วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563
White Butterfly II...(Butterfly effect)
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563
White Butterfly....
ผีเสื้อขาวออกบินตามปีกผัน
ฝนฟ้าควันหมอกไฟหม่นมืดหนทาง
โลกกว้างภูเขาสูงด้วยกำลังตนสู้แรงลม
ถาถมแรงลมปีกล้าเพียงความเชื้อแลศรัทธา
ที่ตรวนี้ไม่ใช่สวนดอกไม้
ที่ตรงนี้ไม่ใ่ช่ที่ของเจ้า..เจ้าผีเสื้อ
เจ้าจงหลบอยู่หลังของข้า...อยู่ในที่ของเจ้า..
แล้วจะมีสวนดอกไม้ของเจ้าตลอดไป..
วิถีทาง..ระยะทาง..หนทาง..และจุดหมาย
เจริญเติบโต วิเคราะห์ สังเคราะห์ สังยุต..
ร้อยรวม หนึ่ง อดีตสู่่ปัจจุบัน.และก้าวไป..
ตามแบบรูปรอยของครรลองที่เป็นมาและป็นไป
เราจะผ่านมันๆ ผ่านมันไป ผ่านมันไป
เราจะลุกขึ้นสู้ใหม่..เราจะลุกขึ้นสู้
เราจะเติบโตก้าวไปขัางหน้าพร้อมๆ กัน
เราจะไปด้วยกัน..เติบโตไปด้วยกัน..เติบโตไปด้วยกัน...
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563
Wuhan...Economic Stratagy
เนื่องจากอู่ฮั่นเป็นเมืองส่วนหลางที่เชื่อมต่อการคมนาคมรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สำัญของจีนไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั้งจากเนหือไปใต้ จากตะวันออกไปตะวันตก จากลักษณะพิเศษนี้ทำให้อู่ฮั่นกลายเป็นเมืองสำคัญของจีนที่มบทบาทเป็นศูนย์การพัฒนาและวิจัยถไฟฟ้าความเร็วสูง รวมทั้งยังมีศูนย์อบรมเกี่ยวกับวิชาชีพทางด้านรถไฟฟ้าที่สำคัญหลายแห่งอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ด้ารถไฟความเร็วสูงเท่าน้นที่เมืองอู่ฮั่นมีความโดดเด่น การคมาคมด้านอื่นๆ ก็ยัง
พัฒนามาก เช่นด้านการบินท่ี่มีเที่ยวบินตรงถึงเมืองต่างๆ สำคัญในจีนและบินตรงถึงเมืองสำคัญอื่นในต่างประเทศ ด้านการคมนาคมทางถนน มีเครือข่ายมอเตอร์เวย์จำนวนมากที่เชื่อมไปพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ การคมนาคมทางน้ำถึงแม้ว่าอู่ฮั่นจะไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่อู่ฮั่นมีแม่น้ำสายสำคัญของจีนอย่างแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ไหลผ่าน ทำให้อุ่ฮั่นเป็นเมืองท่าน้ำจืดที่สำคัญ และแม่น้ำทนี้สุดท้ายเป็นทางออกไปสู่ทะเลอีกด้วย
เมืองอู่ฮั่นถูกให้ความสำคัญตั้งแต่ปีที่เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบสังคมนิยมและสถาปนาธาณรัฐประชาชนจีน (ปี 1949) ในช่วงต้น 1950 ผู้นำประเทศเริ่มออกแบบสะพานรถไฟและรถยน์ข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง จนถึงเดือนตุลาม 1957 สะพานแห่งนี้ได้ถูกเปิดใช้อย่างเป็นทางการ สะพานแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า สะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำฉางเจียงอู่ฮั่น สะพานนี้ถือเป็นสะพานข้ามแมน้ำใหญ่แห่แรกของจีนที่เป็นสะพานแบบ 2 in 1 หมายถึงสะพานที่ข้ามทั้งรถยนต์และรถไฟ
