วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

Wuhan...Economic Stratagy

           อู่ฮั่น เป็นเมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย เมืองอุ่ฮั่นตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศจีนค่อนมาทางตะวันออกตามประวัติศาสตร์จีนอู่ฮั่นเป็นหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในอดีต และมีประวัติความเป็นเมืองยาวนนมากที่สุดเมืองหนึ่ง ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและยุคต้นหลังจีนปฏิรูป อู่ฮั่นถือเป็นเมืองทันสมัยอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเซีย ในขณะนั้นเมืองอู่อั่นมีสมยานามว่า "ชิคาโกแห่งตะวันออก"
           
เนื่องจากอู่ฮั่นเป็นเมืองส่วนหลางที่เชื่อมต่อการคมนาคมรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สำัญของจีนไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั้งจากเนหือไปใต้ จากตะวันออกไปตะวันตก  จากลักษณะพิเศษนี้ทำให้อู่ฮั่นกลายเป็นเมืองสำคัญของจีนที่มบทบาทเป็นศูนย์การพัฒนาและวิจัยถไฟฟ้าความเร็วสูง รวมทั้งยังมีศูนย์อบรมเกี่ยวกับวิชาชีพทางด้านรถไฟฟ้าที่สำคัญหลายแห่งอีกด้วย
            ไม่เพียงแต่ด้ารถไฟความเร็วสูงเท่าน้นที่เมืองอู่ฮั่นมีความโดดเด่น การคมาคมด้านอื่นๆ ก็ยัง
พัฒนามาก เช่นด้านการบินท่ี่มีเที่ยวบินตรงถึงเมืองต่างๆ สำคัญในจีนและบินตรงถึงเมืองสำคัญอื่นในต่างประเทศ ด้านการคมนาคมทางถนน มีเครือข่ายมอเตอร์เวย์จำนวนมากที่เชื่อมไปพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ การคมนาคมทางน้ำถึงแม้ว่าอู่ฮั่นจะไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่อู่ฮั่นมีแม่น้ำสายสำคัญของจีนอย่างแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ไหลผ่าน ทำให้อุ่ฮั่นเป็นเมืองท่าน้ำจืดที่สำคัญ และแม่น้ำทนี้สุดท้ายเป็นทางออกไปสู่ทะเลอีกด้วย
         
 เมืองอู่ฮั่นถูกให้ความสำคัญตั้งแต่ปีที่เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบสังคมนิยมและสถาปนาธาณรัฐประชาชนจีน (ปี 1949) ในช่วงต้น 1950 ผู้นำประเทศเริ่มออกแบบสะพานรถไฟและรถยน์ข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง จนถึงเดือนตุลาม 1957 สะพานแห่งนี้ได้ถูกเปิดใช้อย่างเป็นทางการ สะพานแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า สะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำฉางเจียงอู่ฮั่น สะพานนี้ถือเป็นสะพานข้ามแมน้ำใหญ่แห่แรกของจีนที่เป็นสะพานแบบ 2 in 1 หมายถึงสะพานที่ข้ามทั้งรถยนต์และรถไฟ   
           ความเป็นอยู่ของผุ้คนในเมืองอู่ฮั่นจะเป็นลักษณะค่อนข้างเร่งรีบ เพราะฉะนั้นการกินก็จะค่อนข้างเรียบง่ายของกินท้องถ่ินอู่ฮั่นมีไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ดังระดับประเทศ ไม่เหมือนกับอาหารเสฉวนหรืออาหารกวางตุ้งที่ดังไปทั่วประเทศ การสร้างบ้านเรือนของคนอู่ฮั่นจะนยมสร้างริมแม่น้ำสายเล็ก สายใหญ่ ด้วนั้นบ้านของคนที่นี่จะเป็นแบบวิวริมแม่น้ำ ก็มีเห็นได้ทั่วไป  ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนอู่ฮั่นสุขสบายเนื่องจากเป็นเมืองที่มีแม่น้ำสายหลักและสายเล็กๆ น้อยๆ ไหลผ่านทำให้บรรยากาศของเมืองน่าอยู่ ร่มรื่น คนอู่ฮั่นเองก็จะชอบเล่นกีฆาทางน้ำกันเป็นพิเศษ แม่น้ำฉางเจียงกลายเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของขาวอูฮั่น


