เป็นชื่อเรียกแผนการลอบสังหารอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ภายในกาองบัญชาการสนาม “รังหมาป่า”ใกล้เกบเมืองรัสเทนบูร์กแคว้นปรัสเซียตะวันออก เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ. 1944 เป็นความพยายามของขบวนการกู้ชาติเยอรมันเพื่อที่จะทำลายรัฐบาลนาซีความล้มเหลวทั้งในการบอลสังหารฮิตเลอร์และรัฐประหารนำไปสู่การจับกุมประชาชนกว่า 7,000 คนโดยเกสตาโปและจากการบนทึกของการประชุมกิจการกองทัพรเอฟือเรอร์ระบุว่ามีการประหารชีวิตประชาชนกว่า ห้าพันคน และทำให้ขบวนการกู้ชาตที่จัดตั้งในเยอรมันล่มสลายลง
กลุ่มสมคบคิดได้วางแผนล้มล้างรัฐบาลนาซีได้ปรากฎขึ้นในกองทัพบกเยอรมัน ตั้งแต่ปี 1938 มาแล้ว และในองค์การข่าวกรองทหารเยอรมัน (อับเวร์)คณะผุ้นำแผนสมคบคิดในช่วงแรกรวมไปถึงพลโท ฮันส์ โอสเตอร์ พลเอกลุควิค เบค และจอมพลเอาวิน ฟอน วิทเซลเบน โอสเตอร์เป็นหัวหน้าของสำนักงานข่าวกรองทางทหาร เบคเคยเป็นหัวหน้ากองเสนาธิการแห่งกองบัญชาการกองทัพเยอรมัน ฟอน วิทเซลเบนเป็นอดีตผู้บัญชาการกองทัพที่ 1 แห่งเยอรมันและอดีตผู้บัญชากากรสูงสุดของกองบัญชาการกองทัพเยอรมันด้านตะวันตก จากนั้น พวกเขาได้ติดต่อกับพลเรือนที่โดดเด่นหลายคน รวมไปถึงคาร์ล โกอแรเดแลร์ อดีตนายกเทศมนตรีไลป์ซิก และเฮลมุท เจมส์ กรัฟ ฟอน มอสท์เคอผุ้เป็นลูกชายของหลานวีรบุรุษสงครามฝรั่งเศษ-ปรัสเซีย
แผนการที่จะล้มล้างและป้องกันสงครามครั้งใหม่ที่ฮิตเลอร์จะเป็นริเริ่มขึ้นเป็นอันต้องล้มเลิกไป เนืองจากความลังเลใจของพลเอกฟรานซ์ ฮัลเดอร์ และพลเอกวัทเทอร์ ฟอน เบราคิทซ และความล้มเหลวของขาติตะวันตกในการรับมือกับท่าที่แข็งกร้าวของฮิตเลอร์กระทั่งปี 1939 กลุ่มทหารผู้สมคบคิดเลื่อนกำหนดการของแผนลอบสังหารออกไปหลังจากความนิยมในตัวฮิตเลอร์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากากรได้รับชัยชนะในยุทธการที่ฝรั่งเศส…
ช่วงปลายปี 1943 กระแสสงครามได้ย้อนกลับมายังเยอรมันผุ้ก่อการในกองทัพและพันธมิตรที่เป็นพลเรือนเชื่อว่าฮิตเลอร์จะต้องถูกลอบสังหารเพื่อที่จะได้มีการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตกยอมรับ และมีการเจรจาสันติภาพให้ทันเวลาเพื่อป้องกันการรุกรานเยอรมันของโซเวียต
