วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2565

Ukrine..The Begining...

       คาบสมุทรเกาหลี ทะเลจีนใต้ ซีเรีย อัฟกานิสฐาน ตะวันยออกกลาง สมรภูมิต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเวทีที่สองขั้วอำนาจใช้ทั้งทำสงคราม และเป็นเวทีทางการเมือง แต่น้อยครั้งที่ มหาอำนาจยักใหญ่จะออกมายืนแถวหน้า ที่ผ่านมาจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่นับรวมกรณีสงครามอิรัก และในสภานะการณ์เดียวกันที่อาจะกล่าวได้ว่่า เป็นภัยที่ีใกล้ตัวจึงทำให้มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของแต่ละขั้วอำนาจได้ออกโรง นำหน้า..เช่นเดียวกับสถานะการที่กำลังเกิดขั้นอยู่ในขณะนี้..

           หากไม่นับรวมเรื่องสัญญาต่างๆ และเรื่องราวความขัดแย้งที่ดำเนินมาทั้งในยูเครน และทั้งยูเครนกับรัสเซีย และยู่เครนกับ สหภาพยุโรปแล้วรวมถึงการเมืองทั้งในญ่ยูเครนเอง และผลที่กระทบต่อสองขั้วอำนาจแล้ว ยูเครน นับเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก..หากเกิดสงครามขจนาดใหญ่ในอนาคต....

           ดอนบาส หนึ่งสมรภูมิสำคัญ และประวัติความเป็นมาตั้งแต่ปี 2014 หังกลถุ่มกบฎรัสเซียเข้ายึดอาคารสานที่ราชการในเมืองต่างๆ ทั่วยูเครนตะวันออก การสุ้รบที่รุนแรงทำให้บางส่วนของลูฮัสก์และโดเนตสก์ในภูมิภาคดอนบาสตกอยู่ในยมืองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน โดยในปีเดียวกันน้นเอง รัสเวียยังได้ผนวกไครเมือยจากยูเครน ซึ่งก่อให้เกิดเสียงประนามจากนานาประทเส 



           สองพื้อนที่ขัดแย้งในอดนบาสกระกาศชื่อเป็นสาธารณรัฐ ขณะที่รัฐบาลยู่เครานสในกรุุงเคียฟยืนกรานว่าทั้งสองดินแดนเป็นเ้พียงดินแดนที่ถูกรัสเวียยึดครอง โดยดินแดนที่ประกาศสถาปนาตนเองเป็นสถานรัฐจะไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลทั้วโลก ยกเว้นรัสเซีย ทั้งนี้ รัฐบาลยูเครนปฏิเสธที่จะพูดคุยโดยตรงกับสาธารณรัฐแบ่งแยกดินแดน..ข้อตกลงมินสก์ที่ 2 ในปี 2015 นำไปสู่ข้อตำลงหยุดยิงที่ดูเหมือนจำไม่มีความหมายอะไร เมื่อการสู้รบตามแนวปะทะ ระหว่างรัฐบาลยูเครนกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลายเป็นเรื่องปกติแม้ว่าข้อตกลงมิสก์ห้ามใช้อาวุธหนักใกล้แวปะทะดังกล่าวก็ตาม...https://thestandard.co/key-messages-donbass-center-of-the-ukraine-russia-crisis/



             การสู้รบในยู่เครนระหว่างฝ่ายขวาจัด ที่นิยม EU และฝ่ายที่นิยมรัสเซียได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องช้านานแล้ว เตุใดรัสเซียจจึงบุกยูเครนในขณะนี้้..ก่อนอื่นต่้องไม่ลืมว่า "นาโต้" คือการรวมตัวของสหรัฐอเมริกาและยุโรiปตะวันdตกในยุkคสงครา0มเย็๋น เพื่อต่อต้านรัสเซียหากประเทศสมาชิกประเทนศใดประเาทศหนึ่งถูกรุกรานจากรัศเซีึยหรือใครก็ตาม ก้ถือว่าประเทสสมาชิกอื่นๆ ถูกรุกรานด้วย แน่นอนว่า นาย ซีเลนสกี้ ย่อมเป็นพวกขวาจัด หรือ ฟาร์ ไรท์ และไม่นิยมรัสเซีย เขาจึงต้องนำยูเครนเข้าเป็นสมาชิกของ "นาโต้" แต่รัสเซียไม่อาจตยอมได้ เนื่องจากยูเครนเป็นประทศที่คั้นกลางระหว่างรัสเซียกับประเทศใน "อียู"จึงถือเป็นจุดุทธศาสตร์ที่สำคัญ หากยูเครนเป็นสมาชิกจองว "นาโต้"ก็หมายความว่าสหรัซอเมริกาจะสามารถตั้งฐานยิงขีปนาวุธในยูเครนได้ อันเป็นการกระทบต่อความมัั่นคงของรัสเซีย,,,https://www.thaipost.net/x-cite-news/94307/


