วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

WWII:trusteeship of the powerful

       เช้าของวันที่ 22 มิถุนายน 1941 ฝ่ายอักษะอันประกอบด้วย เยอรมัน อิตาลี รูเมเนีย เชโกสโลวะเกีย ฟินแลนด์ และฮังการีเข้าร่วมรบกับรุสเซีย โดยทำลายเครือข่ายสายโทรเลขในมณฑลทหารบกทางชายแดนด้านตะวันตกของสหภาพโซเวียตทั้งหมดเพื่อทำลายการติดต่อสือสารของโซเวียต กองพล 190 กองพลของเยอรมนี  10 กองพลของโรมาเนีย 9 กองพลน้อยของโรมาเนียและ 4 กองพลน้อยของฮังการีเข้าสมทบ
     เพื่อสถาปนาความเป็นเจ้าอากาศลุฟท์วัฟเฟอร์เริ่มการเข้าโจมตีฉับพลัน ทำลายสนามบินโซเวีตและทำลายกองสนามบินกองทัพอากาศ เป็นเวลากว่าเดือนที่โซเวียตไม่สามารถหยุดยั้งการรุกของเยอรมัน กำลังแพนเซอร์โอบล้อมกองทหารโซเวียนนับแสนในวงล้อมขนาดใหญ่
      เป้าหมายกองทัพกลุ่มเหนือ คือ เลนินกราด ผ่านรัฐบอลติก  กองทัพกลุ่มแลง เคลื่อที่ไปทางเหนือและใต้ของเบรสท์ -ลีดอฟสก์และมาบรรจบกันทางตะวันออกองมินสก์ และข้ามแม่น้ำนเปอร์ ในวันที่ 11 กรกฎาคม และเข้ตีสโมเลนสก์ ได้ในวันที่ 16 กรกฎาแต่การต้านทานอย่างดุเดือดของโซเวียตในพื้นที่สโมเลนสก์และความล่ช้าในการุกทางเหนือและทางใต้บีบให้ฮิตเลอร์หยุดการผลักดันตรงกลางที่กรุงมอสโกและเบนกำลังกลุ่มแพนเซอร์ไปทางเหนือและใต้โดยกองทหารราบทกของกองทัพกลุ่มกลางแทบไม่เหนือการสนับสนุนจากยานเกราะในการดำเนินการรุกยุงมอสโก
    การตัดสินใจนี้ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ภาวะผู้นำอย่างรุนแรง ผู้บังคับบัญชาสนามของเยอรมนีสนับสนุนการรุกไปยังกรุงมอสโกทันที่ทันใดแต่ฮิตเลอร์ปฏิเสธ โดยอ้างความสำคัญของทรัพยการเกษตรกรรม  เชื่อกันว่ามีผลกระทบร้ายแรงต่อผลของยุทธการมอสโกโดยยอมเสียความเร็วในการุกคืบไปยังกรุงมอสโกไปโอบล้อมกองทหารโซเวียตขนาดใหญ่รอบเคียฟ…
     เมื่อกลุ่มแพนเซอร์ที่ 1 เชื่อมกับส่วนใต้ของกองทัพกลุ่มใต้ที่อูมัน ก็สามารถจับเชลยโซเวียตได้กวา 100,000 นาย และเมื่อพลยานเกราะของกองทัพกลุ่มใต้ที่กำลังรุกคืบพบกับกลุ่มแพนเซอร์ในเดือนกันยายน ก็สามารถจับเชลยโซเวียตไปกว่า 400,000 คนเมื่อเคียฟยอมจำนน ในวันที่ 19 กันยายน
      การสู้รบกับเยอรมนีเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับรุสเซีย แม้สหรัฐอเมริกาจะประกาศศึกกับญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม เป็นการทำลายภาวะศึกกระหนาบข้างให้แก่รุสเซียแล้วก็ตาม เยอรมนียึดครองรุสเซียตะวันตก ซึ่งเป็นแหลงที่มีโรงงานผลิตยุทโธปกรณ์ กว่า 70 เปอร์เซ็นของทั้งประเทศ เมือสิ้นปี 1941  รุสเซียย้ายโรงงานอุตาสาหกรรมไปที่อินแดนตะวันออกของตนคือไซบีเรีย เอเชียกลาง ลุ่มน้ำโวลกาตอนล่างและบริเวณเทือกเขาอูราล
     ชัยชนะที่ได้รับในการบุกรุสเซียเป็นชัยชนะที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่แน่ใจในผลลัพท์เท่าใดนัก เพราะเยอรมนีเองก็เกรงว่า รุสเซียอาจบุกเปอร์เซียแล้วประสานงานแนวรบกับอังกฤษ อีกทั้งการรบรุกเองเริ่มเผชิญความยากลำบากในด้านการส่งกำลังบำรุง ฤดูหนาวก็บั่นทอนพลกำลังและขวัญกำลังใจของทหารมาก เยอรมนีได้ส่งทหารจากแนวรบตะวันตกสู่รุสเซียมากไม่ขาดสาย แต่การรบเองนั้นเริ่มขากการริเริ่มปฏิบัติการ กำลังทหารเพียงแต่รักษาที่มั่นประจำการมากกว่าจะรุกคืบหน้าเมื่อถึงคราวจำเป็น ทหารเยอรมันจึงจะรุก
     ในการรบที่ดำเนินมานั้นรัสเซียใช้แผนการตั้งรับโดยดัดแปลงมาจาอดีตที่รุสเซียใช้กับสวีเดนและฝรั่งเศส โดยใช้ธรรมชาติเข้าช่วย ภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลเป็นผลดีต่อการใช้กลยุทธ์กองโจร และความหนาวเย็นจะบั่นทอนพลกำลังข้าศึกถึงขั้นเสียชีวิต ความหนาวเย็นจะทำให้การรบไม่สามารถดำเนินไปได้โดยสะดวก
      ยอมสละพื้อที่บ้างเพื่อหวังยึดครองเมื่อเวลาผ่านไปกระทั่งศัตรูสิ้นสุดกำลังที่จะรักษาพื้นที่นั้น
      ทำลายทุกอย่างมิให้เป็นประโยชน์แก่ข้าศึก
      ดำเนินสงครามกองโจร
      โฆษณาชวนเชื่อ ปลุกระดมมวลชนให้รักชาติ โดยใช้วัฒนธรรมเป็นสือให้เกิดสำนึกในเชื้อชาติเผ่าพันธ์และอดีตอันรุ่งโรจน์ของรุสเซีย ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือให้เกิดความสามมัคคีกัน และรณรงค์ลัทธินิยมเผ่าพันธ์สลาฟเพื่อเรียกร้องให้สลาฟในบอลข่านคุ้มครองรุสเซียดินแดนมาตุภูมิของชนเผ่าสลาฟ ตลอดจนการเปลี่ยนนโยบายของตนต่อไปอีด้วยการยินยอมให้ฝ่ายปฏิปักษ์ทางการเมืองเข้าร่วมการปกครองบ้านเมือง
      รุสเซียเร้าใจผู้คนให้รักชาติยิ่งขึ้น ด้วยการวาดภาพเอยรมนีว่าเป็นผู้ที่จะมาเป็น “เจ้าเข้าครองรุสเซีย”กล่าวหาเยอรมันว่าทำสงครามอย่างไร้มนุษยธรรมโดยชี้ถึงการทารุณกรรมอย่างเหี้ยมโหดที่เยอรมันปฏิบัติต่อเชลยศึก
