ขั้นตอนการเลือกตั้งและการประชุมคอคัส กลุ่มคนที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันจะสังกันพรรคการเมืองเดียวกัน เป็นที่มาของการเลือกตั้งขั้นต้นและการประชุมคอคัส ผุ้สมัครรับเลือกตั้งจากแต่ละพรรคเดินสายหาเสียงทั่วประเศเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคของตน การประชุมขั้นต้นและการประชุมคอคัสซึ่งเป็น การลงคะแนนเสียงที่สำคัญเร่ิมต้นเดือนกุมภาพันธ์ การประชุมนี้นำไปสู่การเลือกตัวแทนซึ่งจะไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ระดับ ประเทศของพรรครัฐที่ได้รับความสนใจมากคือ ไอโอวา นิวฉฮมป์เชียร์ เนวาดาและเซาท์แคโรไรนา ซึ่งผลการเลือกตั้งแทนของัฐเหล่ารนี้มักจะชี้ว่าใครจะได้รับเสนอชื่อเป็นผุ้ สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในการประชุม "คอคัส" สมาชิกพรรคเลือกผุ้สมัครรับเลือกตั้งที่ดีที่สุดจาการอภิปรายและออกคะแนนเสียงหลายครั้ง ในการเลือกตั้งขั้นต้นสมาชิกพรรคออกเสียงเลือกผุ้สมัครรับเลือกตั้งที่ดีที่สุดเพื่อเป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งทั่วไป
การประชุมใหญ่พรรคการเมือง แต่ละพรรคการเมืองจัดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตัวแทนผุ้สมัตรชิงตำแหน่งประะานาะิบดีเพียงคนเดียว ตัวแทนระดับรัฐจากการประชุมขั้นต้นและการประชุมคอคัสที่ได้รับเลือกจาก ปรชาชนจะให้การ "รับรอง" ผุ้ลงสมัตรรับเลือกตั้งประธานาธิบดีที่พวกเขาชื่นชอบ และเมือการปรุชุมใหญ่สิ้นสุดลงพรรคการเมืองก็จะออกประกาสอย่างเป็นทางการ ว่า พรรคได้เสนอชื่อบุคคลใดเป็นตัวแทนของพรรคลงสมัครชิงตำแหนงประธนาธิบดี ระหว่างการประชุมนั้นตัวแทนผุ้สมัครชิงตำแหน่ง
ประธานาธิบดี จะเลือกคุ่หุูชิงตำแหน่ง (ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี)ผุ้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคต่างๆ ลงพื้นที่เรียกคะแนนเสียงจากประชาชนทั่วประเทศ
การเลือกตั้งทั่วไป ประชาชนทุกรัฐทั่วประเทศลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิดีและรองประธานาธิบดีเพียงเสียงเดียว เมื่อคนอเมริกันไปคูหาเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน พวกเขาจะเลือกผุ้สมัครชิงตำแหนงประธานาธิบดีพร้มผุ้สมัครดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนที่ตนชื่นชอบ แต่จริงไ แล้วพวกเขากำลังลงคะแนนเสียงในบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่ "ผุ้เบือกตั้งประธานาธิบดี" หากผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใดได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่จากประชาชนในรัฐ(ยกเว้นรัฐเมนและเนแบรสกา) ผุ้สมัครคนน้นจะได้คะแนนผุ้เลือกต้ง (electoral vote) ทั้งหมดของรับนั้นๆ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาะิบดีที่ได้รับคะแนนเสียงจากผุ้เลือกตั้งมากทีุ่ดจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
