- ทหารม้าเบา คือทหารที่สวมเกราะเบาอย่างเช่นเกราะผ้าไหม เกราะหนังกวางหรือไม่สวมเกราะ ติดอาวุธเบาเช่นดาบโค้งและธนู
- ทหารม้าหนัก คือทหารสวมเกราะหนักทั้งคนและม้าศึก พวกเขาจะสวมเกราะที่ทำจากแผ่นเหล็กร้อยเข้าด้วยกันเหมือนเกราะจีนและติดอาวุธหนักเต็มอัตราคือ ดาบโค้ง ธนู ขวานน และทวนยาว ทหารม้าหนักมองโกลมักจะเป็นแนวหน้าในการบุกโจมตี
กองทัพม้ามองโกลจะแบ่งสายการบังคับบัญชาอย่างเป็นระบบ โดยไล่สายย่อยจากปมู่ กองร้อย กองพัน กองพล และกองทัพ โดยทหารม้าหมู่หนึ่งจะมีทหาร 10 นาย ผู้บังคับบัญชาหนึ่งนาย หนึ่งกองร้อยมีนายกองปกครอง สิบกองร้อยรวมเป็นหนึ่งกองทัพ มีแม่ทัพปกครอง สิบกองทัพรวมเป็นหนึ่งกองพลมีจอมพลปกครอง นักรบมองโกลจะยึดถือเป็นกฎศึกเพียงอย่างเดียวคือห้ามถอยหากผู้บังคับบัญชาสูงสุดไม่สั่ง..
ทหารราบมองโกล จากบันทึก บาทหลวงชาวเนเธอร์แลนด์ วิลเลี่ยม เดอ ลูบรัค “พระเท้าเปล่า” บันทึกว่า “พวกนักรบตาร์ต้าจะติดอาวุธหนักเท่ากับนักรบสามถึงห้าคน หากฆ่าพวกมันไปหนึ่งก็จะมีพวกมันอีกสิบคนโผล่พุ่งมาประหนึ่งจากขุมนรกโลกันต์ ข้าพเจ้าไม่เคยประจักษ์กองทัพใดที่จะมีระเบียบวินัยเช่นนี้นับแต่คของซีซาร์”
ทหารราบมองโกลมีหน้าที่เป็นกองปีกคุ้มกันให้กองทหารม้ส ส่วนสายการบังคับบัฐชาก็เหมือนกับกองทหารม้าทั้งสิ้น
ธนู กองทัพม้าธนู ของเจงกิสข่านหัวธนูใช้การแช่น้ำเกลือทำให้แข็งกว่าหัวธนูทั่วไปจึงสามารถรเจาะเกาะ
คันธนูทำจากเขาสัตว์หรือกระดูกสัตว์ รวมถึงใช้อ็นสัตว์ นำมาเคี่ยวทำเป็นกาวและใช้เอ็นส่วนที่เหนี่ยวที่สุดมาทำคันธนู
ธนูสมัยโบราณมีสองแบบคือยิงระยะไกลหรือ Long Bow ขนาดใหญ่พกพาลำบากและ
Composite bow ยิงระยะสั้นกว่าและพกพาสะดวกกว่า ธนูเขาสัตว์ของมองโกลและกระสุนที่หัวกระสุนมีความแข็งสามารถเจาะเกราะใหญ่และหนาได้ เป็นข้อได้เปรียบในหลายๆ สมรภูมิของมองโกล
กองทัพเรือมองโกล มองโกลมีความมุ่งหมายที่จะครองอาณาจักรโพ้นทะเล อันประกอบด้วย ญี่ปุ่น เกาะกิวชิว เกาะชวา ซึ่งจำเป็นต้องใช้กองทัพเรือ แต่ชาวมองโกลไม่มีความรู้ในเรื่องนี้..
ทัพเรือมองโกลโจมตีญี่ปุ่นครั้งแรก โดยมองโกลเกณฑ์กองเรือเกาหลี 900 ลำ นำทหารสองหมืนห้าพันคนขึ้นฝั่งที่ท่าเองฮากาตา เกาะกิวิว วันต่อมาเกิดการสู้รบอย่างดุเดือด แต่ไม่รู้แพ้รู้ชนะ คืนนั้นเกิดพายุใหญ่ทำลายเรือมองโกล พินาศกว่าครึ่ง มองโกลจึงต้องถอยกลับ
เจ็ดปีต่อมามองโกลส่งกองทัพเรือมหึมามาทำสงครามกับญี่ปุ่นอีกครั้งและประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย นั้นคือเกิดพายุใหญ่ โหมกระหน่ำ ทัพเรือมองโกล..