            ซึ่ง ณ ขณะนี้ก็เข้าสัปดาห์ที่สองของการบุคยูเครนของรัสเซีย .. การเฝ้าระหว่างตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ของสองขั้วอำนาจจะัเปลียนแปลงไป ฝ่ายใดจะเป็นผู้ได้เปรียบเสียเปลียบจึงเป็นที่เผ้าจับตาของผู้คนในขณะนี้...

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2565

Ukraine...

      3 มีนาคม 2585 19.58 น. ในขณะที่ ข่าวดาราตกหน้ำที่เจ้าพระยา แตงโม นิดา ได้รับความสนใจเป็ฯอย่างมากทั้งจากสื่อและประชาชน ซึ่งมีประเด็นที่เป็นที่สงสัยของผู้คนในสังคมรวมถึงผลปรโยขน์จากเงินประกันและข้อพิาุธต่างๆ จึงทำให้ข่าวการจากไปของดาราเได้รับความสนใจอย่างมาก  นับตั้งแต่ข่าวการชชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อขับไล่ พลเอก ประยุทธ์..ก่อนหน้านี้

.    .ซึุ่งเป็ฯในห้วงเวลาเดียวกับการระบาดของ โควิด 18 สายพัน โอไม่ครอน แตะสองหมื่น..นับจากอู่ฮั่น..มนุษยชาติได้มีการปรับตัวเรื่องการใช้ชีัวิต..เป็นอย่างมาก..สภาพเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางลง..ที่ผ่านมาจะเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งในเรื่องการดำเนินชีวิตประจำวัน..การปนะจำจากแพทย์ในการดำเนินชีวิต มาตรการต่างๆ ที่ใขทั้งป้องกันและต่อสู้กับเชื้อโรค และนอกเหนือกว่านั้น โควิตยังเป็นประเด๋็นทางการเมือง..ทั้งระดับประเทศในหลายประเทศ และในระดับภูมิภาค รวมถึงในระดับโลก ยังไม่นับรวมการขายวัคซีนจากค่ายต่างๆ ซึ่งทำเงินมหาศาลจากวัคซีนโควิด..

        แต่่โลกยังไม่ยุติความโกลาหลเพียงเท่านั้นไม่..ในขณะนี้..ได้เกิดสงคึรามระหว่างยูเครนตและรัสเซียซ฿่งเกิดขึ้นจริงและไม่ใช่การขู่เพื่อประโ่ยชน์ทางการเมือง และแน่นอนว่าสร้างความตึงเครีัยดให้กับหลายๆฝ่าย..สงครามเกิดขึ้นได้อย่างไร..สงครามจะส่งผลผลอย่างไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว..จะต้องเผ้าจับตาดูกันต่อไป เป็นเวลากว่าสองอาทิตย์แล้ว ที่ได้เปิดสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซ๊ย...




วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564

minimalist 2

              เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า..หลักการของมินิมอลลิสต์นั้น..เป็นผลกระทบจากสังคมในแบบบริโภคนิยม..ซึ่งมินิมอลลิืสต์จะเป็นประเภทที่ใช้สอยน้อย..บริโภคน้อย..ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการตอบโจทก์และอุดลอยรั่วในสังคมบริโภคนิยม..ใดใดก็แล้วแต่..แนวทางของมินิมอลนิสต์นั้นมาความสอดคล้องกับปรัชญาการดำเนินชีวิตของพุทธศาสนาทางฝ่ายเภรวาทอยู่บ้าง..ไม่มากก็น้อย..ซึ่งในหลายๆ วัฒนธรรมที่เรานำเข้าจากตะวันตกนั้นบางอย่างไม่มีความสอดคล้องหรือหรือใกล้เคียงกับวัฒนธรรมทางฝากฝั่งตะวันออก..หรือสอดคล้องกับความเชื่อหรือแม้กระทังขั้นแย้งกับความเชื่อ..ก็ยังเคยมีมาและยังคงเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายอีกด้วย..

