วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Pope Innocent III

     innocent-iii
   ทรงเป็นพระสันตะปาปาที่สำคํยที่สุดองค์หนึ่งในยุคกลาง เป็นอีกผู้หนึ่งไม่คิดว่าจะเจริญเติบโตในวาติกัน เนื่องจากตระกูลท่านมีปัญหากับพระสันตะปาปาเซเลสทีน ที่ 3 ท่านอุทิศชีวิตให้กับการศึกษาและการเขียนหนังสือมากมายเกี่ยวกับเทววิทยา …และโดยไม่คาดคิด บรรดาพวกพระคาร์ดินัง เลือกท่านด้วยเสียงเป็นเอกฉันท์ให้ดำรงตำแหน่งสันตะปาปา เมือพระสันตะปาปาเซเลสทีนสิ้นพระชนม์ เมือพระองค์มีอายุเพียง 38 ปีเท่านั้น…
    เมื่อได้รับตำแหน่งแล้วประกาศจุดยืนของสันตะปาปา ว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพระคริสต์ (รองพระคริสต์) อยู่สูงกว่ามนุย์ใดๆ แต่ต่กว่าพระเจ้า..

    Albigensian Crusade หรือ Cathar Crusade เป็นสงครามครูเสดที่ยาวนาน ริเร่มโดย สถาบันโรมันคาทอลิก ในการพยายามกำจัดคาธาร์ในบริเวฯลองเกอด็อก ที่ทางสถาบันถือว่าเป็นพวกนอกรีต เป็นสงครามที่เกี่ยวข้องกับฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่..กล่าวคือ เมื่อ สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3 ทรงใช้วิธีการทางการทูตในการพยายามลดอำนาจของลัทธิคาธาร์ ซึ่งได้รับผลเพียงเล็กน้อยและหลังจากตัวแทนพระองค์ถูกฆาตกรรมแล้วพระสันตะปาปาอินโนเซนต์จึงทรงประกาศครูเสดต่องลองเกอด็อก โดยการประกาศมอบดินแดนที่ได้มาให้แก่ขุนนางฝรั่งเศสที่จะยกเข้าช่วย ..สงครามนี้ยังมีบทบาทในการก่อตั้งลัทธิโมนิกัน และสถาบันการไต่สวนศรัทธาของยุคกลาง..
     พระองค์ทรงปฏิรูประบบการบริหารสัตะสำนักใหม่ ทรงลังเลใจที่จะส่งกองทหารไปทำสงครามครูเสดกับพวกหัวรุนแรง อัลลีเจนเซียนฝรั่งเศส ทรงสนับสนุนคณะนักพรต (เท้าเปล่า)โดมิกันและฟรันซิสอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็ให้คำรับรองสงครามครูเสด ครั้งที่ 4
     ซึ่งต่อมาแทนที่จะเดินเรือ่ไปสู้รบที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ กลับมุ่งไปที่คอนสแตนติโนเปิล และได้เข้าโจมตีโค่นบัลลังก์กษัตริย์ไบแซนไทน์ พระสันตะปาปาอินโนเซนต์ถูกบังคับให้รับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้..
      ความบาดหมางในครั้งนี้ยากเกินกว่าจะผสานรอยร้อวได้ ชาวไบเซนไทน์ไม่ยอมอภัยในความผิดนี้ ..
      พระสันตะปาปาอินโนเซ้นต์ที่ 3 พิสูจน์ให้เห็นว่ามีความพยายามในการบริหารบ้านเมือง พระองค์ทรงใช้อำนาจพระสันตะปาปาลงโทษกษัตริย์ที่ทำบาปหลายองค์ ที่สำคัญคือ ทรงประกาศ ว่ากฎหมายหลักของอังกฤษMagna Carta เป็นโมฆะ ถือว่าเป็นกฎหมายที่กำหนดโดยขุนนางและบารอนทั้งหลายของพระเจ้ายอห์น แห่งอังกฤษ โดยไม่มีหลักเกณฑ์ โดยใช้อำนาจข้อตกลงระหว่างอังกฤษและสันตะสำนัก ในปี ค.ศ.1215 ที่ว่าพระสันตะปาปามีสิทธิ์ในที่ดินที่เป็นของกษัตริย์อังกฤษ นอกนั้นทรงยังเป็นผู้เรียกประชุมสังคายนา ลาเตรัน และสั่งให้ชาวยิว และมุสลิมสวมเสื้อผ้าที่ทำให้ความแตกต่างว่าพวกเขาไม่ใช่คริสตชน…

Kings' Crusade..Third Crucade..


จักรพรรดิเฟรดเดอริคที่ 1 แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์  
 พระจ้าริชาร์ดแห่งอังกฤษ  
พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศษ


