WWII:"West-East

     การปะทะกันอย่างดุเดือดที่โปรโฮรอฟกาซึ่งเป็นแนวยื่นทางทิศใต้ในปฏิบัติการ Citadel เหล่าทหารแพนเซอร์SSที่ 2 และกองพลกรอสส์ดอยท์ชลัทต์ พบกับการต้านทานอย่างดุเดือดทำให้ต้องเปลี่ยนทิศทางการบุกจากทางตะวันออกเป็นทางตะวันตกของแนวรบ แต่รถถังยงรุกไป เพืยง 25 กิโลเมตรก่อนเผลิญกับกำลังหนุนของกองทัพรถถังป้องกัน Guards Tank Army ที่ 5 ของโซเวียต ยุธการดังกล่าวมีรถถังราวหนึ่งพันคันอยู่ในสมรภูมิ หลังสงคราม นักประวัติศาสตร์โซเวียตยึดว่ายุทธการใกล้กับโปรโฮรอฟกา เป็นยุทธการรถถังใหญ่ที่สุดตลอดกาล การรบปะทะที่โปรโฮรอฟกาเป็นความสำเร็จในกาตั้งรับของฝ่ายโซเวียตแม้ต้องสูญเสียอย่างมากก็ตาม เมื่อสิ้นสุดการต่อสู้ในวันนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงกัน ปฏิบัติการซิทาเดล ก็หยุดลง กองทัพแดงจึงเริ่มปฏิบัตกการการรุกอย่างรุนแรงในแนวยื่นโอเรลทางเหนือ และสามารถเจาะฝ่านกองทัพเยอรมันได้ ประกอบกับฮิตเลอร์เป็นกังวลกับการยกพลขึ้นบกในซิชิลีของฝ่ายสัมพันธมิตรจึงตัดสินใจยุติการรุก แม้ทางฝ่ายเยอรมันจะได้พื้นที่ทางเหนือก็ตาม ปฏิบัติการเชิงรุกของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สองทางด้านตะวันออกจึงยุติลง
     ฝ่ายโซเวียตรุกต่อไปยังแนวยื่นที่โอเรลของเยอรมัน มีการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ให้สละโอเรลและถอยไปยังแนวฮาเกรนทางใต้ ฝ่ายโซเวียตทะลวงผ่านไปได้และมุ่งหน้าสู่ฮาร์คอฟอีกครั้ง แม้รถถังไทเกอร์จะทำลายรถถังโซเวียตในด้านหนึ่ง แต่ไม่ช้าก็ถูกโอบล้อมในอีกด้านหนึ่งทางตะวันตก กองทัพที่ 6 ที่สถาปนาขึ้นใหม่หลังจากการยอมจำนนในยุทธการสตาลินกราดอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานทัพโซเวียต กระทั่งสูญเสียทรัพยากรทางอุตสหกรรมและพื้นที่เกษตรกรรมครึ่งหนึ่งที่เยอรมันเองบุกครอง ฮิตเลอร์ตกลงให้ถอยครั่งใหญ่ไปยังแนวนีเปอร์ซึ่งเป็นแนวป้องกันป้อมสนามตามชายแดนตะวันตกของเยอรมัน แต่ปัญหาหลักคือการป้องกันยังไม่ถูกสร้างขึ้น
    แม้การพยายามโดยใช้พลร่มจะไร้โชคแต่โดยการที่พลร่มใช้การกำลังที่พลร่มเหล่านนั้นเตรียมไว้ข้ามแม่น้ำนีเปอร์และครองสนามเพลาะ เยอรมันพบว่า ที่จะยื้อแนวนีเปอร์เนื่องจากทัพโซเวียตเติบโตขึ้นและเมื่อสำคัญๆ เริ่มเเตก
     โซเวียตฝ่าออกจากหัวสะพานทั้งสองฝั่งของเคียฟและยึดเมืองหลวงของยูเครน ซึ่งขณะนั้นเป็นนครใหญ่ที่สุดอันดับสามในสหภาพโซเวียตไว้ได้
     แนวรบยูเครนที่สอง(แนวรบสเต็ปป์)…
