ในภูมิภาคอาเวียนเอง การเดินทางไปมาหาสุ่ระหว่างกันในภูมิภาคทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยสายการบินที่มีหลากหลาย และท่าอากาศยานที่มีมาตรฐานทั่วภูมิภาค
สายการบินประจำชาติของสมาชิกอาเซียนมีข้อมูบที่น่่าสนใจ ดังนี้
- บรูไนแอร์ไลน์ เปิดเส้นทางการบินไปหลายที่ในภูมิภาค เป็นสายการบินรประจำชาติของประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ก่อตั้งเมือ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 โดยมีสัญลักษณ์เป็นตราประจำชาติบรูไน โดยสำนักงานใหญ่และฮับของสายการบินตั้งอยู่ที่สนามบินนานาชาติบรูไน กรุงบันดาร์ เสรี เบกาวัน
ท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน เป็นสนามบินนานาชาติที่มีขนาดเล็ก แต่ก็สะดวกสบายทุกอย่าง ขั้นตอนการเข้า-ออก ประเทศรวดเร็วไม่ยุ่งยาก มีรถแท็กซี่บริการรับ-ส่ง ผุ้โดยสารไปยังจุดต่างๆ ของเมือง ตั้งอยู่ห่างจากมเืงอที่ใกล้ที่สุดเพียง 20 นาที ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้า โรงเเรม และร้านอาหารมากมายและเป็นที่ตั้งอากาศยานหลักของประเทศบรูไน เป็นฐานที่ตั้งของสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ กองทัพอากาศบรูไนยังใช้เป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศริมบาซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของท่าอากาศยาน ท่าอากาศยานให้บริการปลายทางทั่วภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย
- กัมพูชา หรือ กัมโบเดียอังกอร์แอร์ ที่รัฐบาลมีหุ้นส่วนร้อยละ 51 เปิดให้บริการเชื่อมระหว่งกรุง
พนมเปญและมืองสำคัญในประเทศ รวมถึงประศต่างๆ ในอาเซียนและหลายเมืองของประเทศจีน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2543 มีสำนักงานใหญ่และฮับอยู่ที่สนามบินนานาชาติพนมเปญและเมืองเสียมราฐ
คอมโบเดียแอร์ไลน์ ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลกัมพูชาและเวียนนามแอร์ไลน์ พร้อมเงินทุนหนึ่งร้อยล้านด้อลลาร์ ให้บริการชั้นประหยัดและชั้นธุรกจ แอร์บัส เอ 321 ส่วนเอที่อาร์ 72 ให้บริการเฉพาะชั้นประหยัด โดยสายการบินนี้มาแทนที่รอยับแอร์แคมโบดจ์ ซึ่งให้บริการมาต้้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ปัจจุบัน แคมโบเรียอังกอร์แอร์ให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายจ่างในทวีปเอเชีย และมีส่วนช่วยในการพานักท่องเที่ยวมาเยียมชมนครวัด จังหวัดเสียมราฐ
นับตั้งแต่เปิดให้บริการ แคมโบเดียอังกอร์แอร์ ได้กลายเป็นผุ้ผูกขาดรายใหญ่ของตลาดการบินในประเทศ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน สายการบินต้องแข่งขันเที่ยวบินในประเทศกับสามสายการบินเอกชน ได้แก่ แคมโบเดียบายแอร์ไลน์, บัสซากาแอร์ และสกายอังกอร์แอร์ไลน์
ท่านอากาศยานนานาชาติ พนมเปญ เป็นท่าอากาศยานหลักของกัมพูชา ตั้งอยุ่ห่างจากใจกลางอรุงพนมเปญไปทางตะวันตก 7 กิโลเมตร มีชื่อเดิมว่า "ท่าอากาศยานนานาชาติโปเชนตง"
เมื่อปี พ.ศ. 2538 รัฐบาลกัมพุชาได้อนุมัติสัญญาสัมปทานกับกลุ่ม SCA ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่างฝรั่งเศสและมาเลเซีย (ถือหุ้นร้อยละ 70-30) ให้ดำเนินการงานท่าอากาศยานนานาชาติโปเชนตงได้เป็นเวลา 20 ปี โดยที่กลุ่ม SCA ได้ดำเนินแผนการปรับปรุงท่าอากาศยานมูลค่า 110 ล้านเหรียญ ทั้งการก่อสร้างทางวิงใหม่ อาคารผุ้โดยสาร อาคารคลังสินค้า ดรงเก็บเครื่องบิน การติดตั้งระบบการบินลงสนามระดับ CAT III และไฟนำร่อง
- อินโดนีเซีย มี การูดาอินโดนีเซีย เป็นสายการบินหลักที่ได้รับการจัดอันดับจากสกายแทร็กซ์เป็นสายการบินอันดับ 8 ของโลกในปี 2558 และอันดัง 1 ในฐานะสายการบินที่มีลูกเรือยอดเยียมที่สุดป ปัจจุบันมีจุดหมายปลายทางทั้งในประเทศ ในอาเซียน และอีกหลายประเทศในทวีปอื่นๆ
เป็นสายการบินประจำชาติของประเทศอินโดนีเซียน ตั้งชื่อตมคำในภาษาอังกฤษที่แปลว่า "ครุฑ" ซึ่งเป็นตราแผ่นดินของอินโดนีเซีย สายการบินมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยุ่ภายในทางอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา ใน จังหวัดบันเติน ใกล้กับกรุงจาการ์ตา
ในคริสต์ศวรรษ 1980 ถึงกลาง 1990 เป็น
ยุคที่สายการบินการูดามีความรุ่งเรื่องมากที่สุด ดดยมีเที่ยวบินไปทุกภูมิภาคของโลก รวมถึงลอสแอลเจลิสในสหรัฐอเมริกา แต่เนื่องจากรประสบปัญหาทางการเงิน ตลอดจนเหตุที่ลูกเรือฆาตกรรมนักสิทธิมนุษยชนบนเครืองบนิ ได้นำไปสู่การตัดลบงบประมาณของสายการบินในที่สุด
ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงจากการ์ตาและปริมณฑล ตั้งอยู่ในจังหวัดบันเติน บนเกาะชวา ในขณะที่สนามบินอีกแห่งหน่งของจากาตาร์คือ อท่าอากาศยานฮาลิมเปอร์ดานะกุสุมา ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งชื่อตามประธานาธิบดีคนแรก ซูการ์โน และรองประธานาธิบดีคนแรก โมฮัมหมัด ฮัตตา บางครั้งชาวอินโดนีเซียก็เรียกสนามบินแห่งนี้ว่า สนามบินเช็งกาเร็ง
- สปป.ลาว มีสายการบินประจำชาติ คือ ลาวเเอร์ไลน์ อยู่ภายใต้กาบริหารของกระทรวงโยธาธิการและขนส่งลาว มีเส้นทางการบินทั้งในประเทศ และนอกประเทศในอาเซียน รวมถึงเส้นทางระยะไกลอย่างกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
โดยใช้ท่าอากาศยานนานาชาติวัตไต นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นฐานการบินหลัก และใช้ท่าอากาศยานนานาชาติหลวงพระบาง แขวงหลวงพระบางเป็นฐานการบินรอง
สายการบินก่อตั้งให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน พงศ. 2519 ภายใต้ชื่อ "ลาว อเวียชั่น" ครั้งปี พ.ศ. 2546 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "ลาว แอร์ไลน์" และได้เป็นสายการบินของรัฐบาลโดยสมบูรณ์
การบินลาวมีเส้นทางบินไปยังจุหมายปลายทางภายในประเทศ 8 แห่งใน 8 แขวง และให้บริการเที่ยวบินระหว่างประทเศไปยัง 15 มเืองใน 8 ประเทศ
ท่าอากาศยานนานาชาติวัตไต เป็นหนึ่งในสี่ท่าอากาศยานนานาชาติของสาธารรรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งอยุ่ที่เมืองศรีโคตรบอง นครงหลวงเวยงจันทน์ เป็นท่าอากาศยานหลักของการบินลาว และลาวเซ็นทรัลแอร์ไลน์ ท่าอากาศยานมีอาคาร 2 หลัประกอบด้วย อาคารผุ้โดยสารในประทเศ และอาคารผุ้โดยสารระหว่างประเทศ โดยสนามบินวัดไต สามารถจอดเครืองบินขนาด โบอิ้ง 747 ได้ 25 ลำและยังมีดรงซ่อมเครื่องบนิ ขนาด เอ 320 ที่เก็บได้ 2 ลำ ของสายการบินลาวด้วย
- มาเลเซียแอร์ไลน์ แม้ระยะหลังจะประสบวิกฤต แต่มาเลเซียแอร์ไลน์ยังติดอันดับที่ 23 จาก 100 อันดับของสายการบินยอดเยี่ยมของโลกโดยสกายแทร็กซ์ มาเลเซียแอร์ไลน์เป็นสายาการบินประจำชาติของมาเลเซีย ให้บริการเดินทางทั้งในและนอกทวีป เคยเป็น 1 ใน 5 สายการบินที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 5 ดาว เป็นสายการบินหนึ่งที่ผุ้คนยอมรับมากที่สุดในโลกตะวันออก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เครืองบินของเที่ยวบินที่ 370 สูญหายระหว่างทำการบินในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2557
สายการบินเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2490 ในชื่อว่า มาลายันแอร์เวย์ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นอาเลเซียแอร์เวย์ หลงจากมาเลเซียประกาศเอกราช และเมือสิงคโปร์ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากมาเลเซีย สายการบินมาเลเซียแอร์เวย์ก้ได้เปลี่ยน
ชื่อเป็นมาเลเซีย-สิงคโปร์แอร์ไลน์ ต่อมาเกิดปัญหาทางการเมืองระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ทำให้ทางสายการบินแยกัวออกเป็น 2 บริษัท คือ มาเลเซียแอร์ไลน์ซิสเต็ม และสิงคโปร์แอร์ไลน์ และในปี พงศ. 2530 มาเลซียแอร์ไลน์ซิสเต้ฒ ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นมาเลเซียแอร์ไลน์
ท่าอากาศยานนานาชาติ กัวลาลัมเปอร์ ตั้งอยู่ที่เขต เซปัง รัฐเซอลาโงร์ ประเทศมาเลเซีย ห่างจากตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประมาณ 50 กิโลเมตรเปิดดำเนินการเมืองวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2541 เพื่อใช้เป็นท่าอากาศยานหลัก แทนท่าอากาศยานสุลต่านอับดุล อาซส ซาห์ (ซูบัง) ซึ่งตั้งอยุ่ทางทิศเหนือ (ปัจจุบันเปิดทำการในสายการบินภายในประเทศ และเครื่องบินขนดเล็ก) และเป็นท่าอากาศยานหลักของมาเลเซียแอร์ไลน, มาเลเซียแอร์ไลน์คาร์โก และแอร์เอเชีย
ได้รับรางวัลท่าอากาศยานที่ดีที่สุ จาก AETRA awards ในป 2005 และ ACI-ASQ awards ในปี 2006
- potcha12345.wordpress.com/2015/01/20/2/
- http://www.asiatravel.com/thailand/travel-guide/asean-airport.html
- th.wikipedia.org/wiki/สายการบินประจำชาติ
- th.wikipedia.org/wiki/ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ
- th.wikipedia.org/wiki/ท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน
- th.wikipedia.org/wiki/ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา
- th.wikipedia.org/wiki/ท่าอากาศยานนานาชาติวัตไต
- th.wikipedia.org/wiki/ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์
วันอังคารที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560
วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ASEAN Connect Update
"อเมซอน" รุกชิงเค้กอาเซียน
ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซสหรัฐท้าชิงจีน ประเดิมบุกสิงคโปร์เป็นสรามทดสอบอาเซียน หวังปูทางปะทะเดือดอาลีบาบา-ลาซาด้า
อเมซอน ยักษ์ อี-คอมเมิร์ซจากสหรัฐ เปิดบริการไพรม์นาว เป็นครั้งแรกในสิงคโปร์นับเป็นก้าวแรกในการชิงส่วนแบ่งตลาดผุ้บริโภคอาเซียน และเปิดฉากแข่งขันกับอาลีบาบา บริษัทอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่จากจีนที่กำลังเร่งขยายธุรกิจในภุมิภาคผ่านลาซาด้าแพทตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ในเครืออาลีบาบาในอาเซียน
ทั้งนี้ บริการไพรม์ นาว จะจัดส่งสินค้าทุกประเภทที่วางขายในอเมซอนอย่างรวดเร็ว โดยส่งสินค้าฟรีภายในเวลา 2 ชั่วโมง หากซื้อสินค้ามากว่า 40 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 981 บาท) และส่งด่วนภายใน 1 ชั่วโมง หากเสียค่าส่ง 9.99 ดอลลาร์ (ราว 245 บาท)
นอกจากนี้ เฮรีโหลว ผุ้อำนวยการฝ่ายบริการอเมซอน ไพรม์นาว ในเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า อเมซอนยังจะเปิดให้ชาวสิงคโปร์ที่มไ่ได้เป็นสมาชิกไพรม์ ทดลองใช้บริการส่งเสนค้าดังกล่าวฟรีในช่วงเวลาจำกัดด้วยเช่นกัน
แม้การเปิบริการไพรม์ในสิงคโปร์จะยังถือเป็นตลาดเล็ก ทวาประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักและนิยมซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยอเมซอนในการดำเนินการดังกลาว หลังจากท่เริ่มรุกเข้าสู่เอเชียอย่างจริงจังในปีที่แลวด้วยการบุกตลาดอินเดีย
"สิงคโปร์จะเป็นนามทดสอบ ผมจะให้เวลาอเมซอนอีก 2 ไตรมาส ในการเปิดบริการต่าๆ ในอาเวียนเร็วๆ นี้ อย่างน้อยก็ในเมืองใหญ่ของภุมิภาค" อเจย์ ซันเดอร์ รองประธานฝายกลยุทธ์ดิจิทัลของบริษัทที่รปึกษาธุรกิจฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน กล่าวพร้อมเสริมว่า ยอดขายสินค้าออนไลน์ใอาเซียน คาดว่าจะขยายตัวแตะ 7.1 หมือนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.36 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2021 จาก 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 5.32 แสนล้านบาท) ในปี 2016
ด้านบลูมเบิร์กรายงานวา การรุกตลาดครั้งนี้จะทำให้การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในอาเซียนรุนแรงยิ่งขึ้น หลังอาลีบาบาลงทุนเพ่ิมในลาซาด้าถง 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.3 หมื่นล้านบาท) เมื่อเดือน มิ.ย. และกำลังพิจารณาซื้อหุ้นในโทโกพีเดีย แพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ในอินโดนีเซีย
เสี่ยวเฟิงหวัง นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์ เปิดเผยว่า อาลีบาบาและลาซาด้าจะยังมีความได้เปรียบเหมือน อเมซอน เหนื่องจากทำธุรกิจในภูมิภาคมา ยาวนานกว่า ใน 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียยดนาม ทำให้มีฐานลูกค้าและผุ้ขายของในพื้นที่ รวมถึงมีความพร้อมเรื่องระบบโลจิสติกส์
แม้บรรดาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซหวังชิงตลาดผุ้บริโภคอาเวียนที่มีประชากรกว่า 600 ล้านราย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังเผชิญอุปสรรคบางประการ เช่น ระเบียบการกำกับดูแลที่แตกต่างกันและซับซ้อน ภาษาท้องถ่ิน และความไม่พร้อมเรื่องโลจิสติกส์..www.posttoday.com/biz/aec/news/505690
จับกระแส "อาเซียนคอนเน็กต์" ความหวังใหม่อุตสหกรรมรถยนต์โลก
ก้าวเข้าสุ่ปีใหม่ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ แต่สิ่งที่บรรดาผุ้ผลิตรถยนต์ยังต้องประเมินสภานการณ์อย่างต่อเนื่องคือสภาพเศรษบกิจและตลาดรถยนต์ในยุโรป ที่เป็นตลาดสำคัญของโลก ซึ่งหลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ประกาศความชัดเจนในการป้องกันสหภาพการเงินยุโปรแตก พร้อมทั้งรักษาระบบเงินตราสกุลเดียว และจะเพิ่มความเข้มงวดใด้านวินัยทางการเงินแก่ธนาคารต่างๆ เพื่อการสร้างสหภาพการเงินที่แท้จริง และการสร้างสหภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีต่อสหภาพยุโรปในเวลานี้ว่ายงคงเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปและของโลกด้วย
ส่วนประเทศจีนที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็ฯอันดับสองของโลก และเป็นตลาดยักษ์ใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตยุโรปเนื่องจากประเทศจีนมีการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปยุโรปจำนวนมาก จนตลาดยุโรปกลายเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ธนาคารเพื่อการพัฒนาเชียได้คาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจของจีนที่อ่นแอลงจากผลกระทบของสหรัฐและยุโรป ทไำให้จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าเศราฐฏิจจีนจะขยายตัว 8.1% ก็จะลดลงเหลือ 7.5%
ตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญของโลกั้งจีน อินเดีย ซึ่งผุ้ผลิตหลายค่ายต่างกระโจนเข้าไปลงทุน แต่ในช่วงปีนี้ตลาดดังกล่าวก็เกิดการชะลอตัวลงเล็กน้อย และจะชะลอตัวไปแบบนี้อีกระยะสั้นๆ ส่วนบราซิลหนึ่งในดาวรุ่งของกลุ่ม BRICs อุตสาหกรรมก็ประสบปัญหาการชะลอตัว ครดว่ายอดขายรถยนต์จะเติบดตที่ 1.6% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่เคยคาดกันไว้่าจะเติบโต 2.0% ถือว่าตำ่เมื่อเที่ยวกับในช่วยปี 2553 ที่ตลาดบราซิลเป็นช่วงที่รุ่งเรืองมีการเติบโตถึง 7.5%
การเติบโตด้านยอดขายรถยนต์ของตลาดโลกจึงพุ่งเป้าไปที่ทวีปเอเชียกลายเป็นตลาดรถยนต์ที่น่าจับตามอง เนื่องจากการเข้าสู่ประชาคมเศราฐกิจอาเซียน และมีการเชื่อมโยงกันอย่างเต็มรูปแบบที่หลายฝ่ายยกนิ้วให้เป็น "อาเซียนคอนเน็กต์"...
