ยุโรปตะวันออกนั้นมีความสำคัญต่อรุสเซียมาโดยตลอด รุสเซียต้องการขีดวงเขตยุโรปตะวันออกเป็นเขตอิทธิพลของตนให้ปลอดจากอิทธิพลเยอมัน ภูมิภาคนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ต่อความมั่นคงปลอดภัยของรุสเซียเป็นอย่างมากรุสเซียไม่ต้องการให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง
รุสเซียหยั่งท่าทีของมหาพันธมิตรของตนเด้วยการเสนอขอให้การปรับปรุงเศ้นพรมแนใหม่ในโรปตะวันออก มหาพัมธมิตรท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งมหาพันธมิตรยังคงต้องการที่จะรักษาโปแลนด์ไว้มิหใตกอยู่ใต้อำนาจของุเซีย ปัญหาโปแลนด์จึงเป็นปัญหาที่ทำให้มหาพันธมิตรเริ่มแตกแยกกัน
อังกฤษมีนโยบายที่จะสกัดกั้นรุสเซียมิหใมโอกาสแผ่ขยายอำนาจอาณาเขตออกจาช่อแคบบอสโพรัสและดาร์คาเเนลสู่น่านน้ำเมติดิเตอร์เรเนียน นโยบายของอังกฤษจึงเน้นหนักให้ความสนใจแก่ช่องแคบ บอลข่านและตุรกี ซึ่งล้วนเป็นดินแดนทางฝ่านจากช่องแคบสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รุสเซียจะต้องไม่แผ่ขยายอำนาจครอบงำดินแดนเหล่านั้น รุสเซียยอมรับความต้องการของอังกฤษและยอมรับการแบ่งเขตอิทธิพลในบอลข่าน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่สหรัฐไม่พึงพอใจ เพราะถือว่า เป็นการยอมรับในหลัการถ่วงดุลอำนาจอีกครั้งหนึ่งที่อาจจะทำให้โลกเกิดการแบ่งแยหและก่อเกิดสงครามอีกในอนาคต
สหรัฐอเมริกาไม่ต้องการให้ปัญหายุโรปตะวันออกเป็นอุปสรรคทำลายความเป็นมิตรและความร่วมมือในการรบที่สหรัฐอเมริกาต้องการจากพันธมิตรของตน อีกทั้งปัญหายุโรปตะวันออกเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะกำหนดวินิจฉัยให้แน่นอน ลำพังการเจรจาตกลงกันในระหว่างการรบจะทำให้การวินิจฉัยมีข้อผิดพลาดและถ้าสหรัฐอเมริกายอมัยข้อวินิจฉัยเช่นนั้น ก็จะเป็นการผูกมัดสหรัฐอเมริกาเป็นภาระผูกพันและต้องเกี่ยวข้องในระยะยาวนานผิดจุดประสงค์ของสหรัฐฯที่ต้องการยุติสงครามและให้ทุกสิ่งเข้าสู่สภาวะปกติ สหรัฐจึงค่อนข้างวางเฉยต่อนโยบายและการกระทำของรุสเซียในยุโรปตะวันออกระหว่างสงครามโลก จะรู้สึกขุ่นเคืองใจบ้างก็เฉพาะเรื่องโปแลนด์
ทรรศนะและทีท่าของสหรัฐอเมริกาเช่นนั้นเป็นคุณแก่รุสเซียมาก เพราะนอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ย่อมจะไม่มีประเทศใดแม้แต่อังกฤษจะสามารถตั้งตนเป็นอุปสรรบนเส้นทางสร้างจักรวรรดิของรุสเซียได้อีกแล้ว รุสเซียจึงใช้การทูตหว่านล้อมให้สหรัฐอเมริกาและอังกฤษยินยิมเห็นชอบ ณ ที่ประชุมที่ยัลตารุสเซียได้ให้คำมั่นสัญญาแก่มหาพันธมิตรว่า รุสเซียจะสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นในดินแดนที่ตนยึดครอง เป็นประชาิธิปไตยของปวงประชา กล่าวคือ รุสเซียยินยอมให้มีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรคที่เป็นเสรีนิยมกับพรรคคอมมิวนิสต์เพื้นเพมือง คำมั่นสัญญานั้นสอดคล้องกับหลักการหนึ่งที่มหาพันธมิตรได้ตกลงร่วมกันว่าจะใช้กับทุกหนแก่งที่กองทัพมหาพันธมิตรได้เข้าำปช่วยปลดแอกจากนาซี คือ หลักการหนึ่งของกฎบัติรขององค์การสหประชาชาติที่ว่าด้วยสทิธิของผวงประชาที่จะเลือกรูปแบบการปกครองของตนโดยอิสระ หลักกานนั้แม้สตาลินจะถือว่ามีแต่ข้อความที่ไม่มีความหมายชักแจ้งและเป็นข้อความที่มีแต่ความทั่วไปแต่สตาลินก็ยินดีที่จะยอมรับในหลักการโดยไม่ปฏิบัติตามอย่างจริงจังในกรณียุโรปตะวันออก