     มหาพันธมิตร299px-Tehran_Conference,_1943
           อริชศัตรูทรงพลังกระทั่งรุสเซียตระหนักดีว่า ลำพังรุสเซียนั้นไม่อาจจะพิชิตศึกสงครามได้โดยง่าย รุสเซียต้องแสวงหาพันธมิตร รุสเซียจำเป็นต้องหันหลังให้อุดมการณ์ด้วยการทาบทามทางไม่ตรีจากอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำประเทศโลกทุนนิยม เพื่อจะให้เปิดแนวรบตะวันตกผ่อนคลายภารหนักที่รุสเซียต้องรับศึกเยอรมันในแนวรบตะวันออก และต้องการให้สหรัฐประกาศสงครามกับเยอรมันด้วย
     อังกฤษและสหรัฐอเมริกาเองนั้นมิได้วางใจรับไมตรีรุสเซียเท่าที่ควรในชั้นต้น เพราะได้คาดประเมินการไว้ต่ำกว่าความเป็นจริงมากว่า ศักยภาพทางทหารของรุสเซียคงต่ำมากด้วยเหตุที่สตะลินกำจัดคู่แข่งทหารจนสิ้น ปฏิบัติการรบรุกแบบสายฟ้าแลยของเยอรมนีจึงสมารถจะพิชิตบดขยี้รุสเซียจนราบเป็นหน้ากลองได้โดยง่ายภายในสามเดือน
      อังกฤษและสหรัฐฯก็ยังไม่ลืมว่า รุสเซียเองนั้นเคยเล่นบทบาทประทับใจ “พลิก”ความคาดหมายเพียงใด รุสเซียอาจเล่นบทบาทเหยียบเรือสองแคมโดยหวังทางไมตรีเยอรมนี่อีก มากว่าทางไมตรีจากอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับรุสเซียอย่างระมัดระวัง โดยจำกัดความร่วมมือ อังกฤษลงนาในข้อตกลงความช่วยเหลือร่วมกับรุสเซีย ซึ่งระบุว่า จะไม่แยกทำสนธิสัญญาสันติภาพกับฝ่ายอักษะ  ส่วนสหรัฐฯก็ทำข้อตกลงให้เช่ายืม ความร่วมมือที่จำกันเช่นนั้นย่อมไม่เพียงพอและไม่ทันกับภาวะคับขันที่รุสเซียเผชิญอยู่ รุสเซียเข้าตาจนถึงขั้นพร้อมที่จะขอกองทัพอังกฤษและสหรัฐอเมริกาไปช่วยตนรบภายในประเทศ แต่แล้วภาวะคับขันกลับค่อยคลี่คลายลงไปเองเมื่อสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกเต็มตัวในเดือนธันวาคมและทุ่มความช่วยเหลือแก่รุสเซียเต็มที่  (ศัตรูของศัตรูคือเพื่อน) มหาพันธฒิตรเท่าที่ปรกกฎยืนอยู่บนพื้นฐานแห่งความเข้สใตอันดีว่า ศัตรูร่วมกันคือฝ่ายอักษะ แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่จริงใจและระแวงต่อกัน ปัญหาที่ทำให้พันธมิตรยังคิดข้องใจในการกระทำของรุสเซีย คือ ปัญหาเรือ่งยุโรปตะวันออกและภูมิภาคทะเลบอลติก รุสเซียได้ยืนกรานมั่นคงที่จะเรียกร้องให้มีการแรบแนวพรมแดนในถูกต้องโดยระบุว่า ต้องเป็นการปรับตามแนวพรมแดนเดิมของรุสเซีย และต้องการให้โปแลนด์ขยายพรมแดนโดยได้ปรัสเซียตะวันออก ซึ่งเป็นการตัดดินแดนของเยอรมนีนั้นเอง พันธมิตรได้แต่รับพิจารณาโดยมิอาจยินยิมรับรองตามความต้องการของรุสเซีย โดยเฉพาะอังกฤษเองได้แสดงจุดยืนแน่วแน่ว่ารุสเซียจะผนวกโปแลนด์ตะวันออกและรูเมเนียไม่ได้ เมื่อการเจรจาหยุดชะงัก รุสเซียมิได้นิ่งนอนใจ ทำการเจรจาทางการทูตหาหนทางสร้างความมั่นคงแก่พรมแดนของตนต่อไป ด้วยการเจรจาทำสนธิสัญญาร่วมช่วยเหลือกัน กับเชโกสโลวะเกียและกับโปแลนด์
     เมื่อสงครามดำเนินต่อไปในลักษณะที่เข้าสู่ภาวะคับขันมากขึ้น พันธมิตรก็จำต้องหันหน้ามาเจรจากับรุสเซียใหม่ โดยพยายามแก้ไขปัญหาที่ติดค้างอยู่คือ ปัญหายุโรปตะวันออกและภูมิภาคทะเลบอลติก เหล่าพันธมิตรจำต้องรับตู้ความต้องการของรุสเซียในดินแดนดังกล่าวโดยพฤตินัย และเพื่อเป็นการผู้มัดรุสเซีย อังกฤษได้ลงนามในสนธิสัญญาเป็นพันธมิตรกับรุสเซียในวันที่ 26 พฟษภาคม ปัญหายุโรปตะวันออก บอลข่านและภูมิภาคทะเลบอลติก ยังคงมีปรากฎและรุสเซียก็พร้อมที่จะรอคอยจังหวะเหมาะที่จะทำให้พันธมิตรต้องยอมรับความต้องการของรุสเวยในภายภาคหน้า สิ่งที่รุสเซียไม่เคยวางมือคือ เรื่องโปแลนด์ รุสเซียได้ตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลพลัดถิ่นโปแลนด์ เพราะรัฐบาลพลัดถิ่นโปแลนด์นี้ได้รับความอุปถัมจากพันธมิตร รุสเซียต้องการรัฐบาลโปแลนด์ที่เป็นคอมมิวนิสต์เพื่อสะดวกต่อการกลืนโปแลนด์ ปัญหาโปแลนด์เป็นจุดที่ชี้ชัดถึงการที่พันธมิตรต้องหวานอมขมกลืนกับพฤติกรรมรุสเซีย เพราะรุสเซียแสดงที่ท่าพร้อมที่จะหวนกลับไปสู่ความเป็นมิตรกับเยอรมนีอีกครั้งหนึ่ง เมือพันธมิตรไม่อาจรับปากรับคำที่จะเปิดแนวรบตะวันตก รุสเซยย่อมต้องดิ้นรนฝ่านคลายภาวะเสียวความั่นคงของตน ด้วยการหันไปหาเยอรมนีอีกครั้งหนึ่งเมือ่พันธมิตรไม่อาจรับปากที่จะเปิดแนวรบตะวันตก รุสเซียก็ย่อมต้องดิ้นรนผ่อนคลายภาวะเสี่ยงความมั่นคงของตน ด้วยการหันไปหาเยอรมนี เยอรมันได้ใช้ญี่ปุ่นเป็นคนกลางเจรจาหาทางทำสนธิสัญญาสันติภาพกับรุสเซีย การเจราทาบทามรุสเซียได้ดำเนินไปถึง 4 ครั้ง พร้อมๆ กับการที่การรบยังคงมีปรากฎในดินแดนรุสเซียเป็นเหตุให้พันธมิตรจำต้องปฏิบัติการยกพลขึ้นบกในทวีปแอฟริกาเหนือ