 ศอลาฮุดดี อัลอัยยูบีย์ หรือ ที่ชาวตะวันตกเรียกว่า ซาลาดิน เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองมุสลิมผู้มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นสุลต่าลมุสลิมผู้ปกครองอียิปต์ ซีเรีย เยเมน และปาเลสไตน์ และเป็นผู้ก่อตั้ง ราชวงศือัยยูบีย์
Saladin11     อุโฆษ เศาะลาหุดดีน เป็นผู้รับตำแหน่งอุปราชในเมืองไคโร และขนามนามว่า อัลมาลิก อันนาศิร อัล-สุลฎอน เศาะลาหุดดีนยูสุฟ เป็นชาวเคริส เชื้อสายตุรกี ในขณะนั้นเคาะลีฟะหฺ สุขภาพไม่แบ็งแรง ป่วยหนัก เศาะลาหุดดีน ได้ประกาศอไนจของเคาลีฟะหฺแห่งแบกแดดเหนือดินแดนอียิปต์
   ปี ค.ศ. 1170 เคาลีฟะหฺแห่งอียิปต์เสียชีวิต ลูกชายรับตำแหน่งแทน ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับ ลูกชายคนที่ 3 ของเซ็งกี ก็เสียชีวิตและลูกชาย ขึ้นครองตำแหน่งแทน..ในตอนนั้น โมกุล จึงเกิดความวุ่นวาย นุรุดดีนก็ได้ยกทัพมาช่วย
   ต่อมา เคาลีฟะหฺแห่งอียิปต์ก็เสียชีวิตลงเนื่องจากสุขภาพไม่แข็งแรง เศาะลาหุดดีนจึงได้เป็นอุปราชของนูรุดดีน และได้ปกครองดินแดนอียิปต์ทั้งหมด
  เมืองนูรุดดีนเสียชีวิต เศาะลาหุดดีนจึงมีอำนจเด็ดขาดในอียิปต์ หิจญาซ์ และยะมัน เมือนูรุดดีนเสียีวิต เศาะลาหุดดีนได้ส่งบรรณาการไปยังอัลมาลิกุศศอลิหฺ พวกขุนนางวางท่าทีกีดกัน ..เศาะลาหุดดีนส่งหนังสือไปตักเตือนขุนางว่าถ้าไม่เชื่อฟังจะเข้ามาปกครองดามัสกัส..
   กระทั่งเศาะลาหุดดีนได้ปกครองเมืองดามัสกัสอย่างเด็ดขาด เคาะลีฟะหฺทางเมืองแบกอดดจึงตั้งให้เป็นสุลฎอน เจ้าเมืองผู้ครองนครต่าง ๆ พากันสวามิภักดิ์ เศาะลาหุดดีนจึงมีอิทธิพลเรื่อยมา



     ริชาร์ด ที่ 1 แห่งอังกฤษ “ริชาร์ดใจสิงห์” เป็นโอรสอย่างถูกต้ององค์ที่สามของ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 แห่งอังกฤษ จึงไม่เคยคิดว่าจะได้ครองราช.. พระองค์ทรงเป็นโอรสของพระนางเอเลเนอร์แห่งอากีแตน “ราชนักรบ”ผู้มีเชื้อสายปรั่งเศส และเป็นหนึ่งในสตรีผู้มั่งคั่งที่สุดในยุโรป สมัยกลาง
    ริชาร์ดเป็นโอรสองค์เล็กร่วมพระมารดาเดียวกันกับ มารีเอด ซองปาญจ์ และอเล็กซิส แห่งฝรั่งเศษ อีกทั่งยังเป็นพระอนุชาของวิลเลียม เค้าแห่งปัวติเยร์ เฮนรี่ยุวกษัติย์ และ มาทิลดา แห่งอังกฤษ เป็นพระเชษฐาของ จอฟฟรีที่ 2 ดยุคแห่งบริททานี เลโอนอรา แห่งอากิเตน โจอาน ปลองตานนต์ และจอห์น แห่งอังกฤษ
     แม้จะประสูติในบอร์มอนต์ ออกซ์ฟอร์ด ในอังกฤษ แต่พระองค์ได้ถือเอาฝรั่งเศษเป็นประเทศบ้านเกิด เมือพระมารดาและพระบิดาแยกทางกันอย่างเป็นทาการ พระองค์อยู่ในการดูแลของพระมารดา… พระองค์ทรงมีรูปร่างหน้าตาดี โดดเด่นในกิจกรรมทางการทหาร และมีความสามารถทางการเมืองและการทหารตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้รับการยกย่องว่ากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว …



   220px-Richard_I_of_England_-_Palace_of_Westminster_-_24042004
         ข่าวเรื่องเยรูซาเล็มถูกฝ่ายมุสลิมยึดกลับไป  พระสันตะปาปาเกรกอรี่ ที่ 8 ทรงเรียกร้องให้ชาวคริสต์ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง โดยในครั้งนี้ กองทัพครูเสดนำโดย หนึ่งจักรพรรดิ และสองกษัตริย์ คือ จักรพรรดิเฟรดเดอริคที่ 1 แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระจ้าริชาร์ดแห่งอังกฤษ และพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศษ
      จักพรรดิเฟรดเดอริก เคลื่อนทัพข้ามแม่น้ำคาไลแคดนัสในไซลิเซีย จักรพรรดิเฟรดเดอริก ทรงพลัดตกน้ำและสิ้นพระชนม์ ไพร่พลที้งสี่หมื่นกรจัดกระจาย ต่อมาภายหลังเกิดความวุ่นวายในฝรั่งเศษ พระเจ้าฟิลิปที่ 2 จึงถอนทัพกลับ จึงเหลือเพียงพระเจ้าริชาร์ดพระองค์เดียว พระเจ้าริชาร์ดทรงสงครามกับกองทัพซาลาดินอยางเข้มแข็งจนได้รับสมญานามว่า “ริชาร์ด ใจสิงห์” แม้ว่าจะไม่สามารถชิงเยรูซาเล็มกลับคืนมาได้ แต่ความกล้าหาญของพระอง์ก็ทำให้ชาลาดินยอมทำข้อตกลงสงบศึกและยินยอมให้ชาวคริสต์ไปจาริกแสวงบุญที่เยรูซาเล็มได้..


