วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

to results to reason...to traget

       ประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ New Industrialized Countries : NIC เป็นประเภทการจำแนกประเทศโดยนักรัฐศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์ เป็นประเทศทีมีสถานะทางเศรษฐกิจยังไม่เทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ถือว่มีสถานะดีกว่าประเทศใกล้เคียงในทางเศาษฐศาสตร์มหภาค และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยมีตัวบ่งชี้ที่สำคัญคือ การพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมในระยะแรกเร่ิมและมีการพัฒนาต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ในบางประเทศมีการอพยพของประชากรจากชนบทหรือภาคเกษตรกรรมเข้าสู่เมืองใหญ่
     ลักษณะประเทศอุตสาหกรรมใหม่ จะมีลักษณะคือประชากรมีสิทธิและเสรีภาพมากขึ้น เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงจากภาคเกษตรกรรมไปเป็นภาคอุตสา โดยเฉพาะภาคการผลิต เศรษฐกิจตลาดเสรีเพิ่มมากขึ้น มีการค้าเสรีกับชาติอื่นๆ มีองค์กรขนาดใหญ่ของชาติดำเนินงานอยู่ในหลายภูมิภาคของโลก มีการลงทุนจากต่างประเทศมาก มีความเป็นผู้นำทางการเมืองภายในภูมิภาค ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบด้วย ประเทศมาเลเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ส่วนสิงคโปร์เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
      ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดำเนินกิจกรรมเศรษฐกิจระบบเปิดมีการค้าติดต่อกันกับต่างประเทศมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงสุโขทัย..มีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับประเทศในเอเซียด้วยกันคือ สิ่งคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และฮ่องกง ในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศต้องนำเข้สินค้าประเภททุน เช่น เครื่องจักร เครื่องยนต์ และสินค้าประเภทกึ่งวัตถุดิบ และวัตถุดิบ อาทิ โลหะ เคมีภัณฑ์ กระดาษและเยื้อกระดาษ สินค้าออกของไทย ในระยะ 30 ปีที่ผ่านมาสินค้าอกของไทยมีมูบค่าเพ่ิมขึ้น 60 เท่าตัว เมื่อเริ่มแผนพัฒนาฉบับที่ 1 สินค้าออำประเภทผลิตผลเกษตรกรรมจะมีสัดส่วนค่อยช้องสูงในช่วงต้นๆ ของแผนพัฒนาฯ แต่ภายหลังรัฐบาลได้ส่งเสริมสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าอุตสาหกรรมทีสัดส่วนการส่งออกสูงกว่าสินค้าเกษตรกรรม
      แม้ประเทศไทยจะประสบปัญหาการขาดดุลการค้ากับต่างประเทศติดต่อกันโดยตลอด แต่ในด้านความเชื่อถือทางการเงินระหว่างประเทศ เงินบาทของประเทศไทยก็ได้ชื่อว่มีความมั่นคง เนื่องจากดุลการชำระเงินของไทยเกินดุลทุกปี สาเหตุสำคัญที่ทำให้ดุลชำระเงินของประเทศไทยเกินดุลคือมีการเคลื่อนย้ายเงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยจึงผูกพันเข้ากับระบบการค้าโลกอย่างเหนียวแน่น ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นประเทศสมาชิกในช้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการรวมกลุ่มคล้ายกับการรวมกลุ่มของประเทศในภูมิภาคอื่นๆ คือ การยกเลิกกำแพงภาษีที่มีระหว่างประเทศสามชิก และกำหนดมาตรการทางเศรษฐกิจอื่น ร่วมกัน ข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและสินค้า GATT ซึ่งเป็นองค์กรที่เีก่ยวข้องกับการปฏิบัติทางการค้าของโลก ซึ่งประเทไทยมีพันธะสัญญาที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านนั้น แต่ละประเทศต่างรวมตัวกันเป็นเขตเศาษฐกิจในลักษณะต่าง กันประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะดำเนเนการเฉพาะภายในกลุ่มในขณะเดียวกันก็มีนโยบายกีดกันสินค้าจากภายนอกกลุ่ม ทำให้เป็นการยากที่ประเทศไทยจะหาตลาดทางการค้า ประเทศไทยจึงต้องดำเนินนโยบายทางการค้าโดยการเจรจาทางการค้ากับประเทศคู่ค้าดดยตรงเพื่อรักษาตลาดทางการค้า ในขณะเดียวกันก็พยายามหาทางขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคที่ยังมีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยแข้มแข็งนัก
    
     ประเด็นปัญหาการพัฒนาประชาธิปไตยไทย
     ปัญหาจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ในการยึดอำนาจครั้งนี้พื้นฐานขแงวิธีคิดและการใช้วิธีการเป็นการขัดแย้งกับประชาธิปไตย ที่เกิดจาัฒนธรรมอำนาจนิยม ทั้งนี้ทั้งผู้ยึดอำนาจและผู้ถูกยึดอำนาจในครั้งนี้จึงมีทั้งด้านที่ถูกและด้านที่ผิดประชาธิปไตยที่ได้มาโดยการกำลังหรือโดยการซื้อมาล้วนสร้างปัญหาต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยทั้งส้ิน แม้ว่าอาจจะมีมิติของปัญหาแตกต่างกัน ก็ตาม
     วงจรอุบาทว์ วงจรความขัดแย้งทางอำนาจ อิทธิพล และผลประโยชน์ระหว่งชนชั้นนำทางการเมืองสองกลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่กำลังอำนาจและควบคุมบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มธุรกิจนายทุนที่ถือเงินทุน และฐานรากกลุ่มการเมืองใต้อุปถัมภ์ โดยประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีส่วนร่วมตัดสินใจในการเลือกวิธีการแก้ปัญหา จากพื้นฐานความอ่อนแอของวัฒนธรรมประชาธิปไตยของสังคม ประกอบกับการให้คุณค่ากับการเมืองของ "เจ้านาย" หรือชนชั้นนำ ตามพื้นฐานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมศักดินาและระบบอุปถัมภ์ คนไทยจำนวนไม่น้อยจึงพอใจเพียงการเลือกฝ่ายทางการเมืองหรือกลุ่มชนชั้นนำ โดยไม่ได้ยึดถอืความศรัทธาหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
     ปัญหาการขาดดุลยภาพระหว่างแนวคิดและสถาบันทางการเมืองแบบเก่ากับใหม่ กล่าวคือ ระหว่างแนวคิดและสถาบันอำมาตยาธิปไตยกับสถาบันการเมืองประชาธิปไตย ที่พยายามสร้างขึ้นมาตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งหากหาดุลภาพทีเหมาะสมของสองแนวคิดนี้จะเป็นการสะสางปัญหาการขาดการพัฒนาและปัญหาการเมืองในไทยได้เป็นอย่างดี
     AEC Asean Economics Community คือการรวมตัวของชาติในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ 10 ประเทศ อันประกอบด้วย ไทย พม่า ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา บรูไน เพื่อที่จะให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วกัน รูปแบบคล้าย กลุ่ม Euro Zone
      การเปรียนแปลงที่จะตามมา คือ การลงทุนจะเสรีอย่างมาก ใครจะลงทุนที่ไหนก็ได้ ไทยจะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และการบิน เพราะเป็นศูนย์กลางทางภูมิภาค การค้าขายจะขยายตัวอย่างน้อย ยี่สิบห้าเปอร์เซนต์ ภาษาอังกฤษจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นเป็นอย่างมาก...หากไม่มีการวางแผนที่ดีปัญหาสังคมจะรุนแรงมาก
      ระบบการขนส่งใน AEC จะส่งผลดีต่อประเทศไทยเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางของอาเซียน
      ความพร้อมของภาคเอกชนไทยที่กำลังก้าวสู่การแข่งขันบนเวทีโลกเพื่อรับโอกาสและศักยภาพที่กลุ่มอาเซียนมีอยู่ เพราะประเทศไทยมีความคุ้นเคยและพอใจกับคำว่าแค่นี้ แต่ในเศรษฐกิจยุคโลกาภิวัตน์เป็นสิ่งที่สามารถให้ธุรกิจไปโตในต่างประเทศได้ อย่างที่สิงโปร์และญี่ปุ่นเป็น และมาเลเซียกำลังเริ่มเข้าสู่การเปลี่นแปลงครั้งนี้ เห็นได้จากการลงทุนของกลุ่มซีไอเอ็บี จากมาเลเซียที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเซียมากขึ้น
     ผลกระทบจาก เออีซีต่อผู้ประกอบการขนาดเล็กหรือ sme ของไทยประกอบด้วย
     เชิงบวก ขยายช่องทางและโอกาสของสินค้าไทยในการเข้าถึงตลาด อาเซียนซึ่งประกอบด้วยประชากรกว่า หกร้อยล้านคน รวมถึงการใช้อาเซียนเป็นฐานในการส่งออกไปยัง อาเซียน + สาม (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี) และอาเซียน + หก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย)
     โอกาสในการเพ่อมพูนการค้าระหวางประเทศสามาชิกอาเซีนเนื่องจากประเทศสมาชิกต้องยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
      ลดต้นทุนการผลิตจากการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ใช้ในการผลิตได้ในระาคาต่ำลง และเพ่มทางเลือกให้ผู้ผลิต สามารถนำเข้าได้จากหลายแหล่งมากขึ้น
      ผู้บริโภคได้รับประโยชน์
      เชิงลบ คู่แข่งและสภาพการแข่งในตลาดเพิ่มสูงขึ้น
      สินค้าที่ไม่ได้มาตฐาน คุณภาพต่ำเข้ามาขายในประเทศมากขึ้นหากไม่มีมาตรการป้องกัน
      จากการสำรวจพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหย๋คาดการณ์ว่า เออีซี จะส่งผลกระทบทางบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างแลเครื่องใช้ในบ้าน กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็ทรอนิกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและยา นกอจานี้น ยังส่งผลกระทบทางบวกต่อกิจการขนาดใหญ่และกิจการที่มีการส่งออกและการนำเข้า
    

