มาเลเซียมีความหลฃากหลายทางเชื้อาติ กลุ่มหลักๆ คือ ชาวมาเลย์ ชาวจีนและชาวอินเดีย รสนยมจึงแบ่งย่อยตามกลุ่มเชื้อชาติด้วย แต่กลุ่มผู้บริโภคที่มีระดับการศึกษาสูงและรายได้สูงมักสนใจและชืนชอบวัฒนธรรมตะวันตก นิยมสินค้าฟุ่มเฟือยเพ่ิมขึ้น ด้านอาหารนิยมบริโภคอาหารสด แต่ด้วยความเป็นสังคมเมืองมากขึ้น อาหารแปรรูปก็เริ่มแนวโน้มได้รับความนิยม ระหว่างวันมักพักดื่มน้ำชาพร้อมอาหารว่างเป็นขนมต่างๆ เช่น บิสกิต ประชนกลุ่มวัยทำงานิยมบริโภคอาหารและเครื่องดือมเพื่อสุขภาพ..(http://www.rd.go.th/.."ไลฟ์สไตล์ รสนิยม และวัฒนธรรมของคนประเทศต่างๆ ในอาเซียน)
ชาวมาเลเซียสามารถนับถือและประกอบพิธีทางศาสนาได้อย่างอิสระ ด้วยเหตุนี้ มาเลเซียจึงเป้นประเทศที่มีความหลากหลายทางจิตวิญญาณ ทุกศาสนาอยุ่ร่วมกันอย่างสันติ หากคุณไปเยือนมาเลเซีย ย่อยครั้งจะเห็นสุเหร่า โบสถ์คริสต์ วัดพุทธ และวัดฮินดู ตั้งเรียงรายกันอยุบนถนนเส้นเดียวกัน ในขณะที่สมาชิกในครอบครัวใหญ่ของมาเลเซียอาจนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน ไม่วว่าจะเป็นอิสลามหรือคริสต์ เนื่องจากชาวมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ตังนั้น วัฒนะรรมมาเลบย์ดั้งเดิมจึงไได้รับอิทธิพลของศาสนาอิสลามอย่างแยกไม่ออก เมือคุณเดินไปตามถนนที่พลุพล่านในเมืองกัวลาลัมเปอร์ คุณอาจได้ยินเสียงประกาศให้ชาวมุสลิมทำกรละหมาดจากเครื่องขยายเสียงของสุเหร่าที่อยุ่ใกล้ ๆ บ่ายวันศุกร์ คุณจะเห็นกลุ่มชายมุสลิมกลุ่มใหญนุงโสร่งและสวมหมวกซอเกาห์ (หมวกไม่มีปีกของชาวมุสลิม) เดินมุ่งหน้าไปทกการละหมาดที่สุเหร่า...(http://www.nuks.nu.ac.th/..ศาสนาของชาวมาเลเซีย)
อาหารมาเลเซีย มีจุดเด่นอยู่ที่การใช้สมุนไพร เครื่องเทศ พริก มีรสเผ็ด และมักจะใช้ผงกะหรี่ คนในปีนังไม่ว่าจะเป็นคนอินเดีย คนจีนหรือคนมาเลเซียเองชอบทานอาหารที่มีผลกระหรี่ปละไม่มีใครปฏิเสธิอาหารที่มีผลการหรี่ สมุนไพรที่นำมาประกอบอาหารนอกจากสมุนไพรท้องถ่ินซึ่งมีอยู่มากมายย บางครั้งบยังมีการวมสมุนไพรหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีเกลุ่นหอม มัใช้ในการผัดข้าว อาหารมาเลเซียส่วนใหญ่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอาหารมุสลิม เพราะไม่ใช้เนื้อหมู และไม่ใส่ไวน์ เนื้อสัตว์ที่นิยมรับประทานกันจึงเป็ฯ เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อเเกะ และอาหารทะเล และภูมิภาคของมาเลเซีย