     ปฏิบัติการ Monte Casino เริ่มต้นขึ้นในตอนต้นปี 1944 หน่วยข่าวกรองสัมพันธมิตรแน่ใจว่าวิหารใน มอนติ คาสซิโน่ มีส่วนช่วยทัพเยอรมันในการสกัดทัพพันธมิตร ในการเตีรยมทัพเพื่อเข้ายึดคาสิโน่ครั้งที่ 2 พันธมิตรสั่งโจมตีทางอาการเหนือวิหารพวก วิหารถูกถล่มราบคาบการถล่มวิหารเคลื่องบินสัมพันธมิตรกว่า 300 เครื่องพร้อมระเบิดกว่า 450 ตัน หลังจากการทิ่งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร พลร่มเยอรมันเคลื่อนเข้าบริเวณที่เหลือ และจัดเตรียมแนวรับ
     การโจมตีภาคพื้นดินเริ่มเมื่อกองทัพนิวซีแลนด์เคลื่อนตรงเข้าสู่มอนติ คาสซิโน่ จากทางใต้ ตามแนวรถไฟ กองทัพอินเดียก็เดินหน้าและสามารถยึดเทือกเขาสเนกเฮด ทางเหนือของวิหารเยอรมันต่อต้านและโจมตีจนทัพนิวซีแลนด์ต้องถอยร่น
    ในการโจมตีครั้งต่อมาเครื่องบินทิ้งระเบิดกว่า 500 ลำทิ้งระเบิดกว่าพันตันถล่มเมืองก่อนการปฏิบัติกาภาคพื้นดิน มีการะดมยิงปืนใหญ่โจมตีเมืองและวิหาร การรุกภาคพื้นดินเริ่มท่ามกลางสายฝน เยอรมันระเบิดเขื่นเหนือแม่น้ำ และบริเวณด้านหน้ามเองถูกน้ำท่วม และระดมยิงปืนใหญ่ พันธมิตรสามารถยึดแฮงก์แมนฮิลและคาสเซิลฮิลได้ นิวซี่แลนหยุดเคลื่อนทัพ
     มอนติ คาสซิโน่เป็นแนวรับที่แข็งแนวหนึ่งในสงครามครั้งนี้ จากความล้มเหลวในการุกครั้งที่ 2 และ 3 เพื่อหยุดการคุมเชิงในคาสซิโน สถานการณ์ค่อนข้างสงบ เหนือขึ้นไปที่อันซิโอ ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามทุดวิถีทางที่จะเอาชนะ แตะยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจน การุมเชิงในอิตาลีใกล้ถึงขีดสุด พันธมิตรเริ่มการโจมตี
     ทัพโปแลนด์เข้าโจมตีใกล้สันเขาสเนกเฮด และกองพลอิสระฝรั่งเศสบุกเข้าตะวันตกของคาสซิโน่ โดยมีกองทัพอังกฤษและสหรัฐตามสมทบ เยอรมันตระหนักถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา จึงถอยทัพไปทางเหนือ เป็นเวลากว่า 4 เดือนนับแต่เริ่มปฏิบัติการ
     ความต้องการต่อไปของพันธมิตรคือโรม โดยไม่โอบล้อมข้าศึกที่อันซิโอ การสู้รับในอิตาลียืดเยื้อ การยึดครองโรมมีผลทางการเมืองและจิตวิทยาอย่างสูง เมื่องหลวงของอิตาลี เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในยุโรป ซึ่งเทียบเท่ากับ ปารีส เบอร์ลิน มอสโคว และลอนดอน การยึดครองเมืองเช่นนี้มีผลเหนือมิติทางการทหาร  ซึ่งจะเห็นได้จากในเวลาต่อมาชาวอิตาลีอยู่ข้างสัมพันธมิตร
    ข่าวการยึดครองโรมไม่ได้รับความสนใจมากนัก อิตาลีถูกแบ่งแยกจากการเปลี่ยนข้างมาอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรการล้มสลายของโรมถูกคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ความสำคัญของยุทธการดี-เดย์ซึ่งเกิดขึ้นในวันถัดมา บดดบังความสำคัญในการยึดครองโรม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)