composition

     นักโบราณคดีชาวฮอลันดา ดร. เอช. อาร์. แวน ฮิงเกอิรนได้ขุดค้นพบเครื่องมือหินเทะซึ่งทำขึ้นโดยมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์บริเวณใกล้สถานีบ้านเก่า จ.กาญจนบุรี ดดยมีข้อสันนิษฐานว่ามนุษย์เหล่านี้อาจเป็นมนุษย์ชวาและมนุษย์ปักกิ่ง ซึ่งอยู่อาศัยเมื่อประมาณห้าแสนปีมาแล้ว อันเป็นหลักฐานในยุคหินเก่า
     ในประเทศไทยพบหลักฐานของมนุษย์ยุคหินกลางในหลายจังหวัดโดยที่อำเภอไทรโค ได้ขุดค้นพบเครื่องมือหินและโครงกระดูกจึงทำให้สันนิษฐานว่าดินแดนซึ่งแม่น้ำหลองไหลผ่านได้มีมนุษย์อยู่อาศัยมานานกว่า 20,000 ปี ส่วนเครื่องปั้นดินเผาที่เก่าที่สุดในประเทศไทย อายุเกือบพันปี ถูกค้นพบที่แม่ฮ่องสอนจึงทำให้เกิดแนวคิดที่ว่าเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เป็นถิ่นกำเนิดของการกสิกรรมครั้งแรกของโลกนอกจานี้ยังค้นพบขวามหินขัดในหลายถาคของประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักฐานของมนุษย์ยุคหินมหท่
     จากหลักฐานด้านโบราณคดี ตำนาน นิทานพื้บ้าน บันทึกราชการของจีนและบันทุกของพระภิกษุจีนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในพุทธศตวรรษที่ 12 ทำให้ทราบว่ามีอารยธรรมมนุษย์ได้สถาปนาอำนาในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้วโดยอาณาจักรโบราณในอินแดนประเทศไทยปัจจุบัน....

     ประเทศไทยมีพื้นที่ 513,115 ตารางกิโลเมตรตั้งอยุ่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีนในเอเซียตะวันออกเฉฉียงใต้ตำแหน่งที่ตั้งของประเทศมีอิทธิพลต่อสังคมและวัฒนธรรมไทย ประเทศไทยยังเป็นทางบกทางเดียวที่ติดต่อกับมาเลเซียและสิงคโปร์ ด้วยสภาพพื้นที่ราบซึงน้ำท่วมถึงอันอุดมสมบูรณืและภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อนทำให้ประเทศไทยมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรรมการทำนา และดึงดูดผู้ตั้งถิ่นฐานมายังใจกลางดินแดนมากกว่าพื้นที่สูงและภูเขาในภาคเหนือและที่ราบสูงโคราชในทางตะวันออกเฉียงเหนือใจคริสต์ศตวรรษที่ 12 รัฐจำนวนหนึ่งซึ่งติดต่อกันอย่างหลวมๆโดยการปลูกข้าวและการค้าได้เกิดขึ้นในแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนเริ่มตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 รัฐเหล่านี้ค่อย ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่ใต้สุดของที่ราบลุ่มแห่งนี้ เมืองหลวงในอดคตของไทยซึ่งตั้งอยู่บนหลายจุดตามแม่น้ำ
เจ้าพระยากลายมาเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรคนไทยซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนการปลูกข้าวและการค้าระหว่างประเทศไม่เหมือนกับเืพ่อบ้าน ชาวเขมรและขาวพม่าไทยได้มุ่งหน้าค้าขายกับเมืองท่าต่างชาติโดยอาศัยอ่าวไทยและทะเลอันดามัน...
      ประเทศไทยมีลักษณะคล้ายขวาน โดยภาคใต้เป็นด้ามขวาน แนวด้านตะวันตกเป็นสันขวานภาคเหนือเป็นหัวขวาน ภาคตะวันออกเฉพียงเหนือและภาคตะวันออกเป็นคมขวาน จากลักษณะดังกว่าความยาวจาเหนือสุดถึงใต้สุด วัดจาอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายถึงอำเภอเบตง จังหวัดยะลามีความยาว 1,650 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างสุดจาตะวันออกไปตะวันตก วัดจาอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ไปยังอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นระยะทาง 800 กิโลเมตร บริเวณแผ่นดินส่วนที่แคบที่สุดของประเทศต้งอยู่ระหว่างแนวชายแดนกัมพูชากับพื้นที่บ้านโขดทราย ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด มีระยะเพียง 450 เมตร และส่วนพื้นที่ย้านวังก์ด้วน ตำบลห้วยทราย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดจากชายแดนประเทศพม่าจนถึงทะเลอ่าวไทย มีระยะยทาง 10.6 กิโลเมตร สำหรับส่วนที่แคบทีสุดของแหลมมลายู อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรและระนองมีระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร เรียก่วนนี้ว่า "คอคอดกระ"
    
     โครงสร้างสังคมไทย  
      - กลุ่มต่าง ที่อยู่ร่วมกันในสังคมไทย
          ครอบครัวไทย มีลักษณะเป็นครอบครัวขยายประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นประชากรไทย จำนวนครัวเรือนในสังคมไทยมีทั้งสิ้นประมาณ 11.3 ล้านครัวเรือน มีจำนวนสมาชิกโดยเฉลี่ยครัวเรอนละ 4.99 คน และมีแนวโน้มว่า จำนวนสมาชิกเฉลี่ยในแต่ละครัวเรือนจะลดลง ทั้งนี้เนื่องจากนโยบายควบคุมขนาดประชากรของรัฐ
          - ชุมชน คือ กลุ่มครอบครัวซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ในท้องถิ่นเดียวกัน มีวัฒนธรรมและกิจกรรมบางประการร่วมกันเพื่อสนองความต้องการของสมาชิก และเพื่อแก้ปัญหาในการดำเนินชัวิตประจำวันร่วมกันชุมชนในสังคมไทยมี 2 ประเภอ คือ ชุมชนชนบทและชุมชนเมืองซึ่งมีลักษณะเปรียบเทียบได้คือ
      ชุมชนชนบท มีประชากรจำนวนมากแต่อยุ่กระจัดกระจายเป็นชุมชนเล็ก สถาบันการศึกษามีไม่มากนักรายได้ยังน้อย มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เป้นการปกอรงส่วนภูมิภาค มีส่วนร่วมทางการเมืองน้อย สถาบันศาสราสำคัญมากของชุมชนบทไทยมีศรัทธาในศาสนาเคร่งครัด มีความสัมพันธ์เป็นแบบส่วนตัวแลกันเองเป็นไปตามประเพณี มีการเปลี่ยนแปลงช้าและมีปัญหาสังคมน้อย
       ชุมชนเมือง ประชากรมีเป็นจำนวนมากและอยู่กันอย่างหนาแน่นมักเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาที่สำคัญ เศรษฐกิจ มีรายได้รายจ่ายสูง เป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและมีอาชีพหลากหลาย เป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองของประเทศเป็นศูนย์รวมของศาสนาและความเชื่อ แต่ระดับความศรัทธาในศาสนาไม่สูง มีความสัมพันธ์แบบทางการ ยึดถือประโยชน์เป็นเกฑณ์ มีการเปลี่นแปลงรวดเร็ซและมีปํยหาสังคมมาก
           - ชาติพันธ์ต่างๆ ในสังคมไทย นอกจากสังคมไทยจะประกอบไปด้วยชนเช้อชาติไทย ซึ่งเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของสังคมแล้ว ยังประกอบไปด้วยชนชาติพันธ์ุือ่นๆ ซึ่งดำรงชีวิตอยุ่ร่วมในสังคมไทยดัวยกัน เช่น ชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นต้น
     ค่านิยมทางสังคมไทย ได้มาจากศษสนาพุทธ ปะปนกับศาสนาพราหมณ์ ระบบศักดินา เช่น การนับถือเจ้านาย ยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นต้น จากระบบสังคมเกษตร เช่น ความเฉื่อย ขาดความกระตือรือร้น ยึดตัวบุคคล ความเชื่อในอำนาจศักดิ์สิทธิ์โชคลาภ
     ปัญหาสังคมไทยมีลักษณะ คือ ปัญหาความยากจน ปัญหารสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมในสังคมไทย ปัญหายาเสพติด ปัญหาโรคเอดส์  ปัญหาอาชญากรรม  ปัญหาสุขภาพอนามัย ปัญหาการฉ้อราษฎรบังหลวง ปัญหาโสเภณี เป็นต้น
   
