วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Silk Road

  ทางสายไหม แต่เดิมใช้เป็นเส้นทางขนหยกจากโขตานเข้าสู้จีน(ปัจจุบัน โขตานอยู่ในมณฑลซินเกียง) พระโอรสพระเจ้าอโศกแห่งอินเดีย พระองค์หนึ่ง ตั้งอาณาจักรขึ้นที่นั้น ต่อมา กษัตริย์ฮั่น-วู่ตี่ของจีน ใช้เส้นทางนี้เชื่อมเมืองฉางอันกับกรุงโรม เพื่อนำกองเกวียนขนส่งไหมไปยังเปอร์เซีย
       เส้นทางสายไหมเรื่มต้นจากเมืองฉางอันของจีน ผ่านเอเซียกลาง มายังตักศิลาแห่งคันธาระ เข้าสู่โยนกหรือแบคเตีรย ต่อไปยังแบแดด จนถึงชายฝั่งของทะเลเมติเตอเรเนียนเชื่อมต่กจักรวรรดิโรมัน  อารยธรรมจีน อินเดีย และเปอร์เซียจึงถูกเชื่อมเข้าด้ยกันผ่านเส้นทางสายไหม





       เส้นทางสายไหม คือเส้นทางการค้าของโลกยุคโบราณ เชื่อมต่ดจีนกับกรุงโรม เริ่มต้นจากนครซีอานหรือ ฉางอาน ในเขตลุ่มแม่น้ำหวงโฮ ผ่านตรงไปทิศตะวันตกเข้าสู่ นครตุงหวาง เส้นทางผ่านทะเลทรายทากลิมากัน ที่เมืองโคทานและเมืองกุจจะ ทางแยกใหญ่อยู่ที่เมืองคาชการ์ Khaksarและทุ่งเปอร์กาน่า Ferhana ใจกลางทวีปเอเซียพอดี เส้นทางแยกตะวันตกสู่นครซามาร์คานด์ (อุซเบกีสถานในปัจจุบัน)  นครเมิร์ฟ ใช้เส้นางเลียบทะเลสาปแคสเปี้ยน เข้าสูนครฮามาดัน ปาล์ไมล่า ในเปอร์เซียโบราณ ไมสู่เมือง่ท่าอันติโอค ดามัสกันและเมืองท่าไทร์ที่ซีเรีย ก่อนจะลงทะเลเมดิเตอริเนียนเดินทางไปสู่กรุงโรม

    อีกเส้นทางหนึ่ง แยกจากคาชการ์ ใจกลางทวีปเอเชี ลงมายังนครบุคครล่า Bukhara เส้นทางนี้เป็นเส้นทางผ้าไหมสายย่อยทางทิศใต้ เดินทางจากบุคคล่าลงสู่นครเบคเตรีย นครกปิศะหรอืเมืองเบคราม ในลุ่มแม่น้ำคาบูล Kapisa Bagram ประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน เข้าสู่เมืองบามิยาน Bamian นครปิศะและบามิยาน ในแค้วนคันธารราฐ เป็นจุดแวะพักถ่ายสินค้า ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้า จุดพักแรม และทางสามแยกอีกจุดหนึ่งระหว่าง อินเดีย จีน และโรม
    ทางแยกตะวันตกเดินทางไปสู่นครเฮรัต ไปเชื่อมกับเส้นทางไหมในเปอร์เซีย  ส่วนทางทิศตะวันออกของนครบามิยานและนครกปิศะ เส้นทางสายไหมจะตัดผ่านช่อเขาไคเบอร์ ไปยับนครเปษวาร์ (ประเทศปากีสถานในปัจจุบัน)เข้าสู่นครตักศิลา นครแห่งวิทยาการและมหาวิทยาลัยในเขตลุ่มแม่น้ำสินธุ
     เส้นทางผ้าไหมที่นครตักศิลา จะแยกออกเป็นสองเส้นทาง เส้นทางตะวันออกจะมุ่งหน้าเข้าสู้แคว้นปัญจาบ เข้าสู่นครมถุราในลุ่มน้ำยมุนาและเมืองต่างๆ ในลุ่มน้ำคงคา ออกสู่อ่าวเบงกอลที่แคว้นกามรูป(พิหาร) อีกเส้นทางหนึ่งจะเดินทางลงสู่ทิศใต้ ตามลำน้ำสินธุออกสู่ทะเลอาหรับ เป็ฯเส้นทางกองคาราวานการค้าทางน้ำสู้แคว้นทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรอินเดีย เช่น แคว้นคุชราต เสาราษฎร์ และมหาราษฎร์ เป็นต้น