ผุ้ผลิตรถยนต์ในหลายประเทศก็มีแนวโน้มจะนำเข้าชิ้นสวนรถนยต์จากอาเซียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อตกลง FTAT ทำให้อัตราภาษีลดลงจาก 10% เหลือเพียง 5% และจะลดลงเรื่อยๆ จนอัตราภาษีจะกลายเป็น 0% ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ล่าสุด ผู้ผลิตรถยนต์อินเดียได้เพิ่มการนำเข้าชิ้นส่วนจากอาเซียนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ด้วยราคาชิ้นส่วนรถยนต์ที่ต่ำกว่าทำให้ชิ้นส่วนรถยนต์ที่นำเข้าจากอาเวียนมีสัดส่วนที่ 30% และมีแนวโน้มที่จะนำเข้าชิ้นสวนจากอาเซียนมากขึ้น
อย่างำรก็ตาม เว็บไซต์ WardsAuto ประเมินว่า แม้จะมีวิกฤตเกิดขึ้นต่อุตสาหกรรมยายนต์ขึ้นในหลายพื้นที่ ทั่วดลก แต่ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปี 2555 เพ่ิมขึ้น 6.8% หรือจำนวน 83.1 ล้านคัน และในปี 2556 จะเพิ่มขึ้นอีก 4.7% เป็น 87.0 ล้านคัน
กระแสความหวังใหม่ของุอตสาหกรรมรถนยต์ดลกที่ทุ่มน้ำหนักไปที่ "อาเซียน" จึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง...www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1357183782
โซเซียลมมีเดีย เปิดหว้างแฟชั่นอาเซียน
แฟชั่นมีส่นสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศราฐกิจของประเทศ ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกในอุตสาหกรรมแฟชั่นประมาณ 6 แสนล้านบาท และมีเป้าหมายจะยกระดับการส่งออกไปถึง 1 ล้านล้านบาท ในปี 2564 พร้อมก้าวสุ่การเป็นศูนย์กลางแฟชี่นอันดับ 1 อาเซึยน ซึ่งดจทย์นี้ถือเป้นความท้าทายที่รัฐบาลและผุ้ประกอบการต้องร่วมมือกันพัฒนาในบรรลุเป้าหมายเพื่อยกระดับวงการแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชี่นนอกจากจะสร้างรายได้ให้ประเทศแล้ว ยังกลายเป็นจุดเชื่อมด้านความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับต่งประเทศด้ายเชนกัน สายการบินแอร์เอเชียได้จัดโครงการ AirAsia Runway Ready Designer Search 2017 ในงาน KL Fashion week 2018ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนและดไซเนอร์หน้าใหม่ในภุมิภาคอาเวียนได้มีโอกาสแสดงฝีมือ ความคิดสร้างสรรค์ฺในเวทีระดับโลก ซึ่งเฟ้นหาดีไซเหนือร์จาก 10 ประเทศอาเวียนเข้าร่วมประกอด โดยมีโจทญืให้ออกแบบผลงาน Ready to Wear หรือเสื้อผ้าสำหรับพ้อมสวมใส่ได้จริงในปชีวิตประจำวัน
ไอรีน ดอมาร์ ประธารเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซียน กล่าวว่า ยอมรับว่าผลงานของนักออกแบบรุ่นใหม่มีความสวยงาม เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ การที่นักออกแบบมีโอากสเข้าร่วมในเวทีระดับนานาชาติจะยิ่งทำให้เกิดการเรียนรู้ จะสามารถนำมาปรับใช้และเป็นแรงบันดาลใจในการผลิตผลงานในวงการแฟชั่นไ้ และในอนาคตจะเชิญชวยดีไซเนอร์จากทุกประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของแอร์เอเชีย เช่น อินเดีย จีน เกาหลีไใต้ และออสเตรเลีย เข้าร่วมการแข่งขันด้วย
รัชชานท์ วงศาสนธ์ ดีไซเนอร์อิสระ ตัวแทนจากประเทศไทย เจ้าของผลงานการออกแบบธีม "วัดโพธิ์" กล่วว่ ปัจจุบันโลกโซเชียลมีเดียวมีขยายตัว ทำให้การรับรู้แฟชั่นและการประยุกต์ใช้มีมากขึ้นสอดคล้องกันความต้องการแสดงตัวตนก็มีมาขึ้นตามไปด้วย ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมแฟชั่นอาเซียนมีความหลาหลายและแข่งกันด้วยคุณภาพมากกว่าการผลิตจำนวนมาก ดังนั้นในการออกแบบนอกจากจะต้องดูเทรนด์แล้ว ยังต้องสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนยุใหม่ได้ด้วย
อีกส่วนที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชี่นให้แข่งขันได้ คือ การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เพราะส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลมีเป้าหมายและผลักดันอย่างเต็มที่จะช่วยให้การแข่งขันของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของเวทีระดับอาเวยนและนานาชาติ ทั้งในเรื่องของมุบค่าตลาดและคุณภาพ
ขณะที่ คัมภีร์ ลักษโณศุรางค์ อีกหนึ่งตัวแทนจากประเทศไทย เจ้าของผลงาน Southern Batik Thailand บอกว่า ปัจจุบันคนทั่วไปเข้าถึงแฟชั่นได้ง่ายขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นเรื่องดี ทำให้ผลงานของนักออกแบบมีหลากหลายช่องทางในการนำเสนอ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นดังนั้นการจะอยู่รอดในวงการแฟชี่นนอกจากจะต้องยึดความเป็นตัวของตัวเองแล้วก็จำเป็นต้องเากะกระแสโลกให้ทัน รู้ความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก
ด้าน แอนดรู ทัน ผู้ก่อตั้ง KL Fashion Week Ready to Wear กล่าวว่า ปีนี้การแข่งขันมีความท้าทายมากขึ้น แต่ก็ส่งผลดีต่อารพัฒนาววงการแฟชีนของภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกันยังเป้นการเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพในเวทีนานาชาติ และได้ทำงานร่วมกับผุ้เชียวชาญในวงการแฟชั่นwww.posttoday.com/biz/aec/news/512510
"สโตนเฮด" ยึดฐานผลิตกัมพุชา เขย่าตลาดเบียร์ไทย สองแสนล้าน.
อีกหนึ่งฑุรกิจคนไทยรุ่นแใหม่ ที่ข้องใจในตลาอเครืองดืมแอลกอฮอร์ผลิตภัฒฑ์เบียร์ที่จำกัดแค่ผุ้เล่นรายเดิมมาเนิ่นนาน พร้อมแปรความสงสัยมาสุ่การศึกษาเ พื่อลุยตลาดเก่าที่แตกเช็กเมนต์ใหม่ คือ กลุ่มคาฟต์เพบียร์ พร้อมใช้สิทธิประดยชนืการลงทุนในประเทศเพื่อบ้านมาเป็นฐาานการผลิต
ปฎิธาน ตงศิริ กรรมการผุ้จัดการ บริษัท บ้านนอเข้ากรุง ผุ้แทนจำหน่ายผลิตภัฒฑดราฟต์เพบียร์แบรนด์สโตนเฮด และรำซิ่ง กล่าวว่ เร่ิมต้นฑุรกิจดราฟต์เพบียร์เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจทั้งส่วนตัว และบทบาทผุ้บริหารธุรกิจอาหารว่า (สแน็ก) มาระยะหนึ่งกระทั่งเกิดความสนใจตลาดผลติภัณฑ์เบียร์ในบ้านเราทีพบว่าถุกจำกัดอการขยายผุ้ประกอบการธุรกิจจากกฎหมายเดิมที่มีอยู่
จากนั้นจึงหันมาศึกาาธุรกิจดังกล่าวอย่งจริงจัง ใช้งบลงทุนเร่ิมต้นราว 1 แสนบาท ทดลองผลิตภัฒฑ์ให้เข้าใจกระบวนการผลติขั้นตอนต่างๆ ไปจนถึงการนำสินค้าเข้าตลาดในร้านช่องทางเฉพาะกลุ่มที่สนใจบริโภคเบีย์ดราฟต์ ที่จุดประกายให้กับตัวเขาเองว่ หากจะทำให้ตลาดผลิตภัฒฑ์เบียร์คารฟต์เป็นที่รู้จักก็ต้องทำให้ถุกกฎหมาย และเื่อกฎหมายไม่เอื้ออำนวยให้ผุ้ประกอบการฑุรกิจเบีร์รายใหม่เกิดได้ ก็ต้องย้ายฐานการผลิตไปยังต่างปะเทศ เพื่อนำสินค้าเข้ามาทำตลาดในไทย
โดยในปี 2558 จึงได้นำธุรกิจไปสร้างฐานการผลติดเบีนร์คารฟต์ ในเกาะกง ประเทศกัมพุชา ใช้ระยะเวลาราว 6 เดือนเซตอัพธุรกิจ ด้วยงบลงทุนกว่า 20 ล้านบาท พร้อมพัฒนาและสร้างแบรนด์ผลิตภัฒฑ์ฺคราฟต์เบียร์ไทยขึ้นมา ภายใต้ ชื่อ สโตนเฮด เร่ิมต้นทำตลาอดตัง่งแต่ในวันแรกผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์่..
"คราฟต์เบียร์ คือ ผูผลติเบียร์รายเล็กที่ผลติดสินค้าออกมาทำตลาดไม่เกิดน 6 ล้านบาห์เาล/ปี ความพิเศษ คือ วัตถุดิบ ส่วนผสมที่ใช้เพื่อพัฒนารสชาติเดบียร์ให้แตกต่างไปจากที่มีอยุ่เดิมในตลาด ไม่ใช่เป็นการทำเบียร์ให้ถูกลง ปัจจุบันคาดว่มีเบียร์คราฟต์ในไทยไม่ต่ำหว่าง 30 ยี่ป้อ และยังมีการรวบรวมผุ้ทำเบียร์คราฟต์ขึ้นในไทยเป็นกลุ่มขบวนการเสรีเบียร์ เืพ่อให้ความรู้ตลาด สร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลทางสังคมด้วย" ปณิธาน กล่าว...www.posttoday.com/biz/aec/news/499213
ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซสหรัฐท้าชิงจีน ประเดิมบุกสิงคโปร์เป็นสรามทดสอบอาเซียน หวังปูทางปะทะเดือดอาลีบาบา-ลาซาด้า
อเมซอน ยักษ์ อี-คอมเมิร์ซจากสหรัฐ เปิดบริการไพรม์นาว เป็นครั้งแรกในสิงคโปร์นับเป็นก้าวแรกในการชิงส่วนแบ่งตลาดผุ้บริโภคอาเซียน และเปิดฉากแข่งขันกับอาลีบาบา บริษัทอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่จากจีนที่กำลังเร่งขยายธุรกิจในภุมิภาคผ่านลาซาด้าแพทตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ในเครืออาลีบาบาในอาเซียน
ทั้งนี้ บริการไพรม์ นาว จะจัดส่งสินค้าทุกประเภทที่วางขายในอเมซอนอย่างรวดเร็ว โดยส่งสินค้าฟรีภายในเวลา 2 ชั่วโมง หากซื้อสินค้ามากว่า 40 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 981 บาท) และส่งด่วนภายใน 1 ชั่วโมง หากเสียค่าส่ง 9.99 ดอลลาร์ (ราว 245 บาท)
นอกจากนี้ เฮรีโหลว ผุ้อำนวยการฝ่ายบริการอเมซอน ไพรม์นาว ในเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า อเมซอนยังจะเปิดให้ชาวสิงคโปร์ที่มไ่ได้เป็นสมาชิกไพรม์ ทดลองใช้บริการส่งเสนค้าดังกล่าวฟรีในช่วงเวลาจำกัดด้วยเช่นกัน
แม้การเปิบริการไพรม์ในสิงคโปร์จะยังถือเป็นตลาดเล็ก ทวาประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักและนิยมซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยอเมซอนในการดำเนินการดังกลาว หลังจากท่เริ่มรุกเข้าสู่เอเชียอย่างจริงจังในปีที่แลวด้วยการบุกตลาดอินเดีย
"สิงคโปร์จะเป็นนามทดสอบ ผมจะให้เวลาอเมซอนอีก 2 ไตรมาส ในการเปิดบริการต่าๆ ในอาเวียนเร็วๆ นี้ อย่างน้อยก็ในเมืองใหญ่ของภุมิภาค" อเจย์ ซันเดอร์ รองประธานฝายกลยุทธ์ดิจิทัลของบริษัทที่รปึกษาธุรกิจฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน กล่าวพร้อมเสริมว่า ยอดขายสินค้าออนไลน์ใอาเซียน คาดว่าจะขยายตัวแตะ 7.1 หมือนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.36 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2021 จาก 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 5.32 แสนล้านบาท) ในปี 2016
ด้านบลูมเบิร์กรายงานวา การรุกตลาดครั้งนี้จะทำให้การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในอาเซียนรุนแรงยิ่งขึ้น หลังอาลีบาบาลงทุนเพ่ิมในลาซาด้าถง 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.3 หมื่นล้านบาท) เมื่อเดือน มิ.ย. และกำลังพิจารณาซื้อหุ้นในโทโกพีเดีย แพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ในอินโดนีเซีย
เสี่ยวเฟิงหวัง นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์ เปิดเผยว่า อาลีบาบาและลาซาด้าจะยังมีความได้เปรียบเหมือน อเมซอน เหนื่องจากทำธุรกิจในภูมิภาคมา ยาวนานกว่า ใน 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียยดนาม ทำให้มีฐานลูกค้าและผุ้ขายของในพื้นที่ รวมถึงมีความพร้อมเรื่องระบบโลจิสติกส์
แม้บรรดาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซหวังชิงตลาดผุ้บริโภคอาเวียนที่มีประชากรกว่า 600 ล้านราย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังเผชิญอุปสรรคบางประการ เช่น ระเบียบการกำกับดูแลที่แตกต่างกันและซับซ้อน ภาษาท้องถ่ิน และความไม่พร้อมเรื่องโลจิสติกส์..www.posttoday.com/biz/aec/news/505690
จับกระแส "อาเซียนคอนเน็กต์" ความหวังใหม่อุตสหกรรมรถยนต์โลก
ก้าวเข้าสุ่ปีใหม่ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ แต่สิ่งที่บรรดาผุ้ผลิตรถยนต์ยังต้องประเมินสภานการณ์อย่างต่อเนื่องคือสภาพเศรษบกิจและตลาดรถยนต์ในยุโรป ที่เป็นตลาดสำคัญของโลก ซึ่งหลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ประกาศความชัดเจนในการป้องกันสหภาพการเงินยุโปรแตก พร้อมทั้งรักษาระบบเงินตราสกุลเดียว และจะเพิ่มความเข้มงวดใด้านวินัยทางการเงินแก่ธนาคารต่างๆ เพื่อการสร้างสหภาพการเงินที่แท้จริง และการสร้างสหภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีต่อสหภาพยุโรปในเวลานี้ว่ายงคงเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปและของโลกด้วย
ส่วนประเทศจีนที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็ฯอันดับสองของโลก และเป็นตลาดยักษ์ใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตยุโรปเนื่องจากประเทศจีนมีการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปยุโรปจำนวนมาก จนตลาดยุโรปกลายเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ธนาคารเพื่อการพัฒนาเชียได้คาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจของจีนที่อ่นแอลงจากผลกระทบของสหรัฐและยุโรป ทไำให้จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าเศราฐฏิจจีนจะขยายตัว 8.1% ก็จะลดลงเหลือ 7.5%
ตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญของโลกั้งจีน อินเดีย ซึ่งผุ้ผลิตหลายค่ายต่างกระโจนเข้าไปลงทุน แต่ในช่วงปีนี้ตลาดดังกล่าวก็เกิดการชะลอตัวลงเล็กน้อย และจะชะลอตัวไปแบบนี้อีกระยะสั้นๆ ส่วนบราซิลหนึ่งในดาวรุ่งของกลุ่ม BRICs อุตสาหกรรมก็ประสบปัญหาการชะลอตัว ครดว่ายอดขายรถยนต์จะเติบดตที่ 1.6% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่เคยคาดกันไว้่าจะเติบโต 2.0% ถือว่าตำ่เมื่อเที่ยวกับในช่วยปี 2553 ที่ตลาดบราซิลเป็นช่วงที่รุ่งเรืองมีการเติบโตถึง 7.5%
การเติบโตด้านยอดขายรถยนต์ของตลาดโลกจึงพุ่งเป้าไปที่ทวีปเอเชียกลายเป็นตลาดรถยนต์ที่น่าจับตามอง เนื่องจากการเข้าสู่ประชาคมเศราฐกิจอาเซียน และมีการเชื่อมโยงกันอย่างเต็มรูปแบบที่หลายฝ่ายยกนิ้วให้เป็น "อาเซียนคอนเน็กต์"...
