วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

๋Jhuyaunjang

     กองทัพภายใต้การนำของจูหยวนจางบุกเข้ายึดจี๋ซิ่ง (นานกิงในปัจจุบัน) และเปลี่ยชื่อเป็นอิ้งเทียนฝู่ จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยายกองำลังเรื่อย ๆ สามารถพิชิตกองทัพของเฉินโหย่วเลี่ยง เอาชนะกองกำลังจางซื่อเฉิง กระทั้งชนะกองกำลังตามแนวชายฝั่งเจ้อเจียงของฟังกั๋วเจิน ได้ จึงตั้นตนเป็นฮ่องเต้
       ในการปฏิบัติต่อขุนนางนั้น  แม้ในช่วงต้นของการสถาปนาราชวงศ์ จะมีกาปูนบำ1268621537เหน็จและพระราชทานตำแหน่งให้กับขุนนางที่มีผลงาน ทว่าเพื่อที่จะรวบอำนาจให้รวมศูนย์ไว้ที่องค์ฮ่องเต้ และการมีนิสัย ขี้ระแวง ทำให้ในรัชกาลหงอู่มีการประหารฆ่าขุนนางผู้มีคุณูปการเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรณีสำคัญเช่นกรณี หูเหวยยง กับหลันอี้
    หูเหวยยงเป็นทหารในกองทัพติดตามจูหยวนจางที่เหอโจว เป็นที่ปรึกษาที่สำคัญตั้งแต่ก่อนจะครองราชย์ กระทั่งได้ดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีในเวลาต่อมา หูเหวยยงได้รับความโปรดปราฯจากมิงไท่จู่เป็นอย่างยิ่ง และเริ้มมีอิทธิพลและกุมอำนาจต่าง ๆ ไว้ในมือ มีขุนนางจำนวนมากที่มาเป็นสมัครพรรคพวกมากมาย จนมักทำการโดยพลการเสมอ  อาทิ ฎีกาที่เหล่รขุนนางเขียนถวายฮ่องเต้ หากมีฎีกาใดที่ไม่เป็นประโยชน์กับตนก็จะไม่ยอมถวายขึ้นไป
     หูเหวยยงถูกกล่าวหาว่ามีความคิดเป็นกบฎ หมิงไท่จู่รับสั่งให้ประหารหูเหวยยงพร้อมทั้งถือโอกาสใหนการกวาดล้างวงศ์ตระกูลและสมัครพรรคพวกทั้งหมด นอกจากนั้นภายหลังยังมักจะอาศัยข้ออ้างการเป็นพรรคพวกของหูเหวยยงเป็นอาวุธในการปกคีอง คือ เมื่อระแวงสงสัยผู้ใด ทั่คาดว่าอาจจะเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ ก็จะถูกประหารด้วยข้อกล่าวหาดังกล่าว
     หลันอี้ เป็นแม่ทัพที่สร้างผลงานในการศึกอย่างมากมาย  จนได้รับการพระราชทานบรรดาศักดิเป็นเหลียงกั๋วกง แต่ด้วยความถือดีที่มีผลงาน จึงใช้อำนาจบาตรใหญ๋ ไม่รักษากฎหมาย และไม่รักษาธรรมเนียมจารีตของความเป็นขุนนางกับฮ่องเต้ ภายหลังถูกจับตัวในข้อหาเตียมก่อการกบฎ โดยการลงโทษในครั้งนี้มีผู้ถูกประหารกว่า หมื่นห้าพันคน
      จากความระแวงนั้น imagesหลังจากเกิดเหตุการทั้งสองแล้ว จูหยวนจางจึงสั่งยกเลิกระบบอัครเสนาบดี แล้วแบ่งอำนาจการปกครองออกเป็น 6 กระทรวงแต่ละทรวงมีเจ้ากระทรวง หนึ่งคน กับผู้ช่วยอีก สองคน และทั้ง6 กระทรวงขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ และจากความระแวงนี้ ทำให้กิดการจัดตั้งหย่วยงานสำคัญในการตรวจสอบ คือ สำนักงานตรวจการ และหย่วยงานองครักษ์เสื้อแพรา เพื่อให้เป็นหย่วยงานพิเศษในการตรวจสอบขุนนางในราชสำนักและราษฎรทั่วราชอาณาจักร จากนั้นทรงแต่งตั้งพระโอรสให้ไปเป็นเจ้ารัฐประจำอยู่ในหัวเมืองต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายหนึ่งเพื่อเพิม่ความแข็งแกร่งและศักยภาพในกาป้องกันชาวมองโกลจาทางเหนือ และอีด้านหนึ่งเป็นมาตรการป้องกันการร่วมมือระหว่างเหล่าองค์ชายกับขุนนางกังฉินในชสำนักเพื่อชิงราชบัลลังก์ และมีการป้องกันการใช้อำนาจบาตรใหญ่ขององค์ชายต่างๆ จึงบัญญัติไว้ว่า หากมีความจำเป็นให้สามารถถอดถอนจากเจ้ารัฐเหล่านี้ได้