            ที่นี้มาว่ากันถึงส่วนที่มีความคล้ายคลึงหรือสามารถนำมาปรับใช้่กับชีวิตพุทธศาสนิกชนดูบ้างว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจ…ยกตัวอย่าง..หลักของมินิมอล คือลดละสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิตให้มากที่สุด..พื้นที่ว่างหรือ Space เป็นสิ่งที่สำคัญ..ที่นี้การจะลดละ(แม้จะเป็นเพียงแค่สิ่งของ) นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ..ลองนึกถึง..ผู้ที่รักการจับจ่ายใช่เงิน..ชอบซื้อของ อย่าเพียงว่าซื้อของที่จำเป็นเท่านั้นเลย..ส่วนใหญ่แล้วถูกไจซื้อๆ..แม้ว่าซื้อไปแล้วบ้างครั้งบางอย่างแทบจะไม่ได้ใช้ด้วยซ้ำ..ซึ่งห่างไกลจากคำว่า..ใช่สอยเฉพาะสิ่งจำเป็น..หรือลดทอนส่ิงที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต..

            แล้วพุทธ่ศาสนิกชนละ..เมื่อเกิดความต้องการที่เกินพอดีควรทำอย่่างไร..แน้นอนว่าไม่ว่ารูปแบบในสังคมใดๆของชาวพุทธจะพบเจอคำว่า..กิเลส..กิเลส..ซึุ่งในส่วนนี้ทุกคนก็เข้าใจดีว่าเป็นกิเลส..แต่่มั้งจงใจจะเลือกให้เป็นกิเลสที่ได้รับการตอบสนอง…จึงมีคำที่ตามมาคือ..สนองกิเลส..สนองNeed 

            แน่นอนว่าพุทธศานิกชนที่ดีย่อมมีวิธีที่จะจัดการกับความต้องการเหล่านั้นในแบบวิธี..วิถีแห่งพุทธ..ในที่นี้ขอยกองค์ธรรมสักหนึ่งข้อ..อินทรีย์สังวร..ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสิ่งใดใดในโลกนั้น..สิ่งที่ปุุถุชนสละได้ยากที่สุดคือ..กามคุณ หรือ ความสุขที่ได้จาสกสัมผัสทั้ง ๕ และ ธรรมารมณ์อีก ๑ เป็น ๖ หรือที่ เรียกว่า อาตคยนะ ๖ หรือสุขเวทนาในหมวด ขันธ์ ๕

            อินทรีย์สังวรจึงเป็นองค์ธรรมในลำดับต้นๆ ที่จะทำหน้าที่ในการที่จะเหนี่่ยวรังกุศลให้เกิดในจิตใจ..

           ยกตัวอย่าง..ของบางอย่าง อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า อาหาร ดนตรี รถยนต์ ที่อยู่อาศัย..หรือใดๆก็แล้วแต่..ซึ่งในบางครั้งเรารู้และเข้าใจแล้วว่า..สิ่งต่างๆเหล่านี้เราเกิดกว่าความจำเป็น..แต่เมื่อเห็น..สัมผัส..ครุ่นคิด..เกิดความอย่างได้..จึงเกิดกเป็นความทุกข์..(เราบางคนไม่รู้สึกตัว) ทั้งที่อินทรีย์สังวรเราทำหน้าที่อย่างเต็มความสา่มารถไม่นึก..ไม่คิด..ถึงสิ่งยั่วเย้าเหล่านี้..แต่ก็อดใจไม่ได้..ฮับๆๆๆๆ..อินทรีย์สังวรต้องทำหน้าที่่อย่างหนัก..กระทั่งได้มีเวลาได้ทบทวนไตร่ตรองอย่างรอบคอบ..แล้วจึงตัดสินใจโดยสติมิใช่..กิเลส..จึุงจะเป็นวิธี..วิถีแห่งพุทธ..

