บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2018

The New World

รูปภาพ
             จุดจบอันแสนเศร้า "....เมื่อถึงเหมันต์ แสงสว่างจะหายไป พายุจะโหมกระหน้ำจากสีทิศแปดทาง  ไม่มีคิมหันต์มาเยือนดินแดนนี้    ทั้งสามฤดูจะมีแต่เพียงเหมันต์ และในสามเหมันต์นี้   โลกจะถูกครอบคลุมด้วยไฟสงครามอันน่าสยดสยอง   เหล่าพี่น้องจะเกลียดชังกันฆ่ากันมิหยุดหย่อน   เหล่าลูกหลานจะฝ่าฝืนกฎของเผ่าพันธ์ุ   โลกจะดิ้นรนไปด้วยความเจ็บปวดของการล้างแค้น   การกระทำอันเลวร้ายจำหลักขึ้น   ต่อจากยุคธนู จะเป็ยุคดาบ แม้โล่ห์ก็ไม่อาจจะต้านทานได้   ต่อจากยุดพายุ จะเป็นยุคหมาป่า ทั้งหมดนี้ผุ้มีจิตใจดีงามไม่อาจคงอยู่ ...."              Gotterdammerung   หรือ แรกน่าร็อค หรือ วันพิพากษาเทพเจ้า คือจุดจบแห่งจักรวานมันเร่ิต้นจาก              เหมันต์แห่งเหมัน ฤดูหนาวอันยาวนานติดต่อกัน 3 ฤดู โดยไม่มีฤดูร้อนคั่นกลาง             ความขัดแย้งและการอาฆาตพยาบาท จะกระจายไปทุกหนทุกแห่งเหมือนโรคร้าย             ศีลธรมจะหนีหายสาปสูญ             หมาป่า สกูล จะกลือนกินดวงตะวัน และพี่น้องของมัน หมาป่า ฮาติ จะกัดกินดวงจันทรา โลกจะมืดมิดไปทุกหนแห่ง ดวงดาวทั้งหมายหายไปจากฟากฟ้า             ไก่ แฟร์ล่าร

The End of God "RagnaRok" III

รูปภาพ
            เมื่อเรือนาจิลฟาร์ เกยเหาก็เป็นเวลาเดียวกับที่โลกิเป็นอิสระจากพันธนาการ โลกิขึ้นเรือนำมันลงน้ำบังคับให้แล่นสู่ทุ่งวิกริดเขาและลูกๆ ประหลาดของเขา  คือ จอร์มุนกานด์และเฟนริส ระหว่างทางทั้งสองว่ายขนาบข้าเรือ เฟนริส สวาปามทุกสิ่งอย่างที่หลเข้ามาในทางของมัน ฝ่ายงูก็พ่นพิษไปตลอดทางใกล้ทุ่งวิกริด โลกิเห็นเหรืออีกลำแล่นมาจากโจตันไฮล์ม เรือลำที่ว่าบรรทุกยักษืมาจนเพียบแปร็ มียักาษ์ฮริม ทำหน้าที่บังคับเรือ บนเรือโลกิยังได้เห็นยักษ์เซิร์ทที่เพิ่งทำลานสวรรค์และสะพานรุ้งมาหยกๆ โดยสารมาด้วยทั้งหมดมุ่งหน้าไปขึ้นฝั่งทุ่งวิกริดพร้อมกัน จอร์มุนกานด์ดีดตัวขึ้นจากทะเลที่ำลังเดือดขึ้นไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกฤตพ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง             สิ่งที่ทำให้โลจิดีมากที่สุดเมื่อขึ้นยังทุ่งนั้นก็คือ เฮลลูกสายลอยตัวขึ้นมาจากรอยแยกของแผ่นดิน ตามมาด้วยกาม หมาเฝ้าประตูวังของหล่อน และบรรดาวิญญาณขึ้นมาจากนรก จากนั้นงูนิดฮอดก็เลื้อยข้นมาจากรอยแยกปากของมันยังมีเศารากอิกดราซิลหักห้อยคา มันค่อยๆ คลีปีกพังผืนหนังกระพือสะบันแล้วบินขึ้นฟ้า ซากศพ มนุษย์ที่มันเก็บไว้ใต้ปีเป็นเสบียงเคี้ยวเล่นหล่นเป็นสาลงมาบนพื้น เป็นภา