   การสำรวจเส้นทางตะวันตกในครั้งแรกๆ เกิดขึ้นจากการรุกรานของพวกฉงนู ที่ตั้งถ่นฐานอยู่ทางตะวันตกเฉยงเหนือ เข้าไปในใจกลางทวีป เผ่าฉงนูเป็นเผ่าขนาดใหญ่สามารถปราบปรามชนเผ่าเร่ร่อนเผ่าอื่น หลายเผ่าได้เป็นผลสำเร็จ และเร่มหันกลับเข้ามารุกรานจีน ทำให้ชายแอนตะวันตกสั่นคลอน จักรพรรดิฮั่นวู่ตี้ จึงใช้นโยบายการทูตผสมผสามกับการทำสงคราม โดยสร้งความสัมพันธ์อันดีกับเผ่ายุชชิ คูซาน หรือ ชาวกูษณะ ..และเมืองตะวันตกมีเสถียรภาพ และความปลอดภัย จักรพรรดิฮั่นจึงส่งราชทูตและนักสำรวจ เอินทางไปสู่อาณาจักรปาเที่ยน เปอร์เซีย ซีเรีย ไปจนถึงกรุงโรม ความสัมพันธ์และการติดต่อกันระหว่างฮั่นและโรม ทำให้เส้นทางที่เคยสำตวจถูกเปิดใช้ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีอาณาจักรศกะ ปาเที่ยในเอเซียกลางและแคว้นคันธารราฐ เป็นคนกลางของการติดต่อค้าขาย
   ต่อมมชนเผ่ายุชชิหรือชาวกุษาณะแผ่อินทะพลเข้าครอบครองทุ่งเฟอร์กาน่า ซามาร์คานด์ แค้วนคันธาราฐ ขชายอิทธิพลไปถึงแคว้นปัญจาบ และแคว้นมคธราฐในลุ่มน้ำคงคาแทนอาณาจักรชาวปาเที่ยน เส้นมางสายผ้าไหมจึงเสถียรภาพขึนมาใหม่ พระเจ้ากนิษกะ ผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา สร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับจักรวรรดิของชาวกษาณะ
   ในรัชสมัยพระเจ้าฮั่นเม่งตี่ พุทธซัฒนธรรมและศิลปวิทยาการจากดินเดียเริ่มเดินทางเข้าสู่ประทเศจีน มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาจีนเป็นครั้งแรก วัฒนธรรมจีนดั่งเดิมโดยเฉพาะลัทธิขงจื้อและลัทธิเต๋า ต่างยอมรับและปสมปสามกับพุทธศาสนาที่แผ่อิทธิพเข้ามาได้อยางลงตัว ..
   ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 9-11 เส้นทางสายผ้าไหม ยังคงเป็นเส้นทางสายหลักที่สำคัญในการเดินทางติดต่อค้าขาย และการและเปลี่ยนทางวัฒนธรมระหว่างภูมภาค อินเดียและจีน แต่ในบางครั้งก็ประสบปัญหาความปลอดภัย..
   บางครั้งเส้นแยกทางตะวันออกของบามิยานกถูกตัดขาดจาก ตักศิลาและแคว้นปัญจาบ เมือฮั่นขาวเผ่าเร่ร่อนขนาดใหญ่จากทางตะวันตกเฉียงเหนือ ลุกลงมายุดครองและทำลายบ้านเมืองในอินเดียเหนือ บางอาณาจักรก็รอดพ้นจากการทำลายล้าง บางอาณาจัก บ้านเมืองคงเหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่เส้นทางผ้าไหมสายใต้ก็ยังคงถูกใช้งานอยูเสมอๆ ในเวลาต่อมา โดยมีราชวงศ์คุปตะของอินเดีย อาณาจักรปาเที่ย กุษณะ ศกะ -ซินเถียน ต่างผลัดกันเข้าครอบครองแค้วนคันธารราฐ ที่เป็นเสมือนจุดกึ่งกลางของเส้นทางสายฝ้าไหมทางทิศใต้นี้เพื่อเป็นคนกลาง..
      ในยุคสมัยที่การค้าเฟื่องฟู ผู้คนจากหลายเผ่าพันธ์ ต่างภาษาและวัฒนธรรม เดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันโดยเส้นทางสายผ้าไหมที่เชื่อโลกยุคโบราณเข้าหากัน พ่อค้าวานิชจำนวนมากนำกองคาราวานสินค้าจากจีน โรมัน เอเซียกลาง อินเดีย ออกมาค้าขายแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอก
      เส้นทางสายไหมยังก่อให้เกิดปรากฎการณ์และเปลี่ยน ถ่ายทอด รับส่งและปสมปสานทางวัฒนธรรม ศาสนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ความก้าวหน้าหลายด้านของจีนถูส่งไปยังโลกตะวันตก เช่นการถลุงเหล็ก การทำเครื่องเคลือบ การหล่อสำริด..ในขณะที่จีนก็รับสิ่งใหม่ๆ อาทิ พิชพรรณการละเล่นและดนตรีจากเอเชียตะวันตก รวมทั้งศิลปะวิทยการอีกมากมาย…



HongNianZhang-TheSilkRoad-300x200






Taxila




ตักศิลา  เป็นชื่อเมืองอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐปัญจาบ เป็นมหาวิทยาลัยและเป็นศูนย์กลางของศิลปวิชาการ ในอดีตของอินเดีย ตั้งแต่ก่อนพุทธกาล

   ที่มาของชื่อ ตักศิลา มีผู้รู้อธิบายไว้แตกต่างกัน เซอร์ จอห์น มาร์แชล นักโบราณคดีชาวอังกฤษ กล่าวว่า คำว่าตักศิลา แปลตรงตัวว่า หินขัด จึงน่าจะมีความหมายว่า เมืองหินตัด แต่อย่างไรก็ตาม ดร. อะหมัด ฮะซาน ดานี นักโบราณคดีชาวปากีสถานไ้ด้แย้งว่า คำทั้งสองสามารถแปลไดได้ว่า เนินเขาอันเป็นที่อยู่ของตักษะหรือตักกะ ซึ่งเป็นพญางูที่สำคัญในปกรณัมฮินดู ได้เช่นกัน โดยโยงเข้ากับชื่อภาษาเอร์เซียของเมืองว่า มาระกะลา ซึ่งหมายถึงป้อมบนเนินเขาพญางู ซึ่งคำแปลนี้สอดคล้องกับเรื่องราวในมหากาพย์มหาภารตะ...

   มีสำนักอาจารย์ทิศาปาติโมกข์ สั่งสอนศิลปวิทยาต่างๆ แก่ศิษย์ที่เล่าเรียนในแถบดินแดนชมพูทวีป..บุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงหลายท่านที่สำเร็จการศึกษาจากที่แห่งนี้ อาทิ พระเจ้าปเสนทิโกศล หมอชีวกโกมารภัจจ์ และองคุลีมาล พันธุลกุมาร เจ้าชายมหานิ
     การศึกษาในตักศิลาและแหล่งอื่นๆ ในอินเียสมัยโบาณนั้นไม่ได้มีลักษณะเป็นสถาบันการศึกษาที่มีโครงสร้างเป็นระเบียบชัดเจนเช่นทุกวันนี้ หากแต่เป็นการฝากตัวเข้าไปอยู่กับสำนักอาจารย์ต่าง ๆ จนกว่าจะจบหลักสูตร ซึ่งผู้ที่เข้ามาเรียนก็จะเป็นลูกหลานของครอบครัววรรณะสูงที่รำรวย นอกจากนี้ วิชาที่เปิดสอนก็จะไม่ใช่วิชาระดับพื้นฐาน ซึ่งสามารถเรียนได้ที่บ้าน แต่เป็นวิชาการข้นสูง อันได้แก่
 พระเวททั้ง 4 และศิลปะ 18 คือ
   - อังษรศาสตร์
   - นิติศาสตร์
   - นิรุกติศาสตร์(ว่าด้วยกำเนิดและวิวัฒนาการของคำ)
   - ฉันทศาสตร์(ว่าด้วยการประพันธ์)
   - รัฐศาสตร์
   - ยุทธศาสตร์
   - ศาสนศาสตร์
   - โหราศาสตร์
   - ชโยติศาสตร์หรือดาราศาสตร์
   - คณิตศาสตร์
   - คันธัพพศาสรต์(ว่าด้วยดนตรีและนาฎศิลป์)
   - สัตวศาสตร์(ว่าด้วยเรื่องการศึกษาลักษณะของสัตว์)
   - วาณิชศาสตร์(ว่าด้วยหลักการค้า)
   - ภูมิศาสตร์
   - โยคศาสตร์(ว่าด้วยกลศาสตร์)
   - มายาศาสตร์(กลอุบายการรบ)