    มาตรการต่างๆ นี้ เป็นการสร้างระบบรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จขึ้น โดยเฉพาะการยกเลิกตำแหน่งเสนาบดี ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบสังคมการปกครองจีน 

Ottoman

    อาณาจักรอุษมานียะฮ์หรือออตโตมานเติร์กเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1299 สถาปนาโดย อุษมาน และ7_33 ท่านอุษมานประกาศตนเป็นปาชะห์ปกครองอาณาจักรออตโตมานที่แค้วนโซมุตทางทิศตะวันตกของอนาโตเลีย จึงเป็นสุลต่านองค์แรกแห่งราชอาณาจักรออตโตมาน
    ในช่วงเซจจุกเติร์กเสือมอำนาจ  ชาวเติร์กกลุ่มหนึ่งอพยพเปอร์เซีย ในกลางทศวรรษที่ 13 Ertugrul ได้รพาเผ่าของตนอพยพหลัหนีการโจมตีของพวก “มองโกล” เมื่ออพยพมาถึงอนาโตเลีย แล้ว Ertugrul เสียชีวิตบุตรชายคือ ออสมัน ขึ้นเป็นผู้นำแทน และเมือเซลจุกเติร์กเสื่อมอำนาจจึงสถาปนาอาณาจักรออสโตมันขึ้น
    
    2996580967_49b4e33124   อาณาจักรไบแซนไทน์ กำลังเสื่อมอำนาจลงในขณะที่อาณาจักรออตโตมัน กำลังเข้มแข็งขึ้น กำแพงกรุงสแตนติโนเปิลเป็นสิ่งเดียวที่ขวางการโจมตีของออตโตมัน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้นาน เดือน พฤษภา ปี ค.ศ. 1453 อาณาจักรโรมันตะวันออก จึงปิดฉากลง หลังอยู่มาเป็น เวลากว่า 1,123 ปี มีจักรพรรดิปกครองรวม 82 พระองค์ จากหลายราชวงศ์ จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 11 เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้าย ทรงสิ้นพระชนม์ในวันที่เสียกรุงคอนสแตนติโนsuleymaniyemosque1 เปิล
      ชัยชนะ ได้เปิดโอกาสในชนเชื้อสายเติร์กจากเอเชียกลางหลั่งไลเข้าสู่อาณาจักอนาโตเลีย และเปิดทางสูจักรวรรดิออตโตมันอันยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา
      สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 ทรงได้รับการขนานนามว่า ฟาติ เมห์เมต “ฟาติ” หมายความว่า “ผู้พิชิต” ทรงโปรดให้ย้ายเมืองหลวง มายังกรุงสแตนติโนเปิล และเปลี่ยนชื่อเป็น อิสลามบูล ภายหลังมีการสถาปนาสาธารณรัฐตุรกี นครอิสลามบูลเปลี่ยนชื่อเป็น “อิสตันบูล”
       ในระยะเวลาไม่ถึง 100 ปี  นับตั้งแต่สุลต่านเมห์เมตที่ 2 ทรงสามารถยึดเมืองคอนสแตนติโนเปิลได้สำเร็จ อาณาจักรออตโตมันแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมุสลิมในเวลาต่อมา จักรวรรดิออตโตมันขยายอำนาจครอบคลุมถึง 3 ทวีป ได้แก่ ตะวันออกกลาง (เอเซีย) แอฟริกาเนือ และยุโรบบอลข่านConstantinople-in-the-16th-century-centre-of-ottoman-empire