ผุ้ผลิตรถยนต์ในหลายประเทศก็มีแนวโน้มจะนำเข้าชิ้นสวนรถนยต์จากอาเซียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อตกลง FTAT ทำให้อัตราภาษีลดลงจาก 10% เหลือเพียง 5% และจะลดลงเรื่อยๆ จนอัตราภาษีจะกลายเป็น 0% ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ล่าสุด ผู้ผลิตรถยนต์อินเดียได้เพิ่มการนำเข้าชิ้นส่วนจากอาเซียนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ด้วยราคาชิ้นส่วนรถยนต์ที่ต่ำกว่าทำให้ชิ้นส่วนรถยนต์ที่นำเข้าจากอาเวียนมีสัดส่วนที่ 30% และมีแนวโน้มที่จะนำเข้าชิ้นสวนจากอาเซียนมากขึ้น
อย่างำรก็ตาม เว็บไซต์ WardsAuto ประเมินว่า แม้จะมีวิกฤตเกิดขึ้นต่อุตสาหกรรมยายนต์ขึ้นในหลายพื้นที่ ทั่วดลก แต่ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปี 2555 เพ่ิมขึ้น 6.8% หรือจำนวน 83.1 ล้านคัน และในปี 2556 จะเพิ่มขึ้นอีก 4.7% เป็น 87.0 ล้านคัน
กระแสความหวังใหม่ของุอตสาหกรรมรถนยต์ดลกที่ทุ่มน้ำหนักไปที่ "อาเซียน" จึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง...www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1357183782
โซเซียลมมีเดีย เปิดหว้างแฟชั่นอาเซียน
แฟชั่นมีส่นสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศราฐกิจของประเทศ ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกในอุตสาหกรรมแฟชั่นประมาณ 6 แสนล้านบาท และมีเป้าหมายจะยกระดับการส่งออกไปถึง 1 ล้านล้านบาท ในปี 2564 พร้อมก้าวสุ่การเป็นศูนย์กลางแฟชี่นอันดับ 1 อาเซึยน ซึ่งดจทย์นี้ถือเป้นความท้าทายที่รัฐบาลและผุ้ประกอบการต้องร่วมมือกันพัฒนาในบรรลุเป้าหมายเพื่อยกระดับวงการแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชี่นนอกจากจะสร้างรายได้ให้ประเทศแล้ว ยังกลายเป็นจุดเชื่อมด้านความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับต่งประเทศด้ายเชนกัน สายการบินแอร์เอเชียได้จัดโครงการ AirAsia Runway Ready Designer Search 2017 ในงาน KL Fashion week 2018ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนและดไซเนอร์หน้าใหม่ในภุมิภาคอาเวียนได้มีโอกาสแสดงฝีมือ ความคิดสร้างสรรค์ฺในเวทีระดับโลก ซึ่งเฟ้นหาดีไซเหนือร์จาก 10 ประเทศอาเวียนเข้าร่วมประกอด โดยมีโจทญืให้ออกแบบผลงาน Ready to Wear หรือเสื้อผ้าสำหรับพ้อมสวมใส่ได้จริงในปชีวิตประจำวัน
ไอรีน ดอมาร์ ประธารเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซียน กล่าวว่า ยอมรับว่าผลงานของนักออกแบบรุ่นใหม่มีความสวยงาม เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ การที่นักออกแบบมีโอากสเข้าร่วมในเวทีระดับนานาชาติจะยิ่งทำให้เกิดการเรียนรู้ จะสามารถนำมาปรับใช้และเป็นแรงบันดาลใจในการผลิตผลงานในวงการแฟชั่นไ้ และในอนาคตจะเชิญชวยดีไซเนอร์จากทุกประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของแอร์เอเชีย เช่น อินเดีย จีน เกาหลีไใต้ และออสเตรเลีย เข้าร่วมการแข่งขันด้วย
รัชชานท์ วงศาสนธ์ ดีไซเนอร์อิสระ ตัวแทนจากประเทศไทย เจ้าของผลงานการออกแบบธีม "วัดโพธิ์" กล่วว่ ปัจจุบันโลกโซเชียลมีเดียวมีขยายตัว ทำให้การรับรู้แฟชั่นและการประยุกต์ใช้มีมากขึ้นสอดคล้องกันความต้องการแสดงตัวตนก็มีมาขึ้นตามไปด้วย ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมแฟชั่นอาเซียนมีความหลาหลายและแข่งกันด้วยคุณภาพมากกว่าการผลิตจำนวนมาก ดังนั้นในการออกแบบนอกจากจะต้องดูเทรนด์แล้ว ยังต้องสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนยุใหม่ได้ด้วย
อีกส่วนที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชี่นให้แข่งขันได้ คือ การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เพราะส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลมีเป้าหมายและผลักดันอย่างเต็มที่จะช่วยให้การแข่งขันของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของเวทีระดับอาเวยนและนานาชาติ ทั้งในเรื่องของมุบค่าตลาดและคุณภาพ
ขณะที่ คัมภีร์ ลักษโณศุรางค์ อีกหนึ่งตัวแทนจากประเทศไทย เจ้าของผลงาน Southern Batik Thailand บอกว่า ปัจจุบันคนทั่วไปเข้าถึงแฟชั่นได้ง่ายขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นเรื่องดี ทำให้ผลงานของนักออกแบบมีหลากหลายช่องทางในการนำเสนอ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นดังนั้นการจะอยู่รอดในวงการแฟชี่นนอกจากจะต้องยึดความเป็นตัวของตัวเองแล้วก็จำเป็นต้องเากะกระแสโลกให้ทัน รู้ความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก
ด้าน แอนดรู ทัน ผู้ก่อตั้ง KL Fashion Week Ready to Wear กล่าวว่า ปีนี้การแข่งขันมีความท้าทายมากขึ้น แต่ก็ส่งผลดีต่อารพัฒนาววงการแฟชีนของภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกันยังเป้นการเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพในเวทีนานาชาติ และได้ทำงานร่วมกับผุ้เชียวชาญในวงการแฟชั่นwww.posttoday.com/biz/aec/news/512510
"สโตนเฮด" ยึดฐานผลิตกัมพุชา เขย่าตลาดเบียร์ไทย สองแสนล้าน.
อีกหนึ่งฑุรกิจคนไทยรุ่นแใหม่ ที่ข้องใจในตลาอเครืองดืมแอลกอฮอร์ผลิตภัฒฑ์เบียร์ที่จำกัดแค่ผุ้เล่นรายเดิมมาเนิ่นนาน พร้อมแปรความสงสัยมาสุ่การศึกษาเ พื่อลุยตลาดเก่าที่แตกเช็กเมนต์ใหม่ คือ กลุ่มคาฟต์เพบียร์ พร้อมใช้สิทธิประดยชนืการลงทุนในประเทศเพื่อบ้านมาเป็นฐาานการผลิต
ปฎิธาน ตงศิริ กรรมการผุ้จัดการ บริษัท บ้านนอเข้ากรุง ผุ้แทนจำหน่ายผลิตภัฒฑดราฟต์เพบียร์แบรนด์สโตนเฮด และรำซิ่ง กล่าวว่ เร่ิมต้นฑุรกิจดราฟต์เพบียร์เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจทั้งส่วนตัว และบทบาทผุ้บริหารธุรกิจอาหารว่า (สแน็ก) มาระยะหนึ่งกระทั่งเกิดความสนใจตลาดผลติภัณฑ์เบียร์ในบ้านเราทีพบว่าถุกจำกัดอการขยายผุ้ประกอบการธุรกิจจากกฎหมายเดิมที่มีอยู่
จากนั้นจึงหันมาศึกาาธุรกิจดังกล่าวอย่งจริงจัง ใช้งบลงทุนเร่ิมต้นราว 1 แสนบาท ทดลองผลิตภัฒฑ์ให้เข้าใจกระบวนการผลติขั้นตอนต่างๆ ไปจนถึงการนำสินค้าเข้าตลาดในร้านช่องทางเฉพาะกลุ่มที่สนใจบริโภคเบีย์ดราฟต์ ที่จุดประกายให้กับตัวเขาเองว่ หากจะทำให้ตลาดผลิตภัฒฑ์เบียร์คารฟต์เป็นที่รู้จักก็ต้องทำให้ถุกกฎหมาย และเื่อกฎหมายไม่เอื้ออำนวยให้ผุ้ประกอบการฑุรกิจเบีร์รายใหม่เกิดได้ ก็ต้องย้ายฐานการผลิตไปยังต่างปะเทศ เพื่อนำสินค้าเข้ามาทำตลาดในไทย
โดยในปี 2558 จึงได้นำธุรกิจไปสร้างฐานการผลติดเบีนร์คารฟต์ ในเกาะกง ประเทศกัมพุชา ใช้ระยะเวลาราว 6 เดือนเซตอัพธุรกิจ ด้วยงบลงทุนกว่า 20 ล้านบาท พร้อมพัฒนาและสร้างแบรนด์ผลิตภัฒฑ์ฺคราฟต์เบียร์ไทยขึ้นมา ภายใต้ ชื่อ สโตนเฮด เร่ิมต้นทำตลาอดตัง่งแต่ในวันแรกผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์่..
"คราฟต์เบียร์ คือ ผูผลติเบียร์รายเล็กที่ผลติดสินค้าออกมาทำตลาดไม่เกิดน 6 ล้านบาห์เาล/ปี ความพิเศษ คือ วัตถุดิบ ส่วนผสมที่ใช้เพื่อพัฒนารสชาติเดบียร์ให้แตกต่างไปจากที่มีอยุ่เดิมในตลาด ไม่ใช่เป็นการทำเบียร์ให้ถูกลง ปัจจุบันคาดว่มีเบียร์คราฟต์ในไทยไม่ต่ำหว่าง 30 ยี่ป้อ และยังมีการรวบรวมผุ้ทำเบียร์คราฟต์ขึ้นในไทยเป็นกลุ่มขบวนการเสรีเบียร์ เืพ่อให้ความรู้ตลาด สร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลทางสังคมด้วย" ปณิธาน กล่าว...www.posttoday.com/biz/aec/news/499213
วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ASEAN Connect NEWS
ปั้น "บางแสน"เที่ยบชั้นไมอามี่ รับนักท่องเที่ยวสูงวัย
ประชากรทุกประเทศทั่วโลกกำลังเข้าสู่สังคมผุ้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลการศึกาาของสำนักสำมะโนครัว ประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่าอีก30 ปีข้างหน้า ประมาณปี 2590 ประชากรผู้สูงอายุของโลกที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จะเพ่ิมขึ้นกว่าสองเท่า หรือประมาณ 600 ล้นคน จากประชากรปัจจุบั 7,400 ล้านคนทั่วโลก
ทั้งนี้ เห็นได้ว่าปัจจุบันสินค้าและบริการด้านต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับผุ้บริโภคหลุ่มผุ้สูงวัยเพ่ิมมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มผู้สูงวัยเพ่ิมมากขึ้นเนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซ์อสูง ยิดีจ่ายหากสินค้าและบริการสามารตอบโจทย์ รวมถึงมีความต้องการประเภทสินค้าและบริการเฉพาะกลุ่ม (นิชมารร์เก็ต) ชัดเจนกว่ากลุ่มลูกค้าอื่น เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เห้ฯถคึงช่องทางการตลาดของนักท่องเที่ยวกลุ่มผุ้สูงวัยทั่วโลกที่เดนทางมาพำนักระยะยาว (ลองสเตย์) ในประเทศไทยไ้โดยไม่จำกัดเฉพาะฤดูกาลท่องเที่ย เท่านั้น และอยู่ยาวกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น
ณรงค์ชัย คุณปลื้อม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จ. ชลยุรี เล่าว่า เมืองสแสนสุข หรือบางแสน มีนโยบายผลักดันให้เทศบาลเป็นจ้รแบบการดูแลกลุ่มผุ้สูงวัยในพื้นที ซึงมีประมาณ 6,000 คน จากประชากรทั้งหมด 4 หมื่นคน ให้ได้รับการดุแลผ่านโครงการแสนสุข สมาร์ทซิตี้ มุ่งการเป็นเมืองอัจฉริยะสำหรับผู้สูงวัยเพื่อดุแลคุณภาพชีวิตของผุ้สูงวัย ดดยนำเทคโนโลยีมาช่วยดูแลให้ชีวิตความเป็นอยุ่ดีขึ้น
"เมืองแสนสุขได้จัดทำริชแบรนด์ระบบอัจฉริยะให้แก่ผุ้สูงวัย กรณีอยู่บ้านเพียงลำพังและเกิดเหตุฉุกเฉินเครื่องเตื่อนจะสามารถแจ้งรถพยาบาลให้การดุแลช่วยเหลือผุ้ป่วยได้ทันที ดดยแนวคิดดังกล่าวช่วยสร้างระบบสมาร์ท ซีเคียวริตี้ เพื่อเป็นสวนหนึ่งในการผลักดันเมืองให้ก้าวเข้าสู่สมาร์ท ซิตี้ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐ" ณรงค์ชัย กล่าว
สำหรับแผนการผลักดันสมาร์ ซีเคียวริตี้การสร้างเมืองให้มีความปลอดภัย ดดยเฉพาะประชากรกลุ่มผุ้สูงวัยช่วยต่อยอดการเป็นเมืองรองรับนักท่องเที่ยกลุ่มนี้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าบางแสนมีสถานที่ตั้งภูมิศาสตร์รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มผุ้สูงวัยมาใช้บริการได้
ทั้งนี้ เมืองแสนสุขได้ร่วมกับอค์การความร่วมมือระหว่งประเทศของญีปุ่น ให้คำปรึกษาถึงแผนการพัฒนาเมืองรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มผุ้สูงัยได้อย่างครบวงจร ดดยสถานทูตญี่ปุ่่นร่วมกับโรงพยาาบาลสมิติเวชจัดทำแผนอบรมบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร อบรมทักษะความรู้การดูแลปฐมพยาบาลผุ้สูงัยขั้นพื้นฐาน รวมถึงมอบอุปกรณืทางกรแพทย์ที่ช่วยรักษาพยาบาลผุ้สูงวัยได้อย่างมประสิทธิภาพ...
ปัจจุบันบางแสนถูกโหวตให้ติดอันดับ 7 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดของไทย และเป็นเมืองที่นักท่อเที่ยวทั่วโลกต้องมาลองสเตย์ ซึ่งบางแสนเตรียมปรับภาพลักษณ์ใหบางแสนเป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นที่อยู่อาศัยของคนทั่วโลกที่คิดจะมีบ้านพักต่างอากาศ ไม่แพ้ภาพลักษณ์ที่ทั่วโลกมองเมืองไมอามี่" ณรงค์ชัย กล่าวทิ้งท้าย...www.posttoday.com/biz/aec/news/516204
ดันหาดใหญ่สมาร์ทซิตี้..
ประเทศไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสิ่งแวดล้อมเมือง บุคลากรเพ่ิมศักยภาพความรู้ความสามารถช่วยนำพาให้เมืองไทยเป็นสถานที่อยู่อาเสยที่มีความสะดวกสบาย สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติปักหมุดเดินทางมา
วรรณรัช สันติอมรทัต หัวหน้าโครงการสมาร์ท อินโนเวชั่น ฮับ ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เล่าถึงแผนพัฒนา อ.หาอใหญ่ ว่า แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหาดใหญ่ให้เป็นเมืองสมาร์ทซิตี้ ตั้งแต่ปี 2560-2569 โดยแบ่งแผนการทำงานเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อผลักดันให้
หาดใหญ่เป็นเมืองสมาร์ทซิตี้ครบวงจร ศูนยกลาง (ฮับ) การต้าและการท่องเที่ยวในภาคใต้เชื่อมต่อประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาเมืองเน้นใน 3 เรื่องหลัก คือ สิ่งแวดล้อม ด้านอากาศ การกำจัดขยะ ชีวิตความเป็นอยูของประชากรในเมืองต้องมีคุณภาพ 2. เศรษฐกิจในภาพรวม ให้ความสำคัญใน 4 เรื่องหลัก คือ การมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวครบวงจร ภาคธุรกิจพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ถือเป็นจุดเด่นของหาดใหญ่ อย่างเช่น อุตสาหกรรมห้องเย็น การพัฒนาดิจิทัล สร้างนวัตกรรมการผลิตเทคโนโลยี พร้อมสงเสริมคนในชุมชนทำการต้ากับประเทศเพื่อบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และการพัฒนาอาหาร โดยเฉพาะอาหารมุสลิม เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง 3. การพัฒนาสังคมของบุคลากรให้มีความคิดที่สอดคล้องกับยุคใหญ่ไทยแลนด์ 4.0 โดยต้องเริ่มจากการศึกษามัธยมระดับต้น รวมถึงพัฒนาผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพให้มีความรู้ความเข้มแข็งทางธุรกิจ สร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน รอบรับการแข่งขันในอนาคต
" แนวทางการพัฒนาเมืองหาดใหญ่ให้เป็นเมืองกาค้าและการท่องเที่ยวอย่างครบวงจร มีระยะเวลาการพัฒนาการ 9 ปี ในการปรับทัศนคติของคนในเมืองให้ร่วมมือร่วมใจบริหารจัดการในทิศทางเดี่ยวกัน โดยหาดใหญ่ยังร่วมมือกับเมืองต่างๆ ในภาคใต้ เช่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เชื่อมโยงท่องเที่ยวระดับภูมิภาคด้วย" วรรณรัช กล่าว...www.posttoday.com/biz/aec/news/517496
ผุด "มอเตอร์เวย์" เชียงใหม่-พะเยา เชื่อมสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ 4 ประเทศ
ห้วงเวลาของการเชื่อมโยงกาติดต่อค้าขยใช่เพียงแต่ประชาคมเศราฐกิจอาเซียนที่กำลังใกล้เข้ามา แต่หากพูดถึงอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงหรือสี่เหลี่ยมเศรษบกิจ ไทย ลาว พม่า และจีน ก็ทำให้ จ.พะเยา ซึ่งมีพรมแดนติดกับแขวงอุดมไชย ประเทศลาว กลายเป็นประตูการค้า ซึ่งนอกจากจะเข้าสู่ประเทศลาวตอนกลางแล้ว ยังสามารถเชื่อมโยงต่อไปยังจีนตอนใต้ได้อีกด้วย
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถรนที่เมืองวันที่ 15 ม.ค.2555 ที่ จ.เชียงใหม่ ที่ประชุม ครม. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการการก่อสร้างทางด่วนพิเศษ หรือมอเตอร์เวย์ เชียงใหม่-เชียงราย-พะเยา เพราะเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญสูง เชื่อมโยงระหว่งเมืองศุนย์กลางภาคเหนือ และประเทศเพื่อบ้านในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ซึ่งจะสงผลต่อการพัฒนาเศราฐกิจในภุมิภาค
ล่าสุด ช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเวที จ.พะเยา รับฟังความคิดเห็น สรุปแนวทางเลือกและรูปแบบโครงการเบื้องต้นที่เหมาสม โดยแนวเส้นทางเร่ิมจากตัวเมืองเชียงใหม่เชื่อมโยงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่าน อ.ดอยสะเก็ต แม่ออน จ.เชียงใหม่ เข้าสู่ อ.เมืองปาน แจ้ห่ม วังเหนือ จ.ลำปาง และเข้าสู่ อ.เมือง จ.แม่ใจ จ.พะเยา และข้าสุ่ จ.เชียงราย ด้าน อ.พาน อ.เมืองเชียงราย และ อ.เวียงชัยสิ้นสุดที่ตัวเมืองเชียงายระยะทางประมาณ 185 กิโลเมตร
รูปแบบโครงการเป็นไปตามมาตรฐานทางหลวงพิเศษ มีรั่วกั้นตลอดเส้นทางเพื่อความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย ยกเว้นทางเชื่อมรูปแบบทางเป็นไปตามสภาพภูมิประเทศ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีรูปแบบถนนพื้นราบ รูปแบบสะพาน และรูปแบบอุโมงค์
ทั้งนี้ แนวเส้นทางที่ตัดผ่านชุมชน พื้นที่เกษตรกรรม จะมีการก่อสร้างทางบริการในลักาณะทางลอด ทางเชื่อมให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ สำหรับเส้นทางที่ผ่าน จ.พะเยา จะมีแนวอุโมงค์ลอดดอยหลวงระยะทาง 5 กิโลเมตร ลงไปเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 1 ที่ อ.แม่ใจ
บุญชู กมุทมาโนชญ์ ประธานสภาพอุตสาหกรรมพะเยา เห็นว่าเส้นทงดังกล่าวจะส่งผลดีต่อ จ.พะเยา ทั้งประหยัดเวลาในการเดินทาง จากเดิมเชียงใหม่-พะเยา 3 ชั่วโมง จะลดลงเหลือไม่ถึง 1 ชั่วโมง ผลที่ตามมาคือประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า-ขนส่งคน และส่งเสริมเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว โดยพื้นที่ช่วงใดที่ผ่านภูเขาจะมีการเจาะสร้างอุโมงค์ไม่มีการทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ตัดต้นไม้ดังที่หลาย่ฝ่ายกังวล...www.posttoday.com/biz/aec/news/358204
ที่ดินเชียงรายพุ่ง หลัง รฟท.ผุดรถไฟเด่นชัย-เชียงของ
หลังรอคอยมาหลายสิบปี ในที่สุดความหวังที่จะได้มีเส้นทางรถไฟของคนเชียงรายก็ใกล้เป็นความจริง วุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผุ้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยยืนยันในเวทีสัมนา "รถไฟพลิกโฉมเขตเศรรษฐกิจพิเศษเชียงราย"เมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเส้นทางรถไฟ เด่นชัย -เชียงราย จะสิ้นสุดที่ อ.เชียงของ เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ซึ่งทำให้การพัฒนาในด้านต่างๆ เข้ามาด้วย ทั้งด้านโลจิสติกส์ ด้านการท่องเที่ยวการค้าขายที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้สิ่งที่ต้องติดตามมาก็คือราคาของที่ดินใน อ.เชียงของ ก็อาจจะปรับตัวขึ้นไปด้วย
ดรุณี เลาหะวีร์ รองกรรมการ ผู้จัดการฝ่ายบ้านจัดสรร สินธานีกรุ๊ป มองว่า ตลอดแนวเ้สนทางรภไฟกระทั้งสิ้นสุดที่ อ.เชียงของ คาดว่าที่ดินอาจจะมีราคาสูงขึ้นบ้างตามกระแส เพราะปัจจุบันที่ดินใน จ. เชียงราย ก็สูงขึ้นเนื่องจากมีการเก็งกำไรของนายทุนที่ซื้อเปลี่ยนมือต่อๆ กันหลังจากที่มีการะแสการพัฒนาเชียงราย
ดรุณีบอกว่า การปั่นราคาที่ดินใน จ. เชียงราย เร่ิมขึ้นตั้งแต่การจัดตั้งสี่เหลี่ยรมเศรษฐกิจในปี 2553 ก็ได้มีการกว้านซื้อที่ดิน จากนั้นก็มีการขยับเป็นการเปิดประชาคมเศราฐกิจอาเวียน ทำให้ที่ดินมีราคาพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ โดยส่วนใหญราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นนั้นเกิดจากการเก็งกำไรขายต่อของนักลงทุนเอง ทำให้ที่ดินมีราคาูงเกินกว่าที่น่าจะเป็น ในส่วนของการก่อสร้างเส้นทางรภๆฟนั้น หากเข้ามาในพื้นที่จริงก็คาดว่าน่าจะมีการขยับขึ้นของราคาที่ดิน โดยเฉพะพื้นที่ซึ่งใกล้กับสถานที่หรือจุดจอด อาจจะขยับขึ้นอีกเล็กน้อย เพราะในปัจจุบันราคาที่ดินในเชียงรายถือว่าสูงพอสมควรอยู่แล้ว
"การลงทุนซื้อที่ดินใน จ.เชียงราย ในตอนนี้ นักลงทุนยังมอง่ามีราคาสูง ประกอบกับปัจจุบันการลงทุนในเชียงรายยังไม่มากเท่าที่ควร แต่อย่งำรก็ตามหากมีอนาคตมีการพัฒนาฝังเมืองและการคมนาคมเพ่ิมข้น การลวทุนทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์และด้านต่างๆ จะเพ่ิมขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้นเชียงรายจะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีความคึกคักทั้งด้านเศราฐฏิจและการลงทุน"
อนุรัตน์ อินทร ประธานหอการต้าจ.เชียงราย ก็เห็นว่า เมื่อมีรภไฟเข้ามาในพื้นที่เชียงของ ก็จะทำให้ระบบโลจิสติกส์ดีขึ้นซึ่งราคาที่ดินก็จะขยับเพ่ิมขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นราคาของที่ดินโดยเฉพาะพื้นที่ใกล้กับสภานีรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย- ค่อนข้างที่จะแน่นอนแล้ว เพราะผ่านขั้นตอนต่างๆ มาได้ประมาณ 90%
"หลังจากนี้่วนนี้เกี่ยวกับเรื่องผังเมือง ในพื้นที่เชยงของและเชียงรายจะต้องมีการปรับผังเมืองเพื่อรองรับการเข้ามาของรถไฟ ซึ่งจะต้องเริ่มการปรับผังเมือง เช่น การสร้างโกดังบริเวณใกล้กับสถานีรถไฟซึ่งหากไม่วางผังเมืองตั้งแต่ก่อนที่รถไฟจะเข้ามา ก็จะเกิดปัญหาตามมา เรื่องที่ 2 ที่ต้องปรับตัว คือเรื่องของการศึกษาของคนในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับเขตเศรษบกิจพิเศษและเรื่องการต้าจะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อหาตลาดท่รองรับในเส้นทางของรถไฟที่ไปถึง เพื่อจะได้มีการลงทุนใหม่ๆ และเซฟค่าขนส่วลง สำหรับในส่วนของประชาชนในพื้นที่ก็คงจะต้องปรับตัวในเรื่องของวัฒนธรม เพราะในอนาคตคการเข้ามาในพ้นที่่ของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นคนในพื้นที่จึงต้องมีการปบตัวด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับเศราฐกิจที่จะพัฒนาขึ้นไป" ประธานหอการค้า จ.เชียงรายมองภาพอนาคตในเวลาอันใกล้นี้...www.posttoday.com/biz/aec/news/464256
วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560
Thailand and ASEAN Connect
เมื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติร่างยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พงศ. 2558-2560 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งเดินหน้ายุธศาสตร์เขตพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว โยใช้กลยุทธ์อาเซียนคอนเน็ก เชื่อมโยง 5 ประเทศ สร้างท่องเที่ยวคุณภาพในแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในเเรื่องนี้ นางกอบกาญจน์ รัฒนวรางกุร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่ว่า ได้เร่งให้ทุกหน่วยงานเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้างรายได้แก่ประเทศอย่างยั่งยืน โดยจะเป็นการพัฒนาทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อมในการนำไปสู่การพัฒนาที่สมดุล ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมาย
ขณะที่อาเซียนคอนเน็กซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งในแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558-2560 ได้ดำเนินการไปแล้วในหลายส่วน เช่น การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ย ACMECS ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศราฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง เป้นต้น ทั้งนี้ นางกอบกาญจน์ กล่าวว่าการท่องเทียวแบบเขตพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวจะเป็นทิศทางอนาคตของการท่องเที่ยวไทย เพราะอารยธรรมนกลุ่มล้านนาอีสานใต้และความเป็นเอกลักษณ์ของอันดามัน สามารถพัฒนาสินค้าท่องเทียวตามความสนใจเฉพาะไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ตรงกลุ่มนิชมาร์เก็ต ไม่ว่าจะเป็นการท่องเทียวเชิงสุขภาพ หรือเมดิคัดแลนด์เวลเนส และท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือการท่องเที่ยวเพื่อากรอนุรักษ์ทางทะเลและป่าเขามรดกโลก เพื่อนไปสู่การเพ่ิมเรื่องเล่าแชร์ส่งต่อความประทับใจในการต่อยอดการทำการตลาดบนโลกออนไลน์แบบดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เนื่องจากรูปแบบการท่องเที่ยว และเพ่ิมการใช้จ่าย พักผ่านแบบอยู่ยาวมากขึ้น จะช่วยทำให้เกิดการกระจายรายได้และเม็ดเงินลงสู่ประชาชนในพื้ที่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงวันที่ 1-31 กรกฎาคม 2558 มีจำนวน 2,6xx,xxx คน ขยายตัว 37.99% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยักที่องเทียว 2 อันดับแรกคือ จีนและมาเลเซีย โดยสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 - กรกฎาคม 2558 มีรายได้จากการท่องเที่ยแล้ว 1.18 ล้านล้านบาท ขยายตัว 23.12% จากลวงเลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ด้าน นายอารีพงศ์ ภูชอุ่ม ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว ACMECS กลุ่มลุ่มแม่น้ำอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ซึ่งประกอบด้วยประเทศที่มีชายแดนติดกันได้แก่เมียนมา กัมพูชา-ลาว-ไทย-เวียดนาม เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวหให้มีคุณภาพ ให้เชื่อมโยง และเติบโตยั่งยืน ว่า จากการ่่วมประชุมรัฐมนตรีการท่องเที่ยว ครั้งที่ 2 ทีประเทศเมียนมาที่ผ่านมามีสาระสำคัญด้วยกัน 7 เรื่อง ในการวางแผนทำงานระหว่างปี 2016-2018 โดยมีเป้หาหมายเดียวกันคือมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ 7 ด้าน เป็นสำคัญ โดย
- เป็นการส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ย 5 ประเทศ 1 จุดหมายปลายทาง มีผู้รับผิดชอบคือ ไทย และเวียดนาม
- เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวโดยกัมพูชา
- การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยวมีเจ้าภาพ คือ ประเทศเมียนมา เป้ผุ้ดำเนินการ
- การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมีเจ้าภพ คือ ประเทศเมียนมา เป้นผู้ดำเนินการ
- การพัฒนาคุณภาพ มีประเทศไทยและเวียดนามร่วมกันวางแผน
- ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย มีประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ และ
- การให้เอกชนมีส่วนร่วม ีประเทศลาวและเวียนดนามนำไปวางแผนกลยุทธ์
อย่างไรก็ตาม นายอารีพงศ์ยังกล่วต่อว่า ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว 5 ประเทศอาเวียนถือเป้ฯจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนในการทำงานของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีากรศึกาาข้อมูลระดับลึกลงไปในแต่ละจังหวัด เืพ่อสามารถกำหนดแนวทางและยุทธศาสต์การทำงานให้เมาะกับแต่ละพื้ที่ พร้อมกับทำความเข้าใจกับประเทศเพื่อบ้านเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานแวคิดเดียวกัน
"การเดินหน้าด้านการท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนเพื่อให้พัฒนาไปพร้อมๆ กัน จะต้องเร่ิมที่ 5
ประเทศ 1 จุดหมายปลายทาง ในการดึงนักท่องเที่ยวจรากทั่วโลกเข้ามใน 5 ประเทศ ให้มากขึ้นอาจจะต้องมีการเชื่อมโยด้านท่องเที่ยวทั้ง 5 ประทเศ ให้เป็นรูปธรรมากขึ้นด้วยการเด็บข้อมูลด้านการท่องเที่ยว พัฒนาเรื่องของแหล่งท่องเที่ยว ท่จะต้องมีมาตรฐานในการดำเนินการวมไปถึงการพัฒนาบุคลากร รวมไปถึงเรื่องความปลอดภัยที่จะต้องยกระดับในเรื่องดังกล่าวสูมาตรฐ,าานสากล" นายอารีพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายอารีพงศ์ ยังกล่าวต่อวา เมื่อกระทรวงท่องเทยวรวมกับหน่วยงานต่างๆ มีความชัดเจนในเรื่องของการทำงานมากขึ้น สิ่งสำคัญที่จะตามคือกรสร้างโลจิสติก การคมนาคมที่ะดวกมากขึ้นโดยจะต้องมีความร่วมมือในการดึงนักลงทุนของแต่ละประเทศเข้ามาลงทุน เพื่อทำให้ภาคเอกชนเกิดความชัดเจนในการทำงานตามรูปแบบตามยุทธศาสตร์การท่องเทียวไทย พ.ศ. 2558-2560 ต่อไป
ขณะที่ นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธนอุตสาหกรรมท่องเทียวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวถึงยุทธศาสตร์การท่องเทียว 5 ประเทศอาเซียน ว่าแนวทางดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากจะทำให้เกิดความร่วมมือทางต้านการตลาด การเชื่อมฌยงเตรื่อข่ายด้านการท่องเที่ยว ดโยเฉพาะเมื่อทางภาครัฐเป็นผุ้ชับเคลื่อนก็ํจะทำให้ทางภาคเอกชนของไทยสามารถประสานการทำงานกับทางผุ้ประกอบการด้วยกันในกลุ่มอาเวียนเชื่อมโยงการตลาดได้สะดวกขึ้นเช่น การทำแ็กเกจการท่องเที่ยวร่วมกัน ในภูมิภาคนี และแนวคิดทิศทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวด่าง ๆ เพื่อเป้ฯประโยชน์ระหว่าประเทศมาชิกด้วยกัน เป็นต้น
"เอกชนสามารถผลักดันและสอดรับกับยุทธศาสตร์ดังกล่วด้วยการขยายฐานทางการตลาดให้กว้างขึ้น จากเดิมที่นำมาตลอดเมื่อมีภาครัฐเข้ามาขับเคลือนก็จะทำห้การทำงานกระชับและเห็นผลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้นักท่องเทียวที่เดินทางในภูมิภาคนี้ใช้ประเทศไทยเป้ฯฮับก่อนจะเดินทางไปสู่แหล่งท่องเที่ยวในปะเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้ขยายวันพักและสร้งรายได้เข้ามาในภุมิภาคนี้มากขึ้น อีกทั้งยังเป้ฯการเพ่ิมความหลากหลายของเเหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย" นาสยอิทธิฤทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตา นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวต่อว่า เลานี้มีเรื่องเดียวที่เป็นกังวลคือการอำนวยความสะดวกใเรื่องการผ่านแดนทั้งขาเข้าและขาออกจะต้งอมีความชัดเจน ทั้งในเรื่องสิทธิหรือข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการออกมาเป็นรูปธรรมชัดเจนทั้ง 5 ประเทศ นอกจากนี้ ทุุกแห่งน่าจะมีวามพร้อมเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งท่องเทียวด้วย www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=4418&filename=index
"สมคิด" กดปุ่ม "อาเวียน คอนเนกต์" เชื่อมโยงการท่องเทียวในกลุ่มอาเซียน ร่วมมือกันรวย ดึงการบินไทย-ไทยสมายล์-แอร์เอเชียทำแพ็กเกจ แทนที่จะแข่งขันกันเอง โดยมี ททท.ช่วยทำตลาด ด้านผุว่าการททท.เผยตัวอย่างเส้นทางเชื่อมโยง 5 ประเทศสุดอเมซซิ่ง ตั้งแต่ไทย-เมียนม่า-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ร่วมกับนางกอบกาญจน์ วัมนวรางกุร รมว. การท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ 3 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย ไทยสมายล์ และไทยแอร์เอเชีว่า ผลการเติบโตของการท่องเที่ยว น่าประทับใจมากทั้งในเรื่องขงอปริมาณคนและรายได้ ถือว่าเป้นผลงานชิ้นโบลแดงขงอกระทรวงการท่องเที่ยและ ททท. แต่จากนี้ไปจะเน้นเรื่องการขับเคลื่อนการปฏิรูปท่องเที่ยวให้ยังยืนและดีกว่าเดิม
ทั้งนี้ ได้ขอให้กาบินไทย ไทยสมายล์และไทยแอร์เอเชีย รวมทั้งสยการบินอื่นๆ รวมกันเป็นหมู่คณะ มานั่งประชุมกับ ททท. เพื่อออกแบบแพ็กเกจการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในอาเว๊ยนหรืออาเว๊ยน คอนเนกต์ฺ ทั้งการเชื่อมโยงระหว่างเมืองต่อเมือง ระหวางอาเวีนด้วยกันเองและเชื่อมโยงนอกอาเวีน กับยิงตรงเข้มาสู่อาเวียนและกระจายเส้นทางออกไป เพื่อให้เกิดมิติตใหม่ของการท่องเที่ย โดย ทท. จะร่วมทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้ด้วย ซึ่งวิธีนี้จะดีกว่าที่แตละสายการบินจะแข่งขันกันเอง
"ขณะนี้การท่องเที่ยวภายในอาเวียนโตขึ้นมาก ทั้งในอาเวียนด้วยกันเองและจากต่างปรเทศที่ต้องการเข้ามาเที่ยวในอาเวียน แต่ละประเทศมีจุดเด่นของตัวเอง นดยบายของการท่องเที่ยวคือจะเน้นเรื่องของอาเวียนคอนเนกต์ ถ้าในระหว่งอาซียนด้วยกันเอง มีนักท่องเที่ยวจากเมืองอะไรบ้างในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาวเมียนมาและวียดนาม รวมถึงมาเลเซีย"
นายสมคิด กล่าววว่ การดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาแลบะไปเที่ยวต่อที่อื่นไม่ใช่แค่เมืองไทย อาจจะเป้ฯอีกหน่งหรือสองประเทศก็ได้ ตอนนี้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดิมจะเที่ยวของเขาเอง แต่จะกนีไปและด้วยแนวคิดนี้นักท่องเที่ยวจากกลุ่มยุโรปจะสนใจแน่นอน จะเป้นมิติใหม่ของการท่องเที่ยว โดยจะมีการโปรโมตไปก่อน และเกิดขึ้นใจครึงปีหลัง ซึ่งจะมีประโยชน์สูงมก เพราะกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีที่ีการเติบโตที่สูงมากและมีคนที่มีรายได้เพเ่มขคึ้นมาก มีการเติบโตต่อเนื่อง 2-3 ปี คนเหล่านี้ยินดีที่จะม่เที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว แตต้องการให้มาประเทศไทยและไปประเทศอื่นด้วย จึงต้องมีสายการบินที่พร้อม
ขณะที่นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยได้สมบูรณ์และช่วยสับสนุนให้นโยบายการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในอาเวียนเป็นจริงได้ เพราะมีสายการบินหลายสายมาร่วมกันคิดแม้สายการบินนกแอร์ไม่ได้มา แต่ก็จะประสานให้มาร่วมดครงการนี้ด้วย นอกจากนี้คงต้องให้บริษทัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มาร่วมดั้วย เพราะเป้ฯผุ้กำหนดตารางการบินของายการบินทุกสายที่บินเข้าประเทศไทย....www.thairath.co.th/content/578963
เปิดกลยุทธ์ "กอบกาญจน์" ตอบจริตทัวริสต์ดันเป้า 2.4 ล้านล้านบาท
กอบกาญจน์ วัฒนาวรางกุร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้สัมภาษณ์ "ฐาน
เศรษฐกิจ" ว่าหลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ร่วม 2 ปี ได้เดินหน้าทำยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว วางรากฐานท่องเทียวไปสู่ตลาดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ยึดหลักสร้างควาสามดุลรายได้กับสังคม-สิิ่งแวดล้อมและให้เกิดการกระจายรายได้สู่ขุมชน โดยมีการบุรณาการทำงานร่วกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 10 กระทรวง
แม้หลายคนมองว่าเป้นนามธรรมต่ก็ต้องทำ ขณะทนี้ไ้สะทอ้นออกมาในรูปของรายไ้ จะเห็นว่า การประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่ารายได้เพ่ิมข้น 18.2% เป็นไปตมที่รองนายกฯ สมคิดตั้งความหวังไว้ และเราพยายามไม่พูดถึงตัวเลโดยท่าน พล.อ,ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านท่องเที่ยวบอกว่าให้เราเจียมตัวไว้ก่อน ซึ่งลึกๆ แล้วน่าจะทำให้ รวม. การท่องเที่ยวฯ กล่าวอย่างมั่นใจพร้อมระบุวา สถานการณ์ไตรมาสแรกคาดจะมีจำนวนนักท่องเที่ย 8.94 เพิ่มขึ้น 14.3% สร้างรายได้ 4.56 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2% จากปีที่แล้ว
ขณะนี้หลายคนไม่ห่วงวานักท่องเที่ยจะมไ่มา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ามาแล้วจะไปเที่ยวที่ไหนมากว่า เรื่องนี้ รมว. กอบกาญจน์ กล่าวว่า เราจึงต้องมี 12 เมืองห้ามพลาดและ 1 เมืองห้าพลด (พลัส) เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้แต่ละเมืองจะรับได้ไม่มาก เพราะไม่ใช่ตลาด แมส แต่ท้องถ่ินต้องขยันให้การดูแลนักท่องเทียว บางเมืองอาจจะรับได้มาน้อยต่างกัน ..
