วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

tribute

    กุบไลข่านส่งกองทัพแผ่อำนาจลงทางใต้เพื่อล้มล้างราชวงศ์ซ่งทางตอนใต้ของจีน ซึ่งผลจากการยกทัพตามไล่ล่าดังกล่าว เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้กองทัพมองโกลรุกรานมายังเขตยูนนาน และโจมตี อาณาจักรน่านเจ้า
    หลักฐานในพงศาวดารหงวนฉบับเก่า เล่มที่ 2 แปลเรื่องราวการติดต่อระหว่างอาณาจักรสุโยทัยกับราชวงศ์มองโกล สรุปไว้ว่า กุบไลข่านทรงปรึกษาขุนนางข้าราชการระดับสูงเกี่ยวกับการยกทัพไปปราบปรามแค้วนต่าง ๆ ทางใต้ มี สุโขทัย ละโว้ สุมาตรา และอื่น ๆ เป็นเมืองขึ้น ปรากฎว่าขุนนางชื่อ เจี่ย หลู่ น่ต๋าไม่เห้นด้วยและได้กราบบังคมทูลเสนอแนะให้ทรงชักชวนให้ผู้นำดินแดนต่าง ๆ มาสวามิภักดิ์ก่อน ต่อเมือไม่ยอมจึงยกกองทัพเข้าโจมตี อาณาจักรกว่า 20 อาณาจักรยอมรับข้อ
เสนอ รวมทั้งอาณาจักรสุโขทัยด้วย

Pagan Myanmar

ประวัติศาสตร์พม่ามีความยาวนานและซับซ้อน มีประชากรหลายเผ่าพันธุ์เคยอาศั2009080ยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ เผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ปรากฎได้แก่ มอญ ชาวพม่าได้อพบยพมาจากบริเวณพรมแดนระหว่างจีน และทิเบต เข้าสู้ที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดี และได้กลายเป็นชนเผ่าส่วนใหญ่ที่ปกครองประเทศในเวลาต่อมา ความซับซ้อนของ ประวัติศาสตร์พม่ามิได้เกิดจากกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในดินแดนพม่าเท่านั้น แต่เกิดจากความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านอันได้แก่ จีน อินเดีย บังกลาเทศ ลาว และไทย อีกด้วย
    อาณาจักรพุกาม เข้ามาแทนที่ภาวะสุญญากาศทางอำนาจภายหลังจากการเสื่อมสลายไปของอาณาจักรพยู อาณาจักรของชาวพุกามแต่แรกมิได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กระทั้งพระเจ้าอโรธา สามารถรวบรวมแผ่นดินพม่าได้สำเร็จ และเมืองทรงตีเมืองท่าตอนของชาวมอญได้ อาณาจักพุกามก็กลายเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็งที่สุดในดินแดนพม่า
    ในปี ค.ศ. 1273 กุบไลข่าน ทรงส่งคณะทูตมายังอาณาจักรพุกาม เพื่อให้ยอมจำนน ไม่เพียงแต่กษัตริย์พม่าไม่ยอมจำนนเท่านั้นยังเข้าโจมตี รัฐใต้ปกครองของมองโกลแถบยูนนาน
    กุบไลข่านมีพระราชโองการให้แม่ทัพนาเซอร์ อัลดิน ขุนนางชาวมุสลิม นำทัพโจมตีอาณาจักรพุกาม มองโกลมีชัยเหนือพม่ายึดประชากรร่วมแสนครอบครัวตามชายแดนพม่า
     ต่อมา กุลไลข่านส่งกองทัพเพื่อพิชิตอาณาจักรพุกาม ภายใต้การนำทัพของพระนัดดา อีเซน เตมูร์  แม่ทัพอีเซนต์นำทัพบุกถึงเมืองหลวงพม่าและยึดเมืองหลวงอาณาจักรพม่าได้ พระเจ้านรธิหบดีจึงยมอจำนนต่อมองโกลและส่งเครื่องบรรณาการ เป็นการสวามิภักดิ์ ต่อมาพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์

