เมื่ออายุ 12 ปี มีเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตที่จะเป็นนิมิตบอกว่าท่านจะได้เป็น ศาสดาต่อไปในภายหน้า ทั้งนี้เพราะท่านเป็นผู้ที่พูดจามีเหตุผลต้งแต่เป็นเด็ก เมื่อใครถามปัยหาอะไรกับท่าน ท่านก็มักจะตอบว่าประเดี๋ยวก่อน ฉันจะถามบิดาฉันดูก่อน ซ่งคำว่า "บิดา"ในที่นี้ท่านหมายถึง "พระเจ้า
ในระหว่างอายุ 12-18 ปี ท่านได้ท่องเที่วหาความรฝุ้อยู่ และได้มอบตัวเป็นศิษย์ของจอห์นผู้เผยแฝ่ศาสนายูดาห์ ซึ่งเป็นผุ้ให้ศีลจุ่มแก่ท่าน แล้วท่านก็ออกเทศนาสั่งสอนให้คนมความรักใคร่ เมตคากัน และคำสอนที่มีชื่อมากก็คือ คำสอนที่ว่า "ถ้าใครมาตบหน้าทางแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาตอบอีกที่หนึ่ง" นอกจากนั้นท่านก็สอนให้คนทั้งหลายมีความสำนึกชอบ เสียสละ และไม่พยาบาท จนกระทั่งพวกที่มีปัญญาทั้งหลายเป็นว่า ท่านเป็นผู้มาช่วยโลกในนามของพระเป็นเจ้า แต่อีกพวกหนึ่งก็เห็นว่าท่านมาก่อกวนพลเมืองให้แข็งข้อต่อผู้ปกครองชาวโรมัน ในที่สุดก็หาทางกำจัดท่าน แต่พระเยซูก็ไม่ท้อถอย เมื่อท่านไปถึงหมู่บ้านใด เด็กๆ ในหมู่บ้านน้นจะเข้ามาห้อมล้อม เด็กๆ รักท่านมากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองก็เกลี่ยดชังมากด้วยเช่นกัน นักพรตยิว เกรงว่า จะชิงเอาสาวกของตนไปจนหมด จึงกล่าวหาว่า เป็นกบฎ ซ่องสุมผุ้คน เพื่อคิดคด ทรยศบ้านเมืองและพยายามฟ้องต่อผู้ปกครองชาวโรมันหลายครั้งหลายหน ในที่สุดท่านก็ถูกจับ และศาลโรมันมีคำสั่งให้ประหารชีวิต โดยให้ตรึงไม้กางเขนการที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนเช่นนี้ ลัทธิโรมันคาทอลิกถือว่ พระยะโฮวาผู้ทรงพระมหากรุณาแก่สัตว์โลก ได้ประทานพระบุตร คือ พระเยซู ลงมา เพื่อสละชีวิตเป็นการไถ่บาปองมนุษย์ ท่านได้มีโอกาสประกาศคำสอนอยู่เพียง 3 ปีเท่านั้น ก็ถูกตรึงไม้กางเขน เมืออายุ 33 ปี
เมื่อพระเยซูถูกตรึงกางเขนแล้ว สานุศิษย์คนสำคัญคือ เซนต์ปอล และ เซนต์ปีเตอร์ ทั้งสองท่านนี้ ได้เป็นผู้ช่วยเผยแผ่ศาสนา อุทิศชีวิตให้แก่ศาสนาจนกระทั่งถูกจักรพรรดิโรมัน ที่ไม่นับถือคำสอนของพระเยซูสั่งจับ และประหารทั่งสองคน
คริสตศาสนามีนิกายที่สำคํยอยู่ 2 นิกายคือ คาทอลิกและโปแตสแตนด์
คาทอลิก เป็นองค์กรใหญ่ในคริสต์ศาสนา โดยอาศัยแรงดันทางการเมืองสับสนุน และศาสนจักรมีอำนาจเหนือนักากรเมืองมาแต่สมัยต้น และสมัยกลางแห่งประวัติศสตร์ยุโรป