           อย่างไรก็ดีในชั้นต่อจากอินทรีย์สังวรก็คือการใช้ปัญญา..แล้วพิจารณาในสิ่้งต่างๆ แต่อย่างไรก็ดีหากถึงแม้ว่่าปัญญาจะหลักแหลมเพียงใดแต่ไม่ได้มีโดยการได้ใช้..หรือไม่มีความยับยั้งชั้งใจ..หรือไม่มีความสังวรในอินทรีย์แล้วก็จะกลับเข้าสู่วัฎฎะเดิมๆ..

          ทีึ่กล่าวมานั้นเป็นการนำเข้าสิ่งของที่ไม่จำเป็นต่างเข้ามาในชีวิต..แต่ มินิมอลลิสต์นั้น การกำจัด หรือการนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิตเป็นสิ่งที่บางคนเรียกว่า ขมขื่นกว่า..การละ..การสละ..เป็นส่ิงที่ทำได้ยากสำหรับบางคน..องค์ธรรมในข้อนี้ขอยก ปหาร เทียบให้กับเป็นการกำจัดต้นเหตุกิเลสกันเลยที่เดียว..หากมีโอกาสจะนไเสนอในโอกาสต่อไป…



minimalist..

           มินิมอล ในปัจจุบันได้กลายเป็นวิถีในการดำเนินชีวิตของใครบางคนไปแล้ว..หรือจะเป็นเพียงแค่กระสแและปฟชีั้นของใครอีกหลายคน ดังที่ทราบกันว่า มินิมอลเป็นเป็นแขนงใหนึ่งของงานศิลปะที่เกิดขึ้นที่นิวยอกช์ และพัฒนากลายเป็น ลัทธิ สไตล์ แนว หรืออะไรก็แล้วแต่..ซึ่ง..มินิมอลได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายประเทศ และในประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ได้รับรับความนิยม ซึ่งจะเห็นได้จากงานเขียนของ "กูรูทางมินิมอล" ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างมากทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก..ความน่าสนใจของมินิมอลลิสต์ในญี่ปุ่นที่เผสมผสานเข้ากับ พุุทธศาสนาลัทธิ เซนต์..ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของพุทธศาสนาซึ่งในความเป็นจริงแล้ว..การบรรลุเซนนั้นมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล..(หาอ่านได้ในคัมภีร์เซน) แนวๆ ทางในปรัชญาเซน คือการหาคำตอบในคำถามที่อยู่ข้างหน้า..ซึ่งจะสังเกตได้จาก คัมภีร์เซน หรือนิทานเซนในหลายๆ เรื่อง (โกอาน) ..ซึ่งจะจดจ่อเพียงปัญหาเดียว กระทั้งเกิดเป็นอภิปัญญา..(ผู้เขียนสรุุปเอง)..และที่นี้ มินิมอล  Less is More  น้อยคือมาก..(What's up อะไรหว่า อิหยังว่ะ.)..ห รือถ้าไม่ใช้หรือไม่มีความผูกพันกับมัน(สิ่งของ)ก็กำจัดทิ้งซะ..อืม...ค่อนข้างจะสอดคล้องกับหลักปรัชญาเซน..

            แนวทางและวิถีการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่จะสอดคล้องและสงสริมซึ่งกันและกับหลักความเชื่อที่มีมาแต่โบราณไม่ใช่ว่า พัฒนาการ วัฒนธรรม หรือภูมิปัญญาของแต่ละชนชาติจะเหมือนกัน..ทั้งประวัติศาสตร์และประเพณีวัฒนาธรรมของชาตินั้นๆ การผสมกลมกลืนทางวัฒนาธรรม ความเชื่อ ศรัทธา และก่อเกิดเป็นแนวทางในการดำเนิชีวิตของในรุ่นต่อไป..จึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะหาความลงตัวได้ยาก...





วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563

White Butterfly II...(Butterfly effect)

           ทฤษฎี ผีเสื้อขยับปีก..เป็นทฤษฎีที่ค้นพบในปี 1976 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เอ็น ลอว์เร็นซ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ที่ใช้ชีวิตกับการป้อนข้อมูลตัวเลขเข้าแบบจำลองคณิตศาสตร์ ตัวเลขดังกล่าวปรกติแล้ว มักประกอบด้วยตัวเลขหลังจุดทศนิยมหลายหลัก มีัวันหนึ่งเกิดขี้เกียจป้อนตัวเลขหลังจุดทศนิยมหลายๆหลัก เลยปัดเศษทศนิยมออก ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สำคัญเลยในทางสถิติ เพราะที่ตัดออกเป็นหลักที่สี่หลังจุดทศนิยม ซึ่งก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในหมื่นที่น้อยมากๆ  แค่พอกลับมาดูผลการจำลองอากาศที่เกิดขึ้น กลับต้องตกใจ เพราะสภาพอากาศที่จำลองขึ้นมีความแตกต่างกันออกไป จากการพยากรณ์แบบเดิมที่เึคนใส่ตัวเลขหลังจุดทศนิยมทั้งหมดอย่างสุดขัุ้้ว สรุปได้ว่า แค่ผีเสื้อยับปีกในไทย อาจไปทำให้เกิดทอร์นาดโดในอเมริกาได้ ในทางตรงข้าม เราก็อาจหยุดทอร์นาโดที่กำลังก่อตัวได้ ด้วยการทำให้เกิดลมเล็กๆ ก็อาจตเป็นไปได้ที่จะทำให้ทอร์นาโดเปลี่ยนทิศ หรือลดวามรุนแรงลงได้
           ตัวอย่างในด้วนสังคมศาสตร์ ขอเร่ิมด้วยครู่ใหญ่ชขาวญี่ปุ่น ติดสมการชุดหนึ่งไว้หน้าห้องเรียนเป็นการเปรียบเทียบระหว่างผลคูณขจอง 0.99 กับ 1.01 ซึ่ีงตัวเลขต่างกันเพียง 0.02 ซึ่งต่างกันน้อยมาก แต่เมื่อคูณกันซ้ำๆ  365 วัน ผลลัพธ์กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิืง ครูใหญ่ท่านนี้ กำลังพู๔ถึง "ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก" ที่เราตค้องพยายามทำ แต่ถ้าเราถอยแม้เพียงก้าวเล็กๆ เราอาจแพ้อย่างไม่เห็นฝุ่น แต่หากเราพยายามอีก และทำต่อเนื้องด้วยระยะเวลานาน ผลที่ได้อาจไปไกลกว่าอย่างคิดไม่ถึง
            การสะท้อนความจริงนี้เรื่องการเปลี่ยนแปลง อันเป็นผลพวงจากใครที่พยายามพัฒนาองค์กร ซึ่งมักพบคำถภามว่าเมื่อเราเริ่มแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเปลี่ยนแปลงรนะยะเวลาสั้นๆ จะไปทำอะไรได้ จริ์แล้วในทาง Organization Development-OD มีวิธีการสร้าง "Butterfly Effect ซึ่งทุกศาสตร์ ประยุกต์ใช้หลักการนี้ได้ กล่าวคือ
            Heard-of-it จะทำอะไรสักอย่างเพียงให้คนได้ยินก่อน เมื่อเคยได้ยินได้ฟังแล้ว....
            Try-it ลองทืำดู กล่าวคึอเมื่อได้ยินได้ฟังในสิ่งๆ หนึ่งใดๆ แล้ว กระทั้งเข้าใจในระดับหนึ่ง เพื่อจะให้แน่ใจในความคิดของตนจึงต้องเกิดการลองทำ ถึงจะรู้ผลลัพท์ฺ 
            Like-it แล้วจะเห็นว่ามีใครสัุกคนในกลุ่มนั้นชอบสิ่งที่กระทำอยู่
            Champion-it สุดท้ายก็จะมีใครสักคน สนับสนุนสิ่งที่ทำนั้น พอถึงจุดนี้ ก็นจะไม่ต้องพยายามาก เพราะคนทีสนับสนุนสิ่งที่ทำนั้นจะไปสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อๆไป..ทำให้สิ่งที่เกิดจากความคิดริเร่ิมนั้นขยายวงกว้างไปอย่างที่คิดไม่ถึง...
            แม้เราไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไร เราเป็นเพียงผีเสื้อธรรมดาๆ เพียงเราคิดอะไรดีๆ แล้วลองกระพือปีกเล็กๆ ของเรา เราก็สร้างการเปลียนแปลงให้กับอนาคตของเราได้แล้ว มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ลอง "ขยับปีกผีสื้อ" ในตัวคุณดู...