ความเป็นอยู่ของผุ้คนในเมืองอู่ฮั่นจะเป็นลักษณะค่อนข้างเร่งรีบ เพราะฉะนั้นการกินก็จะค่อนข้างเรียบง่ายของกินท้องถ่ินอู่ฮั่นมีไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ดังระดับประเทศ ไม่เหมือนกับอาหารเสฉวนหรืออาหารกวางตุ้งที่ดังไปทั่วประเทศ การสร้างบ้านเรือนของคนอู่ฮั่นจะนยมสร้างริมแม่น้ำสายเล็ก สายใหญ่ ด้วนั้นบ้านของคนที่นี่จะเป็นแบบวิวริมแม่น้ำ ก็มีเห็นได้ทั่วไป ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนอู่ฮั่นสุขสบายเนื่องจากเป็นเมืองที่มีแม่น้ำสายหลักและสายเล็กๆ น้อยๆ ไหลผ่านทำให้บรรยากาศของเมืองน่าอยู่ ร่มรื่น คนอู่ฮั่นเองก็จะชอบเล่นกีฆาทางน้ำกันเป็นพิเศษ แม่น้ำฉางเจียงกลายเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของขาวอูฮั่น
อู่ฮั่น เป็นเมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ในภาคกลางของจีน ถูกสร้างขึ้นตามแนวแม่น้ำแยงซีเกียง
นับเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 42 ของโลกและใหญ่อันดับ 7 ของจีน มีพืนที่โดยรวมใกล้เคีงกับกรุงลอดนดอนของอังกฤษ แต่ใหญ่กว่ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ มาก มีประชานประมาณ 11 ล้านคน เมืองแห่งนี้ถูกยกให้เป็น "ถนนสายหลักของจีน" เนื่องจากมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อไปสู่ 9 มณฑลทั้งทางบก ทางน้ำ แลทางอากาศ มีถนนเชื่อมไปยังพื้นี่ต่างๆ มีทั้งรถไฟและระไฟความเร็วสูงที่เดินทางไปเมืองสำคัญในภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก รวมทั้งกรุงปักกิ่งกบนครเซี่ยงไฮ้ โดยใช้เวลาเพียง ภ ชั่วโมงเท่าั้น ทำให้ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเข้าออกเมืองงอู่ฮั่นเป็นจำนวนมาก
อู่ฮั่นยังมีท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในแม่น้ำแยงซีเกียงตอนล่าง จนกลายเป็นศูนย์กลางการขนสินค้าในภูมิภาค และเป็นเสนทางออกสู่ทะเลได้อีกด้วยส่วนการเดินทางทางอากาศ เมืองแห่งนี้มีท่าอากาศยานนานาชาติอู่ฮั่นเทียนเหอ ซึ่งเชื่อม่อไปยังเมืองสำคัญทั่วโลกเช่น ลอนดอน ปารีส ดูไบ กรุงเทพ รองับผุ้โดยสรมากกว่า 20 ล้านคนทุกปี
เมืองอู่ฮั่นยังมีเขตอุตสาหรรม 4 แห่ง มากกว่า 300บริษัทในกลุ่ม 500 บริษัทชั้นนำของโลกเช่น ไม่โครซอฟต์ เอสเอ บริษัทซอฟต์แวร์ของเยอรมนี และ เปเอสเช ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศส ล้วนมีสำนักงานในเมืองแห่งนี้
ในช่วงไม่กีปีทีผ่านมา มีการลงทุนเพื่อทำใหอู่ฮั่นกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะในด้านอุตสหกรรมเลนส์กล้อง แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือการเป็น เมืองแห่งยานยนต์ของจีน จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสหกรรมยานยนต์ภายในเมือง และความเป็นศูนย์กลางโลจิสติกขนาดใหญ่ของอู่ฮั่น ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมาก่อการเติบโตทางเศราฐกิจของจีน