Kamakura-jidai

     อยู่ในยุคกลางของการแบ่งประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ยุค คะมะกุระ เป็นยุคที่เริ่มต้นการปกครองระบบศักดินาโดยจักรพรรดิเป็นผู้มีอำนาจการปกครอง แต่เพียงในนามรัฐบาลทหารที่เรียกว่า คะมะระ บะกุฟุ ซึ่งมีโชกุนเป็นหัวหน้าปกครองประเทศในนามจักรพรรดิมีอำนาจเด็ดขาดทั้งทางการเมืองและการทหาร “โยริโตโมะ” แห่งตระกูล “มินาโมโต้” TairaKiyomori02 ไดรับการแต่งตั้งให้เป็นโชกุนคนแรกจัดตั้งรัฐบาลทหารมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมือง คะมะกุระ จักรพรรดิประทับที่เมืองเฮอัง
     ใน ค.ศ. 1274 กุบไลข่านตระเตรียมกำลังผสมมองโกลและเกาหลีเข้ารุกรานญี่ปุ่น หลังจากส่งทูตมายังญี่ปุ่นแต่ถูกฆ่าตายทั้งหมด กองทัพผสมข้ามทะเลมาเทียบท่าที่อ่าว ฮะกะตะ บนเกาะคิวชู เรียกว่า การรุกรานปีบุงเอ
     ฝ่ายญี่ปุ่นมีโชนะ ซุเกะโยะชิ ผู้ปกครองคิวชู นำทัพญี่ปุ่นเข้าต่อสู้กับกองทัพผสมมองโกล-โครยอ แต่ไม่สามารถทัดทานกองทัพผสมได้ กระทั้งลมพายุพเข้าอ่าวฮะกะตะ ทำลายเรือของทัพมองโกลไปมาก จึงทำให้ฝ่ายมองโกลต้องถอยหนี 1_display
     ชาวญี่ปุ่นยกย่องลมนี้ว่าเป็น คะมิกะเซะ หรือลมที่เทพเจ้าส่งมาเพื่อปกป้องญี่ปุ่นจากผู้รุกราน
      ในปี ค.ศ. 1275และในปีค.ศ. 1279 กุบไลข่านส่งทูตมาอีกครั้ง และคณะทูตมองโกลก็ถูกสังหาร ทางฝ่ายญี่ปุ่นมีการเตรียมตัวต้อนรับศึกอย่างเต็มที่
      และในที่สุดปี ค.ศ. 1281 กุบไลข่านจึงส่งทัพเรือเข้ารุกรานญี่ปุ่นอีกครั้งเรียกว่า การรุกรานปีเคอัง โดยใช้ทั้งกองทัพเรือของอาณาจักรโครยอ ทัพเรื่อราชวงศ์ซ่งใต้ ขนาดมหึมา โดยวางแผนให้กองเรื่อทั้งสองสมทบกันเพือรุกรานญี่ปุ่น แต่ทัพเรื่อซ่งเกิดการล่าช้า ทัพเรื่อเกาหลีจึงเข้าโจมตีฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นก็เตรียมการมาดีจึงสามารถต้านทานได้ และลมพายุ คะมิคะเซะ ก็พัดเข้ามาอีกครั้งทำลายทัพเรือเกาหลีจนต้องล่าถอยไปอีก และหลังจากนั้นมองโกลไม่รุกรานญี่ปุ่นอีกเลย