                           "บางส่วนจาก ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก The Butterfly Effect โดย ภิญโญ รัตนาพันธุ์"


วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563

White Butterfly....

                            ผีเสื้อขาวออกบินตามปีกผัน

                           ฝนฟ้าควันหมอกไฟหม่นมืดหนทาง

                           โลกกว้างภูเขาสูงด้วยกำลังตนสู้แรงลม

                          ถาถมแรงลมปีกล้าเพียงความเชื้อแลศรัทธา

                                  ที่ตรวนี้ไม่ใช่สวนดอกไม้

                            ที่ตรงนี้ไม่ใ่ช่ที่ของเจ้า..เจ้าผีเสื้อ

                           เจ้าจงหลบอยู่หลังของข้า...อยู่ในที่ของเจ้า..

                           แล้วจะมีสวนดอกไม้ของเจ้าตลอดไป..

                                  วิถีทาง..ระยะทาง..หนทาง..และจุดหมาย

                           เจริญเติบโต วิเคราะห์ สังเคราะห์ สังยุต..

                           ร้อยรวม หนึ่ง อดีตสู่่ปัจจุบัน.และก้าวไป..

                           ตามแบบรูปรอยของครรลองที่เป็นมาและป็นไป

                                 เราจะผ่านมันๆ ผ่านมันไป ผ่านมันไป

                          เราจะลุกขึ้นสู้ใหม่..เราจะลุกขึ้นสู้

                          เราจะเติบโตก้าวไปขัางหน้าพร้อมๆ กัน

                         เราจะไปด้วยกัน..เติบโตไปด้วยกัน..เติบโตไปด้วยกัน...



                                

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

Wuhan...Economic Stratagy

           อู่ฮั่น เป็นเมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย เมืองอุ่ฮั่นตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศจีนค่อนมาทางตะวันออกตามประวัติศาสตร์จีนอู่ฮั่นเป็นหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในอดีต และมีประวัติความเป็นเมืองยาวนนมากที่สุดเมืองหนึ่ง ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและยุคต้นหลังจีนปฏิรูป อู่ฮั่นถือเป็นเมืองทันสมัยอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเซีย ในขณะนั้นเมืองอู่อั่นมีสมยานามว่า "ชิคาโกแห่งตะวันออก"
           
เนื่องจากอู่ฮั่นเป็นเมืองส่วนหลางที่เชื่อมต่อการคมนาคมรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สำัญของจีนไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั้งจากเนหือไปใต้ จากตะวันออกไปตะวันตก  จากลักษณะพิเศษนี้ทำให้อู่ฮั่นกลายเป็นเมืองสำคัญของจีนที่มบทบาทเป็นศูนย์การพัฒนาและวิจัยถไฟฟ้าความเร็วสูง รวมทั้งยังมีศูนย์อบรมเกี่ยวกับวิชาชีพทางด้านรถไฟฟ้าที่สำคัญหลายแห่งอีกด้วย
            ไม่เพียงแต่ด้ารถไฟความเร็วสูงเท่าน้นที่เมืองอู่ฮั่นมีความโดดเด่น การคมาคมด้านอื่นๆ ก็ยัง
พัฒนามาก เช่นด้านการบินท่ี่มีเที่ยวบินตรงถึงเมืองต่างๆ สำคัญในจีนและบินตรงถึงเมืองสำคัญอื่นในต่างประเทศ ด้านการคมนาคมทางถนน มีเครือข่ายมอเตอร์เวย์จำนวนมากที่เชื่อมไปพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ การคมนาคมทางน้ำถึงแม้ว่าอู่ฮั่นจะไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่อู่ฮั่นมีแม่น้ำสายสำคัญของจีนอย่างแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ไหลผ่าน ทำให้อุ่ฮั่นเป็นเมืองท่าน้ำจืดที่สำคัญ และแม่น้ำทนี้สุดท้ายเป็นทางออกไปสู่ทะเลอีกด้วย
         