๋่Jerusalem





       เยรูซาเลม ตั้งอยู่บนที่ราบสูงทางตอนใต้ของเทือกเขาจูเดียน มีอาณาเขตติดกับ ทะเลเดดซี Dead Sea ทางด้านตะวันออก และข้างฝั่งแม่น้ำจอร์แดนเป็นเทือกเขาโมอาบ Moab ที่แห้งแล้งทางตะวันตกกิดกบที่ราบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน Mediterranean Sea ห่างจากชายฝั่ง 58 กิโลเมตร ถนนหลวงเป็นเ้ส้นทางสู่เมืองเยริโค Jericho ห่างประมาณ57.6 กิโลเมตร ไปทางตะวันออกทางเหนือมุ่ง สู่จอร์แดนและทะเลสาบกาลิลี ถนนอาลอน Allon หรือ ยิกัล Yigal ตัดผ่านทะเลทรายยูเดียรนำสู่เมืองสะมาเรีย

- กว่าพันปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ได้ปรับปรุงเมืองนี้และสร้างพระวิหาร
- ชาวบาบิโลนยึดกรุงเยรูซาเลมทำลายพระวิหารและนำชาวยิวไปเป็นทาสในบาบิโลน
- ห้าสิบปีต่อมาชาวยิวได้กลับสู่กรุงเยรูซาเลมและสร้างพระวิหารขึ้นใหม่
- พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ได้ยึดกรุง เยรูซาเลม เมือครั้งนำทัพไปตีอียิปต์
- 168 ปี ก่อนครอสตกาล กษัตริย์อันติโอกุส เอปีฟาเนส ทำลายกำแพงกรุงเยรูซาเลม
- ชาวโรมยึดเมือง
- เฮโรดได้แต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ของชาวยิว พระองค์ทรงปรับปรุงกรุงเยรูซาเลม และสร้างกำแพงและพระวิหาร ขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระเยซูเจ้าดำรงพระชนชีพย์ ซึ่งชาวอารับไม่่ยอมรับในด้านประวัติศาสตร์ของคริสตชน เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าเฮโรดนี้..
- เยรูซาเลมถูกทำลายโดยจักรพรรดิตีตัส
- จักรพรรดิเอเดรียนสร้างขึ้นใหม่ตามแบบโรมัน ตั้งชื่อว่า "เอลีอา กาปีโตลียา" และสร้างสักการสถาน บนซากของสักการสถานของชาวยิว และของชาวคริสต์ และยิวถูกห้ามเข้าโรมเด็ดขาด
- จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 เปลี่ยนกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองคริสต์
- ชาวเปอร์เซีย ยึดกรุงเยรูซาเลม..
- และตกอยู่ในอำนาจอาหรับปี พ.ศ.1179 (ค.ศ.636) ซึ่งได้รักษาอำนาจนี้เป็นเวลากว่า 500 ปี
- ชาวครูเสดยึดเมื่อง และกลับเป็นที่ตั้งของอาณาจักรละติน
- ซาลาดินยึกรุงเยรูซาเลมในสงครามครูเสด เมืองตกอยู่กับเติร์กและปกครองเมืองเป็นเวลา 400 ปี
- เมืองสงครามโลกครั้งที่ 2 พันธมิตรเป็นฝ่ายชนะสงคราม ได้ยึดเมืองเยรูซาเลมและให้อังกฤษปกครอง
- ปี พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) เกิดสงครามระหว่างยิวและอาหรับ กรุงเยรูซาเลมถูกแบ่งดินแดนเป็นเยรูซาเลมตะวันตก ปกครองโดยอิสราเอง และเยรูซาเลมตะวันออก ปกครองโดยจอร์แดน และเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอลในส่วนที่เป็นเยรูซาเลมตะวันตก ระหว่างสงครา 6 วัน เยรูซาเลมตะวันออกจึงตกอยู่ในการปกครองของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ สถานการณ์ปัจจุบันยังยืดเยื้อ..

   




วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Second Crusade

     สงครามครูเสดครั้งที่ 2 เป็นสงครามที่เริ่มจากยุโรปในปีค.ศ. 1145 ในการโต้ตอบการเสียอาณาจักรเอเดสสาในปีก่อนหน้านี้

     สงครามครูเสดครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นจากความพ่ายแพ้ของ เอเดสสาฐานรักษาการณ์ทางเหนือของอูเตอร์ แมร์
     ระบบศักินา “ฟิวดัล”ที่พวกครูเสดนำมาใช้ในเอเซียไมเนอร์นี้ “ระบาด”ในหมู่พวกมุสลิมเช่นกัน พวกมุสลิมชนชาติต่าง ๆ ในตะวันออกกลางต่างก็แก่งแย่งถืออำนาจกัน แตกออกเป็นหลายนคร
     เซ็งกี หังหน้าวมุสลิมจากโมซูล ผู้มีกองทัพเข้มแข็งมุ่งหมายที่จะรวบรวมดินแดนชาวมุสลิมในพื้นที่ชายฝั่งทะเล พวกอูเตรอแมร์เพิกเฉยต่อภัยคุกคามนี้ แต่คริสตชนในตะวันตกกลับลุกฮือเพราะเกรงกลัวชาวมุสลิมจะรุกรานต่อไป
     อาณาจักรเอเดสสาเป็นอาณาจักรครูเสดอาณาจักรแรกที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างสงครามครูเสดครั้งที่ 1 และเป็นอาณาจักรแรกที่ล่ม r_14828
     สงครามครูเสดครั้งที่ 2 ได้รับการประกาศโดยสมเด็จพระสันตะปาปายูจีนที่ 3 และเป็นสงครามครูเสดครั้งแรกที่นำโดยพระมหากษัตริย์ยุโรปที่รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งถือเอาสงครามครูเสดเป็นฉากบังหน้า เพื่อปิดบังซ่อนเร้นการกระทำอันโหดร้ายต่อพลเมืองที่เป็นกบฎต่อพระองค์  และพระเจ้าคอนราดที่ 3 แห่งเยอรมันนี พร้อมด้วยการสนับสนุนของขุนนางสำคัญต่างๆ  
      รวมถึงมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 คือ อิเลเนอร์ แห่งอาควิเตน…ได้เข้าร่วมกองทัพด้วย   
  

