วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2567

Trust in Media

            ความต้องการข่าวนั้นแตกต่างกันไปตามควมขอบที่รับรู้ขอองค์กรข่าวกับความชอบทางการเมือง
ของผุ้บิรโภค ในกาทดลอง กลุ่มอนุรักษณ์นัิยมและกลุ่มรีพับลิกันขอบอ่านรายงานข่าวมทีมาจาก Fox News และหลักเลี่ยงข่าวจาก CNN และ NPR เท่าๆ กัน แต่หลีกเลี่ยง "ฟ็อกนิวส์" รูปแบบการเปิดรับข่าวแบบเลือกเฟ้นตามความขอบของพรรคการเมืองนี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับการรายงานข่าวงในประเด็นที่ถกเถียงกันเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับหัวข้อที่ค่อนข้าง "ไม่เหนักแน่น" นอกจากนี้ แนวโน้มในการเลือกตับข่าวตามความเห็นพ้องต้องกันยังเพ่ิมขึ้นในกลุ่มผุึ้สนับสนุนทางการเมืองอีกด้วย โดยรวมแล้วผลลัพธ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการแพร่กรจะายของสื่อใหม่และการมีทางเลือกของสื่อที่มากขึ้นอาจส่งผลต่อากรแบ่งขั่วของผุ้ชมข่าวมากขึ้น https://academic.oup.com/joc/article-abstract/59/1/19/4098357?redirectedFrom=fulltext

           ภฺมิทัศน์ข่าวของอเมริกาแตกแยกและแตกแยก โดยไม่มีช่องทางใดที่จะดึงดูดความสนใจหรือความไว้วางใจจากสาะารณชนได้อย่างชัดเจน การระบุพรรคการเมืองและสในระดับหนึ่ง อายุเป็วแบ่งการบริโภคสือของอเมริกา ผุ้ใหญ่ส่วนใหญ่กล่าวว่าการบริโภคข่าวอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการเมือง และแหล่งข่าวหลักส่วนใหญ่ถุกมองว่าเป็นฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวาในสายตาชาวอเมริกัน

           พรรคเดโแมครตมีแนวด้มที่จะเชื่อถือข่าวทั่วไปมากว่าพรรครีพับลิกัน รวมถึงเชือ่ถือสื่อเฉพาระส่วนใหญ่ด้วย พรรครีพับลิกันและชาวอเมริกันโดยทั่วไปมักจะจัดประเภทแหล่งข่าวว่าเป็นแนวเสรีนิยมมากกวาแนวอนุรักษ์นิยม แม้วาจะมีข้อยกเว้นก็ตามพรรคเดโแมครตและพรรครีัีพัลิกันต่างก็มีจุดร่วมบางประการเมืองพูดถึงแหล่งข่าวด้านการเงิน แต่มีความเห็นที่แตกตางกันอยางมากเีก่ยวักบแหล่งชข่าวอื่นๆ  รวมถึงสองแหล่งที่ใช้ย่อยที่สุด ได้แก่ CNN และ Fox News  

        ในการสำรวจล่าสุดของเราเราถามชาวอเมริกันเกี่ยวกับแหล่งข่าวแต่ละแห่งจากทั้งหมด 52 แหล่ง รวมถึงการใช้งานในแต่ละแหล่งในช่วงเดือนที่ผ่านมา ความนาเชื่อถือ และแนวคิดเชิง อุดมคติของแหล่งข่าวนั้นๆ ในการสำรวจดังกลาว เราจะทบทวนคำถามที่ถามในแบบสำรวจที่คล้ายกันซึ่งดำเนินการเมืองประเมาณหนึ่งปีก่อนในเดือนเมิษายน 2023 โดยมีการเพิ่มและลบบางส่วน

           ผลลัพธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงมุมมองของชาวอเมริกันเกี่ยวกับสื่อและแหล่งชข่าวเฉพาะ ซึ่งรวมถึวความคิดเห็นของผุ้คนจำนวนมากที่ไม่ได้รับข่าวสารจากสำนักข่าวดังกล่าวในช่วงไม่นานมานี้สำนักข่าวบางแห่งถุกใช้หรือได้รับความคิดเห็นจากชาวอเมริกันมากกว่า และสำนักข่าวเหล่านี้มักจะอยู่ในอันดับต้นๆ และอันดับท้ายๆ ของชาร์ตเหล่านี้

         เช่นเกียวกัยการสำรวจเมือปีที่แล้เราถามชาวอเมิรกันใปี 2024 ว่าพวกเขาพบว่าร้านค้ามากว่า 50 แห่งมีความน่าเชื่อถือมา น่าเชื่อถือ ไม่น่าเชือ่ถือ ไม่น่าเชื่อถือเลย หรือไม่น่าเชือ่ีถือเลย โดยใช้ผลลัพธ์เหล่านี้ เาคำนวณคะแนนความน่าเชื่อถือสุทธิของร้านค้าแต่ละแห่ง นั่นคือ ชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะบอกว่าแหล่งที่มาน่าเชื่อถื่อหรือน่าเชื่อถือมากเพียงใด มากกว่าไม่น่าเชื่อถือหรือไม่น่าเชื่อถือเลย

         จากการวัดนี้ "เดอะ วินเทอร์ ชาแนล" ยังคงเป็นแหล่งข่าวที่เชือ่ถือได้มากที่สุ ดเช่นเดียวกับในปี 2022 และ 2023 โดยชาวอเมริกันมีแนวโน้มี่จะเรียก "เดอะ วินเทอร์ ชาแนล" วาน่าเชื่อถือมากว่า 43 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่พวกเขาเรียกมัว่าไม่น่าเชื่อ "เดอะ วินเทอร์ ชาแนล" ตามมาด้วยสถานี้โทรทัศน์สาธารณะสองแห่ง ได้แก่ BBC ( +25) และ PBS (+22) The Wall Street Journal (+22) เสมอ กับ PBS ในอันดับที่สาม และเป็นองค์กรเดียวที่จัดพิมพ์หนังสือที่ติดอันดับอยู่ใน 10 แหล่งช่าวที่เชื่อถือได้มากที่สุด

        สำนักข่างทั้ง 5 แห่งได้รับการจัดอันดับให้เป็น 5 สำนักข่าที่น่าเชื่อถือที่สุดในปีนี้เช่นเดียวกับปีทาี่แล้ว
ในปี 2023 โดยในครั้งนี้ BBC  แซงหน้า PBS เล็กน้อย  ความเชื่อมั่นสุทธิต่อสำนักข่าวส่วนใหญ่ลดลงเลห็น้อยในปีนี่้ หลังจากปรับตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามเมือปีที่แล้วตั้งแต่ปี 2022 โดยรวมแล้ว ความเชื่อมั่นต่อสำนักข่าวที่สำรวจในทั้งสมปีนั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย เช่นเดียวกับตำแหน่งสัมพันธ์ของความน่าเชื่อถือ

         พรรคเดโมแครตมีแนวดโน้มที่จะเชื่อถือข่าวทั่วไปมากว่าพรรคีัพลฃิกัน และความเชื่อใจต่อสื่อข่าวเฉพาะก็เป็นจริงเช่นเกียวกันจาการสำรวจแหล่งข่าว 52 แห่ง พบว่าพรรคเดโมแครตไว้วางใจแล่งข่าวเหล่านี้มากว่าไม่ไว้วางใจ ดดยมีเพียง 25% ของแหล่งข่าวในกลบุ่มรีพับลิกันเท่าน้นที่เชื่อใจ

         แม้วาโดยทั่วไปแล้วทังพรรคเดโแมครตและรีพัลลิกันจะไว้วางใจเครือข่ายโทรทัศน์มากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่ออนไลน์แต่ทั้งสองพรรคก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของเครือข่ายที่พวกเขาไว้วางใจ พรรคเดโแมครต ไว้วางใจ PBS, ABC, CBS, NBC, และ CNN มากที่สุด ขณะที่พรรครีพัลิกันไว้วางใจ "ฟ็อกนิวส์" ฟ็อก ชาแนล" และ นิวส์แมค" เป็นพิเศษ

         แหล่งข่าวที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมองว่าน่าเชื่อถือที่สุดนั้นแทบจะไม่มีการทับซ้อนกันเลย นอกเหนือไปจาก "เดอะ เวทเทอร์ ชาแนล" ซึ่งเป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ทั้งสองฝ่ายมีเพียง 13% ของแหล่งข่าวเท่านั้นที่สามชิกพรรคทั้งสองพรรคไว้วางใจได้มากกว่าไม่ไว้วางใจ และแหล่งข่าวที่ค่อนข้างเป็นกลางนั้นก็มัีกจะเน้นไปที่ข่าวเศรษฐกิจหรือการเงินอย่างน้อยก็ในชื่อ ซึ่งรวมถึง "บิวซิเนท อินไซเดอร์" ไฟแนนเชีล ไทม์" "ฟรอบส์ อีโคโนมิสท์" และ "วอลล สตรีท เจอร์นอล"  

         CNN เป็นสือที่ทำให้มีการขัดแย้งทางการเมืองมากทีุ่ดโดยมีคะแนนความน่าเชื่อถือสุทธิที่แตกต่างกันระหวางพรรคเดโมแครตและ รีพับลิกันถึง 96 คะแนน เครือ่ายอื่นๆ ที่ได้รับควาาไว้วางใจด้านข่ายอื่นๆ  ที่ได้รับความไว้วางใจด้านข่าวจากพรรคเดโแมครมากกว่าพรรครีพับลิกัน  ได้แก่ MSNBC, NBC, CBS,  และ ABC ในทางกลับกัน พรรครีพัลิกันมีคะแนนความน่าเชื่อถือสุทธิสุงกว่าพรรคเดโแสมครตสำหรับ Fox News และสูงกว่า ฟ็อก บิวซิเนท ชาแนล 

            แม้ว่าชาวแเมริกันจำนวนมากจะบอกว่าพวกเขาบริโถคบข่าวสารจากโซเชียลมีเดีย แต่กลับมีหบายคนเชื่อว่มันไม่น่าเชื่อถือมากกว่าน่าเชือถือ แม้ว่า "ยูทูบ" และ "ลิงค์คิดดิน" จะถือว่าดีกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ เล็กน้อยก็ตาม แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่น่าเชื่อถือน้อยที่สุดคือ "ติกต็อก" "เฟสบุค" และ "สแนปแชท ทรัสท์ โซเชียล" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นแพลตฟอร์มที่มีความแตกแยกมากที่สุด ดดยพรรครีพับลิกันมีแนวโน้มที่จะเชื่อถือมากวาพรรคเดโแมครต ในบรรดาพรรครีพับลิกัน "ทรัสท์ โซเชียล" เป็นแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือที่สุด แต่ในบรรดาพรรคเดโแมครต แพลตฟอร์มนี้กลับได้รับความไว้วางใจน้อยที่่สุด พรรคเดโแมครตมีแนวโ้มที่จะเชื่อถือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ มากกว่าพรรครีพับลิกัน ยกเว้น X ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจาการสำรวจเมือปีที่แล้วซึ่งพบว่าพรรคเดโมแครตไว้วาใจ "ทวิตเตอร์" มากว่าพรรครีพัลลิกัน ในปีที่ผ่านมา ความไว้วางใจของพรรคเดโมแครตทีมีต่อข่าวสารจาก "ทรัสท์ โซเชียล" และ "ติกตอก" ก็ลดลงเช่นกัน  https://today.yougov.com/politics/articles/49552-trust-in-media-2024-which-news-outlets-americans-trust


วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567

Ukain' s “victory plan”

         ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครเดินทางถึงสหรัฐฯเมือวันอาทิตย์เพื่อนำเสนอแผนปฏิยัติ
การทางทหารต่อประธานาธิบดี โจ ไบเดน รวมถึงผุ้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส ขณะที่สหรัฐยังคงคัดค้านการใช้อาวุธของนาโต้ของยูเครนโจมตีเป้าหมายภายในอาณาเขตรัสเซีย โดยขณะนี้การเจรจาระหว่างยูเครและรัสเซียดูเหมือนจะหยุดชะงัก เซเลนสกีจึงเตรียมนำเสนอแผนปฏิยัติการเพื่อบรรละ "สันติภาพที่ยุติธรรมและมั่นคงไ ซึ่งเขาหวังว่าจะพร้อมภายในเดือนพฤศจิกายน   