คณะผุ้เลือกตั้งประะานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นกระบวนการที่ "ผู้เือกตั้ง" หรือตัวแทนจากแต่ละรัฐซึ่งจะมีจำนวนเป็นสัดส่วนกับจำนวนประชากรของรัฐลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ละรัฐมีจำนวนผุ้เลือกตั้งประธานาะิบดีเท่ากับจำนวนตัวแทนของรับในสภาครองเกรสผู้่เลือกตั้งทั้งหมดมีจำนวน 538 คน ซึ่งได้รับเลือกตามนโยบายของแต่ละรัฐ ผุ้เลือกตังประธานาธิบดีแต่ละคนจะลงคะแนนเสียง 1 เสียงหลังการเลือกตั้งทั่วไป และผุ้สมัครที่ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง (270 เสียง) จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ประธานาธิบดีและรองประธานาะิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม
ที่มา : https://th.usembassy.gov/th/summary-of-the-u-s-presidential-election-process-th/electoral-college-th/
รัฐะรรมนูญสหัรัฐฯ ให้อำนาจบางประการแก่รัฐบาลระดับประเทศ(หรือรับบาลกลาง) และสงวนสิทธิแห่งอำนาจอื่นๆ สำหรับรับแต่ละรับและประชาชน รัฐะรรมนูญกำหนดให้แต่ละรัฐมีรัฐบาลปกครองในรูปแบบสาธารณรัฐ และให้ประชาชนใช้อำนาจของตนผ่านผุ้แทนที่มาจาการเลือกตั้ง รวมถึงห้ามรัฐละเมิดสิทธิบางประการ แต่นอกเหนือากนั้นแล้ว รัฐบาลต่างๆ ยังคงมีอำนาจค่อนข้างมาก
รัฐบาลกลางจัดขึ้นในปีที่ลงท้ายด้วยเลขคุ่ในวันอังคารหลังวันจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน โดย
การเลือประธานาธิบดีจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยหลังจาการเลือตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรทั้ง 435 คนจัดขึ้นทุก 2 ปีสมาชิกวุฒิสภามีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 6 ปี โดยมีการจัดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งเพื่อให้มีการเลือกตั้งหนึ่งในสาม(หรือกาจเพ่ิมอีก 1 ที่นั่ง) ของจำนวนที่นั่งในสภา 100 ที่นั่งทก2ปี
หากวุฒิสมาชิกเสียชีวิตหรือกลายเป็นคนไร้ความสามารถระหวางดำรงตำแหน่ง บางรัฐอาจจัดการเลือกตั้งพิเศษเพื่อหากบุคคลมาดำรงตำแหน่งแทนวุฒิสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งใหม่จะอยุ่ในตำแหน่งจนสิ้นวาระเดิมของวุฒิสมาชิกคนก่อน ในขณะ ที่บางรัฐมีกฎหมายระบุให้ผุ้ว่าการรับสามารถแต่งตั้งบุคคลมาทำหน้าที่แทนจนสิ้นสุดวาระเดิม หรือจนกว่าจะสามารถจัดการเลือกพิเศษเพื่อหาวุฒิสมาชิกคนใหม่ได้
ผู้ว่าการรัฐส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี ยกเว้นผุ้ว่าการรัฐนิวแฮมป์เชียร์และรัฐเวอร์มอนด์
การเลือกตั้งกลางเทอม เป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมือประธานาธิบดีดำรงตำแน่งมาได้ครึ่งวาระเพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาพผุ้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก และผุ้ว่าการรัฐ..