อาจกล่าวได้ว่า การประุชุมที่ยัลตาเองไม่สามารถที่จะช่วยยุโรปตะวันออกใไ้รดอพ้นเงื่อมมือรุสเซียไปได้ รุสเซียยังยืนกรานหนักแน่นห้ามมหาพันธฒตรแตะยุโรปตะวันออก เพื่อแลกกับการที่รุสเซียจะไม่แตะอิตาลี งฝรั่งเศส และกาีซ นับแต่นั้นมา ยุโรปตะวันออกก็ตกเป็นเหยื่อของรุสเซีย สุดวิสัยที่จะมีมหาอำนาจใดช่วยเหลือได้ อย่างไรก็ตาม ยุโรปย่อมดอมิได้ที่จะรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
กระบวนการปฏิวัติแบบสตาลิน
เมื่อได้ดำเนินการทางการทูตแล้้ว รุสเซียก็เริ่มจัดการกับยุโรปตะวันออก กระบวนการปฏิวัีติยุโรปตะวันออกให้เป็นคอมมิวนิสต์แบบสตาลินมี่ 3 ประการ
- การใช้กองทัพรุสเซียเป็นกลไกสำคัญในการเข้าขึดครองและส่งเสริมการปฏิวัติให้เป็นคอมมิวนิสต์ อีกทั้งสร้างอำนาจคอมมิวนิสต์ในรัฐนั้น ๆ ตลอดจนเป็นกลไกหลักในการคำ้ประกันการพัฒนาประเทศนั้น ๆ สู่ระบอบสังคมนิยมสมบูรณ์แบบ ประเทศที่ปฏิวัติโดยใช้ลักษณะนี้เป็นสำคัญคือ บัลแกเรีย รูเมเนีย โปแลนด์ โดยเฉพาะโปแลนด์นั้น ได้มีการใช้กองทัพแดงของรุสเซียเข้ายึดครอง ดำเนินการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองโดยวิธีการจับกุมคุมขังและเนรเทศ
- การใช้ความเพียรอุตสาหะที่จะเข้าครอบครองทั้งประเทศ แม้จะนา่นเพียงใดก็ตาม ขั้นตอนนี้กำหนดให้ใช้วิธีการสร้างแนวร่วมกับทุกหมู่เหล่าในสังคมและเข้าร่วมในการปกครองและการพัฒนาประเทศ ประเศที่พัฒนาดดยใช้ขึ้นตอนนี้ คือ เชโกสโลวะเกีย
- การสร้างอำนาจรัฐที่ได้มาให้ีเอกภาพความเป็นปึกแผ่น ขึ้นตอนนี้กำหนดให้มีการปฏิวัติการปกครองไปสู่ระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ ประเทศที่ใช้ขึ้นตอนนี้ที่สำคัญคือ ยูโกสลาเวีย
ขั้นตอนของการที่จะครอบครองอำนาจรัฐมีหลายวิธีการที่น่าศึกษามาก รุสเซียได้กำหนดให้คอมมิวนิสต์เป็นแกนนำหรือกำลังนำของขั้นตอนนี้ แม้คอมมิวนิสต์ในประเทศต่าง ๆ ของยุโรปตะวันออกระยะนั้นยังนับว่ามีจำนวนน้อย ถือได้ว่าเป็นกลุ่มน้อยของสังคมรุสเซียจะใช้ลัทธิชาตินิยมผสมผสานกับลัทธิคอมมิวนิสต์ให้เป็นประโยชน์ในการปฏิวัติ โดยพิจารณาจากสภาพความเป็นจริงว่า ดินแดนยุโรปตะวันออกส่วนใหญ่ก่อนที่กองทัพแดงจะยาตราเข้าไปปลดแอกนาซีนั้น ย่อมมีกลุ่มผู้รักชาติแต่ไม่นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์กลุ่มเหล่านี้มักตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเป็นที่ยอมรับของฝ่ายมหาพันธมิตร เช่นกรณ๊โปแลนด์เป็นต้น หรือกลุ่มรักชาิตินั้นเพียงแต่ีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ภายในปรเทศเท่านั้น แต่กลุ่มรักชาติเหล่านี้เป็นกลุ่มบุคคลที่รุสเซียไม่ต้องการช่วยเหลือให้กู้เอกราชโดยตรง รุสเซียจึงมักนิยมใช้วิธีการจัดตั้งกลุ่มผู้รักชาติ ใหม่กอปรก้วยชาวพื้นเมืองที่นิยมรุสเซียและมีคอมมิวนิสต์พื้นเมืองร่วมอยู่ด้วย กลุ่มใหม่มักมีชื่อเรียกว่า กลุ่มรักชาติบ้าง แนวร่วมกู้เอกราชบ้างกลุ่มที่รุสเซียสนับสนุนหรือกลุ่มคอมมิวนิสต์ดพื้นเมืองจะต้องสร้างแนวร่วมกับชนทุกหมู่เหล่าในสังคมของตนเพื่อดำเนินการกู้เอกราชก่อนเป็นเบื้องต้น