         เซเลยนสกีอยู่ในสหรัฐฯ เพื่อนำเสอนแผนสันติภาพล่าสุดต่อไบเดน แฮร์ริส และทรัมป์ 

          ประธานาธิบดีโวโลดิมีรร์ เซเลนสกีของยูเครนได้เร่ิมการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ โดยนระหว่่างนั้นเขาจะนำเสนอแผนการของเคียฟในการยุติสงครามที่ดำเนินมานานกว่าสองปีครึ่งกับกองกำลังรุกรานรัสเซีย ต่อประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐ ตลอดจนคู่แข่งในการเลือกตัึ้งอย่าง กมลา แฮร์ริสและโดนัลด์ ทรัมป์

           เซเลนสกี ซึ่งจะเข้าร่วมการประชุมประจำปีของสหประชาชราติในวันอังคารและวันพุธด้วย เรียกร้องให้พันธมิตรของยูเครนช่วยกันบรรลุ "ชัยชนะร่วมกันเพื่อสันติภาพที่ยุติธรรมอย่างแท้จริง" 

          คาดว่าเขาจะนำเสนิข้อเสนอสันติภาพซึ่งเขาเรียกว่า "แผนแห่งชัยชนะ" ต่อไปเดนยในวัพฤหัสบดี ก่อรที่จะพบกับแฮร์ริส ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีในเวลาต่อมา สำนังานของเขาแจ้งงวา่เขาคาดว่าจะพบกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ผุ้สมัครจากพรรครีพับลิกันในวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์ แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศวันอย่างเป็นทางการก็ตาม

         
ภายใต้การรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเป็นพิเศษที่ดรงงานผลิตกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตรในเพนซิลเวเนีย กระสุนเหล่านี้มีวามสำคัญต่อคามพยายามในการทำสงครามของยูเครน และได้รับกระสุนจากสหรัฐฯ แล้วกว่า 3 ล้านนัด

         "ผมเร่ิมต้นการเยือนสหรัฐอเมริกาด้วยการแสดงความขอบคุณต่อพนักงานทุกครในโรงงาน" เซเลนสกี้ เขียนในโพสต์บน X รวมถึงภาพถ่ายของเขาขณะจับมือกัยคนงานในโรงงาน

         "เป็นสถานที่เช่นนี้ที่คุณสามารถสัมผัสได้อย่างแท้จริงว่าโลกประชาธิปไตยสามารถชนะได้" เขาเขียน ไม่มีการเปิดเยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอสันติภาพล่าสุดของยูเครนตอสาธารณะ เซเลนสกีกล่าวว่า ไบเดนจะเป็นผุ้นำต่างประเทศคนแรกที่ได้เห็นแผนดังกล่าว "อย่างครบถ้วน" และจะนำเสนอต่อ "ผุ้นำทุกคนของประเทศพันธมิตรของเรา" ต่อไป เขากล่าวว่า "แผนทั้งหมด"จะพร้อมภายใน "ต้นเดือนพฤศจิกายน" เขากล่าวกับสื่อมวลชนเมือวันศุกร์ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการมองถึง "ขั้นตอนที่รวดเร็วและเป็นรูปธรรมจากพันธมิตรทางยุทธสาสตร์ของเรา" เขากลบ่าวว่าขึ้นตอนหนึ่งนั้น "เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างศักยภาพด้านอาวุธของยูเครน" ในขณะที่อีกขึ้นตอนหนึ่งเรียกร้อง "พื้นที่ที่ชัดเจนสำหรับยูเครนในสถาปัตยกรรมความมั่นคงของโลก" 

           กระสุนปืนขนาด 155 มม. ที่ผลิตในดรงงานสแครนตันในในระบบปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ ซึ่งเป็นปืน
ใหญ่ที่มีลำกล้องยาวที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกลถึง 15 ไมล์ ถึง 20 ไมล์ 

           นอกจากนี้ เซเลนสกียังกดดันสหรัฐและพันธมิตรอื่นๆ ให้อนุญาตให้ใช้อาวุธพิสัยไกลที่ชาติตะวันตกจัดหามเพื่อโจมตีเป้าเหมายทางทหารในพื้นที่ลึกภายในรัสเซีย 

           จนถึงขณะนี้ ไบเดนยังคงต่อต้าน โดยมอสโกอ้างว่าการอนุญาตดังกล่าวจะเที่ยบได้กับการที่ประเทศสมาชิกนาโตกำลัง "ทำสงคราม" กับรัสเซีย

          การเยือนของเซเลนสกียังตรงกับช่วงที่สหรัฐฯ เตรียมการแพ็คเกจความช่วยเหลือทงทหารมูลค่า 375 ล้านดอลลาร์สำหรีบยูเครนอีกด้วย

         เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 รายบอกดกับ "รอยเตอร์ว่า แพ็คเกจดังกล่วจะรวมถึงเรือตรวจการณ์ กระสุนเพ่ิมเติมสำหรับระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่นที่สูง ตลอดจนกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และ 105 มม.

         การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากช่วงซัมเมอร์ที่มีการสุ้รบอย่างเข้มข้นโดยมอสโกว์ รุกคือบอย่างรวดเร็วในยูเครนตะวันออก แขณะที่เคียฟยึดครองพื้นที่ในเขตเคิร์สก์ของรัสเซียไว้ได้ 

     
   สถานการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นขณะที่เคียฟกดดันฝ่ายตะวันตกมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์เพื่อให้สามารถใช้อาวุธระยะไกลโจมตีเป้าหมายที่อยุ่ลึคกเข้าไปในรัสเซียได้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลสำเร็จ

          หลังจากการเยือนโรงงานผลิตอาวุธที่เพนซิลวาเนีย เซเลนสกีจะเดินทางไปนิวยอร์กและวอชิงตัน เซเลนสกีกล่าว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ การต่อสู้ที่ยานานกว่า 30 เดือนที่คร่าชีวิตผุ้คนไปหลายพันคนจะจบลงอย่างไร "ขณะนี้กำลังมีการตัดสินใจกันว่าผุ้นำประเทศรุ่นปัจุบันที่อยุ่ในตำแหน่งสุงสุดจะสืบทอดมรดกอะไร" เขากลาว 

          ในการแสดงความเห็นก่อนการเดินทาง เซเลนสกีกล่าวว่าสหรัฐและสหราชอาณาจัรไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลเนืองจากกลัีวว่าจะเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้น แต่เขาแย้มว่ายังไม่หมดหวัง

         "เรามีการตัดสินใจบางอย่างในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของเรากับไบเดน ซึ่งเป็นการสนทนาที่น่าสนใจและยากลำบากมาก" เซเลนสกีกล่าวเมือต้นสัปดาห์นี้ และเสรมว่า "ต่อมาเขาก็เปลี่ยนมุมมองของเขา" 

           มอสโกว์กลาวากำลังพิจารณาไฟเขียวดังกล่าวเนื่องจากประเทศ สมาชิก "นาโต้" กำลัง "ทำสงคราม" กับรัสเซีย

          "สันติภาพที่ยุติธรรมและมั่นคง"

         ที่ปรึกษาคนสนิทของไบเดนกล่าวในเดือนนี้ว่าผุ้นำสหรัฐฯ จะใช้เวลาที่เหลืออยุ่ในตำแหน่งเพื่อ "ทำให้ยูเครนอยุ่ในตำแหน่งที่ดีที่สุเพื่อเอาชนะ" ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกัแผนการยุติการสู้รบของยูเครนต่อสาธารณะ

          เซเลนสกี้วางแผนที่จะนำเสนอข้อเสนอดังกล่าวต่อรรัฐสภาสหรัฐฯแฮร์ริสและทรัมป์ แฮร์ริสระบุว่าเธอจะดำเนินนโยบายของไบเดนในยูเครนต่อไป ในขณะที่ทรัมป์วิจารณ์อย่างหนักถึงแพ็คเกจช่วยเหลือจำนวนมาหศาลของวอชิงตันสำหรับเคียฟ

           เซเลนสกีกล่าวเมือต้นสัปดาห์นี้ว่ายูเครนต้องการ "สันติภาพที่ยุติะรรมและมั่นคง" และแผนดังกล่าวคาดการณ์ว่า "สงครรมจะไม่กลับมาหาเราอีกในระลอกที่ใหญ่กว่านี้" ในปีต่อๆไป เขากล่าวว่าเคียฟมีแผนที่จะจัดการประชุมตลอดฤดูใบไม้ร่วงและ "แผนทั้งหมด" จะพร้อมภายใน "ต้นเดือนพฤศจิกายน" เขากล่าวกับสื่อมวลชนในวันศุกร์วา ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการมองถึง "ขั้นตอนที่รวดเร็วและเป็นรูปธรรมจากพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของเรา" 

           เขากล่าวว่า ขั้นตอนหนึ่งนั้น "เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างศักยภาพด้านอาวุธของยูเครน" ในขณะที่อีกขึ้นตอนหนึ่งเรียกร้อง "พื้นที่ที่ชัดเจนสำหรับยูเครนในสถาปัตยกรรมความมั่นคงของโลก" 

          เซเลนสกียังกล่าวอีกว่าเขาวางแผนเชิญรัสเซียเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสันติภาพนานาชาติครั้งที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน "เนื่องจากรัสเซียเป็นผุ้ตอ่สุ้กับยูเครน" และกล่าวว่าพันธมิตร "ทั้งหมด" ของยูเครนกล่าวว่าควรเชิญมอสโกว์

         แต่ในสุดสัปดาห์นี้ มอสโกว์ระบุว่าจะไม่เข้าร่วมและอ้างถึงเงือนไขของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในการเข้าร่วมการเจรจา ดดยยูเครนต้องยอมสละภูมิภาค 4 แห่ง

         อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหรประชาชาติ กล่าวกับ CNN เมื่อวันอาทิตย์ ว่า "ผมคิดว่ทั้งสองฝ่ายยังคงเดิมพันกับความเป็นไปได้ของชัยชนะทางทหาร" โดยเขากล่าวว่าเขาไม่เห็นว่าจะมีความสนใจที่ทแ้จริงในการเจรจา" ความพยายามในการผลักดันการเจรจาสันติภาพจนถึงขณะนี้ล้มเหลว

         เซเลนสกีมุ่งหน้าไปยังกรุงเคียฟ ขณะที่การโจมตีของรัสเซียในยูเครทำให้มีผุ้เสียชีวิต 6 ราย รวมทังเด็ก 2 ราย ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่การโจมตีเมืองคาร์คิฟ ทำให้มีผุ้ได้รับบาดเจ็บ 21 รายในย่านที่อยุ่อาศัยแห่งหนึ่ง

        นอกจากนี้ เขายังบินไปหนึ่งวันหลังจากที่ยูเครนกล่าวว่าได้โจมตีคลังอาวุธ 2 แห่งในรัสเซีย โดยกองทัพของเคียฟกล่าวว่าได้โจมตีฐานจัดเก็บกระสุนสำคัญซึ่งมีความสำคัญต่อการส่งกำลังบำรุงของกองทัพรัสเซียในการรุกราน....

        https://www.france24.com/en/europe/20240922-zelensky-lands-in-us-to-discuss-war-plan-with-biden

         https://www.aljazeera.com/news/2024/9/23/zelenskyy-in-us-to-present-latest-peace-plan-to-biden-harris-trump 