Goryeo

  korea_location   ราชวงศ์โครยอ ค.ศ.918-1392 สมัยโครยอลัทธิขงจื้อเขามาในเกาหลีอย่างเต็มตัว เป็นสมัยที่ทหารปกครอง และการยึ่ดครองโดยมองโกลทำให้วัฒนธรรมมองโกลหลั่งไหลเข้าสู่เกาหลี พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรื่องมากในสมัยนี้ มีกาพิมพ์พระไตรปิฎกภาษาเกาหลีเป็นฉบับแรก คือ พระไตรปิฎกโคเรียนะ เก็บไว้ที่วัด แฮอินซาKoryo
      ปี ค.ศ. 1225 วอเคอไตข่าน Ogedei Khan สงแม่ทัพซาร์ไต นำทัพมองโกลเข้าบุกโครยอ ราชสำนักย้ายหนีไปที่เกาะคังฮวา ผู้นำทหารชเวอูพยายามจะสู้พวกมองโกล มองโกลใช้เวลากล่าว 30 ปีจึงปราบคาบสมุทรเกาหลี…
      โครยอยอมแพ้ต่อมองโกลอย่างเป็นทากการใน ค.ศ. 1270 และส่งบรรณาการให้ราชวงศ์หยวนจักรพรรดิกุบไลข่าน อาณาจักรโครยอกลายเป็นประเทศราชของราชวงศ์หยวน องค์ชายโครยอต้องเสด็จไปยังกรุงปักกิ่งแต่พระเยาว์เพือ่รับการสอนและmongolinvasions การปลูกฝังแบบชาวมองโกล รวมทั้งรับพระนามภาษามองโกล และอภิเษกกับเจ้าหญิงมองโกลด้วย
      ช่วงเวลาที่เกาหลีอยู่ภายใต้การยึดครองของมองโกลเป็นช่วงเวลาที่เกาหลีมีการติดต่อกับโลกภายนอกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับประเทศจีนซึ่งพระราชวงศ์และชนชั้นปกครองของโครยอล้วนแต่เดินทางไปเมืองปักกิ่งและนิยมชมชอบวัฒนธรรมมองโกล ชนชั้นสูงพูดภาษามองโกล มีชื่อเป็นภาษามองโกล การเข้ามาของลัทธิ ขงจื้อใหม่ ของ จูจื่อ ปราชญ์สมัยราชวงศ์ซ่ง กำลังรุ่งเรืองอยู่ในประเทศจีนขฯนั้น ได้กลายมาเป็นที่นิยมของชนช้นสูง19418351pq1 ของเกาหลีแทนที่ พระพุทธศาสนา
      เมืองราชวงศ์หยวนถูกล้มล้างโดยราชวงศ์หมิง โคยอก็หันไปสวามิภักดิราชวงศ์หมิง มองโกลจึงเข้าไปสนับสนุนขุนนางโคยอ แล้งลอบปลงพระชนม์พระเจ้าคงมิน ราชสำนักหันมาหามองโกลอีกครั้ง และเพื่อขจัดอำนานราชวงศ์หมิงออกไปจากโคยอ “ชเวยอง”เห็นว่าควรบุกจีนราชวงศ์หมิง แต่ “ลีซองกเย”กลับไม่เห็นด้วยเพราะตอนนั้นราชวงศ์หมิงมีความแข็งแกร่งมาก เมือยกทัพไปถึงกลางทาง ลีซองกเย กลับเปลี่ยนใจหันกลับมาบุกราชวังสังหาร ชเวยอง และปราบภิเษกตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ คือ ราชวงศ์โจซอน

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Eighth Crusade

      
  