     ในยุโรป ผู้มีบทบาทสำคัญในการปลุกระดมผู้คนให้ร่วม ในกองทัพครูเสด คือ นักบุญเบอร์นาร์ดแห่งแคลร์โว (Bernard of Chairvaux) ซึ่งเป็นบุคคลฝ่ายศาสนาทีมีชื่อเสียงในเวลานั้น
     แม้ว่าท่าน จะสละทางโลกแล้ว แต่ความปรีชาฉลาดของท่านและความพยายามไม่ลดละในการปกครองความถูกต้องเที่ยง แท้ของศาสนาได้ทำให้ท่านเป็นที่ปรึกษาของพระสันตปาปาและบรรดากษัตริย์ เมื่อท่านจับจ้องสายตาไปที่กษัตริย์คอนราด และพูดถึงวันพิพากษาอันน่าพรั่นพรึง ซึ่งรอคอยผู้ที่เพิกเฉยต่อการแบกกางเขน จักรพรรดิแห่งเยอรมันก็ไม่มีทางเลื่อก…
180px-Bernard_Clairvaux     นักบุญเบอร์นอาร์ดไม่สงวนถ้อยคำ แม้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนักรบครูเสดเป็นขโมย ฆาตกรหรือพวกตลบแตลง ท่านก็ยังชื่นชมต่อการจากไปของพวกเขายุโรปไม่ความยินดีที่พวกเขาจากไป และปาเลสไตน์ยินดีที่ได้รับพวกเขา พวกเขามีประโยชน์ทั้งสองทาง…
          กองทัพของทั้งสองพระองค์แยกกัน เดินทางข้ามยุโรปไปยังตะวันออกกลางหลังจากข้ามเข้าสู่ดินแดนของจักรวรรดิไบแซน์ในอานาโตเลียแล้ว กองทัพทั้งสองต่างก็ได้รับความพ่ายแพ้ต่อเซลจุคเติร์ก (ซีเรียคอ้างว่า จักรพรรดิมานูเอลที่ 1 โคมเนนอส แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ทรงมีส่วนในความพ่ายแพ้ครั้งนี้โดยทรงสร้างอุปสรรคแก่การเดินหน้าของกองทัพทั้งสองโดยเฉพาะในอานาโตเลีย และทรงเป็นผู้สั่งการโจมตีของ)

    กองทัพที่ร่อยหรอที่เหลือของพระเจ้าหลุยส์และพระเจ้าคอนราดก็เดิทางต่อไปยังกรุงเยรูซาเลม  และก็เข้าโจมตีดามัสกัน ตามคำแนะนำที่ไม่สมควร สงครามครุเสดครั้งที่ 2 จบลงด้วยความล้มเหลวและชัยชนะของฝ่ายมุสลิม และเป็นสงครามที่นำไปสู่การเสียกรุงเยรูซาเลม และสงครามครูเสดครั้งที่ 3 ในเวลาต่อมา..
    ส่วนพวกครูเสดที่มาจากยุโรปเหนือ ก็ได้เคลื่อทัพจนถึงโปตุเกส แล้วได้ร่วมมือกับกษัตริย์อัลฟอลโซ เพื่อโจมตีนครลิสบอนและขับไล่พวกมุสลิมออกจาเมืองในปี 1147
      สาเหตุอีกประการเป็นเรื่องเงินทอง สันตะปาปามีค่าใช้จ่ายสำหรับพันธกิจต่าง ๆ เช่น การจัดหาผู้แทนทางการทูตไปประจำในดินแดนคริสต์ในตะวันออก ดังนั้เน พระศาสนจักรจึงเริ่ม “ขาย”พระคุณการุณย์ (indulgence) ซึ่ง จะผ่อนผันหรือยกเลิกการรับโทษของวิญญาณในไฟชำระในตอนแรกพวกครูเสด “ซื้อ”หรือ รับเอาการผ่อนผันนี้สำหรับคนในครอบครัวและเพื่อนที่ล่วงลับ ต่อมาการ จ่ายเงินนี้ก็ซื้อสิทธิ์ไม่ต้องไปรบในสงครามครูเสด จึงมีคนยอมจ่ายเงินเพื่อให้คนอื่นไปรบแทน หรือให้เงินตามที่กำหนดแก่ศาสนจักร ซึ่งจะหาคนมาทำหน้าที่แทนการปฏิบัติเช่นนี้แพร่หลายไปทั่วได้ทำให้ผู้คนเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องสงคราม ครูเสดอย่างมากประชาชนเริ่มเห็นว่าสงครามครูเสดเป็นเรื่องน่ารำคาญที่แทรก เข้ามาในชีวิต …

First Crucade

        สงครามครูเสดครั้งแรกเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1095 ci2009crusade first.jp

UrbanIIPreaches-s


                       “ Let the truce of god be observed at home and let the arms of the Christians be direct to congue tring the infidels.”
                          “ด้วยบัญชาของพระเจ้า ให้เจ้าหยุดยั้งการทำสงครามกันเอง และให้เขาเหล่านั้นหันมาถืออาวุธมุ่งหน้าไปทำลายผู้ปฏิเสธ(มุสลิม)”
         

        