อาหารจะมีลักษระเฉพาะต่างกัน ในปีนังจะใช้ผงกระหรี่ในการประกอบอาหารมาก เพราะคนส่วนใหญ่ชอบผงกะหรี่ ขณะที่ทางตอนใต้ของประทเศจะนิยมใช้กะทิ คล้ายกับอาหารไทย โดยจะใช้กะทิกับอาหารเกือบทุกอยาง ข้าว เป็นอาหารจานหลักในทุกมอของอาหารมาเลเซียเหมือนอาหารไทย ต่างกับอาหารยุโรปที่บางมื้อเป็นขนมปัง บางม้อเป็นเนื้อหลายคนเห็นหน้าตาอาหารมาเลเซียคล้ายกับอาหารอินเดีย แต่ อาหารอินเดียจะใช้กะทิเป็นส่วนผสมน้อยมาก ในอาหารมาเลเซียยังมีเครื่องจ้ิมคล้ายน้ำพริกกะปิ เรียกว่า ซัมบัล ทำจากพริกป่น หัวหอมและน้ำมะขาม เป็นส่วนหนึ่งของสำรับอาหารของชาวมาเลเซีย นอกจากนี้ยังนิยมใช้ กะปิ ในการปรุงอาหารแทบทุกชนิดไม่ว่าจะผัดหรือแกง
อาหารมเลเซียมีการสั่งสมและถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่องตั้งอดีตจนเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติอย่างหนึ่งที่ชวนให้ไปสัมผัส..(th.answers.yahoo.com..ประวัติอาหารมาเลเซีย) เมนูอาหารที่ขึ้นชื่อของมาเลเซียอาทิ
Mee Goeng Mamak อาหารที่ขึ้นชื่อของประเทศมาเลเซียที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมของชาวอินเดียมุสลิมที่ย้ายมาอยู่ในประเทศแห่งนี้ไว้อย่างจัดจ้าน เมนูที่เป็ฯการผสมผสานอาหารจีนและเครื่องเทศของอินเดียไว้อย่างลงตัว ดดยจะทำจากบะหมี่ไข่เส้นเหนียวนุ่ม ผัดกับเนื้อสัตว์ต่างๆ ตามชอบไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ กุ้งหรือเนื้อวัน พร้อมกับเติมไข่และผักเพิ่มความเข้มข้น ก่อนจะปรุงรสด้วยซีอิ๊ว บางท้องถ่ินอาจจะเติมพริกและเครื่องเทศลงไปให้รสเผ็ดนิดๆ พอกลมกล่อม เมนูนี้สามารถหารับประทานได้ทั่วไป โดยเฉพาะที่ปีนังตามตลาดชาวอินเดียจะมีให้เห็นอยู่หลายร้าน
Fried Beehoon หรือหมีข้าวผัดกับผักต่างๆ อาหารจีนแต้จิ่วหน้าตาบ้านๆ ที่รสชติไม่บ้านตาม เป็นอาหารที่หาไ้ตามร้านอาหารจีนทั่วไปในกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่ร้านที่คุณไม่ควรพลาดคือ เรสเตอแรน เซตาแพก เทียเชียว ที่ยืนหยัดมากกว่า ร้อยปี ภายในร้านมีอาหารจีนสำตล์แต้จิ๋วแบบดั้งเดิมให้เลือกมากมาย
Asam Laksa ชื่อเมนูนี้คงคุ้นหูใครหลายคนด้วยเปนอีกหนึ่งเมนูที่ติดอันดับที่ 26 อาหารที่อร่อยที่สุดในโลกปี 2011 จากการจัดอันอับโดย CNN GO ทั้งยังเป็นเมนูเอาใจคนชอบกินรสจัดเพราะ ลัดซา เป็นอาหารลักษณะคล้ายขนมจีนที่น้ำราดจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค มีทั้งน้ำราดจากกะทิผสมเครื่องเทศรศเผ็ดร้อน หรือจะเป็นลักซาที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ ปีนังลักซา ที่เลือกใช้ปลาทูเป็นส่วนผสมหลักให้ได้กลิ่นอายทะเลอยางลงตัว เข้ากันดีกับน้ำราดรสเปรียวจากมะขามหรือส้มแขก อีกทั้งยังได้กล่ินหอมๆ จาก คอนเคซุป (ผักแพว) และ บุหงากันตัน (ดอกขิงป่า) จากนั้นตัดด้วยรสหวานจากสับปะรด เป็นอีกหนึ่งเมนูรสเข้มข้น ที่หากใครไปเยือนปีนังแล้วไม่ได้ลองกินก็เหมือนกับไปไม่ถึง