   เมืองตักศิลากำเนิดขึ้นตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เป็นนครหลวงแห่งแค้วนคัฯธาระเห็นหนึ่งในบรรดา 16 แคว้นของชมพูทวีป ที่สถาปนาขึ้นโดยชาวอารยัน มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำแค้วนและรุ่งเรืองมานับพันปี มีความรุ่งเรื่องถึงขีดสุดในสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์ได้สร้างตักศิลาให้มีชื่อสเียกิติตศัพท์ขจรขจรยไปทั่ว พร้อมๆ ดับการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ต่อมาตักศิลก็ตกอยู่ภายใต้อารยธรรมอีกมากมายอาธ อารยธรรมกรีก อารยธรรมฮินดู
   ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ชนชาติเฮพธาไลต์ หรือชาวฮั่นได้ยกทัพมาตีอินเดียและทำลายทำให้ตักศิลาพินาศสาบสูญนับแต่นั้นมา

   "อเล็กซานเดอร์พิชิตจักวรรดิเปอร์เซียได้ทั้งหมด พระองค์ไล่ตามความปรารถนาที่ต้องการเห็น "จุดสิ้นสุดของโลกและมหาสมุทรใหญ่ที่เบื้องปลาย"จึงยกทัพบุ อินเดีย แต่ต่อมาถูกบีบให้ต้องถอยทัพกลับโดยบรรดาทหารที่กำเริบขึ้นเนื่องจากเบื่อหน่ายสงคราม
    เมื่อพ.ศ. 216 ทรงรบเข้ามาถึงกรุงตักกศิลา แคว้นคันธาระ เมืองที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาทั้งพุทธศาสนา และพราหมณ์ พระเจ้าอัพิราชไม่ทรงต่อต้านเพราะเห็นว่า ตนเองมีกำลังอำนาจไม่เข้มแข็งพอจะต้านศัตรูต่างแดนได้ จึึงเปิดเมืองต้อนรับอเล็กซานเดอร์ ซึ่งพรเองค์ก็เพียงให้ตักศิลาเป็นเมืองขึ้นต่อมาซิโดเนียเท่านั้นแล้วให้ปกครองตามเดิม แล้วทรงขอให้ตักศิลาส่งทหารมาช่วยรบปัญจาบ 5,000 คน ซึ่งพระเจ้าอัมพิราชาก็ยินยอม

    เมื่อพระองค์ยกทัพเข้ามาทางภาคเหนือของอินเดียในปี พ.ศ. 217 โดยเข้าสู่บริเวฯลุ่ม แม่น้ำสินธุ แล้วบุกตะลุยลงมาสู่เมืองนิเกีย แค้วนปัญจาบ ในพระเจ้าโปรัส หรือ พอรุส หรือ พระเจ้า เปารวะ ซึ่งเป็นผู้เข้ามแข็งในการรบ มีพระสมญาว่า "สิงห์แห่งปัญจาบ" เมื่อได้รับแจ้งข่าวหบบรรดามหาราชแห่งอินเดียยว่ามีศึกชาวตะวันตก ผมสีทองตาสีฟ้า ยกทัพข้ามถูเขาฮินดูกูชเข้า ผ่ายอินเดียระดมกำลังพลทหารราบ ทหารม้า และรถศึก และกองทัพช้าง รอรับ กองทัพกรีกพร้อมทหารตักศิลาเป็นพันธมิตร
    ทหารม้าของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ไม่เคยสู้รบกับช้า ประกอบกับเกิดความสับสนอลหม่านจึงบังเกิดความแตกตื่น ช้างศึกอาละวาดเหยียบทั้งทหารตนและทหารกรีก และ ทหารหอกยาวนับหมือนของพระอง๕ืพยายามต่อสู้อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทหารหาออันมีระเบียบวินัยเกิดบ้าเลื่อดบุกตะลุย ทำร้ายไม่ว่าจะเป็นทหารฝ่ายใด การรบวันนั้นสิ้นสุดโดยการหย่าศึกา ทหารบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่ายแต่ถึงอย่างไรพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ก็ทรงได้รับชัยชนะ...
   เมื่อเสร็จศึกครั้งนี้ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ตระเตรียมยกทัพเข้าตีแค้วนมคธเนื่อจากได้สดับความาังคั่งสมบูรณ์ของมคธ แต่ทหารที่ร่วมศึกกับพระองค์ไม่ได้กลับบ้านกลับเมืองพากันเบื่อหน่ายการรบ โดยให้ความเห็นว่าถ้าตีมคธได้ก็คงตีแค้วนอื่นต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบกับ ทหารบางคนลังเลและก่อกบฎไม่ยอมสู้รบ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ฯจึงจำพระทัยเลิดทัพกลับ..

    ตักศิลาถูกทำลายหลายครั้ง เช่นพวกหูนะพวกฮั่น และที่สำคัญที่สุดถูกทำลายโดยกองทัพมุสลิมเนื่องจากตักศิลาเป็นเมืองหน้าด่านของอินเดีย...



วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Fifth Crusade.. Children Crusade..