      เศรษฐกิจไทย เป็นประเทศอุตสาหกรรมใม่ ที่พึงพาการส่งออกเป็นหลัก โดยมีมูลค่าการส่งออกคิดเป็นสองในสามของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแป่งชาติ รายงานว่า ประเทศไทยมีจีดีพี 11.375 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจไทยเติบโต 6.5% โดยมีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 3.02%
      ประเทศไทยมีเศรษฐกิจใหญที่สุดเป็นอันดับสองในเอเซียตะวันออกเฉพียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซีย ทว่าจีดีพีต่อหัวในปี 2555 ค่อนข้องต่ำ ในเอเซียตะวันออกเฉพีงใต้ ประเทศไทยจัดว่ามีจีดีพีต่อหัวกลาง  รองจากประเทศสิงคโปร์ บรูไนและมาเลเซีย ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 ประเทศไทยถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศ 171,200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ มากเป็นอันดับสองในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้(รองจากประเทศสิ่งคโปร์) ประเทศไทยยังมีปริมาณการค้าต่างประเทศมากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาสิ่งคโปร์
       ธนาคารโลกกว่าถึงประเทศไทยว่าเป็น "หนึ่งในนิยายความสำเร็จการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" จากตัวชี้วัดทางสังคมและการพัฒนาแม้รายได้มวลรวมประชาชาิต ต่อหัวก่ำ และมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ อยู่ในอันดับ 103 แต่ประชากรมีอยู่ตำ่กว่าเส้นความยากจน อัตรว่างงานของไทยอยู่ที่ 0.7% ซึ่งเป็นอันดับ สี่ของโลก

      การเมืองการปกครอง ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 โดยคณะณาษฎร ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นแบบประชาธิปไตย มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามบั่วคราว เมื่อวันที่ 27 มิถนายน ปีเดียวกัน ซึ่งเป็นัฐธรรมนูญฉบับแรก แม้จะเป็นกฎหมายที่ใช้ชั่วคราวก็ตาม
      ประเทศไทยมีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและทรงอยุ่ใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นหลักหรือกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2534 กำหนดไว้ว่า "องค์พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสัการะ ผู้ใดะละเมิดมิได้ จะหล่าวหาหรือฟ้องร้องใดๆ มิได้" ในระบอบประชาธิปไตยพระมหากษรัริข์จะทรงเป็นกลางทางการเมืองคือจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งโดยเฉพาะเมือใดบ้านเมืองมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น พระองค์จะทรงอยู่ในฐานะพระประมุข
       การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทยในปัจจุบัน เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำคณะรัฐมนตรีในกระทรวงต่าง ๆ ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินจึงแบ่งการปกครองออเป็น 3 ส่วนคือ
        การปกครองส่วนกลาง มีลักษณะเป็นการรวบอำนาจได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงทบวง มีรัฐมนตรีเป็นผู้บริหาราชการแต่ละกระทรวงจะมีหน้าที่และความรับผิดชอบตามที่กำหนดไว้อย่างเป็นสัดส่วน อันจะทำให้แต่ละกระทรวงปฏิบัติภารกิจบังเกิดผล การบริหารงานแบ่งออกเป็นกรม กรมแบ่งเป็นกอง มีข้าราชการรับผิดขอบบริหารงานตามลำดับ
       การปกครองส่วนภูมิภาค เป็นการแบ่งอำนาจจากส่วนกลางเพื่อสร้างเอกภาพและความมั่นคงของประเทศ การบริหารงานแบ่งออกเป็นจังหวัดต่างๆ มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บริหารร่วมกับคณะกรรมการจังหวัด แต่ละจังหวัดแบ่งส่วนราชการออกเป็นอำเภอ มีข้าราชการคอยปกครองดูแล
       การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการกระจายอำนาจ ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล และการปกครองแบบพิเศษ ได้แก่ กรุงเทพและเมืองพัทยา...

       กฎหมายไทย..ประเทศไทยคงความเป็นเอกราชมากว่าพันปี นับแต่ไทยมีการรวมกันเป็นหน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างเจ้านครในอดีต 3 พระองค์ อันได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งอาณาจักรสุโขทัย ทพ่อขุนงำเมืองแห่งแคว้นพะเยา และพญามังรายแห่งอาณาจักรล้านนา มีการปกครองภายใต้กฎหมายอาทิ "มังรายศาสตร์" โดยมีการปครองแบบพระโอรสและเครอญาติไปปกครองตามหัวเมืองต่างๆ และเข้าใจว่ากฎหมายฉบับนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก กฎหมายธรรมศาสตร์ ของมอญ เป็นต่น เช่นเดียวกับการปกครองในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งนับเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วงและอาณาจักรสยามได้มีการปครองแบบพอ่ปกครองลูก โดยมีกฎหมายแรกที่ปรกกฏเป็นหลักฐายอยู่ในศิลาจารึกพ่อขุนรมคำแหง เรียกว่า กฎหมายสี่บท เป็นต้น
      สมัยกรุงศรีอยุทธยา ราชธานีที่สองของไทย พระมหากษรัิย์ในยุคนั้น ได้สร้า กฏหมายซึ่งเรียกว่าพระราชศาสตร์ไว้มากมาย พระราชศาสตร์เหล่านี้เมื่อเริ่มต้นได้อ้างถึงพระธรรมศาสตร์ฉบับของมนูเป็นแม่บทเรียกกันวว่า "มนูสาราจารย์" เป็นกฎหมายที่มีต้นกำเนินในอินเดีย เรียกว่าคำภีร์พระธรรมศาสตร์ ต่อมามอญได้เจริญและปกครองดินแดนแหลมทองมาก่อนได้แปลต้นฉบับคำภีร์ภาษาสันสกฤตมาเป็นภาษาบาลีเรียกว่ "คำภีร์ธรรมสัตถัม" และได้ดัดแปลงแห้ไขบทยัญญัติบยางเรื่องให้เมีความเมหาะสมกับชุมชนของตน ต่อจานั้นนักกฎหมายไทยในสมัยนั้นจึงนำคำภีร์ของมอญมาเป็นหลักในการบัญญัติกฎมหายของตน ลักษณะเป็นกฎหมายอาญาเป็นส่วนใหญ่ เชื่อกันว่าการออกกฎหมายในสัมยก่อนนั้น จะคงมีอยู่ในราชการเพียงสามฉบับเท่านั้น ได้แก่ ฉบับที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้งาน ฉบับให้ขุนนางข้าาชกรทั้งไปได้อ่นกัน หรือคัดลอกนำไปใช้ ฉบับสุดท้ายจะอยู่ที่ผุ้พิพากษา...
      กรุงธนบุรี ซึ่งส่วนใหญ่อ้างอิงจากกรุงศรีอยุธยา
      สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ กฏหมายที่สำคัญ ได้แก่ "ตราสามดวง" ถือเป็นประมวลกฎหมายของแผ่นดินที่ไดรับการปรับปรุงให้มีความรัดกุม ยิตุธรรมทั้งทางแพ่งและอาญา นอกจาจะได้บรรจุพระธรรมศาสตร์ตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว ยังคงมีกฎหมายสำคัญๆ อีกหลายประการ
      ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้อยู่หัว ได้ทรงจัดวางระบบศาลขึ้นใหม่ และได้ให้ผู้เชียวชาญทางกฎหมายทั้งจากอังกฤษ ฝรั่งเศษ เบลเยี่ยม ญี่ปุ่น และลังกามาเป็นที่ปรึกษากฎมหาย และในสัมยนั้นพระราชโอรสของพระองค์ที่ได้ทรงให้ไปศึกษาด้านกฎหมายคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ก็ได้ร่วมกันแก้ไขชำระกฎหมายตราสามดวงเดิมขึ้นใหม่ และจัดพิมพ์ลงในหนังสือเป็นรูปเล่ม ขึ้นในชื่อ "กฎหมายราชบุรี" ... กระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้จัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยขึ้นบังคับใช้

