การปกครองในราชวงศ์หยวน
ราชวงศ์หยวนเป็นยุคสมัยที่ต้องปกครองผู้คนหลากหลายชนชาติหลายเผ่าพันธ์ โดยมีประชาการเป็นชาวฮั่นมากที่สุด โดยยึดชาวมองโกลเป็นกลุ่มชนหลักในการบริหารประเทศ
ชนชั้นวรรณะในสังคม ก็แบ่งตามชาติพันธ์ โดยชาวมองโกลมีฐานะทางสังคมสูงสุด รองมาเป็นพวกชาวต่างชาติ ต่อมาก็คือ ชาวซ่งเหนือและ ฐานะทางสังคมที่ต่ำที่สุดคือซ่งใต้ ในทั่งนี้ไม่มีการแบ่งฐานะทางสังคมอย่างชัดเจนแต่สะท้อนออกมาทางกฎหมาย ข้อบังคับ สิทธิหน้าที่ต่าง ๆ ของพลเมืองในชาติ
นอกจากนั้นยังมีการแบ่งความสูงต่ำทางอาชีพกระทั่งมีการล้อเลียน ในยุคสมัยนั้นว่า “หนึ่งขุนนางสองข้าราชการ” “เก้าบัณฑิตสิบของทาน” ซึ่งบัณฑิตในสมัยนี้ถูจัดลำดับอาชีพซึ่งอยู่ตำกว่ากระทั้งโสเภณี
มองโกลหลังจากยุคกุบไลข่าน มีการแก่งแย่งอำนาจกันอย่างรุนแรงและหนักหน่วง ระยะเวลาเพียง 25 ปี ราชวงศ์หยวนมีจักรพรรดิถึง 8 พระองค์ บางพระองค์ครองราชเพียง ปีเดียว
การกดขี่ ขมเหงและขูดรีดประชาชน โดยเก็บภาษีในอัตราสูงกว่าต้นราชวงศ์กว่ายี่สิบเท่าตัว รายรับไม่พอกับรายจ่าย คลังหลวงจึงต้องพิมพ์ธนบัตรออกมาอย่างมากมาย ค่าเงินจึงลดลง เกิดปัญหาเงินเฟ้อ เป็นเวลาเดียวกับการเกิดอุทกภัย เขื่อนแม่น้ำฮวงโหไม่ได้รับการบูรณะหลายปี ประชาชนมีความทุกข์ยาก ตกอยู่ในสภาพ“ผู้คนอดตายเกลื่อนถนน คนเป็นก็ไม่พ้นใกล้เป็นผี”
ราชสำนักต้าหยวนได้ส่งทหาร ไปบังคับเกณฑ์แรงงานชาวฮั่น เรื่อนแสน เพรือขุดลอกคลอง แม่น้ำ และซ่อมเขื่อนที่พัง และขุนนางยังถือโอกาสโกงเงินค่าแรงจาก มวลชนมีความเจ็บแค้นต่อราชสำนัก ในเวลานั้น จึงเกิดลัทธิดอกบัวขาว ในการรวบรวมเป็นกองทัพชาวนา
และด้วยกลวิธีที่ผนวกับเชื่อของมนุษย์ในยามแร้งแค้น ลัทธิดอกบัวขาว ให้คนออกไปปล่อยข่าวลือว่า “ เมือใดที่มนุษย์หินตาเดียวปรากฎ ก็จะมีการพลิกฟ้าผลัดแผ่นดิน” หลังจากนั้นก็ลอบส่งคนไปทพรู้ปั้นหินมนุษย์ตาเดียวแล้วนำไปฝังบริเวณที่มีการขุดลอกแม่น้ำ เมือชาวบ้านขุดพบรู้ปั้นหิน การต่อต้านมองโกลจึงลุกลามเป็นไฟลามทุ่ง
หลังจากนั้นลัทธิบัวขาวจึงตั้งเป็นกองทัพโพกผ้าแดง และทำศึกกับราชสำนัก กองทัพโพกผ้าแดงเสือมสลายไป จากการเสียชีวิตของผุ้นำ เป็นช่วงเวลาเดียวกับอีกกองกำลังทาใต้ นำโดย “จูหยวนจาง”กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม่จะเป็นเยงลูกชาวนาเกิดในครอบครัวที่ยากจนแต่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากกุนซือผุ้ชาญฉลาด และเศรษฐีผู้มั่งคั่ง จึงทำให้กองทัพเติบโตอย่างรวดเร็ว
ปี ค.ศ. 1368 ทั่วทั้งแดนใต้ตกเป็นของจูหยวนจาง จึงสภาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ “ราชวงศ์หมิง” ตั้งเมือง อี๋เทียน และไคฟง เป็นเมืองหลวงต่อมาอีกห้าเดือน จูหยวนจางบุกตี ต้าตู อันเป็นราชธานีราชวงศ์หยวน กระทั้ง หยวนซุ่นตี่ ต้องลี้ภัยไปทางเหนือจึงเป็นกาลอวสานของราชวงศ์หยวน
รวมทั้งสิ้นราชวงส์หยวนปกครองแผ่นดินจีน เป็นเวลา 97 ปี จักรพรรดิ์ 11 พระองค์ ทั้งที่เป็นอาณาจักรที่เข้มแข็งและยกว้างใหญ่ แต่การขูดรีด การกดขี่ และการแบ่งชนชั้น ทำให้เกิดการล่มสลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ต่อชนชั้นปกครองในราชวงศ์ต่อๆมา ราชวงศ์หยวนเป็นช่วงเวลาที่กำหนดอาณาเขตการปกครองของแผ่นดินจีนในเวลาต่อมา กล่าวคือหลังจากราชวงศ์หยวนถึงราชวงศ์ชิง อาณาเขตของแผ่นดินจีนไม่มีการเปลี่ยแปลงมากนัด
วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น