เมืองอู่ฮั่นมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆ ของจีน ตามข้อมูลซึ่งเปิดเผยโดยรัฐบาลท้องถ่ินในปี 2562 จีดีพีของเมืองอู่ฮั่นเติบโตถึ 7.8% มากกว่า จีดีพีเฉลี่ยทั่วประเทศ 1.7% มูลค่าการส่งออกและนำเข้าแต่ 2.44 แสนล้านหยวน นับเป็นสถิติใหม่และมากว่ามูลค่าในปีก่อนหน้านั้นถึง 13.7% คิดเป็น 61.9% ของมูลค่าการซี้อขายกับต่างชาติทั้งหมดของมณฑลหูเป่ยhttps://www.thairath.co.th/news/foreign/1758798
เมื่อปี 2018 เมืองอู่ฮั่น มีฐานเป็นเมืองเอกของมณฑหูเป่ย ได้รับการจัดอันดับเมืองที่มีสัยภาพด้านกรวิจัยและพัฒนาอยู่ในอันดับที่ 19 ของโลกและอันดับที่ 4 ของจีน ทั้งนี้ เนื่องจากเมืองอุ่ฮั่นมีข้อได้เปรยบในด้านของภูมิศาสตร์ ทำให้อู่ฮั่นเป็นเมืองที่ผู้คนจากหลายพื้นที่ย้ายถ่ินฐานเข้ามาทั้งประกอบกิจการธุรกิจต่างๆ ช่างที่มีฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญด้านการรถไฟ ท่าเรือ เป็นต้น และเมื่อผู้คนย้ายเข้ามาตั้งหลักปักฐานมากขึ้นเศรษฐกิจท้องที่ในด้านต่างๆ ก็ได้รับการผลักดันและเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันอู่ฮั่นมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP มากกว่า 14,845.29 พันล้านหยวน จัดอยู่ในอันดับ 9 ของประเทศจีน มีจำนวนประชากรประมาณ 11 ล้านคน...
อู่ฮั่น..ก่อนจะประสบกับวิกฤต ไวรัส โควิด 19 เป็นเมืองใหญ่ เมืองชั้นนำของโลก ซึ่งหลักจากเกิดวิกฤตการไวรัสโคโลน่าระบาด..ส่งผลกระทบต่อเมืองและชาวเมืองเป็นอย่างมาก..ทางการจีนประกาศปิดเมือง..ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อ เมืองอู่ฮั่นและประเทศจีนเป็นอย่างมาก..
วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563
Wuhan... Militaly Strategy
ยุทธการที่อู่ฮั่น เป็นที่รู้จักกันดีของชาวจีนว่า "การป้องกันอู่ฮั่น" และที่ญี่่ปุ่นได้เรียกขานว่า การยึดครองอู่ฮั่น เป็นการสุ้รบขนาดใหญ่ในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง การต่อสุ้รบครั้งนี้ได้เกิดขึ้นในบริเวณหลายพื้นที่ของมณฑล อันฮุย เหอหนาน เจียงซี เจ้อเจียง และหูเป่ย ซึ่งกินเป็นเวลานานกว่าสี่เดือนครึ่ง ยุทธการนี้เป็นการรบที่ยืดเยื้อยาวนาน ขนาดใหญ่ และสำคัญมากที่สุดในช่วงรยะยแรกในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ สอง ทหารของกาองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีนจำนวนกว่า ล้านนาย จากเขตสงครามที่ 5 และ 9 ภายมต้การบังคับบัญชาโดยตรงจาก เจียงไคเชก เพื่อป้องกันอู่ฮั่น จาก กองทัพพื้นที่จีนตอนกลางของกองทัพจักรวรรดิญีุ่ป่น ภายมต้การนำของ ชุนโรกุฮาตะ ฝ่ายกองทัพจีนยังได้รับการสนับสนัดจากกลุ่มทหารอาสสมัครโซเวียด กลุ่มนักบินอาสาสมัคจากกองทัพอากาศโซเวียต..