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

WWII:Oparation Babarossa

     เป็นชื่อรหัสสำหรับแผนการบุกสหภาพโซเวีตของนาซีเยอรมนี ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ปฏิบัติการเริ่มในวันที่ 22 มิถุนายน 1941 ซึ่งถูกตั้งตามพระนามของจักรพรรดิฟรีดริซ บาร์บารอสซา แห่งจักรวรรด์โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ผู้นำสงครามครูเสดครั้งที่สาม
     วัตถุประสงค์คือการพิชิตสหภาพโซเวียตทางภาคพื้นยุโรปทั้งหมด ตามแนวเส้นระหว่าง อัคอังเกลส์ก ที่อยู่ทางตอนเหนือของรัสเซีย ลงไปจนถึงเมืองอัสตราคาน ที่อยู่ริมสามเหลี่ยมปากแม่น้ำวอลกาโดยแนวนี้ถูกเรียกว่าแนว AA ปฏิบัติการบาร์บาราสซาไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ฮิตเลอร์คาดหวังไว้ ในทางยุทธวิธีแล้วกองทัพเยอรมันก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อสหภาพโซเวียต โดยการยึดครองพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของประเทศเอาไว้
     ปฏิบัติการบาร์บารอสซาเป็นปฏิบัติการเป็นปฏิบัติการทางการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งทางด้านกำลังพล พื้อนที่ปฏิบัติการและความสูญเสียที่เกิดขึ้นความล้มเหลวในยุทธการบาร์บารอสซาเป็ฯที่ถกเถียงกันว่าเป็นสาเหตุโดยรวมที่ทำให้นาซีเยอรมนีต้องประสบกับความพ่ายแพ้และเป็นจุดเปลี่ยนของนาซี
     จากการเปิดฉากการโจมตีของนาซีทำให้เกิดการรบใหม่ขึ้น คือแนวรบด้านตะวันออกซึ่งเป็นยุทธบริเวณที่ใหย๋ที่สุดในโลกตราบจนปัจจุบัน ปฏิบัติการบาร์บาลอสกลายเป็นการรบครั้งยิ่งใหญ่ ความโหดร้ายการสูญเสียชีวิตปริมาณมหาศาล ซึ่งทั้งหมดได้ส่งปิทธิพลต่อสงครามโลกครั้งที่สอง และประวัติศาสตร์
     นายทหารระดับสูงของกองทัพเยอรมมันได้ร่างบันทึกอันตรายที่จะเกิดขึ้นภายหลังการรุกรานสหภาพโซเวียตรวมไปถึงความคิดที่ว่ายูเครน เบโลรุสเซียและรัฐแถบบอลติกจะเป็นภาระใหญ่หลวงทางเศรษฐกิจต่อเยอรมนีส่วนนายทหารอีกพวกนึ่งได้แย้งว่าระบบรัฐบาลของโซเวียตจะไม่ได้รับผลกระทบและการยึดครองดังกล่วจะไม่กอ่ให้เกิดประโยชน์อันใดต่อเยอรมนี รวมไปถึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องเข้าไปยุ่งกับพวกบอลเซวิคด้วยฮิตเลอร์ปฏิเสธความคิดเห็นทั้งหมด ปฏิบัติการบาร์บาลอสซาส่วนใหญ่เริ่มต้นมาจากความคิดของฮิตเลอร์เพียงผุ้เดียว บุคลากรทางการทหาและสมาชิกในพรรคนาซีแนะนำว่าควรที่จะจัดการกับเกาะบริเตนให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงค่อยเปิดการโจมตีสหภาพโซเวียตในแนวหน้าตะวันออก
      ฮิตเลอร์โน้มน้าวบุคลากรของตน โดยกลาวว่า “ เราเพียงแค่ต้องถีบประตูลงมา แล้วอาคารที่เสื่อมโทรมทั้งอาคารก็จะถล่มลงมาด้วย” ฮิตเลอร์มั่นใจในศักยภาพเกินไปจจากการประบความสำเร็จอยางรวดเร็วในการรบในยุโรปตะวันตก อีกทั้งสบประมาทความสามารถของโซเวียตที่จะสู้รบในสงครามนอกฤดูหนาว
     ปฏิบัติการลวงของเยอรมนีมีจุดประสงค์คือเพิ่มมูลความจริงให้ตรงกับคำอ้างของเยอรมนี่ว่าเกาะบริเตนคือเป้าหมายที่แท้จริง "ปฏิบัติการไฮฟิสก์”
     รองแม่ทัพโซเวียต MaXim Purkayev ที่มาโทรศัพท์รายงาน สายลับได้เข้ามาส่งข่าวมาว่ากองทัพนาซีออกเดินทัพมุ่งมาทางโซเวียตแล้ว ซึ่งก็มาพร้อมกับรายงานทุกสาย รวมทั้งวิสตัน เชอร์ชิลล์ที่ได้ติดต่อเตือนมาถึงสตาลิน ว่าเยอรมันกำลังจะบุกโซเวียตแต่สตาลินได้แต่ระแวงว่าเชอร์ชิลล์จะมาไม้ไหน เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าเชอร์ชิลล์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับระบบคอมมิวนิสต์มาแต่ไหนแต่ไร
      สตาลินเชคข่าวไปยังหน่วยข่าวกรองที่ทำงานในสถานทูตโซเวียตที่ญี่ปุ่น..ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่มีข่าวแต่อย่างใด กระทั่งหนึ่งเดือนก่อนการบุก ทางหน่วยข่าวกรองเสียงโดยการส่งวิทยุ ในข้อความสั้น ๆ ถึงมอสโควว่า “การบุกจะมีในวันที่ 2 มิถุนายน” หน่วยข่าวกรองถูกจับได้และประหารชีวิต ฝ่ายเยอรมันได้สร้างข่าวเท็จออกมาเป็นระยะ เพื่อสร้างความสับสนเป็นไปในวงกว้าง ก่อนหน้านั้ หัวหน้าฝ่ายข่าวกอง รายงานมาว่าเยอรมันจะไม่ทำสงครามกับโซเวียตจนกว่าได้รับชัยชนะ จากยุทธการบิรเทน หรือไม่ก็หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาสงบศึกแล้ว..และรายงานเพิ่มเติมมาด้วยวา “ข่าวที่เยอรมันจะบุกในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ คือข่าวลือทั้งสิ้นและการกุน่าจะมาจากฝั่งอังกฤษหรือจากสายลับเยอรมัน”
      กาดรบุกสหภาพโซเวียตจึงสร้างความแปลกใจสำหรับฝ่ายโซเวียตอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากความเชื่อมั่นของสตาลินว่าอาณาจักรไรท์ที่ 3หม่น่าจะโจมตีประเทศของตนหลังจากที่เพิ่งเซ็นสัญญาโมโลดอฟ-ริบเบนท์ สตาลินเชื่อด้วยว่ากองทัพนาซีจะจัดการสงครามกับเกาบิรเตนให้เรียบร้อยก่อนจะเปิดสมรภูมิใหม่ แม้จะมีคำเตือนหลายครั้งจากหน่วยข่าวกรอง สตาลินก็ยังปฏิเสธที่เชื่อการรายงานทั้งหมด โดยเกรงว่าข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นกาปล่อยข่าวโคมลอยจากกองทัพอังฏฤษเพื่อที่จะจุดชนวนสงครามระหว่างนาซีและโซเวียตโดยกล่าวว่า “พวกเขาแค่กำลังเคลื่อกำลังทหารให้ออกมานอกระยะของเครื่องบินทิ้งระเบิดของอังกฤษ การเตรียมตัวตั้งรับการโจมตีของเยอรมนีจึงเป็นไปยอ่างไม่จริงจัง
    ปฏิบัติการไฮฟิสก์ โดยจำลองว่าเตรียมตัวบุกเบิรเตนเริ่มขึ้นในประเทศนอร์เวย์ ชายฝั่งตามแนวช่องแคบอังกฤษและจังหวัดบริตตานีย์ในฝรั่งเศส  ปฏิบัติการณ์ระดมกำลังเรือรบ ปฏิบัติการสอดแนมทางอากาศและการฝึกซ้อมภาคสนามถูกจัดขึ้นเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น โดยแผนการบุกจิงๆ ถูกจัดขึ้นและปล่อยให้ข้อมูลสามารถรั่วไหลได้บางส่วน
      ในการวางแผนกลยุทธ กองบัญชาการกองทัพบกระดับสูง และผุ้บัญชาระดับสูงอีกหลายๆคนมีแนวคิดที่ขัแย้งกันเกียวกับแผนกกลยุทธที่จะใช้ในการโจมตีสหภาพโซเวียต โดยกองบัญชากการกองทัพบกเสนอว่าควรเคลื่อนพลตรงไปยังเมืองหลวงมอสโก แต่ฮิตเลอร์ต้องการที่จะให้กองทัพเคลื่อนทัพไปยังยูเครนที่อุดมสมบูรณ์และดินแดนบริเวณทะเลบอลติก ก่อนที่จะเคลื่อพลไปยึดมอสโก จึงเป็นเหตุให้การบุกล่าช้าไปอีกเดือนกว่า ๆ
    กลยุทธที่ฮิตเลอร์และนายพลของเขาร่วมกันวางขึ้นคือการแบ่งกองกำลังออกเป็นสามกลุ่มกองทัพโดยแต่ละกลุ่มกองทัพถูกจัดให้ยึดภูมิภาคที่กำหนดไว้รวมในสหภาพโซเวียต เมือ่การบุกสหภาพโซเวียตเริ่มต้นขึ้นจะแบ่งแนวทางการบุกออกเป็นสามทางโดยเคลื่อยพลไปตามเส้นทางที่เคยถูกบุกในประวัติศาสตร์(ตามการบุกราชอาณาจักรรัสเซียของนโปเลียน โบนาปาร์ต) กล่มกองทัพเหนือถูกมอบหมายให้เคลื่อนพลฝ่านดินแดนรอบทะเลบอลติก แล้วจึงเคลื่อนไปยังรัสเซียตอนเหนือโดยำการยึดหรือทำลายเมืองเลนินกราด  กองทัพกลางถูกมอบหมายให้มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองสโมเลนสก์ แล้วทำการยึดมอสโกโดยต้องทำการเคลื่อนพลฝ่านประเทศเบลารุสในปัจจุบันละฝ่ายภูมิภาคกลางแถบตะวันตกที่สาธารณรัฐสังคมนิยมรัสเซียครอบครองอยู่และกลุ่มกองทัพใต้จะต้องเปิดการโจมตีในส่วนที่เป็นใจกลางของยูเครนที่เป็นศูนย์กลางทางเกษตณกรรมและประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นโดยยึดเมืองเคียฟก่อนที่จะเคลื่อนพลมุ่งไปทางทิศตะวันออกฝ่านทุ่งหญ้าสเตปปส์ในรัสเซียตอนใต้ไปยังแม่น้ำโวลกาและเทือกเขาคอเคซัสที่อุดมไปด้วน้ำมันดิบ..