           อู่ฮั่น เป็นเมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ในภาคกลางของจีน ถูกสร้างขึ้นตามแนวแม่น้ำแยงซีเกียง
นับเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 42 ของโลกและใหญ่อันดับ 7 ของจีน มีพืนที่โดยรวมใกล้เคีงกับกรุงลอดนดอนของอังกฤษ แต่ใหญ่กว่ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ มาก มีประชานประมาณ 11 ล้านคน เมืองแห่งนี้ถูกยกให้เป็น "ถนนสายหลักของจีน" เนื่องจากมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อไปสู่ 9 มณฑลทั้งทางบก ทางน้ำ แลทางอากาศ มีถนนเชื่อมไปยังพื้นี่ต่างๆ มีทั้งรถไฟและระไฟความเร็วสูงที่เดินทางไปเมืองสำคัญในภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก รวมทั้งกรุงปักกิ่งกบนครเซี่ยงไฮ้ โดยใช้เวลาเพียง ภ ชั่วโมงเท่าั้น ทำให้ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเข้าออกเมืองงอู่ฮั่นเป็นจำนวนมาก
           อู่ฮั่นยังมีท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในแม่น้ำแยงซีเกียงตอนล่าง จนกลายเป็นศูนย์กลางการขนสินค้าในภูมิภาค และเป็นเสนทางออกสู่ทะเลได้อีกด้วยส่วนการเดินทางทางอากาศ เมืองแห่งนี้มีท่าอากาศยานนานาชาติอู่ฮั่นเทียนเหอ ซึ่งเชื่อม่อไปยังเมืองสำคัญทั่วโลกเช่น ลอนดอน ปารีส ดูไบ กรุงเทพ รองับผุ้โดยสรมากกว่า 20 ล้านคนทุกปี
           เมืองอู่ฮั่นยังมีเขตอุตสาหรรม 4 แห่ง มากกว่า 300บริษัทในกลุ่ม 500 บริษัทชั้นนำของโลกเช่น ไม่โครซอฟต์ เอสเอ บริษัทซอฟต์แวร์ของเยอรมนี และ เปเอสเช ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศส ล้วนมีสำนักงานในเมืองแห่งนี้
         
 ในช่วงไม่กีปีทีผ่านมา มีการลงทุนเพื่อทำใหอู่ฮั่นกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะในด้านอุตสหกรรมเลนส์กล้อง แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือการเป็น เมืองแห่งยานยนต์ของจีน จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสหกรรมยานยนต์ภายในเมือง และความเป็นศูนย์กลางโลจิสติกขนาดใหญ่ของอู่ฮั่น ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมาก่อการเติบโตทางเศราฐกิจของจีน
            เมืองอู่ฮั่นมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆ ของจีน ตามข้อมูลซึ่งเปิดเผยโดยรัฐบาลท้องถ่ินในปี 2562 จีดีพีของเมืองอู่ฮั่นเติบโตถึ 7.8% มากกว่า จีดีพีเฉลี่ยทั่วประเทศ 1.7% มูลค่าการส่งออกและนำเข้าแต่ 2.44 แสนล้านหยวน นับเป็นสถิติใหม่และมากว่ามูลค่าในปีก่อนหน้านั้นถึง 13.7% คิดเป็น 61.9% ของมูลค่าการซี้อขายกับต่างชาติทั้งหมดของมณฑลหูเป่ยhttps://www.thairath.co.th/news/foreign/1758798
             เมื่อปี 2018 เมืองอู่ฮั่น มีฐานเป็นเมืองเอกของมณฑหูเป่ย ได้รับการจัดอันดับเมืองที่มีสัยภาพด้านกรวิจัยและพัฒนาอยู่ในอันดับที่ 19 ของโลกและอันดับที่ 4 ของจีน ทั้งนี้ เนื่องจากเมืองอุ่ฮั่นมีข้อได้เปรยบในด้านของภูมิศาสตร์ ทำให้อู่ฮั่นเป็นเมืองที่ผู้คนจากหลายพื้นที่ย้ายถ่ินฐานเข้ามาทั้งประกอบกิจการธุรกิจต่างๆ ช่างที่มีฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญด้านการรถไฟ ท่าเรือ เป็นต้น และเมื่อผู้คนย้ายเข้ามาตั้งหลักปักฐานมากขึ้นเศรษฐกิจท้องที่ในด้านต่างๆ ก็ได้รับการผลักดันและเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันอู่ฮั่นมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP มากกว่า 14,845.29 พันล้านหยวน จัดอยู่ในอันดับ 9 ของประเทศจีน มีจำนวนประชากรประมาณ 11 ล้านคน...