... กลยุทธ์ รมว. การท่องเที่ยวฯ มองว่าตลาดอาเวียนถือเป็นตลาดใหญ่ที่ประเทศไทยต้องวางตำแหน่งให้เป็นศุนย์กลงหรือฮับของบภุมิภาคนี้เพราะถ้าเราไม่ทำอะไร ก็จะสเเสียตลาดนักท่องเทียวไปแน่นอน โดยตามสถิติ ปี 2554 มีนักท่องเที่ยวในและนอกอาเว๊ยนเดินทางท่่องเที่ยวรวมกัน 81 ล้านคน ปี 2557 เพิ่มมาเป็น 105 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากนอกกลุ่มอาเวียน 56 ล้านคน หรือ 53.2% ที่เหลือเป็นอาเซียนเที่ยวกันเอง 49 ล้านคนหรือ 46.8% ใรกสนชบสบจีงปรฃะ 10%
"จากการพูดคุยกับ รมว. การท่องเที่ยวกัมพูชาเขาก็ตั้งความหวังว่านักท่องเที่ยวไทยก็คือเป้าหมายสำคัญของกัมพุชา ใครไม่มาไม่เป็นไรเขาขอให้คนไทยไปเทียวกัมพุชาก็พอ และต้องการให้นักลงทุนไทยเข้าไปสร้างโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งเราต้องรีบดูลู่ทางการลงทุน ไม่เช่นนั้น ทุนจีน สิงคโปร์จะเข้าไปลงทุนหมด"
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็ว่ามไ่ใช่ไทยที่หวังตลาดอาเซีนแต่ทุกประเทศก้หวังที่จะดึงนักท่องเที่ยวในภุมิภาคนี้เที่ยวกันเองส่วน 3 อันดับแรกนักท่องเที่ยวในอาเซียนที่มาไทยคือ มาเลเซีย ลาว และสิงคโปร์ เดินทางทางบก 53% จึงจำเป็นต้องพัฒนา ด่านชายแดนต่างๆ ขึ่นมารองรับ ขณะที่ผลสำรัวจพบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริบถึง 2.8 หมื่นบาท และนิยมมาซื้อเสื้อผ้าอันดับแรก รองลงม อาหารแห้งของขบเคี้ยว เครื่องหนัง อัญมนี เครื่องประดับ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ดังนั้นจึงเป็นโอกาสการขยายตลาดเพ่ิมเติมส่ิงที่เรากำลังเร่ิมทำ ต้องพยายามเป้นฮับให้มากขึ้นเรามีโลว์คอสต์แอร์ไลน์ที่จะทำให้เกิดเส้นทางเชื่อมโยงระหว่งเมืองหลักสู่เมืองหลัก เมือง
หลักสู่ท้องถ่ิน และท้องถ่ินสู่ท้องถ่ินเพื่อตันไทยเป็นฮับอย่งแท้จริงและได้มอบหมายใน้ ททท. ทำลิสต์เมืองต่างๆ เพื่อให้สายการบิน ไทยสมายล์ นกแอร์ แอร์เอเชีย เปิดเส้นทางบินใหม่ๆ รองรบนักท่องิที่ยวจากทั้งในอาเซียนและนอกอาเซียนให้มาไทยก่อนที่จะเดินทางไปประเทศอื่่นๆ ...www.thansettakij.com/content/39908
ผนึกเส้รทาง CLMV เพื่อนบ้านดันไทยผุ้นำท่องเที่ยวโยอาเซียนคอนเนก
ชาติอาเซียนหนุนไทยผุ้นำเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเื่อซีแอลเอ็มวีเวียดนามเปิดตัว สามเหลี่ยมมรดกโลกเที่ยว 3 ประเทศ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผุ้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่ ขณะนี้นักท่องเที่ยวอาเวียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา สปป.ลาว. เมียนมาร์ และเวียดนาม) ให้ไทยเป็นผุ้นำเปิดเส้นทางเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยในโครงการอาเซียน คอนเนอก ภายใต้แนวคิด ทูคันทรี วันเดสติเนชั่น ภายใต้ 3 กลยุทธ์ส่งเสริมหลัก
ประกอบด้วย 1 สั่งการให้ทุกสำนักในประเทศซึ่งมีพื้นที่ท่องเที่ยวติดประเทศเพื่อบ้านเปิดเส้นทางท่องเที่ยวร่วมักน เช่น คุนหมิง ประเทศจีน เตรียมส่งสเริมการเดินทางพื้นที่สามาเหลี่ยมเศรษฐกิจ เชื่อมท่องเที่ยว สปป.ลาว ไทย ยูนนาน เป้นต้น 2. ทยายอเปิดเส้นทางคาราวาน และ 3. เส้นทางการบินใหม่ๆ ให้ครอบคลุม ทุกเมืองหลักและเมืองรอง
ทั้งนี้ล่าสุดสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เตรียมเปิดเส้นทางไปกลับ เชียงใหม่หลวงพระบาง เชียงใหม่-เวียงจันทน์ จำนวน 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ สายกาบินนกอแร์ เส้นทางไปกลับ ดอนเมือง-มัฒฑะเลย์ 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และสายการบินไทยแอร์เอเชีย ดอนเมือง-เวียงจันทน์ จำนวน 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เร่ิมเปิดให้บริการ 1 ก.ค.นี้ เป็นต้น
สำหรับแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวชาติอาเซียนให้เกิดผลสำเร็จ มองว่ารัฐบาลแต่ละประเทศต้องเร่งผลักดันให้เกิดซิงเกิ้ลวีซ่า ซึ่งมีลัดกษณะเหมือนเชงเ้นวีซ่าในกลุ่มอียู โดย ททท. ยังเตรียมปรับกลยุทธ์ส่งเสริมนักท่องเที่ยวอาเซียนเดินทาง ท่องเที่ยวหมุนเวียนระหว่างกันเจาะกลุ่มระดับบน คาดว่าจะม่ไทยประมาณ 6.8-7 ล้านคน เพื่อลดการพึ่งพาตลาดจีนเป็นตลาดที่มีความเสี่ยง เพราะทุกประเทศต่างให้ความสำคัญ
www.posttoday.com/biz/aec/news/436410
นายวู นาม รองผุ้อำนวยการทั่วไผฝ่ายการตลาดท่องเที่ย กระทรวงวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ย ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เวียดนามเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสามเหลี่มมรดกโลก เชื่อมโยการท่องเที่ยว 3 ประเทศ (หลวงพระบาง-อดรธานี-ฮาลองเบย์)เพื่อ่งเสริมการเดินทางท่องเทียวในชาติอาเซียน คาดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางเพ่ิมขึ้น วัดจากยอดการเดินทางเดิอน ม.ค.-พ.ค. ที่ผ่านมา เติบโต 38% อยู่ที่ราว 1.1 แสนคน ส่วนตลาดรวมนักท่องเที่ยวเดินทางทั้งหมด 4.5 ล้านคน คาดปีนี้ต่างชาติจะเดินทางเข้ามา 10 ล้านคน
ททท.ดันเปิด 42 รูตบินใหม่ หนุนเชื่อมเน็ตเวิร์กทั่วอาเซียน
ททท.ดัน 5 แอร์ไทย เปิด 42 เส้นทางการบินใหม่ แจ้งเกิด โครงการอาเวียน ลิงก์ หนุนไทยเป็นฮับบินอาเซียนและอินเดียรับกลยุทธ์ "อาเซียนคอนเน็กต์" ด้านบางกอกแอร์ นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย รับลูกประเดิมเปิด 6 รูตบินจากเชียงใหม่ ตราด กรุงเทพฯ สู่ประเทศซีแอลเอ็มวี โดยใช้เวที่ "ทีที่เอ็มพลัส" สร้าการับรู้ทั่วโลก ลั่นยังสนับสนุนโปรโมตตลาด 3 เดือนก่อนบิน หวังเพ่ิมทั่วริสต์ 10% ทั่วภูมิภาค
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผุ้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศราฐกิจ" ว่าในขณะที่ ททท. ได้จัดทำร่างเ้นทางลบินที่มีศักยภาพในโครงการอาเซียนลิงก์ เน้นผลักดันให้สายการบินต่างๆ ของไทยพิจารณาโอากาสในการเปิดเส้นทางบิน เพื่อขยายตลาดและส่งเสริมห้เกิดการเดินการเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียนภายใต้กลยุทธอาเซียน คอนเน็ค ซึ่งจากการศึกาษพบว่ามี 42 เส้นทางบิน โดยเป็นเส้นทางบินเชื่อมระวห่งเมืองหลักและเมืองรองในกลุ่มอาเซีย รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศอินเดีย และเส้นทงบินภายในประเทศไทย เพื่อำนวนควาสสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในภุมิภาคนี้เพ่ิมมากขึ้น...www.thansettakij.com/content/60438
ขณะที่อาเซียนคอนเน็กซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งในแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558-2560 ได้ดำเนินการไปแล้วในหลายส่วน เช่น การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ย ACMECS ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศราฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง เป้นต้น ทั้งนี้ นางกอบกาญจน์ กล่าวว่าการท่องเทียวแบบเขตพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวจะเป็นทิศทางอนาคตของการท่องเที่ยวไทย เพราะอารยธรรมนกลุ่มล้านนาอีสานใต้และความเป็นเอกลักษณ์ของอันดามัน สามารถพัฒนาสินค้าท่องเทียวตามความสนใจเฉพาะไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ตรงกลุ่มนิชมาร์เก็ต ไม่ว่าจะเป็นการท่องเทียวเชิงสุขภาพ หรือเมดิคัดแลนด์เวลเนส และท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือการท่องเที่ยวเพื่อากรอนุรักษ์ทางทะเลและป่าเขามรดกโลก เพื่อนไปสู่การเพ่ิมเรื่องเล่าแชร์ส่งต่อความประทับใจในการต่อยอดการทำการตลาดบนโลกออนไลน์แบบดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เนื่องจากรูปแบบการท่องเที่ยว และเพ่ิมการใช้จ่าย พักผ่านแบบอยู่ยาวมากขึ้น จะช่วยทำให้เกิดการกระจายรายได้และเม็ดเงินลงสู่ประชาชนในพื้ที่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงวันที่ 1-31 กรกฎาคม 2558 มีจำนวน 2,6xx,xxx คน ขยายตัว 37.99% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยักที่องเทียว 2 อันดับแรกคือ จีนและมาเลเซีย โดยสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 - กรกฎาคม 2558 มีรายได้จากการท่องเที่ยแล้ว 1.18 ล้านล้านบาท ขยายตัว 23.12% จากลวงเลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ด้าน นายอารีพงศ์ ภูชอุ่ม ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว ACMECS กลุ่มลุ่มแม่น้ำอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ซึ่งประกอบด้วยประเทศที่มีชายแดนติดกันได้แก่เมียนมา กัมพูชา-ลาว-ไทย-เวียดนาม เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวหให้มีคุณภาพ ให้เชื่อมโยง และเติบโตยั่งยืน ว่า จากการ่่วมประชุมรัฐมนตรีการท่องเที่ยว ครั้งที่ 2 ทีประเทศเมียนมาที่ผ่านมามีสาระสำคัญด้วยกัน 7 เรื่อง ในการวางแผนทำงานระหว่างปี 2016-2018 โดยมีเป้หาหมายเดียวกันคือมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ 7 ด้าน เป็นสำคัญ โดย
- เป็นการส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ย 5 ประเทศ 1 จุดหมายปลายทาง มีผู้รับผิดชอบคือ ไทย และเวียดนาม
- เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวโดยกัมพูชา
- การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยวมีเจ้าภาพ คือ ประเทศเมียนมา เป้ผุ้ดำเนินการ
- การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมีเจ้าภพ คือ ประเทศเมียนมา เป้นผู้ดำเนินการ
- การพัฒนาคุณภาพ มีประเทศไทยและเวียดนามร่วมกันวางแผน
- ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย มีประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ และ
- การให้เอกชนมีส่วนร่วม ีประเทศลาวและเวียนดนามนำไปวางแผนกลยุทธ์
อย่างไรก็ตาม นายอารีพงศ์ยังกล่วต่อว่า ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว 5 ประเทศอาเวียนถือเป้ฯจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนในการทำงานของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีากรศึกาาข้อมูลระดับลึกลงไปในแต่ละจังหวัด เืพ่อสามารถกำหนดแนวทางและยุทธศาสต์การทำงานให้เมาะกับแต่ละพื้ที่ พร้อมกับทำความเข้าใจกับประเทศเพื่อบ้านเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานแวคิดเดียวกัน
"การเดินหน้าด้านการท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนเพื่อให้พัฒนาไปพร้อมๆ กัน จะต้องเร่ิมที่ 5
ประเทศ 1 จุดหมายปลายทาง ในการดึงนักท่องเที่ยวจรากทั่วโลกเข้ามใน 5 ประเทศ ให้มากขึ้นอาจจะต้องมีการเชื่อมโยด้านท่องเที่ยวทั้ง 5 ประทเศ ให้เป็นรูปธรรมากขึ้นด้วยการเด็บข้อมูลด้านการท่องเที่ยว พัฒนาเรื่องของแหล่งท่องเที่ยว ท่จะต้องมีมาตรฐานในการดำเนินการวมไปถึงการพัฒนาบุคลากร รวมไปถึงเรื่องความปลอดภัยที่จะต้องยกระดับในเรื่องดังกล่าวสูมาตรฐ,าานสากล" นายอารีพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายอารีพงศ์ ยังกล่าวต่อวา เมื่อกระทรวงท่องเทยวรวมกับหน่วยงานต่างๆ มีความชัดเจนในเรื่องของการทำงานมากขึ้น สิ่งสำคัญที่จะตามคือกรสร้างโลจิสติก การคมนาคมที่ะดวกมากขึ้นโดยจะต้องมีความร่วมมือในการดึงนักลงทุนของแต่ละประเทศเข้ามาลงทุน เพื่อทำให้ภาคเอกชนเกิดความชัดเจนในการทำงานตามรูปแบบตามยุทธศาสตร์การท่องเทียวไทย พ.ศ. 2558-2560 ต่อไป
ขณะที่ นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธนอุตสาหกรรมท่องเทียวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวถึงยุทธศาสตร์การท่องเทียว 5 ประเทศอาเซียน ว่าแนวทางดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากจะทำให้เกิดความร่วมมือทางต้านการตลาด การเชื่อมฌยงเตรื่อข่ายด้านการท่องเที่ยว ดโยเฉพาะเมื่อทางภาครัฐเป็นผุ้ชับเคลื่อนก็ํจะทำให้ทางภาคเอกชนของไทยสามารถประสานการทำงานกับทางผุ้ประกอบการด้วยกันในกลุ่มอาเวียนเชื่อมโยงการตลาดได้สะดวกขึ้นเช่น การทำแ็กเกจการท่องเที่ยวร่วมกัน ในภูมิภาคนี และแนวคิดทิศทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวด่าง ๆ เพื่อเป้ฯประโยชน์ระหว่าประเทศมาชิกด้วยกัน เป็นต้น
"เอกชนสามารถผลักดันและสอดรับกับยุทธศาสตร์ดังกล่วด้วยการขยายฐานทางการตลาดให้กว้างขึ้น จากเดิมที่นำมาตลอดเมื่อมีภาครัฐเข้ามาขับเคลือนก็จะทำห้การทำงานกระชับและเห็นผลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้นักท่องเทียวที่เดินทางในภูมิภาคนี้ใช้ประเทศไทยเป้ฯฮับก่อนจะเดินทางไปสู่แหล่งท่องเที่ยวในปะเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้ขยายวันพักและสร้งรายได้เข้ามาในภุมิภาคนี้มากขึ้น อีกทั้งยังเป้ฯการเพ่ิมความหลากหลายของเเหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย" นาสยอิทธิฤทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตา นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวต่อว่า เลานี้มีเรื่องเดียวที่เป็นกังวลคือการอำนวยความสะดวกใเรื่องการผ่านแดนทั้งขาเข้าและขาออกจะต้งอมีความชัดเจน ทั้งในเรื่องสิทธิหรือข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการออกมาเป็นรูปธรรมชัดเจนทั้ง 5 ประเทศ นอกจากนี้ ทุุกแห่งน่าจะมีวามพร้อมเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งท่องเทียวด้วย www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=4418&filename=index
"สมคิด" กดปุ่ม "อาเวียน คอนเนกต์" เชื่อมโยงการท่องเทียวในกลุ่มอาเซียน ร่วมมือกันรวย ดึงการบินไทย-ไทยสมายล์-แอร์เอเชียทำแพ็กเกจ แทนที่จะแข่งขันกันเอง โดยมี ททท.ช่วยทำตลาด ด้านผุว่าการททท.เผยตัวอย่างเส้นทางเชื่อมโยง 5 ประเทศสุดอเมซซิ่ง ตั้งแต่ไทย-เมียนม่า-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ร่วมกับนางกอบกาญจน์ วัมนวรางกุร รมว. การท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ 3 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย ไทยสมายล์ และไทยแอร์เอเชีว่า ผลการเติบโตของการท่องเที่ยว น่าประทับใจมากทั้งในเรื่องขงอปริมาณคนและรายได้ ถือว่าเป้นผลงานชิ้นโบลแดงขงอกระทรวงการท่องเที่ยและ ททท. แต่จากนี้ไปจะเน้นเรื่องการขับเคลื่อนการปฏิรูปท่องเที่ยวให้ยังยืนและดีกว่าเดิม
ทั้งนี้ ได้ขอให้กาบินไทย ไทยสมายล์และไทยแอร์เอเชีย รวมทั้งสยการบินอื่นๆ รวมกันเป็นหมู่คณะ มานั่งประชุมกับ ททท. เพื่อออกแบบแพ็กเกจการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในอาเว๊ยนหรืออาเว๊ยน คอนเนกต์ฺ ทั้งการเชื่อมโยงระหว่างเมืองต่อเมือง ระหวางอาเวีนด้วยกันเองและเชื่อมโยงนอกอาเวีน กับยิงตรงเข้มาสู่อาเวียนและกระจายเส้นทางออกไป เพื่อให้เกิดมิติตใหม่ของการท่องเที่ย โดย ทท. จะร่วมทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้ด้วย ซึ่งวิธีนี้จะดีกว่าที่แตละสายการบินจะแข่งขันกันเอง