     สุลต่านสุไลมาน จักรวรรดิออตโตมันเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด อาณเขตได้แผ่ขยายออกไปอยางกล้างใหญ่ไพศาล ทิศตะวันตกจรดดินแดนออสเตีย ทิตะวันออกจรด คาบสมุทรเรเบีย ทิศเหนือจรดค่บสมุทรไครเมีย ทิศใต้จระซูดานในแอฟริกาเหนือ ชาวตะวันตกขนานนามพระองค์ว่า “สุไลมาน ผู้ยิ่งใหญ๋”  ในตุรกีท่านได้รับสมัญญานามวา “สุไลมาน ผู้พระราชทานกฎกหมาย”  สุไลมานสิ้นพระชนม์ในระหว่าทำสงครามในฮังการี ในปี ค.ศ. 1566 รวมสิริมายุ 74 พรรษา ครองราช 46 ปี “สุไลมาน ผู้ยิ่งใหญ่”เป็น 1 ใน3 สิ่งที่ชาวตุรกีภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตริย์ชาติตน



หลังสิ้นยุคสุลต่านสุไลมาน จักรวรรดิออตโตมัน ก็เสื่อมลงเป็นลำดับ กินเวลาถึง 300 ปีก่อนจะล่มสลายภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
    ในศตวรรษที่ 18 ชาติมหาอำนาจในยุโรป เริ่มตระหนักถึงความอ่อนแอของจักรรวรรดิออตโตมัน และตั้งคำถามว่า ควรจะดำเนินการอย่างไรกับดินแดนภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อ “ดุลยอำนาจในยุโรป”
    ในศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิออตโตมันได้รับฉายาว่า “คนป่วยแห่งยุโรป” โดยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 แห่งรัสเซีย เป็นผุ้ตั้งในเชิงดูหมิ่น ออตโตมาน เมือครั้งเข้าร่วมสงคราม ไครเมีย กับอังกฤษและฝรั่งเศษ ต่อต้านรัสเซียน ในปี ค.ศ. 1854

Ilkhanate

    อิลข่าน หรือ อิลคาเนธ เมื่อเปอร์เซียตกเป็นอยู่ใต้อำนาจ อาณาจักรมองโกล ฮูลากูจึงแยกตัวIlkhanate_in_12561353 ออกมาตั้งอาณาจักรเพื่อปกครองบริเวณในเขตเปอร์เซีย โดยที่เรียกว่า House of Hulagu ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของมองโกลในเปอร์เซีย ในช่วงศัตวรรษที่ 13 มีอาณาเขตตั้งแต่ อาเซอร์ไบจาน และตอนกลาง และตะวันออกส่วนหนึ่ง ของตุรกีในปัจจุบัน และบริเวณที่เป็น Khwarezmid Empire ทั้งหมด ซึ่งเริ่มสู้รบตั้งแต่สมัยเจงกิสข่าน และฮูเลกูเป็นผู้พิชิตอาณาจักรนี้220px-HulaguAndDokuzKathun


   อาณาจักรอิลข่านคือทั้งหมดของ อิรัก อิหร่าน เติร์กเมนิสถาน อัมม์เมเนีย อาร์เซอไบจาร จอร์เจีย ตุรกี และ ตะวันออกของ อัฟกานิสถาน ทางใต้ของปากีสถาน
    อิลข่าน ประกอบด้วยศาสนาต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่ จะนับถือ ศาสนาพุทธและ คริสต์ และหลังจากนั้น อิสลามจึงเข้ามาเผยแพร่ในอาณาจักรอิลข่าน

Chagatai Khanate

       จักรวรรดิข่าน จักกาไทย เป็นอาณจักรหนึ่งในจักวรรดิมองโกล ต่อมาเปลี่ยนเป็นเตอร์กิก  280px-Chagatai_Khanate_map_en.svg จักรวรรดิข่านปกครองโดย ข่านจักกาไทย โอรสองค์ที่สองของเจงกิส ข่าน  ซึ่งแยกตัวเป็นรัฐอิสระ
      ช่วงที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดคือปลายศตวรรษที่ 13 จักรวรรดิข่านมีอาณาบิรเวณตั้งแต่ อมูดาร์ยา Amu Draya ทางใต้ของทะเลอารับ จนถึงเทือกเขาอัลไต บริเวณเขตแดนที่ปัจจุบันคือมองโกเลียและจีน
      จักรวรรดิข่าน จักกาไทย รุ่งเรืองมาตั้งแต่คริสทศวรรษที่ 1220 กระทั้งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 แม้ว่าอาณาจักรครึ่งหนึ่งทางตะวันตกจะตกอยู่ใต้จัวรรดิตีมูร์ แต่ยังคงปกครองในดินแดนที่เหลืออยู่ที่ตะวันออก ความสัทพันธ์กับอาณาจักรตีมูร์ นั้น บางครั้งก็ทำสงครามกันบางครั้งก็เป็นพันธมิตรกัน  ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 อาณาจักรที่ยังคงเหลืออยู่นั้นก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองระบบเทวาธิปไตยของ Apaq Khoja และผู้สืบเชื้อสาย โคจินั้น ผู้ครงอเติร์กสถานตะวันออก ภายใต้ดซุงการ์  และในที่สุดประมุขของแมนจู