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567

Lansing, Michigan

            เมืองหลวงของมิชิแกน แลนซิง ซึ่งมักถุกมองข้าม ขาดเงินทุนและเป็นศุนย์กลางเทศบาลของรัฐที่
ไม่ีทางออกสู่ทะเล เป็นที่ตั้งของรัฐสภา มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท และสนามเบสบอลลักนัตส์ (นอกจากนี้ยังมีอาคารก่อนสงครามกลางเมืองมากมายถนนที่เป็นหลุ่มเป็นบ่อ โรงงานร้าง ดรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ส่ิงอำนวยความสะดวกด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และแผงโซลาร์เซลล์จำนวนมาก) นอกจากนียังมาจากเขตชานเมือง หาร์ม และหอพักของศาสตราจารย์ที่กระจัดกระจายอยุ่ทั่วเขตที่ไม่สมดุล

           รัฐมิชิแกนได้รับความสนใจอย่างมากนับตั้งแต่ โอบามาดำรงตำแหน่งเร่ิมจากช่วงเวบาแห่งการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ที่รัฐลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี จากนั้นก็มีการเลือกตั้งกลงเทอมในปี 2018 ซึ่งมีการบริหารของผุ้ว่าการรัฐจากพรรคเดโแมครตชุดใหม่ รวมถึงชัยชนะในการเลือกตั้งแบบก้าวหน้าหลายครั้งในประเด็นสิทธิในการออกเสียง การทำให้กัญชาถุกกฎหมาย และการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยอิสระ ในปี 2020 รัฐมิชิแกนซึ่งเป็นเป้าหมายและสมรภูมิสำหรับความพยายามของ ทรัมป์ ในการพลิกผลการเลือกตั้งได้ปฏิเสประะานาธิบดีและเลือกศาลฎีกาของรัฐที่มีเสียงข้างมากเป็นเดโมแครต ในการเลือกตั้งกลางเทอมใปี 2022 ต่อมา พรรคเดโแมครตได้รับความได้รับการควบคุมสภนิติบัญฐํติทั้งหมดเป็นคร้งแรกนับตั้งแต่ปี 1984 และใช้พลังอำนาจนั้นอย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด


ภายในเขตเมตานาร์เรทีฟขนาดใหญ่เหล่านั้น มีแลนซิงอยุ่มากมายในรอบปี 2018 หนึ่งในที่นั่งสีแดงจำวนมากที่ตกไปอยุ่ในกระแสสีน้ำเงนิคือ เขตเลือกตั้งที่ 8 ของมิชิแกน ซึ่งครอบคลุมถึงเกรตเตอร์แลนซิง ที่นั่น เอลิสซา สล็อตกิ้น อดีตสมารชิกพรรคเดโมแครตและ ซีไอเอ ได้เพลิกลับที่นั่งที่เคยครองโดย ไม่ด์ บิชอป สมาชิกสภผุ้แทนราษฎรจากพรรครีพัลลิกัน ซึงดำรงตำแหน่งอยุ่ในขณะนั้น ในปี เดียวกันนั้น เกร็ตเชน วิทเมอร์ อดีตผุ้ว่าการรัฐมิชิแกนสเตทและอดีตผุ้แทนรัฐสำหรับพื้นที่ดังกล่าวได้ขึ้นดำรงตำแนห่งผุ้ซึ่งรับคฤหาสน์ของผุ้ว่าการรัฐคืนมาจากพรรครีพับลิกัน ในขณะเดียวกัน สล็อตกิ้น ยังคงรักษาที่นั่งของเธอไว้ได้ แม้ว่าการแบ่งเขตใหม่หลังปี 2020 จะย้ายขอบเขตของเขตเลือกตั้งของเธอ(ทำให้เป็น เขตเลือกตั้งที่ 7  ในปัจจุบัน) และเอียงไปทางพรรครีพับลิกันเล็กน้อย

         Elissa Blair Slotkin เกิดเมือ 10 กรกฎาคม 1976 เป็นนักการเมืองชาวอเมริกันที่ดำรงตำแหน่งผุ้แทนสหรัฐฯ สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 7 ของมิชิแกนตั้งแต่ปี 2019 เขตเลือกตั้งที่ 8 ตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2023 ทอดยาวจากแลนซิงไปจนถึงชานเมืองทางเหนือสุดของดีทรอย สล็อทคิน ซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคเดโมแครตเคยเป็นนัก วิเคราะห์ของ ซีไอเอ และเจ้าหน้าที่กลาโหม สล็อคิน เป็นผุ้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตให้ดำรงตำแนห่งวุฒิสมาชิกสหรัฐฯในการเลือกตึ้งปี 2024 เพื่อสืบทอดตำแหน่งต่อจาก เดบบี้ สตาเบนโนว์

         ขณะนี้ในขณะที่วุฒิสมาชิกรัฐมิชิแกนและชาวเมืองเกรตเตอร์แลนซิง เด็บบี้ สตาเบนอว์ เกษียณอายุ สล็อทคิน หวังว่าจะสืบทอดตำแหน่งวุฒิสภาต่อจากเธอ และน่าจะได้เผชิญหน้ากัน ไมค์ โรเจอร์ พรรครีพับลิกัน ทีีทรัมป์รับรอง ซึ่งเคยดำรงตำปน่งสมาชิกรัฐสภาคนเก่าเป็นเวลา 14 ปี ก่อนที่บิชอปจะสืบทอดตำปน่งต่อจากเขาในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2014 ากรแข่งขันครั้งนั้นสูสีและมีค่าใช้จ่ายสุงมาก และจะคงอยุ่ตอ่ไป เนื่องจากพรรคเดโมแครตหวังอย่างยิ่งที่จะรักษาวุฒิสภาไว้ได้ สล็อตคิน ดูเมหือนว่าจะมีคะแนนนิยมและการหาทุน เพียงเล็กน้อย และในตอนนี้ก็ทำผลงานได้ดีกว่า ไบเดนในผลสำรวจ

         และด้วยยการที่ สล็อตคิน ออกจากสภาผุ้แทนราษฎร ที่นั่งของเธอในเขต 7 กลายเป็นของใครหลายคนนการแข่งขันที่กำลังจะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นทีสุดและมีเงินทุนมากที่สุด ซึ่งเป็นการชิงชัยกันอย่างดุเดือดที่จะช่วยสร้างความแตกต่างว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถคว้าที่นั่งในสภาผุ้แทรราษำรคืนมาได้ในฤดูใบไม้ร่วงนี้หรือไม่

           ช่วงหลังสงคราม ศุนย์กลางอำนาจของมิชิแกนคือ ดีทรอยส์ ด้วยความสามาราถในการผิต ดนตรีและกีฬา และมรดกด้านสิทธิพลเมือง เมืองนี้จึงมักเป็นแหล่งบ่มเพาะเจ้าหน้าทีท่ีมาจากากรเลือกตึ้งที่ทรงอิทธิพลที่สุดของรัฐ แอนน์อาร์เบอร์ วึ่งเป็นที่ตัึ้งของมหาวิทยาลัยมิชิแกน เป็นแหล่งบ่มเพาะนักเคลื่อนไหวของนักศึกษา เนื่องมาจากความโดดเด่นของ ทอม เฮย์เดนและกลุ่ม "สติวเดนส์ ฟอร์ อะ เดโมเคติก โซไซตี้" ของเขา (รวมถึงวงการพังก์ร็อกที่เฟืองฟู) 

          ในรุ่นก่อน มหาวทิยาลัยยังเคยฝึกอบรม เจอรัลด์ ฟอร์ด ชาวแกรนด์ราปิดส์ เพื่อนาคตในแวดวง


การเมือง จนกระทั่งเขาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวดดยบังเอญและอยู่ได้ไม่นาน(จวบจนทุกวันนี้ เขายังคงเป็นประะานาะิบดีสหรัฐอเมริกาทเพียงคนเดียวที่มาจากมิชิแกน) เกรตเตอร์แลนซิงอาจเียครองที่นั่งในอำนาจรัฐ มีมหาวิทยาลัยระดับโลกเป้นของตัวเอง และฐานอุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรือง แต่ไม่สามารถแข่งขันกับอิทธิพลของเมืองที่มีชื่อเสียงทางวัฒนธรรมได้

        แต่สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ชาวเมืองดีทรอย์ที่ดำรงตำแหน่งมายาวนานค่อยๆ แก่ตัวลงและเกษียณจากที่นั่งของตนโดยไม่มีผุ้สืบทอดตำแหน่งที่จะสานต่ออุดมการ์ของตน งานด้านการผลิตได้หายไปจากมิดเวสต์ และพวกเขาก็รู้สึกถึงการสูญเสียการเป็นเอกลักษ์ของรัฐไปด้วย 

         ยุคปลายของเรแกนทำให้พรรครีพับลิกันยังคงดำรงตำแหน่งอยุ่ใรฐสภาอย่างถาวร ดดยมีผุ้ดำรงตำแหน่งทีสนใจเรื่องมาตรการรัดเข็มขันและการแบ่งแขตเลือกตั้งมากกว่าการับใช้สาธารณะ ซึ่งแทบจะไม่ใช่พรรครีพับลิกน ของจอร์จ รอมนีย์ อดีตผุ้ว่าการรัฐและนักรณรงค์เพื่อสิทธิพลเมืองในสหัสวรรษใหม่ ดีทรอย์เผชิญกับภาวะล้มละลายเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตในท้องถ่ิน อนาคตที่ไม่แน่นอน และเส้นทางที่ไม่ราบรื่นในการสร้างใหม่ รัฐสภาแห่งมิชิแกนยังพบเห็น พรรครีพับลิกันสามพรรคที่ประสบคงวามล้มเหลาวในช่วงทศวรรษ 2010 ซึ่งทำลายสหภาพแรงงาน ทำลายแหล่งน้ำของเมืองผลินท์ และดีทรอยต์ และบังคับใช้ข้อจำกัดการทำแท้งใหม่

          Gretchen Esther Whitmer เกิดเมื่อ 23 สิงหาคม 1971 เป็นทนายความและนักการเมืองชาวอเมริกันซึ่งดำตงตำแหน่งผุ้ว่าการรัฐมิชิแนคนที่ 49 ตั้งแต่ปี 2019 เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตเธอเคยดำรงตำแหน่งในสภาผุ้แทรราษฎรของรัฐมิชิแกนต้งแต่ปี 2001-2006 และในวุฒิสภารัฐมิชิแกนตั้งแต่ปี 2006-2015 

        ปี 2013 ในฐานะผุ้นำกลุ่มเสียงข้างน้อยในสภาผุ้แทนราษำรของรัฐมิชิแกน วิทเมอร์ ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองขึ้นหลังจากที่ได้ออกมาพุดสนับสนุนสิทธิการทำแท้งบนพื้นรัฐสภา นอกจากนี้ เธอยังกล่าวสุนทรพจน์ที่ปลุกเร้าจิตใจใน "วูเมน มาร์ช ปี 2017 ที่แมืองแลซิง ความสนใจดังกล่าวทำให้ วิทเมอร์ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผุ้ว่าการในปี 2018 ทำให้เธอเป็นผุ้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ริค ซินเดอร์ จากพรรครีพับลิกัน ผุ้เสือมเสียชื่อเสียง เธอได้กลายเป็น ผุท้าชิงตำปน่งในพรรคเดโมแครตระดับประเทศ อย่างรวดเร็ว เมือประธานาธิบดโดนัลด์ ทรัมป์ ดุหม่ินเธอ (ผุ้หญิงจากมิชิแกนคนนั้น) และผุ้ติดตาม ของเขา ข่มขู่เธอย่างรุนแรงพวกเสรีนิยมที่ต่อต้านทรัมป์ก็รวมตัวกันเพื่อปกป้องเธอ นอกจากนี้เธอยังสนับสนุนดานดีของ ไบเดน ในช่วงเวลาสำคัญของการเลือกตึ้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตในปี 2020  

         Slotkin กลายเป็นฮีโร่ของ #Resistance ในฐานะสมาชิกเขตสำคัญที่เรียกร้องให้มีการถอดถอนทรัมป์เป็นครั้งแรก แต่เธอยังคงรักษาสถิติการลงคะแนนเสียงแบบสองพรรคและชื่อเสียงที่พอประมาณในรัฐสภา ซึ่งช่วยเธอได้หลังจากที่เขตของเธอกลายเป็นอนุรักษ์นิยมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม Whitmer ได้ผลักดันรัฐให้ไปในทิศทางเสรีนิยมากขึ้น โดยใช้ผลประโยชน์สามประการของพรรคเดโแมครตหลังปี 2022 อยบ่างเต็ที่ในการผ่านกฎหมายก้าวหร้าชุดหนึ่ง เกี่ยวกับทุกอย่าตั้งแต่การควบคุทปืนไปจนถึงพลังงานสะอาดและการทำแท้ง เธอยังมีเวลาอีก สองสามปี และถือเป็นอนาคตของพรรคเดโมแครตระดับชาติ..

           https://slate.com/news-and-politics/2024/06/michigan-politics-whitmer-slotkin-barrett-hertel-stabenow-bishop-lansing.html

           https://en.wikipedia.org/wiki/Gretchen_Whitmer

           https://en.wikipedia.org/wiki/Elissa_Slotkin

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2567

“rural resentment.”