       ความเป็นพลเมืองไทย การอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยนั้น นอกจากจะมีสิทธิเสรีภาพแล้ว ส่ิงที่จะขชาดไม่ได้อีกประการคือ หน้าที่และความรับผิดชอบ ในสังคมประชาธิปไตยนอกจากได้กำหนดในเรื่องของสิทธิเสรีภาพไว้แล้ว ยังได้กำหนดหน้าที่ของประชาชไว้อีด้วย การที่ต้องกำหนดหน้าที่ของประชาชนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรัฐไว้เช่นนี้ก็เพื่อให้ประชาชนในระบอบประชธิปไตยได้เกิดความตระหนักวว่า ภายใต้การปกครองนี้ประชาชนจะต้องเสียลสละความรู้ความสามารถของตนเองเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมและความเจริญก้าวหน้าของการปกครองระบอบประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้กำหนดหน้าที่สำคัญๆ อัน จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมของชนชาวไทยไว้ในหลายๆ ด้าน
              สังคมประชาธิปไตยจะพัฒนสได้นั้น จำเป็นต้องสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิไตยใให้เกิดขึ้นโดยประชาชน ต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่อง "พื้นฐานความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย" ที่ถูกต้อง เมื่อมีความรู้แล้ว จะต้องนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตตามวิถีสังคมไทย

      วัฒนธรรมไทย คนไทยมีความสัมพันะ์กับพระพุทธศาสนามาเป็นเวลานานนับพันปีมาแล้ว พุทธ ศาสนิกชนทั้งหลายมีความรู้สึกเคารพศรัทธา พุทธศาสนราฝังรากลงในจิตใจของ คนไทยทั้งในอดีต ปัจจุบัน คนไทยจึงแสดงออกทางศิลปกรรมต่าง ดนตรีจะเป็นแนวเยือกเย็นตามแนวทางสันติของพุทธศาสรา  ความเชื่อที่พบอยู่ในสังคมไทยนับแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้แก่ เรื่อง ไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ ที่มีความใกล้ชิดซึ่งกันและกัน และใกล้ชิดกับชีวิตของคนไทยทั้งที่อยุ่ในสังคมดั้งเดิมและที่อยู่ในสังคมเมือง คนไทยมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ความเชื่อที่รู้สึกเกรงขามหรือกลัวในส่ิงที่เข้าใจว่า อยุ่เหนือธรรมชาติหรือในส่ิงลึกลับ อันไม่สามารถจะทราบด้วยเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ และสิ่งนั้นอาจจะให้ดีหรือร้ายแก่ผู้ที่เชื่อถือก็ได้ และสท้อนออกมาในรูปแบบพิธีกรรมประกอบด้วยคาถาและเวทมนตรืเพื่อส่งผลดีต่อผู้ที่เชื่อถือ การเชื่อเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่ไม่นอนและไม่มั่นคงของสังคม
      ประเพณีไทย เอกลัษณ์ของประเพณีไทย ได้แก่การผสมผสานทั้งลัทธิ ผีสางเทวดา ศาสนาพราหมณ์ และศาสนาพุทธเข้าด้วยกัน 
      ประเพณีที่เกียวกับชีิวิต เช่น ประเพณีการเกิด เช่น การทำขวัญโกนผมไฟ พิธีลงอู่ ตั้งชื่อ ปูเปลเด็ก โกนจุกเป็นต้นประเพณีการบวช เช่นการบวชเณรเมื่อยังเป็นเด็ก และการบวชพระเมื่ออายุครบ 20 ของผู้ชายชาวไทยส่วนใหญ่ ประเพณีการแต่งงาน จะต้องเกิดขึ้นภายหลังเมื่อผู้ชายได้บวชเรียนแล้ว ประเพณีเกี่ยวกับการตาย ตามคติพุทธ ถือตามความจริงที่ว่าร่างกาย ประกอบด้วยธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ การเผาจึงเป็นส่ิงที่ดี
      ประเพณีเกี่ยวกับสังคม ประเพณีสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ประเพณีการทำบุญสารท ประเพณีลอยกระทง
      ประเพณีเกี่ยวกับศาสนา เช่นการทำบุญวันพระ และวันสำคัญทางศาสนา ประเพณีการทอดกฐิน ทอดผ้าป่า
     
      ลักษณะนิสัยคนไทย ความเชื่อมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตและเป็นตัวกำหนดการแสดงออกทางพฤติกรรมของคนในสังคมไทยมาตั้งแต่อดีต เมื่อคนมีความเชื่อย่างใดอย่างหนึ่ง อสจทำให้เกิดการกระทำหรือพฤติกรรมที่ตอบสนองความเชื่อนั้น  ๆแสดงในลักษณะข้อห้าม ข้อปฏิบัติ หรือค่านิยมในการดำนเนินชีวิตของคนในสังคมนั้นๆ
       บุคคลิกของคนไทยมีัลักษณะ คือ ไม่รักษาเวล ขาดความกระตือรือร้น ขาดระเยียบวินัย อยากรู้อยากเห็น รักพวกพ้อง ไม่ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าตนหรือชอบจับผิดหรือตำหนิ เชื่อโชคลาง ตัดสินใจด้วยความรู้สึกมากกว่าเหตุผล ชอลต่อรอง ไม่กล้าเสี่ยงหรือไม่ชอบอะไรที่เสี่ยง แต่ก็ชอบพนันขันต่อ ชอบงานพิธีเป็นการทำเืพ่อเกี่ยรติหรือศักดิ์ศรี ขอบของแจกหรือของแถม  ขาดความอดทน ชอบทำอะไรตามใชอบ...ขี้เกรงใจ ลืมง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส ขี้เล่นและเป็นกัเอง สถภาพเรียบร้อย...
         จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจึงส่งผลให้ลักษณะนิสัยและการใช้ชีวิตของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย อิทธิพลของค่านิยมและวัฒนธรรมจากต่างประเทศที่แพร่กระจายเข้ามา ก่อให้เกิดการครอบงำทางสังคมวัฒนธรรมโดยผ่านทางข้อมูลข่าวสาร ซึ่งมีผลต่อความเชื่อ ค่านิยมร่วมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป  ปัจจุบันเด็กไทยกำลังเผชิญกระแสวัฒนธรรมบริโภคที่เรียกว่า วัฒนธรรมกิน ดื่ม ช็อป ซึ่งพบว่าเด็กและเยาวชนไทย อายะ 5-14 ปี มีเงินซื้อขนมปีละ 161,580 ล้านบาท

     
    