กลุ่มเสนาธิการหนุ่ม ได้แบ่งปันความเชื่อมี่นอย่างกว้างขวางในบรรดานายทหารกองทัพบก ว่าเยอรมันกำลังถูกนำสู่หายนะและฮิตเลอร์จะถูกปลดเป็นบางครั่งที่ศีลธรรมทางศาสนาของเขายับยั้งมิให้ชื่อว่าการลอบสังหารเป็นวิถีทางที่ถูกต้องในการจุดวัตถุประสงค์นั้นอย่งไรก็ตาม หลังยุทธการสตาลินกราด จึงได้ข้อสรุปว่าการไม่ลอบสังหารฮิตเลอร์จะเป็นความชัวร้ายทางศีลธรรมยิ่งกว่า..ความเด็ดขาดแบบใหม่ได้ถูกนำเข้ามาใช้ในบรรดาขวยนการกู้ชาติเมืองเทรสคคอว์ได้รับมอบหมายหน้าในแนวรบด้านตะวันออกสเตาฟ์เฟนแบร์กก็รับผิดชอบในการวางแผนและดำเนินการบอลสังหารฮิตเลอร์
พลเอกออลบริตซ์เสนอยุทธศาสตร์ใกม่ในการก่อรัฐประหารต่อฮิตเลอร์ กองทัพหนุน มีแผนปฏิบัติการที่เรียกว่า ปฏิบัติการวัลคือเรอ ซึ่งตาหลักจะใช้ในเหตุกาณ์ที่เกิดความระสำระสายในบ้านเมืองอันเกิดจากการทิ้งระเบิดในหัวเมืองต่างๆ หรือการก่อจลาจลของแรงงานทาส..พลเอกออลบริตซ์เสนอว่าแผนการดังกล่าวต้องการความช่วยเลหือจาทัพหนุนในจุดประสงค์เพื่อก่อรัฐประหารได้
ระหว่างปี 1943-1944 ได้มีความพยายามของพันเอกเทรสคคอว์ และพันเอกสเตาฟ์เฟนแบร์กที่จะให้หนึ่งในผุ้สมคบคิดเข้าใกล้ฮิตเลอร์ และสังหารเข้าด้วยระเบิดมือ หรือปืนพกลูกโม่ทั้งหมดสี่ครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ การลอบสังหารฮิตเลอร์เร่อมยากขึ้นตามลำดับเมื่อสถานการณ์สงครามเริ่มเลวร้ายลง ฮิตเลอร์เร่มที่จะไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณะแลเดินทางมายังกรุงเบอร์ลินไม่กี่ครั้ง เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ “รังหมาป่า” ใกล้กับรัสเทนบูร์กในปรัสเซยตะวันออกโดยมีการเดินทางไปพักผ่อนเป็นบางครั้งที่สถานที่ส่วนตัวในแถบภูเขาของรัฐบาวาเรีย โอแบร์ซัลซแบร์กใกล้กับแบร์ซเทสกาเดน สถานทีทั้งสองนี้มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและแทบจะไม่พบคนที่ฮิตเลอร์ไม่รู้จักหรือไว้ใจ ฮิมม์เมอร์และหน่วยเกสตาโปเริ่มสงสยต่อการมีอยู่ของแผนการลอบสังหารฮิตเลอร์และสงสัยโดยเฉพาะนายทหารแห่งกองเสนาธิการ ซึ่งเป็นเหล่งกบดานของผุ้ลอบสังหารฮิตเลอร์จำนวนมาก
เมื่อย่างเข้าฤดูร้อนของปี 1944 หน่วนเกสตาโปเริ่มสืบใกล้ถึงตัวของผู้สมคบคิดมีความรู้สึกว่าเวลากำลังจะหมดลง ทั้งในสนามรบ ซึ่งในแนวรบด้านตะวันออกทหารเยอรมันเร่มถอยทัพเต็มรูปแบบ และฝ่ายสัมพันธมิตรได้ยกพลขึ้นบกในฝรั่งเศส ในวันที่ 6 มิถุนายนและในเยอรมัน ซึ่งพื้นที่ในการลงมือถูกจำกัดมากขึ้นทำให้เกิดความเชื่อที่ว่าการลงมือครั้งต่อไปจะเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับคณะสมคบคิด จนถึงขณะนี้แกนกลางของผู้สมคบคิดเร่มคิดถึงตัวเองว่าเป็นผู้มีเคราะห์ร้ายซึ่งการกระทำของพวกเขาเป็นไปในเชิงสัญลักาณ์มากกว่าความเป็นจริง