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Moscow

ซาร์อีวาที่ 3
       ในสมัยของพระเจ้าอีวานที่ 3 แห่งรัสเซีย หรือ พระเจ้าอีวานมหาราช ในยุคของพระองค์ไ้ทรงราบรวมดินแดนให้กลับเป็นปึกแผ่นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1480 ทรงขับไล่กองทัพตาตาร์ของพระเจาบาตูข่านออกจากรัสเซียจนหมดสิ้นและทรงทำลาย โกลเดนฮอร์ด Golden Horde ซึ่งประกอบด้วย 3 อาณาจักร ใหญ่ของชาวมองโกล ได้แก่ อาณาจักรไวท์ฮอร์ด ที่ก่อตั้งโ่ดย อ็อกโตไก ข่าน อาณาจักรบบูฮอร์ด ที่ก่อตั้งโดยพระเจ้า บาตูข่าน และอาณาจักรเกรทฮอร์ด ที่ก่อตั้งโดย พระเจ้าเคอชุก มุฮัมหมัด ปิดฉากสองศตวรรษภายใต้การปกครองของมองโกล
     ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 อาณาจักรรัสเซียได้ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ หลังจากพวกมองโกลระส่ำระสาย ผู้นำแป่งอาณาจักรมอสโค ทรงตั้งพระองค์เป็นกษัตริย์แห่งชาวรัฐเซียทั้งปวง  พระเจ้าอีวานที่ 3 ทรงสภาปนากรุงมอสโกเป็นราชธานี ชาวรัสเซียสมัยนั้นถือว่าพวกตนเป็นทายาทอันชอบธรรมของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์
     พระเจ้าอีวานที่ 3 ทรงอภิเษก 2 ครั้ง มเหสีองค์แรกสิ้นพระชนม์เมืองพระองค์ครองราชย์ได้ 5 ปี  การอภิเษกในครั้งที่ 2 นั้น ทรงสมรสกับ เจ้าหญิงโซเฟียแห่งไบแซนไทน์ พระเจ้าหลานเธอของจักรพรรดิแป่งอาณาจักรไบแซนไทน์องค์สุดท้าย (จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 11 พาลาโอโลกอสซึ่งสวรรคตเมืองครั้งการเสียกรุงคอนสแตนติโนเปิล)
 





  แต่ละส่วนของเมืองแยกออกจากกันโดยมีป้อมปราการล้แมรอบ มีแม่น้ำมอสควาไหลผ่าน พวกช่างฝีมือและกรรมกร อาศัยอยู่ในบริเวณเมืองที่สร้างด้วยไม้ พวกพ่อค้าและพวกขุนนางอาศัยอยู่ในบริเวณที่เรียกว่าเมืองสีขาว (สิ่งอ่กสร้างด้วยหินสีขาว White City) ถัดมาจะเป็นเป็นส่วนที่เรียกว่า Kitatgrod

    ซาร์อีวา ทางนำช่างชาวอิตาลีมาออกแบบสร้างพระราชวังป้อมปราการต่าง ๆ และพระวิหารในพระราชวังเครมลินและที่อื่นๆ ด้วยเช่น ทรงให้สร้างมหาวิหาร เป็นที่สำหรับซาร์ ทำพิธีบรมราชาภิเษกในพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโก โปรดให้สร้างวังที่ประทับ และมหาวิหารนอาร์คันเกล มิคาอิล ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่ฝั่งพระศพซาร์กษัตริย์แห่งรัสเซียในเวลาต่อมา