แม้การสู้รบได้จบลงด้วยการเข้ายึดครองอู่ฮั่นในที่สุดโดยกองทัพญี่ปุ่น แต่ก็ได้ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและล้มตายอย่างมากต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีจำนวนสูงถึง 1.2 ล้านนายที่ได้ีการรวมกันโดยประมาณ...
อู่ฮั่น ตั้งอยู่ครึ่งทางต้นน้ำของแม่น้ำแยงซี เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของจีนมีประชากร 1.5 ล้านคนในปลายปี ค.ศ. 1938 แม่น้ำแยงซี และแม่น้ำฮันชุย ได้ไหลผ่านแบ่งเมืองเป็นสามเขตได้แก่ อู่ชาง,ฮั่นโจวและฮันหยาง อูชางเป็นศุนย์กลางทางการ เมืองฮันโข่วเป็นย่านการค้าและฮันยางเป็นเขตอุตสาหกรรม หลังจากเสร็จสิ้นการสร้างเส้นทางรถไฟเยว่ฮัน ความสำคัญของอู่ฮั่นในฐานะศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญในกิจการภายในของจีนได้รับการจัดตั้งขึ้น มันยังทำหน้าที่เป็นจุดผ่านแดนที่สำคัญสำหรับความช่วยเหลือจกต่างประเทศที่ย้ายเข้ามาจากท่าเรือทางใต้
หลังจากที่ญี่ปุ่นได้ยึดครองเมืองหนานจิง หน่วยงานรัฐบาลจีนคณะชาติและกองบัญชาการกองทัพได้หนีไปตั้งอยุ่ในอู่ฮั่นแม้ว่าเมืองหลวงถูกย้ายไปยังฉฝชิ่ง อู่ฮั่นจึงกลายเป็นเมืองหลวงแห่งสงครามอย่างแท้จริงเมื่อเร่ิมภารกิจในอู่ฮ่น ความพยายามทำสงครามของจีนจึงมุ่งเน้นไปที่การปกป้องอู่ฮั่นจากการครอบครองโดยญี่ปุ่น จักวรรดิญีุ่ปุ่นและศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองทัพญี่ปุ่นประจำจีนต่างคาดหวังว่าเมืองอุ่ฮั่นจะล่มสลายพร้อมด้วยการยอมแพ้ของชาวจีนภายในหนึ่งหรือสองเดือน..https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99
ยุทธการเขื่อนแตก..เป็นหนึ่งในยุทธการที่จะป้องกันอู่ฮั่น
...รัฐบาลจีน ได้ระดมกลังทหาร มาจากกองพันทหารช่าง เครื่องจักรกลงานดินรวมทั้งเกณฑ์ประชาชนในพื้นที่เข้าทำลายคันกั้นน้ำของแม่น้ำเหลืองที่ตำบลเซ่าโค่ว เนื่องจากเป้นจุดที่คันกั้นน้ำม่ีความหนาน้อยที่สุด การขุดเกือบจะสำเร็จ แต่ต้องหยุดไปด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัด เปลี่ยนที่ขุดใหม่าที่ตำบลฮั่วหยวนโคว่ หลังจากที่ได้รับอนุมัติการขุดก็เริ่มต้นอีกครั้ง และเพื่อไม่ให้ทหารญี่ปุ่นรู้ จึงใ้เพียงพลัวสนามของทหารดดยไมใช้เครื่องจักรช่วย จุดที่ถูกเลือกเป็นโค้งน้ำที่กระสแน้ำไหลเบียดริมฝั่งด้านทิศใต้ดังนั้นเมือถูกเจาะน้ำจะพุ่งตรงออกทางช่องที่เปิด ทางจีนไม่ได้ขุดช่องทางระบายน้ำเล็กๆ แต่ต้องการสร้างสภาวะเขื่อนแตกให้น้ำทะลักออกทันที่จำนวนมากเพื่อให้กระแสน้ำท่วมทำลายกองทัพญี่ปุ่น ดังนั้นจึงขุดดินเพื่อทำให้คันกั้นน้ำบอบบางลงเป็นแนวยาวประมาณ 300 เมตรพอได้ที่ก็เจาะช่องให้นำ้ออกสองจุดหัวท้าย พอน้ำเริ่มไหลก็จะกัดเซาะแนวคันกั้นน้ำที่ถูกทำให้บอบบางที่อยู่ระหว่างกลาง และเชื่อมต่อกันเป็นช่องทางน้ำขนาดใหญ่