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

WWII:The Greater East Asia Co-Prosperity Sphere

     วงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเซียบูรพา เป็นความพยายามของญี่ปุ่นที่รวบรวมแลสร้างแนวป้องกันแห่งชาติเอเซียเพื่อหลุดพ้นจากอิทธิพลของชาติตะวันตก โดยเป็นความคิดริเริ่มของนายพลฮะชิโร อะริตะ ซึ่งขณะนั้นตำรงค์ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และมีอุดมการณ์ทางการทหารอย่างแรงกล้าที่จะสร้างมหาเอเซียตะวันออก “เอเซียเพื่อชาวเอเซีย”(Asia for Asians) โดยเนื้อหานั้นจะพูดถึงเกี่ยวกับการปลดปล่อยชาติในเอเซียให้หลุดพ้นจากลัทธิจักรวรรดินิยม โดยทำการบุกประเทศเพื่อนบ้านและขับไล่ทหาร อังกฤษ ฝรั่งเศส และอเมริกา ออกไปจากภูมิภาคนี้
     ญี่ปุ่นมีความคิดว่าญี่ปุ่นมีชาติพันธุ์ที่เหนือกว่าชาติอื่นในเอซีย ในเมือปกครองโดยพระจักรพรรดิผู้ทรงสืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์มาอย่างไม่ขาดสายจึงมีสิทธิชอบธรรมที่จะเป็นใหญ่คุ้มครองชาติอื่น
     ญี่ปุ่นคิดว่าวัฒนธรรมตะวันตกหรือปรัชญาตะวันตกเป็นยาพิษของตะวันออกและเป็นวัฒนธรรมที่เสือมทราม จึงจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟู่ระเบียบสังคมและวัฒนธรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของตะวันออกที่เป็นแบบอำนาจนิยมขึ้นมาแทนระบอบประธิปไตยแบบตะวันตก เพื่อให้เอเซียเป้นของชาวเอเซียเท่านั้น
      แผนสงครามของญี่ปุ่นที่ร่างขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ได้วาดภาพแปรทั้งพื้นที่ไปสู่เขตวงไพบูลย์ของเอเซียบูรพา โดยมีญี่ปุ่นจีนภาคเหนือและแมนจูเรียเป็นฐานอุตสาหกรรม ประเทศอื่น ๆ ต้องส่งวัตถุดิบแก่ญี่ปุ่นและเป็นส่วนของการบริโภคที่กว้างใหญ่ไพศาล เป็นการสร้างพลังเศรษฐกิจในระดับหนึ่งที่จะทำให้ญี่ปุ่นสามารถเผชิญและตั้งรับการรุรานจากภายนอกได้เป็นประการแรก และถ้าทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ก็รวมอินเดีย ออสเตรเลียและบรรดามณฑลไซบีเรียของรุสเซียไว้ด้วยในการสงครามครั้งนี้
      ญี่ปุ่นจำเป็นต้องเข้าครอบครอง ครอบงำแทนที่ตะวันตก อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นเช่นนั้น เป็นการตัดสินใจด้วยเหตุเสมือนสงครามครูเสดทางวัฒนธรรม โดยการสอนเผยแพร่ภาษาญี่ปุ่น ปฏิรูปการศึกษาที่ขจัดอิทธิพอันมิพึงปรารนา การจัดตั้งการประชุมทางวรรณกรรมและวิทยาศาสรตร์ แม้จนถึงพยายามที่จะขจัดการนอนอกลางวันและดนตรีแจ๊ส รวมทั้งการสร้างขอบข่ายงานความร่วมมือทางการเมืองอย่างใกล้ชิดกัน บางประเทศก็มีอิสระเอกราชพอควรตั้งแต่แรกเริ่ม 
     อินโดจีนก็ยังตกอยู่ในการปกครองฝรั่งเศส
     สยามยังคงมีกษัตริย์และการบริหารราชการโดยให้ความอนุเคราะห์เป็นพิเศษแก่ญี่ปุ่นภายหลังการลงนามในสนธิสัญญเป็นพันธมิตร 
     จีนที่ถูกยึดครองก็มีระบอบของ หวัง ชิง เวย เป็นจัวแทนก็ได้ทำข้อตกลงสันติภาพ และถูกเกลี้ยกล่อมให้ประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ นีถือได้วาเป็นยุคแห่งความเสมอภาคอย่างเป็นทางการกับญี่ปุ่นโดยญี่ปุ่นยกเลิกสัมปทานมากมายในเมืองท่าต่าง ๆ ตามสนธิสัญญาเก่าในปีนั้น แน่นอนว่า รัฐ       แมนจูก็ยังคงเป็นรัฐเอกราช ทั้ง ๆ ที่กองทัพกวันตุงยังคงประจำการอยู่ สถานการณ์นี้เหมือนสถานะการณ์แห่งการเป็นอาณานิคมแบบเกาหลี
     ในบรรดาดินแดนที่ได้รับจากชัยชนะใหม่ๆ นั้น พม่ามีผุ้นำเป็นหุ่นเชิดคือนาย บา เมา ซึ่งเป็นผู้นำการบริหารภายใต้การอุปภัมถ์ของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือที่ปรึกษาทางทหาร และทหารได้ยึดอำนาจนั้นภายหลังที่ประเทศได้รับเอกราชในปีต่อมาเมือได้ประกาศสงครามกับพันธมิตร
     ฟิลิปปินส์ก็ได้รับเอกราชโดยความช่วยเหลือของผุ้ร่วมกิจการที่นิยมญี่ปุ่น แม้รัฐบาลจะสามารถหลีกเลี่ยงการประกาศสงคราต่อฝ่ายสัมพันธมิตรได้
     ในอีกแง่หนึ่ง ในมลายูและหมู่เกาะอินเดียของเนเธอร์แลนด์ซึ่มีค่าจำเป็นยิ่งทางเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นไม่เต็มใจทางที่จะยินยอมปล่อยมือจากการควบคุมญี่ปุ่นได้ให้มีการบริหารราชการโดยทหารในสองแห่งนั้น ดดยรวมอำนาจอยู่ที่ศูนย์กลางและใช้กรรมวิธีของราชการประจำแทนระเบียบราชการเดิมของบรรดามหาอำนาจเจ้าของอาณานิคมสองแห่งนั้น  การเคลื่อนไหวเพื่อเอราชใรรูปใดก็มิได้รับความสนับสนุนในสองปีแรก แม้จนถึงภายหลังก็มิได้ให้คำมั่นอะไรมากมายนัก แม้ว่ายอมให้มีการตั้งสภาระดับภูมิภาคและผุ้ว่าการระดับท้องถิ่นให้มีบทบาทบ้างในการปกครอง อันที่จริง ในมลายูนั้น คือสิ่งที่ได้ปฏิบัติกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระยะสงครามที่เหลือ แม้ในหมู่เกาะอินเดียจะพัฒนาการเคลื่อนไหวชาตินิยมและท้ายสุดญี่ปุ่นเองยอมรับรองเมือเห็นความปราชัยชัดแจ้ง ข้อเท็จริงนั้นทำให้ผู้นำการเคลื่อนไหว คือ ดร.ซูการณ์โน ประกาศอินโดนีเซียเป็นเอกราชทันทีหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมแพ้ในเดือนสิงหาคมปีนั้น
     นอกจากปัญหาระยะยาวของการรักษาเอกราชของรัฐเหล่นั้นแล้ นโยบายอาณานิคมของญี่ปุ่นก็มุ่งตรงไปที่เสี่ยงใช้ความรู้สึกแอนตี้ตะวันตกของประเทศเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์และเบียดบังทรัพยากรธรรมชาติทางเศรษฐกิจในการบำรุงกำลังรบของตน ในนโยบายเชนนี้ ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จน้อยกว่าเป็นอย่างมาก ประการแรกการปกครองที่เข้มแข็งรุนแรงมีแนวโน้มที่จะทำให้ประชาชนเอาใจออกห่าง ทั้ง ๆ ที่ญี่ปุ่นพยายามที่จะเอาชนะใจประชาชนเหล่านั้นให้มีความเห็นอกเห็นใจญี่ปุ่น การตัดสินประหารชีวิตและการทรมานที่บ่อยครั้งเกินไปได้ก่อให้เกิดความเกลียดชังและการต่อต้านมากกว่าร่วมมือ จึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายริราชศัตรูค้นพบและง่ายที่จะนำมาใช้ อีกทั้งยังมีความไร้ประสิทธิภาพด้วย ตั้งแต่กระทรวงเอเซียตะวันออกที่ยิ่งใหญ่กว่า ที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งได้เรียกใช้ผู้คนมาร่วมงานโดยส่วนใหญเป็นพวกนักการทูต และตัวแทนจากวงการค้าซึ่งล้วนถูกเรียกตัวกลับจากยุโรปและจากที่อื่น ๆ เกมือเกิดสงคราม หรือมาจากนักหนังสือพิมพ์และพ่อค้าซึ่งมีเคยทำงานในดินแดนเหล่นี้จนคุ้นเคยกับพื้นที่ปกครองนั้น ๆ นักหนังสือพิมพ์ขาดความรู้ระดับท้องถิ่น ส่วนพ่อค้าขาดประสบการณ์ในการบริหารราชการและขาดุ้ชำนาญการ ในขณะที่ทั้งนักหนังสือพิมพ์และพ่อค้าก็ไม่อาจจะดำเนินนโยบายใดที่ขัดแย้งกับทัศนติ ของฝ่ายผู้บัชาการของกองทัพบก อุปสรรคนี้ยังมีอีกเรื่องคือ การขาดนักเทคนิคที่ได้รับกาฝึกอบรมพอที่จะสามารถฟื้นฟุ้การค้าและอุตสาหกรมในเอเซียอาคเนย์ให้มีประสิทธิภาพเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะการผลิตน้ำมัน ดังนั้แผนสร้างกล่มเศรษฐกิจที่ทรงอำนาจและพึ่งตนเองได้นั้นก็ได้ความยากลำบากตั้งแต่เริ่มต้น
    ความยากลำบากทวีขึ้นโดยผลของความล้มเหลวทางทหาร การโจมตีของเรือดำน้ำฝายสัมพันธมิตร ได้แทรกแซงการติดต่อคมนาคมทางทะเลกับหมู่เกาะต่างๆ มากในต้นปี ต่อมาเมื่อมีการเสริมด้วยการโจมตีทางอากาศ ญี่ปุ่นก็พบตัวเองถูกตัดขาดจากดินแดนของตนที่ไกลโพ้น ความสูญของเรือพาณิชย์เกิดจากการพยายามจะรักษาเส้นทางเดินเรือให้เปิดไว้ ผละประการหนึ่งก็คือมันกลายเป็นอุปสรรคต่อการผลิตทางอุตสาหกรรมภายในประเทศจนการแข่งขันกันระหว่างทหารบกกับทหารเรือทวีขึ้นดดยเหตุข้อพิพาทด้วยเรื่องการจัดสรรปันส่วนยุทธปัจจัย ถึงขั้นกระทบกระเทือนต่อการประสานงานในการปฏิบัติการร่วมกัน

     การที่กองทัพได้รับมอบหมายในการปฏิบัติหน้าที่ ในการให้ได้มาซึ่งดินแดนขยายสู่รอบนอกในขณะที่ญ่ปุ่นต้องเสริมกำลังให้เต็มด้วยกำลังกองหนุน เพื่อให้อเมริกาถูกเกลี้ยกล่อมให้ยอมรับสันติภาพอันประนีประนอมต่อกัน ไม่เพียงแต่การพัฒนาเศรษฐกิจในเขตวงไพบูลย์จะช้าลงมากแล้วเท่านั้นหากแต่การรบรุกตอบโต้ของฝ่ายอเมริกายังรวดเร็วกล่วที่คาดมากด้วยยุทธนาวีในทะเลคอรัล และในเกาะมิดเวย์ในเดือนต่อมายับยั้งญี่ปุ่นมิให้บุกทะลวงไปสู่ออสเตรเลียและฮาไวอิตามลำดับ ในกรณีออสเตรเลียเป็นการยืนยันได้ เพราะออสเตรเลียได้ปกป้องนิวกินี ตอนใต้สำเร็จในปีนั้น แล้วอเมริกาได้ยึดกัวดาคาแนลในหมู่เกาะโซโลมอน เป้นการรุกไล่ครั้งใกม่บนแผ่นดิน หลังจากที่สู้รบกันอน่างหนักอยู่หกเดือน ในเดือนกุมภาพันธ์ ปฏิบัติการทางทหารเหล่านั้นได้ปรากฎต่อมาว่าเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อทางยุทธศาสตร์
      การปกิบัติการทางทหาร ด้วยกลยุทธอย่างใหม่ในด้วยยุทธนาวี การปฏิบัติการในระยะยาวได้ใช้เครื่องบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินเป็นอาวุธสำคัญในการรบรุก เป็นพัฒนาการซึ่งทำให้ญี่ปุ่นสิ้นสุดความได้เปรียบที่จะเป็นฝ่ายลงมือปฏิบัติการจาเรือรบหลัก ในการบตามเกาะ การให้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างทหารบก ทหารเรือ และกำลังทางอากาศก็เป็นการเลือกที่จะเป็นการรบภายใต้การบัญชาการอันเดียวกัน นี่คือส่วนหนึ่งของเทคนิคการรบอเมริกาแบบ “กระโดดที่ละเกาะ” โดยมิได้มุ่งยึดดินแดนตามความหมายทั่วไปหากแต่มุ่งรบเพื่อให้ได้มาซึ่งฐานทัพเพื่อให้เรือรบและเครื่องบินสามารถครอบงำทั้งพื้นที่ในน่านน้ำแปซิฟิคตะวันตกทั้งหมด…