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Yaon Dynasty II

  การปกครองในราชวงศ์หยวน
ราชวงศ์หยวนเป็นยุคสมัยที่ต้องปกครองผู้คนหลากหลายชนชาติหลายเผ่าพันธ์ โดยมีimageประชาการเป็นชาวฮั่นมากที่สุด โดยยึดชาวมองโกลเป็นกลุ่มชนหลักในการบริหารประเทศ
      ชนชั้นวรรณะในสังคม ก็แบ่งตามชาติพันธ์ โดยชาวมองโกลมีฐานะทางสังคมสูงสุด รองมาเป็นพวกชาวต่างชาติ ต่อมาก็คือ ชาวซ่งเหนือและ ฐานะทางสังคมที่ต่ำที่สุดคือซ่งใต้ ในทั่งนี้ไม่มีการแบ่งฐานะทางสังคมอย่างชัดเจนแต่สะท้อนออกมาทางกฎหมาย ข้อบังคับ สิทธิหน้าที่ต่าง ๆ ของพลเมืองในชาติ
      นอกจากนั้นยังมีการแบ่งความสูงต่ำทางอาชีพกระทั่งมีการล้อเลียน ในยุคสมัยนั้นว่า “หนึ่งขุนนางสองข้าราชการ” “เก้าบัณฑิตสิบของทาน” ซึ่งบัณฑิตในสมัยนี้ถูจัดลำดับอาชีพซึ่งอยู่ตำกว่ากระทั้งโสเภณี
     มองโกลหลังจากยุคกุบไลข่าน มีการแก่งแย่งอำนาจกันอย่างรุนแรงและหนักหน่วง ระยะเวลาเพียง 25 ปี ราชวงศ์หยวนมีจักรพรรดิถึง 8 พระองค์ บางพระองค์ครองราชเพียง ปีเดียว
    baitashi  การกดขี่ ขมเหงและขูดรีดประชาชน โดยเก็บภาษีในอัตราสูงกว่าต้นราชวงศ์กว่ายี่สิบเท่าตัว รายรับไม่พอกับรายจ่าย คลังหลวงจึงต้องพิมพ์ธนบัตรออกมาอย่างมากมาย ค่าเงินจึงลดลง เกิดปัญหาเงินเฟ้อ เป็นเวลาเดียวกับการเกิดอุทกภัย เขื่อนแม่น้ำฮวงโหไม่ได้รับการบูรณะหลายปี ประชาชนมีความทุกข์ยาก  ตกอยู่ในสภาพ“ผู้คนอดตายเกลื่อนถนน คนเป็นก็ไม่พ้นใกล้เป็นผี”
     ราชสำนักต้าหยวนได้ส่งทหาร ไปบังคับเกณฑ์แรงงานชาวฮั่น เรื่อนแสน เพรือขุดลอกคลอง แม่น้ำ และซ่อมเขื่อนที่พัง และขุนนางยังถือโอกาสโกงเงินค่าแรงจาก มวลชนมีความเจ็บแค้นต่อราชสำนัก ในเวลานั้น จึงเกิดลัทธิดอกบัวขาว ในการรวบรวมเป็นกองทัพชาวนา
    และด้วยกลวิธีที่ผนวกับเชื่อของมนุษย์ในยามแร้งแค้น ลัทธิดอกบัวขาว ให้คนออกไปปล่อยข่าวลือว่า “ เมือใดที่มนุษย์หินตาเดียวปรากฎ ก็จะมีการพลิกฟ้าผลัดแผ่นดิน” หลังจากนั้นก็ลอบส่งคนไปทพรู้ปั้นหินมนุษย์ตาเดียวแล้วนำไปฝังบริเวณที่มีการขุดลอกแม่น้ำ เมือชาวบ้านขุดพบรู้ปั้นหิน การต่อต้านมองโกลจึงลุกลามเป็นไฟลามทุ่งImage (1)
    หลังจากนั้นลัทธิบัวขาวจึงตั้งเป็นกองทัพโพกผ้าแดง และทำศึกกับราชสำนัก กองทัพโพกผ้าแดงเสือมสลายไป จากการเสียชีวิตของผุ้นำ เป็นช่วงเวลาเดียวกับอีกกองกำลังทาใต้ นำโดย “จูหยวนจาง”กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม่จะเป็นเยงลูกชาวนาเกิดในครอบครัวที่ยากจนแต่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากกุนซือผุ้ชาญฉลาด และเศรษฐีผู้มั่งคั่ง จึงทำให้กองทัพเติบโตอย่างรวดเร็ว
    ปี ค.ศ. 1368 ทั่วทั้งแดนใต้ตกเป็นของจูหยวนจาง จึงสภาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ “ราชวงศ์หมิง” ตั้งเมือง อี๋เทียน และไคview_resizing_imagesฟง เป็นเมืองหลวงต่อมาอีกห้าเดือน จูหยวนจางบุกตี ต้าตู อันเป็นราชธานีราชวงศ์หยวน กระทั้ง หยวนซุ่นตี่ ต้องลี้ภัยไปทางเหนือจึงเป็นกาลอวสานของราชวงศ์หยวน
    รวมทั้งสิ้นราชวงส์หยวนปกครองแผ่นดินจีน เป็นเวลา 97 ปี จักรพรรดิ์ 11 พระองค์ ทั้งที่เป็นอาณาจักรที่เข้มแข็งและยกว้างใหญ่ แต่การขูดรีด การกดขี่ และการแบ่งชนชั้น ทำให้เกิดการล่มสลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ต่อชนชั้นปกครองในราชวงศ์ต่อๆมา ราชวงศ์หยวนเป็นช่วงเวลาที่กำหนดอาณาเขตการปกครองของแผ่นดินจีนในเวลาต่อมา กล่าวคือหลังจากราชวงศ์หยวนถึงราชวงศ์ชิง อาณาเขตของแผ่นดินจีนไม่มีการเปลี่ยแปลงมากนัด