  ประกฎว่าโป๊ปรวบรวมคนได้ถึง 150,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝรั่งเศสไปร่วมทำสงครามครูเสด จะเห็นว่าในบรรดาชายชาวยุโรปที่กระเหี้ยนกระหือรือในการทำสงครามครูเสดมาที่สุดก็คือชาวฝรั่งเศษ


          ในขณะที่ทัพครูเสดกำลังจะยกมารบกับอิสลาม ก็ได้มีกองทัพของประชาชนผู้มีศรัทธาแรงกล้าเดินทัพมาก่อนแล้วในปี ค.ศ. 1094 ตามคำชักชวนของ ปีเตอร์ นักพรต (Peter of Amines) เขาผู้นี้ได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วยุโรป เพื่อป่าวประกาศเรื่องราวการกดขี่ของชาวเติร์กต่อชาวคริสเตียนในปาเลสไตน์ ซึ่งหาได้เป็นความจริงไม่
           นักรบครูเสดชาวนา ผู้รณรงค์ประการชวนเชื่อเรื่องครูเสดสามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกศรัทธาแท้จริงได้ ความศรัทธานี้เริ่มมาจากการปฏิรูปศาสนจักรในศตวรรษก่อน ประชาชนจำนวนมากได้ก้าวออกจากสภาพแวดล้อมชีวิตที่คุ้นเคย และเดินทางแสวงบุญไกลๆ ไปยังสุสานของนักบุญเปโตรในโรม สุสานนักบุญยากอบในคอนพอสเทลา และนักบุญมาระโกในเวนิส หลายคนได้เดิดทางต่อไปยังแผ่นดินศักดิ์ ปสานกับความร้อรในการแสงบุญ การประกาศชวนเชื่อได้เร้าใจชาวคริสต์ตะวันตกถึงจุดที่เร้าร้อน ในขณะที่คนในเมืองและพวกชนชั้นสูงกำลังวางแผนที่จะส่งกองทหารเป็นทางการ ประชาชนธรรมดาก็ลุกฮือขึ้นด้วยตัวเอง

          ปีเตอร์นับเป็นเลิศในฐานะผู้จุดไฟ บรรดาชาวไร่ชาวนาทั่งทั้งผรั่งเศสและไรน์แลนด์ ทิ้งคราดไถออกรวมตัวกัน ในไม่ช้ากลุ่มชาวนาผรั่งเศส 2 กอง และเยอรมัน 3 กอง ก็เริ่มหลั่งไหลไปยังหุบเขาดานูบกองทัพชาวนานี้นังรวมเกือบ 50,000 คนรวมทั้งวคนในครอบครัวของพวกเขาทั้งหมด พวกเด็กเล็กๆ ในกลุ่มจะถามอย่างซื่อๆ เมื่อเดินทางไปถึงเมืองแต่ละเมืองว่า ใช่กรุงเยรูซาเล็มหรือเปล่า
           ในหมู่ชาวเยอรมัน ความฝังใจที่จะฆ่าคนนอกศาสนาทุกคนได้เกิดขึ้นก่อนที่ขบวนจะออกจากแผ่นดินของพวกเขา พวกยิวแห่งสเปเออร์ เมนซ์ วอร์ม และมืองอื่นๆต่างเป็นเป้าหมาย  อาร์คบิชอบแห่งโคโลนจ์ ให้ที่ลีภัยแก่ชาวยิวนับพันๆ แต่พวกนักรบครูเสดชาวนาพังประตูเข้าไปและสังหารคนจำนวนมาก ไกลออกไปทางตะวันออก นับรบครูเสดชาวนาอีกกลุ่มมุ่งสายตาความโกรธแค้นไปยัคลังเก็บข้าวสาลีที่บุลกาเรีย และพวกเขาตัดสินใจว่าชาวบุลกาเรียก็เป็นคนเลวร้าย ทว่า หลังจากทนถูกสัหารหมู่และปล้นสดมภ์ พวกบุลกาเรียก็โจมตีกลับ พวกเขาเข่นฆ่า พวกมาจากตะวันตกเหล่านนี้ขณะที่นอนหลับอยู่ข้างแคมป์ไฟ และทำให้บ่อน้ำทั้งหลายไม่สามารถดื่มได้ ด้วยการโยนซากแกะเน่าลงไป
ChildrensCrusade03-l[3]           กล่าวกันว่ากองทัพนี้เป็นกองทัพของประชาชนมากกว่ากองทัพของทหารที่จะไปทำสงคราม เพราะมีผู้นำที่เป็นบาทหลวงและสามัญชนธรรมดาปราศจากความรู้ในการรบ และมิได้มีอาวุธที่ครบครัน ปรากฎว่ากองทัพที่เป็นกองทัพนี้ส่วนใหญ่มาถึงเพียงฮังการี เพราะเมือขาดอาหารลงก็จะทำการปล้นสะดม

          ทางฝ่ายทหาร ต้นปี 1097 กำลังทหาร 4 กองทัพ ได้มาบรรจบกันที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลโดยทางภาคพื้นดินและเดินเรือ ในจำนวนนี้มีทั้งชาวฝรั่งเศส โปรวังซาล เฟลมิงก์ เยอรมัน ซิซีเลียน และที่น่าเกรงขามที่สุดก็คือพวกนอร์มัน พวกเขาเป็นสัญจรและนักต่อสู้โดยสัญชาตญาณ…กองทัพครูเสดได้ยึดเอเชียไมเนือร์กลับมา และพวกเขาได้โจมตีต่อไปทางใต้เพื่อชัยชนะของพวกเขาเอง พวพิชิตได้เมืองใหญ่ๆ ของเอเดสซา ในอาร์เมเนีย อันทีโอค และทริโพลีในซีเรีย แล้วภายหลังการล้อมตีอยู่ห้าสัปดาห์ กองทัพครูเสดก็บรรลุถึงชัยชนะขั้นสุดท้ายคือกรุงเยรูซาเล็ม มีการรบสู้อย่างดุเดือด ถนนสายต่างๆ แดงฉานไปด้วยเลือด นักรบครูเสดพนมมือลคุกเข่าภาวนาที่สุสานอันเคยวางพระวรกายของพระคริสต์ พวกเขาสะอื้นไห้ด้วยความปีติ..