             เกิดขึ้นระหวางปี ค.ศ. 1271-1272 เป็นสงครามที่ต่อสู้กันใน “ตะวันออกใกล้” ระหว่างผู้นับถือศาสนาคริสต์และผู้นับถืออิสลาม ในครั้งนนี้มุสลิมเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งเป็นผลทำให้สงครามครูเสดยุติลง และอาณาจักรครูเสดต่าง ๆ ในบริเวณเลแวนต์ (อัชชาม หมายถึงบริเวณเมดิเตอร์เรเนียตะวันออก แต่ในความหมายทางภฺมิศาสตร์หมายถึงบริเวณอันกว้างใหญ่ในเอเชียตะวัตก ทางฝั่งตะวันออกของทะเลเมอิเตอร์เรเนียน โดยทาเทือกเขาทอรัฐเป็นเขตแดนทางตอนเหนือ ทะเลทรายอาหรับทางใต้ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันตก ทางตะวันออกเป็นเทือกเขาซากรอส)
           ทางฝ่ายคริสเตียนมีกำลังคนทั้งสิ้น ประมาณ60,000 คน โดยมีผู้นำที่รวามทั้ง สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งเนเปิดลส์, สมเด็จพระเจ้าฮิวจ์ที่ 3 แห่งไซปรัส, เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษ, โบฮีมอนด์ที่  6 แห่งอันติโอค, อบาคา ข่าน แห่งมองโกลเลีย และสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอาร์มีเนีย
           ทางฝ่ายมุสลิมมีกำลังคนที่ไม่ทราบจำนวนโดยมีไบบาร์สเป็นู้นำ
ในการนับจำนวนครั้งของสงครามครูเสดนั้นบางครั้งก็ว่าครั้งที่ 8 เป็นครั้งสุดท้ายบ้าง บ้างก็ว่ามี 9 หรือ 10 บาง ดังนั้นจึงเรียกครั้งนี้ว่าสงครามครูเสดครั้งสุดท้ายในยุคกลาง
          เมือพระเจ้าหลุ่ยส์ ที่ 9 แห่งฝรั่งเศษไม่สามารถยึดตูนิสได้ใน ครุเสดครั้งที่ 7 เวิร์ดแห่งอังกฤษก็เสด็จไปเอเคอร์เพื่อเข้าร่วมในสงครามครูเสดครั้งที่ 8 แต่เป็นสงครามที่ทางฝ่ายคริสเตียนพ่ายแพ้ ซึ่งในช่วงเวลานั้นอำนาจของพวก “มัมลุ้ก” ในอียิปต์ขยายตัวมากขึ้นและผลของสงครามนำมาซึ่งการสลายของที่มั่นต่าง ๆ ริมฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียนในขณะเดียวกัน

         
   ก่อนหน้านั้นพระเจ้าหลุ่ยส์ที่ 9 ยกทัพมาทางทะเลเมืองยกพลขึ้นบกจึงยึดเมือง ที่อยู่ในความปกครองคือ อัล-มาลิก-อัศ-ศอลิห นัจญ์มุดดีน อัยยูบ ซึ่งกำลังป่วยและเสียชีวิตในระหว่างที่พวกครูเสดเข้ายึดเมือง ดิมยาต ภรรยาของอัยยูบคนหนึ่ง คือ ชะญัร อัล-ดูร ปิดข่าวการตายของอัยยูบไว้ถึง 3 เดือน กระทั่งลูกชายของอัยยูบเดินทางกลับมาจากเมโสโปเตเมีย นางจึงได้แจ้งข่าว ลูกของศอลิห มีเรื่องไม่ลงรอยกับพวกบ่าว(มัมลู้ก) ชะญัร อัล-ดูร จึงได้ลอบวางยา และสถาปนาตนเองเป็นราชินีของพวกมุสลิมมีน แต่อนาจปกครองจริงๆ อยู่ที่พวกมัมลู้ก และในที่สุดพวกมัมลู้ก ก็สถาปนาราชวงศ์ของตนเองคือ มัมูกิยฮฺ โดย  มัมลุกอัยบัก และเกิดการทะเลาะกับวงศ์ของ ซาลาดีน และราชวงศ์มัมลูกกิยะฮฺก็นมาแทนที่ราชวงศ์อัยยูบิยะฮฺ
     พวกมุสลิมที่แตกมาจากแบกแดด หลังจากการล้มเคาะห์ลีฟะฮฺแห่งแบกแดดแล้ว เผ่าทำลายดามัสกัส และทำการรุกรานซีเรียเรื่อยมา เหล่ามุสลิมถอยล่นมารวมกันอยู่กับพวกมัมลู้ก และยับยั้งการรุกรานของพวกมองโกลไว้ได้โดยพวกมัมลู้กนี่เอง...