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

disaster


       ภัยพิบัติ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากพบอยากเจอ   ภัยพิบัติสามารถเกิดขึ้นได้จาก ธรรมชาติ ภัยพิบัติจากโรคระบาด และภัยพิบัติจากน้ำมือมนุษย์  จากสถิติภัยพิบัติทางธรรมชาติของไทยในรอบ 20 ปีอุกทกภัยสร้างความเสียหายมากที่สุด โดยเฉพาะมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นเมือปี 2544  แต่ภัยพิบัติที่คร่าชีวิตและมีผุ้บาดเจ็บมากที่สุดคือภัยจากการคมนาคมและขนส่ง ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ภาคเหนือมีปัญหาไฟป่าที่สร้างปัญหาหมอกควัน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดู๔แล้วเป็นประจำทุกและนับจากปี 2550 ก็ทวีความรุนแรงมากยิงึ้น จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ นายแพทย์พงศ์เทพ วิวรรธนะเดช ผู้อำนายการศูนย์วิจัยและจัดการคุณาพอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ศูนย์ทะเบียนมะเร็งเชียงใหม่ปี 2550 พบว่า “คนเชียงใหม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนไทยทั่งไปถึงเกือบ 7 เท่าตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
                อย่างไรก็ตาม แม้ถัยธรรมชาติจะเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเอง แต่บ่อยครั้งพบว่าการกระทำของมนุษย์กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ยิ่ง “ซ้ำเติม” ให้ภัยธรรมชาติรุนแรงและเสียหายมากขึ้น เห็นได้ชัดจากเหตุกาณ์ดินโคลนและซุงถล่มหลังผนตกหนักที่บ้านกะทูนเหนือ อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ทั้งสองพื้นที่มีลักษณะเป็นที่ราบหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ ทำให้เมีผุ้บาดเจ็บและเสียชิวิตประมาณ 230 คน บ้านเรือนเสียหายประมาณ 1,500หลัง พื้นที่การเกษตณเสียหาย 6,150 ไร่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000ล้านบาท
                หรือเหตุการณ์ฝนตกหนักเมือ  10-11 สิงหาคม 2544 ที่ยบ้านน้ำก้อ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จนเกิดดินถล่มน้ำป่าบนภูเขาสูงไหลทะลักเข้าใส่หมู่บ้านที่อยู่ในรัศมีทางน้ำหอบเอาทั้งดินโคลนและซากต้นไม่หลากลงมาพร้อมกระแสน้ำรุนแรง ซัดเอาบ้านเรือนจำนวนมากหายไปในพริบตากลางดึก และคร่ชีวิตชาวย้านไปอีก 147 คน
                ทั้งสองเหตุการณ์ล้วนเป็นผลมาจากการลักลอบตัดไม่ทำลายป่า เมื่อเกิดฝนตกหลักอย่างต่อเนื่อง หน้าดินจึงอุ้มน้ำไม่ไหวและพังทลาย จนกลายเป็ฯโศกนาฎกรรมที่สร้างความเสียหายครั้งใหญ่
                อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อพลังแห่งการ “ซ้ำเติม”ให้ภัยธรรมชาติในบ้านของเรารุนแรงมากขึ้นนั้นคือ การก่อสร้างโครงการพัฒนาต่าง ที่กีดขวางเส้นทางเดินของน้ำ จนนำไปสู่เหตุอุทกภัยครั้งร้ายแรงใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากเหตุการณ์ผนตกหนักระหว่างวันที่ 21 – 23 พฤศจิการยน 2543 เส้นทางระบายน้ำที่เคยผ่านคลองอู่ตะเภา ผ่านเขต อ.หากใหญ่ ก่อนไหลลงสุ่อ่าวไทยที่บริเวณทะเลสาบสงขลา ถูกแทนที่ด้วยถนนลพบุรีราเมศวร์ที่สร้างเร็จเมือปี 2533 ถนนสายสนามบิน – ควนลัง และทางรถไฟ อีทั้งคูคลองก็ตื้อเขินพื้นที่ลุ่มแอ้งกระทะของหาดใหญ่จึงจมอยู่ใต้น้ำทันที สร้างความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาททางการประกาศผุ้เสียชีวิต 35 คนแต่ข้อมูลไม่เป็นทางการสูงถึง 233 คน ไม่รวมชาวต่างประเทศ
                สึนามิ.. คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกว่าเหตุกาณ์แผ่นดินไหวเป็นเรื่องไกลตัว แม้พงศาวดารจะเคยจารึกเหตุแผ่นดินไหว เช่น ณ เมืองโยนกนครหลายครั้ง จนทำให้เวียงล่มลงกลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ในปีพ.ศ. 1558 พงศวดารน่านยังบันทึกเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในเขตดินแดนล้านนาจำทำให้ยอดพระธาตุและวิหารหลฃายหลังชำรุดหักพังลงมาในปี  2344 หรือในบันทึกของหมอบรัดเลย์ ก็เคยกล่าวถึงแผ่นดินไหวที่รู้สึกสั่นสะเทือนในกรุงเทพฯทั้งที่จุดศูนย์กลางอยู่ในพม่า
                ด้วยความที่รู้สึกว่าแผ่นดินไหวเป็นเรื่องไกลตัว และยิ่งไม่มีความรู้ว่าแผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆก่อให้เกิดอะไรได้บ้างเมื่อเหตุการณ์แผ่นไหวขนาด 9.3 ริกเตอร์ ที่ระดับความลึกจากพื้นท้องทะเล 28.6 กิโลเมตร ศูนย์กลางอยู่ในทะเลนอกชายฝังด้านตะวนตกของตอนเหนือเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย  เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 ส่งพลังงานมหาศาลเทียบเท่าระเยิดปรมฯูที่เมืองฮิโรชิมา 23,000 ลูก ก่อให้เกิดการสั่นไหวนรุนแรงของแผ่นดินและเกิดสึนามิตามมาในมหาสมุทรอินเดียเข้าถล่มชายฝั่ยประเทศต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ได้แก่ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย มัลดีฟส์ พม่า แทนซาเนีย บังคลาเทศ และเคนยา ประเทศไทย โดยเฉพาะพื้อนที่ 6 จังหวัดของชายฝั่งอันดามันคื อภูเก็ต พงงา ระนอง กระบี่ ตรัง และสตูล จึงเผชิญหน้ากับคลื่อยักษ์ สึนามิครั้งรุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในทะเลอันดามัน โดยปราศจากการป้องกันหรือรับมือใดๆ 
                ตัวเลขจากสำนักวิจัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระบุว่า มีผุ้เสียชีวิต 5,401 คน บาดเจ็บ 11,775 คน สูญหาย 2,921 คน มูลค่าความเสียหายรวม 44,491 ล้านบาท ...
                 คลืนยักษ์สึนามิในปี 2547 ถือเป็นธรณีพิบัติครั้งรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ คร่ชีวิตผุ้คนใน 14 ประเทศ รวมมากกว่า 2.3 แสนคน และสูญเสียกว่าสี่หมื่นคน ประเทศที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดตาลำดับ คือ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย และไทย...
                หลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้ประเทศไทยเริ่มหันมาเตรียมพร้อมเพื่อรับมอกับภัยธรรมชาติอย่างคลื่นยักษ์สึนามิในหลายระดับ โดยเฉพาะการสร้างระบบเตือนภัยทั้งระดับชาติและท้องถิ่น รวมทั้งการให้ความรู้แก่ประชาชน พร้อมกับมีการซักซ้อมแผนการอพยพเพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง
                มหาอุทกภัย 2554
                เริ่มจากฝนที่ตกหนักและเร็วกว่าปกติ รวมทั้งพายุหลายลุก ประเดิมด้วยพายุโซนร้อนในช่วงปลายเดืนอมิถุนายน ตามมาด้วยพรยุโซนร้อน..และพายุไต้ฝุ่นรวม พายุ ถ ลูกโหมกระหน่ำไล่เลียกัน ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ิกฤติกิมหาอุทกภัย...
                 น้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมพื้อที่ถาคเหนือ แล้วค่อย ๆ รุกไล่งสูพื้อภาคกลาง การรับมือของรัฐบาลล้มเหลว ปริมาณรนำ้มากเกินกว่าจะรับมือไหว โดยเฉาพะเมื่อเขื่อนใหญ่อย่า่งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าศํกฯ กักเก็ฐน้ำว้มากเป้นปวัติการณ์ จนต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนทันที ..
                 มวลน้ำล้นจากเขื่อนทำให้พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาสำลักน้ำอย่างสาหัสสากรรจ์ และหลังจากพนังกั้นน้ำแตก ทำให้พื้อนที่เมืองนครสวรรค์จมอยุ่ใต้บาดาล ซึ่งไม่ต่างกับการนับถอยหลังแห่งความหายนะของชาวเมืองหลวง
                 กรุงเทพตกอยู่ในอาการโกลาหลกับการเตรียมรับมือน้ำ..น้ำมาไวดังไฟลามทุ่งกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียงพื้อนที่สูงอย่างทางด้่วนและสะพานลอยกลายสภาพเป็นลานจอดรถ ไม่เหลือเส้นทางสำหรับการอพยพ คำสังอพยพถูกประกาศครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ผุ้นส่วนหนึ่งก็ไม่ยอมทิ้งบ้านแม้จะจมอยู่ใต้น้ำเหลือเพียงชั้นบนหรือหลังคา เพระเกรงว่าทรัพย์สินจะสูญหาย อาหารและน้ำดือ่มขาดแคลน ไฟฟ้า น้ำประปาถูกตัดขาด ถุงยังชีพจำนวนมหาศาลถูกแจกจ่าย แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 1,085 รายทั้งจมน้ำและถูกไฟฟ้าช๊อต..
                 เหตุการณ์สิ้นสุดลงเมือก้าวเข้าสู่เดือนมกราคม ปีถัดมา ท่ามกลางขยะอกงโตกลางกรุ..และตัวเลขความเสียหายที่สูงลิบลิ่ว ธนาคารโลกประเมินความเสียหายจากมหาอุทกภัยครั้งนี้สูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท ต้องใช้เงินฟืนฟูเศรษฐกิจสูงถึึงกว่า 755,000 ล้านบาท ประชาชนได้รับผลกระทบมากกว่า 13.5 ล้านคน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 150 ล้านไร่ ใน 65 จังหวัด 26 นิคมอุตสาหกรรม 7 แห่งจมน้ำ ความเสียหายของภาคอุตสาหกรรมทั้งที่อยุ่ในและนอกนิคมอุตสาหกรรม 474,750 ล้านบาทและยังส่งผลกระทบต่อกิจกราเอสเอ็มอีจำนวน 285,000 ราย ภาคการเกษตรได้รับความเสียหาย 2.7 หมื่นล้าน โครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะในส่ววนการคมนาคมอีกว่า 2.2 หมื่นล้าน...
               