             จุดเด่นของเมืองอู่ฮั่นประการหนึ่ง คือ การเป็นเมืองด้านการศึกษา จากการที่ใีจำนวนมหาวิทยาัยมากถึง 89 แห่ง และมีจำนวนนักศึกษาทั้งหมด 1 ล้านคน โดยถือเป็นเมืองที่มีนัำศึกษามหาวิทยาลัยมากที่สุดในโลก ทั้งนี้ เมืองอู่ฮั่นซึ่งมีที่ตั้งอยู่ตรกลางของประเทศจีนค่อนมาทางตะวันออก และจากประวัติศาสตร์ของจีน เมืองอู่ฮั่นเป็นหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในอดีตและมประวัติความเป็นเมืองมายาวนานมากที่สุดเืองหนึ่งโดยในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและยุคต้นหลังจีนปฏิรูป เมืองอู่ฮั่นถือเป็นเมืองที่ีมีความทันสมัยอยูในอันดับต้นๆ ของเอเชีย..และจากกาที่เมืองอู่ฮั่นเป็นเมืองสวนกลางท่เชื่อมต่อการคมนาคมรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สำคัญของจีนไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั้งจากเหนือไปใต้ จากตะวันออกไปตะวันตกทำให้อู่ฮั่นเป็นเมืองสำคัญของจีนที่มบทบาทเป็นศูนย์การพัฒนาและวิจัยรถไฟความเร็วสูง..https://www.thansettakij.com/content/world/420521
             อู่ฮั่น..ก่อนจะประสบกับวิกฤต ไวรัส โควิด 19 เป็นเมืองใหญ่ เมืองชั้นนำของโลก ซึ่งหลักจากเกิดวิกฤตการไวรัสโคโลน่าระบาด..ส่งผลกระทบต่อเมืองและชาวเมืองเป็นอย่างมาก..ทางการจีนประกาศปิดเมือง..ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อ เมืองอู่ฮั่นและประเทศจีนเป็นอย่างมาก..

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563

Wuhan... Militaly Strategy

      อู่ฮั่นยังไม่ปรากฎชื่อ ในสมัยวสันทฤดู หรือในยุคสมัยเลียดก๊ก มีเพียงหูเป่ย ซึ่งเป็นเมืองเอกอยู่ในรัฐฉู่ ในยุคสมัยสามก๊ก ได้มีการทำยุทธนาวี ที่เรารู้จักกันในชื่อ ยุทธการเชกแพค หรือ ยุทธการผาแดง ซึ่งอยู่ที่ตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง ห่างจาก อู่ฮั่นในปัจจุบัน ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 32 กิโลเมตร ยุทธนาวีครั้งนั้น เป็น หนึ่งในสามยุทธการทางการสหารที่ใหญ่ที่สุดในยุคสามก๊ก และเป็นสงครามที่เปิดฉากก๊กทั้งสามให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนตั้งแต่จบสงครามครั้นนั้น..