ครั้งสุดท้ายที่มีการเคลื่อนไหว ที่จะทำให้เกิดสงครามครูเสด โดยปิอุสที่ 2 และเมืองโป๊ปสิ้นพระชนม์สงครามครูเสดก็ยุติลงพร้อมกับการสิ้นพระชนม์ของโป๊ปองค์นี้





       

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

Kinghts of Temple of Solomon (Templar knights )

  
Templar knights 2

  อัศวินเทมพลาร์ เป็นคณะทหารคริสเตียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด เป็นองค์กรอยู่เกือบสองศตวรรษในสมัยกลาง
          คณะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นองค์กการที่ได้รับบริจากทรัพย์สินอย่างมากมายตลอดคริสตจักรและเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในแง่สมาชิกและอำนาจเทมพลาร์เป็นหนึ่งในหน่วยรบที่มีฝึมือที่สุดในสงครามครูเสด
          อัศวินเทมพลาร์ก่อตั้ง จากชนชั้นสูงปรังเศส พร้อมกับอัศวินผู้ติดตามอีก 8 คน ก่อตั้งกลุ่มที่มีจุดมุ่งหมายในการปกป้องผู้แสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ  กษัตริย์ แห่งเยรูซาเล็ม ได้อนุญาตให้ทั้ง 9 ไปอาศัยอยู่ที่บริเวณทิศใต้ของ Temple Mount ซึ่งทั้งชาวคริสต์และสลามถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ โดยชาวคริสต์เชื่อว่าโปสถ์แห่งนั้นตั้งอยู่บนซากปรักหักพักของ วิหารแห่งโซโลมอน และมุสลิม นั้น กาหลิบแห่งอิสลาม เคยสร้าง วิหาร โดมทองแห่งเยรูซาเล็มซึ่งภายในบรรจุก้อนหินที่ศาสดามูฮัมหมัดได้รับจากสวรรค์ ณ ที่ตรงนั้น และโดยการอาศัยอยู่ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิเช่นนี้ทำให้ในภายหลังมีเรื่องเล่าขานกันว่า พวกเขาได้พบ “จอกเหล้าองุ่นที่พระเยซูคริสต์ใช้ในการรับประทานอาษรมื้อสุดท้าย) The Holy Grail
         ในช่วงเริ่มแรก พวกอัศวินไช้ชีวิตอย่างสมถะ ประทังชีวิตด้วยของบริจาก จึงได้รับการขนานนามว่า อัศวินผู้ยากไร้ และจากการที่อาศัยอยู่ในสถานที่ศักดิสิทธิ จึงได้รับการขนานนามว่า “อัศวินแห่งโบสถ์โชโลมอน”
         เก้าปีต่อมา เชื่อเสียของอัศวินผู้สมถะ มีผุ้บริจาคทรัพย์สินเงินทาองมากมาย ทั้งที่ดอน และเงินทองมากมาย ชนชั้นสูงชาวยุโรปหลายคนนังส่งลูกหลายของตัวเองให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว และพวกเขาได้รับเกียรติจากสันตปาปา อินโนเซนต์ที่ 2 ประกาศให้พวกอัศวินเทมพลาร์อยู่เหนือกฎหมายของทุกประเทศ ไม่ต้องเสียภาษี และสามารถเดินทางผ่านดินแดนใดก็ได้โดยมิให้ผู้ใดขัดขวาง
   templarcoverpicture templar_and_hospitaller_knights pakin3
       กลุ่มอัศวินเทมพลาร์นั้น สมาชิกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
- อัศวิน ถูกฝึกฝนในแบบของทหารม้าหนัก แต่งกายด้วยสีขาวและสัญลักษณ์กางเขนสีแดง
- Sergeants มาจากชนชั้นที่อยู่ต่ำกว่าอัศวิน ทำหน้าที่ในฐานะทหรม้าเบา พวกนี้จะสวมชุดสีนำตาบ
- The serving brothers ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณและทางศาสนาให้กลุ่มพวกอัศวินเทมพลาร์เข้าร่วมสมรภูมิสำคัญ ๆ ในดินแดนแถบนี้ในฐานะกองทหารชั้นยอด และยังเคยเข้าร่วมกับ กองทัพ หลุยส์ แห่งฝรั่งเศษ และ ริชาร์ดใจสิ่งแห่งอังกฤษในการบในดินแดนปาเลสไตน์