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

tragedy

Posted Image     เหตุการณ์โศกนาฎที่เกิดขึ้นในประเทศและเป็นความสูญเสียของประเทศครั้งสำคัญๆ และก่อให้เกิดความสูญเสียและผลกระทบเป็นอย่างมากพอจะกล่าวเป็นเหตุการณ์สำคัญๆ ได้ดังนี้
      ไฟไหม้โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์
       10 พฤษภาคม 2536 ณ บริษัท เคเดอร์อินดัสเตรียล ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานตุ๊กตาขนาดใหญ่ ประกอบด้วยอาคาร 5 ชั้น จำนวน 4 อาคาร ตั้งอยูบนถนนพุทธมณฑลสาย ภ ตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ขณะเกิดเพลิงไหม้คนงานกำลังทำงานกว่า 1,400 ชีวิต พยายามวิ่งหนีออกจากอาคารอย่างอลหม่าน ทว่าไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยสถานที่เกิดเหตุมีเศษผ้าและวัตถุไวไฟอยู่เป็นจำนวนมาก
        มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 469 รายและเสียชีวิต 188 ราย เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ ซึ่งพบว่า เกิดจากความ "ประมาท" ของพนักงานที่สูบบุหรี่ในโรงงาน ทำให้เกิดไฟลุกไฟม้วัสดุที่ใช้ผลิตตุ๊กตา และเมื่อตรวจสอบในเชิงยังพบว่า โรงงานไม่ได้มาตรฐานความปลอภัยหลายประการ ไม่มีบันไดหนีไฟ ประตูทางออกฉุกเฉินกว้างไม่ได้มาตรฐษน และมีจำนวนน้อบเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนของพนักงาน รวมั้งไม่เคยมีการซ้อมการหนีไฟอย่างเป็นระบบ

      รถก๊าซระเบิด โศกนาฏกรรมบนถนนเพชนบุรี
      คืนวันจันทร์ ที่ 24 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. รถบรรทุกแก๊สที่ขับโดยนาย สุทัศน์ ฟักแคเล็กพยายามขับลงทางด่วนเพชนบุรีตัดใหม่ด้วยความเร็วเพื่อที่จะข้ามผ่านไฟแดง แต่รถได้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำจากนั้นตัวรถได้ไถลไปกับพื้น ด้วยแรงเสียดสีกับพื้นถนนทำให้ถึงบรจุแก๊สรูปแคปซูล 2  ถัง ถึงละ 20,000 ลิตร หลุดออกจากตัวรถ และเกิดเป็นความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นการเพิ่มแรงอดให้กับแก๊สที่บรรจุอยู่ภายในถังเหล็กไม่อาจทนแรงเสียดสีได้ปริแตก แก๊สบรรจุอยู่ภายในได้พวยพุ่งออกมาและเกิดเป็นประกายไฟและระเบิดขึ้นมาด้วยเสียงสนั่นหวั่นไหวหลายครั้ง ทำให้บริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่และละแวกใกล้เคียงกลายเป็นทะเลเพลิงภายในชั่วเวลาไม่กี่วินาที
Posted Image      ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ซและครอกผู้คนที่ิดอยู่ในรถยนต์ซึ่งกำลังติดไฟแดงอยู่ ณ บริเวณนั้น หลายรายเสียชีิวิตทั้นที่ บางรายเสียชีิวิตเนื่องจากสำลักควัน บางคนที่หนีออกมาได้ ก็อยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสเนื้อตัวเป็นแผลพุพองจากเปลวไฟ ขณะเดียวกันถังแก๊สอีกถึงทนความร้อนไม่ได้ เกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ตึกแถวสองฟากถนนเกิดไฟลุกไหม้สูงท้วมตึกสามชั้น หม้อแปลงไฟฟ้าช๊อตกระแสไฟถูกตัดขาด ไฟดับเป็นบริเวณกว้างลูกไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีแดงฉาน ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวกว่ร้อยหลังคาเรือนพากันพยายามหนีเอาชีวิตรอด
      ไฟยังคงไหม้กว่าชั่วโมงแม้เจ้าหน้าทตำรวจดับพเลพงพยายามฉีดน้ำสกัด ไฟมาสงบในเวลา22.00 ของวันต่อมา ยี่สิบสี่ชัวโมงเต็ม เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ ปรากฏเป็นภาพที่สลดหดหู่ใจ ซากศพของผุ้เสียชีวิตไหม้ดำ บางรายเหลือเพียงแค่เศษเนื้อและเถ้ากระดูกเท่านั้น
       อุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 59 ราย บาดเจ็บ 89 ราย รวมทั้งตึกแถวสามชั้น ตั้งแต่ซอยจารุรัตน์ หรือซอยเพชรบุรี 37 เรื่อยไปได้รับความเสียหาย21 คูหา ขณะที่ฝั่งตรงข้ามถูกเผาเสียหาย 17 คูหา ขณะที่ชุมชนแอดอัดด้านหลังถูกเผาวอดกินพื้นที่รวม 2 ไร่ มีบ้านเรื่อนได้รับความเสียหายหว่าร้อยหลังคาเรือน รถยนต์ถูกเผาไป 43 คน จักรยานยนต์ 4 คัน
     โรงแรมรอยัลพลาซ่าถล่ม พ.ศ.2536 โรงแรมรอยัลพลาซ่า หรือชื่อเดิมคื โรงแรม เจ้าพระยาเมืองใหม่ซึ่งติดอันดับ หนึ่งในห้าของจังหวันครราชสีมา เจ้าของโรงแรมดังกล่าวได้ทำการลักลอบต่อเติมอาคาอย่างไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะการตัดเสาขนาดใหญ่ตรงกลางห้องอาหารของโรงแรม เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย และต้องการให้แขกเห็นหน้านักร้องได้ชัดเจนขึ้น สิบนาฬิกากว่า ของวันที่ 13 สิงหา พ.ศ. 2536 ตัวโรงแรมเกิดการทรุดตัวอย่างรุนแรง และถล่มลงมาทั้งอาคารในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยตัวโรงแรมเริ่มทรุดตัวจากตอนกลางของอาคารก่อน จากน้นปีกทั้งสองด้านข้างของอาคารก็พังซ้ำลงมาอีก การทรุดตัวอย่างรุนแรง และรวดเร็วก่อให้เกิดเสียงดังปานฟ้าถล่มดินทลาย ฝุ่นผงจากซากอาคารตลอคลุ้งทั่วบริเวณ
     กองดซากปรักหักพังกลบฝังร่างมนุษย์กว่า 500 ชีวิต ทั้งพนักงานโรงแรม และแขกที่เข้าพัก มีเพียงส่วนน้อยที่อยู่ชั้นล่าง และไหวตัวทัน รอดพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด
     ซากปรักหักพังทัถมอย่างแน่นหนา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งยวด เพราะการเร่งรื้อซากอย่างไม่ระมัดระวังอาจหมายถึงการสูญเสียหลายชีวิตที่ยังมีลมหายใจ ระหวา่งกการค้นหาเจ้าหน้าที่ปรพกาศห้ามเข้ามาในบริเวณ เกรงว่าจะเกิดเหตุชุลมน ฝ่ายทหารได้นำรถทหารช่างมาช่วยรื้อถอนซากอาคารและระดมกำลังพลกว่า 200 นาย เพื่อบริจาเลือดเป็นกรณีเร่งด่วน
     จากนั้น ศพแล้วศพเล่าก็ถูกลำเลียงออำมา บางศพอยู่ในสภาพสมบูรณ์ บางศพกฌได้เแฑาะอวัยวะที่มีชิ้นส่วนกระจัดกระจาย มีผู้รอดชีวิตที่สามารถช่วยออกมาได้ ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในพื้นที่แน่ขนัดแทบล้นโรงพยาบาล การค้นหาผูรอดชีวิตยาวนานถึง ุ วัน จึงเลิกค้นหา มีผู้เสียชีวิต 137 คน และบาดเจ็บกว่า300 คน
    ตำรวขสรุปคดีนี้ว่า เกิดจาความบกพร่อง ของเจ้าของอาคารที่มีการต่อเติมอาคารผิดจาแบบเดิม ทำให้อาคารไม่สามารถ รองรับน้ำหนักได้ จึงได้แจ้งขอ้หารแก่ผู้บิรหารโรงแรม รวมท้ังวิศวกรผู้ออกแบบในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต กว่า 10 ปี คดีในชั้นศาลจึงสิ้นสุดลง เมื่อศาลฏีกาตัดสินจำคุกนายบำเพ็ญ พันธุ์รัตนอิสระ วิศวกรผู้ออกแบบ เป็นเวลา20 ปี ส่วนผู้บริหารโรงแรมทั้ง 6 คนศาลยกฟ้อง...