       
           ยุทธการที่อู่ฮั่น เป็นที่รู้จักกันดีของชาวจีนว่า "การป้องกันอู่ฮั่น" และที่ญี่่ปุ่นได้เรียกขานว่า การยึดครองอู่ฮั่น เป็นการสุ้รบขนาดใหญ่ในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง การต่อสุ้รบครั้งนี้ได้เกิดขึ้นในบริเวณหลายพื้นที่ของมณฑล อันฮุย เหอหนาน เจียงซี เจ้อเจียง และหูเป่ย ซึ่งกินเป็นเวลานานกว่าสี่เดือนครึ่ง ยุทธการนี้เป็นการรบที่ยืดเยื้อยาวนาน ขนาดใหญ่ และสำคัญมากที่สุดในช่วงรยะยแรกในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ สอง ทหารของกาองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีนจำนวนกว่า ล้านนาย จากเขตสงครามที่ 5 และ 9 ภายมต้การบังคับบัญชาโดยตรงจาก เจียงไคเชก เพื่อป้องกันอู่ฮั่น จาก กองทัพพื้นที่จีนตอนกลางของกองทัพจักรวรรดิญีุ่ป่น ภายมต้การนำของ ชุนโรกุฮาตะ ฝ่ายกองทัพจีนยังได้รับการสนับสนัดจากกลุ่มทหารอาสสมัครโซเวียด กลุ่มนักบินอาสาสมัคจากกองทัพอากาศโซเวียต..
        แม้การสู้รบได้จบลงด้วยการเข้ายึดครองอู่ฮั่นในที่สุดโดยกองทัพญี่ปุ่น แต่ก็ได้ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและล้มตายอย่างมากต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีจำนวนสูงถึง 1.2 ล้านนายที่ได้ีการรวมกันโดยประมาณ...