        อัศวินเทมพลาร์เริ่มใช้ระบบซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบของระบบธนาคาร เนื่องจากกลุ่มเทมพลาร์มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาล และเริ่มให้ผู้แสวงบุญชาวสเปนยืมเงินสำหรับใช้เดินทางไปดินแดนศึกดิ์สิทธิ โดย เมือมีผู้แสวงบุญในยุโรปประสงค์จะเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ พวกเขาจะนำทรัพย์สินทั้งหมดของตนไปฝากไว้กับฐานของอัศวินเทมพลาร์ในประเทศของตน ซึ่งทางอัศวินเทมพลาร์จะออกใบเสร็จซึ่งจดบันทึกรายการทรัพย์สินที่ฝากไว้ให้ผู้แสวงบุญติดตัวไป และเมือผู้แสวงบุญกำลังเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ หากต้องการใช้เงินเมือไร ก็นำใบเสร็จนี้ไปยื่นต่ออัศวินเทมพลาร์ที่เจอระหว่างทาง และนำทรัพย์สินของตนออกมาใช้ เพื่อป้องกันการถูกปล้นกลางทาง
       นอกจามีระบบฝาก1254191073เงินแล้ว ด้วยความร่ำรวยจึงมรหลายต่อหลายคนในยุโรปเข้ามรยืมเงิน การคิดดอกเบี้ยเป็นข้อห้ามของศาสนจักร พวกอัศวินเทมพลาร์จึงใช้วิธีคิด “ค่าเช่า” แทน
     อัศวินแทมพลาร์กลายเป็ฯกลุ่มที่ร่ำรวยและมีอำนาจอย่างมาก ครอบครองที่ดินทั้งในยุโปรและตะวันออกกลาง สร้างปราสาทและโบสถ์มากมาย ค้าขายสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้า มีกองทัพเรือของตัวเอง และครอบครองเกาะไซปรัสทั้งหมด
            เมือกรุงเยรูซาเลมพ่ยต่อสุลต่าย ซาลาดิน การสนับสนุนจากยุโรปก็ตกต่ำลง กษัตริย์ ฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ได้ยืมเลินจำนวนมาจากอัศวินเทมพลาร์เพื่อใช้ในการทำสงครามกับอังกฤษ แต่ไม่มีเงินพอจะใช้คืน… จึงสั่งสอบสวนผุ้นำ ในฐานะเป็นพวกนอกรีต 6a00d83451bd4469e200e553f320288833-800wi
            ในวันศุกร์ที่ 13 ค.ศ. 1307 ฟิลิปจับกุมตัวสมาชิกอัศวินเทมพลาร์ทั้งหมดในฝรั่งเศส กล่าวหาว่าพวกอัศวินเทมพลาร์บูชาปีศาจบาโฟเมต (ซาตาน)  เป็นพวกนอกรีต และสั่งประหารซึ่งทำให้ฟิลิปรอดพ้นจากการเป็หนี้พวกอัศวินเทมพลาร์ และยังยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพวกอัศวินเทมพลาร์ด้วย และยังมีตำนานความเชื่อ ทั้งในวันที่เหล่าอัศวินถูกจับ ก็เชื่อว่าเป็น ศุกร์ที่ 13 วันแห่งความโชคร้าย และยังเชื่อด้วยว่าเหล่านอัศวินที่อาศัยอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิอาจจะพบอะไรบ้างอย่างเช่น ได้ครอบครัววัตถุศักดิ์สิทธิ เช่น จอกศักดิ์สิทธิ หรือการได้พบ Cropper Scroll  “ม้วนบันทึกทองแดง” ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้พวก Knight Templar ถูกข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต( คือส่วนหนึ่งของคัมภีร์ Dead Sea Scrolls และ Lilth of Dead Sea ซึ่งมีการค้นพบในถ้ำคูมรัม เป็นคัมภีร์โบราณที่เกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับที่เขียนไว้เป็นรหัสลับ ต้องมีการติดต่อกับวิญญาณต่าง ๆ จึงจะเข้าใจ และคัมภีร์นี้เองเป็นที่มาของลัทธินอสติค และในขณะนั้นทางวาติกัน ได้สั่งหามไม่ให้มีการเผยแพร่คัมภีร์นี้ออกสู่สาธารณะ ถึงแม้อัศวินเทมพลาร์จะล่มสลาย แต่ยังคงเหลือสมาชิกอีก 100 กว่าคนหลงเหลือในยุโรป กองเรือของพวกอัศวินเทมพลาร์ได้หลบซ่อนตัวเองและตั้งชื่อใหม่ ว่า “ The Knights of Christ”
ดู t p k
ดูอัลบั้มทั้งหมด


