“ Let the truce of god be observed at home and let the arms of the Christians be direct to congue tring the infidels.”
“ด้วยบัญชาของพระเจ้า ให้เจ้าหยุดยั้งการทำสงครามกันเอง และให้เขาเหล่านั้นหันมาถืออาวุธมุ่งหน้าไปทำลายผู้ปฏิเสธ(มุสลิม)”
ประกฎว่าโป๊ปรวบรวมคนได้ถึง 150,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝรั่งเศสไปร่วมทำสงครามครูเสด จะเห็นว่าในบรรดาชายชาวยุโรปที่กระเหี้ยนกระหือรือในการทำสงครามครูเสดมาที่สุดก็คือชาวฝรั่งเศษ
ในขณะที่ทัพครูเสดกำลังจะยกมารบกับอิสลาม ก็ได้มีกองทัพของประชาชนผู้มีศรัทธาแรงกล้าเดินทัพมาก่อนแล้วในปี ค.ศ. 1094 ตามคำชักชวนของ ปีเตอร์ นักพรต (Peter of Amines) เขาผู้นี้ได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วยุโรป เพื่อป่าวประกาศเรื่องราวการกดขี่ของชาวเติร์กต่อชาวคริสเตียนในปาเลสไตน์ ซึ่งหาได้เป็นความจริงไม่
นักรบครูเสดชาวนา ผู้รณรงค์ประการชวนเชื่อเรื่องครูเสดสามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกศรัทธาแท้จริงได้ ความศรัทธานี้เริ่มมาจากการปฏิรูปศาสนจักรในศตวรรษก่อน ประชาชนจำนวนมากได้ก้าวออกจากสภาพแวดล้อมชีวิตที่คุ้นเคย และเดินทางแสวงบุญไกลๆ ไปยังสุสานของนักบุญเปโตรในโรม สุสานนักบุญยากอบในคอนพอสเทลา และนักบุญมาระโกในเวนิส หลายคนได้เดิดทางต่อไปยังแผ่นดินศักดิ์ ปสานกับความร้อรในการแสงบุญ การประกาศชวนเชื่อได้เร้าใจชาวคริสต์ตะวันตกถึงจุดที่เร้าร้อน ในขณะที่คนในเมืองและพวกชนชั้นสูงกำลังวางแผนที่จะส่งกองทหารเป็นทางการ ประชาชนธรรมดาก็ลุกฮือขึ้นด้วยตัวเอง
ปีเตอร์นับเป็นเลิศในฐานะผู้จุดไฟ บรรดาชาวไร่ชาวนาทั่งทั้งผรั่งเศสและไรน์แลนด์ ทิ้งคราดไถออกรวมตัวกัน ในไม่ช้ากลุ่มชาวนาผรั่งเศส 2 กอง และเยอรมัน 3 กอง ก็เริ่มหลั่งไหลไปยังหุบเขาดานูบกองทัพชาวนานี้นังรวมเกือบ 50,000 คนรวมทั้งวคนในครอบครัวของพวกเขาทั้งหมด พวกเด็กเล็กๆ ในกลุ่มจะถามอย่างซื่อๆ เมื่อเดินทางไปถึงเมืองแต่ละเมืองว่า ใช่กรุงเยรูซาเล็มหรือเปล่า
ในหมู่ชาวเยอรมัน ความฝังใจที่จะฆ่าคนนอกศาสนาทุกคนได้เกิดขึ้นก่อนที่ขบวนจะออกจากแผ่นดินของพวกเขา พวกยิวแห่งสเปเออร์ เมนซ์ วอร์ม และมืองอื่นๆต่างเป็นเป้าหมาย อาร์คบิชอบแห่งโคโลนจ์ ให้ที่ลีภัยแก่ชาวยิวนับพันๆ แต่พวกนักรบครูเสดชาวนาพังประตูเข้าไปและสังหารคนจำนวนมาก ไกลออกไปทางตะวันออก นับรบครูเสดชาวนาอีกกลุ่มมุ่งสายตาความโกรธแค้นไปยัคลังเก็บข้าวสาลีที่บุลกาเรีย และพวกเขาตัดสินใจว่าชาวบุลกาเรียก็เป็นคนเลวร้าย ทว่า หลังจากทนถูกสัหารหมู่และปล้นสดมภ์ พวกบุลกาเรียก็โจมตีกลับ พวกเขาเข่นฆ่า พวกมาจากตะวันตกเหล่านนี้ขณะที่นอนหลับอยู่ข้างแคมป์ไฟ และทำให้บ่อน้ำทั้งหลายไม่สามารถดื่มได้ ด้วยการโยนซากแกะเน่าลงไป
กล่าวกันว่ากองทัพนี้เป็นกองทัพของประชาชนมากกว่ากองทัพของทหารที่จะไปทำสงคราม เพราะมีผู้นำที่เป็นบาทหลวงและสามัญชนธรรมดาปราศจากความรู้ในการรบ และมิได้มีอาวุธที่ครบครัน ปรากฎว่ากองทัพที่เป็นกองทัพนี้ส่วนใหญ่มาถึงเพียงฮังการี เพราะเมือขาดอาหารลงก็จะทำการปล้นสะดม