WWII:China,Pacific,South East Asia

     สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มด้วยการประกาศสงครามกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการเปิดสงครามทางเอเชียและแปซิฟิกอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 ธันวาคม 1941 สหรัฐอเมริกาประกาศสงครามกับเยอรมนีและอิตาลี
     จากการที่ญี่ปุ่นบุกโจมตีท่าเรือเพิร์ล ฮาเบิร์ลของสหรัฐอเมริกา สหรัฐรู้ดีว่าญี่ปุ่นต้องรุกรานโจมตีและยึดหมู่เกาะในแปซิฟิก ดินแดนเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แยนการรบของสหรัฐอเมริกาประการแรกคือต้องปกป้องออสเตรเลียจากการยึดครองของญี่ปุ่น ประทการที่สองต้องยุติการรบในแอฟริกาให้เร็วที่สุดเพราะเยอรมนีจะบุกโจมตีอเมริกาใต้โดยฝ่านแอฟริกา ที่เมืองท่าดาการ์ ในเซเนกัล อาณานิคมของฝรั่งเศสเป็นดินแดนที่ใกล้ชายฝั่งตะวันออกของบราซิลในอเมริกาใต้มากที่สุด เยอรมนีจะใช้เครื่องบุกโจมตีทิ้งระเบิดบราซิล เป้นการเริ่มยึดครองอเมริกาใต้ และเปิดศึกกับสหรัฐอเมริกาในภาคพื้นทวีปอเมริกา ประการที่สามกอบกู้และยุติการรบในยุโรป แระการที่สี่กอบกู้และยุติการรบในแปซิฟิกและเอเซีย

     ญี่ปุ่นกดดันต่อรัฐบาลยุโรปในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลดัตช์ยินยอมที่จะส่งมอบทรัพยากรน้ำมันจากมู่เกาะอนิเดียตะวันออกของดัตช์แต่ปฏิเสธที่จะยินยามให้ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงทางการเมืองภายในอาณานิคม ฝรั่งเศสเขาวีชียินยอมให้ญี่ปุ่นยึดครองอินโดจีนฝรั่งเศส รัฐบาลอเมริกา,สหราชอาณาจักรและประเทศตะวันตกตอบโต้การยึครองดับกล่าวด้วยการอายัดทรัพย์ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ญี่ปุ่นถูกบีบให้เลือกว่าจะล้มเลิกความทะเยอทะยานในการยึดครองทวีปเอเซียและหันกลับไปดำเนินการรบในจีนต่อไปหรือเขายึดแหล่งทรัพยากรที่ต้องการด้วยกำลังทหาร กองทัพญี่ปุ่นไม่พิจารณาทางเลือกแรก ญี่ปุ่นวางแผนในการยึดครองอาณานิคมชองชาติยุโรปในทวีปในทวีปเอเซียอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสร้างแนวป้องกันขนาดใหญ่ซึ่งลากยาวเพื่ออำนวยความสะดวกในการแสวงหาทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ในเอเซียตะวันออกเฉพียงใต้อย่งอิสระขณะทำสงครามป้องกันตนและเพื่อป้องกันการเข้าแทรกแซงจากภายนอก  วันเดียวกับที่ญี่ปุ่นโจมตี อ่าวเพิร์ล ฮาเบิร์ล เป็นวันเดียวกับที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกในไทยและมาลายา
      ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 1942 กองกำลังทางเรือและทางบกของญี่ปุ่นปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพในสมรภูมิแปซิฟิกและเอเซียกล่าวคือ กองกำลังญี่ปุ่นสามรถเข้ายึดกรุงมนิลาเมืองหลวงฟิลิปินส์ได้เป็นผลให้กองกำลังอเมริกันภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลโทดักกลาส แมคอาเธิต้องถอยออกจากกรุงมนิลาเข้าตั้งมั่นที่คอร์เรจิดอร์ ในอ่าวมนิลา
- 11 มกราคม กองกำลังญี่ปุ่นเคลื่อนลงใต้เข้ารุกรานหมู่เกาะเนเทอร์แลนด์อินดีส ปลายเดือนมกราปะทะกันทางเรือในทะเลชวาบริเวณช่องแคบมาคาซา ระหว่างเกาะบอร์เนียว กับเกาะเซเลเบส เรือรบญ่ปุ่นได้รับความเสียหายจากการบุกโจมตีของกองกำลังสัมพันธมิตรประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ละดัชต์ ทั้งทางเรือและทางอากาศ
- 15 กุมภาพันธ์ กองกำลังญี่ปุ่นเข้ายึดมาเลเซียและสิ่งค์โปร์ของอังกฤษ ฝ่านไทยรุดเข้าพม่าของอังกฤษ
- 25 กุมภาพันธ์ กองกำลังญี่ปุ่นยึดกรุงย่างกุ้ง เมืองหลวงพม่าจากอังกฤษได้
- 27 กุมภาพันธ์-9 มีนาคม มีการปะทะกันทางเรืออีกครั้งในทะเลชวา โดยกองกำลังญี่ปุ่นมุ่งยึดเกาะชวาอันเป็นที่ตั้งของกรุงปัตตาเวีย (จาร์กาต้า)ศูนย์กลางการปกครองของดัชต์ ผลคือญี่ปุ่นชนะยึดเกาะชวาได้ในที่สุด
ในเดือนญี่ปุ่นยึดอาณานิคมดังต์คืออินโดนิเซียในปัจจุบันได้ทั้งหมด ยคดครองทรัพยากรธรรมชาติหลักคือน้ำมัน ยางพารา ดีบุก และแร่ธาตุอื่นเพื่อใช้ในกิจการสงครามตลอดจนยึดครองพม่าของอังกฤษมีผลให้ญี่ปุ่นสามรถตัดเส้นางลำเลียงเสลบียงและยุทธปัจจัยของสัมพันธมิตรที่จัดส่งให้แก่จีน
     ต้นเดือนมีนาคม 1942 นาพลโทดังกลาส แมคอาเธอร์ซึ่งคุมกองกำลังอเมริกันตั้งมั่นที่คอร์เรจิดอร์ในอ่าวมนิลาได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีรูสเวลท์ให้เดินทางไปออสเตรเลียเพื่อบัญชาการกองกำลังสัมพันธมิตรในแปซิฟิกได้ ดังลาส แมคอาเธอร์เดินทางถึงออสเตรเลียในวันที่ 17 มีนาคม กองกำลังอเมริกันที่คอร์เรจิดอร์ ต้องต่อสู้กับความหิวโหยโรคภัยไข้เจ็บ และการบุกโจมตีของญี่ปุ่นจำต้องยอมจำนนต่อญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิงในวันที่ 6 พฤษถา
      ต้นเดือนมิถุนายน ญี่ปุ่นนำกองเรือรบมุ่งบุกโจมตีหมู่เกาะอะลูแทนเป็ฯปมู่เกาะรอบนอกทางตะวันตกของอะลาสก้าของสหรัฐอเมริกา ผลการปฏิบัติการโจมตีนั้นญี่ปุ่นสามารถยึดเกาะเอทตู และคิสก้า สองเกาะทางตะวันตกของหมู่เกาะอะลูแทนได้สรุปได้ว่านับจาก 7 ธันวา – 21 มิถุนา การปฏิบัติการรบในเอเซียและแปซิฟิก เขตอำนาจของญี่ปุ่นทางเหนือจรดหมุ่เกาะอุลูแทนเกาะทางตะวันตกของอะลาสก้าของสหรัฐอเมริกา ทางใต้จรดนิวดินีและออสเตรเลีย ทางตะวันออกจรดเกาะมิดเวย์ของสหรัฐอเมริกา ทางตะวันตกจรดอินเดียอังกฤษ

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

WWII:Nazi Germany vs Red Army of CCCP

     หลังจากเยอรมนีเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ เยอรมนีได้เจรจาเชิญชวนให้สหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิกด้วย หลังการเจรจาสงอวันในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนีส่งข้อเสนอเป็นลายลักษณ์อักษรให้แก่หไภาพ

