บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2017

ASEAN Tourism... According to Roy, before

รูปภาพ
             ในสมัยตอนต้รรัชกาลที่ 9 เป็นช่วงเวลาหลังสงครามโลกครั้งที 2 ซึ่งเศรษฐกิจล่มสลาย ผุ้คนส้ินเนื่อประดาตัว จักรวรรดินิยมอังกฤษและฝรั่งเศสล่มสลาย แต่รัสเซียนและจีนซึ่งยังมีเงินได้เผยแพร่ลัทธิการปกครองแบบคอมมิวนิสต์เข้ามาแทนจักรวรรดินิยม ขณะที่ประเทศในเอเชียที่เพิ่งพ้นากการเป็นเมืองขึ้นของตะวันตกกำลังพะวงและยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้ระบอบการปกครองแบบไหน ทำให้เกิดสงครามครั้งใหม่คือสงครามเกาหลี ตามมาด้วยสงครามเวียดนาม             ยุคสัยนั้นทังดลกตะวันตกและตะวันออกมีความพยายามป้องกันการแผ่ขยายองลัทธิคอมมิวินิสต์ เมื่อปี พ.ศ.  2497 มีการทำสนธิสัญญามะนิลา และในสนธิสัญญานั้นมีข้อตกลงข้อหนึ่งที่เีก่ยว้องกับประเทศไทย คือการจัดตั้งองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงตใต้ หรือ สปอ. SEATO มีสมาชิก 8 ประเทศ ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออกเตรเลีย นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และไทย โดยตั้งสำนักงานในเมืองไทย             ด้วยสภานการณ์ในปี พงศ. 2502-2503 คอมมิวนิสต์รุกคืบเข้ามประชิดถึงชายแดนแม่น้ำโขงแล้ว รัฐบาลไทยเกรงว่าคอมมิวนิสต์จะเป้นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากก่อ

The King is...

รูปภาพ
            สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่อยุ่ควบคู่กับรัฐไทยและสังคมไทยมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ การอพยพเรื่องมาของชนชาติไทยจากภูเขาอัลไตทำให้ได้รับอิทธิพลต่างๆ โดยเฉพาะชนชาติขอม (เขมรโบราณ) ซึ่งมีอารยธรรมและความเจริญอยู่แล้วและนับถือศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ชนชาติไทยจึงรับอิทธิพลของศสนาพรามหมณ์ฮินดูเข้ามาในระบบการเมืองการปกครองและสังคมไทยเป้นอย่างมาก แต่เดิมเื่อครั้งก่อตั้งรัฐไทยในอดีตจนถึงอาณาจักรสุโขทัยตอนต้น รัฐไทยมีการปกครองที่เป้ฯระบบการปกครองของคนไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยโดยเฉพาะ คือระบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูก พระมหากษัตริย์ทรงมีสถานะเป็นเสมือน "พ่อ" และราษฎรมีสถานะเป็น "ลูก" มีความสัมพันะ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับราษำรเสมือนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก           แต่เมื่อชนาติไทยเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอินแดนสุวรรณภูมิอันเป้นอินแดนอิทธิพลของขอม ซตามคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ฮินดุพระมหากษัตริย์เป็นเสมือน "พระเจ้า" ที่อยุ่เหนือมวลมนุษย์ทังปว  ตามคติความเชื่อของพรมหมณ์ฮินดูสถานะของราษฎรเป็นเสมือน "ผู้รับใช้พระมหากษัตริย์" ความสัมพันะ์ระหว่างพระม

Sufficient economy

รูปภาพ
            พระราชดำริว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียง              "...การพัฒนาประเทจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องตนก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการเมือได้พื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศราฐฏิจขึ้นที่สูงขึ้นโดยลำดัฐต่อไป.. ( 18 กรกฎาคม 2517)              "เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานมานานกว่า 30 ปี เป้นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐานของใวัฒนธรรมไทย เป็นแนวคทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ที่สำคัญจะต้องมี "สติ ปัญญา และความเพียร" ซึงจะนำไปสู่ "ความสุข" ในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง             "..คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความ

Royal tradition II

รูปภาพ
                       เปิดตำนาน..!!  "เผาจริง เผาหลอก" ธรรมเนียมการถวายพระเพลิงพระบรมศพฯของพระมหากษัตริย์ในอดีต เพราะเหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้??....               การถวายพระเพลิง เป็นการน้อมส่งเสด็จพระมหากษัตริย์ หรือเจ้านายที่มีฐานานุศักดิ์สูงสู่สวรรคาลัยและผู้ที่สามารถประกอบพระราชพิธีในเขตกำแพลเมืองได้ (หรือที่เรียกว่า เมุกลางเมือง ซึ่งกระทำบริเวณทุ่งพระเมรุหรือท้องสรามหลวงในปัจจุบัน) ต้องเป็นเจ้านายที่มีฐานานุศักิ์สูงเท่านั้น ส่วนเจ้านายที่มีฐานานุศักดิ์ไม่สูง ข้าราชการ และราษฎรทั่วไป ต้องไปประกอบพิธีนอกกำแพงเมืองทางประตูสำราฐราษฎร์ หรือ ประตูผี ดังนั้นจะเห็นว่าวัดในเขตกำแพงเมืองจะไม่มีเมรุเผาศพ               ขั้นตอนของพระราชพิธีถวายพระเพลิงตามโบราณราชประเพณีนั้นมีหลายขึ้นที่สำคัญ ตั้งแต่วันก่อนถวายพระเพิลง ซึ่งจะมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตไปสมโภชที่พระเมรุ พิธีอัญเชิญพระโกศพระบรมศพไปประดิษฐานที่พระมรุ และพิธีเวยนรอบพระเมรุ และใวันถวายพระเพลิงก็จะต้องอัญเชิญพระบรมศพออกมาสรงน้ำทำความสะอาดแล้วจึงอัญเชิญพระบรมศพขึ้นพระดิษฐานเหนือพระจิตกาธานแล้วจึงถวายพระเพลิง ซึ่งช่