The End of God "RagnaRok" II

รูปภาพ
            .. ในยุคที่คน กลับไปมีชีวิตเหมือนสัตว์ เข่รฆ่ากันเยี่ยงสัตว์จะเรียกช่วงนี้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งอาวุธ ก็คงไม่ผิด เมื่อช่วงเวลาแห่งอาวุธผ่านไป ก็ถึงช่วงน้ำแข็ง โลกมนุษย์ตกอยู่ในฤดูหนาวแสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามปี มันเป็นความหนาวที่สุดทนทาน น้ำแข็งและน้ำค้างแข็งปกคลุมแผ่นดินมิดการ์ดสุดลูกหุลูกตา สิ่งมีชีวิตบนโลกล้วน อดอยาก คนที่โชคดีคือคนที่ตายเพราะความหนาวก่อนจะอดตายดวงอาทิตย์ไม่ฉายแสง แผ่นดินแห้งแต่ปราศจากความอบอุ่น ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลง กระทั้งคน ก็เปลี่ยนไปเป็นคล้ายสัตว์โหดร้าย ป่าเถือน เมื่อสิ้นหน้าหนาว ความรัก ความเตตาก็หายไปจากทุ่งมิดการ์ด มีแต่ความดำมืดและความโหดร้ายเท่านั้นที่เหลือยู่หลังยุคโลหะ ยุคแห่งความหนาวก้มาถึงยุคของหมาป่า กล่าวคือนางยักษ์อังกรโบดาเมียของโกิที่ถูกพรากลูกประหลาดไป เมื่อนางเสียลูกไปหมดนางก็เลยเอาหมาป่าสกอลล์และฮาติ หมาป่าที่มีความอยากกินดวงอาทิตย์และดวงจัทร์มาตั้งแต่เกิด มาฟูมฟักแทนลุก นางเอาศพคนที่ตายเกลือนในยุคฆ่าพี่ฆ่าน้องให้มันกิน ศพพวกนี้ม่มากมายจนหมาป่าสองตัวไ่เคยอดอยากเหมือนสัตว์อื่น แต่สิ่งที่ประหลาดก็ คือ มันทั้งสองเติบใหญ่ขึ้นแข็ง

The End of God "RagnaRok"

รูปภาพ
             ฝ่ายโลกิ เมื่ออกมาจากห้งประชุมเทพ เขาก็รู้ว่าครั้งนี้คงหนีถูกไล่ล่า เขาพยายามป้องกันตัวเองทุกวิถีทางโลกิเลือกทำเลที่ซ่อนใหม่เขาขึ้นไปสร้างกระท่อมสี่เหลี่ยมบนยอดเขา ฝ่าทั้งสี่ด้านของกระท่อมหลังนี้มีประตูเปิดไว้ตลอดเวลา เพื่อจะไ้รู้หากมีใครสักคนมาถึง ต่อลงไปจากกระท่อมมีลำธารไหลแรง โลกิกะว่า ถ้าถูกต้อนจนมุมเขาจะแปลร่างเป็นปลาแซชมอนโดดเนีลงน้ำ ธอร์พยายามติดตามโลกิจนรู้ตำแหน่งแหล่งที่ซ่อน ด้วยความที่เขาเป็นคนรู้จักโลกิมากที่สุดจากการผจญภัยด้วยกันหลายครั้ง ธอร์พอจะเดาออกว่าโลกิดคิดอะไร เมื่อวิเครื่อห็ชัยถชภูมิที่โลกิซ่อน ธอร์เห็นจุดอ่อน เขารุ้ทันควมคิดของโลกิว่า ถ้าจวนตัวมีหลังเทพองค์นั้นจะแปลงตัวเป้นปลากระโดลงน้ำหนีไปแน่ ธอร์จึงไปปรึกษาโอดินเตรียมแหวิเศษไปด้วย คราวนี้โอดินและธอร์ตามไปถึงรัง จับตัวโลกิมาได้             เทวาอีเซอร์ช่วยกันคิดหาวิธีที่เหมาะสม แต่แน่ที่สุดคือโลกิต้องถูกจำไว้ที่มิดการ์ด พวกเขาไม่ต้องการให้สวรรค์ของพวกตนเปื้อนเลือดไปมากกว่านี้ เลือดของบาลเดอร์ที่นองพื้นสวรรค์น่ารจะพอแล้ว แต่ก่อนที่จะพาโลกิลงไป เขาต้องการสร้างความเจ็บปวดให้โลกิมากที่สุดจึงตามล่าลูก