         บางส่วนจากบทสัมภาษณ์ Jon K. Lauck ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งมหา
วิทยาลัยเซาท์ดาโกตา ซึ่งได้คิดค้นสาขาการศึกษาเกี่ยวกัยมิดเวสต์ขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าเขาจะเป็นคนมิดเวสต์เองก็ตาม เขาจึงถ่อมตัวเกินกว่าจะพูดเช่นนั้น 

         Q : ผุ้สมัครรองประธานาธิบดีรองประธานาธิบดีทั้งสองครต่างก็เป็นคุณพ่อชาวมิดเวสต์ และในขอบเขตทีีท่ั้งคู้แสดงความเป็นชาวมิดเวสต์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำในลักษณะที่แตกต่างกัน คุณช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่ามีความแตกต่างกันอยางไร

          A : ทั้งคู่กำลังทำแบบนั้น แต่ภุมิภาคนี้ได้ได้เป็นแบเดียกัน มีความซับซ้อน ช่องว่างและภุมิภาคย่อยต่างๆ ที่ทำให้ประสบการณ์แตกต่างกัน วอลซ์เน้นที่รากเหง้าของเขาในเมืองเล็กๆ ของเนแบรสกา เขาพุดถึงการทำงานในฟาร์มในเนแบรสกาเมือตอนที่เขายังเป็นเด็ก พ่อของเขาเป็นผุ้ดูแลโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งในเนอบรสกา และเขาเรียนที่วิทยาลัยในท้องถ่ินชื่อชาดรอนสเตต จากนั้นเขาก็กลายมาเป็นครูในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งไม่มีโอกาสด้านความบันเทิงอื่น ๆมากมายนัก ไม่มีบรดเวย์และอะไรอีกมามาย ศูนย์กลางของชีวิตทางสังคมและสาธารณะคือโรงเรียน และเขาเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งเหล่าน้น เขาสอนภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และฝึกสอนฟุตบอล ซึ่งแม้ว่าบาสเก็ตบอล เบสบอล และส่ิงอื่นไ จะได้รับความนิยม แต่ไม่มีอระไรจะดัไปกว่าฟุตบอล ในเมืองส่่วนใหญ่ทุกคนไปดุเกมฟุตบอลในคือวันศุกร์ นั่นจึงเป้นตัวบ่งชี้ชีวิตในเมืองเล็กๆ แถบมิดเวสต์ได้อย่างแท้จริง จากนั้นเขาก็สวมรองเื้า คาร์อาร์ท และไปตกปลาวอลล์อาย เป็นต้น

            สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วอล์ซ ก็ีคือเขาคอลคลุมโลกสองสามใบเพราะในแง่ของวาเลนไทน์(เนแบนสกา บ้านเกิดของ วอล์ซ)และเนแบรสกตอนกลางและตะวันตก เป็นพท้นที่ฟาร์มและปศุสัตว์อยางแน่นอน มันเข้าใกล้เส้นแบ่งเขตความแห้งแล้งที่เราฝ่านไปยังทีั่ราบใหญ่หรือที่ราบสูง ดังนั้น ที่นี่จึงไม่ใช่สถานที่ที่มใีทะเลสาลคลาสสิกของมิดเวสต์จำนวนมาก เขาย้ายไปที่เมืองแมนคาโต(มินนิโซตา) ในเมืองแมนคาโต พวกมันอยุ่ต่ำกว่าเส้นแบ่งเขตนั้นซึ่งคุณจะผ่านไปยังพื้นที่ที่ฉันเรรียกว่าพื้นที่ตอนเหนือ ได้แก่ มิชิแกนตอนบน วิสคอนซินและมินนิโซตา ซึ่งเป็นวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่งของมิดเวสต์ ซึ่งเน้นที่ทะเลสาบ การทำป่าไม้ การทำเหมือง การตกปลา ต้นไม้ และไม้แปรรูป มันแตกต่างไปจากเนแบรสากตะวันตก ดังนั้น เขาจึงได้ก้าวเท้าเข้าสูา่ภูมิภาคย่อยที่แตกต่างกันสองสามแห่งของมิดเวสต์

          ในกรณีของแวนซ์ เขาถุกำระบุตัวตนด้วยวัฒนธรรมอุตสาหกรรมของชนชั้นแรงงานและคนงานในมิดเวสต์ ซึ่งมีอ่ิทธิพลอย่างมากในสถานที่ต่าง ๆเช่น โอไฮโอและมิชิแกน ซึ่งในเมืองต่างๆ มีโรงงานขนาดใหญ่และผุ้คนทำงานในโรงงานตลอดชีวิต และพวกเขาได้รับเงินบำนาญและการดูแลสุขภาพและภรรยาของพวกเขาสามารถอยู่บ้านได้ แลพวกเขาก็อาจมีกระท่อมในป่าทางตอนเหนือ มันไม่ช่เกษตรกรรม แต่เป็นอุตสาหกรรม และมิดเวสต์เป็นศุนย์กลางของเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของอเมริกามาเป็ฯเวลาหนึ่งศตวรรษ ยังคงเป็ฯภูมิภาคกรผลิตอันดับหนึ่ง และถูกระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นชีวิตชนชั้นกลางในมิดเวสต์ คุณมาจากฐานะที่ต่ำต้อย คุณเข้าไปในโรงงาน ทำงานหนัก คุณเก็บออม คุณมีงานในสหภาพแรงงาน และคุณสามารถใช้ชีวิตชนชั้นกลางแบบอเมริกันคลาสสิกได้

         ดังนั้นเรื่องราวเหล่านี้จึงแสดงถึงวัฒนะรรมย่อยหรือภุมิภาคย่อยที่แตกต่างกันในแถบมิดเวสต์ แต่ทังสองเรื่องก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของประสบการณ์ในแถบมิดเวสต์เช่นกัน

         Q : อะไรคือสิ่งสำคัญเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของชาวแอปพาเลเชียนในฐานะส่วนย่อยของอัตลักษณ์ของชาวมิดเวสต์

          A : เคยมีวัฒนธรรมของชาวภูเขาในรัฐเคนตักกี้ตะวันออก ซึ่งผุ้ตั้งถ่ินฐานชาวสกอตไอริช (คิดเป็นร้อยละ 90 ของชาวสกอตไอริช) อาศัยอยู่ตามเนินเขาและหุบเขา จากนั้นบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งก็ค้นพบถ่านหิน และคนเหล่านี้จำนวนมากไปทำงานในเมืองถ่านหินและมีงานที่ดีในการทำเหมืองถ่านหินแต่เมือการทำเหมืองถ่านหนิกลายเป็นเครื่องจักรมากขึ้น คุณสามารถขุดถ่านหินได้ในปริมาณเท่ากันด้วยคนงานเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น ชาวภูเขาสกอตไอริชเหล่านนี้จึงเริ่มอพยพไปทางเหนอข้ามแม้น้ำโอไฮโอ พวกเขาใช้เส้นทางที่เรียกว่า "ฮิลบิลลี่ ไฮเวยส์" และย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองอุตสาหกรรมที่กำลังเฟื่องฟูในแถบมิดเวสต์ เมืองแอครอน รัฐโอไฮโอ กลายเป็นที่รุ้จักในฐานะเมืองหลวงของเวสต์เวอร์จิเนีย เพราะมีผุ้คนจำนวนมากจากคนตักกี้และเวสต์เวอร์จิเนียอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาจะสร้างชุมชนเล็กๆ ของตนเองและวัฒนธรรมย่อยของตนเองและอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านี้ แรงงารเหล่นี้มีความสำคัญต่อเศราฐกิจอุตสาหกรรมของมิดเวสต์ คนเหล่านี้มีส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองดีทรอยต์และอินเดียนาโพลิส เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์มีขนาดใหญ่มากครอบครัวของ แวนซ์ เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมนี้ เมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่คือเมืองาิดเดิลทาวน์ รัฐโอไฮโอ....  

             Q ; ฉันรุ้ว่คุณไม่ใช่นักยุทธศาสตร์ทางการเมือง แต่ผุ้สมัครรองประะานาธิบดีทั้งสองคนต้องทำ
อย่่างไรจึงจะโน้มน้าวชาวมิดเวสต์ได้ว่าพวกเขาหรือผุ้สมัครที่พวกเขาเป็นตัวแทนเข้าใจปัญหาเรหือแรงบันดาลใจของภุมิภาคนี้ วิะีที่ดีที่สุดที่ผุ้สมัครทั้งสองคนจะสื่อถึงพื้นที่สำคัญแห่งนี้ของประเทศว่าพวกเขาเข้าใจได้ในแบบที่ผุ้สมัครระดับแนวหน้าในแถบชายฝั่งทำไม่ได้คืออะไร

         A : คุณสามารถให้วอลซ์ไปที่พื้นที่ชนบทและมเืองเล็กๆ ในรัฐสำัญๆ เช่น วิสคอนซิน และมิชิแกน แล้วพุดว่า "พวกเราไม่ได้ลืมคุณ เราจะไม่ท้ิงคุณไว้ข้างหลัง ฉันมาจากมเืองเล็กๆ ฉันเข้าใจปัญหาของคุณ นี่คือวิะีที่แันแก้ไขปัญหานี้ในมินนิโซตา ฉันรุ้ว่าพรรคเดโมแครตทำผลงานได้แย่แค่ไหนในเขตชนบทในพื้นที่เหล่านี้ ฉันจะทำให้แน่ใว่าตัวแทนของรัฐบาลแฮร์ริสจะออกมาแก้ไขปัญหาของคุณที่นี้่ไ และบางที่เขาอาจพูดถึงมรกดกของฮิวเบิร์ต ฮัมฟรีย์ และวอลเตอร์ มอนเดล และวิะีที่พวกเขาเข้าใจปัญหาในพื้นที่ชนบท

                สำหรับแวนซ์ ฉันคิดว่าบางที่การกำหนดเป้าหมายไปที่พื้นที่อุตสาหกรรมเหล่านี้ ให้เขาพูดว่า "เราพบปัญหาทีเ่กิดจากการค้าเสรีมากเกินไป การทุ่มตลาดเหล็ก การนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับฐานอุตสาหกรรมของเรา ฉันเห็นด้วยตาตัวเอง พ่อแม่ของฉันเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้ว เราจะมีแนวทางที่แตกต่างออกไปในการกำหนดนโยบายอุตสาหกรรม" 

            Q : คุณเคยเรียกมิดเวสต์ว่าเป็นภูมิภาคที่ถุกลืมไปแล้วอย่างน้อยในทางการเมืองในรอบนี้ เหตุผลที่เรากำลังคุยกันเรื่องนี้ก็คือภุมิภาคนี้ดูเหมือนจะอยุ่ในใจของบรรดาผุ้หาเสียง ฉันสงสัยว่าใครเป็นคนลืมมิดเวสต์ตั้งแต่แรก และทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หากคุณจะอภัยให้ฉันด้วยการใช้สำนวนนี้ ซึ่งเป็นส่นสำคัญในช่วงหาเสียงครั้งนี้