จุดประสงค์ของการสมคบคิดเร่มถูกมองโดยผุ้ก่อการบางคนว่าเป็นไปเพื่อรักษาเกียรติยศของตัวเอง ครบครัวกองทัพแลพะยเมน แทนที่จะเป็นไปเพื่อเปลี่ยนแปลงบันทึกแห่งประวัติศาสตร์ผู้ก่อการเตีรยมก่อรัฐประหารใหญ่ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมเพมือพวกเขาสามารถชักชวนเออร์วิน รอมเมล ผู้มีชื่อสเยงเข้าร่วมคณะได้
เมื่อสเตาฟ์เฟนแบร์กส่งข้อความถึงเทรสคอว์ผ่านร้อยโทไฮนริช กรัฟ ฟอน เลฮ์นดอรฟฟ์-สไตนอร์ดเพื่อถามไถ่ถึงเหตุผลในความพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์โดยปราศจากเหตุผลทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเทรสคอว์ตอบว่า “การลอบสังหารจะต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม และแม้ว่าจะล้มเหลวเราต้องลงมือในกรุงเบอร์ลิน สำหรับจุดประสงค์ในการลงมือนั้นไม่สำคัญอีกแล้วไม่ว่าอยางไรขบวนการกู้ชาติเยอรมันจะต้องก้าวต่อไป ต่อหน้าสายตาของโลกและประวัติศาสตร์เมือเปรียบเทียบกับสิ่งเหล่านั้นแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีความสำคัญอะไรเลย ฮิมม์เลอร์ได้มีการสนทนาอย่างน้อยหนึ่งครั้งกับฝ่ายต่อต้านที่เป็นที่รู้จั โดยในเดือนสิงหาคม ปี 1943 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ปรัศเวีย โจฮินเนส
โพพิตซื ผู้ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครื่อข่ายของโกแอร์เดแลร์มาพบเขาและยื่นข้อเสนอให้ฮิมม์เลอร์เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ตอ่ต้านเพื่อลแกกับการสนับสนุนของกลุ่มต่อต้านหากเขาดำเนินการเพื่อถอดฮิตเลอร์และรับประกันการเจรจายุติสงคราม ไม่มีข้อมูลใด ๆ จากการนัดพบกันดับกล่าว แต่โพพิตซืไม่ถูกจับกุมและฮิมม์เลอร์ก็ไม่ได้กระทำการใด ๆ ในการสืบหาเครือข่ายต่อต้านซึ่งเขาทราบแล้วว่ากำลังปฏิบัติการอยู่ภายใต้ระบบราชการ จึงมีความเป็นไปได้ที่ว่า ฮิมม์เลอร์ ทราบดีว่าไม่อาจเอาชนะในสงครามนี้ได้ การปล่อยให้การลอบสังหารฮิตเลอร์เกิดขึ้นเพื่อว่าตนอาจจะได้รับการสืบทอดเป็นทายาทของฮิตเลอร์และจะสมารถตกลงสันติภาพได้
เทรศคคอว์และผุ้ก่อการวงในไม่มีเจตนาจะถอดฮิตเลอร์เพียงเพื่อที่ว่าให้คนของหน่วย SS ที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมาแทน และแผนการคือจะต้องฆ่าทั้งสองคนหากเป็นไปได้ ความพยายามลอบสังหารครั้งแรกของสเตาฟฟ์เฟนแบร์กถูกยกเลิกเนื่องจากฮิมม์เลอร์ไม่ได้อยู่กับฮิตเลอร์..
ก่อนวันที่ 20 กรกฎาคม..