ในช่วงฤดูร้อนของปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีพรรครีพับลิกัน และ พรรคเดโมแครตต่างจัดการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อกำหนดแนวนโยบายขงอพรรค และเสนอชื่อผุ้สมัครชิงตำแหน่งประธานาะิบดีและรองประธานาธิบดีในนามพรรค ปัจจุบันผุ้ที่จะเสนอชื่อคือผุ้ที่ได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่จากตัวแทน ภายในพรรค และก่อนที่จะเร่ิมการประชุมใหญ่ของพรรคก็เป็นทีทราบว่า ผุ้ใดจะได้รับเสนอชื่อเป็นผุ้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ละรับ(รวมถึงดิสตริกออฟโคลัมเบียและดินแดนของสหรัฐฯหลายแห่ง) จะได้รับจัดสรรวาจะมีจำนวนตัวแทนเท่าใด ตัวแทนส่วนใหญ่จะ "สัญญาฎ ว่่าจะสนับสนุน ผุ้สมัครคนใดคนหนึ่งอย่างน้อยที่สุดในกาลงะแนนรอบแรก เป็นเวลาหลายปีที่การประชุมพรรคไม่มีความจำเป็นต้องลงคะแนนเกิน 1 รอบในการเสนอชือผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
Swing State รัฐที่พรรคการเมืองได้รับคะแนนสนับสนุนสุสีกันเหล่านั้น เรือกว่า สวิก สเตรท เป็นรัฐที่ประชกรมีความคิดทางการเมืองแตกต่างกันในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐเหล่านี้สนับสนุนผุ้สมัครจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันสลับกันไปมา จึงเป็นสมรภุมิที่ผุ้สมัครต่างทุมสรรพกำลังการประชาสัมพันธ์ และทีมงานในการหาเสียง
รัฐที่โดยทั่วไปถือว่าเป็น สวิง เสตรท ได้แก่ แอริโซนา ฟลอริดา มิแกร เพนชิลเวเนีย และวิสคอนซิน ขณะที่ผุ้เชี่ยวชาญบางคนเห้ซา นอกจารัฐเหล่านี้แล้วยังมีนิวแฮมเชียร์ นอร์ทแคโรไลนา และรับอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
คณะผู้เลือกตั้งประะานาะิบดี รัฐะรรมนูญสหรัฐฯ มีบทบัญญัติเกี่ยวกับกระบวนการของคณะผุ้เลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งเป็นระบบที่สร้างสมดุลระหว่างคะแนนเสยงที่มาจากประชานและการออกเสียงโดยสภาคองเกรส จำนวนของคณะผุ้เลือกตั้งในแต่ละรัฐจะเท่ากับจำนวนสมาชิกสภาคองเกรส(ทั้งสภาผุ้แทนราษำรและวุฒิสภา) ของรัฐนั้นๆ ปัจจุบันมีผุ้เลือกต้งทั้งหมด 538 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี 3 คนที่มาจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในแต่ละรัฐ พรรคการเมืองจะกำหนดรายชือบุคคลที่อาจจะมาเป็นผุ้เลือกตั้งของพรรคตนเอง
หลังผุ้มีสิทธิออกเสียงกาบัตรเลือกตั้งประธานาธิบดี คะแนนเสียของพวกเขาจะรวมกันภายในรัฐ โดยใน 48 รัฐและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผุ้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุด จะได้รับคะแนนจากคณะผุ้เลือกตั้งทั้งหมดของรับนั้น ในขณะที่จำนวนคณะผุ้เลือกตั้งของรับเมนและเนแบรสกาจะเป็นไปตามสัดส่วนจากคะแนนเสียงของประชาชน ผุ้สมัครจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผุ้เลือกตั้งอย่างน้อย 270 คน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของคะแนนเสียงทั้งหมดจึงจะชนะการเลือกตั้ง การรณรงค์หาเสียงในทุกรฐเป็นส่ิงสำคัญสำหรับผุ้สมัคร แม้ในรัฐที่มีจำนวนประชกาน้อยและจำนวนคะแนนเสียงของคณะผุ้เลือกตั้งน้อย เพื่อให้ได้คะแนนเสียงของคณะผุ้เลือกตั้งรวม 270 เสียง
ผลอย่างหนึ่งของระบบ "winner-take-all ผู้ชนะได้รับคะแนนเสียงของผุ้เลือกตั้งทั้งหมด คือ แม้ผุ้สมัตรคนใดจะได้คะแนนเสียงของประชาชนทั่วประเทศมากที่สุด แต่ก้อาจจะแพ้การเลือกตั้งได้ ซึ่งมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง
การสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ว่าที่ประธานาะิบดีและว่าที่รองประธานาธิบดีจะหล่าวคำสาบานตนและดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พิธีสาบานตนนี้จะจัดขึ้นทุก 4 ปี ในวันที่ 20 มกราคม (หากตรงกับวันอาทิตย์จะเลือนเป็นวันที่ 21 มกราคมแทน) ที่อาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยว่าที่รองประธานาธิบดีจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งก่อน ต่อมาในช่วงเที่ยงว่่าที่ประธานาะิบดีจะกล่าวคำสาบานตนตามที่ระบุไว้ในรัฐะรรมนูญสหรัฐฯ.... ที่มา : https://thaipublica.org/2020/10/us-election-how-american-elect-president/