 Children Crucade
   (วิจิพีเดีย)“สงครามครูเสดเด็ก”เป็นชื่อที่ใช้เรียกเหตุการณ์จินตนาการเเละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1212 ที่อาจจะประกอบด้วยบางอย่างหรือทุกอย่างที่เกิดขึ้นดังนี้
       การเห็นมโนทัศน์ของเด็กเยอรมันและฝรั่งเศส ความประสงค์ที่จะเปลี่ยนมุสลิมในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้หันมารับคริสต์ศาสนา กลุ่มเด็กรวมตัวกันเดินทางสู่อิตาลี และเด็กถูกค้าเป็นทาส

       งานศึกษาในปี ค.ศ. 1977 ตั้งข้อสงสัยถึงความเป็นจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและนักประวัติศาสตร์หลายคนในปัจจุบันเชื่อว่า ผู้ที่เข้าร่วมในเหตุการณ์(หรือส่วนใหญ่)มิใช่เด็กแต่เป็นกลุ่คนจนที่เร่ร่อนในเยอรมนี และ ฝรั่งเศส ที่บ้างก็พยายามจะไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือบ้างก็เพียงแต่ตั้งใจจะทำเหตุการณ์ที่บรรยายกันมาในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ..


    สตีเฟนแห่งคลอยส์ อ้างว่าเห็นนิมิตจากพระเยซูที่ทรงเรียกร้องให้เขาระดมกองทัพเด็กเพื่อช่วงชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็มกลับคืนมาจากชาวมุสลิม
    หัวใจอันบริสุทธิ์ของเหล่าเด็ก ๆ จะเป็นพลังที่เหนือกว่าอาวุธใด ๆ และจะทำให้นครเยรูซาเลมกลับคืนมาเป็นของชาวคริสต์โดยปราศจากการนองเลือด
  ChildrensCrusade02-l
  
  สติเฟนออกเทศนาผู้คนและทำให้ประชาชนชาวคริสต์จำนวนมากเกิดความเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาบอก สตีเฟนสามารถรวบรวมเด็ก ๆ ได้หลายพันคน จากหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วฝรั่งเศส เข้าร่วมในสงครามครูเสด ขณะเดียวกัน เรือ่งภาพนิมิตก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กชายชาวเยอรมัน วัย 12 ปี นามว่า นิโคลัส แห่งเมืองโคโลญ
      นิโคลัจ ได้รับการสนับสนุนจากบิดาให้ออกเรียกระดมอาสาสมัครเด็กๆ ไปสมทบกับกองทัพของสตีเฟร ซึ่งในครั้งนั้น มีพ่อแม่ชาวฝรั่งเศสและเยอรมันจำนวนมากที่ส่งลูก ๆ ของพวกเขาเข้าร่วมกับสตีเฟนและนิโคลาส โดยเชื่อว่า ลูก ๆ ของพวกตนกำลังทำตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
      ด้วยความศรัทธา ทำให้เด็ก ๆ จำนวนเกือบหมื่นคนเข้าร่วมทัพครูเสด โดยเด็กจากหมู่บ้นจำนวนมากทั้งในฝรั่งเศสและเยอรมันต่างพากันไปเข้าร่วมจนหมด เด็กเหล่านี้เดินเรียงแถวด้วยความฮึกเฮิม ร้องเพลง สวดและเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะดลบันดาลให้ชัยชนะแก่พวกเขา..


childrenscrusade

    ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นิโคลัสและเด็กๆ ชาวเยอรมันหลายพันคนล้มตายด้วยความหิวโหยและความหนาวเหน็บระหว่างข้ามเทือกเขา แอลป์ ในขณะที่ชะตากรรมของเด็ก ๆ ชาวฝรั่งเศสก็ไม่ดีไปกว่า เมื่อไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนีย สตีเฟนเชื่อว่าพระเจ้าจะบันดาลให้น้ำทะเลแยกจากกัน และกลายเป็นถนนให้ข้ามไป แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น
    พ่อค้าสองคน อาสาจะพาเด็กไปส่งยังดินแดนปาเลสไตน์ เด็กๆ พากันยินดี 
   เรื่อที่เด็กๆ เดินทางไปนั้นพบกับพายุใหญ่ สตีเฟนและเด็กกว่าพันคนจมน้ำเสียชีวิต ส่วนพวกที่เหลือพ่อค้ากลับพาขึ้นฝั่งที่อเล็กซานเดรียในอียิปต็แทนที่จะเป็นปาเลสไตน์ตามที่สัญญา
   พวกเด็กๆ ถูกขายให้พ่อค้าค้าทาส !
บรรดาพ่อแม่ได้รู้ถึงชะตากรรมของพวกลูก ๆ พวกเขาพากันโศกเศร้าและโกรธแค้น พ่อแม่ชาวเยอรมันในเมืองโคโลญได้กล่าวโทษ(หาคนรับผิดชอบ)พ่อของนิโคลาสและจับไปแขวนคอ
   อันเป็นที่มาของนิทานปรับปรากล่าวถึงชายนักเป่าปี่ที่อาสากำจัดหนูให้ชาวเมืองแห่งหนึ่งโดยใช้เสียงปี่ของเขาเรียกให้พวกหนูกระโดดลงไปตายในแม่น้ำจนหมด ทว่าเมือนักเป่าปีขอรับค่าจ้างตามที่ตกลง ชาวเมืองกลับไม่ยอมจ่ายและขับไล่เขาออกไป ทำให้นักเป่าปี่โกรธมาก และในคือนหนึ่งเขาก็ใช้เสียปี่เรียกพวกเด็กๆ ทั้งหมดในเมืองออกมาจากนั้นก็นำเด็กๆ เหล่านั้นหายไข้ไปในหุบเขาโดยไม่มีใครพบพวดเด็กๆ นั้นอีกเลย..