THE DEATH OF HODUR

รูปภาพ
             ครั้นเมื่อความโศกศร้าจางหายไปจากแอสการ์ เทพโอดินสมสู่กับรินด้า เมียคนที่สามให้กำเนิดวาลี  Vali ขึ้น เทพองค์นี้ก็เป็นผุ้ถามหาความยุติธรรมแก่บาลเดอร์ หลังจากเขาเกิดไม่กี่วัน วาลีถือคันศรและแล่งบรรจุลูกธนูติดตัวตลอดเวลาจนวันหนึ่งสบโอกาศก็ยิ่งโฮเดอร์ตาย ความตายของโฮเดอร์เป็นการแก้แค้นที่สามสมในความเห็นของคนเหนือ ทั้งๆ ที่ต้นเหตุคือโลกิ..               แผนชั่วร้ายของโลกิทำชาวสวรรค์เศร้าโศรกเสียใจเกินกวาจะให้อภัยโลกิ..พวกเทพรวมตัวกันเนรเทศโลกิห้ามไม่ให้โลกิย่างหยี่ยบเข้ามาในแอสการ์ดไม่ว่าส่วนไหนๆ ทั้งสิ้น               โลกิกลับไม่สำนึกว่าสิงที่เขาได้กระทำลงไปเป็นความผิดร้ายแรง เขากลับย่ิงโกรธแค้นหาทางแก้เผ็ด เรื่องการที่ต้องถูกเนรเทศ              เช้าวันหนึ่งขณะที่มการเลี้ยงใหญ่ที่ทองพระโรง โอดินและธอร์ไม่อยู่ โลกิก็เดินเข้ามาในห้องเลี้ยง เร่ิมชี้หน้าด่าเทพแต่ละองค์ นำเรื่องความบกพร่องและน่าอับดายของเทพแต่ละองค์มาประจาน ทวยเทพต่างอ้าปากค้ง ไม่มีรใครห้ามโลกิได้ เขายังก่นด่าต่อไปเรื่อยๆ กระทั้งถึง ซิฟ โลกิพูดขึ้นว่า เสียงของเขาดังขึ้นๆ จึงไม่ทันสังเกตว่า ธอร์ไม่ได้อยุ่ในที

THE DEATH OF BALDUR

รูปภาพ
              ระหว่างที่เสียงร่ำไห้ระงมทั่วแอสการ์ด เฮอร์มอดก็เข้าใกล้นิฟส์ไฮล์มเข้าไปทุกที เขาขี้ม้าแปดขาข้ามสะพานจิอัลลา สะพานที่ทอดข้าม จิอัล แม่น้ำแห่งความตาย ม้าพาคนที่กระโดดไกลเข้าประตูนรกไปสู่วังของเฮลกลางใจแผ่นดินนิฟล์ไฮล์มอย่างรวดเร็ว               ในการเข้าถึงโลงเลี้ยงอาหารของเฮลนี้เอง เฮอร์มอดเห้นบาลเดอร์และนันนานั่งอยู่บนเก้าอี้ อาหารเบื้องหน้าไม่ได้รับการแตะต้อง เช่นเดียวกับเหล้าที่วางไว้เคียงกัน วิญาณของสองเทพดูจะตายเช่นเดียวกัยร่าง เฮอร์มอดพยายามให้กำลังใจผลักดันบาลเดอร์ว่าเขาควรกลับไปอยู่แดนของสิ่งมีชีวิต แต่วิญญาณของเทพตอบด้วยความเศณ้ษว่า มันเป็นไปไม่ได้อีแล้ว              เฮอร์มอดพบเฮล บอกคำอ้อนวอนของพระนางฟริกก้า เฮลจ้องหน้าเทพด้วยดวงตาเย็นชา นางตอบว่า หากทุกสิ่งทุกอย่างในโลกทั้ง ต ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ร้องไห้ให้กับการจากไปของบาลเดอร์ นางจะยอมปล่อยให้เทพกลับไปมีชีิวิตอีกครั้ง แค่เพียงนี้ก็เป็นการต่อรองที่ดูจะมีหวัง เฮอร์มอดรีบกลับแอสการ์ด แจ้งเรื่องที่เฮลบอกให้โอดินทราบ             ข่าวของเทพบุตรหนุ่มสร้างความหวังริบหรี่ให้โอดิน เขาส่งทูตทั้งสี่ออกไปบ