“ ความจริงจะปลดปล่อยเจ้า” ภาษิตเทมพลาร์

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

xiangyang



   เซียงหยาง อยู่ในตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูเป่ย เป็นจุดยุทธศสตร์ที่สำคัญของW020120421715748992910ราชวงศ์ซ่ง ที่ตั้งเมืองเซี่ยงหยาง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ฮั่น Han เป็นเมืองหน้าด่านทางน้ำ เพราะแม่น้ำฮี่นเป็นเส้นทางเข้าสู่แม่น้ำแยงซี หากตีได้เมืองเซียงหยาง มองดกลสามารถรุกคือบเข้ายึดเมืองสำคัญๆ ได้อย่างง่ายดายดดยไม่ต้องใช้กองทัพม้า เพียงส่งกองเรื่อไปตามแยงซี ก็จะยึดเมืองต่างๆ ได้โดยสะดวก ฉะนั้นชะตากรรมของเซียงหยาง ก็คือซะตากรรมของซ่ง ซึ่งมองโกลทราบในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
 
     กุบไลข่านเมืองขึ้นครองจักรวรรดิมองโกลแล้ว จึ้งเตรียมไพร่พลที่จะบุก ราชวงศ์ซ่ง จากภูมิประเทศแผ่นดินซ่ง ที่มีแม่น้ำแยงซีเป็นปราการทางธรรมชาติ และภูเขาที่สลับซับซ้อน มองโกลจึงจัดเตรียมกำลังจากทหารม้า มาเป็นทหารราบ และกองเรือ
6a00d8354be54369e20115705aec67970c-800wi    ราชวงศ์ซ่งนั้นไม่เน้นนโยบายทางการทหาร ไม่ให้มีทหารตามหัวเมือง หากส่วนกลางหรือจักรพรรดิเข้มแข็งกองทัพก็จะเข้มแข็งตาม ครั้งตั้งแต่รบกับราชวงศ์เหลียว ราชวงศ์จิน ราชวงศ์ซ่งเลือกจะยอมเจรจาสงบศึกมาโดยตลอด แม้จะเป็นรัฐบรรณาการก็ยังยอม ฉะนั้นจุดชี้เป็นชี้ตายของศึกครั้งนี้ก็อยู่ที่เมืองเซียงหยาง ฝ่านเฉิง
     มองโกลเคลื่อนพลลงจากทางเหนืออย่างรวดเร็วและโจมตีเมืองต่าง ๆ อย่างหนัก บรรดาแม่ทัพนายกองล้วยสวามิภักดิ์ มองโกลจัดการแผ่นดินสองฝั่งแม่น้ำแยงซีแล้ว กองทัพมองโกลจึงเคลื่อนพลทั้งทางบกและทางน้ำ
tour
        และเข้าสู่สมรภูมิ เซี่ยงหยาง และฝ่านเฉิง ทั้งสองเมืองนี้เป็นเมืองอกแตก คือมีแม่น้ำฮั่นไหลฝ่านกลางเมือง เช่นเดียวกับ บูดาและเปสต์ในฮังการี 