Yaon Dynasty I

      ราชวงศ์หยวน คือหนึ่งในราชวงศ์ของจักรวรรดิจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1271-1387 ก่อตั้งขึ้นเมือกุบไลข่านโค่นอำนาจราชวงศ์ซ่ง แล้วตั้งราชวงศ์ของชาวมองโกล โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่ปักกิ่ง(ต้าตู) ทรงเป็นฮ่องเต้พระองค์เดียวที่ชาวจีนยอมรับ
   จักรพรรดิราชวงศ์หยวน

พระนามแต่งตั้ง พระนามข่าน พระนามเดิม ปีครองราชย์(ค.ศ.)
ไท่จู่ เจงกิส ข่าน เตมูจิน 1206-1227
รุ่ยจง โตลุยข่าน โตลุย 1228
ไท่จง วอเคอไต ข่าน วอเคอไต 1229-1241
ติ้งจง กูยุก ข่าน กูยุก 1246-1248
เสียนจง มองเก้ ข่าน มองเก้ 1251-1259
ซื่อจู กุบไล ข่าน กุบิไล 1260-1294
เฉินจง เตมูร์ ข่าน เตมูร์ 1294-1307
หวู่จง คูลุก ข่าน Qayshan 1308-1311
เหรินจง อายูบาร์ดา ข่าน อายูบาร์ดา 1311-1320
อินจง ชิดิบาลา จีจิน ข่าน ชิดิบาลา 1321-1323
จินจง(ไท่ติงตี้) เยซุน เตมูร์ ข่าน เยซุน เตมูร์ 1323-1328
____(เทียนซุนตี้) ราจิบาก ข่าน ราจิบาก 1328
เหวินจง จายาตู ข่าน Toq Temur 1328-1329,1329-1332
หมิงจง คูบุกตู ข่าน Qosghila 1329
หนิงจง รินชินบาล ข่าน รินชินบาล 1332
ฮุ่ยจง(Shundi) อูคานตู ข่าน Toghan-Temur 1333-1370