Baldur and Hodur II

รูปภาพ
           ..... โลกิมองหาคนที่จะยืมมือได้ ทันที่เขาเห็นโฮเดอร์เทพตาบอดซึ่งถูกกีดกันจากเทพด้วยกันเองเสมอๆ ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง กำลังคลำงุ่มง่ามเปะปะไปตามผนัง เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมส์ ขว้างปาบาลเดอร์เพราะมองไม่เห็น โลกิ เกินเข้าไปโอบไหลโฮเดอร์ ทำเป็นมีเมตตา แล้วเร่ิมกล่อม            " ทำไมเจ้าไม่หาอะไรมาข้างปาร่วมงานฉลองกับเขาบ้างเล่า" โลกิเอ่ย  "ก็ข้า..ข้ามองไม่เห็น แล้วก็ไม่รู้จะเอาของอะไรที่ไหนด้วย" โฮเดอร์ว่า โลกิเอาลูกศรไม้มิสเซิบโทใส่มือบาลเดอร์ และกล่าวว่า "เอาของข้าก่อนก็ได้ " โฮเดอร์จึงตอบว่า "แต่ข้าก็ม่เห็นอยุ่ดี" โลกิจึงตอบว่า "ไม่เป็นไร ข้าช่วย" โลกิจูงโฮเดอร์มาต่อแถว จับมือเทพตาบอดให้ถือศรเล็งตรงทาง "เอาละ ขว้าง"             ไม้มิสเซิลโทวิ่งตรงแทงเข้าไปในอกบาลเดอร์ เขาชะงักค้าง ตาเหลือก ส่งเสียงกรนยาวออกมาแค่ครั้งเดียวก็ล้มลงกับพื้นสิ้นใจ..              ทั่วทั้งท้องพระโรงงงงัน เงียบเสียงในทันใด ต่างคตนต่างช็อกกับภาพตรงหน้า แต่วินาที่น้นหลายคนหันไปทางตำแหน่งที่โฮเดอร์ยืน ทันได้เห็นโลกิยือนอยู่เบื้องหลังเทพต

Baldur and Hodur

รูปภาพ
            บัลเดอร์ เทพแห่งรุ่งอรุณผู้มีรูปโฉมงดงามกว่าใคร เชียวชาญการใช้สมุนไพร เป็นลูกของโอดินกับปรกก้า เขาเป็นผุ้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพรูปงามที่สุดในบรรดาทวยเทพทั้งหมดของแอสการ์ด บาลเดอร์มีผมสีบรอนด์ทอง ซึ่งเปรียบได้ดั้งรังสีแห่งดวงอาทิตย์ เป็นผู้ทรงภูมิความรุ้มากองค์หนึ่ง เขารุ้เรื่องอังษรรูนและเรื่องสมุนไพรเยียวยาความป่วยไข้ ทำให้เขากลายเป็นเทพหลักของมนุษย์ในช่วงที่มีโรคภัยเบียดเบียนมิการ์ด..บาเดอร์เป็นเทพที่เป็นที่รักของเหล่าเทพในมิการ์ดยกเว้นเพียง..โลกิ            โอเดอร์ คือน้องชายฝาแฝด ซึ่งเป็นเช่นด้านตรงข้ามของบัลเดอร์ หากบาลเดอร์เป็นเทพแห่งแสงสว่าง โฮเดอร์ก็คือเทพแห่งความมืด หากบาลเดอร์เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ โฮเดอร์ ก็คือ ตัวแทนของบาป บาบเดอร์สามารถมองเห็นส่ิงต่าง ๆ อย่างชัดเจน โอเดอร์ก็ตาบอดสนิท             วันหนึ่งบาลเดอร์ฝันร้ายเห็นตัวเองเดินอยุ่ในความมืด รอบข้างทางเดินเป็นศพคนตายและวิญญาณคนตายในรูปร่างน่าสยดสยองนับพันนับหมื่นที่ต่างชูมือยื้อแย่งตัวเขา มันเป็นฝันที่ทำให้เบาลเดอร์ตกใจตื่นทุกครั้ง บาลเดอร์เร่ิมฝันแบบเดียวกันอย่างเดียวกันซ้ำๆ บ่อยๆ ขึ้นกระทั่่งเป็น