     Damietta ดาเมียตตา เป็นเมืองท่าและเมืองหลวงของอาณาจักรข้าหลวงแห่งโดมยัต ตั้งอยู่ตรงจุดที่แม่น้ำไนล์ไหลออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ราว 200 กิโลเมตรทางตอนเหนือของ ไคโร
    ในสมัยอียิปต์โบราณ ดาเมียตตา มีชื่อวา “ทามิยัต”และลดความสำคัญในสมัยการปกครองของกรีกหลังจากการสร้างเมืองอเล็กซานเดรีย  อับบาซียะฮฺ ใช้ อเล็กซานเดรีย อาเดน และซิราฟเป็นเมืองท่าสำหรับการเดินทางไปอินเดียและจีน

    ในคริสต์ศตวรรษ ที่ 12-13 ดาเมียตตากลายมามีความสำคัญระหว่างสงครามครูเสด กองเรือจากราชอาณาจักรเยรูซาเลม พร้อมด้วยกองหนุนจกาจักรวรรดิไบแซนไทน์พยายามโจมตีแต่พ่ายแพ้ต่อ ซาลาดีน
    ระหว่างการเตรียมตัวทำสงครามครูเสดครั้งที่ 5 จึงตกลงกันว่าควรยึดเมืองดาเมียตตา ซึ่งหมายถึงการควบคุมแม่น้ำไนล์และจากที่นั้นนักรบครูเสดก็มีความเชื่อว่าจะพิชิตอียิปต์ได้ และเป็นเส้นทางนำไปสู่ปาเลสไตน์  และเยรูซาเลมในที่สุด…
f7    กล่าวคือ ดาเมียตตา เป็นชัยภูมิที่สำคัญต่อการศึกเพื่อยึดเยรูซาเลมกลับคืนมา…

ครูเสดครั้งที่ 5
              สมเด็จพระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่ 3 ทรงรวบรวมกองทัพครูเสดโดยการนำของ เลโอโปลด์ที่ 4 ดยุคแห่งออสเตรีย และสมเด็จพระเจ้าแอนดรูว์ที่ 2 แห่งฮังการี ต่อมาในปี ค.ศ. 1218 กองทัพเยอรมันนี นำโดยโอลิเวอร์แป่งโคโลญและกองกำลังหลายชาติที่ประกอบด้วยกองทัพชาวเนเธอร์แลนด์ เปลมมิช และฟรีเชียน ที่นำโดย วิลเลียมที่ 1 เคาท์แห่งฮอลแลนด์ มาร่วมในการโจมตี ดาเมียตตา
       
ในอียิปต์ฝ่ายครูเสดไปเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรสุลต่านแห่งรูม ในอานาโตเลียผู้โจมตีอัยยูบิคในซีเรียเพื่อที่จะป้องกันการสู้รบกับศัตรูพร้อมกันสองด้าน

         หลังจากยึดเมืองท่าดามิเอตตาได้แล้วนักรบครูเสดก็เดินทัพต่อไปไคโร ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 1221 แต่ต้องหันทัพกลับเพราะเสบียงร่อยหรอลง การจู่โจมยามกลางคืนของสุลต่าน อัล คามิล ทำให้ฝ่ายครูเสดเสียทหารเป็นจำนวนมาก อัล คามิกตกลงในสัญญาสงบศึกเเปดปีกับยุโรป

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Pope Innocent III

     innocent-iii
   ทรงเป็นพระสันตะปาปาที่สำคํยที่สุดองค์หนึ่งในยุคกลาง เป็นอีกผู้หนึ่งไม่คิดว่าจะเจริญเติบโตในวาติกัน เนื่องจากตระกูลท่านมีปัญหากับพระสันตะปาปาเซเลสทีน ที่ 3 ท่านอุทิศชีวิตให้กับการศึกษาและการเขียนหนังสือมากมายเกี่ยวกับเทววิทยา …และโดยไม่คาดคิด บรรดาพวกพระคาร์ดินัง เลือกท่านด้วยเสียงเป็นเอกฉันท์ให้ดำรงตำแหน่งสันตะปาปา เมือพระสันตะปาปาเซเลสทีนสิ้นพระชนม์ เมือพระองค์มีอายุเพียง 38 ปีเท่านั้น…
    เมื่อได้รับตำแหน่งแล้วประกาศจุดยืนของสันตะปาปา ว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพระคริสต์ (รองพระคริสต์) อยู่สูงกว่ามนุย์ใดๆ แต่ต่กว่าพระเจ้า..

    Albigensian Crusade หรือ Cathar Crusade เป็นสงครามครูเสดที่ยาวนาน ริเร่มโดย สถาบันโรมันคาทอลิก ในการพยายามกำจัดคาธาร์ในบริเวฯลองเกอด็อก ที่ทางสถาบันถือว่าเป็นพวกนอกรีต เป็นสงครามที่เกี่ยวข้องกับฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่..กล่าวคือ เมื่อ สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3 ทรงใช้วิธีการทางการทูตในการพยายามลดอำนาจของลัทธิคาธาร์ ซึ่งได้รับผลเพียงเล็กน้อยและหลังจากตัวแทนพระองค์ถูกฆาตกรรมแล้วพระสันตะปาปาอินโนเซนต์จึงทรงประกาศครูเสดต่องลองเกอด็อก โดยการประกาศมอบดินแดนที่ได้มาให้แก่ขุนนางฝรั่งเศสที่จะยกเข้าช่วย ..สงครามนี้ยังมีบทบาทในการก่อตั้งลัทธิโมนิกัน และสถาบันการไต่สวนศรัทธาของยุคกลาง..
     พระองค์ทรงปฏิรูประบบการบริหารสัตะสำนักใหม่ ทรงลังเลใจที่จะส่งกองทหารไปทำสงครามครูเสดกับพวกหัวรุนแรง อัลลีเจนเซียนฝรั่งเศส ทรงสนับสนุนคณะนักพรต (เท้าเปล่า)โดมิกันและฟรันซิสอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็ให้คำรับรองสงครามครูเสด ครั้งที่ 4
     ซึ่งต่อมาแทนที่จะเดินเรือ่ไปสู้รบที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ กลับมุ่งไปที่คอนสแตนติโนเปิล และได้เข้าโจมตีโค่นบัลลังก์กษัตริย์ไบแซนไทน์ พระสันตะปาปาอินโนเซนต์ถูกบังคับให้รับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้..
      ความบาดหมางในครั้งนี้ยากเกินกว่าจะผสานรอยร้อวได้ ชาวไบเซนไทน์ไม่ยอมอภัยในความผิดนี้ ..
      พระสันตะปาปาอินโนเซ้นต์ที่ 3 พิสูจน์ให้เห็นว่ามีความพยายามในการบริหารบ้านเมือง พระองค์ทรงใช้อำนาจพระสันตะปาปาลงโทษกษัตริย์ที่ทำบาปหลายองค์ ที่สำคัญคือ ทรงประกาศ ว่ากฎหมายหลักของอังกฤษMagna Carta เป็นโมฆะ ถือว่าเป็นกฎหมายที่กำหนดโดยขุนนางและบารอนทั้งหลายของพระเจ้ายอห์น แห่งอังกฤษ โดยไม่มีหลักเกณฑ์ โดยใช้อำนาจข้อตกลงระหว่างอังกฤษและสันตะสำนัก ในปี ค.ศ.1215 ที่ว่าพระสันตะปาปามีสิทธิ์ในที่ดินที่เป็นของกษัตริย์อังกฤษ นอกนั้นทรงยังเป็นผู้เรียกประชุมสังคายนา ลาเตรัน และสั่งให้ชาวยิว และมุสลิมสวมเสื้อผ้าที่ทำให้ความแตกต่างว่าพวกเขาไม่ใช่คริสตชน…