            A : มันไม่ได้เป็นศุย์กลางของวัฒนธรรมอเมิรกันมเป็นเวลานานมันเคยเป็นมาก่อน และมันก็ค่อยๆ หายไปจากกระแสหลัก การผลิตทางวัฒนธรรมจำนวนมากเกิดขึ้นในนิวยอร์กและแอลเอและรุ้สึกได้ในสถานที่ตางๆ ภายในประเทศว่าไม่มีเสียงที่ดังเท่าที่พวกเขาคิดว่าควรจะเป็น และนั่นก็สมเหตุสมผลและยุติะรรม ฉันคิดว่าดชคดีสำหรับภาคกลางตะวันตกที่รัฐอย่างมิชิแกนและวิสคอนซินกลายเป็นรัฐที่สูสีกัน มันดึงดูดผุ้คนที่ต้องหารชนะการหาเสียง รัฐเหล่านนี้มีความสำคัญต่อความพยายามของทั้งอสงฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิสคอนซินเป็นรัฐที่แบ่งฝ่ายกัน 50/50 ..แต่จริงๆแล้วมันจะลงเอยที่สถาที่อย่างวิสคอนซินและมิชิแกน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตชานเมืองของดีทรอยต์และเคาน์ตี้เมสคอมบ์ และวอเคชา วิสคอนซิน มันจะเป็นเกมส์ทีมีความสูสีกันมาก

  Q : ความสนใจทางการเมืองที่เพ่ิมขึ้นในภุมภาคนี้เกิดขึ้นหลังปี 2016 ใช่หรือไม่ พรรคเดโมแครตถือว่า "กำแพงสีน้ำเงิน" เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคที่ถูกลืมทางการเมืองหรือไม่

             A : คุณจำการย้อยอีตในการเลือกตัึ้งครั้งน้้นได้หรือไม่ ผุ้คนมักจะชี้ให้เห็นอยู่ตอลดว่าฮิลลารี คลินตันไม่ได้ไปเยือนวิสคอนซิน ซึ่งน่าตกใจมาก พวกเขาคิดไปเองว่าพวกเขาจะชนะวิสคอนซิน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เช่นเดียวกับมิชิแกนแม้แร่มินนิโซตา ในปี 2016 ทรัมป์ก็แพ้ไปหนึ่งแต้ม และฉันจำได้ว่าตอนท้ายของแคมเปญนั้น ทรัมจัดการชุมนุมที่เมืองดูลูธ มินนิโซตา คุณกำลัง (ฉันคิดว่่า) มันช่างเสียเปล่า เห้ฯได้ชัดว่าฮิลลารีจะชนะมินิโซตา คุรกำลังทำอะไรอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจับกระแสบางอย่างได้และคิดว่า "บางที่เราอาจแอบชนะที่นี่ได้" และพวกเขาก็เกือบจะชนะแล้ว นั่นจึงเป็นการเตือนสติเดโมแครตครั้งหใญ่ว่า "กำแพงสีน้ำเงินพังทลายลงแล้ว พื้นที่นี้มีการแข่งขันสูง นี่้คือรัฐที่มีจุดพลิกผันสามหรือสี่รัฐ" 

            Q : มีการพูดถึงการปรับแนวทางทางการเมืองของภูมิภาตะวันตกกลางมากมาย โดยเฉพาะในปี 2016 ฉันสงสัยว่าในฐษนะนักประวัติสาสตร์ของภุมิภาคนี้่ คุณคิดอย่างไรกับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี คำอธิบายคลาสสิกคือ "ความขุนเคื่องของคนในชนบท" มีบางอย่างที่เราทุกคนมองข้ามไปเกี่ยวกัีบสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นหรือไม่

          A : ฉันไม่เคยชอบคำว่า "ความขุ่นเคือ่งของคนในชนบท" เพราะมันสื่อถึงว่าผุ้คนกำลังบ่นเกี่ยวกัยส่ิงที่ไม่เป็นความจริงหรือไม่ถูกต้อง และไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อที่จะบอกว่าภุมิภาคตะวันตกกลางไม่เคยอยุ่ในวาระแห่งชาติมาสักพักแล้ว และไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อที่จะบอกว่าการลดการผลิตในภาคอุตสาหกรรมสร้างความเจ็บปวดให้กับชุมชนจำนวนมากและไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อที่จะบอกว่าวิกฤตการณ์ทางการเกษตรในช่วงทศวรรษ 1980 และการคลีคลายของชนบทในอเมริกาในวเลาต่อมาสร้างความเจ็บปวด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรรืืองจริง ฉันคิดว่าเมื่อคุณใช้คำว่า "ความขุนเคืองของคนในชนบท"  นั่นหมายึงามว่าคุณกำลังปัดควมกังวลเหล่านี้ออกไปและไม่ใส่ใจมันอย่างจริงจัง แันคิดว่าควรเปลี่ยนแฃคำนี้ใหม่เป้ฯความกังวลของคนในชนบทความกังวลของคนในชนบทไม่เคยอยู่ในวาระการประชุม

           และคุณอาจจำได้ว่าหลังจากการเลือกตั้งปี 2016 และฮิลลารีแพ้มิชิแกนและวิสคอนซน มาีนักยุทธศาสตร์ของพรรคเดโมแครตพุดคุยกันถึงวิะีที่ีจะชนะชนชั้นแรงานผิวขาวกลับคืนมา และนักยุทะศสตร์กลุ่มอื่นก็พูดว่า ลืมชนชั้นแรงงานผิวขาวในวิสคอนซินและมิชิแกนไปเถอะ พวกเขาหายไปแล้ว เราต้องมุ่งเน้นไปที่การชนะกลุ่มใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในจอร์เจียและแอริโซนา เราต้องเปลี่ยนโฟกัสไปที่รัฐอื่นๆ และไปถึง 270 โดยใช้แผนที่รูปแบบอื่น ผุ้คนได้ยินเรื่องนี้ และผุ้คนก็ทราบถึงการดีเบตนี้ว่า เราควรตัดมิดเวสต์ท้ิงไปหรือไม่ ฉันคิดว่านั่น่อยข้างจะเป้นอันตราย นั้นเป็นหลักฐานทีทแ้จริงว่าภูสมิภาคนี้ถุกตัดออกไปแล้ว

          อีกสิ่งหนึ่งทีททำให้คนในพื้นที่ของฉันไม่พอใจคือการที่พรรคเดโแมครตปิดการประชุมคอคัสในไอโอวา ซึ่งพรรคเดโมแครตมอว่าเป็นตัวแทืนของพื้นที่ชนบทในแถบมิดเวสต์ที่ีมีสิทธิมีเสียง และพรรคเดโแมครตก็ปิดการประชุมนี้ไปอย่างไม่เป็นพิธีรีตอง ตนในทีมการเมืองของไบเดนต้องการให้เซาท์แคโรไลนาได้ไปก่อนเพราะคิดว่าจะเกิดประโยชน์กับไบเดน ฉันคิดว่าพวกเขาพูดถูก แต่เรื่องนี้ยังส่งผลต่อมุมุมองของคุณในพื้นที่ชนบทตอนในของประเทศด้วย พวกเขาคิดว่า "เดี๋ยวนะคุณกำลังปิดการประชุมคอคัสในไอโอวาอยุ่เหรอ โอกาสเดียวที่เรามีในการมีสิทธิมีเสียงในวัฒษนะรรมที่กว้างขึ้นซึ่งถูกครอบงำโดยวอชิงตัน นิวยอร์ก และแอลเอน่ะเหรื อน้นดุไม่ยุติธรรมเลย" 

         Q : ประเด็นที่คุณพูดถึงวิสคอนซินทำให้ฉันนึกถึงบทสนทนาที่แันมีระหว่างการเลือกตั้งวุฒิสภาเมือไม่นานมานี้ และคนๆ นี้บอกว่ารู้สึกเหมือนว่าพวกเขาถุกลงโทษเพราะโฆษณาที่มากเกินไป เราน่าจะดีขึ้นกว่านี้หรือไม่เมือพวกชาตินิยมเหล่านี้ไม่ยุ่งกับเราเลย อะไรกันแน่ที่เป้นประดยชน์ต่อชาวมิดเวสต์ที่นี่

         A : ฉันคิดว่าการทีภูมิภาคนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาในระดับชาตินั้นเป็นเรื่องดี ฉันคิดว่าการที่ผุ้คนได้พูดคุญกันอย่างชักซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญสำหรับผุ้คนในวิสคอนซินและมิชิแกนนั้นเป็นเรื่องดี ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์ ฉันรู้ว่าการโฆษณาทางโทรทัศน์นั้นน่ารำคาญแต่เรื่องนี้จะจบลงในสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤศจิการยน

         https://www.politico.com/news/magazine/2024/08/21/midwest-walz-vance-lauck-00175114

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2567

Midwest

            "มิดเวสต์" เป็นหนึ่งในสี่ภูมิภาคสำมะโนประชากรของสำนักงานสำมะโนประชากรแห่งสหรัฐอเมริกาเรียก ภุมิภาคนี้ว่า ภุมิภาคตอนกลางเหนือ อย่างเป็นทางการจนถึงปี 1984 อยุ่ระหว่างภาคตะวันออกเฉียง
เหนือของสหรัฐอเมริกา สำมะโนประชากรแห่งสหรัฐอเมริกาเรียก ภูมิภาคนี่ว่า ภูมิภาคตอนกลางเหนือ อย่างเป็นทางการจนถึงปี 1984 อยุ่ระหว่างภาคตะวันออกเแียงเหนือของสหรัฐอเมริกาและภาคตะวัอนตกของวสหรัฐอเมริกาโดยมีแคนาดาทางเหนือและภาคใต้ของสหรัฐอเมริกาทางใต้

           สำนักงานสำมะโนประชากร ของสหรัฐอเมริกากำหนดนิยามพื้นที่ภาคกลางเหนือของสหรัฐอเมริกาไว้ 12 รัฐ ได้แก่ อิลิลนอยส์ อินเดียนา ไอโอวา แคนซัส มิชิแกน มินนิโซตา มิสซุรี เนแบรสาภ  นอร์ทดาโคตา โอไฮโอ เชาท์ คาโคตา และวิสคอนซินโดยทั้วไปแล้วภุมิภาคนี้ตั้งอยุ่บนที่ราบภายในที่กวางระหวางรัฐที่คีรอบครองเทือกเขาแอปพาเลเชียนและรัฐที่ครอบครองเทือกเขาร็อกกี แม่น้ำสายสำคัญในภูมิภาคนี้ ได้แก่ แม่น้ำโอไฮโอแม่น้ำมิสซิสซิปปี ตอนบนและแม่น้ำมิสซุรี จากตะวันออกไปตะวันตก สำมะโนประชากร ของสหรัฐอเมริกาในปี 2020 ระบุว่าประชากรของภูมิภาคตะวันตกกลางมีจำนวน 68,995,685 คน สำนักงานสำมะโสนประชากรของสหรัฐอเมริกาแบ่งภุมิภาคตะวันตกกลางออกเป็น 2 ส่วน ส่วนตะวันออกเหนือตอนกลางประกอบด้วยอิลลินอยส์ อินเดียนา มิชิแกน โอไฮโอ และวิสคอนซิน ซึงทั้งหมดเป็นสวนหนึ่งของภูมิภคารเกรดเลกส์ด้วยเขตภาคตะวันตกเแยงเหนือตอนกลางประกอบไปด้วยรัฐไอโอวา แคนซัส มินนิโซตา มิสซุรี นอร์ทดาโคตาม เนแบรสกา และเซาท์คาโคตา โดยหลายแห่งตั้งอยู่ในภูมิภาค เกรทเพลนส์ อย่างน้อยบางส่วน

         ชิคาโกเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในแถบมิดเวสต์ของอเมิรกาและเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดบามในสหรัฐอเมริกา ชิคาโกและเขตชานเมือง ซึ่งเรีกกันทั่วไปว่าชิคาโกแลนด์ เป็นเขตมหานครที่ใหญ่ที่สุด โดยมีประชกร 10 ล้านคน ทำให้เป็นเขตมหานครที่ใหญ่เป็นอันดับสี่นอเมริกาเหนือรองจากเกรดเตอร์เม็กซิโกซิตี้ เขตมหานครนิวยอร์ก และเกรดเตอร์ลอสแองเจลิส เมืองใหญ่ๆ อื่นๆ ในแถบมิดเวสต์ ได้แก่ โคลัมบัส อินเดียนาโพลิส ดีทรอยต์ มิลวอกี แคนซัสซิตี้ โอมาฮามินนี อาโพลิสวิชิตา คลีฟแลนด์ ซินซิเนติ เซนต์พอลและเซต์หลุยส์ เขตมหานครขนาดหญ่ในแถบมิดเวสต์ได้แก่ เมโทร ดีทรอยต์ มินนิอาโพลิส-เซต์พอล เกรตเตอร์ เซนต์หลุยส์ เกรตเตอร์ซินเซเนติ เขตมหานครแคนซัสซิตี้ เขตมหานครโคลัมบัสและเกรดเตอร์คลีฟแลนด์...https://en.wikipedia.org/wiki/Midwestern_United_States

           มิดเวสต์กำลังมีช่วงเวลาดีๆ ไม่เพียงแต่พรรคการเืองหลักทั้งอสงพรรคจะวาแผนจัดการประชุมใหญ่ในเมืองต่างๆ ในมิดเวสต์เท่านั้น ผุ้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแนงประธานาะิบดี(จากชายฝั่ง) ทั้งสองพรรคยังเลือกคู่หูจากภายในมิดเวสต์ด้วย ได้แก่ วุฒิสมาชิก เจดี แวนซ์ จากโอไฮโอ และผุ้ว่การทิม วอลซ์ จากมินนิโซตา การคัดเลือกวอลซ์โดยเฉพาะได้จุดชนวนให้เกิดกระแสสดุดีความเป็มิดเวสต์ในสื่อทั้งโซเชียล


และสื่อแบบดั้งเดิม " สำหรับภูมิภาคที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการถุกผุ้ตัดสินด้านวัฒนธรรมและการเมืองของชายฝั่งเพิกเฉยประสบการณ์ดังกล่าวถือว่า..แปลก

         กระทั่งไม่นานมานี้  ภูมิภาคนี้ยยังคงเป็นที่สนใจของนักวิชากาาหลายคนเช่นกัน นั่นเป็นสาเหตุที่จอน เค. เลอค์ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเซาท์ตาโกตา จึงได้คิดค้นสาขาการศึกาาเกี่ยวกับมิดเวสต์ขึ้นมาอย่างมีประสิทะิพภาพแม้ว่าเขาจะเป็นคนมิดเวสต์เองก็ตาม เขาจึงถ่อนตัวเกินกว่าจะพูดเช่นนั้ เมือทศวรรษที่แล้วเขาร่วมก่อตั้ง "มิดเวสเทิร์น ฮิสตอรี่่ แอสโซซิเอส" ร่วมกับ วารสารที่ผ่านการตรวจสอบโดยผุ้เชี่ยวชาญ ซึ่งอุดทิสให้กับการศึกาาเกี่ยวกับ "อัตลักษณ์ ภูมิศาสตร์ สังคม วัฒนะรรม และการเมือง" ของภุมิภาคนี หากมีใครสามารถอธิบายสกุลเงินของ "มิดเวสต์" ในฐานะแบรนด์ทางการเมืองได้ ฉันคิดว่าคนนั้นคือ เลอค์

         ตามที่ Lauck กล่าว ปรากฎว่ามีอัตลักษณ์ของมิดเวสต์หลายแบบ และผุ้สมัครรองประธานาธิบดีทั้งสองคนก็แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่โดดเด่น 2 แบบ หาก วอล์ซ เป็นตัวแทนของชาวไร่ชาวนาในเมืองเล็กๆ ที่เขาเติบโตมาในเนแบรสกำและมินิโซตา แวนซ์ ก็เป็นตัวแทนของชาวเมืองอุตสาหกรรมใน รัสต์เบลท์โอไฮโอ "พวกเขาเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมย่อยหรือภูมิภาคย่อยที่แตกต่างกันในมิดเวสต์" เลอค์ กล่าว "แต่เรื่องราวทั้งสองเรื่องล้วนเป็นสัญลักษณ์ของประสบการณ์ในมิดเวสต์" 

         "การที่เดโมแครตมีปัญหากับพรรคการเมืองที่อศัยอยู่ตามชายฝั่งเป็นหลัก แน่นอนว่า่ ไบเดนมาจากเดลาแวร์ เพโลซีมาจากซานฟรานฯ ฮาดีน เจฟฟรีส์มาจากนิวยอร์ก และกมลา มาจาก ซานฟานซิโก นั่นคัือบริเวณชายฝั่งที่ไกลที่สุด โดยไม่ต้องตกลงไปในมหาสมุทร พวกเขาตะหนักว่ามีปัญหานี้ในพื้นที่ชนบทของประเทศและในพื้นที่ตอนในของประเทศหากพวกเขาจะทำอะไรบางอย่งเพื่อดูแลรัฐในแถบมิดเวสต์พวกเขาต้องมีใครสังคนที่สามารถแสดงถึงวัฒนธรรมนั้นได้และผุ้ว่าการรัฐมินิโซตา ซึ่งมาจากเนแบรสกา ช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหานี้ และการรายงานข่าวของสื่อได้เน้นย้ำถึงเรื่องทั้งหมดนั้นอย่างมาก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อแคมเปญหาเสียงของแฮร์ริส" 

ต่อคำถามที่ว่านอกเหนือจากความจำเป็นทางภุมิศาสตร์แล้ว วัฒนธรรมของแถบมิดเวสต์มีอะไรที่อาจดึงดุดใจทางการเมืองในช่วงเวลานี้บ้าง

          "ผู้คนคิดว่าเรากำลังงผ่านช่วงเวลาแห่งความโกลาหลนี้ไปแล้ซึ่งบางคนในทั้งสองฝ่ายต่างก็มีุดยืนที่หัวรุนแรง มีความกระหายอยางแท้จริงและลึกซึ้งต่อความปกติ และไม่มีอะไรจะเป็นตัวแทนของความปกติได้ดีไปกว่ามิดเวสต์ ฉันคิดว่านี่เป็นหนึ่งในส่ิงที่วอลซ์พูดถึงเมื่อเขาเร่ิมพูดถึงเรื่อง "ความแปลก" และเฮ้ เราแค่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นปกติ กลับไปที่พ้นฐานกันเถอะ มาโฟกัสที่ผุ้คน ราคาที่อยุ่อาศัย และการดูแลเด็กันเถอะ และฉันเป็นเพียงคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เคยเป็นโค้ชฟุตบอล

           ฉันคิดว่ารีพับลิกันพยายามหาคนที่มีคุณสมบัติตามความฝีนแบบอเมริกัน วามฝันแบบอเมริกันคือ คนที่มาจากฐานะอันต่ำต้อยและทำงานหนักและก้าวหน้าในระบบ และยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันแบบอเมริกันที่ตายไปแล้วหรือไม่..ความฝันแบบอเมริกันถูกลืมเลือนไปแล้วหรือไม่.. คนรุนมิเลนเนียลประสบความสำเร้๗ได้ในระดับเดียวกับพ่อแม่ของพวกเขาหรือไม่.. การถกเถียงเรื่องความฝันแบบอเมริกันไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับยุคสมันนี้ เรื่อนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 150 ปีแล้ว แต่เมือ่คุณหาคนอยางแวนซ์ได้ ซึ่งมาจากสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดาแต่ไม่ปกติตามคำอธิบายของเชขาเอง ก็สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์นั้นและไปเรียนในมหาวิทยาลัยระดับแรงงาน เช่น มาหวิทยาลัยโอไฮโอสเตต และไปเป็นนาวิกโยธิน ถูกส่งไปประจำการ ซึ่งนั่นถือเป็นการใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรมแบบเก่าของแถบมิดเวสต์ นั่นค่อความสำคัญของการทำงานหนึก คุณธรรม และความมุ่งมั่น

          https://www.politico.com/news/magazine/2024/08/21/midwest-walz-vance-lauck-00175114

           https://www.google.com/search?q=midwest+usa&ie=utf-8&oe=utf-8&aq=t

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567

Political leanings among Gen Z Michigan

             "คนวงใน" ทางการเมืองของมิชิแกนส่วนใหญ่ถือว่าตัวเองไม่ได้เป็นพวกเสรีนยมหรืออนุรักษ์นิยม
ผุ้เข้าร่วมในการกำหนดนดยบายของรัฐมีแนวโน้มที่จะระบุตัวตนว่าเป็น รีพับลิกันมกากว่าประชากรวัยผุ้ใหญ่ของมิชิแกน แต่พวกเขาไม่ได้เป็นอนุรักษ์นิยมมากนัก ตามผลลัพธ์ของ "มิชิแกน โพลิซี อินไซด์เดอร์ ปาเนล"

             ซึ่งเป็นการสำรวจกลุ่มผุ้มีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดนโยบายของรฐทางออนไลน์ เป็นความร่ว่มมือระหว่างสภาบันนโยบายสาะารณะและการวิจัยสังคมแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท และศุนย์นดยบายท้องถ่ิน รับและเมืองเแห่งมหาวิทยาลับมิชิแกน ผลการสำรวจได้รับการเผยแพร่ในรายงาน

         แมทท์ กอร์สแมนน์ ผุ้อำนวยกาาร เวปไซด์ดังกล่าว กล่าวว่า "นักการเมืองระดับรัฐมือคติมากกว่าประชาชนในรัฐมิชิแกน แต่พวกขาไมได้เป็นพวกหัวรุนแรงทางอุดมการณ์ สวนใหญ่จัดตัวเองอยุ่ในกลุ่มกลางๆ ทางอุดมการณ์ และมีแนวดน้มน้อยกว่าพลเมืองคนอื่นๆ ที่ะเรียกตัวเองว่าเป็นพวกอนุรัาณ์นิยม โดยเฉพาะอย่างย่ิงในฝ่ายบริหารและชุมชนผุ้สนับสนุน" 

        โดยทั่วไปแล้ว นักรัฐศาสตร์มองว่ากลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองเป็นตัวขับเคลื่อนความแตกแยกทางอุดมกาณ์ แต่ผลการสำรวจ แสดงให้เห็นว่าผุ้นำของรัฐมีทัศนคติที่เป็นกลางมากกว่า จากผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 16.1 % ระบุว่าตนเองเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม 60.5% ระบุว่าตนเองอยุ่ระดับกลาง และ 23.4% ระบุวา่ตนเองเป็นฝ่ายเสรีนิยม

       ในประชากรทั่วไปของมิชิแกน ร้อยละ 39.8% เรียกตัึวเองว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ร้อยละ 36.2 เชื่อว่าตัวเองอยุ่ใระดับกลาง และร้อยละ 24 ระบุว่าตัวเองเป็นพวกเสรีนิยม

       จากการสำรวจผุ้ที่ทำงานด้านนะยบายในสภานิติบัญญัติแห่งรัฐมิชิแกนฝ่ายบริหาร และชุมชนองค์กรนอกภาครัฐของแลนซิง ในบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญํติ ร้องละ 22.2% ระบุว่าตนเองเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมแต่มีเพียงร้อยละ 12.2% ของผุ้บริหารระับรัฐและผุ้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 18,5% ที่มีอิทธิพลต่อนดยลบายจากตำแหน่งนอกรัฐบาลที่ระบุตนเองว่าเป็นฝ่ายอนุรักษณ์นิยม

        ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในพรรครีพัลลิกันของรัฐมิชิแกนส่วนใหญ่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม แต่ผุ้ที่เป์นสมาชิกพรรครีพับลิกันในพรรคมีแนวคิดที่ค่อนข้างเป็นกลาง ไสิ่งทนี้อาจช่วยอธิบายได้ว่าทำไมกลุ่มคนชั้นนำของพรรครีพับลิกันจึงมักขัดแย้งกับฐานเสียงของพรรค" กรอสแมนน์กล่าว