การขุดเจาะน้ำทำทั้งกลางวันและกลางคืนแข่งกับเวลาที่ทหารญี่ปุ่นกำลังรุกคืบใกล้เข้ามาทุกขณะ โดยกองบัญชาการที่อู่ฮั่นจะติตต่อสอบถามความคืบหน้าเกือบทุกชั่วโมง ในทีสุด ทหารช่างก็เร่ิมปล่อยน้ำผ่านช่องทางที่ขุด ในตอนแรกทางน้ำยังเล็ก แต่วันรุ่งขึ้นเกิดผนตกใหญ่บริเวณ้นน้ำ ระดับในแม่น้ำเหลืองสูงขึ้น ทำให้ช่องที่ถูกเจาะขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานแม่น้ำเหลืองก็ไหลทะลักออกทางคันกั้นน้ำที่ถูกทำลาย จนมวลน้ำของแม่น้ำเหลืองได้เปลี่ยนเส้นทางไปการไหลหลักเข้าสู่ที่ราบของมณฑลเหอหนานแทนท่จุไหลงงทะเลที่อาวไปไห่
น้าท่วมได้แผ่ขยายพื้นที่ออกไป ทำให้การรุกของญี่ปุ่นต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว อย่างไรก็ตามทิศทางการไหลของน้ำได้เป็นไปตามที่ทางจีนคาดการณ์ไว้ คือผ่ากลางมณฑ,เหอหนานไปลงแม่น้ำฮวย และทำให้แม่น้ำฮวยเอ่อล้นท่วมสองฝั่งไปจนถึงทะเลสาบหงเจ๋อในมณฑลเจียงซู โดยที่สุดแล้วน้ำท่วมได้ทำใหเกิดแถบที่ลุ่มหนองบึงที่ยาวมากกว่า 400 กิโลเมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนกองทัพผ่าน ทำให้แผนการเข้าตีอู่ฮั่นจากทางด้านเหนือของญี่ปุ่นต้องยกเลิกไป
...เนืองจากทางการจีนไม่ได้ประกาศเตือนให้ประชาชทราบล่วงหน้า เพราะคาดหวังว่าน้ำท่วมจะสามารถทำลายกองทัพญี่ปุ่นได้บางส่วน โดยในระหว่าสงครามทางจีนเคยคาดว่ามีทหารญีุ่ป่นจมน้ำตายในอุทกภัยครั้งนี้ไม่ก่าหมื่นน แต่หลักฐานของทางญี่ปุ่นไม่มีบันทึกถึงความสูญเสีย ในปัจจุบันพบว่าตอนที่เกิดน้ำท่วมนั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นยังเคลื่อมาไม่ถึงบริเวณที่จะถูกน้ำท่วม หรือมิฉะนั้นก็สามารถอยหนีได้ทัน จึงเชื่อว่าไม่มีทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น ส่วนทางด้านจีน เนื่องจากไม่มีการประกาศเตือนภัย จึงมีแต่คนในพื้นที่ใกล้เขื่อนเท่านั้นที่รู้ข่าวและเตรียมตัวได้ทัน ส่วนคนที่อยู่ไกลออกไปต้องเผชิญกับน้ำท่วมโดยไม่รู้ตัว ผู้คนพากันหนีน้ำขึ้นไปรอความช่วยเหลืออยู่บนหลังคา แต่เนื่องจากเป็นภาวะสงครามทำให้วมช่วยเหลือมีมาน้อย