       
            อู่ฮั่น ตั้งอยู่ครึ่งทางต้นน้ำของแม่น้ำแยงซี เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของจีนมีประชากร 1.5 ล้านคนในปลายปี ค.ศ. 1938 แม่น้ำแยงซี และแม่น้ำฮันชุย ได้ไหลผ่านแบ่งเมืองเป็นสามเขตได้แก่ อู่ชาง,ฮั่นโจวและฮันหยาง อูชางเป็นศุนย์กลางทางการ เมืองฮันโข่วเป็นย่านการค้าและฮันยางเป็นเขตอุตสาหกรรม หลังจากเสร็จสิ้นการสร้างเส้นทางรถไฟเยว่ฮัน ความสำคัญของอู่ฮั่นในฐานะศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญในกิจการภายในของจีนได้รับการจัดตั้งขึ้น มันยังทำหน้าที่เป็นจุดผ่านแดนที่สำคัญสำหรับความช่วยเหลือจกต่างประเทศที่ย้ายเข้ามาจากท่าเรือทางใต้
          หลังจากที่ญี่ปุ่นได้ยึดครองเมืองหนานจิง หน่วยงานรัฐบาลจีนคณะชาติและกองบัญชาการกองทัพได้หนีไปตั้งอยุ่ในอู่ฮั่นแม้ว่าเมืองหลวงถูกย้ายไปยังฉฝชิ่ง อู่ฮั่นจึงกลายเป็นเมืองหลวงแห่งสงครามอย่างแท้จริงเมื่อเร่ิมภารกิจในอู่ฮ่น ความพยายามทำสงครามของจีนจึงมุ่งเน้นไปที่การปกป้องอู่ฮั่นจากการครอบครองโดยญี่ปุ่น จักวรรดิญีุ่ปุ่นและศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองทัพญี่ปุ่นประจำจีนต่างคาดหวังว่าเมืองอุ่ฮั่นจะล่มสลายพร้อมด้วยการยอมแพ้ของชาวจีนภายในหนึ่งหรือสองเดือน..https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99
            ยุทธการเขื่อนแตก..เป็นหนึ่งในยุทธการที่จะป้องกันอู่ฮั่น
            ...รัฐบาลจีน ได้ระดมกลังทหาร มาจากกองพันทหารช่าง เครื่องจักรกลงานดินรวมทั้งเกณฑ์ประชาชนในพื้นที่เข้าทำลายคันกั้นน้ำของแม่น้ำเหลืองที่ตำบลเซ่าโค่ว เนื่องจากเป้นจุดที่คันกั้นน้ำม่ีความหนาน้อยที่สุด การขุดเกือบจะสำเร็จ แต่ต้องหยุดไปด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัด เปลี่ยนที่ขุดใหม่าที่ตำบลฮั่วหยวนโคว่ หลังจากที่ได้รับอนุมัติการขุดก็เริ่มต้นอีกครั้ง และเพื่อไม่ให้ทหารญี่ปุ่นรู้ จึงใ้เพียงพลัวสนามของทหารดดยไมใช้เครื่องจักรช่วย จุดที่ถูกเลือกเป็นโค้งน้ำที่กระสแน้ำไหลเบียดริมฝั่งด้านทิศใต้ดังนั้นเมือถูกเจาะน้ำจะพุ่งตรงออกทางช่องที่เปิด ทางจีนไม่ได้ขุดช่องทางระบายน้ำเล็กๆ แต่ต้องการสร้างสภาวะเขื่อนแตกให้น้ำทะลักออกทันที่จำนวนมากเพื่อให้กระแสน้ำท่วมทำลายกองทัพญี่ปุ่น ดังนั้นจึงขุดดินเพื่อทำให้คันกั้นน้ำบอบบางลงเป็นแนวยาวประมาณ 300 เมตรพอได้ที่ก็เจาะช่องให้นำ้ออกสองจุดหัวท้าย พอน้ำเริ่มไหลก็จะกัดเซาะแนวคันกั้นน้ำที่ถูกทำให้บอบบางที่อยู่ระหว่างกลาง และเชื่อมต่อกันเป็นช่องทางน้ำขนาดใหญ่
           การขุดเจาะน้ำทำทั้งกลางวันและกลางคืนแข่งกับเวลาที่ทหารญี่ปุ่นกำลังรุกคืบใกล้เข้ามาทุกขณะ โดยกองบัญชาการที่อู่ฮั่นจะติตต่อสอบถามความคืบหน้าเกือบทุกชั่วโมง ในทีสุด ทหารช่างก็เร่ิมปล่อยน้ำผ่านช่องทางที่ขุด ในตอนแรกทางน้ำยังเล็ก แต่วันรุ่งขึ้นเกิดผนตกใหญ่บริเวณ้นน้ำ ระดับในแม่น้ำเหลืองสูงขึ้น ทำให้ช่องที่ถูกเจาะขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานแม่น้ำเหลืองก็ไหลทะลักออกทางคันกั้นน้ำที่ถูกทำลาย จนมวลน้ำของแม่น้ำเหลืองได้เปลี่ยนเส้นทางไปการไหลหลักเข้าสู่ที่ราบของมณฑลเหอหนานแทนท่จุไหลงงทะเลที่อาวไปไห่
