนอร์เวย์นั้นเป็นที่ที่สะดวกที่สุดที่เรืออูของเยอรมันใช้สำหรับปิดล้อมอมู่เกาะอังกฤษ และยังคงมีความเป็นไปได้ที่กองทัพสัมพันธมิตรอาจจะยกพลขึ้นบกที่สแกนดิเนเวีย มีการทาบทามจากฮิตเลอรและเรดเดิร์กับวิคดัน ควิสลิง(ต่อมาเขาได้รับฉายาว่าเป็น "ผู้ทรยศระหว่างโลก")รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของรัฐบาลนิยมนาซีแต่ไม่เป็นผล
   
เหตุการณ์อัลท์มาร์ค ซึ่งเป็นเรือบรรทุกของเยอรมัน บรรทุกเชลยสงครามชาวอังกฤษจำนวน 303 คนได้ับปนุญาตให้แล่นผ่านน่านน้ำนอร์เวย์ได้ ตามกฎหมายนานาชาติอนุญตให้เรือพลเรือจากประเทศสงครามสามารถจอดพักได้เป็นบางครั้งในน่านน้ำประเทศที่เป็นกลางหากได้รับอนุญาตจาประเทศนั้น ๆ กลุ่มเรือรบอังกฤษปรากฎตัวขึ้น และฝ่าฝืนกฎหมายนานาชาติและความเป็นกลางของนอร์เวย์ เรือ HMS คอแซ็ก ทำการโจมตีเรืออัลท์มาร์ค สังหารทหารเยอรมัน 7 นายและปลดปล่อยนักโทษทั้งหมด การละเมิดความเป็นกลางได้ก่อให้เกิดความโกรธแค้นในความรู้สึกของชาวนอร์เวย์
     ฝ่ายสัมพันธมิตรมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้นอร์เวย์ตัดขากการติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตรแผ่นการจึงถูกเลื่อนออกไป
     เยอรมนีเห็นว่าเหตุการณ์การดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านอร์เวย์ไม่มีมีความสามารถที่จะรักษาความเป็นกลางไว้ได้และอังกฤษก็มิได้ยินยอมต่อการวางตัวเป็นกลางของนอร์เวย์ ฮิตเลอร์จึงออกคำสั่งให้เร่งแผนการรุกรานให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด

      แผนการของฝ่ายสัมพันธมิตร
ปฏิบัติการวิลเฟรด คือการว่างทุนระเบิดตามน่านน้ำระหว่างนอร์เวย์ไปจนถึงเกาะอังกฟษเืพื่อป้องกันกองเรือขนส่งสินค้าเยอรมันขนเหล็กอย่างดีจาสวีเดน และหากได้รับการโต้ตอบจากฝ่่ายเยอรมนีโดยการเข้ายึดเนอร์เวย์และเมื่อถึงเวลานั้นฝ่ายสัมพันธมิตจะใช้แผนอาร์ 4 และยึดครองนอร์เวย์ เชอร์ชิลล์พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะโจมตีและยึดครองนอร์เวย์ เนื่องจากเขามีความต้องการที่จะย้ายการสู้รบไปจากแผ่นดินอังกฤษและฝรั่งเศษเพื่อป้องกันการถูกทำลาย
     แผนการของเยอรมนี(ปฏิบัติการเวแซร์รึบุง)
เยอรมันเตรียมการสกหรับการรุกรานนอร์เวย์ไว้แล้ว เป้าหมายหลักของการรุกราน คือ รักษาเมืองท่าและแหล่งโลหะในนอร์เวย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ เมือท่านาร์วิกและจากนั้นก็เข้ายึดนอร์เวย์
       เยอรมันโต้เถียงกันว่า มีความจำเป็นมากพอรึไม่ที่จะเ้ข้ายึดครองเดนมาร์ก เดนมาร์กเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขั้นต่อไป เดนมาร์กเป็นทำเลที่จะสามารถครอบครองทั้งน่านน้ำแลน่านฟ้าได้ย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่บางส่วนแย้งว่าไม่มีความคำเป็นต้องทำเช่นนั้น และให้นิ่งเฉพย แต่จะเป็นการง่ายขึ้นสำหรับแผนการถ้าหากเดนมาร์กถูกยึดครองโดยกองกำลัง
      การปรับเปลี่ยแผนยังเกิดจากอีกสาเหตุคือ การเตรียมบุกฝรั่งเศสและกลุ่มประเทศผแ่นดินตำ่ ซึ่งอาจต้องใช้ทหารเป็นจำนวนมาก เยอรมันต้องรบสองด้าน การรุกรานนอร์เวย์ไม่อาจเกิดขึ้พร้อมกับการรุกฝรั่งเศส

       ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นชัยชนะขั้นเด็ดขาดของเยอรมนี ทั้งเดนมาร์กและนอร์เวย์ถูกยึดครองโดยเกิดความสูญเสียเพียงเล็กน้อย การรบในทะเลประสบความล้มเหลว กองทัพเรือเยอรมันสูยเสียอย่างมากถึงขั้นเป็นอัมพาต แม้กองทัพเรืออังกฤษจะได้รับความสูญเสียไม่ต่างกันแต่ด้วยควายขนาดของกองทัพเรือทัพเรืออังกฤษมีขนาดใหญ่กว่าความสูญเสียเมื่อเทียบกับเยอมนีแล้ว เยอรมนีมีความสูญเสียกนักกว่า อังกฤษได้การควบคุมกองเรือขนส่งนอร์เวย์ ซึ่งเป็นกองเรือหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
       กองเรือฝรั่งเศสสูญเสียเรือประจัญบานตอร์ปิโดขนาดใหญ่ไปหน่งลำ กองทัพเรือนอร์เวย์ก็สูญเสียรือพิฆาตตอร์ปิโดไปหนึ่งลำ เรื่อป้องกันชายฝั่ง 2 ลำ รเรือดำน้ำอีก 3ลำ
     การยึดครองนอร์เวย์สร้างความยุ่งยากให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากสนามบินระยะไกลในนอร์เวย์ ฝูงบินอังกฤษจำนวนมากต้องถูกเก็บรักษาไว้ทางตอนเหนือของอังกฤษระหว่างยุทธภูมิบิรเตนและเครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมันสามารถใช้นอร์เวย์เป็นฐานและบินออกปฏิบัติการในมหาสมุทรแอตแลนติกได้อย่างปลอดภัยหลังจากเยอรมนีรุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941 ฐานบินในนอร์เวย์ถูกใช้เพื่อให้เครื่องบินไปจมขบวนเรือพาณิชยืของฝ่ายสัมพันธมิตร และก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาล
      การยึดครองนอร์เวย์ยังเป็นภาระหนักสำหรับเยอรมนี แนวชายหาดขนาดใหญ่ของนอร์เวย์เหมาะแก่การจู่โจมของหน่วนคอมมานโด การยึดครองนอร์เวย์จำเป็นต้องใช้กองกำลังขนาดใหญ่ มีทหารเยอรมันในนอร์เวย์กว่า 400,000 นายและม่สามรถย้าไปสู้รบในฝรั่งเศสหลังปฏิวัติการโอเวอร์ลอร์ด หรือการสู้ในแนวรบตะวันออกซึ่งในขณะที่เยอรมนีกำลังจะพ่ายแพ้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)