"ขณะนี้การท่องเที่ยวภายในอาเวียนโตขึ้นมาก ทั้งในอาเวียนด้วยกันเองและจากต่างปรเทศที่ต้องการเข้ามาเที่ยวในอาเวียน แต่ละประเทศมีจุดเด่นของตัวเอง นดยบายของการท่องเที่ยวคือจะเน้นเรื่องของอาเวียนคอนเนกต์ ถ้าในระหว่งอาซียนด้วยกันเอง มีนักท่องเที่ยวจากเมืองอะไรบ้างในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาวเมียนมาและวียดนาม รวมถึงมาเลเซีย"
นายสมคิด กล่าววว่ การดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาแลบะไปเที่ยวต่อที่อื่นไม่ใช่แค่เมืองไทย อาจจะเป้ฯอีกหน่งหรือสองประเทศก็ได้ ตอนนี้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดิมจะเที่ยวของเขาเอง แต่จะกนีไปและด้วยแนวคิดนี้นักท่องเที่ยวจากกลุ่มยุโรปจะสนใจแน่นอน จะเป้นมิติใหม่ของการท่องเที่ยว โดยจะมีการโปรโมตไปก่อน และเกิดขึ้นใจครึงปีหลัง ซึ่งจะมีประโยชน์สูงมก เพราะกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีที่ีการเติบโตที่สูงมากและมีคนที่มีรายได้เพเ่มขคึ้นมาก มีการเติบโตต่อเนื่อง 2-3 ปี คนเหล่านี้ยินดีที่จะม่เที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว แตต้องการให้มาประเทศไทยและไปประเทศอื่นด้วย จึงต้องมีสายการบินที่พร้อม
ขณะที่นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยได้สมบูรณ์และช่วยสับสนุนให้นโยบายการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในอาเวียนเป็นจริงได้ เพราะมีสายการบินหลายสายมาร่วมกันคิดแม้สายการบินนกแอร์ไม่ได้มา แต่ก็จะประสานให้มาร่วมดครงการนี้ด้วย นอกจากนี้คงต้องให้บริษทัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มาร่วมดั้วย เพราะเป้ฯผุ้กำหนดตารางการบินของายการบินทุกสายที่บินเข้าประเทศไทย....www.thairath.co.th/content/578963
เปิดกลยุทธ์ "กอบกาญจน์" ตอบจริตทัวริสต์ดันเป้า 2.4 ล้านล้านบาท
กอบกาญจน์ วัฒนาวรางกุร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้สัมภาษณ์ "ฐาน
เศรษฐกิจ" ว่าหลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ร่วม 2 ปี ได้เดินหน้าทำยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว วางรากฐานท่องเทียวไปสู่ตลาดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ยึดหลักสร้างควาสามดุลรายได้กับสังคม-สิิ่งแวดล้อมและให้เกิดการกระจายรายได้สู่ขุมชน โดยมีการบุรณาการทำงานร่วกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 10 กระทรวง
แม้หลายคนมองว่าเป้นนามธรรมต่ก็ต้องทำ ขณะทนี้ไ้สะทอ้นออกมาในรูปของรายไ้ จะเห็นว่า การประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่ารายได้เพ่ิมข้น 18.2% เป็นไปตมที่รองนายกฯ สมคิดตั้งความหวังไว้ และเราพยายามไม่พูดถึงตัวเลโดยท่าน พล.อ,ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านท่องเที่ยวบอกว่าให้เราเจียมตัวไว้ก่อน ซึ่งลึกๆ แล้วน่าจะทำให้ รวม. การท่องเที่ยวฯ กล่าวอย่างมั่นใจพร้อมระบุวา สถานการณ์ไตรมาสแรกคาดจะมีจำนวนนักท่องเที่ย 8.94 เพิ่มขึ้น 14.3% สร้างรายได้ 4.56 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2% จากปีที่แล้ว
ขณะนี้หลายคนไม่ห่วงวานักท่องเที่ยจะมไ่มา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ามาแล้วจะไปเที่ยวที่ไหนมากว่า เรื่องนี้ รมว. กอบกาญจน์ กล่าวว่า เราจึงต้องมี 12 เมืองห้ามพลาดและ 1 เมืองห้าพลด (พลัส) เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้แต่ละเมืองจะรับได้ไม่มาก เพราะไม่ใช่ตลาด แมส แต่ท้องถ่ินต้องขยันให้การดูแลนักท่องเทียว บางเมืองอาจจะรับได้มาน้อยต่างกัน ..
... กลยุทธ์ รมว. การท่องเที่ยวฯ มองว่าตลาดอาเวียนถือเป็นตลาดใหญ่ที่ประเทศไทยต้องวางตำแหน่งให้เป็นศุนย์กลงหรือฮับของบภุมิภาคนี้เพราะถ้าเราไม่ทำอะไร ก็จะสเเสียตลาดนักท่องเทียวไปแน่นอน โดยตามสถิติ ปี 2554 มีนักท่องเที่ยวในและนอกอาเว๊ยนเดินทางท่่องเที่ยวรวมกัน 81 ล้านคน ปี 2557 เพิ่มมาเป็น 105 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากนอกกลุ่มอาเวียน 56 ล้านคน หรือ 53.2% ที่เหลือเป็นอาเซียนเที่ยวกันเอง 49 ล้านคนหรือ 46.8% ใรกสนชบสบจีงปรฃะ 10%
"จากการพูดคุยกับ รมว. การท่องเที่ยวกัมพูชาเขาก็ตั้งความหวังว่านักท่องเที่ยวไทยก็คือเป้าหมายสำคัญของกัมพุชา ใครไม่มาไม่เป็นไรเขาขอให้คนไทยไปเทียวกัมพุชาก็พอ และต้องการให้นักลงทุนไทยเข้าไปสร้างโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งเราต้องรีบดูลู่ทางการลงทุน ไม่เช่นนั้น ทุนจีน สิงคโปร์จะเข้าไปลงทุนหมด"
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็ว่ามไ่ใช่ไทยที่หวังตลาดอาเซีนแต่ทุกประเทศก้หวังที่จะดึงนักท่องเที่ยวในภุมิภาคนี้เที่ยวกันเองส่วน 3 อันดับแรกนักท่องเที่ยวในอาเซียนที่มาไทยคือ มาเลเซีย ลาว และสิงคโปร์ เดินทางทางบก 53% จึงจำเป็นต้องพัฒนา ด่านชายแดนต่างๆ ขึ่นมารองรับ ขณะที่ผลสำรัวจพบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริบถึง 2.8 หมื่นบาท และนิยมมาซื้อเสื้อผ้าอันดับแรก รองลงม อาหารแห้งของขบเคี้ยว เครื่องหนัง อัญมนี เครื่องประดับ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ดังนั้นจึงเป็นโอกาสการขยายตลาดเพ่ิมเติมส่ิงที่เรากำลังเร่ิมทำ ต้องพยายามเป้นฮับให้มากขึ้นเรามีโลว์คอสต์แอร์ไลน์ที่จะทำให้เกิดเส้นทางเชื่อมโยงระหว่งเมืองหลักสู่เมืองหลัก เมือง
หลักสู่ท้องถ่ิน และท้องถ่ินสู่ท้องถ่ินเพื่อตันไทยเป็นฮับอย่งแท้จริงและได้มอบหมายใน้ ททท. ทำลิสต์เมืองต่างๆ เพื่อให้สายการบิน ไทยสมายล์ นกแอร์ แอร์เอเชีย เปิดเส้นทางบินใหม่ๆ รองรบนักท่องิที่ยวจากทั้งในอาเซียนและนอกอาเซียนให้มาไทยก่อนที่จะเดินทางไปประเทศอื่่นๆ ...www.thansettakij.com/content/39908
ผนึกเส้รทาง CLMV เพื่อนบ้านดันไทยผุ้นำท่องเที่ยวโยอาเซียนคอนเนก
ชาติอาเซียนหนุนไทยผุ้นำเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเื่อซีแอลเอ็มวีเวียดนามเปิดตัว สามเหลี่ยมมรดกโลกเที่ยว 3 ประเทศ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผุ้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่ ขณะนี้นักท่องเที่ยวอาเวียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา สปป.ลาว. เมียนมาร์ และเวียดนาม) ให้ไทยเป็นผุ้นำเปิดเส้นทางเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยในโครงการอาเซียน คอนเนอก ภายใต้แนวคิด ทูคันทรี วันเดสติเนชั่น ภายใต้ 3 กลยุทธ์ส่งเสริมหลัก
ประกอบด้วย 1 สั่งการให้ทุกสำนักในประเทศซึ่งมีพื้นที่ท่องเที่ยวติดประเทศเพื่อบ้านเปิดเส้นทางท่องเที่ยวร่วมักน เช่น คุนหมิง ประเทศจีน เตรียมส่งสเริมการเดินทางพื้นที่สามาเหลี่ยมเศรษฐกิจ เชื่อมท่องเที่ยว สปป.ลาว ไทย ยูนนาน เป้นต้น 2. ทยายอเปิดเส้นทางคาราวาน และ 3. เส้นทางการบินใหม่ๆ ให้ครอบคลุม ทุกเมืองหลักและเมืองรอง
ทั้งนี้ล่าสุดสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เตรียมเปิดเส้นทางไปกลับ เชียงใหม่หลวงพระบาง เชียงใหม่-เวียงจันทน์ จำนวน 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ สายกาบินนกอแร์ เส้นทางไปกลับ ดอนเมือง-มัฒฑะเลย์ 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และสายการบินไทยแอร์เอเชีย ดอนเมือง-เวียงจันทน์ จำนวน 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เร่ิมเปิดให้บริการ 1 ก.ค.นี้ เป็นต้น
สำหรับแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวชาติอาเซียนให้เกิดผลสำเร็จ มองว่ารัฐบาลแต่ละประเทศต้องเร่งผลักดันให้เกิดซิงเกิ้ลวีซ่า ซึ่งมีลัดกษณะเหมือนเชงเ้นวีซ่าในกลุ่มอียู โดย ททท. ยังเตรียมปรับกลยุทธ์ส่งเสริมนักท่องเที่ยวอาเซียนเดินทาง ท่องเที่ยวหมุนเวียนระหว่างกันเจาะกลุ่มระดับบน คาดว่าจะม่ไทยประมาณ 6.8-7 ล้านคน เพื่อลดการพึ่งพาตลาดจีนเป็นตลาดที่มีความเสี่ยง เพราะทุกประเทศต่างให้ความสำคัญ
www.posttoday.com/biz/aec/news/436410
นายวู นาม รองผุ้อำนวยการทั่วไผฝ่ายการตลาดท่องเที่ย กระทรวงวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ย ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เวียดนามเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสามเหลี่มมรดกโลก เชื่อมโยการท่องเที่ยว 3 ประเทศ (หลวงพระบาง-อดรธานี-ฮาลองเบย์)เพื่อ่งเสริมการเดินทางท่องเทียวในชาติอาเซียน คาดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางเพ่ิมขึ้น วัดจากยอดการเดินทางเดิอน ม.ค.-พ.ค. ที่ผ่านมา เติบโต 38% อยู่ที่ราว 1.1 แสนคน ส่วนตลาดรวมนักท่องเที่ยวเดินทางทั้งหมด 4.5 ล้านคน คาดปีนี้ต่างชาติจะเดินทางเข้ามา 10 ล้านคน
ททท.ดันเปิด 42 รูตบินใหม่ หนุนเชื่อมเน็ตเวิร์กทั่วอาเซียน
ททท.ดัน 5 แอร์ไทย เปิด 42 เส้นทางการบินใหม่ แจ้งเกิด โครงการอาเวียน ลิงก์ หนุนไทยเป็นฮับบินอาเซียนและอินเดียรับกลยุทธ์ "อาเซียนคอนเน็กต์" ด้านบางกอกแอร์ นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย รับลูกประเดิมเปิด 6 รูตบินจากเชียงใหม่ ตราด กรุงเทพฯ สู่ประเทศซีแอลเอ็มวี โดยใช้เวที่ "ทีที่เอ็มพลัส" สร้าการับรู้ทั่วโลก ลั่นยังสนับสนุนโปรโมตตลาด 3 เดือนก่อนบิน หวังเพ่ิมทั่วริสต์ 10% ทั่วภูมิภาค
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผุ้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศราฐกิจ" ว่าในขณะที่ ททท. ได้จัดทำร่างเ้นทางลบินที่มีศักยภาพในโครงการอาเซียนลิงก์ เน้นผลักดันให้สายการบินต่างๆ ของไทยพิจารณาโอากาสในการเปิดเส้นทางบิน เพื่อขยายตลาดและส่งเสริมห้เกิดการเดินการเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียนภายใต้กลยุทธอาเซียน คอนเน็ค ซึ่งจากการศึกาษพบว่ามี 42 เส้นทางบิน โดยเป็นเส้นทางบินเชื่อมระวห่งเมืองหลักและเมืองรองในกลุ่มอาเซีย รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศอินเดีย และเส้นทงบินภายในประเทศไทย เพื่อำนวนควาสสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในภุมิภาคนี้เพ่ิมมากขึ้น...www.thansettakij.com/content/60438
วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560
MPAC 2025 II
ข้อริเริ่มที่ 7 : การจัดตั้งกรอบความร่วมมือร่วมมือเรื่องการจัดการข้อมูลดิจิทััลของอาเซียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี คือ เพื่อสนับสนุ ASEAN ICT Master Plane 2025 ซึ่งส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกรอบความร่วมมือในการปองกันข้อมุลส่วนบุคคลที่สอดคล้องและครอบคลุมกัน เร่ิมจากการสร้างความโปร่งใส ดดยวางแนวทางสำหรับการกำหนดข้อปฏิบัติและข้อพึงประสงคในการจัดการข้อมูลโดยประเทศสมาชิกอาเซียน และการพิจารณาแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากล ผ่านการจัดกตั้งเวทีเพื่อแบ่งปันประสบการณ์สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียน
3. โลจิสติกส์ไร้รอยต่อ
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- เพื่อลดค่าใช้จ่ายของห่วงโซ่อุปทานในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
- เพื่พัฒนาความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือของห่วงโซ่อุปทานในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 8 : การเสริมสร้างความแข็.แกร่งในการแช่งขันของอาเซียนผ่านการพัฒนาเส้นทางการต้าและ โลจิสติกส์
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อมุ่งเน้นการวิเคราะห์ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายของเ้นทางการต้าที่มีความสำคัญระดับต่างๆในอาเซียน สามารถสนับสนุนข้อริเริ่มนี้ได้โดยการทำงานร่วมกับสภาบันวิชาการอง์กรพหุภาคี ภาคเอกชน และคู่เจรจาในการวิเคราะห์เวลาและค่าใช้จ่ายของเส้นทางการต้าในระดับต่างๆ รวมทั้งแก้ไขปัญหาจุดติดขัด โดยเร่ิมจากการะบุเส้นทางการต้าที่มีความสำคัญ การเลือกโภคภัณฑ์ที่มีการขนส่งในเส้นทางดังกลาวเพื่อทดสอบและรายงาน จากนั้นจึงรอบรวมข้อมูลที่ได้เพื่อบรรจุไว้ในคลังข้อมูล แล้วเผยแพร่ในเว็บไซต์ของความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนในหมวดเส้นทางการต้าและโภคภัณฑ์โดยกำหนดให้มีการปรับสถานะของข้อมูลให้เ็นปัจจุบันสม่ำ
ข้อริเริ่มที่ 9 : การส่งเสริมประสิทธิภาถของห่วงโซ่อุปทานโดยการแก้ไขปัญหาจุดติขัด (เชคพ้อยต์) ที่สำคัญ
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่ม คือ เพื่อพัฒนากรอบความร่วมมือของห่วงโซอุปทาน ซึ่งจะทำให้เกิดมาตรการการดำเนินงานเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการ โดยเร่ิมจากการเจาะจงเส้นทางการต้าที่สำคัญ(ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่ 3 โลจิสติกส์ไร้รอยต่อ) และทำความเข้าใจจุดติดขัน (เชคพ้อยต์) ต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการต้าเหล่านี้ เช่น กาบริหารจัดการพรมแดน (ศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง การกักกันโรค) รวมไปถึงการจัดการการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนของประชาชน สินค้า ระเบียบปฏิบัติ พิธีการด้านศุลกากร และแนวปฏิบัติในการจัดการพรมแดน โดยในการแก้ไขปัญหาจุดติดขัด (เชคพ้อยต์) จะใช้ข้อมุบทีมีอยู่แล้วรวมทั้งความเห็นของภาครัฐและเอกชนร่วมด้วย จากนั้จึงจะ
พัฒนาแผนการดำเนินงานร่วมกับคณะประสานงานด้านโลจิสติกส์ของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน (หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เทียบเท่า)
4. ความเป็นเลิศด้านกฎระเบียบ
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- เพื่อสร้างความสอดคตล้องหรือการยอมรับร่วมกันในมาตรฐาน ความสอดคล้อง และกฎระเบียบข้อบังคับทางเทคนิคสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหลัก
- เพื่อลดจำนวนมาตการที่มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการต้าในประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 10 : การสร้างความสอดคล้องหรือการยอมรับร่วมกันในมาตรฐาน ความสอดคล้องและกฎ ระเบียบข้อบังคับทางเทคนิคสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ได้รับการจัดอันดับความสำคัญ 3 กลุ่ม
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อสนับสนุนแผนงานประชาคมเศณาฐฏิจอาเซียน ค.ศ. 2025 ในการส่งเสริมการประสานงานระหว่างคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของ ASEAN กับเจ้าหน้าที่ด้านการต้าและ(ุ้ออกกฎระเบียบระดับชาติ โดยต้องเร่ิมจากการจัดอนดับความสำคัญของอสินค้ากลุ่มหลัก 3 กลุ่มโดยพิจารณาจากการไหลเวียนของการต้า ระดับของความสอดคล้องก้ดานมาตรฐาน ณ ปัจจุบัน อุปสรรคด้านการต้าเชิงเทคนิค สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและความเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน จากนั้น ต้องมีการรอบรวมและสร้างข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของแนวปฏิบัติที่เป้น