ความเป็นมาของนิกายโรมันคาทอลิกมประวัติวคามเป้ฯมาตั้งแตนักบุญเปโตร ได้รับการสถาปนาจากพระเยซูให้เป็นผู้ดูแลพระศาสนจักร อาจกล่าวได้ว่า ท่านเป็นสันตะปาปาคนแรกท่ทุกคนต้องยอมรับนับถือและมิศรัทธาเชื่อฟังในฐานะ "ผู้ดูแลผูงแกะ" ของพระเจ้า ความคิดแบบน้ได้สืบอดกันต่อมาจนปัจจุบัน พระสันตะปาปาจึงมิได้อยุ่ในบานะนักบชเท่านั้น แต่เป็นประมุขสูงสุดของศาสนจักรท่ทุกคนต้องปฏิบัติตคามคำสั่ง นิกายโรมันคาทอลิกจึงเป็นนิกายทุ่่งมั่นให้สัตบุรุษมศรัทธา และปฏิบัติตามพระศสนจักร เพราะศาสนจักรท่ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่ง นิกายโรมันคาทอลิกจึงเป็นนิกายท่มุ่งมั่นให้สัตบุรุษมศัทธา และปฏิบัติตามพระศาสนจักร เพราะศาสนจักรเป็นส่วนหน่งของอาณาจักรแห่งสวรรคื และเป็นองค์การท่สามารถนำประชาชนไปสู่การบรรลุเป้าหมายามภารกิจ ท่พระเจ้าได้มอบไว้
เดิมท่ิศาสนาคริสต์ยังไ่แบ่งแยกเป็นนิกาย ต่อมเืองเกิดการแยกตัวของนิกายให่ ผุ้ปฏิบัติสนแนวทางเดิม (ท่ผ่านการเติบโตและดัดแปลงจากสมัยนักบุญเปโตร) จึงเห้รับการแยกแยะว่าเป็นนิกายดั้งเดิม แตกต่างจากนิกายใหม่ เหตุการณ์แบ่งแยกครั้งแรกเกิดในรัชสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินท่ 1 เมื่อทรงตั้งราชธานิแห่งใหม่ในภาคตะวันออก แถบประเทศตุรกในปัจจุบันนามว่า "คอนสแตนติโนเปิล" หรือโรมันตะวันออก ซ่ึ่งเป็นศูนย์กลาง แต่เมือนานวันอาณาจักรโรมันตะวันออกมความเข้มแข็งและเป็นอิสระในทุกด้าน จึงแยกการปกครองเป็นเอกเทศ ทั้งทางอาณาจักรและศาสนจักรเป็นเอกเทศจากกรุงโรม ไม่ยอมรับในพระราชอำนาจของพระสันตะปาปา จึงทำให้เกิดการแตกแยกออกเป็นนิกาย กลาวคือ อาณาจักรโรมันตะวันตกได้รับอิทธิพลจากสำนักวาติกัน ซึ่งการศาสนามบทบาทกลมกลืนกับสังคมและการเมืองนับถือนิกายโรมันคาทอลิก สวนอาณาจักรโรมันตวะันออกได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมเอเซยนับถือนิกายอิสเทิร์นออร์ทอดอกซ์..
นิกายนี้มุ่งเอาคำสอน และกรปฏิบัติของเซนต์ปีเตอร์เป็นหลัก ถือว่า เซนต์ปีเตอร์เป็นผู้สืบต่อจากพระเยซูโดยตรง ในสมัยตอมาเมืองจักรพะะดิดรมันทรงรับเอาลัทธิคาทอลิกเป็นศาสนาอย่างเป็นทางการแล้ว จึงได้ทรงประกาศให้โปปลิโอที่ 1 เป็นใหญ่เหนือ
คริสต์สาสนิกชนทั่วโลก และโปปองค์ต่อๆมา ก็ดำรงอำนาจใหญ่ในโลกแห่งคริสต์ศาสนาจนปัจจุบันโปรเตสแตนด์ เกิดในภายหลัง มาตินลูเทอร์ เป็นผุ้ให้กำเนิด ลูเทอร์ มีความเห็ฯว่า การที่โปปในกรุงโรม หรือคณะนักบวชฝ่ายคาทอลิกจะแปลความหมายของศาสนาเอาตามใจชอบนั้นไม่ได้ จำเป็นต้องดำเนินตรงตามคัมภีร์ และอย่างมีเหตุผล นักบวชจะมาฟูกขากการสั่งสอนอย่างแต่ก่อนไม่ได้ นอกจากนั้นนิกายนี้ไม่นิยมนับถือ "แม่พระ" คือ พระนางมาเรีย ว่าเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ เห็นควรนับถือเฉพาะพระเยซูองค์เดี่ยวเท่านั้น...
ข้อมูลจาก : สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๔ / เรื่องที่ ๘ การศาสนา / ศาสนา
คริสต์http://www.digitalschool.club/digitalschool/social1_1_1/social1_5/more/page09.php