Kings' Crusade..Third Crucade..


จักรพรรดิเฟรดเดอริคที่ 1 แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์  
 พระจ้าริชาร์ดแห่งอังกฤษ  
พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศษ


 ศอลาฮุดดี อัลอัยยูบีย์ หรือ ที่ชาวตะวันตกเรียกว่า ซาลาดิน เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองมุสลิมผู้มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นสุลต่าลมุสลิมผู้ปกครองอียิปต์ ซีเรีย เยเมน และปาเลสไตน์ และเป็นผู้ก่อตั้ง ราชวงศือัยยูบีย์
Saladin11     อุโฆษ เศาะลาหุดดีน เป็นผู้รับตำแหน่งอุปราชในเมืองไคโร และขนามนามว่า อัลมาลิก อันนาศิร อัล-สุลฎอน เศาะลาหุดดีนยูสุฟ เป็นชาวเคริส เชื้อสายตุรกี ในขณะนั้นเคาะลีฟะหฺ สุขภาพไม่แบ็งแรง ป่วยหนัก เศาะลาหุดดีน ได้ประกาศอไนจของเคาลีฟะหฺแห่งแบกแดดเหนือดินแดนอียิปต์
   ปี ค.ศ. 1170 เคาลีฟะหฺแห่งอียิปต์เสียชีวิต ลูกชายรับตำแหน่งแทน ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับ ลูกชายคนที่ 3 ของเซ็งกี ก็เสียชีวิตและลูกชาย ขึ้นครองตำแหน่งแทน..ในตอนนั้น โมกุล จึงเกิดความวุ่นวาย นุรุดดีนก็ได้ยกทัพมาช่วย
   ต่อมา เคาลีฟะหฺแห่งอียิปต์ก็เสียชีวิตลงเนื่องจากสุขภาพไม่แข็งแรง เศาะลาหุดดีนจึงได้เป็นอุปราชของนูรุดดีน และได้ปกครองดินแดนอียิปต์ทั้งหมด
  เมืองนูรุดดีนเสียชีวิต เศาะลาหุดดีนจึงมีอำนจเด็ดขาดในอียิปต์ หิจญาซ์ และยะมัน เมือนูรุดดีนเสียีวิต เศาะลาหุดดีนได้ส่งบรรณาการไปยังอัลมาลิกุศศอลิหฺ พวกขุนนางวางท่าทีกีดกัน ..เศาะลาหุดดีนส่งหนังสือไปตักเตือนขุนางว่าถ้าไม่เชื่อฟังจะเข้ามาปกครองดามัสกัส..
   กระทั่งเศาะลาหุดดีนได้ปกครองเมืองดามัสกัสอย่างเด็ดขาด เคาะลีฟะหฺทางเมืองแบกอดดจึงตั้งให้เป็นสุลฎอน เจ้าเมืองผู้ครองนครต่าง ๆ พากันสวามิภักดิ์ เศาะลาหุดดีนจึงมีอิทธิพลเรื่อยมา



     ริชาร์ด ที่ 1 แห่งอังกฤษ “ริชาร์ดใจสิงห์” เป็นโอรสอย่างถูกต้ององค์ที่สามของ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 แห่งอังกฤษ จึงไม่เคยคิดว่าจะได้ครองราช.. พระองค์ทรงเป็นโอรสของพระนางเอเลเนอร์แห่งอากีแตน “ราชนักรบ”ผู้มีเชื้อสายปรั่งเศส และเป็นหนึ่งในสตรีผู้มั่งคั่งที่สุดในยุโรป สมัยกลาง
    ริชาร์ดเป็นโอรสองค์เล็กร่วมพระมารดาเดียวกันกับ มารีเอด ซองปาญจ์ และอเล็กซิส แห่งฝรั่งเศษ อีกทั่งยังเป็นพระอนุชาของวิลเลียม เค้าแห่งปัวติเยร์ เฮนรี่ยุวกษัติย์ และ มาทิลดา แห่งอังกฤษ เป็นพระเชษฐาของ จอฟฟรีที่ 2 ดยุคแห่งบริททานี เลโอนอรา แห่งอากิเตน โจอาน ปลองตานนต์ และจอห์น แห่งอังกฤษ
     แม้จะประสูติในบอร์มอนต์ ออกซ์ฟอร์ด ในอังกฤษ แต่พระองค์ได้ถือเอาฝรั่งเศษเป็นประเทศบ้านเกิด เมือพระมารดาและพระบิดาแยกทางกันอย่างเป็นทาการ พระองค์อยู่ในการดูแลของพระมารดา… พระองค์ทรงมีรูปร่างหน้าตาดี โดดเด่นในกิจกรรมทางการทหาร และมีความสามารถทางการเมืองและการทหารตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้รับการยกย่องว่ากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว …



   220px-Richard_I_of_England_-_Palace_of_Westminster_-_24042004
         ข่าวเรื่องเยรูซาเล็มถูกฝ่ายมุสลิมยึดกลับไป  พระสันตะปาปาเกรกอรี่ ที่ 8 ทรงเรียกร้องให้ชาวคริสต์ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง โดยในครั้งนี้ กองทัพครูเสดนำโดย หนึ่งจักรพรรดิ และสองกษัตริย์ คือ จักรพรรดิเฟรดเดอริคที่ 1 แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระจ้าริชาร์ดแห่งอังกฤษ และพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศษ
      จักพรรดิเฟรดเดอริก เคลื่อนทัพข้ามแม่น้ำคาไลแคดนัสในไซลิเซีย จักรพรรดิเฟรดเดอริก ทรงพลัดตกน้ำและสิ้นพระชนม์ ไพร่พลที้งสี่หมื่นกรจัดกระจาย ต่อมาภายหลังเกิดความวุ่นวายในฝรั่งเศษ พระเจ้าฟิลิปที่ 2 จึงถอนทัพกลับ จึงเหลือเพียงพระเจ้าริชาร์ดพระองค์เดียว พระเจ้าริชาร์ดทรงสงครามกับกองทัพซาลาดินอยางเข้มแข็งจนได้รับสมญานามว่า “ริชาร์ด ใจสิงห์” แม้ว่าจะไม่สามารถชิงเยรูซาเล็มกลับคืนมาได้ แต่ความกล้าหาญของพระอง์ก็ทำให้ชาลาดินยอมทำข้อตกลงสงบศึกและยินยอมให้ชาวคริสต์ไปจาริกแสวงบุญที่เยรูซาเล็มได้..


๋่Jerusalem





       เยรูซาเลม ตั้งอยู่บนที่ราบสูงทางตอนใต้ของเทือกเขาจูเดียน มีอาณาเขตติดกับ ทะเลเดดซี Dead Sea ทางด้านตะวันออก และข้างฝั่งแม่น้ำจอร์แดนเป็นเทือกเขาโมอาบ Moab ที่แห้งแล้งทางตะวันตกกิดกบที่ราบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน Mediterranean Sea ห่างจากชายฝั่ง 58 กิโลเมตร ถนนหลวงเป็นเ้ส้นทางสู่เมืองเยริโค Jericho ห่างประมาณ57.6 กิโลเมตร ไปทางตะวันออกทางเหนือมุ่ง สู่จอร์แดนและทะเลสาบกาลิลี ถนนอาลอน Allon หรือ ยิกัล Yigal ตัดผ่านทะเลทรายยูเดียรนำสู่เมืองสะมาเรีย

- กว่าพันปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ได้ปรับปรุงเมืองนี้และสร้างพระวิหาร
- ชาวบาบิโลนยึดกรุงเยรูซาเลมทำลายพระวิหารและนำชาวยิวไปเป็นทาสในบาบิโลน
- ห้าสิบปีต่อมาชาวยิวได้กลับสู่กรุงเยรูซาเลมและสร้างพระวิหารขึ้นใหม่
- พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ได้ยึดกรุง เยรูซาเลม เมือครั้งนำทัพไปตีอียิปต์
- 168 ปี ก่อนครอสตกาล กษัตริย์อันติโอกุส เอปีฟาเนส ทำลายกำแพงกรุงเยรูซาเลม
- ชาวโรมยึดเมือง
- เฮโรดได้แต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ของชาวยิว พระองค์ทรงปรับปรุงกรุงเยรูซาเลม และสร้างกำแพงและพระวิหาร ขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระเยซูเจ้าดำรงพระชนชีพย์ ซึ่งชาวอารับไม่่ยอมรับในด้านประวัติศาสตร์ของคริสตชน เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าเฮโรดนี้..
- เยรูซาเลมถูกทำลายโดยจักรพรรดิตีตัส
- จักรพรรดิเอเดรียนสร้างขึ้นใหม่ตามแบบโรมัน ตั้งชื่อว่า "เอลีอา กาปีโตลียา" และสร้างสักการสถาน บนซากของสักการสถานของชาวยิว และของชาวคริสต์ และยิวถูกห้ามเข้าโรมเด็ดขาด
- จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 เปลี่ยนกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองคริสต์
- ชาวเปอร์เซีย ยึดกรุงเยรูซาเลม..
- และตกอยู่ในอำนาจอาหรับปี พ.ศ.1179 (ค.ศ.636) ซึ่งได้รักษาอำนาจนี้เป็นเวลากว่า 500 ปี
- ชาวครูเสดยึดเมื่อง และกลับเป็นที่ตั้งของอาณาจักรละติน
- ซาลาดินยึกรุงเยรูซาเลมในสงครามครูเสด เมืองตกอยู่กับเติร์กและปกครองเมืองเป็นเวลา 400 ปี
- เมืองสงครามโลกครั้งที่ 2 พันธมิตรเป็นฝ่ายชนะสงคราม ได้ยึดเมืองเยรูซาเลมและให้อังกฤษปกครอง
- ปี พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) เกิดสงครามระหว่างยิวและอาหรับ กรุงเยรูซาเลมถูกแบ่งดินแดนเป็นเยรูซาเลมตะวันตก ปกครองโดยอิสราเอง และเยรูซาเลมตะวันออก ปกครองโดยจอร์แดน และเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอลในส่วนที่เป็นเยรูซาเลมตะวันตก ระหว่างสงครา 6 วัน เยรูซาเลมตะวันออกจึงตกอยู่ในการปกครองของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ สถานการณ์ปัจจุบันยังยืดเยื้อ..