         ซานติก้าผับ 1 ม.ค. เช้ามือ พล.ต.อ.จงรัก จุฆานนท์(รอง ผบ.ตร.)เกินทางมาที่ ซานติก้าผับพร้อม ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิต 58 คนและบาเจ็บรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาล 200 คน โดยได้มีการตั้งศูย์ช่วยเหลือและรับแจ้งความที่สน.ทองหล่อ โดยทำการตรวจสอบผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงผุ้ที่อยู่บนเวทีทั้งนักดนตรี นกร้อง มือกลอง ซึ่งมีคนให้การว่า ผู้ที่อยู่บนเวทเป็นผู้จุดพลุไฟทไให้เกิดไฟไหม้..
      จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคือของวันแรกของการย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ กลับกลายเป็นสุสานของเหยือเพลิงนรก
      นายสมชาย เฟรนดี้ นักท้องเที่ยวที่ประสบเหตุไฟไหม้ซานติก้าผับ  เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุทางผับได้จัดพลุเอฟเฟคไว้ที่ด้านหน้าเวทีเพื่อจุฉลอง โดยเมื่อเคานท์ดาวน์แล้วทางผับได้จุดพลุดังกล่าวเป็นตัวอังษร แฮปปีนิวเยียร์ แต่พลุเกิดระเบิดรุนแรงกว่าจนลุกลามไปติดยังฝ้าเพดานที่หุ้มด้วยฟองน้ำเก็บเสียง ให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
Posted Image      สุทธิรักศ์ คุ้มสม เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพร่วมกตัญญู ผู้ที่ได้เข้าทำการช่วยเหลือผู้บาเจ็บและผู้เสียชีวิต กล่าว่าเวลาประมาณ 00.10 น. เมื่อคือที่ผ่านมาตนได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ตั้งอยู ซ.เอกมัย 9-11 ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาในเวลาเทียงคือครึ่ง เมื่อมาถึงพบกลุ่มควันไฟออามาจากบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้าหน้าร้านซึ่งขณะนั้นผุ้คนที่อยู่ภายในได้เบียบเสียดออกมาจากนอกร้อนซึ่งทางออกมีเพียงทางเดียวเมื่อตนกับเจ้าหน้าทได้เข้าไปที่บริเวณด้านใน พบเห็นผุ้คนที่นอนร้องของความช่วยเลหือ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามรถที่จะเข้าำปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันหนาแน่น และมีคนตายอยู่บริเวณด้านหน้าอยู่เป็นจำนวนมากทุกคนพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด ในช่วงนั้นมีรถดัเพลงมาแค่ 2-3 คัน ทำให้ดับไม่ทัน ซึ่งก็ต้องรอให้รถดับเลพิงมาก่อนเืพ่อทำการสลายกลุ่มควันที่มีอยู่หนาแน่น และทางเข้าบริเวณด้านหน้าเป็ฯทางเข้าทางแคบ ซึ่งยากแก่การเข้าช่วยเหลือ


    

วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Suffer

     ทุกข์ หรือ ทุกขัง เป็นหลักธรรมสำคัญในพระพุทธศาษนา แปลว่ทนอยู่ในสภาพเดิมได้ยาก โดยทั่วไปหมายถึงสังขาร ทั้งปวง อันได้แก่ ขันธ์ 5 ซ฿่งเป็นที่ตั้งของกองทุกข์
       ในทางพุทธศาสนา การกำหนดทุกข์เป้ฯกิจในอริยสัจ 4 ที่ชาวพุทธต้องทำเพื่อละและปล่อยวางในลำดับต่อไปในกิจทั้งสี่ในอริยสัจ อันได้แก่ รู้ทุกข์ เพื่อค้นหาสาเกตุในการดับทุกข์ (สมุหทัย)แล้วจึงตั้งจุดมุ่งหมายในการดับทุกข์(นิโรธ) และดำเนินตามเส้นทางสู่ความดับทุกข์(มรรค)
      ทุกข์คือความเป็นจิรงอันประเสริฐหนึ่งในสี่ข้อของ อริยสัจ4  ทุกขสัจ ประกอบด้วย
-ชาติ คือ ความเกิด ความปรากฎแห่งขันธ์ ความอายตนะครอบ
- ชรา ความแก่
- มรณะ ความเคลื่อนภาวะความแคลื่อน ความแตกทำลาย มฤตยู ความตาย..
- โสกะ ความแห้งใจ ภาวะที่บุคคลประกอบด้วยความพิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
- ปริเทวะ ความคร่ำครวญ รำพัน ภาวะของบุคคลผู้คร่ำครวญ
- ทุกข์ คือ ความลำบากทางกาย ความไม่รำราญทางกาย ความเสวยอารมณ์อันไม่ดีที่เป็นทุกข์เกิดแต่กายสัมผัส
- โทมนัส คือความทุกข์ทางจิต ความทุกข์ทางมโนสัมผัส
- อุปายาส คือ ความคับแค้นภาวะของผู้คับแค้น
- ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก ความรู้สึกทางกายที่ไม่น่าปรารถนา หรือด้วย บุคคลผู้ไม่ปรารถนาประโยชน์ ปรารถนาสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ปรารถนาความไม่เกษมจากโยคะ(กิเลส)ซึ่งมีแก่ผู้นั้น
- ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก คือ ความไม่พรั่งพร้อม ความไม่ระคนด้วยกามคุณ 5 อันน่าปารถนา หรือบุคคลผู้ปรารถนาประโยชน์ ปรารถนาสิ่งที่เกื้อกูลจากโยคะ
- ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น  เช่นการปารถนาการไม่เกิด การปารถนาการไม่แก่เป็นต้น
         ทุกข์ที่กล่าวมานี้มีใจความกว้างขวางกว่าทุกขเวทนา

      เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับความรู้สึกและยังคงเป็นปริศานากระทั่งทุกวันคือ กรณีสวรรคตซึ่งเกี่ยวพันต่อทุกสถาบันของประเทศ ตั้งแต่สถาบันกษัตริย์ ชาติ และรวมถึงศาสนาด้วย
        กรณีการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 "พระบาทสมเด็จพรปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดีนทร" เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2498 ทรงสวรรคตด้วยพระแสงปืนซึ่งยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่เกิดขึ้นได้ยอย่างไร ในช่วงเวลาดังกล่าว กรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 ก่อให้เกิดผลต่อการเมืองไทยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกรณี นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น และกลุ่มการมเืองสาายนายปรีดีถูกกลุ่มจอมพล ป. พิบูลสงครามทำการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 ด้วยเหตุผลเกี่ยวเนื่องกับคดีสวรรคตดังกล่าว
        เจ้าฟ้าชายภูมิพลอดุลย์เดช ทรงมีพระราชดำรัสให้การต่อศาลอาญา ณ สวนจิตลดา เมื่อ 12 พ.ค. 2493 ดังนี้
       - ในวันที่ 8 ข้าพเจ้าไปในงานพระราชทางเพลิงศพพระองค์เจ้าอาทิตย์แทนในหลวงรัชกาลที่ 8 และในคืนเดีวกันได้ไปกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เหตุที่รัชกาลที่ 8 ไม่ได้เสด็จในงานพระศพพระองค์เจ้าอาทิตย์ก็เพราะทรงประชวรแต่อาการประชวรนั้นไม่ถึงขนาดต้องบรรทมอยู่กับพระแท่น ยังทรงพระราชดำเนินไปมาในพระที่นั่งได้ จะทรงประชวรด้วยโรคอะไรข้าพเจ้าไม่ทราบ ได้ยินรับสั่งเพียวงว่าไม่สบาย
       - ในเช้าวันที่ 9 มิ.ย. 2489 ข้าพเจ้ารับประทานอาหารเช้าประมาณเวลา แปดโมงสามสิบนาที ทุ่มุขพระที่นั่งชั้นบนด้านหน้า รับประทานอาหารแล้วพข้าพเจ้สได้เดินไปทางห้องบรรทมของในหลวงรัชกาลที่ ค ซึ่งเป็นเวลา เก้าโมงตรง ได้พบนายชิตกับนายบุศย์นั่งอยูที่หน้าห้องแต่งพระองค์ ข้าพเจ้าได้ถามเขาว่า "ในหลวงพระอาการเป็นอย่างไร" ไ้ดรับคำตอบว่าพระอาการดีขึ้นได้เสด็จห้องสรงแล้ว ใครเป็นผู้ตอบจำไม่ได้ ต่อจากนั้นข้พเจ้าได้เดินไปยังห้องของข้าพเจ้าโดยเดินไปตามเฉลี่ยงด้านหลัง ตรงเข้าไปในห้องนอนของข้าพเจ้าแล้วก็เข้าไปในห้องเครื่องเล่น เดินเข้าๆ ออกๆ อยู่ที่สองห้อง ระหว่างนั้นเวลาประมาณ เก้าโมงยี่สิบห้านาทีได้ยินเสียงคนร้องเป้ฯเสียงใครนั้นจำไม่ได้ ได้ยินในขณะที่อยู่ในห้องเครื่องเล่น ก่อนได้ยินเสียงร้องได้เห็นคนวิ่งผ่านประตูห้องบันไดซึ่งอยู่ติดกับห้องเครรื่องเล่นข้าพเจ้าได้ออกจากห้องเครื่องเล่นไปยังเฉลี่งด้านหน้า โดยผ่านห้องบันไดได้พบ น.ส. จรูญที่หน้อห้องข้าหลวง สอบถาม น.ส. จรูญว่าเกิดเรื่องอะไร ได้รับคำตอบว่าในหลวงทรงยิงพระองค์ ข้าพเจ้าได้ยินดังนั้นก็ตรงไปยังห้องพระบรรทอในหลวงรัชกาลที่ 8
       ทรงประทานสัมภาษณ์ สำนักข่าว บีบีซี ประเทศอังกฤษกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 ซึ่งปรากฎอยู่ในสารคดี Soul of Nation ดังนี้
       - ท่านเชื่อว่า ร.8 สิ้นพระชนม์อย่างไร
       - จากหลักฐานทางราชการ รับกาลที่ 8 สิ้นพระชนม์ด้วยลูกปืนที่ยิ่งเข้าที่ พระนลาฎ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ใช่การฆ่าตัวตายแต่ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นมีัจึงเป็นความจริงที่ไม่แน่ชัด ข้าพเจ้าทราบเพียงแค่ว่าอะไรเกิดข้นหลังจากเกิดเหตุร้ายขึ้นหลักฐานต่างๆ ก็ถูกสับเปลี่ยนไป และเพราะว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง แม้แต่อธิบดีตำรวจก็เล่นการเมือง เพราะเมือไปถึงรัชกาลที่ 8 ก็สิ้นพระชนม์แล้ว ในเรื่องนี้ประชาชก็ต้องการที่จะทราบความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนเสียใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้....