1 กรกฏา สเตาฟ์เฟนแบร์กได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าทเสนาธิการของพลเอกฟรอบ ตำแหน่งนี้เปิดโอกาสให้เขาสามารถเข้าร่วมการประชุมทางทหารไม่ว่าที่รังหมาป่าในปรัสเซียตะวันออกหรือแบร์ซเทสกาเดนและอาจเป็ฯโอกาสสุดท้ายที่เผยออกมา ในการสังหารฮิตเลอร์ด้วยระเบิดหรือปืนพก ขณะเดียวกันก็ได้รับพันธมิตรที่สำคัญใหม่เพิ่มขึ้นซึ่งรวมไปถึงพลเอกคาร์ล-ไฮนริช ฟอน สทีลพ์นาเกลผู้บัญชาการทหารเยอรมันในฝรั่งเศส ผู้ซึ่งจะเข้าควบคุมกรุงปารีสเมื่อฮิตเลอร์ถูกสังหารแล้วและเจรจาสญญาสงบศึกในทันที่กับกองทัพสัมพันธมิตรฝ่ายรุกรานตามที่หวังเอาไว้ ถึงตอนนี้แผนการได้เตรียมการไว้สมบูรณ์แล้ว
วันที่ 7 กรกฎาคม พลเอกสไทฟฟ์เกือบจะสังหารฮิตเลอร์ที่การแสดงเครื่องแบบใหม่ที่ปราสาทแคลสส์ไฮษ์ ใกล้กับซัลซบูรก์แล้วอย่างไรก็ตาม สเตาฟ์เฟนแบร์กจึงตัดสินใจจะทำสองภารกิจไปพร้อมกันทั้งลอลสังหารฮิตเลอร์เมือเขามีโอกาส และจัดการแผนการในกรุงเบอร์ลินไปพร้อมกัน ในวันที่ 11 กรกฎาคมสเตาฟ์เฟนแบร์กเข้าร่วมการประชุมทางทหารของฮิตเลอร์โดยพกระเบิดไว้ในกระเป๋าเอกสารของเขาแต่เนื่องจากผู้ก่อการได้ตัดสินใจแล้วว่า ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์และแฮร์มันน์แต่เนื่องจากผู้ก่อการได้ตัดสินใจแล้วว่า “ฮน๋ริช ฮิมม์เลอร์และแฮร์มันน์เกอริงควรจะถูกฆ่าไปพร้อมกันหากแผนการระดมพลตามปฏิบัติการวางคิรีจะมีโอกาสสำเร็จ เขาจึงถอยกลับในนาทีสุดท้ายเพราะฮิมม์เลอร์ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ซึ่งอันที่จริงแล้วซึ่งไมปกติวิสัยที่ฮิมม์เลอร์จะเข้าประชุมทางทหาร
15 กรกฏาคม สเตาฟ์เฟนเบิร์กบินมายังรังหมาป่าอีกครั้งหนึ่ง แต่เงื่อนไขดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแผนการของสเตาฟ์เฟนเบิร์ก คือ วางกระเป๋สเอกสารบรรจุระเบิดที่มีตัวจับเวลาไว้ในห้องประชุมของฮิตเลอร์ก่อนจะถอนตัวออกจากการประชุม รอจนเกิดระเบิดขึ้นแล้วบินกลับไปยังกรุงเบอร์ลินและเข้าร่วมกับผู้ก่อการคนอื่นที่เบนด์เลอร์บล็อก ปฏิบัติการวาลคีเรอ จะเริ่มต้นขึ้นและกองทัพหนุนก็จะทำการควบคุมเยอรมันทั้งหมด และณะผู้นำนาซีทั้งหมดก็จะถูกจับกุมเบคก็จะได้รับการแต่ตั้งให้เป็นประมุขของรัฐ ขณะที่คาร์ล ฟรีดริช เกอดีเลอร์นักการเมืองอนุรักษนิยมและผู้ต่อต้านนาซี ก็จะหกลายเป็นนายกรัฐมนตรีและวิตเลเบนก็จะเป็นผุ้บัญชาการทหารสูงสุด แต่แผนการดังกลาวต้องถูกยกเลิกไปในนาที่สุดท้ายอีกครั้ง เพราะแม้ว่าฮิมม์เลอร์กับเกอริงจะเข้าประชุมด้วย แต่ฮิตเลอร์ออกจากการประชุมในช่วงสุดท้ายสเตาฟ์เฟนเบิร์กสามารถยับยั้งระเบิดและป้องกันการถูกตรวจพบได้
การลอลสังหาร 20 กรกฎาคม1944