โซเวียตเพื่อเชิญชวน ทางฝ่ายสหภาพโซเวียตได้ส่งข้อเสนอของตนกลับมา แต่ไร้การตอบสนองจากเยอรมนี ความเป็นอริของสองประเทศเพิ่มขึ้นทุกที และเมื่อเกิข้อพิพาทในยุโรปตะวันออก จึงเป็นผลใหการปะทะกันทางทหารเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก การกระทำของสตาลินทำให้นาซีเยอรมนีชใช้อ้างเป็นเหตุผลเพื่อเตียมการรุกราน นาซีโฆษณาชวนเชื่อ โดยใช้ ความโหดร้ายของสตาลินในปี 1930 ซึ่งสั่งประหารและคุมขังประชาชนจำนวนหลายล้านคน ระหว่างการกว้าดล้างครั้งใหญ่ เป็นเครื่องสนับสนุน เนื้อความว่า กองทัพแดงเตรียมการที่จะรุกรานเยอมนีและการรุกรานของเยอรมนีเป็นการกทำเพื่อป้องกันตัว
     เหล่านนายพลของฮิตเลอร์แย้งว่าการยึดครองสหภาพโซเวียตจะทำให้เกิดความส้ินเปลื่องมากกว่าจะเป็นการแำ้ก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ฮิตเลอร์มองการไกลกว่านั้น
- เมื่อสหภาพโซเวียตพ่ายแพ้แล้วจะทำให้สามรถปลดประจำการทหารส่วนนใหญ่ในกองทัพเื่พอนำไปแก้ปัญหาการขาดแรงงานของเยอรมนีในขณะนั้นเนื่องจากเมืองการรบสำคัฐสิ้นสุดลงแล้วจึงไม่ต้องการทหารจำนวนมากอีกต่อไป
- ยูเครนจะหลายเป็นแหล่งอาหารราคาถูกที่อุดมสมบูรณ์ให้กับชาวเยอรมันี เนื่องจากมีความเหมาะสมต่อเกษตรกรรมเป็นอย่างยิ่ง
- เนื่่องจากสหภาพโซเวียตมีประชากรมากมาย ฮิตเอล์มองโซเวียตเป็นแหล่งแรงงานทาสราคาถูกซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางภูมิยุทธศาสตร์ให้กับประเทศเยอรมนีอย่างมาก
- ความพ่ายแพ้ของสหภาพโซเวียตจะยิ่งทำให้จักวรรดิอังกฤษ ซึ่ง
กำลังจะพ่ายแพ้ ถูกโดเดี่ยวมากขึ้นไปอีก
- สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำมันบากู เพื่อตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจได้
   นายทหารส่วนใหญ่เห็นด้วยกับฮิตเลอร์ว่าการบุกโซเวียตนั้นหลีกเลึ่ยงไม่ได้ และจะต้องเกิดขึ้นในวันใดก็วันหนึ่ง
      เมื่อสหภาพโซเวียตเข้าสู ปี 1940 สหภาพโซเวียตคือชาติมหาอำนาจจากการแปรรูปอุตสหกรรมอย่างรวดเร็วของโซเวียตในทศวรรษที่แล้วทำให้ผลผลิตทางอุตสาหกรรมของโซเวียตเป็นรองแค่
สหรัฐอเมริกาและมีผลผลิตเท่าเทียมกับประเทศนาซีเยอรมนี การผลิตยุทโธปกรณ์นั้นเพ่ิมขึ้นอย่างคงที่โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีก่อนสงครามโลกครั้งที่สองที่เศรษฐกิจของโซเวียตนั้นถูกกำหนดไปที่การผลิตอุปกรณ์ทางทหารอย่างต่อเนื่องขนาดของกองทัพโดยรวมของกองกำลังโซเวียตในเดือนกรกฎา ปี 1941 นั้นรวมแล้วมีกำลังพลกว่า ห้าล้านนาย ซึ่งมีจำนวนมากกว่ากองกำลังภาคพื้นดอินของเยอรมนี้ที่ใช้บุกโซเวียต การสะสมกำลังของกองทัพแดงยังแข็งแกร่งขึ้นอย่งคงที่ และยังมีความสามรถในการวางกำลังที่เป็นต่อกว่าเยอรมนีในสมรภูมิตะวันออก แต่อย่างไรก็ดี ในการรุกรานของเยอรมนีครั้งนี้ทั้งสองมีความใกล้เคียงกันมากในเรื่องกำลังพล
     ยุทโธปกรณ์ที่สำคัญ ทางฝ่ายโซเวียตนั้นมีอยู่มาก กองทัพแดงมีความเหนือกว่าอย่างมากในกองกำลังยานเกราะที่มีรถถังประจำการถึง 24,000 คัน 12,782 คันประจำการอยู่ในเขตทหารภูมิภาคตะวันตำของประเทศ (ซึ่งมีสามเขตในภูมิภาคที่สามารถปะทะกับกองทัพอยรมันในสมรภูมิตะวันออก)
     เวอร์มัคท์ Wehmacht หรือกองทัพบกเยอรมนีมีรถถังประจำการอยู่ทั้งหมด 5,200 คัน โดยใช้ในการบุกโซเวียต 3,350 คัน ดังนั้นอัตราส่วนเป็น 4:1 เป็นความได้เปรียบของกองทัพแดง นอกจานี้T-34 ของโซเวียต เป็นรถถังที่ล้ำหน้าที่สุดและทันสมัยที่สุดในเวลานั้น รถถังรุ่น BT-8 เป็นรถถังที่เร็วที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกับรถถังเยอรมันแล้ว รถถังเยอรมันมีความล้าหลังกว่ามาก
      อาวุธปืนใหญ่และเครื่องบินรบซึ่งโซเวียตมีมากกว่าเยอรมนี ซึ่งรวมไปถึงปืนใหญ่สนาม A-19 ที่วากันว่าเป็นปืนใหญ่ที่ดีที่สุดในโลกในเวลานั้น
      ความได้เปรียบในเรื่องปริมาฯของโซเวียตถกหักล้างด้วยคุณภาพที่เหนือกว่ามากของเครื่องบินรบเยอรมัน รวมถึงการฝึกฝนกองกำลังเยอรมันที่เหนือกว่าและเตรียมพร้อมมามากกว่า การขาดแคลนทหารอาชีพที่เป็นเจ้าหน้าที่และผู้บัญชาการระดับสูงในการกว้างล้างครั้งใหญ่นั้น ถูกทดแทนด้วยนายทหารที่มีแนวโน้มที่ "ไว้ใจได้ทางการเมือง" อายุโดยเฉลี่ยของผู้บัญชาการกองพลของโซเวียตนั้นน้อยกว่าอายุโดยเฉลี่ยของผู้บัญชาการกองร้อยของเยอรมนีถึง 12 ปี นายทหารเหล่านนี้่มีทีท่าที่ไม่เต็มใจที่จะริเริ่มในการทำส่ิงใดๆ และส่วนใหญ่ขาดการฝึกฝนในการบัญชาการ
      การจอดเครื่องบินของกองทัพอากาศโซเวียตที่จอดกันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งตกเป็นเป้าตอ่การโจมตีจากอากาศสู่พื้นดินได้ง่าย ๆ และอีกผลหนึ่งคือการที่กองทัพอากาศโซเวียตถูกสังห้ามไม่ให้โจมตีเครื่องบินสอดแนมของเยอรมัน เครื่องบินขับไล่โซเวียตประกอบไปด้วย เครื่องบินรุนล้าสมัยย้อนไปถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เช่นเครื่องบินปีกสองชั้น I-15 และเครื่องบินปีกชั้นเดียวรุ่นแรกของโซเวียต I-16 และเครื่องขับไล่รุ่นใหม่กว่าเช่นมิก MiG และ LaGG เพียงไม่กี่ลำที่ใช้งานได้
     โดยเครื่องบินจำนวนไม่มากที่ติดตั้งวิทยุสื่อสารอีกทั้งวิทยุไม่กี่รุ่นที่มีอยู่นั้นก็ไม่ได้ถูกเข้ารหัสและมีสภาพการใช้งานที่ไม่แน่นอน รวมถึงยุทธวิธีต่อสู้ทางอากาศที่ยังล้าสมัย
      กองทัพแดงแห่งสหภาพโซเวียตกระจัดกระจาย กันออกไปไม่มีความพร้อมในการทำศึก และมีกองกำลังหน่วยต่าง ๆ ที่อยู่แยกจากกันโดยไม่มีการลำเลียงไปยังจุดรวมพลเมืือการรบเกิดขึ้น แม้ว่ากองทัพแดงจะมีปืนใหญ่ชั้นดีจำนวนมาก แต่ปืนส่วนใหญ่กลับไม่มีกระสุนกองปืนใหญ่ไม่สามารถเข้าสู่การรบได้เพราะขาดการลำเลียงพล กองกำลังรถถังมีขนาดใหญ่และคุณภาพดีแต่ขาดการฝึกและการสนับสนุนทางเสบียง รวมถึงมาตรฐานในการบำรุงรักษายังแย่มากกองกำลังถูกส่งงเข้าสู่การรบโดยไม่มีการจัดการเติมเชื้อเพลิง ไม่มีการสนับสนุนกระสุน หรือทดแทนกำลังทหารที่สูญเสียไปบ่อยครั้งที่หลังจากการปะทะเพียงครั้งเดียว หน่วยรบถูกทำลายกระทั่งหมดสภาพรวมไปถึงความจริงที่ว่ากองทัพโซเวียตกำลังอยู่ในช่วงจัดระบบหน่วยยานเกราะให้กลายเป็นกองพลรถถังยิ่งเพิ่มความไม่เป็นระบบของกองกำลังรถถัง
      ด้วยเหตุผลที่ว่ากองทัพแดงนั้นประกอบด้วยนายทหารที่ไร้ความสามารถ การขาดแคลนยุทโธปกรณ์ การสนับสนุนเสบียงยานเกราะที่ไม่เพียงพอ ทหารที่ได้รับการฝึกในระดับต่ำ กองทัพแดงจึงเสียเปรียบกองทัพเยอรมันอย่างมากเมื่อปะทะกัน
      การชิงไหวชิงพริบในการเข้าโจมตีก่อน เป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ และจากการศึกษาอย่างจริงจังโดยนักประวัติศาสตร์ทางทหารชาวรัสเซีย มิคาเอล เมลทฮูคอฟ กล่าวว่า กองกำลังโซเวียตทำการรวมพลเพื่อเตรียมเปิดการโจมตีเยอรมนีอยู่จริง แต่เขาปฏิเสธต่อคำกล่าวที่ว่าการบุกของเยอรมนี่เป็นการชิงเปิดการโจมตีก่อน แต่เขาเชื่อว่าทั้สองฝ่ายต่างกำลังเตรียมทำการบุกอยู่เช่นกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่เชื่อว่าฝ่ายหนึ่งจะเปิดการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่ง
     โจเซฟ  สตาลิน เขาจะได้รับรายงานเฉพาะที่เขาต้องการได้ยินเท่รนั้น สตาลิน มีความเชื่อมั่นอย่างไร้มูลเหตุในสนธิสัญญวว่าก้วยการไม่โจมตีต่อกัน สตาลินถูกชักนำให้เชื่อว่าสถานภาพของสหภาพ
โซเวียตช่วงปี 1941 นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เป็นจริง มาก  หน่วยงานข่าวกรงอของสตาลินทำการเตือนถึงการโจมตีของเยอรมนี่ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งความเชื่อมั่นของสตาลินในนายทหารและกำลังทหาร ถึงแม้จะทราบดีถึงความเป็นไปได้ที่เยอรมันจะเข้าตี นายทหารตามแนวชายแดนไม่อยู่ในสถนาะเตรียมพร้อม เขาเรียนรู้จากการพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสและเตรียมการรับมือกับการบุกของเยอรมัน
     ขนาดกำลังของกองทัพทั้งสองฝ่ายบนแนวรบด้านตะวันออกในวันที่ 22 กรกฎาคม 1941