        นายปรีดีในฐานะนายกรัฐมนตรี และว่าการสไนักพระราชวังให้เรียกตัวนายชิต นายบุศย์ นางสาวเนื่อง มาสอบถาม
        นายชิตให้ถ้อยคำในเวลานั้นว่าในหลวงยิงพระองค์  นายปรีดีให้ทำท่าให้ดูนายชิดจึงลงนอนหวายมือจับปืนทำท่าส่องหน้าที่หน้าผาก ม.จ.ศุภสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ในที่นั้นรับสั่งว่า ปืนอย่างนี้ยิงเองที่พรนลาฏอย่างนั้นไม่ได้ จึงปรึกษากันว่าจะออกแถลงการณ์อย่างไรดี นายปรีดีพูดว่าออกแถลงการณ์ว่าสวรรคตเพราะนาภีเสียได้ไหม ..หลวงนิตย์ตอบว่า ถ้าเช่นนั้นผมไปก่อนเพื่อนแน่ๆ เพราะเมือวานนี้ยังดีๆอยู่ วันนี้สวรรคตไม่ได้..พันเองช่วงว่า ถ้าอย่างนั้นเอเป็นโรคหัวใจได้ไหม..หลวงนิตย์ฯตอบว่า ไม่ได้เหมือนกัน..
       กรมพรยาชัยนาทนเรนทรรับสั่งว่าเห็นจะต้องแถลงตามความจริง นายปรีดีว่า เพื่ถวายพระเกี่ยรติให้ออกแถลงการณ์ว่าเป้ฯอุบัติเหตุ จึงออกแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังเป็นฉบับแรก ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2489...
        เกี่ยวกับบาดแผลที่พระบรมศพ คร้งแรกหลงนิตย์ ฯไม่ได้พบแผลทางเบื้องหลังพระเศียร เข้าใจว่ามีแผลทางพระนลาฏด้านเดียวบรรดาท่านที่ประชุมกันอยู่ก็พลอยเข้าใจเช่นัี้น ครั้นรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่จากสภากาชาดมาแต่งพระบรมศพ เพื่อเตรียมการสรงน้ำพระบรมศพในตอนเย็นมีพระเกศากคลุมบาดแผลทำให้แลเห็นเป็นแผลเล็กกว่าแผลที่พระนลาฎจึงมีเสียงกล่าวกันว่า ถูกยิงทางเบื้องหลังพระเศียรทะลุออกทางพระนลาฎ
       ด้วยเหตุนี้ คำแถลงการณ์ฉบับแรกจึงมีเสียงครหาว่าไม่ถูกต้องต่อความเป็นจริง
       และจากแถลงการณ์ฉบับแรกไม่ถูกต้องต่อความเป็นจริง นายกรัฐมนตรีและพระบรมวงศานุวงศ์ได้ปผระชุมกันพิจารณารายงานของอธิบดีกรมตำรวจ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน แล้วได้ออกเป็นคำแถลงการณ์ของกรมตำรวจในวันที่ 10 มิถนายน 2489 มีข้อความประกอบคำแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง เพื่อจะให้ฟังได้อนักแน่แนยิ่งขึ้น โดยอ้างการสอบสวนอย่างกว้างขวาง ตั้งเป้นข้อสังเกตคือ มีผู้ลอบปลงพระชนม์ ทรงปลงพระชนม์เอง และ อุบัติเหตุ..........
     
ข้อความบางตอนจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1544/2497
      คำพิพากษาของศาลได้สรุปให้เห็นข้อเท็จจริงว่า หลักฐานของกลางที่เป็นอาวุธในที่เกิดเหตุรวมทั้งกระสุนปืน และปลอกกระสุนปืนที่จำเลยนำมามอบให้นั้นไม่ใช่ของจริง แสดงว่าต้องมีคนร้ายจงใจสร้างหลักฐานดังกล่าวไว้เพื่อให้เกดความเข้าใจผิดในการสืบสวนว่าเป็นอุบัติเหตุ และมีพยานหลายปากหลายเหตุกาณ์ที่ยืนยัยตรงกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีการวางแผนลอบปลงพระชนม์จริง จากหลักฐานจำเลยทั้ง 2 คนยังได้เผลอเที่ยวอวดตัวไปพูดกับบุคคลต่างๆ ว่า ร.8 จะไม่ได้เสด็จกลับต่างประเทศในวันที่ 13 มิถุนายน 2489 อีกจากหลักฐานและพยานทีี่แน่นหนาดังกล่าวสามารถยืนยันได้ว่าเป็นการลอบปลงพระชนม์จากบุคคลกลุ่มหนึ่ง หาใช่การปลงพระชนม์เองหรืออุบัติเหตุไม่
      สำหรับนายปรีดีย์  พนมยงค์นั้น ถึงแม้จะมีพยานที่ให้ถ้อยคำต่อศาลพาดพิงถึง แต่ศาลก็มิได้ตัดสินว่ามีความผิดแต่อย่างใด ด้วยศาลมีดุลพินิจว่าจะฟังเฉพาะถอ้ยคำที่พยานกล่าวพาดพิงให้เป็นที่แน่ชัดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ถนัดนัก ซึ่งข้อพิจารณานี้ผู้เขียนเองก็เห็นด้วยกับศาลนอกจากนั้นกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเป็นผลเสียต่อนายปรีดี เอง ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยุ่ในขณะนั้น ส่วนนายปรีดี หรือพรรคพวก จะมีมูลเหตุจูงใจประการใดก็ไม่เป็นที่ชัดเจน
      จำเลยทั้ง 3 คนมีความผิดด้วยพยานหลักฐานชัดเจนว่า
- นายบุศย์ และนายชิต อยู่ใกล้ชิดกับที่เกิดเหตุมีความบกพร่องต่อการปฏิบัตหน้าที่ ปล่อยให้คนร้ายลอบปลงพระชนม์ได้สำเร็จ
- นายชิด บังอาจเพทุบายนำเอาปลอกกระสุนปืนที่เป็นหลักฐานเท็จส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีวัตถุประสงค์ให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อเพื่อช่วยเหลือคนร้าย
- นายเฉลียว และนายชิด รู้เห็นเป็นใจ จนถึงสมรู้ร่วมคิดต่อการลอบปลงพระชนของคนร้าย โดยทราบล่วงหน้าแล้ว แต่ปกปิดไว้มิได้แจ้งข่าวให้ทางการทราบ


         






Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...