ottoman02-3
          นับแต่นั้นมานามนักรบครูเสดก็ให้มโนภาพที่น่ายกย่อง เรื่องความกล้าหาญของพวกเขาไม่เป็นที่กังขา แต่ทว่า นักรบครูเสดมาจากดินแดนที่มีความเจริญน้อยกว่า รุปลักษณ์อัศวินที่อุ้ยอ้าย และไม่องอาจ ประกอบกับความประพฤติของพวกครูเสดไม่ใช่แบบอย่างที่ควรยึดถือ พลเมืองของกรุงคอนสแตนติโนเปิลรังเกียจนิสัยโง่ทึ่มของพวกเขา  พวกนักรับครูเสดตื่นตะลึงกับเมืองคอนสแตนติโนเปิลอันอลังการ ความมั่งคั่งของคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นสิ่งล่อใจอย่างยิ่ง และพวกครูเสด ก็ไม่ระงับใจที่จะปล้นและขโมย พระธิดาของจักรพรรดิ ตราหน้าผู้มาสู่เมืองของเธอว่าเป็นพวกผมสีทองที่โหดเหี้ยม และ หิวเงินเสมอ
           จักรพรรดิ รู้สึกถึงอันตรายของพวกอนารยชนร่วม 50,000 คนที่มาถึงเมืองของพระองค์ พระองค์บังคับให้พวกผู้นำของพวกเขาปฏิญาณตนจงรักภักดีและปฏิญาณที่จะให้พระองค์เป็นผู้ครอบครองดินแดนที่พวกเขาอาจยึดได้
           แต่ในไม่ช้า จักรพรรดิอาเล็กซีอุสก็กระทำสิ่งซึ่งพวกครูเสดถือว่าเป็นการทรยศ ในการล้อมรบที่เมือนิเชอา พวกเติร์กกำลังจะยอมแพ้แตะพระจักรพรรดิ์ได้ตกลงกับอย่างลับๆ กับศัตรูให้ยุติการสู้รบ จากนั้น พระอง๕ก็สั่งให้กองทัพครูเสดเคลื่อนทัพต่อไป จริงๆแล้ว ความคิดเรื่องสงครามศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งแปลกประหลาดในความคิดของพวกไบเซนไทน์ เมือพวกครูเสดสำนึกถึงความจริงเช่นนี้
           พวกครูเสดจึงเป็นอิสระที่จะดำเนินการตามจุดมุ่งหมายที่ฝั่งใจพวกเขา คือ สร้างอาณาจักรของพวกเขาเองในตะวันออก….


     ครูเสดนอร์เวย์ : Norwegian Crusade เมือสงครามครูเสดครั้งที่ 1 ผ่านไปพระเ้จ้าซิเกิร์ดที่ 1 แห่งนอร์เวย์พระเจ้าซิเกิร์ดที่ 1 ทรงเป็นมหากษัตริย์ยุโรปองค์แรกที่เข้าร่วมสงครามครูเสดที่เสด็จไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์และมิได้พ่ายแพ้ในยุทธการใดๆ ทั้งสิ้น ลักษณะการต่อสู้แบบกองโจร ปล้นสดมและทำลายทรัพย์สินของไวกิ้งก่อนหน้นี้นแตก่การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำเพื่อครุสต์สาสนาฉะนั้นจึงถือกันว่าเป็นสิ่งที่ "ควร"

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

There'noting inside



how can you see into my eyes
like open doors
leading you down into my core
where I’ve become so numb
without a soul
my spirit sleeping
somewhere cold
until you find it there
and lead it back home

(Wake me up)
Wake me up inside
(I can’t wake up)
Wake me up inside
(Save me)
call my name
and save me from the dark
(Wake me up)
bid my blood to run
(I can’t wake up)
before I come undone
(Save me)
save me from
the nothing I’ve become

now that I know
what I’m without
you can't just leave me
breathe into me
and make me real
bring me to life

(Wake me up)
Wake me up inside
(I can’t wake up)
Wake me up inside
(Save me)
call my name
and save me from the dark
(Wake me up)
bid my blood to run
(I can’t wake up)
before I come undone
(Save me)
save me from
the nothing I’ve become

Bring me to life
(I've been living a lie,
there's nothing inside)
Bring me to life

frozen inside
without your touch
without your love darling
only you are the life
among the dead

all this time
I can't believe
I couldn't see
kept in the dark
but you were there
in front of me
I’ve been sleeping
a thousand years it seems
got to open my eyes
to everything
without a thought
without a voice
without a soul
don't let me die here
there must be something more
bring me to life

เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาฉัน
เหมือนประตูที่เปิดอยู่ได้อย่างไรกัน
นำเธอดิ่งลงสู่ใจกลางฉัน
ที่ซึ่งฉันไม่มีความรู้สึกใด
ไร้ซึ่งวิญญาณ
จิตของฉันหลับไหล
อยู่ที่ที่เยือกเย็นที่ไหนสักแห่ง
จนกว่าเธอจะหามันเจอ
และนำมันกลับบ้าน