18 กรกฎามีข่าวลือว่าเกสตาโปทราบข่าวการสมคบคิดและอาจถูกจับกุมได้ตลอดเวลาเป็นที่ชัดเจนว่าข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่มีข่าวรู้สึกว่าตาข่ายกำลังใกล้เข้ามาและโอกาสสังหรฮิตเลอร์ครั้งต่อไปจะต้องลงมือเพราะอาจไม่มีโอกาสครั้งต่อไป สเตาฟ์เฟนเบิร์กบินมายังรังหมาป่าเพื่อเข้าร่วมประชุมทางทหารของฮิตเลอร์อีกครั้งพร้อมกับประเป๋าเอกสารซึ่งบรรจุระเบิดไว้เช่นเดิมโดยที่ผู้ที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมดไม่ถูกตรวจค้นตัวเลข กระเป๋าถูกนำไปวางไว้ที่โต๊ะประชุมของฮิตเลอร์และมีนายทหารอีกว่า 20 นาย หลังจากนั้นไม่กี่นาทีสเตาฟ์เฟนเบิร์กได้รับโทรศัพท์ที่เตรียมไว้สำหรับทางออก ระเบิดทำงานในช่วงเที่ยงของวันนั้น ซึ่งทำลายห้องประชุม นายทหารสามคนและนักเขียนชวเลขได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมาแต่ฮิตเลอร์รอดซีวิต เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในห้องประชุมซึ่งได้รับการป้องกันแรงระเบิดโดยขาโต๊ะประชุมกางเกงของฮิตเลอร์ถูกไฟเผาและขาดรุ่งริ่ง และเขาเยื่อแก้วหุทะลุเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ที่รอดชีวิตในห้องนั้น
ฮิตเลอร์ยังมีชิวิตอยู่! ความสับสนเกิดขึ้นเมื่อเครื่องบินที่พาสเตาฟ์เฟนแบร์กหลบหนีลงจอดและเขาโทรศัพย์มาจากสนามบินและว่าแต่จริงแล้วฮิตเลอร์เสียชีวิต! พลเอกฟรอมม์ ได้โทรศัพท์ไปสอบถามยังรังหมาป่าและได้รับการยืนยันว่าฮิตเลอร์ยังคงมีชีวิตอยู่ ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการแคว้นทหารเขตยึดครองฝรั่งเศสประกาศปลดอาวุธเอสดี และเอสเอส ฟอน คลุจ และถามเขาให้ติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตเพียงเพื่อจะได้รับแจ้งว่าฮิตเลอร์ยังมีชีวิตอยู่
สเตาฟ์เฟนแบร์กและแฮแลร์บล็อก ฟรอมม์เปลี่ยนฝ่ายและพยายามจับกุมตัวสเตาฟ์เฟนแบร์กซึ่งคาดว่าเป็นการกระทำไปเพื่อปกป้องตนเองจากความผิดออลบริวและสเตาฟ์เฟนแบร์กจึงกักตัวเขาไว้และออลบริซได้แต่งตั้งให้พลเอกอีราช เฮิพแนร์ปฏิบัติหน้าทีแทนเขา
ฮิมม์เลอร์เข้าควบคุมสถานการ์และออกคำสังยอเลิกปฏิบัติการวาลคิเรอ ของออลบริซในหลายพื้นที่ รัฐประหารยยังคงดำเนินต่อไป นำโดยนายทหารซึ่งเชื่อว่าฮิตเลอร์เสียชิวิตแล้วผู้บัฐชการนครและผู้ร่วมก่อการ พลเอกพอล ฟอน ฮาเซอ ออกคำสั่งให้กองพลกรอสส์คอยท์ชลันต์ภายใต้บังคับบัญชาของพันตรีออทโท แอร์นสก์ เรแมร์ ให้เข้าควบุมวิลเฮลมสทราสส์และจับกุมรัฐมนตรีระทรวงโฆษณการ โยเซฟ เกิบเบิลส์ ในเวียนนา ปราก และอีกหลายแห่งทหารได้เข้าควบคุมสำนักงานพรรคนาซีและจับกุมกอซไลแตร์และนายทหารเอสเอส
ความสับสนเนื่องจากไม่ทราบว่าฮิตเลอร์ยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ นั้นในช่วงหัวคำเมื่อฮิตเลอรพอจะสามารถจะโทรศัพท์ได้เขาโทรศัพท์หาเกิบเบิส์ที่กระทรวงโฆษณการเกิบเบิลส์จัดการให้ฮิตเลอร์พูดโทรศัพท์กับพันตรีเรแมร์ผู้บัการกำลังซึ่งล้อมกระทรวงอยู่นั้นหลังจายืนยันแล้วว่าเขายังมีชีวิตอยู่ฮิตเลอร์จึงออกคำสั่งให้เรแมร์เข้าควบคุมสภานการณ์ในเบอร์ลินพันตรีเรแมร์ออกคำสั่งให้ทหารของเขาล้อมและปิดเปบนด์แลรบ เมื่อเรแมร์เข้าควบคุมสถานการณ์ในกรุงเบอร์ลินและมีการบอกต่อๆ กัน ว่าฮิตเลอร์ยังมีชีวิตอยู่สมาชิกร่วมขบวนการที่ไคอยเด็ดเดียวเท่าใดนักในเอบร์ลินก็เริ่มเปลี่ยนฝ่ายเกิดการต่อสู้ขึ้นในเบนด์แลร์บล็อกระหว่างนายทหารที่สรับสนุนและคัดค้านรัฐประหาร