 เมืองอู่ฮั่นถูกให้ความสำคัญตั้งแต่ปีที่เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบสังคมนิยมและสถาปนาธาณรัฐประชาชนจีน (ปี 1949) ในช่วงต้น 1950 ผู้นำประเทศเริ่มออกแบบสะพานรถไฟและรถยน์ข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง จนถึงเดือนตุลาม 1957 สะพานแห่งนี้ได้ถูกเปิดใช้อย่างเป็นทางการ สะพานแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า สะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำฉางเจียงอู่ฮั่น สะพานนี้ถือเป็นสะพานข้ามแมน้ำใหญ่แห่แรกของจีนที่เป็นสะพานแบบ 2 in 1 หมายถึงสะพานที่ข้ามทั้งรถยนต์และรถไฟ   
           ความเป็นอยู่ของผุ้คนในเมืองอู่ฮั่นจะเป็นลักษณะค่อนข้างเร่งรีบ เพราะฉะนั้นการกินก็จะค่อนข้างเรียบง่ายของกินท้องถ่ินอู่ฮั่นมีไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ดังระดับประเทศ ไม่เหมือนกับอาหารเสฉวนหรืออาหารกวางตุ้งที่ดังไปทั่วประเทศ การสร้างบ้านเรือนของคนอู่ฮั่นจะนยมสร้างริมแม่น้ำสายเล็ก สายใหญ่ ด้วนั้นบ้านของคนที่นี่จะเป็นแบบวิวริมแม่น้ำ ก็มีเห็นได้ทั่วไป  ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนอู่ฮั่นสุขสบายเนื่องจากเป็นเมืองที่มีแม่น้ำสายหลักและสายเล็กๆ น้อยๆ ไหลผ่านทำให้บรรยากาศของเมืองน่าอยู่ ร่มรื่น คนอู่ฮั่นเองก็จะชอบเล่นกีฆาทางน้ำกันเป็นพิเศษ แม่น้ำฉางเจียงกลายเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของขาวอูฮั่น


           อู่ฮั่น เป็นเมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ในภาคกลางของจีน ถูกสร้างขึ้นตามแนวแม่น้ำแยงซีเกียง
นับเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 42 ของโลกและใหญ่อันดับ 7 ของจีน มีพืนที่โดยรวมใกล้เคีงกับกรุงลอดนดอนของอังกฤษ แต่ใหญ่กว่ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ มาก มีประชานประมาณ 11 ล้านคน เมืองแห่งนี้ถูกยกให้เป็น "ถนนสายหลักของจีน" เนื่องจากมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อไปสู่ 9 มณฑลทั้งทางบก ทางน้ำ แลทางอากาศ มีถนนเชื่อมไปยังพื้นี่ต่างๆ มีทั้งรถไฟและระไฟความเร็วสูงที่เดินทางไปเมืองสำคัญในภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก รวมทั้งกรุงปักกิ่งกบนครเซี่ยงไฮ้ โดยใช้เวลาเพียง ภ ชั่วโมงเท่าั้น ทำให้ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเข้าออกเมืองงอู่ฮั่นเป็นจำนวนมาก
           อู่ฮั่นยังมีท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในแม่น้ำแยงซีเกียงตอนล่าง จนกลายเป็นศูนย์กลางการขนสินค้าในภูมิภาค และเป็นเสนทางออกสู่ทะเลได้อีกด้วยส่วนการเดินทางทางอากาศ เมืองแห่งนี้มีท่าอากาศยานนานาชาติอู่ฮั่นเทียนเหอ ซึ่งเชื่อม่อไปยังเมืองสำคัญทั่วโลกเช่น ลอนดอน ปารีส ดูไบ กรุงเทพ รองับผุ้โดยสรมากกว่า 20 ล้านคนทุกปี
           เมืองอู่ฮั่นยังมีเขตอุตสาหรรม 4 แห่ง มากกว่า 300บริษัทในกลุ่ม 500 บริษัทชั้นนำของโลกเช่น ไม่โครซอฟต์ เอสเอ บริษัทซอฟต์แวร์ของเยอรมนี และ เปเอสเช ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศส ล้วนมีสำนักงานในเมืองแห่งนี้
         