   




วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Second Crusade

     สงครามครูเสดครั้งที่ 2 เป็นสงครามที่เริ่มจากยุโรปในปีค.ศ. 1145 ในการโต้ตอบการเสียอาณาจักรเอเดสสาในปีก่อนหน้านี้

     สงครามครูเสดครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นจากความพ่ายแพ้ของ เอเดสสาฐานรักษาการณ์ทางเหนือของอูเตอร์ แมร์
     ระบบศักินา “ฟิวดัล”ที่พวกครูเสดนำมาใช้ในเอเซียไมเนอร์นี้ “ระบาด”ในหมู่พวกมุสลิมเช่นกัน พวกมุสลิมชนชาติต่าง ๆ ในตะวันออกกลางต่างก็แก่งแย่งถืออำนาจกัน แตกออกเป็นหลายนคร
     เซ็งกี หังหน้าวมุสลิมจากโมซูล ผู้มีกองทัพเข้มแข็งมุ่งหมายที่จะรวบรวมดินแดนชาวมุสลิมในพื้นที่ชายฝั่งทะเล พวกอูเตรอแมร์เพิกเฉยต่อภัยคุกคามนี้ แต่คริสตชนในตะวันตกกลับลุกฮือเพราะเกรงกลัวชาวมุสลิมจะรุกรานต่อไป
     อาณาจักรเอเดสสาเป็นอาณาจักรครูเสดอาณาจักรแรกที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างสงครามครูเสดครั้งที่ 1 และเป็นอาณาจักรแรกที่ล่ม r_14828
     สงครามครูเสดครั้งที่ 2 ได้รับการประกาศโดยสมเด็จพระสันตะปาปายูจีนที่ 3 และเป็นสงครามครูเสดครั้งแรกที่นำโดยพระมหากษัตริย์ยุโรปที่รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งถือเอาสงครามครูเสดเป็นฉากบังหน้า เพื่อปิดบังซ่อนเร้นการกระทำอันโหดร้ายต่อพลเมืองที่เป็นกบฎต่อพระองค์  และพระเจ้าคอนราดที่ 3 แห่งเยอรมันนี พร้อมด้วยการสนับสนุนของขุนนางสำคัญต่างๆ  
      รวมถึงมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 คือ อิเลเนอร์ แห่งอาควิเตน…ได้เข้าร่วมกองทัพด้วย   
  

     ในยุโรป ผู้มีบทบาทสำคัญในการปลุกระดมผู้คนให้ร่วม ในกองทัพครูเสด คือ นักบุญเบอร์นาร์ดแห่งแคลร์โว (Bernard of Chairvaux) ซึ่งเป็นบุคคลฝ่ายศาสนาทีมีชื่อเสียงในเวลานั้น
     แม้ว่าท่าน จะสละทางโลกแล้ว แต่ความปรีชาฉลาดของท่านและความพยายามไม่ลดละในการปกครองความถูกต้องเที่ยง แท้ของศาสนาได้ทำให้ท่านเป็นที่ปรึกษาของพระสันตปาปาและบรรดากษัตริย์ เมื่อท่านจับจ้องสายตาไปที่กษัตริย์คอนราด และพูดถึงวันพิพากษาอันน่าพรั่นพรึง ซึ่งรอคอยผู้ที่เพิกเฉยต่อการแบกกางเขน จักรพรรดิแห่งเยอรมันก็ไม่มีทางเลื่อก…
180px-Bernard_Clairvaux     นักบุญเบอร์นอาร์ดไม่สงวนถ้อยคำ แม้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนักรบครูเสดเป็นขโมย ฆาตกรหรือพวกตลบแตลง ท่านก็ยังชื่นชมต่อการจากไปของพวกเขายุโรปไม่ความยินดีที่พวกเขาจากไป และปาเลสไตน์ยินดีที่ได้รับพวกเขา พวกเขามีประโยชน์ทั้งสองทาง…
          กองทัพของทั้งสองพระองค์แยกกัน เดินทางข้ามยุโรปไปยังตะวันออกกลางหลังจากข้ามเข้าสู่ดินแดนของจักรวรรดิไบแซน์ในอานาโตเลียแล้ว กองทัพทั้งสองต่างก็ได้รับความพ่ายแพ้ต่อเซลจุคเติร์ก (ซีเรียคอ้างว่า จักรพรรดิมานูเอลที่ 1 โคมเนนอส แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ทรงมีส่วนในความพ่ายแพ้ครั้งนี้โดยทรงสร้างอุปสรรคแก่การเดินหน้าของกองทัพทั้งสองโดยเฉพาะในอานาโตเลีย และทรงเป็นผู้สั่งการโจมตีของ)

    กองทัพที่ร่อยหรอที่เหลือของพระเจ้าหลุยส์และพระเจ้าคอนราดก็เดิทางต่อไปยังกรุงเยรูซาเลม  และก็เข้าโจมตีดามัสกัน ตามคำแนะนำที่ไม่สมควร สงครามครุเสดครั้งที่ 2 จบลงด้วยความล้มเหลวและชัยชนะของฝ่ายมุสลิม และเป็นสงครามที่นำไปสู่การเสียกรุงเยรูซาเลม และสงครามครูเสดครั้งที่ 3 ในเวลาต่อมา..
    ส่วนพวกครูเสดที่มาจากยุโรปเหนือ ก็ได้เคลื่อทัพจนถึงโปตุเกส แล้วได้ร่วมมือกับกษัตริย์อัลฟอลโซ เพื่อโจมตีนครลิสบอนและขับไล่พวกมุสลิมออกจาเมืองในปี 1147
      สาเหตุอีกประการเป็นเรื่องเงินทอง สันตะปาปามีค่าใช้จ่ายสำหรับพันธกิจต่าง ๆ เช่น การจัดหาผู้แทนทางการทูตไปประจำในดินแดนคริสต์ในตะวันออก ดังนั้เน พระศาสนจักรจึงเริ่ม “ขาย”พระคุณการุณย์ (indulgence) ซึ่ง จะผ่อนผันหรือยกเลิกการรับโทษของวิญญาณในไฟชำระในตอนแรกพวกครูเสด “ซื้อ”หรือ รับเอาการผ่อนผันนี้สำหรับคนในครอบครัวและเพื่อนที่ล่วงลับ ต่อมาการ จ่ายเงินนี้ก็ซื้อสิทธิ์ไม่ต้องไปรบในสงครามครูเสด จึงมีคนยอมจ่ายเงินเพื่อให้คนอื่นไปรบแทน หรือให้เงินตามที่กำหนดแก่ศาสนจักร ซึ่งจะหาคนมาทำหน้าที่แทนการปฏิบัติเช่นนี้แพร่หลายไปทั่วได้ทำให้ผู้คนเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องสงคราม ครูเสดอย่างมากประชาชนเริ่มเห็นว่าสงครามครูเสดเป็นเรื่องน่ารำคาญที่แทรก เข้ามาในชีวิต …

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...