(ปลูกฉันให้ตื่น)
ปลุกฉันที่ถูกจองจำไว้ภายในให้ตื่นขึ้นมา
(ฉันตื่นเองไม่ได้)
ปลุกฉันที่ถูกจองจำไว้ภายในให้ตื่นขึ้นมา
(กอบกู้ฉันขึ้นมา)
เรียกชื่อฉัน
และช่วยฉันไว้จากความมืด
(ปลูกฉันให้ตื่น)
ทำให้เลือดฉันไหลเวียน
(ฉันตื่นเองไม่ได้)
ก่อนที่ฉันจะล่มจม
(กอบกู้ฉันขึ้นมา)
ช่วยฉันจาก
การกลายเป็นคนไร้ซึ่งตัวตน

เพราะฉันเพิ่งรู้ว่า
ฉันอยู่โดยปราศจากอะไร
เธอทิ้งฉันไม่ได้
หายใจเข้ามาในตัวฉัน
และทำให้ฉันมีตัวตน
นำฉันไปสู่ความมีชีวิตชีวา

(ปลูกฉันให้ตื่น)
ปลุกฉันที่ถูกจองจำไว้ภายในให้ตื่นขึ้นมา
(ฉันตื่นเองไม่ได้)
ปลุกฉันที่ถูกจองจำไว้ภายในให้ตื่นขึ้นมา
(กอบกู้ฉันขึ้นมา)
เรียกชื่อฉัน
และช่วยฉันไว้จากความมืด
(ปลูกฉันให้ตื่น)
ทำให้เลือดฉันไหลเวียน
(ฉันตื่นเองไม่ได้)
ก่อนที่ฉันจะล่มจม
(กอบกู้ฉันขึ้นมา)
ช่วยฉันจาก
การกลายเป็นคนไร้ซึ่งตัวตน

นำฉันไปสู่ความมีชีวิตชีวา
(ฉันมีชีวิตอยู่แบบแสแสร้งแกล้งทำอยู่เรื่อยมา,
ภายในไม่มีความหมายใด)
จงนำฉันไปสู่ความมีชีวิตชีวา

ข้างในถูกแช่แข็ง
ปราศจากสัมผัสของเธอ
ปราศจากความรักจากเธอ ที่รัก
เธอเท่านั้นคือสิ่งมีชีวิต
อยู่ท่ามกลางคนตาย

ตลอดเวลานี้
ฉันไม่สามารถเชื่อ
ฉันมองไม่เห็น
อยู่ในความมืดมน
แต่เธออยู่ตรงนั้น
อยู่ตรงหน้าฉัน
ฉันหลับไหลเรื่อยมา
ราวกับว่าเป็นพันปี
ต้องเปิดตาฉันขึ้นมา
สู่ทุกสิ่งทุกอย่าง
ปราศจากความคิด
ปราศจากเสียง
ปราศจากวิญญาณ
อย่าปล่อยให้ฉันตายอยู่ตรงนี้
ต้องเป็นบางอย่างที่มากกว่านั้น
จงนำฉันไปสู่ความมีชีวิตชีวา






วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Crusade

           สงครามครูเสด หรือ อัลฮุรุบอัศศอลีบียะหฺหรือ อัลฮัมลาส อัศศอลีบียะหฺ แปลว่า สงครามไม้กางเขน คือสงครามระหว่างศาสนา ซึ่งอาจหมายถึงสงครามระหว่าชาวคริสต์ต่างนิกายด้วยกันเอง แต่โดยส่วนใหญ่มักหมายถึงสงครามครั้งสำคัญระหว่างชาวมุสลิมและชาวคริสต์ ในช่วงศตวรรษที่ 11-13
           ชาวเติร์ก เป็นคนส่วนใหญ่ของตุรกีในปัจจุบันมีพื้นเพดั้งเดิมเป็นชนเผ่าเร่ร่อนแบ่งเป็นหลายเผ่าเป็นหลายเผ่าด้วยกัน เดิมที่อาศัยอยู่แถบเทือกเขาอัลไตในเอเซียกลาง กระทั่งในราวศตวรรษที่ 6 เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติและการเมือง ทำให้ชาวเตร์กต้องเร่ร่อนไปในดินแดนต่าง ๆ
           ชาวเติร์กเผ่าหนึ่งคือเผ่าเซลจุก เลือกอพยมายังพื้นที่”อนาโตเลีย”(ดินแดนตะวันตกเฉียงใต้ของเอเซียที่เชื่อมต่อระหว่างเอเซียกับยุโรป ปัจจุบันคือพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตุรกี)  และได้พยายามเข้าตีเมืองเมืองอิซนิก ที่อยู่ใกล้กรุงคอนสแตนโนเปิล แห่งอาณาจักรไบแซนไทน์ เพื่อยึดเป็นเมืองหลวง แต่ว่าไม่สามารถตีเมืองได้จึงถอยไปปักหลักอยู่ในอานาโตเลียตอนกลาง พร้อมสถาปนาอาณาจักแห่งแรกของตนขึ้น โดยเลือกเอาเมืองคอนยาเป็นราชธานี
 