 ในช่วงไม่กีปีทีผ่านมา มีการลงทุนเพื่อทำใหอู่ฮั่นกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะในด้านอุตสหกรรมเลนส์กล้อง แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือการเป็น เมืองแห่งยานยนต์ของจีน จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสหกรรมยานยนต์ภายในเมือง และความเป็นศูนย์กลางโลจิสติกขนาดใหญ่ของอู่ฮั่น ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมาก่อการเติบโตทางเศราฐกิจของจีน
            เมืองอู่ฮั่นมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆ ของจีน ตามข้อมูลซึ่งเปิดเผยโดยรัฐบาลท้องถ่ินในปี 2562 จีดีพีของเมืองอู่ฮั่นเติบโตถึ 7.8% มากกว่า จีดีพีเฉลี่ยทั่วประเทศ 1.7% มูลค่าการส่งออกและนำเข้าแต่ 2.44 แสนล้านหยวน นับเป็นสถิติใหม่และมากว่ามูลค่าในปีก่อนหน้านั้นถึง 13.7% คิดเป็น 61.9% ของมูลค่าการซี้อขายกับต่างชาติทั้งหมดของมณฑลหูเป่ยhttps://www.thairath.co.th/news/foreign/1758798
             เมื่อปี 2018 เมืองอู่ฮั่น มีฐานเป็นเมืองเอกของมณฑหูเป่ย ได้รับการจัดอันดับเมืองที่มีสัยภาพด้านกรวิจัยและพัฒนาอยู่ในอันดับที่ 19 ของโลกและอันดับที่ 4 ของจีน ทั้งนี้ เนื่องจากเมืองอุ่ฮั่นมีข้อได้เปรยบในด้านของภูมิศาสตร์ ทำให้อู่ฮั่นเป็นเมืองที่ผู้คนจากหลายพื้นที่ย้ายถ่ินฐานเข้ามาทั้งประกอบกิจการธุรกิจต่างๆ ช่างที่มีฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญด้านการรถไฟ ท่าเรือ เป็นต้น และเมื่อผู้คนย้ายเข้ามาตั้งหลักปักฐานมากขึ้นเศรษฐกิจท้องที่ในด้านต่างๆ ก็ได้รับการผลักดันและเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันอู่ฮั่นมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP มากกว่า 14,845.29 พันล้านหยวน จัดอยู่ในอันดับ 9 ของประเทศจีน มีจำนวนประชากรประมาณ 11 ล้านคน...

             จุดเด่นของเมืองอู่ฮั่นประการหนึ่ง คือ การเป็นเมืองด้านการศึกษา จากการที่ใีจำนวนมหาวิทยาัยมากถึง 89 แห่ง และมีจำนวนนักศึกษาทั้งหมด 1 ล้านคน โดยถือเป็นเมืองที่มีนัำศึกษามหาวิทยาลัยมากที่สุดในโลก ทั้งนี้ เมืองอู่ฮั่นซึ่งมีที่ตั้งอยู่ตรกลางของประเทศจีนค่อนมาทางตะวันออก และจากประวัติศาสตร์ของจีน เมืองอู่ฮั่นเป็นหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในอดีตและมประวัติความเป็นเมืองมายาวนานมากที่สุดเืองหนึ่งโดยในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและยุคต้นหลังจีนปฏิรูป เมืองอู่ฮั่นถือเป็นเมืองที่ีมีความทันสมัยอยูในอันดับต้นๆ ของเอเชีย..และจากกาที่เมืองอู่ฮั่นเป็นเมืองสวนกลางท่เชื่อมต่อการคมนาคมรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สำคัญของจีนไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั้งจากเหนือไปใต้ จากตะวันออกไปตะวันตกทำให้อู่ฮั่นเป็นเมืองสำคัญของจีนที่มบทบาทเป็นศูนย์การพัฒนาและวิจัยรถไฟความเร็วสูง..https://www.thansettakij.com/content/world/420521
             อู่ฮั่น..ก่อนจะประสบกับวิกฤต ไวรัส โควิด 19 เป็นเมืองใหญ่ เมืองชั้นนำของโลก ซึ่งหลักจากเกิดวิกฤตการไวรัสโคโลน่าระบาด..ส่งผลกระทบต่อเมืองและชาวเมืองเป็นอย่างมาก..ทางการจีนประกาศปิดเมือง..ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อ เมืองอู่ฮั่นและประเทศจีนเป็นอย่างมาก..

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...