        รายงานแบับใหม่ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลปรชะากรและทัศนคติทางการเมืทองของคนในมิชิแกน รวมถึงความไว้วางใจที่พวกเขามีต่อรัฐบาลและการอนุมัติต่อผุ้ว่าการรัฐ ริก สไนเดอต์และประธานาธิบดี บารัค โอบามา 

       ผุ้ตอบแบบสำรวจยังได้แสดงมุมุมองเกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญที่สุดที่สภานิติบัญญัติและผุ้ว่าการรัฐต้ิงเผชิญ โดยส่วนใหญ่มักจะกล่าวถึงเรื่องการศึกษาและดครงสร้างพื้นฐาน

        การสำรวจออกแบบมาเพื่อให้เปรียบเทียบกับมุมองที่สดงดดยประชาชนทั่วไปใน ซึ่งเป็นการวัด


ทัศนคติและความคิดเห็นที่แสดงออกโดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทุกๆสองปี

          ทอม ไอแวคโก ผุ้ดุแล "โคสอัพ" กล่่าวว่า "เราเห็นว่าที่เป็นกิจการใหม่ที่น่าตื่่นเต้น ซึ่งเป็นก้าวแรกที่โดดเด่นในการทำความเข้าเพื่ิมเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัฐ" ขณะนี้การสำรวจครั้งที่ 2 ได้ดำเนินการภคสนามแล้ว โดยขอให้คณะผุ้เชี่ยวชาญคาดการณ์ผลการเลือกต้งประธานาธิบดีปี 2016 และการประชุมสภานิติบัญญัติมิชิแกนในช่วงระกว่างการเลือกตั้งจนถึงสิ้นปี การสำรวจทางออนไลน์ได้เชิญผุ้บริหารหน่วยงานระดับสุงของรัฐ สมาชิกสภานิติบัญญัติของมิชิแกน และ(ุ้ช่วงเจ้าหน้าที่ นักล็อบบี้ของสมาคมและองค์กร ผุ้เชี่ยวชาญด้านประชาสัมพันธุ์แลสื่อมวลชน เข้าร่วมในคณะกรรมการ

        ผุ้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 537 คนตกลงที่จเะข้าร่วมเป็นคณะกรรมและตอบแบบสำรวจเสร็จสิ้นระหว่างวันที่ 14 กันยายน -2 ตุลาคม "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีบุคคลวงในทางการเมืองจากหลากหลายรัฐเข้าร่วม เราได้เรียนรุ้อะไหรมากมายจากข้อมุลเบื้องต้นที่พวกเขาแบ่งปันและเรารอคอนยที่จะประเมินมุมุมองของพวเขาเป็นประจำ" อีลิค กอนซาเลซ เจินกี้ นักรัฐศาสตร์จาก MSU ซึ่งเป็นผุ้อำนวนการร่วมของดครงการกล่าว

        สำนักงานวิจัยการสำรวจของ สถาบันนโยบายสาธารณะและการวิจัยสังคม (IPPSR) ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการวิจัยการสำรวจที่เข้มงวด ได้จัดและดำเนินการสำรวจแบบกลุ่มออนไลน์ "คาเรน คลาร์ค" ทำหน้าที่เป็นผุ้จัดการโครงการและสามารถตอบคำถามเชิงวิธีการจาก(ุ้เข้าร่วมการสำรวจได้

       IPPSR นำการวิจัยไปใช้กับปัญหาเร่งด่วนด้านนดยบายสาะารณะ และสร้างความสัมพันธ์ในการแก้ไขปัญหาระกวางชุมชนวิชาการและผุ้กำหนดนโยบาย โดยเป็นที่ตั้งของโครงการ มิชิแกน โพลิทิคอล ลีดเดอร์ชิฟ โปรแกรม" โครงการ "เลจิสเลทีฟ ลีดเดอร์ชิพ โปรแกรม" สำนักงานสำรวจวิจัย โึครงการ สเตรท ออฟ เดอะ สเตรท" ฟอรัมนดยายสาะารณะ และทุนวิจัยนโยบายสาะารณะประยุกต์ของมิชิแกน

        https://ippsr.msu.edu/news/michigan-policy-insiders-neither-liberal-nor-conservative

         จากการเลือกตั้งประะานาะบิดีที่วุ่นวายและบรรากาศทางการเมืองที่ตึงเครียดทั้งในระดับท้องถ่ินและ
ระดับประเทศ การสำรวจเมืองเร็วๆ นี้ดดยมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนีย-ลอสแอนเจลิสเผยให้เห็นว่านักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยมิชิชแกนมากกว่าหนึ่งนสามคิดว่าตัวเองอยุ่ "กลางๆ" เมือพุดถึงแนวทางทางการเมืองของพวกเขา

         "เฟรสแมน เซอร์เวย์" เป็นการศึกษาประจำปีของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทั่วประเทศ และดำเนินการโดยสถาบันวิจัยการศึกษาระดับสุงของ UCLA มาเป็นเวลากว่า 50 ปี รายงานประจำปี 2016 จัดทำขึ้นโดยอิงจาคำตอบของนักศึกษาชั้นปีที่1 เต็มเวลา 137,456 คนจากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย 184 แห่งในสหรัฐอเมริกา จากนั้นรายงานจะถูกรวบรวมเพื่อแสดงการนำเสนอในระดับประเทศ และตามโรงเรียน นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของ UM มากกว่า 72% หรือ 4,886 คน เข้าร่่วมการสำรวจครั้งนี้

         ที่มหาวิทบาลัยมิชิแกน ผุ้ตอแบบสอบถามร้อยละ 34.1% ระบุว่าตนเองเป็นคนกลางทางการเมือง ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มที่ลดลงทั่วประเทศ เนื่องจากนักศึกษาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนขึ้นในทิศทางใดทิศทางหนึ่งในทางกลับกัน นักศึกษามหาวิทบายมิชิแกนร้อบฃละ 43.7% ระบุว่าตนเองเป็นเสรีนิยม ซึ่งเพ่ิมขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากนักศึกษาประมาณร้อยละ 28 ในปี 1997 

        แม้ว่าร้อยละ 15.4 ระบุว่าตนเองเป็นอนุรักษ์นิยม แต่ตัวเลขดังกล่ายแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผุ้ตอบแบบสอบถามที่เหลือไม่ได้ระบุแนวโน้มทางการเมือง ผลการสำรวจทัวปรเทศแสดงให้เห็นว่าผุถ้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 42.3 ระบุว่าตนเองเป็นคนกลางในขณะที่้อยละ 35.5 ระบุว่าตนเองเป็ฯเสรีนิยม และร้อยละ 22.2 ระบุว่าตนเองเป็นอนุรักษ์นิยม

        นักศึกษาใหม่ของ UM ส่วนใหญ่กล่าวว่าความอดทนต่อผุ้ที่มีความเชื่อที่แกต่างนั้นเป็นจุดแข็งที่สำคัญหรือเป็นจุดแข็งของพวกเขาในระดับหนึ่ง ดดยนักศึกษาฝ่ายอนุรักษ์นิยมร้อยละ 75 นักศึก๋ษ่ฝ่ายกลางร้อยละ 92 ยืนยันเช่นนั้น

          การสำรวจดังกล่าวยังสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองต่างๆ โดยรวมแล้วผุ้หญิงมีแนวโน้มที่จะเห็นด้ยมากกว่าผุ้ชาย ต่อประเด็นคำถามต่างๆ นอกเหนือจากากรสังกัดทางการเทืองและหัวข่ออื่นๆ แบบสำรวจนี้ยังวัดความกังวลของนักศึกษาเกี่ยวกับความสสามารถในการจ่ายค่าเล่าเรียนในวิทยาลัยและสุขภาพทางอารมณ์ของพวกเขาด้วย..

        UM ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้เป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 1993 แม้ว่าใสในปีนี้ UCLAจะมุ่งเน้นในด้านสุขภาพทางอารมณ์ แนวดน้มทางการเมือง และความสามรถในการจ่ายค่าเล่าเรียนของมหาวิทยาลัย แต่การสำรวจยังได้ครอบคลุมประเด็นต่างๆ มากมาย  https://diversity.umich.edu/2017/07/survey-shows-varying-political-leanings-among-u-m-freshmen/

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

Michigan

           ศตวรรษที่ 20 เกิดปรากฎการณ์ประชากรครั้งใหญ่ในมิชิแกน คือการเติบโตของชุมชน แอฟริกัน
อเมริกัน ซึ่งส่วนใหญ่ของชาวแอฟริกันอเมริกันจากชนบทมาจาการอพยพครั้งใหญ่ของชาวแอฟริกันอเมริกันจากชยบทางตอนใต้ไปยังเขตเมื้องทางตอนเหนือ จากไม่เกิน 16,000 คนเป็น 1,000,000 คนในช่วงเปลี่ยนศตวรษที่ 21 ชาวแอฟริกันอเมริกันของมิชิแกนประมาณครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองดีทรอยต์ ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขารวมกันเปนมากกว่าสี่ในห้าของประชากร นอกจากนี้ยังมีชุมชส ชาวแอฟริกนอเมริกันจำนวนมากในละแวกเก่าและบริเวณใจกลางเมืองฟลินท์ และซากันอว์ อีกด้วย

         ประวัติศาสตร์ศาสนาของมาิชิแกนมีความแกต่างเล็น้อยจากรัฐอื่นๆ ลหายแห่งในมิคเวสต์ในชวงแรกๆ นิกายโรมันคาะอลิกเนื่องจากผุ้ตั้งถ่ินฐานชาวยุโรปกลุ่มแรกในดีทรอยต์เป็นโรมันคาธอลิกชาวฝรังเศสผู้ย้ายถ่ินฐานจำนวนมากที่มีความเชื่อดังกลาวจึงถุกดึงดูดมายังวเมือนี้ก่อนการอพยพของชาวไอริช อิตาลีและโปแลนด์จำนวนมากในศตวรรษทีค่ 19 ดีทรอยต์ได้รับการสภาปนาเป็นสังฆมณฑลในปี 1833 และเป็นอัครสังฆมณฑลในปี 1937 สังฆมณฑลอื่นๆ ได้รับการจัดต้งขึ้นในที่ต่างๆ อีก ห้าถึงหกที่ บรรดานิกายโปรเตสแตนต์ นิกายลูเทอแรนมีผุ้นับถือชาวเยรามันและสแกนดิเนเวียจำนวนมาก ในขณะที่นิกายเมธอดิสต์ มีความสำคัญทั้งในชนบทและมืเองของมิชิแกน ผุ้ตั้งถ่ินฐษนชาวดัตซ์กลุ่มแรกเป็นสมาชิกของคริสตจักรปฏิรูปคริสเตียน ซึ่งต่อต้านคริสตจักรของรัฐเนเธอร์แลนด์ คริสตจักรมิชิแกนเป็นอิสระอย่างมากจากคริตจักรดัตซ์ที่แยกตัวออกมานอกจากนี้ยังมีคริสตจักรเพรสไบทีเรียน แบ็บดิสต์ และเอพิสโกเปเลียน จำนวนมาก มิชิแกนมีนิกายโปรเตนแตนต์จำนวนมาก โดยบางนิกายมีสมาชิกเพียงเล็กน้อย

          ผุ้อพยพชาวยิง กลุ่มแรกสู่มิชิแกนทีพม้นเพเป็นชาวเยอรมัน ในปี 1851 ชาวยิวจากเมืองดีทรอยต์ได้ก่อตั้งโบสถ์ ยิวขึ้น โบสถ์ยิวทั่วทั้งรัฐสะท้อนถึงศาสนายิว ทุกรูปแบบ ประชากรอาหรับส่วนหนึ่งของรัฐเป็นชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือ นิกายชีอะห์ อย่างไรก็ตาม ชาวอาหรับที่นับถือสาสนาคริสต์(ส่วนใหญ่) เป็นนิกายโรมันคาะอลิก มีจำนวนมากกว่าชาวอาหรับมุสลิมในภุมิภาคดีทรอยต์ 