       ในการล้อมเมืองเซี่ยงหยางนี้ใช้เวลาในการล้อม 5 ปี เกือบเข้าปี่ 6 (ค.ศ.1267-1273) จึงจะตีแตก ดังที่ได้อธิบายถึงภูมิประเทศของเมืองประกอบกับกำแพงเมืองเซียงหยางที่สูงใหญ่และป้องกันการโจมตีจากเครื่องยิง ต่างๆ ด้านหน้าแม่น้ำฮั่นที่มีความกล่าวกว่า150 เมตรเป็นปราการธรรมชาติอย่างดียิ่ง และภูเขาใหญ่เป็นปิดล้อมทั้งซ้ายและขวาและด้านหลังของเมืองอย่างแน่นหนา
       ในการล้อมเพื่อจะให้ชาวเมืองหมดเสบียงและออกมาสวามิภักดิ์ แต่การล้อมเมืองลักษณะนี้ไม่ได้ผลเพราะสามารถออกไปหาเสบียงหรือส่งทหารเข้าปล้นค่ายหรือลอบออกไปหากำลังหนุนทางน้ำได้ ดังนั้นจึงเป็นการชิงเชิงยุทธศาสตร์เหนือน่านน้ำฮั่น
gtrthrthr       มองโกลจึงทำการโจมตีฝานเงกอ่นมองโกลทำการตัดขาดการติดต่อทางบกของทั่งสองเมืองโดยทำลายสะพานระหว่างเมืองทั่งสองเพื่อที่จะต้องงปิดทางแม่น้ำระหว่างสองเมืองจึงทำให้เกิดการรบทางน้ำหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งกว่าจะยึดฝางเฉิงได้ใช้เวลาเป็นปี กองทหารฝานเฉิงลอบลงเรือหนีไปเซี่ยงหยางในที่สุด มองโกลยึดน่านน้ำทางตะวันกตไว้ได้

      กองทัพมองโกลเปิดฉากการโจมตีโดยส่งกองเรือรบระดมยิงกำแพงเมืองอย่างหนักเพื่อให้กองทหารราบบุกยึดหัวหาด ซึ่งก็ได้ผล แต่มองโกลไม่สามารถเข้าตีเมืองได้ การเข้าตีเมืองในแต่ละครั้งมองโกลต้องสูญเสียไพร่พลเป็นจำนวนมาก มองโกลจึงตัดสินใจล้อมเมืองไว้
     เมื่อเซี่ยงหยางถูกล้อม “ชาวซ่ง” ไม่ส่งกองทัพมาช่วย โดยอ้างว่าเมืองนี้มี “เทวดาสถิตย์อยู่” และมองโกลจะต้องย้อนกลับไปเอง 

   ในที่สุด “อบาคาร์ข่าน”ผุ้ครองแค้วนอิลข่าน สืบต่อจากฮูเลกูข่าน ผู้เป็นบิดาได้ส่งกองทัพปสมมแงโกลเปอร์เซียมายังแผ่นดินจีนเพื่อช่วย กุบไลข่าน ทำศึกโดยส่งวิศวกร มุสลิมเชื้อสายเคริดสองคนคือ อลาวดิน และอิสมาอิล มานังจีน วิศวกรสองคนได้ประดิษฐ์เครื่องยิงก้อนหิน ที่เรียกว่า “Counterweight Trebuchet” หรือเครืองยิงหินขนาดยักษ์ ในบันทึกของจีนเรียกเครื่องยิงหินนี้ว่า “หุยหุยเพา” ซึ่งอานุภาพในการทำลาย “หุยหุยเพา” นั้นทำให้ป้อมและเชิงเทินพินาศในพริบตา กองทัพจีนถอนกำลังจากกำแพงเมือง กองทัพมองโกลจึงสามารถรุกเข้ายึดเมืองเซี่ยงหยางได้สำเร็จ

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...