ในบงพื้นที่ระดบน้ำค่อยๆ สูงๆ ขึนจนท่วมมิดหลังคาบ้านชนบทที่มักจะมีชั้นเดียว ทำให้มีคนจมน้ำตายเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะถูกน้ำท่วมพื้นที่บริเวณนั้นมีคนอยู่อาศัยประมาณ 12 ล้านคน เราไม่รู้ว่าจำนวนผุ้เสียชีวิตที่แนนอน เพราะอยู่ในระหว่างสงครามจึไม่มีการสำรวจมาก ก่อนที่จะถูกน้ำท่วมพื้นที่บริเวณนั้นมีคนอู่อาศัยประมาณ 12 ล้านคน เราไม่รู้ว่าจำนวนผุ้เสียชีวิตที่แน่นอน เพราะอยู่ในะหว่างสงครามจึงไม่มีการสำรวจความเสียหาย อย่างไรก็ตาม หลังสงครามในปี 1948 ได้มีการสำรวจ ประเมินว่ามีผุ้เสียชีวิตประมาณ 800,000 คน..และในเหตุการน้ำท่วมครั้งนี้ปรากฎว่ามีทหารญี่ปุ่นได้นำเรือออกช่วยเหลือประชาชนชาวจีนผุ้ประสบภัยที่ติดอยู่ตามหลังคาบ้านด้วย...ผลกระทบจากเหตุการน้ำท่วมในครั้งมีตามอีกมากมาย..ที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่ในเหอหนานถูกน้ำท่วมกลายเป็นที่ทำการเกษตรไม่ได้..ประชากรอดอยากถึงขั้นเกิดเหตุการคนกินเนื้อคน..ประชาชนชาวจีนที่อดอยากหนีไปเข้าฝ่ายญี่ปุ่น..และมีการกล่าวโทษกันว่าใครเป็นผู้ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนั้น..กระทั้งหลังสงครามความจริงจึงปรากฎ....https://pantip.com/topic/39298677
วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563
Wuhun
ชื่ออู่ฮั่น มาจากการรวมกันของเมืองในประวัติศาสตร์ ได้แก่ เมื่องอู่ชาง ฮั่นโข่วและฮั่นหยาง ซึ่งทั้งสามเมืองรุ้จักกันในชื่อ "เมืองทั้งสามของอู่ฮั่น" นครอู่ฮั่นตั้งอยู่ในทางตะวันออกของที่ราบเจียงฮั่น ซึ่งเป็นที่บรรจบของแม่น้ำแยงซี กับลำน้ำสาขาที่ใหญ่ที่สุดของแม่น้ำแยงซีซึ่งก็คือ แม่น้ำฮั่น และนครอุ่ฮั่นรู้จักกันนชื่อ "ทางสู่มณฑลทั้งเก้า"...
อู่ฮั่นถือเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศณาฐกิจ การเงิน การค้า วัฒนธรรมและการศึกษา ของภาคกลางของประเทศจีน เป็นศูนย์กลางการขนส่ขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยทางรถไฟ ถนน และทางด่วนจำนวนมากที่ผ่านตัวเืองและเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่อื่นๆ เนืองจากมีบทบาทสำคัญในการขนส่งภายในประเทศ ทำให้บางครั้งอุ่ฮั่นถูกเรียกว่า "ชิคาโกของจีน" ในแหล่งข้อมูลต่างประเทศ "ปม่น้ำสายทองคำ"อย่าง แม่น้ำแยงซี และลำน้ำสาขาที่ใหญ่ที่สุดซึ่งก็คือ แม่น้ำฮั่น ไหลผ่านตัวเมืองเมืองและแบ่งอู่ฮั่นออกเป็น 3 เขต ได้แก่ อู่ชาง ฮั่นโขว่ และฮั่นหยาง มีสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีภายในตัวเมือง และห่างออกไปทางตะวันตกของมณฑลหูเปย์ จะีเบื่อนซานเสียต้าป้า ซึ่งเป็นถานพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของกำลังผลิตติดตั้งhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...