91629ad0
images (1)จุดเริ่มต้นของสงครามครูเสด คือ หลังจากพระเยซูครัสต์สิ้นพระชนม์ แผ่นดินที่พระเยซูคริสต์มีชีวิตอยู่ คือ เมืองเบธเลเฮม เมืองนาซาเธ และเยรูซาเล็มถูกเรียกว่าเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ชาวคริสเตียนจะเดินทางไปแสวงบุญที่เมืองเหล่านี้อย่างไรก็ตามเมืองเหล่านี้บางเมืองก็เป็นสถานที่สำคัญของชาวซัลจู๊ค(มุสลิม)ด้วยเช่นกัน เมื่อมุสลิมเข้ามามีอำนาจ ครอบครองซีเรีย และเอเชียไม่เนอร์ของไบแซนไทน์ ชัยชนะของซัลจูค(มุสลิม)ในการยุทธที่นามซิเคอร์ทเป็นการขับไล่อำนาจของไบแซนไทน์ออกจากเอเชียไมเนอร์ และไม่กี่ปีต่อมาซัลจู๊ล(มุสลิม)ก็ตีเมืองนิคาเอจากไบแซนไทน์ได้อีก
           ชนวนเหตุของสงครามครูเสดคือการคุกคามทางทหารต่อเมืองคอนสแตนติโนเปิลปราการทางตะวันออกของชาวคริสต์ เมืองนี้ตั้งขึ้นโดยคอนสแตนติน จักรพรรดิโรมันองค์แรกที่กลับใจมาเป็นคริสต์ ผู้สืบราชสมบัติต่อจากคอนสแตนติน บนบังลังก์ปห่งไบเซนไทน์ต้องรับมือกับผุ้รุกรานทุกพวกจากเอเชีย พวกไผเซนไทน์เรียกผู้รุกรานเหล่านี้ว่า ซาราคีโนส(Sarakeaos)แปลว่า ชาวตะวันออก และคำว่า ซาราเซ็น (Sarasen)ก็ได้กลายเป็นคำที่ทำให้เกิดมโนภาพถึงนักรบที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง พวกผู้รุกรานเหล่านี้พวกหลังสุด ดุร้ายที่สุดและเป็นมุสลิมผู้มีศรัทธา คือพวกเซลจุก เติร์ก พวกเขาตีชาวไบเซนไทน์นับพันๆ แตกพ่ายในการรบใกล้แมนซีเคอร์ท พวกเซลจุก เติร์กได้ยึดเอาดินแดนของอาณาจักรไบเซนไทน์ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง
         จักรพรรดิแห่งไบแซนไทน์ทรงตื่นตระหนกเพราะอิสลามกำลังเข้าใกล้กรุงคอนสแตนติโนเปิล จึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังโป๊ปเกรกอรี่ที่ 7 แห่งกรุงโรม ให้ชาวคริสเตียนช่วยปราบเติร์ก ซึ่งสันตะปาปาก็ตอบรับการของความช่วยเหลือ เพราะนั้นเท่ากับว่า ศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ยอมรับอำนาจของสันตะปาปา ซึ่งเป็นผู้นำของนิกายโรมันคาทอลิกโดยสิ้นเชิง อันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครูเสด
   (คริสตจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ เรียกโดยย่อว่า คริสจักรออร์ทอดอกซ์ หรือ คริสตจักรไบแซนไทน์ เป็นคริสจักณที่ใหญ่เป็นที่สองของคริสต์สาสนาในโลก คริสตจักรนี้ปฏิบัติตามหลักการทางเทววิทยาอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยศาสนาคริสต์ยุคแรก โดยแบ่งเป็นคริสจักรย่อย ๆ แต่ละคริสตจักรมีอัครบิดรหรือมุขนายกเป็นของตนเอง ผู้มีหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ประเพณีของศาสนจักร และสามารถสืบสายกลับไปได้ถึงอัครทูตของพระเยซูโดยเฉพาะนักบุญแอนดรูย์)
        แรงจูงใจที่สำคัญ คือ กษัตริย์ผรังเศสและเยอรมันต้องการดินแดนเพิ่ม อัศวันและขุนางต้องการผจญภัยแสดงความกล้าตามอุดมคติ ทาสต้องการเป็นอิสระ เสรีชนต้องการความรำรวยและแสดงศรัธทาต่อศาสนา รวมทั้งความพยายามของพระสันตะปาปาในอันทีจะรวมคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์ให้เข้ากับนิกายโรมันคาทอลิก ภายใต้การบัคับบัญชาของตนผู้เดียว
       พระสันตะปาปาเกรกกอรี่ที่ 7 ได้เรียกร้องร้องให้ทำสงครามครูเสด กล่าวถึงควมจำเป็นที่จะต้องทำเพราะเป็นคำสั่งของพระเจ้า แต่ทว่าได้สิ้นพระชนม์ก่อน จักรพรรดิแห่งไบแซนไทน์ได้ขอร้องทำนองเดียวกันไปยังพระสันตะปาปาคนใหม่ คือ เออร์บานที่ 2 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทรงเรียกร้องให้ประชาชนทำสงครามครูเสดเพื่อกอบกู้สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ คือ กรุง เยรูซาเล็มคืนจากอิสลาม…  คำปราศัยของประสันตะปาปา..
   “ด้วยพระบัญชาของพระเจ้า ให้เจ้าหยุดยั้งการทำสงครามกันเอง และให้เขาเหล่านั้นหันมาถืออาวุธมุ่งหน้าไปทำลายผู้ปฏิเสธ(มุสลิม)


              เมือเริ่มสงครามนั้นชาวมุสลิมได้ครอบครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ ผู้นำโลกอิสลามได้เข้ายึดครองดินแดนแห่งนี้ซึ่งเป็นยุคของเคาะหฺลีฟะหฺอุมัร อาณาจักรอิสลามทีเป็นสถานที่สำคัญของสามศาสนาได้แก่ อิสลาม ยูได และคริสต์ ในปัจจุบันคือ ประเทศ “อิสราเอล” ชาวมุสลิมครอบครอง เมืองนาซาเรธ เลธเลเฮม และเมืองสำคัญทางศาสนาอีกหลายเมือง










Renewed Trump era ( Again )

                        ไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โดนัลด์ ทรัปม์ จะหลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยเขาจะเข้าพิธีสาบานตนเืพ่...