เลิศระดับสากลในด้านมาตรฐานและกฎระเบียบทางเทคนิค รวมถึงประโชน์ที่ค่าดว่าประเทศสมาชิกอเาซียนจะได้รับ
ข้อริเริ่มที่ 11 : การเพิ่มความโปร่งใสและการสร้างความเข้มแข็งให้กับการประเมินผลเพื่อลดมาตรการที่ มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการต้า
วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงนประชาคมเศราฐกิจอาเซียน ค.ศ. 2025 ในการเร่งขจัดอุปสรรคทางการค้า ที่มิใช่ภาษี โดย MPAC 2025 จะมี่วนช่วยในการเสริมสร้างความร่วมมือและวางกรอบแนวทาง ภายหลังจากการจัดตั้งคลังข้อมูลการต้าอาเซียน สำเร็จลุล่วง อันจะช่วยกระตุ้นให้กระบวนการการดำเนินงานของประเทศสาชิกอาเซียนในการลดมาตรการที่มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการค้ารวดเร็วขึ้น
5. การเคลื่อนย้ายของประชาชน
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- ส่งเสริมให้สมารถเดินทงระหว่างกันภายในอาเซียนได้ง่ายขึ้น
- ลดช่องว่างของอุปสงค์และอุปทานด้านทักษะฝีมือแรงงานในอาเซียน
- การเพ่ิมการเคลื่อนย้ายนักศึกษาในอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 12 : สนับสนุนการท่องเที่ยวภายในอาเซียนโดยการทำให้สืบค้นข้อมุลได้ง่ายขึ้น
วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการท่องเทียวได้ง่ายขึ้น ดดยการใช้เว็บไซต์ท่องเที่ยวอาเซ๊ยน ที่จะเป็น "one stop shop" ในการใหข้อมูลที่แม่นยำสำหรับการวางแผนการเดินทางในภูมิภาค โดยการพัฒนาเว็บไซต์นี้ ก่อนอื่นต้องตรวจสอบเว็บไซต์อื่นๆ ใน
ระดับชาติ ภูมิภาค และสากล เพื่อสามารถระบุโอกาสที่จะทำให้เว็บไซต์อาเซียนที่มีอยู่ดีขึค้น โดยมุ่งเน้นให้เนื่องหาตอบสนองความต้องการของผุ้ใช้ รวมทั้งมีแผนการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางในหลายประเทศในภุมิภาคอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 13 : สนับสนุนการท่องเที่ยวภายในอาเซียนโดยการทำให้สืบค้นข้อมุลได้ง่ายขึ้น
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่ออำนวนความสะดวกให้แก่ผุ้มาขอรับการตรวจลงตราโดยพัฒนาระบบการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ บนเว็บไซต์อาเซียนให้กับผุ้ร้องออนไลน์ และในอนาคตอาจพัฒนาเป็น aon-stop application สำหรับนักท่องเที่ยว โดยภายใต้ระบบดังกล่าวนักท่องเที่ยวจะสามารถขอรับการตรวจลงตราสำหรับทุกประเทศสมาชิกอาเซียนโยใช้คำร้องรุปแบบเดียวกัน แต่สิทธิในการตรวจนั้นยังคงขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง
ข้อริเริ่มที่ 14 : การตั้งโครงการฝึกอบรมวิชาชีพ และการกำหนดคุณสมบัติทางวิชาชีพให้เป็นแบบเดี่ยว
กันในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ภายในที่แตกต่งกัน ของแต่ละประเทศ
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อพัฒนาโครงการฝึกอบรมวิชาชีพขั้นสูง และการกำหนดกรอบคุณสมบัติทางวิชาชีพในกลุ่มประทศสมาชิกอาเวียนแปบบสมัครใจ โดย NPAC 2025 จะช่วยประสานโปรแกรมฝึกอบรมต่างๆ ระหว่งภาคการศึกษาและภาคแรงงาน เพื่อให้มั่นใจ่ มีการกำหนดคุณสมบัติทางวิชาชีพแบบเดียวกันในประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 15 : การสนับสนุนการเคลื่อย้ายทางการศึกษาภายในประเทศสมาชิกอาเซียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ ช่วงส่งเสริมข้อริเริ่มที่มีอยู่เดินนด้านการศึกษาอันรวมถึงโครงการมอบทุนการศึกาาให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยเนนการเพ่ิมการเคลื่อนย้ายนักศึกาาระหว่างกันในประเทศสมาชิกอาเซียน และแก้ไขช่วงว่างใน 4 ด้าน ได้แก่ ข้อมูล, การตระหนักรู้, กฎระเบียบและแรงจูงใจ โดยจำเป็นต้องมีฐานข้อมูลออนไลน์ที่ละเดียดและแม่นยำเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ประโยชน์และโอกาสในการศึกษาในประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งมีการอำนวนความสะดวกด้านการตรวจลวตรด้วย
- แผนแม่บทว่าด้วย ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 (คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)
ข้อริเริ่มที่ 9 : การส่งเสริมประสิทธิภาถของห่วงโซ่อุปทานโดยการแก้ไขปัญหาจุดติขัด (เชคพ้อยต์) ที่สำคัญ
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่ม คือ เพื่อพัฒนากรอบความร่วมมือของห่วงโซอุปทาน ซึ่งจะทำให้เกิดมาตรการการดำเนินงานเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการ โดยเร่ิมจากการเจาะจงเส้นทางการต้าที่สำคัญ(ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่ 3 โลจิสติกส์ไร้รอยต่อ) และทำความเข้าใจจุดติดขัน (เชคพ้อยต์) ต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการต้าเหล่านี้ เช่น กาบริหารจัดการพรมแดน (ศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง การกักกันโรค) รวมไปถึงการจัดการการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนของประชาชน สินค้า ระเบียบปฏิบัติ พิธีการด้านศุลกากร และแนวปฏิบัติในการจัดการพรมแดน โดยในการแก้ไขปัญหาจุดติดขัด (เชคพ้อยต์) จะใช้ข้อมุบทีมีอยู่แล้วรวมทั้งความเห็นของภาครัฐและเอกชนร่วมด้วย จากนั้จึงจะ
พัฒนาแผนการดำเนินงานร่วมกับคณะประสานงานด้านโลจิสติกส์ของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน (หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เทียบเท่า)
4. ความเป็นเลิศด้านกฎระเบียบ
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- เพื่อสร้างความสอดคตล้องหรือการยอมรับร่วมกันในมาตรฐาน ความสอดคล้อง และกฎระเบียบข้อบังคับทางเทคนิคสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหลัก
- เพื่อลดจำนวนมาตการที่มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการต้าในประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 10 : การสร้างความสอดคล้องหรือการยอมรับร่วมกันในมาตรฐาน ความสอดคล้องและกฎ ระเบียบข้อบังคับทางเทคนิคสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ได้รับการจัดอันดับความสำคัญ 3 กลุ่ม
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อสนับสนุนแผนงานประชาคมเศณาฐฏิจอาเซียน ค.ศ. 2025 ในการส่งเสริมการประสานงานระหว่างคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของ ASEAN กับเจ้าหน้าที่ด้านการต้าและ(ุ้ออกกฎระเบียบระดับชาติ โดยต้องเร่ิมจากการจัดอนดับความสำคัญของอสินค้ากลุ่มหลัก 3 กลุ่มโดยพิจารณาจากการไหลเวียนของการต้า ระดับของความสอดคล้องก้ดานมาตรฐาน ณ ปัจจุบัน อุปสรรคด้านการต้าเชิงเทคนิค สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและความเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน จากนั้น ต้องมีการรอบรวมและสร้างข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของแนวปฏิบัติที่เป้น
เลิศระดับสากลในด้านมาตรฐานและกฎระเบียบทางเทคนิค รวมถึงประโชน์ที่ค่าดว่าประเทศสมาชิกอเาซียนจะได้รับ
ข้อริเริ่มที่ 11 : การเพิ่มความโปร่งใสและการสร้างความเข้มแข็งให้กับการประเมินผลเพื่อลดมาตรการที่ มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการต้า
วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงนประชาคมเศราฐกิจอาเซียน ค.ศ. 2025 ในการเร่งขจัดอุปสรรคทางการค้า ที่มิใช่ภาษี โดย MPAC 2025 จะมี่วนช่วยในการเสริมสร้างความร่วมมือและวางกรอบแนวทาง ภายหลังจากการจัดตั้งคลังข้อมูลการต้าอาเซียน สำเร็จลุล่วง อันจะช่วยกระตุ้นให้กระบวนการการดำเนินงานของประเทศสาชิกอาเซียนในการลดมาตรการที่มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการค้ารวดเร็วขึ้น
5. การเคลื่อนย้ายของประชาชน
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- ส่งเสริมให้สมารถเดินทงระหว่างกันภายในอาเซียนได้ง่ายขึ้น
- ลดช่องว่างของอุปสงค์และอุปทานด้านทักษะฝีมือแรงงานในอาเซียน
- การเพ่ิมการเคลื่อนย้ายนักศึกษาในอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 12 : สนับสนุนการท่องเที่ยวภายในอาเซียนโดยการทำให้สืบค้นข้อมุลได้ง่ายขึ้น
วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการท่องเทียวได้ง่ายขึ้น ดดยการใช้เว็บไซต์ท่องเที่ยวอาเซ๊ยน ที่จะเป็น "one stop shop" ในการใหข้อมูลที่แม่นยำสำหรับการวางแผนการเดินทางในภูมิภาค โดยการพัฒนาเว็บไซต์นี้ ก่อนอื่นต้องตรวจสอบเว็บไซต์อื่นๆ ใน
ระดับชาติ ภูมิภาค และสากล เพื่อสามารถระบุโอกาสที่จะทำให้เว็บไซต์อาเซียนที่มีอยู่ดีขึค้น โดยมุ่งเน้นให้เนื่องหาตอบสนองความต้องการของผุ้ใช้ รวมทั้งมีแผนการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางในหลายประเทศในภุมิภาคอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 13 : สนับสนุนการท่องเที่ยวภายในอาเซียนโดยการทำให้สืบค้นข้อมุลได้ง่ายขึ้น
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่ออำนวนความสะดวกให้แก่ผุ้มาขอรับการตรวจลงตราโดยพัฒนาระบบการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ บนเว็บไซต์อาเซียนให้กับผุ้ร้องออนไลน์ และในอนาคตอาจพัฒนาเป็น aon-stop application สำหรับนักท่องเที่ยว โดยภายใต้ระบบดังกล่าวนักท่องเที่ยวจะสามารถขอรับการตรวจลงตราสำหรับทุกประเทศสมาชิกอาเซียนโยใช้คำร้องรุปแบบเดียวกัน แต่สิทธิในการตรวจนั้นยังคงขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง
ข้อริเริ่มที่ 14 : การตั้งโครงการฝึกอบรมวิชาชีพ และการกำหนดคุณสมบัติทางวิชาชีพให้เป็นแบบเดี่ยว
กันในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ภายในที่แตกต่งกัน ของแต่ละประเทศ
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อพัฒนาโครงการฝึกอบรมวิชาชีพขั้นสูง และการกำหนดกรอบคุณสมบัติทางวิชาชีพในกลุ่มประทศสมาชิกอาเวียนแปบบสมัครใจ โดย NPAC 2025 จะช่วยประสานโปรแกรมฝึกอบรมต่างๆ ระหว่งภาคการศึกษาและภาคแรงงาน เพื่อให้มั่นใจ่ มีการกำหนดคุณสมบัติทางวิชาชีพแบบเดียวกันในประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 15 : การสนับสนุนการเคลื่อย้ายทางการศึกษาภายในประเทศสมาชิกอาเซียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ ช่วงส่งเสริมข้อริเริ่มที่มีอยู่เดินนด้านการศึกษาอันรวมถึงโครงการมอบทุนการศึกาาให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยเนนการเพ่ิมการเคลื่อนย้ายนักศึกาาระหว่างกันในประเทศสมาชิกอาเซียน และแก้ไขช่วงว่างใน 4 ด้าน ได้แก่ ข้อมูล, การตระหนักรู้, กฎระเบียบและแรงจูงใจ โดยจำเป็นต้องมีฐานข้อมูลออนไลน์ที่ละเดียดและแม่นยำเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ประโยชน์และโอกาสในการศึกษาในประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งมีการอำนวนความสะดวกด้านการตรวจลวตรด้วย
- แผนแม่บทว่าด้วย ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 (คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)
วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560
MPAC 2025 (MASTER PLAN ON ASEAN CONNECTIVITY 2025)
อาเซียนได้จัดตั้งคณะกรรมการอาเซียน ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหวางกันในภูมิภาค เพื่อติดตามการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ นี้คณะกรรมการดังกล่าวจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ประสานงานระดับชาติ และหน่วยงาน ตลอดจนองค์กรระดับรัฐมนตรีอาเซียน ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์และมาตรการสำคัญที่ได้ระบุไว้ในแผนแม่บท นอกจากนั้นได้มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะ ในสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อให้การสนับสนุนคณะกรรมการประสานงานฯ ในการประสานงาน ตรวจสอบ ติดตามเร่งรัด และรายงานผลความคือหน้าในการดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ต่อผู้นำอาเซียน ผ่านคณะกรรมาธิการประสานงานอาเซียน.
แผนแม่บทฯ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของผุ้นำอาเซียนที่จะขับเคลื่อนกระบวนการรวมตัวและก่อตั้งประชาคมอาเซียนในปี 2558 และรักษาแนวโน้มการขับเคลื่อนของการเป็นประชาคมอย่างต่อเนื่อง ภายหลัง ปี 2588
แผนแม่บทฯ ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนมีบทบาทเสมือนเชือกที่เชื่อมโยงและร้อยรัดเสาทั้งสามของประชาคมอาเซียนเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน, ประชาคมเศณาฐฏิจอาเซียน และ ประชคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน โดยแผนแม่บทจะเป็กำไกขับเคลื่อนการเชื่อมโยงผ่าน 3 มิติ คือ ควมเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเชื่อมโยงด้านกฎระเบีบบ และความเชื่อมโยงด้านประชาชน
ดังนั้น อาเซยนจำเป็นต้องมแผนแม่บทฯ เพื่อเป็นกรอบการดำเนินการเชื่อมโยงในภูมิภาคใหมีประสทิธิภาพเพื่อเร่งดัดไปสู่เป้าหมายของการเป็นประชาคมอาเซียนและสิ่งสำคัญ คือ จะต้องมีการนำแผนแม่บทไปปฏิบัติใช้อย่างรวดเร็ซ และตรงตามกำหนดเวลา เพพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ความแตกต่างของแผนแม่บทฯ กับแผนงานต่างๆ ของอาเซียน ประการแรกการบูรณาการแผนงานต่างๆ ของอาเซียนเข้าด้วยกัน แผนงานต่างๆ ของอาเซยนส่วยมากได้รับการจัดทำขึ้นจกมุมมองขององคกรแต่ละภาคส่วนต่างๆ ของอาเซียนส่วนมากได้ับการจัดทำขึ้นจากมุมองขององคืการแต่ละภาคส่วนต่างๆ จึงขาดมุมมองในภาพรวม แผนแม่บทฯ ฉบับนี้จึงมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงแผนงานต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยอาศัยความร่วมมือของหลายสาขา นอกจากนี้ แผนแม่บทฯ ยังให้ความสำคัญต่อข้อริเริ่มด้านการเชื่อมโยงในระดับอนุภูมิภาค
ประการที่สอง คือการรดมทรัพยากร แผนแม่บทฯ ได้เน้นย้ำถึงการระดมทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลโดยได้กำหนดยุทธศาสตร์รองรับคณะทำงานระดับสูงฯ ยังได้นำประสบการณ์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย สถาบันเพื่อการวิจัยสำหรับอาเซียนและเอเลียตะวันออก คณะกรรมาธิการเศราฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก และธนาคราดลกมาใช้ในการจัดทำแผนแม่บทฯ นอกจากนั้น คณะทำงานระดับสูงฯ ยังคำนึงถึงบทบาทของประเทศคุ้เจรจาของอเซีนและหุ้นส่วนภายนอกภูมิภาครวมทั้งภาคเอกชน ที่ได้ให้ความช่วยเหลือหรือสนใตที่จะให้ความช่วยเหลืออาเซียนในข้อริเริ่มว่าด้วยความเชื่อมโยงเหล่านี้
- ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน(ฉบับย่อ), กองอาเซียน 3 กระทรวงการต่างประเทศ, ธันวาคม 2554.
วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ และข้อริเริ่มสำหรับความเชื่อมโยงระหว่างในอาเซียน ค.ศ.2025 MPAC 2025 หรือแผนแม่บทฯ 2568 ได้กำหนกยุทธศาสตร์ ไว้ 5 ด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน, นวัตกรรมดิจิทัล, โลจิสติกส์ไร้รอยต่อ, ความเป็นเลิศด้านกฎระเบียบ, การเคลื่อนย้ายของประชาชน
1.โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- เพื่อเพิ่มศักยภาพลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและภาคเอกชนในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
- เพื่อส่งเสริมการประเมินผลและการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านผลติภาพของโครงสร้างพื้นฐานในอาเซียน
- เพื่อส่งเสริมการใช้ต้นแบบของการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาดภายในภูมิภาคในอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 1 : การสร้างบัญชีรายชื่อโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพของอาเซียนและ แหล่งเงินทุน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อจัดการกับประเด็นด้านข้อมูลและช่องวางของขีดควมสามารถในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน โดยขึ้นตอแรกของการดำเนินการคือ จัดทำบรรทัดฐานสำหรับการคัดเลือกโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยใช้รูปแบบของข้อมุลโครงการที่มีมาตรฐานเดียวกัน และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลออนไลน์และเผยแพร่สู่สาธารณชน เพื่อที่นักลงทุนจะสามารถเข้าถึงข้อมุลดังกล่าวได้โดยงาย นอกจากนี้ ฐานข้อมูลออนไลน์ยังจะให้ข้อมุลเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือด้านเงินทุนของโครงการอีกด้วย
ข้อริเริ่มที่ 2 : การสร้างแนวปฏิบัติของอาเซียนเพื่อวัดผลและพัฒนาผลิตภาพของโครงสร้างพื้นฐาน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อวินิจฉัยผลิตภาพของโครงสร้างพื้นฐานในภาพรวมและแสวงหาโอกาสในการพัฒนาการวางแผน การประกาศ และการดำนเนิงานในด้านโครงสร้างพื้นลฐญานโดยเริ่นต้นต้นดำเนินงานจากขององค์กรและสถาบันต่างๆ ในภุมิภาค ซึ่งป็ฯกรอบการทำงานที่อเาซียนเคยเห็นชอบให้รับผิดชอบในการวิเคราะห์ข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในแต่ละประเทศสมาชิกอาเวียน โดยข้อมูลที่ได้นี้จะถูกนำมาอภิปรายในเวทีของเจ้าหน้าี่ผู้รับผิดชอบเรื่องโตครงสร้างพื้นฐานของประเทศสมาชิอาเซียนเพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และจะมีการติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว
ข้อริเริ่มที่ 3 : ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งบยืนของเมืองต่างๆ ในอาเวียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อขยายต้นแบบการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาดในอาเซียนโดยสามารถศึกษาตัวอย่างได้จากเมืองต่างๆ ของอาเซียน อาทิ การรักษามรกดทางวัฒนธรรมของเมือง จอร์จทาวน์ การลดการพึ่งพารถยนต์และการลงทุนต่างๆ ของเมืองเมดานเพื่อทำให้เมืองเปนมิตรต่อการเดินเท้ามากขึ้น การเสริมสร้างขีดความสามารถของสถาบัและการจัดการกับการทุจริตของเมืองดานังดังนั้น แผนแม่บทฯ จึงควรใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนการทำงานกับองค์กรต่างๆ ของอาเวียนและองค์กรพหุภาคีอื่นๆ โดยการตรวจสอบโครงการที่ีอยู่แล้วในอาเวียนและนกรอบอนุภูมิภาค รวมทั้งในฐานข้อมูลต่างๆ ที่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง
2. นวัตกรรมดิจิทัล
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- เพื่อสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีของวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม
- เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านนวัตกรรมดิจิทัล
- เพื่อพัฒนาข้อมูลแบลบเปิดในประเทศสมาชิกอาเซียน
- เพื่อสนับสนุนการบริหารข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่ม 4 : การเสริมสร้างฐานเทคโนโลยีสำหรับวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อสนับสนนุแผนงานของคณะกรมมการประสานงานอาเซียนว่าวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม ในการเสริมแสร้างการใช้เทคโนโลยีกับภาคธุรกิจ โดยขั้นตอนแรกในการดำเนินงานคือ การแก้ไขปญหาที่เกี่นยวข้องกับการขาดความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสำหรับ MSMEs ในภูมิภาค การรวบรวมแนวปฏิบติที่เป็นเลิศในอาเซียน การจัดเวทีสำหรับผุ้มีส่วนเกี่ยวข้อง และการสร้าง ASEAAN SME Portal เพื่อเป็นฐานข้อมูลออนไลน์ในด้าน MSMEs ของอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 5 : การพัฒนากรอบการทำงานด้านความครอบคุลมทางการเงินแบบดิจิทับในอาเซียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อส่งเสริมความคอบคลุมทางการเงิน ดดยการขยายการสร้างผลิตภัฒฑ์และบริการทางการเงินให้แก่ขุมชนที่กว้างขึ้น อันรวมถึงวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดยอมด้วย รวมทังเพื่อสนับสนุน ASEAN ICT Maaster Plan 2020 ที่ต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการต้าดิจิทัลและการชำระเงนิทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ MPAC 2025 มุ่งเน้นให้เกิควดความร่วมมือระหว่างผุ้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลายภาคส่วน และสนับสนุนแนวทางอันจะได้รับการรับรองโดยคณะทำงาน ว่าด้วยความครอบลุมทางการเงิน และคณะทำงานว่าดวยระบบการชำระเงินของอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 6 : การสร้างเครือข่ายข้อมุลแบบเปิดของอาเซียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของ ASEAN ICT Master Plan 2020 ซึ่งได้ระบุจำนวนการดำเนินงานที่มประสิทธิภาพในการพัฒนาข้อมุลแบบเปิดและข้อมูลที่มีขนาดใหญ่จากหลายๆ ภาคส่วน โดยมีขันตอนการดำเนินงานในขันแรกคือ การจัดตั้งเวทีสำหรับภาคเอกชขนในการแบ่งปันการพัฒนาและกิจกรรมในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ อีกทั้งยังรวมไปถึงการพัฒนาข้อมูลสาะารณะและความพร้อมในอาเวียน และการสร้าง "พจนานุกรมข้อมุลอาเซียน" เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลออนไลน์แบบเปิดของอาเซียน นอกจากนี้ MPAC 2025 ยังสามารถสนับสนุน ASEAN ICT Master Plan 2020 ในการประสานประเด็นคาบเกี่ยวระหว่าง TELSOM กับองค์กรเฉพาะสาขาอื่นๆ ของอาเซียนอีกด้วย....
- "แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025. (คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)
แผนแม่บทฯ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของผุ้นำอาเซียนที่จะขับเคลื่อนกระบวนการรวมตัวและก่อตั้งประชาคมอาเซียนในปี 2558 และรักษาแนวโน้มการขับเคลื่อนของการเป็นประชาคมอย่างต่อเนื่อง ภายหลัง ปี 2588
แผนแม่บทฯ ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนมีบทบาทเสมือนเชือกที่เชื่อมโยงและร้อยรัดเสาทั้งสามของประชาคมอาเซียนเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน, ประชาคมเศณาฐฏิจอาเซียน และ ประชคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน โดยแผนแม่บทจะเป็กำไกขับเคลื่อนการเชื่อมโยงผ่าน 3 มิติ คือ ควมเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเชื่อมโยงด้านกฎระเบีบบ และความเชื่อมโยงด้านประชาชน
ดังนั้น อาเซยนจำเป็นต้องมแผนแม่บทฯ เพื่อเป็นกรอบการดำเนินการเชื่อมโยงในภูมิภาคใหมีประสทิธิภาพเพื่อเร่งดัดไปสู่เป้าหมายของการเป็นประชาคมอาเซียนและสิ่งสำคัญ คือ จะต้องมีการนำแผนแม่บทไปปฏิบัติใช้อย่างรวดเร็ซ และตรงตามกำหนดเวลา เพพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ความแตกต่างของแผนแม่บทฯ กับแผนงานต่างๆ ของอาเซียน ประการแรกการบูรณาการแผนงานต่างๆ ของอาเซียนเข้าด้วยกัน แผนงานต่างๆ ของอาเซยนส่วยมากได้รับการจัดทำขึ้นจกมุมมองขององคกรแต่ละภาคส่วนต่างๆ ของอาเซียนส่วนมากได้ับการจัดทำขึ้นจากมุมองขององคืการแต่ละภาคส่วนต่างๆ จึงขาดมุมมองในภาพรวม แผนแม่บทฯ ฉบับนี้จึงมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงแผนงานต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยอาศัยความร่วมมือของหลายสาขา นอกจากนี้ แผนแม่บทฯ ยังให้ความสำคัญต่อข้อริเริ่มด้านการเชื่อมโยงในระดับอนุภูมิภาค
ประการที่สอง คือการรดมทรัพยากร แผนแม่บทฯ ได้เน้นย้ำถึงการระดมทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลโดยได้กำหนดยุทธศาสตร์รองรับคณะทำงานระดับสูงฯ ยังได้นำประสบการณ์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย สถาบันเพื่อการวิจัยสำหรับอาเซียนและเอเลียตะวันออก คณะกรรมาธิการเศราฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก และธนาคราดลกมาใช้ในการจัดทำแผนแม่บทฯ นอกจากนั้น คณะทำงานระดับสูงฯ ยังคำนึงถึงบทบาทของประเทศคุ้เจรจาของอเซีนและหุ้นส่วนภายนอกภูมิภาครวมทั้งภาคเอกชน ที่ได้ให้ความช่วยเหลือหรือสนใตที่จะให้ความช่วยเหลืออาเซียนในข้อริเริ่มว่าด้วยความเชื่อมโยงเหล่านี้
- ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน(ฉบับย่อ), กองอาเซียน 3 กระทรวงการต่างประเทศ, ธันวาคม 2554.
วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ และข้อริเริ่มสำหรับความเชื่อมโยงระหว่างในอาเซียน ค.ศ.2025 MPAC 2025 หรือแผนแม่บทฯ 2568 ได้กำหนกยุทธศาสตร์ ไว้ 5 ด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน, นวัตกรรมดิจิทัล, โลจิสติกส์ไร้รอยต่อ, ความเป็นเลิศด้านกฎระเบียบ, การเคลื่อนย้ายของประชาชน
1.โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- เพื่อเพิ่มศักยภาพลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและภาคเอกชนในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
- เพื่อส่งเสริมการประเมินผลและการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านผลติภาพของโครงสร้างพื้นฐานในอาเซียน
- เพื่อส่งเสริมการใช้ต้นแบบของการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาดภายในภูมิภาคในอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 1 : การสร้างบัญชีรายชื่อโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพของอาเซียนและ แหล่งเงินทุน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อจัดการกับประเด็นด้านข้อมูลและช่องวางของขีดควมสามารถในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน โดยขึ้นตอแรกของการดำเนินการคือ จัดทำบรรทัดฐานสำหรับการคัดเลือกโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยใช้รูปแบบของข้อมุลโครงการที่มีมาตรฐานเดียวกัน และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลออนไลน์และเผยแพร่สู่สาธารณชน เพื่อที่นักลงทุนจะสามารถเข้าถึงข้อมุลดังกล่าวได้โดยงาย นอกจากนี้ ฐานข้อมูลออนไลน์ยังจะให้ข้อมุลเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือด้านเงินทุนของโครงการอีกด้วย
ข้อริเริ่มที่ 2 : การสร้างแนวปฏิบัติของอาเซียนเพื่อวัดผลและพัฒนาผลิตภาพของโครงสร้างพื้นฐาน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อวินิจฉัยผลิตภาพของโครงสร้างพื้นฐานในภาพรวมและแสวงหาโอกาสในการพัฒนาการวางแผน การประกาศ และการดำนเนิงานในด้านโครงสร้างพื้นลฐญานโดยเริ่นต้นต้นดำเนินงานจากขององค์กรและสถาบันต่างๆ ในภุมิภาค ซึ่งป็ฯกรอบการทำงานที่อเาซียนเคยเห็นชอบให้รับผิดชอบในการวิเคราะห์ข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในแต่ละประเทศสมาชิกอาเวียน โดยข้อมูลที่ได้นี้จะถูกนำมาอภิปรายในเวทีของเจ้าหน้าี่ผู้รับผิดชอบเรื่องโตครงสร้างพื้นฐานของประเทศสมาชิอาเซียนเพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และจะมีการติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว
ข้อริเริ่มที่ 3 : ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งบยืนของเมืองต่างๆ ในอาเวียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อขยายต้นแบบการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาดในอาเซียนโดยสามารถศึกษาตัวอย่างได้จากเมืองต่างๆ ของอาเซียน อาทิ การรักษามรกดทางวัฒนธรรมของเมือง จอร์จทาวน์ การลดการพึ่งพารถยนต์และการลงทุนต่างๆ ของเมืองเมดานเพื่อทำให้เมืองเปนมิตรต่อการเดินเท้ามากขึ้น การเสริมสร้างขีดความสามารถของสถาบัและการจัดการกับการทุจริตของเมืองดานังดังนั้น แผนแม่บทฯ จึงควรใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนการทำงานกับองค์กรต่างๆ ของอาเวียนและองค์กรพหุภาคีอื่นๆ โดยการตรวจสอบโครงการที่ีอยู่แล้วในอาเวียนและนกรอบอนุภูมิภาค รวมทั้งในฐานข้อมูลต่างๆ ที่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง
2. นวัตกรรมดิจิทัล
วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
- เพื่อสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีของวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม
- เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านนวัตกรรมดิจิทัล
- เพื่อพัฒนาข้อมูลแบลบเปิดในประเทศสมาชิกอาเซียน
- เพื่อสนับสนุนการบริหารข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่ม 4 : การเสริมสร้างฐานเทคโนโลยีสำหรับวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อสนับสนนุแผนงานของคณะกรมมการประสานงานอาเซียนว่าวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม ในการเสริมแสร้างการใช้เทคโนโลยีกับภาคธุรกิจ โดยขั้นตอนแรกในการดำเนินงานคือ การแก้ไขปญหาที่เกี่นยวข้องกับการขาดความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสำหรับ MSMEs ในภูมิภาค การรวบรวมแนวปฏิบติที่เป็นเลิศในอาเซียน การจัดเวทีสำหรับผุ้มีส่วนเกี่ยวข้อง และการสร้าง ASEAAN SME Portal เพื่อเป็นฐานข้อมูลออนไลน์ในด้าน MSMEs ของอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 5 : การพัฒนากรอบการทำงานด้านความครอบคุลมทางการเงินแบบดิจิทับในอาเซียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อส่งเสริมความคอบคลุมทางการเงิน ดดยการขยายการสร้างผลิตภัฒฑ์และบริการทางการเงินให้แก่ขุมชนที่กว้างขึ้น อันรวมถึงวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดยอมด้วย รวมทังเพื่อสนับสนุน ASEAN ICT Maaster Plan 2020 ที่ต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการต้าดิจิทัลและการชำระเงนิทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ MPAC 2025 มุ่งเน้นให้เกิควดความร่วมมือระหว่างผุ้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลายภาคส่วน และสนับสนุนแนวทางอันจะได้รับการรับรองโดยคณะทำงาน ว่าด้วยความครอบลุมทางการเงิน และคณะทำงานว่าดวยระบบการชำระเงินของอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 6 : การสร้างเครือข่ายข้อมุลแบบเปิดของอาเซียน
วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของ ASEAN ICT Master Plan 2020 ซึ่งได้ระบุจำนวนการดำเนินงานที่มประสิทธิภาพในการพัฒนาข้อมุลแบบเปิดและข้อมูลที่มีขนาดใหญ่จากหลายๆ ภาคส่วน โดยมีขันตอนการดำเนินงานในขันแรกคือ การจัดตั้งเวทีสำหรับภาคเอกชขนในการแบ่งปันการพัฒนาและกิจกรรมในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ อีกทั้งยังรวมไปถึงการพัฒนาข้อมูลสาะารณะและความพร้อมในอาเวียน และการสร้าง "พจนานุกรมข้อมุลอาเซียน" เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลออนไลน์แบบเปิดของอาเซียน นอกจากนี้ MPAC 2025 ยังสามารถสนับสนุน ASEAN ICT Master Plan 2020 ในการประสานประเด็นคาบเกี่ยวระหว่าง TELSOM กับองค์กรเฉพาะสาขาอื่นๆ ของอาเซียนอีกด้วย....
- "แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025. (คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...