23.00 20 กรกฎา 1944 ฟรอมม์เข้าควบคุมสถานการณ์อีกครั้งโดยหวังว่าการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีอย่างกระตือรือร้นนี้จะช่วยตนได้ เบคผุ้ตระหนักว่าสถานการณ์สิ้นหวังยิงตัวตาย ฟรอมม์จัดศาลทหารเฉพาะกาลขึ้น มีการประหารชีวิตที่ลานด้านนอกซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเพื่อป้องกันการถูกเปิดโปงว่าเขาเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนด้วยยังมีคนอื่นถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ท้ายที่สุดฟอร์มม์ถูกจับกุมตัวและถูกประหารชีวิตในเดือนมีนาคมปีถัดมา
ด้วยความโกรธเกรี้ยวของฮิตเลอร์ เกสตาโปองฮิมม์เลอร์ทำการล้อมจับเกือบทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการดังกล่าว มีผู้ถูกจับกุมในแผนการครั้งนี้ 5,000-7,000 คนและราว 200 คนถูกประหารชีวิต ในการจับกุมนั้นเพียงตกเป็นต้องสงสัยแม้ไม่ใช้ผู้ที่ร่วมขบวนการก็ถูกจับกุมแล้วซึ่งเป็นการฉวยโอกาสของเกสตาโป
บางคนถูกจับกุมให้สรภาพโดยการทรมาน และหลายคนจบชีวิตตัวเองก่อนการตัดสินของตน เอลวิล รอมเมล ยอมตายอย่างสมเกียติร มากกว่าการยอมขึ้นศาล ซึ่งมักจะได้รับการตัดสินที่เอนเอียงไปทางอัยการ เทรสคคอว์เองก็ทำอัตวินิบาตกรรมหนึ่งวันหลังจากรัฐประหารที่ล้มเหลวโยการใช้ระเบิดมือ กอ่นตาย เทรศคคอว์กล่าวแก่ฟาเบียน ฟอน ชลาเบรนดอร์ฟฟ์ว่า “โลกกำลังประฯมเราในตอนนี้ แต่ผมเชื่อว่าเราทำสิ่งที่ถูก ฮิตเลอร์เป็นศัตรูสำคัญไม่เฉพาะแต่กับเยอรมันเท่านั้นแต่กับโลกทั้งใบด้วย เมื่อไม่กี่ชัวฌมงก่อน ผมเข้าเผ้าพระเจ้าเพื่อทูลว่าอะไรที่ผมได้ทำและถูกทิ้งไว้ยังไม่ได้ทำผมทราบว่าผมจะสมารถ
พิสูจน์ได้ว่าอะไรที่ผมทำและถูกทิ้งไว้ยังไม่ได้ทำผมทราบว่าผมจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าอไรที่ผมทำให้การต่อสู้กับฮิตเลอร์พระเจ้าให้สัญญาแก่อับราฮัมว่าพระองค์จะไม่ทรงทำลายโซ่ตรวนหากสามารถพบผุ้ชอบธรรมได้สิบคนในนครและผมฟว่างวาพระจเจะไม่ทรงทำลายเยอรมัน ไม่มีใครในหมู่พวกเราอาจคร่ำครวญการตายของตัวได้ผู้ซึ่งยินยอมเข้าร่วมวงกับเราถูกสวมเสื่อคลุมแห่งเนศซุส บูรณภาพแห่งศีลธรรมของมนุษย์เริ่มขึ้นเมื่องเขาพร้อมสละชีวิตตนเองเพื่อสิ่งที่เขาเชื่อ
การไต่สวนและการประหารชีวิตผู้สมรู้ร่วมคิดดำเนินมากระทั่งวันสุดท้ายของสงคราม ฮิตเลอร์ถือเอาว่าการรอดชีวิตของเขานั้นเป็น “ช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์”และมอบหมายให้มีการจัดทำเครื่องอิสรยาภรณ์ เหรียญผู้บาดเจ็บ 20 กรกฎาคม 1944 ซึ่งฮิตเลอร์มอบให้ผู้ที่อยู่กับเขาในห้องปะชุมในเวลานั้น เหรียญ