       การปกครองประเทศจีนของมองโกล แม้มองโกลจะใช้ระบบการปกครองของจีน แต่ชาวจีนฮั่นก็รับรู้ถึงความไม่ยุติธรรม ในทางสังคมและการเมือง ตำแหน่งสำคัญๆ ต่าง ๆ ในส่วนกลางและภูมิภาคจะผูกขาดโดยชาวมองโกล และจางชาวต่างชาต มาทำหน้าที่ในตำแหน่างที่หาชาวมองโกลทำไม่ได้ และในทางกลับกันก็จ้างชาวจีนเข้าไปทำงานในดินแดนที่ไม่ใช่ประเทศจีน
       ในช่วงที่หยวนปกครองจีน วัฒนธรรมมีการพัฒนาแบบปสมปสานในด้านต่าง ๆ การติดต่อสัมพันธ์กัลเอเซียตะวันตก ยุโรป เพ่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เครื่องดนตรีตะวันตกถูกนำมาใช้ในศิลปะการแสดงของจีน ศาสนาต่าง ๆ เข้าสู่ประเทศจีนและเปลี่ยนแปลงศาสนาของชาวจีนจำนวนมาก แต่ถึงอย่างไร ลัทธิขงจื้อและระเบียบการสอบเข้ารับราชการ ก็ถูกฟื้นฟูนำมาใช้ใหม่ด้วยความหวังว่าจะสามารถรักษchina75าความเป็นระเบียบในสังคมชาวฮั่นได้
        จากการค้าที่รุ่งเรือง และการเดินทางกล้างไกล ชาวมองโกลริเริ่มคิดทำธนบัตรขึ้นใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งในและนอกประเทศ 
         ดินปืนหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ๋ของจีน หลักฐานของจีนกล่าวว่า การประดิษฐ์ดินปืนนั้นมาจากประทัดที่ใช้ขัยไล่ภูตฝี โดยการนำดินประสิวและกำมะถันมาห่อรวมกันในกระดาษ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการใช้ดินปืน สมัยซ่งมีการนำดินปืนมาประดิษฐ์อาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะซ่งใต้มีการนำมาใช้มากขึ้น 250px-Yuan_chinese_gun
      กวอโส่วจิ้ง (ยั่วซือ) นักดาราศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และนักชลประทาน
กุบไลข่านทรงมีราชโองการให้กวอโส่วจิ้งกับหวังสุน (นักคณิตศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงอีกผู้หนึ่งในสมัยนั้น) แก้ไขปรับปรุงปฏิทินเสียใหม่ให้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น กวอโส่วจิ้งจึงเสนอให้จัดสร้างหอดูดาวที่เมืองหลวงต้าตู และจุดสังเกตการโคจรของดาวตามสถานที่ต่าง ๆ อีก 26 แห่งทั่วประเทศจีน และก็เริ่มลงมือสังเกตุการด้วยตัวเอง เขาใช้เวลา 4 ปีในการรวบรวมข้อมูล และก็สามารถจัดทำปฏิทินฉบัยใหม่ได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1280 โดยความแม่นยำของปฏิทินฉบับนี้คือ กำหนดว่า 1 ปี สุริยคติเท่ากับ 365.2425 ซึ่งผิดไปจากการคำนวฯของนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันเพียง 26 วินาที
ในปี ค.ศ. 1292 กวอโส่วจิ้งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผุ้รับผิดชอบหอดูดาวและการชลประทานของเขตเมืองหลวง เขาทำข้อเสนอเกียวกับการสร้างคอล “ต้ายวิ่นเหอ” และออกแบบแนวคลองที่ถูต้องตามหลักวิชาการ งานขุคอลเสร็จสิ้นลุล่วงภายในเวลาเพียงปีครึ่ง และได้ชื่อว่า “แม่น้ำทงฮุ่ยเหอ” สามารถเชื่อมต่อระหว่างหางโจวภาคใต้ถึงปักกิ่งในภาคเหนือเป็นระยะทางเกือบ 1,800กิโลเมตร

The travels of Marco Polo
      Niccolo และ Maffeo ผุ้เป็นบิดาและลุงของมาร์โคโปโล เดินทางมายังประเทศจีน และได้รับการต้อนรับด้วยไมตรีจิตจากกุบไลข่าน และในการเดินทางครั้งต่อมาเขาจึงพาบุตรชาย มาร์โค โปโล บุตรชายของเขาติดตามมาด้วย
      มาร์โคโปโลเดินทางมาถึงเมืองจีน เมื่ออายุ 21 ปี และรับราชทานจัดงานเลี้ยงในวังหลวง จากนั้นจึงให้ตระกูลโปโลอยู่ถวายงานในชสำนัก ช่วงเวลา 17 ปีที่มาร์โคโปโลอาศัยอยู่ในจีนจึงได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ มากมาย
      ในหนังสือของมาร์โคโปโล บันทึกถึงรูปร่างของแผ่นดิน สัตว์ พืชพันธ์ต่าง ๆ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ ถ่านหินและนำมัน เขาพรรณาอารยธรรมจีนว่ามีความเจริญเหนือกว่าวัฒนธรรมและเทคโนโลยีของชาวยุโรป เขาระบุว่าแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่มีอยู่ 2 อย่างคือ “ดินปืนและบะหมี่”

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...