กลุ่มสำคัญในสังคมมี 3 กลุ่มคือ กลุ่มนักศึกษาปัญญาชนผุ้ต้องการระบอบประชาธิปไตย กลุ่มใหญ่ชาวไร่ชาวนาผุ้ต้องการให้มีการปฏิรูปที่ดินและกลุ่มกรรมกรผู้ใช้แรงงานต้องการให้มีการฟื้นฟูบูรณะเศรษฐกิจโดยมีรัฐเป็นผู้กำหนดแผนพัฒนา เป็นการค้ำประกันว่า กรรมกรจะมีงานทำและมีรายได้ดี รุสเซยกำหนดให้กลุ่มผู้รักชาติของตนเข้าสร้างแนวร่วมกับกลุ่มเหล่านั้นและให้ใช้นโยบายสร้างความร่วมือกับกลุ่มเหล่นนั้นในการกู้ชาติ
รัสเซียกำหนดให้กลุ่มผุ้รักชาติ หรือกลุ่มคอมมิวนิสต์สร้างแนวร่วมต่อไปในระดับชาติด้วยการเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลผสม ในขึ้นตอนนี้ผุ้รักชาติพื้นเมืองยังคงมีความสำคัญสกหรับคอมมิวนิสต์อยู่ คอมมิวนิสต์จะเข้าร่วมกับพรรคการเมืองที่มีอยู่ในังคมไม่ว่าจะเป็นเพียงกลุ่มหรือจัดตั้งเป็นพรรคแล้ว จะต้องพยายามควบคุมกลไกอำนาจรัฐที่สำคัญไว้ คือ คอมมิวนิสต์จะต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มหาดไทย และสารนิเทศ เพื่อควบคุมกองทัพ ตำรวจ การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น และทุกกลไกของการประชาสัมพันธ์ข่าวสารข้อมูล
เมื่อคอมมิวนิสต์มีอำนาจมั่นคงขึ้นแล้ว จึงจะมีการดำเนินการขั้นตอนต่อไปของการครอบครองอำนาจรัฐ คือ การขจัดพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองกลุ่มต่าง ๆ ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์ อาศัยอำนาจในกระทรวงสำคัญที่คอมมิวนิสต์เข้าควบคุมไว้แล้วคือกระทรวงมหาดไทย กลาโหม เป้นต้น คอมมิวนิสต์เป็นแหนนำในการทุจริตการเลือตั้งมิให้ฝ่ายตรงกันข้ามกับตนได้รับเลือกตั้งในขั้นตอนนี คอมมิวนิสต์เร่ิมจะคืบคลานเข้าควบคุมอำนาจรัฐหลัก เพราะฉะนั้น รุสเซียได้กลั่นกรองคัดเลอกคอมมิวนิสต์เฉพาะผุ้ที่นิยมรุสเซียเท่านั้นให้มีอำนาจและบทบาทสำคัญในพรรคอมมิวนิสต์ ส่วนคอมมิวนิสต์ที่รักชาติลแะม่นิยมรุสเซียถูกกำจัดกว่าล้างออกไป ทั้งนี้ รวมทั้งกลุ่มผู้รักชาติด้วย เพราะในขึ้นตอนนี้ รุสเซียจะเปิดโอกาสให้เฉพาะคอมมิวนิสต์ผู้นิยมรัสเซียเท่านั้น
รัฐบาลผสมในขึ้นนี้เป็นรัฐบาลแต่ในนาม ซึ่งท้ายที่สุด เมื่อคอมมิวนิสต์มั่นใจในอำนาจแล้ว จึงดำเนินการฏิวัติเปลี่ยนประเทศนั้น ๆ เป็นคอมมิวนิสต์ด้วยวิธีการก่อรัฐประหาร หรือโดยวิธีการทุจริตการเลือกตั้งให้คอมมิวนิสต์ได้คะแนนเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล การเลือกตั้งในขึ้นตอนนี้ รัฐบาลเป็นผู้กำหนดตัวผู้สมัครให้ประชาชนเลือกตั้งเป็นผู้แทน และควบคุมทุกกลไกอำนาจรัฐและสังคมให้อยู่ในอำนาจของรัฐบาล การปกครองนับแต่ ปี 1948 เป็นการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ที่มีลักษณะเผด็จการเบ็ดเสร็จ โ่ดยพรรคเพียงพรรคเดียวคือ พรรคคอมมิวนิสต์โครงสร้างการเมืองการปกครองเลียนแบบอย่างของรุสเซีย คอมมิวนิสต์ได้อ้างว่า ยุโรปตะวันออกภายใต้การปกครองใหม่นี้ คือ ดินแดนแห่งการปฏวัติที่จะปรากฎเป็นจริงในท้ายสุด ภายใต้การนำของคอมิวนิสต์พ้นเมืองที่ได้รับความสนับสนุนและความคุ้มครองจากสหายร่วมอุดมการ์ผุ้เป็นผู้นำโลกคอมมิวนิสต์ คือ รุสเซีย