           น้าท่วมได้แผ่ขยายพื้นที่ออกไป ทำให้การรุกของญี่ปุ่นต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว อย่างไรก็ตามทิศทางการไหลของน้ำได้เป็นไปตามที่ทางจีนคาดการณ์ไว้ คือผ่ากลางมณฑ,เหอหนานไปลงแม่น้ำฮวย และทำให้แม่น้ำฮวยเอ่อล้นท่วมสองฝั่งไปจนถึงทะเลสาบหงเจ๋อในมณฑลเจียงซู โดยที่สุดแล้วน้ำท่วมได้ทำใหเกิดแถบที่ลุ่มหนองบึงที่ยาวมากกว่า 400 กิโลเมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนกองทัพผ่าน ทำให้แผนการเข้าตีอู่ฮั่นจากทางด้านเหนือของญี่ปุ่นต้องยกเลิกไป
            ...เนืองจากทางการจีนไม่ได้ประกาศเตือนให้ประชาชทราบล่วงหน้า เพราะคาดหวังว่าน้ำท่วมจะสามารถทำลายกองทัพญี่ปุ่นได้บางส่วน โดยในระหว่าสงครามทางจีนเคยคาดว่ามีทหารญีุ่ป่นจมน้ำตายในอุทกภัยครั้งนี้ไม่ก่าหมื่นน แต่หลักฐานของทางญี่ปุ่นไม่มีบันทึกถึงความสูญเสีย ในปัจจุบันพบว่าตอนที่เกิดน้ำท่วมนั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นยังเคลื่อมาไม่ถึงบริเวณที่จะถูกน้ำท่วม หรือมิฉะนั้นก็สามารถอยหนีได้ทัน จึงเชื่อว่าไม่มีทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น ส่วนทางด้านจีน เนื่องจากไม่มีการประกาศเตือนภัย จึงมีแต่คนในพื้นที่ใกล้เขื่อนเท่านั้นที่รู้ข่าวและเตรียมตัวได้ทัน ส่วนคนที่อยู่ไกลออกไปต้องเผชิญกับน้ำท่วมโดยไม่รู้ตัว ผู้คนพากันหนีน้ำขึ้นไปรอความช่วยเหลืออยู่บนหลังคา แต่เนื่องจากเป็นภาวะสงครามทำให้วมช่วยเหลือมีมาน้อย
ในบงพื้นที่ระดบน้ำค่อยๆ สูงๆ ขึนจนท่วมมิดหลังคาบ้านชนบทที่มักจะมีชั้นเดียว ทำให้มีคนจมน้ำตายเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะถูกน้ำท่วมพื้นที่บริเวณนั้นมีคนอยู่อาศัยประมาณ 12 ล้านคน เราไม่รู้ว่าจำนวนผุ้เสียชีวิตที่แนนอน เพราะอยู่ในระหว่างสงครามจึไม่มีการสำรวจมาก ก่อนที่จะถูกน้ำท่วมพื้นที่บริเวณนั้นมีคนอู่อาศัยประมาณ 12 ล้านคน เราไม่รู้ว่าจำนวนผุ้เสียชีวิตที่แน่นอน เพราะอยู่ในะหว่างสงครามจึงไม่มีการสำรวจความเสียหาย อย่างไรก็ตาม หลังสงครามในปี 1948 ได้มีการสำรวจ ประเมินว่ามีผุ้เสียชีวิตประมาณ 800,000 คน..และในเหตุการน้ำท่วมครั้งนี้ปรากฎว่ามีทหารญี่ปุ่นได้นำเรือออกช่วยเหลือประชาชนชาวจีนผุ้ประสบภัยที่ติดอยู่ตามหลังคาบ้านด้วย...ผลกระทบจากเหตุการน้ำท่วมในครั้งมีตามอีกมากมาย..ที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่ในเหอหนานถูกน้ำท่วมกลายเป็นที่ทำการเกษตรไม่ได้..ประชากรอดอยากถึงขั้นเกิดเหตุการคนกินเนื้อคน..ประชาชนชาวจีนที่อดอยากหนีไปเข้าฝ่ายญี่ปุ่น..และมีการกล่าวโทษกันว่าใครเป็นผู้ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนั้น..กระทั้งหลังสงครามความจริงจึงปรากฎ....https://pantip.com/topic/39298677