                                                     กองทัพแดง              กองทัพเยอรมัน                  อัตราส่วน
จำนวนกองพล                                     190                              166                              11:1
จำนวนทหาร                                   3,289,851                     4,306,800                          1:1.3
จำนวนอาวุธปืนและปืนครก                59,787                           42,601                        1.4:1
รถถัง(รวมถึงปืนจู่โจม)                        15,687                             4,171                        3.8:1
อากาศยาน                                         10,745                              4,846                       2.2:1

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

WWII:Form of government

     สถานะการโลกในปี ค.ศ. 1941 ภายหลังจากสงครามในยุโรปเริ่มต้นโดยนาซีเยอรมัน และฟาสซิสต์อิตาลีทำการรุกรานโปแลนด์ ต่อจากนั้นอักษะใช้กำลังทางการทหารเข้าบุกบังคับ ยึด จับกุม รวมถึงปกครอง ประเทศต่าง ๆในยุโรปไม่กี่ประเทศที่จะรอดพ้นจากอำนาจทางการทหารของเผด็จการนาซีและเผด็จการทางการทหาร
     ก่อนหน้านี้ด้วยการมีอิทธิพลทางการค้าและอำนาจทางการทหาร สหภาพโซเวียตประกาศนโยบายปฏิวัติโลกด้วยลัทธิคอมมูลนิสต์ ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จในยุโรป แต่ค่อยๆ ไปเจริญเติบโตในแผ่นดินจีน
     มหาอำนาจประชาธิปไตยประเทศผู้เป็นฝ่ายชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 เนื่องจากสนธิสัญญาที่ทำให้ทั้งประเทศที่แพ้สงครามและรวมถึงประเทศที่ชนะสงครามเองไม่พอใจในหลายๆ ประเทศจึงเกิดผลสืบเนื่องให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมานั้น ประเทศมหาอำนาจประชาธิไตยพวกนี้อันได้แด่ อังกฤษและฝรั่งเศสไม่กล้าที่จะใช้มาตรการรุนแรงต่อต้านและตอบโต้ประเทศเผด็จการเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดสงครามขึ้นอีก และไม่พร้อมที่จะทำสงคราม จึงเป็นเหตุผลให้ประเทศเผด็จการเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง
    สเปนเป็นการขยายอิทธิพลของกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์และเผด็จการโดยเยอรมันและอิตาลีให้การสนับสนุนฝ่าย..ในสงครามกลางเมืองสเปนในขณะที่ สหภาพโซเวียตในการสนับสนุนฝ่าย..โดยฝ่ายที่ได้รับการสนับสนุนโดยเผด็จการเป็นฝ่ายชนะ
    จีนรับการรุกรานจากเผด็จการทางทหารของจักรวรรดิญี่ปุ่น ก่อนหน้านั้นรุสเซียได้ให้การสนับสนุน พรรคคอมมิวนิสต์จีนทั้งคำแนะนำทางการทหาร และแนวทางคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นนโยบายปฏิวัติโลกของสตาลิน ประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยมีรุสเซียให้การสนับสนุน โดยชาวจีนเอง มีพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นแกนหลักในการปฏิวัติ กระทั้ง ดร.ซุน ยัด เซ็น ถึงแก่อสัญกรรม ก๊กมินตั๋งจึงแตกออกเป็น ก๊กมินตั๋งภายใต้การนำของ เชียง ไค เชค และ ก๊กมินตั๋งที่ได้รับการสนับสนุนจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ตกเป็นเป้าการโจมตีของญี่ปุ่น จึงเจริญเติบโตและเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ

    สหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามเนื่องจากการถูกโจมตีที่อ่าวเพิร์ล ฮาเบิร์ล โดยก่อนหน้านี้มีนโยบายวางตนเป็นกลาง มีการค้าขายกับประเทศพันธมิตร และให้การสนับสนุนประเทศที่ทำสงครามกับเผด็จการ (เยอรมัน,อิตาลี,ญี่ปุ่น) ทั้งจากการโจมตีในยุทธการที่บริเทน และการรุกรานจีนจากญี่ปุ่น
     ประเทศคอมมิวนิสต์ซึ่งมีรัสเซียเป็นผู้นำนั้นจากการที่มาตราการสันนิตบาติโลกไม่สามารถหยุดยั้งประเทศเผด็จการได้จึงนำมาซึ่งสนธิสัญญาระหว่างรัสเซียและเยอรมัน ทำให้เกิดการผันผวน ทั้งทางการเมืองและการทหาร ความไม่ไว้วางใจในพรรคคอมมิวนิสต์ในชาติประชาธิปไตยว่าจะเข้ากับฝ่ายอักษะหรือไม่ทำให้เกิดภาวะความไม่ไว้วางใจกันในประเทศยุโรปต่างๆ
    หากจะเปรียบอักษะ กับประเทศประชาธิปไตย โดยประเทศอักษะทำการรุกรานและเข้ายึดครองประเทศต่างๆ โดยมีรัฐบาลหุ่นเชิด ทั้งจักรวรรดิญี่ปุ่นและเยอรมัน อิตาลีนั้น จำนวนพื้นที่การยึดครองมีมากทั้งทวีปเอเซีย แอฟริกาและยุโรป ชาติจักรวรรดิอาณานิคม หรืออังกฤษนั้น มีการปกป้องอาณานิคมโดยการปะทะกันในเขตอาณานิคมทั้งในแอฟริกา และฝรั่งเศสในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อังกฤษได้ให้เช่าพื้นที่เกาะในแปซิฟิกแก่สหรัฐเพื่อสร้างเป็นฐานปฏิบัติการในแปซิฟิก เมือครั้งสหรัฐส่งเรื่อรบ 50 ลำให้แก่อังกฤษเมือครั้งยุทธการที่บริเทนเป็นการตอบแทน
    ในสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้กระทั่งปี 1941 ลัทธิและอุดมการณ์ร่วมทั้งนโยบายในการบริหารประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ยังมีเรื่องเชื้อชาติซึ่งจะเห็นได้จากการปฏิบัติการที่ดันเคิร์กซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันว่าฮิตเลอร์ปล่อยอังกฤษเพราะเหตุว่าฮิตเลอร์เชื่อว่าชนชาติอังกฤษเป็นชนชาติที่มีความใกล้เคียงกับชนชาติเยอรมัน ในทางกลับกันกับการตัดสินใจเข้าโจมตีสหภาพโซเวียตเพราะเชื่อว่าชาวสลาฟเป็นชนชาติที่ต่ำกว่ามนุษย์ ควรที่จะเนรเทศและปกครองรวมถึงใช้ดินแดนของสลาฟในการอยู่อาศัย..เรื่องเชื้อชาตินั้นจึงเป็นแรงขับและเป็นตัวที่จะพลิกพลันชะตาสงครามและชะตาของเยอรมันในเวลาต่อไป หลังการสร้างประหลาดใจในการตัดสินใจเข้ารุกรานสหภาพโซเวียต ซึ่งได้ทำข้อตกลงไม่รุกรานกันนั้น หรือความตั้งใจที่แท้จริงของเยอรมัน ยุโรปมิใช่เป้าหมายที่แท้จริงแต่แรก..
        นาซีเยอรมันนั้น เรียกได้ว่าฮิตเลอร์ เป็นผู้นำที่มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว อิตาลีนั้นมุสโสลินีแม้อำนาจจะไม่เด็ดขาดเท่ากับฮิตเลอร์แต่ก็เป็นผู้นำเผด็จการที่มีอำนาจมาก โครงสร้างภายในมีความเข้มแข็งประชาชนพร้อมจะทำตามนโยบายผู้นำซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศเผด็จการซึ่งทำให้สามารถรุกไล่และโจมตีประเทศต่าง ๆ ในยุโรปได้แทบจะทุกประเทศ
      ญี่ปุ่นแม้จะเป็นเผด็จการทางการทหารแต่ความจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิที่ได้รับการปลูกฝั่งให้แก่ชาวญี่ปุ่นทุกๆคน การนำกองทัพเข้ารุกรานจีนซึ่งจะเปลี่ยนระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชจึงเป็นช่วงเวลาที่ได้เปรียบของญี่ปุ่น ภายในประเทศจีน มีทั้งการปราบปรามจากพวกนิยมกษัตริย์ พวกชาตินิยมประชาธิไตยและ คอมมิวนิสต์ที่เกิดใหม่ จึงเป็นการได้เปรียบของญี่ปุ่นในการรุกรานจีน
     รุสเซีย ภายใต้การนำของสตาลิน ผู้มีนโยบายปฏิวัติโลก ผู้ที่ทอดทิ้งจีนหลังจากการช่วยให้การเปลี่ยนแปลงการปกครองเนื่องจากปัญหาการรุกรานจากญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นความผิดพลาดของนโยบายปฏิวัติโลกกระทั่งต้องล้มโครงการไป รุสเซียหลังจากการปฏิวัติสตาลินผู้ขึ้นครองอำนาจต่อจากเลนิน โดยการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ผู้ซึ่งไม่เชื่อในศาสนา สตาลินจึงเล่นบทเป็นพระเจ้าในระบอบการปกครองนี้ด้วย ภายในประเทศจึงมีสภาพที่แตกต่างจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สตาลินไม่ประกาศสงครามกับประเทศอักษะใด ๆ แม้จะได้รับเตื่อนความเคลื่อนไหวที่น่าไว้ใจของนาซี กระทั่งถูกโจมตีจึงประกาศสงคราม..
    อังกฤษเป็นประเทศเดียวที่ทั้งก่อนการเข้าร่วมสงครามของสหรัฐอเมริกาและหลังการเข้าร่วมสงคราม ที่เป็นแกนสำคัญของฝ่ายสัมพันธมิตร ประเทศอังกฤษได้ผู้นำอย่างเชอร์ชิล ที่มีนโยบายไม่โอนอ่อนต่อเผด็จกลาง ความมีใจมุ่งมั่นแสดงให้เห็นเมือครั้ง ยุทธการที่บริเทน