ทางฝ่ายทหาร ต้นปี 1097 กำลังทหาร 4 กองทัพ ได้มาบรรจบกันที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลโดยทางภาคพื้นดินและเดินเรือ ในจำนวนนี้มีทั้งชาวฝรั่งเศส โปรวังซาล เฟลมิงก์ เยอรมัน ซิซีเลียน และที่น่าเกรงขามที่สุดก็คือพวกนอร์มัน พวกเขาเป็นสัญจรและนักต่อสู้โดยสัญชาตญาณ…กองทัพครูเสดได้ยึดเอเชียไมเนือร์กลับมา และพวกเขาได้โจมตีต่อไปทางใต้เพื่อชัยชนะของพวกเขาเอง พวพิชิตได้เมืองใหญ่ๆ ของเอเดสซา ในอาร์เมเนีย อันทีโอค และทริโพลีในซีเรีย แล้วภายหลังการล้อมตีอยู่ห้าสัปดาห์ กองทัพครูเสดก็บรรลุถึงชัยชนะขั้นสุดท้ายคือกรุงเยรูซาเล็ม มีการรบสู้อย่างดุเดือด ถนนสายต่างๆ แดงฉานไปด้วยเลือด นักรบครูเสดพนมมือลคุกเข่าภาวนาที่สุสานอันเคยวางพระวรกายของพระคริสต์ พวกเขาสะอื้นไห้ด้วยความปีติ..
นับแต่นั้นมานามนักรบครูเสดก็ให้มโนภาพที่น่ายกย่อง เรื่องความกล้าหาญของพวกเขาไม่เป็นที่กังขา แต่ทว่า นักรบครูเสดมาจากดินแดนที่มีความเจริญน้อยกว่า รุปลักษณ์อัศวินที่อุ้ยอ้าย และไม่องอาจ ประกอบกับความประพฤติของพวกครูเสดไม่ใช่แบบอย่างที่ควรยึดถือ พลเมืองของกรุงคอนสแตนติโนเปิลรังเกียจนิสัยโง่ทึ่มของพวกเขา พวกนักรับครูเสดตื่นตะลึงกับเมืองคอนสแตนติโนเปิลอันอลังการ ความมั่งคั่งของคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นสิ่งล่อใจอย่างยิ่ง และพวกครูเสด ก็ไม่ระงับใจที่จะปล้นและขโมย พระธิดาของจักรพรรดิ ตราหน้าผู้มาสู่เมืองของเธอว่าเป็นพวกผมสีทองที่โหดเหี้ยม และ หิวเงินเสมอ
จักรพรรดิ รู้สึกถึงอันตรายของพวกอนารยชนร่วม 50,000 คนที่มาถึงเมืองของพระองค์ พระองค์บังคับให้พวกผู้นำของพวกเขาปฏิญาณตนจงรักภักดีและปฏิญาณที่จะให้พระองค์เป็นผู้ครอบครองดินแดนที่พวกเขาอาจยึดได้
แต่ในไม่ช้า จักรพรรดิอาเล็กซีอุสก็กระทำสิ่งซึ่งพวกครูเสดถือว่าเป็นการทรยศ ในการล้อมรบที่เมือนิเชอา พวกเติร์กกำลังจะยอมแพ้แตะพระจักรพรรดิ์ได้ตกลงกับอย่างลับๆ กับศัตรูให้ยุติการสู้รบ จากนั้น พระอง๕ก็สั่งให้กองทัพครูเสดเคลื่อนทัพต่อไป จริงๆแล้ว ความคิดเรื่องสงครามศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งแปลกประหลาดในความคิดของพวกไบเซนไทน์ เมือพวกครูเสดสำนึกถึงความจริงเช่นนี้
พวกครูเสดจึงเป็นอิสระที่จะดำเนินการตามจุดมุ่งหมายที่ฝั่งใจพวกเขา คือ สร้างอาณาจักรของพวกเขาเองในตะวันออก….
ครูเสดนอร์เวย์ : Norwegian Crusade เมือสงครามครูเสดครั้งที่ 1 ผ่านไปพระเ้จ้าซิเกิร์ดที่ 1 แห่งนอร์เวย์พระเจ้าซิเกิร์ดที่ 1 ทรงเป็นมหากษัตริย์ยุโรปองค์แรกที่เข้าร่วมสงครามครูเสดที่เสด็จไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์และมิได้พ่ายแพ้ในยุทธการใดๆ ทั้งสิ้น ลักษณะการต่อสู้แบบกองโจร ปล้นสดมและทำลายทรัพย์สินของไวกิ้งก่อนหน้นี้นแตก่การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำเพื่อครุสต์สาสนาฉะนั้นจึงถือกันว่าเป็นสิ่งที่ "ควร"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น