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563

Wuhun

     อู่ฮั่น เป็นเมืองเอกของมณฑลหู่เป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นนครที่ใหญ่ที่สุดในมณฑล มีประชากรกว่า 11 ล้านคนทำให้เป็นนครที่มีประชากรมากที่สุดในภาคกลางของประเทศจีน และเป็นนครที่มีประชกรมากที่สุดอันดับ 7 ในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในนครศูนย์กลางแห่งชาติทั้งเก้าแห่งของประเทศจีน


      ชื่ออู่ฮั่น มาจากการรวมกันของเมืองในประวัติศาสตร์ ได้แก่ เมื่องอู่ชาง ฮั่นโข่วและฮั่นหยาง ซึ่งทั้งสามเมืองรุ้จักกันในชื่อ "เมืองทั้งสามของอู่ฮั่น" นครอู่ฮั่นตั้งอยู่ในทางตะวันออกของที่ราบเจียงฮั่น ซึ่งเป็นที่บรรจบของแม่น้ำแยงซี กับลำน้ำสาขาที่ใหญ่ที่สุดของแม่น้ำแยงซีซึ่งก็คือ แม่น้ำฮั่น และนครอุ่ฮั่นรู้จักกันนชื่อ "ทางสู่มณฑลทั้งเก้า"...
       อู่ฮั่นถือเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศณาฐกิจ การเงิน การค้า วัฒนธรรมและการศึกษา ของภาคกลางของประเทศจีน เป็นศูนย์กลางการขนส่ขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยทางรถไฟ ถนน และทางด่วนจำนวนมากที่ผ่านตัวเืองและเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่อื่นๆ เนืองจากมีบทบาทสำคัญในการขนส่งภายในประเทศ ทำให้บางครั้งอุ่ฮั่นถูกเรียกว่า "ชิคาโกของจีน" ในแหล่งข้อมูลต่างประเทศ "ปม่น้ำสายทองคำ"อย่าง แม่น้ำแยงซี และลำน้ำสาขาที่ใหญ่ที่สุดซึ่งก็คือ แม่น้ำฮั่น ไหลผ่านตัวเมืองเมืองและแบ่งอู่ฮั่นออกเป็น 3 เขต ได้แก่ อู่ชาง ฮั่นโขว่ และฮั่นหยาง มีสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีภายในตัวเมือง และห่างออกไปทางตะวันตกของมณฑลหูเปย์ จะีเบื่อนซานเสียต้าป้า ซึ่งเป็นถานพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของกำลังผลิตติดตั้งhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99
       





      นานาชาติกำลังเผชิญภัยคุกคามทางสาธารณสุขครั้งใหญ่ จากการระบาดของเชื้อไวรัสดคโรนาสายพันธุ์หม่ที่เริ่มจากจีน องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็น "การระบาดใหญ่" หรือ pandemic หลังจากเชื้อลุกลามไปอย่างรวดเร็วในกว่า 100 ประเทศและดินแดนทั่วโลก..(ปัจจุบันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ให่แพร่ระบาดไปแล้วใน 116 ประเทสและดินแดนทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่า 126,000 คนทั้งได้คร่าชีวิตคนไปแล้วกว่า 4,600 คน,12 มีนาคม 2020 (ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอบกินส์ สหรัฐอเมริกา)
      โลกได้รับรู้เรื่องโรคติดต่อปรสศนา หลังจากทางการจีนยืนยันเมื่อ 31 ธันวาคม 2019 ว่าเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีประชากรกว่า 11 ล้านคน โดยหลังจากเก็บตัวอย่างไวรัสจากคนไข้นำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ในเวลาต่อมาจีน และองค์กาอนามัยโลก ระบุว่า ไวรัสชนิดนี้คือ "เชื้อไวรัสโคโรนา" ซึ่งก่อนหน้านี้ พบไวรัสโคโรนามาแล้ว 6 สายพันธ์ุ ที่เคยเกิดการระบาดในมนุษย์สำหรับไวรัสโคโคนาสายพันธ์ุใหม่ที่กำลังระบาดเป็นสายพันธ์ุที่ 7 
      โลกเคยรู้จักไวรัสในตระกูลนี้มาแล้วจากโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรงหรือ โรคซาร์ส ซึ่งมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน โดยพบการระบาดคร้งแรกปลายปี 2002 เริ่มจากพื้นที่มณฑลกวางตุ้งของจีน ก่อนที่จะแพร่กระนายไปในหลายประเทศ จนมีผุ้ติดเชื้อกว่า8,000 คน และมีผุ้เสียชีวิตไปเกือบ 800 คนทั่วโลก 