ไม่มีการโจมตีญี่ปุ่นเป็นครั้งที่สาม..
ทหารมองโกล…เป็นทหารที่มีความชำนาญในพื้นที่ราบอดทนต่อสภาพอากาศหนาวจัด ร้อนจัดแต่ไม่ชอบร้อนชื่น ไม่สันทัดทางทะเล มีระเบียบ วินัย ที่สำคัญเป็นทัพที่เดินทัพได้ไวมาก และมีความรวดเร็วในการจู่โจม กล่าวกันหากม้ามองโกลเหยียบเข้าถึงที่ใดได้ทหารมองโกลก็สามารถยึดที่นั้นได้เช่นกัน ทหารมองโกลมีความเชียวชาญในการขี่ม้า และยิงธนูโดยกำเนิดเนืองจากเป็นสังคมปศุสัตว์ เมือเกิดมาเด็กชายทุกคนจะมีม้าหนึ่งตัวและธนูประจำกายเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต..ด้วยเหตุนี้ความสันทันและเจนจัดบนหลังม้าจึงไม่ชนชาติใดยิ่งไปกว่ามองโกล
การทำศึกของเจกิสข่านไม่เหนือน จักรพรรดิองค์ใดในโลกจะโหดร้ายและกระหายในสงครามมากกว่าที่จะขยายดินแดน โดยปรกติหากเมืองคู่กรณี ยอมอ่อนน้อม ก็จะมีการกำหนดให้ส่งราชบรรณการทุกปี แต่ เจงกิสข่านนั้นนอกจากเครื่องราชบรรณาการแล้ว ยังมีการเกณฑ์ไพร่พล เข้าร่วมในกองทัพด้วย…
ปืนใหญ่มองโกล…มองโกลสร้างปืนใหญ่ขึ้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยชาญระดับสูงจากจีน เปอร์เซียและยุโรป นำดินปืนจากจีนไปผสมผสามกับการปาลูกไฟของมุสลิม และประยุกต์กับเทคโนโลยีการหล่อระฆังของยุโรป ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีแบบใหม่หมดจด ซึ่งเทคโนโลยีก้าวกระโดดนี้ มีความสำคัญ แต่ผลจากวิธีการที่เลือกนำมาผสมผสานซึ่งเทคโนโลยี เพื่อการสร้างสิ่งใหม่นั้นไม่ธรรมดา…การข่าว หน่วยข่าวม้าเร็ว
ชาวมองโกลเป็พวกเร่รอ่นบนหลังม้ามาแต่กำเนิด ดังนั้นแล้วการส่งสารระหว่างเมืองหรือกองทัพจึงเป็นระบบม้าเร็วเป็นสำคัญ และระบบม้เร็วของมองโกลนั้นนับเป็นหน่วยข่าวที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น
นายม้าเร็วของมองโกลนั้นจะสวมชุดเครื่องแบบชนิพิเศษคือเสื้อไหมติดตราอินทรีและมีกระิ่ดิ่งห้อยข้างเอวเพื่อเป็นการบอกเตือนผู้คนที่สัญจรไปมาและนายม้าเร็วนั้นยังจะได้รับอภิสทิธิ์ดังนี้
นายม้าเร็วไม่ต้องเสียภาษี นายม้าเร็วสามารถสั่งในขบวนแม่ทัพหรือขุนนางระดับสูงหลีกให้หยุดหลีกให้พ้นทาง หากม้าเร็วมีอาการบาเจ็บหรือตายลงระหว่างทาง นายม้าเร็วสามารถยึดม้าจากใครก็ได้ทั้งสิ้น ด้วยความสำเร็จของหน่วยม้าเร็วคือการวางจุดส่งข่าวตามเส้นทางต่าง ๆ โดยจะมีการตั้งกระโจมรับรองทุก ๆ 80 ไมล์ ในหนึึ่งกระโจมรับรองจะมีเหล่านาม้าเร็วเตรียมพร้อมคอยท่าอยู่พร้อมม้าเร็วสำรองอีกนับร้อยตัวประจำการอยู่ การส่งสารของนายม้าเร็วนั้นจะดำเนินไปตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน 24 ชั่วโมง มีบันทึกว่าข่าวจากกรุงคาราโครัมสามารถแผ่กระจายไปทั่วจักรวรรดิภายในเวลาไม่กี่เดือน