Ragnarok

รูปภาพ
          ในเทพปกรฌัมนอร์ส ธอร์ แรกนะร็อก เป็นชุดเหตุการณ์ในอนาคต ประกอบด้วย การยุทธครั้งใหญ่ตามคำทำนายซึ่งนำไปสู่การสิ้นชีพของเหล่าเทพที่สำคัญ (ประกอบด้วย โอดิน, ทอร์, เทียร์, เฟรย์, เฉมคาลล์ และโลกิ) ในท้ายที่สุด,              การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชติต่างและการที่แผ่นดินจมลวใต้สมุทรตาลำดับ ต่อจากนันแผ่นดินจะผุดขึ้นจากทะเลอีกครั้ง และกลับมาอุดมสมบูรณ์ เทพที่รอดชีวิตและเทพผู้กลับมาจากความตายจะม่พบกัน โลกจะกลับมามีพลเมืองด้วยมนุษย์สองคนที่เหลือรอด แรกนะร็อกเป็นเหตุการณ์สำคัญในทางความเชื่อและศาสนาของนอร์ส และเป็นหัวข้อของวจนิพนธ์ทางวิชาการและทฤษฎี             ตามที่มีหลักฐานยืนยัน เหตุกาณณ์นี้ได้รับการบันทึกครั้งแรกใน บทกวีเอ็ดดา ซึ่งแปลในคริสต์ศตวรรษที่ 13 จากบันทึกโบราณ และบทร้อยแก้วเอ็ดดา ที่เขียนขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยสนอรรี สเทอร์ลิวซัน ในมหากาพย์เอ็ดดา และกลอนบทหนึ่งใน บทกวีเอ็ดดา เหตุการณ์นี้เรียกว่า แรกนาร็อก (ภาษานอร์สโบราณ แปลว่า "ชะตากรรมของเหล่าทวยเทพ" หรือ "สนธยาของเหล่าทวยเทพ" ตามลำดับ) การนำไปใข้งานที่มีชื่อเสียงกระทำโดยนักแต่งเพลงคริสต์ศ

Valkyrie

รูปภาพ
             วาลคีรี เป็นเทพธิดาที่รังใช้ฮดินโดยมีหน้าที่นำนักรบที่ตรายในสงครามไปที่ วัลฮัลลาเพื่อพบกับโอดิน และมาเป็น  Einherjar สู้ศึกในสงครามแร็กนาร็อก สงครามสิ้นโลกระหว่งเพทเจ้าและปีศาจ               ในทางศิลปะ วาลคีรีมักจะถูกกล่าวถึงในสัญลักษณ์ขงความสวยงาม โดยจะม่ลักษระนางฟ้าหญิง สวมหลมกนักรบถือหอกและขี่บนหลังม้าที่มีปีก วาลคีรีนั้นสามารถแปลงร่างเป็น หงส์ได้ วาลครีนั้นสามารถแต่งงานกับมนุุษย์ได้ แต่นั่นจะทำให้เสียอำนาจวิเศษของเทพธิดาไป       คำว่า วาลคีรี มาจากภาษานอร์สโบราณ ประกอบด้วยคำสองคำ คือ วาล (หมายถึงผุ้ตายในสนามรบ) และ คลอซ่า (แปลว่าเลือก) เมื่อนำมารวมกันแปลว่า "ผุ้คัดเลบื่อกผปุ้ตาย๐ คำ วาลคีรี ในภาษานอร์สโบราณเป็นากศัพท์ของของคำ  wælcyrge   ในภาษาอังกฤษเก่า ชื่ออื่นของวาลคีรีประกอบด้วย  óskmey   (เด็กสาวแห่งคำอวยพร ในภาษานอร์สโบราณ) และ  Óðins meyjar  (เด็กสาวของโอดิน ภาษานอร์สโบราณ) อาจเกี่ยวข้องกับกับชื่อเทพโอดิน  Óski   (ภาษานอร์สโบราณ, แหลว่า "ผู้เติมเต็มความหวัง" ) ซึงเกี่ยวโยงถึงโอดินรับเอานักรบผุ้ถุกสังหารสู่วลฮัลลา.. https://th.wikipedia.