        องค์กรอนามัยโลก ประกาศชื่อที่เป็นทางการสำหรับใช้เรียกโรคทางเดินหาใจที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า "โควิด-ไนน์ทีน (โควิด-19) ในขณะที่คณะกรรมการระหว่างประเทศด้วยอนุกรมวิธานวิทยาของไวรัส ได้กำหนดให้ใช้ชื่อไวรัสที่ทำให้เกิดโรค โควิด 19 ว่า SARS-CoV-2 หรือไวรัสโคโรนาโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงชนิดที่สอง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรมอย่างใกล้ชิดกับเชื้อไวรัสโรคซาร์ส
         ในขณะนี้ยังไม่มีใครทราบชัดเจนถึงแหล่งกำเนิดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก่อนหน้าทนี้มีการสันนิษฐานว่า ไวรัสชนิดนี้อาจเิ่มติดต่อจากสัตว์ป่ามาสู่คน โดยมีต้นตอของการแพร่ระบาดจากงูเห่าจีน และงุสามเหลี่ยมจีน ที่นำมาวางจายจำหน่ายในตลาดสดเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นสถานที่พบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกๆ 
           ทีมผู้วิจัยสันนิษฐานว่า งูอาจเป็นสัว์ตัวกลางที่ส่งต่อเชื้อไวรัสโคโรลาสายพันธุ์ใหม่จากค้างคาวมาสู่คน เนื่องจากงูพิษที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติล่าค้างคาวในถ้ำเป็นอาหาร แต่ก็ยังคงมีข้อสงสัยว่า ไวรัสดคโนาสามารถปรับัวให้อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ในร่างกายของทั้งสัตว์เลือดเย็นและสัตว์เลือดอุ่นได้อย่างไร
           ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ตัวนิ่ม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ชาวจีนเชื้อว่าม่สรรพคุณตามตำรายาแผนโบราณนั้น อาจเป็นพาหนะนำเชื้อไวรัสโคโตนาสายพันธ์ให่จากค้างคาวมาแพร่สู่คนที่ตลาดค้าสัตวป่าเมืองอู่ฮั่น..
           หากมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กลุ่มคนที่มีโอากสเสียชีวิตมากกว่า ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และอาจจะรวมถึงผุ้ชายด้วย การวิเคราะห์ขนาดใหญ่ครั้งแรกในผู้ติดเชื้อมากว่า 44,000 ในประเทศจีน พบว่า อัตราการเสียชีวิตในผุ้สุงอายุต่ำกว่า 30 ปี ต่ำที่สุด โดยมีผุ้เสียชีวิต 8 คนในจำนวนผู้ติดเชื้อ 4,500 คน ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหว่า ความดันโลหิต โรคหัวใจ หรือปัญหาในการหายใจ มีโอกาศเสียชีวิตมากว่าคนปกติอย่างน้อย 5 เท่า และผู้ชายมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าผู้หญิงเล็กน้อย...https://www.bbc.com/thai/features-51734255
            ในการปฏิบัติตนต่อ การแพร่ระบาด ซึ่งไม่ทำให้ตนเข้าไปติดเชื้อโรคโดยการป้องกัน เช่นการใช้หน้ากากอนามัย การรักษาสุขอนามัย เช่น ล้างมือ ล้างเท้า หรือ หากพบว่าตนเองติดเชื้อโรคแล้ว ก็ไม่นำตนเองเข้าไปในที่มีผู้คนแออัด ไม่พยายามแพร่เชื้อโรคให้กับผู้อื่น ซึ่งในการแพร่เชื้อจากคน 1 คนสามารถแพร่เชื้อให้กับคนอื่นๆ ได้ถึง 4-5 คน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อกันได้ทางลมหายใจจึงเป็นการยากที่จะควบคุม อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศขณะนี้ได้มีการกำหนดมาตรการ ป้องกัน และรวมถึง การรวมแรงรวมใจกันต้อสู้กับ โควิด 19 กันแล้ว ก็ขอให้ในหลายๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทย พ้นจาก วิกฤต และผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ ไวรัสสายพันธ์ุใหม่ และหยุดตัวเลขของผู้เสียชีวิต และติดเชื้อโรคในเร็ววันนี้...
            

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...