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

WWII:Eastern Front


      แนวรบด้านตะวันออกประกอบไปด้วย การเผชิญหร้าทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
มัลัษณะของความรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน การทำลายไม่เลือกหน้า การเนรเทศขนานใหญ่ตลอดจนการสูญเสียชีวิตมหาศาลอันเนื่องมาจากการสู้รบ ความอดอยาก การทอดท้ง โรคระบาด การสังหารหมู่ แนวรบด้านตะวันออกอันเป็นเหล่งค่านมรณะ การเดินขบวนแห่งความตาย เกตโต และโพกรมแทบทั้งหมด ถือเป็นศูนย์กลางของฮิโลคอสต์ จากตัวเลขประเมินผู้เสียชีวิตในงครามโลครั้งที่สอง 70 ล้านคน ผุ้เสียชีวิตในแนวรบด้านตะวันออก เป็น 30 ล้านคน แนวรบตะวันออกเป็นส่วนสำคัญของการกำหนดผลของสงครามครั้งนี้ และเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งอันนำไปสู่การปราชัยของเยอรมัน
     อุดมการณ์ของเยอรมัน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กล่าวถึง ความจำเป็นของแนวคิดเลเบนซเราม์ ซึ่งเป็นการเข้ายึดดินแดนใหม่เพื่อการตั้งถิ่นฐานชาวเยอรมันในที่นั้นเป็นเชื้อชาติปกครอง ขณะที่กำจัดหรือเนรเทศผู้อยู่อาศัยส่วนมากไปยังไซบีเรียและใช้ที่เหลือเป็นแรงงานทาส สำหรับพวกนาซีทียึดมั่นในหลักการสงครามกับสหภาพโซเวียตเป็นการต่อสู้ของนาซีต่อคอมมิวนิสต์ และเชื้อชาติอารยันต่ออุนแทนเมนซเชน(ต่ำกว่ามนุษย์) สลาฟ ฮิตเลอร์เอ่ยถึงโดยใช้คำพิเศษว่า “สงครามแห่งการทำลายล้าง”ในแผนการชื่อ “เจเนรัลพลันโอสท์” ประชากรยุโรปกลางและสหภาพโซเวียตที่ถูกยึดครองจะถูกเนรเทศไปยังไซบีเรียตะวันตกบางส่วน บางส่วนตกเป็นทาสและถูกกำจัดทิ้งไปในที่สุด ชาวเยอรมันหรือ “ผุ้ที่แผลงเป็นเยอรมัน” จะตั้งนิคมในดินแดนที่พิชิตได้ นอกจานี้พวกนาซียังมุ่งกวาดล้างประชากรชาวยิวขนาดใหญ่ในยุโรแหลางและตะวันออก เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนาซีที่มุ่งกำจัดชาวยิวทุกคนในยุโรป
     ทฤษฎีของนาซีที่มีต่อสหภาพโซเวียต ฮิตเลอร์เขียนเจตนาของเขาในการรุกรานสหภาพโซเวียตอย่างชัดเจนใน เมียนคัมพ์(การต่อสู้ของข้าพเจ้า) โดยระบุถึงความเชื่อของเขาที่ว่าชาวเยอรมันเป็นชนที่พึงได้พื้นที่อยู่อาศัย (อาทิ ที่ดิน ทรัพยากรและวัตถุดิบ) ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนั้นความเสาะแสวงหาในดินแดนตะวันออกอีกทั้งนโยบายทางเชื้อชาติของนาซียังระบุว่าเชื้อชาติที่ตำกว่ามนุษย์ ซึ่งอยู่ภายมต้การปกครองของ “ยิวบอลเซวิค”ใหนหนังสือ “เมียนคัมพ์”ฮิตเลอร์ยังเขียนไว้อีกว่าชะตากรรมของเยอรมันคือการมุ่งสู่ตะวันออก อย่างที่เคยเกิดขึ้นเมือหกร้อยปีก่อนหน้านั้น และ “เพื่อยุติการปกครองของชาวยิวในรัสเซีย ซึ่งจะเป็นการยุติความเป็นรัฐของรัสเซียลงไปด้วย”หลังจากนั้นฮิตเลอร์ได้กล่าวถึงการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับ "แนวคิดรวมเชื้อชาติสลาฟ” และชัยชนะที่ได้จะนำไปสู่ “ความเป้นเจ้าโลกนิรันดร”แม้ก่อนหน้านั้น ฮิตเลอร์จะเคยกล่าวว่า “เราจะต้องเดินทางเดียวกับพวกรัสเซีย ถ้านั้นเป็นประโยชน์ต่อเรา” ฉะนั้น นโยบายของรัฐบาลนาซี คือ สังฆ่า เนรเทศ หรือจับชาวรัสเซียหรือชาวสลาฟเป็นทาส และให้ดินแดนเหล่านนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเยอรมันแทน..
     อุดมการณ์โซเวียต ระบอบโซเวียต ซึ่งมีโจเซฟ สตาลินเป็นผู้นำ วางแผนการขยายอุดมการณ์ลัทธิมากซ์-เลนินและให้ความช่วยเหลือแก่ความคืบหน้าของการปฏิวัติโลก ในความเป็นจริง สตาลินได้ยึดหลักการสังคมนิยมประเทศเดียว และใช้หลักการนั้นสร้างความชอบธรรมแก่การปรับให้สหภาพโซเวียตเป็นประเทศอุตสาหกรรมช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 นาซีเยอมันซึ่งวางตัวเป็นรัฐที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์มาอย่างต่อเนือและได้ยืนยันฐานะอย่างเป็นทางการด้วยการลงนามในกติกาต่อต้านโคมินเทิร์นกับญี่ปุ่น และอิตาลีนับเป็นขั้วตรงข้ามทางอุดมการณ์โดยตรงกับสหภาพโซเวียต
     ความตรึงเครียดจากอุดมการณ์เปลี่ยนเป็นสงครามตัวแทนระหว่างนาซีเยอมรมันและสหภาพโซเวียต สงครามกลางเมืองสเปน เป็นเวลที่ซึ่งเยอรมันและอิตาลีเผด็จการเข้าแทรแซงการเมืองโดยสนับสนุนฝ่ายชาตินิยมสเปนและคอมมิวนิสต์สหภาโซเวียตสนับสนุนสาธารณรับสเปนที่สอง ซึ่งนำโดยพวกสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์อย่างโดดเด่น
     เหตุการณ์อันซลูสส์ออสเตรียของเยอรมันในปี 1938 และการตัดเชโกสโลวาเกียแสดงถึงความเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างระบบความมั่นคงร่วมในทวีปยุโรปซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการสนับสนุนจาก มักซิม ลิตวินอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศโซเวียต ความล้าเหลวดังกล่าวตลอดจนความไร้ความสามรถของผุ้นำอังกฤษและฝรั่งเศสที่จะลงนามพันธมิตรทาการเมืองและทางทหารเพื่อต่อต้านเยอรมันเต้ฒขั้นกับสหภาพโซเวียตนำไปสู่สนธิสัญญาโมโลดอฟ-ริบเบนทรอพ ระหว่างสหภาพโซเวียตกับเยอมันการลงนามดังกล่าวนำไปสู่การพลิกผลัน อย่างไรก็ดีหลังเยอรมันบุกรัสเซีย ฐานะของรัฐบาลโซเวียตก็เปลี่ยนมาเป็นต่อต้านนาซีเต็มตัว

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...