         การตังถิ่นฐานในคาบสมุทรตอนบนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เมืองใหญ่ได้แก่ ไอรอนวูด, ไอรอน เมาท์เทน, แฮนค็อค, ฮิวตัน, และมารร์คิวตี้ ซึ่งล้วนตั้งอยุ่ใกล้กับเมืองหรือท่าเรือ มือง เซลาท์ เซนต์ แมรี่ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในคาบสมุทรตอนบนทางตะวันออก มองเห็นคลอง โซว์ ล็อคส์ บนเส้นทางเดินเรือที่เชื่อระหว่างทะเลสาบฮูรอนกับทะเลสาบสุพีเรีย ทัวทั้งคาบสมุทร ประชาชนจำนวนมากประกอบอาชีพด้านป่าไม้

           
พลังทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์เชื่อมโยงส่วนตะวันออกของคาบสมุทรตอนบนกับคึ่งทางเหนือของคาบสมุทรตอนล่างเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพื้นที่ที่เรยกว่ามิชิแกนตอนเหนือพื้นที่นี้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมป่าไม้ของรัฐมาช้านานป่าไม่จำนวนมากเป็นของรัฐบาลรัฐและรัฐบาลกลาง เมืองต่างๆ ทางตอนเหนือของมิชิแกนทำหน้าที่เป็นศุนย์กลางระดับภูมิภาค สำกรับนักท่องเที่ยวและเกษตรกร และมัเป็นสำนักงานใหญ่ของบริการรัฐบาลชุมชน ขนาดใหญ่หลายแห่งดุงดูดการผลิตขนาดเล็ ชุมชนอื่นๆ ทำหน้าที่เป็นทาเรืองที่สำคัญ 

         แม้ว่าพื้นที่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรตอลล่างจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีผลผลิตสูงในบางพื้นที่ แต่ฐานรากทางการเกษตรที่แบข็.แกร่งและหลากหลาย ที่สุดของรัฐ อยุ่ทางใต้ของมิชิแกน ซึ่งเป็นพื้นที่ทางใต้ของเขตทางแยกด้านข้างระหว่างเบย์ซิตี้ และมัีสคีกอนนอกจากนี้ มิชิแกนตอนใต้ยังประกอบด้วยเมืองใหญ่และศูนย์กลางอุตสาหกรรมส่วนใหญของรัฐ เช่น ดีทรอยต์ หนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเขตชานเมืองหลายแห่ง 

         เศรษฐกิจของมิชิแกนซึ่งเดมที่มีพื้นฐานมาจากการเกษตรขนาดเล็ก กลายมาพึ่งพาการทำไม้และการทำเหมืองในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 การตัดไม่ในป่าสนขาว ชนาดใหญ่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วระหว่างปี 1830-1905 กระทังความอุดมสมบุร์ของป่าหมดลงเกือบหมดสิ้น เมือถึงปี 1980 เหมืองเหล็กและทองแดงได้เปิดดำเนินการในคาบสมุทรตอนบนทางตะวันตก ซึ่ช่ยสงเสริมการตั้งถ่ินฐานใหม่ในบริเวณนั้น ความก้าวหน้าด้านการขนส่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศราฐฏิจในช่วงเวลานี้ ในปี 1855 เขื่อซูแห่งแรกบนแม่น้ำเซนต์แมรีส์ สร้างเสร็จ ทำให้เรือน้ำลึกสามารถสัญจรระหว่างทะเลสาบสุพีเพรยและเกรดเลกส์อื่นๆได้

         ในทศวรรษที่สองของศตวรรษที่ 20 อุตสหกรรายานยนต์เร่ิมเข้ามาครอบงำเศรษณบกิจของมิชิแกนนับแต่นั้นมา มิชิแกนยังคงผูกติดกับโชคชะตาของบริษั่ทผลิตรถยนต์ แม้จะมีส่วนสนีบสนุนจากกิจกรรมการผลิตอื่นๆ การท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรมและป่าไม้ (แม้จะลดลง) การคว่ำบาตรน้ำมันในช่วงปลายทศวรรษปี 1970 ปรกอบกับการเพิ่ีมขึ้นอย่างมากของการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศและภาวะเศราฐกิจถอถอยของประเทศ ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในมิชิแกนระหว่งปี 1979-1982 ระดับการว่างงานของรัฐเพ่ิมสูวขึ้นอย่างร่วดเร็วและกลายเป็นระดับสุงสุดในประเทศ อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวเล็น้อยใสนข่วงสองทศวรรษถัดมาร แต่ก็ต้องประสบกับความสูญเสียงครั้งใหญ่เมือราคาน้ำมันพุ่งสุงขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯชะลอตัวในช่วงตนศตวรรษที่ 21 รัฐบาลและผุ้นำธุรกิจของมิชิแกนได้ริเริ่มโครงการเพื่อดขยายฐานการผลิตของรัฐ เพื่อดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีชั้นสุงใหม่ๆ แลเพื่อส่งเสริมภาคบริการของเศรษฐกิจ ดดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวและการศึกษา ซึ่งยังคงดำเนินไปได้ดี

         รัฐธรรมนูญมิชิแกนกำหนดให้มีฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลากรเช่ินเดียวกับรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ อำนาจบรเหารตกอยุ่กับผุ้ว่าการรัฐซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเวลาสี่ปี ผุ้ว่าการรัฐจะได้รับการเสนอชื่อโดยการเลือกต้งขึ้นต้น  แต่รองผุ้ว่าการรัฐจะได้รับการเสนอชื่อโดยการประชุมพรรค จากนั้นผุ้ว่าการรัฐและรองผุ้ว่าการรัฐจะได้รับเลือกโดยการเลือกตั้งดดยตรง คณะกรรมการบริหารที่ผุ้ว่าการรัฐแต่งตั้งนั้นรับผิดชอบต่อฝ่ายบริหารและคณะกรรมการที่ปรึกษาหลายคณะ บริการของรัฐบาลที่สำคัีญส่วนใหญ่จะรวมกันอยุ่ภายใต่แผนกที่รับผิดชอบต่อผุ้ว่าการรัฐ

         สภานิติบัญญัติของรัฐมิชิแกนประกอบด้วยวุฒิสภาซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้ง 38 คนซึ่งดำรงตำแหน่งวาระละ 4 ปี และสภาผุ้แทนราษำรซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการเลือกตึ้ง 110 คนซึ่งดำรงตำแหน่งวาระละ2 ปี เขตเลือกตั้งของสภานิติบัญัติจะถูกกำหนดใหม่โดยคณะกรรมาะิการพิเศษหลังจากการสำรวจสำมะโนประชากรของรัฐบาลกลางแต่ละครั้งการแก้ไขรัฐะรรมนูญของรัฐสามารภส่งไปยังผุ้มีสิทธิเลือกตั้งได้โดยสภนิติบัญญัติหรือโดยการ ยื่นคำร้อง เพื่อขออนุมัติ แตก่การแก้ไขทั้งหมดจะต้งได้รับการอนุมัติจากากรลงประชามติของผุ้มีสิทธิเลือกตั้ง

        ศาลสุงสุดคือศาลฎีกาของรัฐซึ่งมีสมาชิก 7 คน หน่วยงานนี้ไม่เพียงแต่รับฟังคำอุทธรณ์จากศาลชั้นต้นเท่านั้น แต่ยังดุแลการดำเนินการของระบบศาลทั้งหมดด้วย ผุ้พิพากาษาศาลำีกาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง 8 ปี  ศาลชั้น่างประกอบด้วยศาลอุทธรณ์ ศาลยุติะรรม ศาลมรดก และศาลที่มีเขตอำนาจศาลจำกัดซึ่งกำหนดโดยฝ่ายนิติบัญญัติ

         รัฐมิชิแกนมีหน่วยงานของรัฐบาลท้องถ่ินหลายพันแห่ง รวมถึงเขตเทศบาล เมือง ตำบล หมุ่บ้าน เขตดรงเรียน และเขตพิเศษ เช่นหน่วยงานสวนสาธารณะ แม้ว่าเขตเทศบาลส่วนใหย๋จะอยู่ภายใต้การบิรหาร


ของคณะกรรมการกำกับดุแล แต่เอกสิทธิการปกครองตนเองช่วยให้เขตเทศบาลได้ นอกจากนี้ เมืองต่าง ๆังได้รับเอกสิทธิการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางอีกด้วย เขตเทศบาลจะจำแนกตามจำนวนประชากร และได้รับเอกสิทะิของรัฐบาลที่แตกต่างกันออกไป

        เขตเลือกตั้งเป็นหน่วยหลักของ องค์กร พรรคการเมือง และผุ้แทรจากเขตเลือกตั้งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประชุมประจำปีของพรรค ซึ่งผุ้สมัครจะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหนงรองผุ้วาการรัฐอัยการสุงสุด และเชขาธิการรัฐ รวมถึงตำแหน่งในคณะกรรมการที่ควบคุมระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา ของรัฐ และคณะกรรมการการศึกาาระดับรัฐผุ้พิพากษา ศาลฎีกาจะได้รับการเสนอชื่อโดยใช้บัตรลงคะแนนเพื่อเข้าร่วมการประชุมใหญ่ของประธานาะิบดีระดับประเทศอีกด้วย

        สหภาพแรงงานมีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองของรัฐมิชิแกน และสหภาพแรงงานรถยนต์แห่งสหรัฐอเมริกายังรับรองผุ้สมัครในระดับเทศลาล ระดับรับ และระดับประเทศอีกด้วยความสนใจทางการะมือ ของคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันได้รับการกรุ้นจากชบวนการสิทะิพลเมืองในกลางศตวรรษที่ 20 และกลุ่มสิทะิพลเมืองยังคงปลูกฝังความตระหนักทางการเมืองในหมุ่ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นผวิดำ ต่อไปโคลแมนยังได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีชาวแอฟริกันอเมิรกันคนแรกของเมืองดีทรอยต์ในปี 1973 

 ในระดับรัฐพรรครีพัลลิกัมีอำนาจเหนือกว่าในช่วงเวลาส่วนใหญ่ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเอมริกา กระทั่งเกิดภาวะเศราฐกิจตกต่ำครั้งใหย๋เมือรัฐกลายเป็น ไสมรภูมิรบ" หรือรัฐ "ชิงชัย" ตังแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคทั้งเดโมแครตและรีพัลลิกันต่างก็มีอำนาจควบคุมผุ้วา่าการรัฐและสภานิติบัญญํติเป็นระยะๆ ในทำนองเดียวกัน ในการเมืองตำแนห่งประะานาธิบดี รบก็เอียงไปทางแต่ละพรรคในช่วงเวลาต่างกัน ตัวอย่างเช่น พรรครีพัลิกันชนะในรัฐนี้ในปี 1948 1952 และ 1960 แต่จากนั้นพรรคเดโแมครตก็ชนะการเข่งขันอีกสามครั้งถัดมา ตั้งแต่ปี 1972-1988 ผุ้สมัครชิงตำแนห่งประะานาธิบดีของพรรครีพับลิกันกวาดชัยชนะในมิชิแกนในการเลือกตั้งทุกครง แม้ว่าหลังจากนั้นพรรคเดโมแครตจะเร่ิมแซงหน้าพรรครีพัลลิกันก็ตาม

        เจนนิเฟอร์ มิลเฮิร์น แกรนดอล์ม ซึ่งเป็นสมชิกพรรคเดโมแครต กลายเป็นผุ้ว่าการรัฐมิชิแกนหญิงคนแรกในปี 2002 (ดำรงตำแนห่งระหว่างปี 2003-2011)ฆ ก่อนหน้านี่เธอเคยดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐ(199-2003) ทให้เธอกลายเป็นผุ้หญิงคนแรกของรัฐที่ดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่ง

        https://www.britannica.com/place/Michigan/Government-and-society

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...