Nasi Lemak เป็นอาหารประจำชาติของประเทศมาเลเซียที่คุณสามารถเห็นได้ทั่วทุกภูมิภ-าคดดยจะห่อในใบตองให้รบประทานได้สะดวก ข้าวนาซิเลอมัก มีปรากฎให้เห็นเป็นหลักฐานในปี 1909 คำว่า นาซิเลอมักในภาษามลายูแปลว่าข้าวมัน โดยนำข้าวไปแช่กับกะทิแล้วนึ่งให้สุกจนได้ความหอมมันเป็นเอกลักษณ์แล้วกินคู่กับซอสซัมบัลรสเผ็ด แตงกว่าหั่นหรือไก่ทอดทำให้ไม่เลี่ยนจนเกินไป โดยเครื่องเคียงนี้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละภุมิภ-าคและวัมนธรรม เช่นที่เกาะรีเยาะจะรับประทานคู่กับอีกันดัมบันซึ่งเป็นปลาชิ้นเล็กๆ ทอดให้กรอบ คนมาเซียเชื้อสายจีนจะกินคู่กับเนื้อหมุ หรือคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดียจะรับประทานกับแกงรสนจัดต่างๆ จึงทำให้นาซิเลอมักเป้นทั้งอาหารประจำชาติและมรกดทางสวัฒนธรรมของประเทศมาเลซียอยางแท้จริง
Steamboat เป็นเมนูที่กลายมเป็นคู่ของพื้นที่ราบสูง ในรัฐอิโปห์ไปแล้ว ด้วยสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้องชื้นด้วยฝนตกชุกตลอดปี ทั้งยังเป็นแหลงทอลองปลูกพืชหลากหลายชนิดจึงทำให้เป็ฯอาหารช่วยคลายหนาวได้อย่างลงตัว โดยจะมีลักษระเป็นหม้อน้ำซุปร้อนๆ บางร้านจะเสิร์ฟแบบดั้งเดิมด้วยเตาถ่านทำให้ได้กลิ่นหอมควันไฟเป็นเอกลักษณ์ และคุณสามารถนำเอาเครื่อง เชื่อ เนื้อสัตว์ และผักลงไปลวกจนสุกก่อนจะซดน้ำซุปที่ได้รสหวานธรรมชาิจากเนื้อและผัก สถานที่ที่ขึ้นชื่อที่สุด คือเมือง บริงชาง ที่มีกลากหลายแบบให้เลือไม่ว่าตจะเป็นร้านที่เต็มไปด้วยผักออร์แกนนิคหรือร้านที่คัดเลือกเนื้อชั้นดีให้ได้ลิ้มลอง อีกทั้งยังมีคลาดนัดกลางคือซึ่งคุณสามารถเดินเลือกซื้อของได้มากมายอีกด้วย
Nasi Kerabu อาหารประจำรัฐกลันตัน ที่มีข้าวเป็นส่วนผสมหลักหุงกับอกอัญชันจนได้สีฟ้าใสสวยงาน แล้วกินคู่กับผักและสมุนไพรหลากชนิด บางที่อาจจะเสิร์ฟมาพร้อมเนื้อสัตว์เช่นไก่ทอด ทั้งยังรดหน้าด้วยน้ำบูดุ และมะพร้าวคั่วให้เนื้อสัมผัสกรุลปรอบ ทั้งยังได้กลิ่นหอมๆ จากสมุนไพรหลกชนิดทไใ้ นาซิเกอราบู กลายเป็นอีกหนึงอาหารที่เหล่านักเดินทงไม่ควรพลาด
ด้วยผุ้คนหลากหลายเชื้อชาติ และวัฒนธรรมที่ปสมปสานรวมอยุ่ในประเทศมาเลเซียอยางกลมกล่อม ก่อให้เกิดอาหารหลากหลายชนิดที่ไม่เพียงแต่จะดึงดูดนักเดินทางจากทั่วดลกให้มาล้ิมลองแต่ยังอเป็นการบอกเล่าประวัจติและวัฒนธรรมอย่าลงตัวอีกด้วย
กีฬาที่ได้รับความนิยมในมาเลเซียได้แก่ silat โดยศิลปะกอรป้องกันตัวชนินี้มีมาเป็นเวลานานแล้ว ลักษระของศิลปะการป้องกันตัวที่เรียกว่า Silat นั้นมีอยู่ 3 ลักษณะ คือ
Silat คื อการเคลื่อนไหวของร่างกายในการป้องกันตัวจากการโจมตีของศัตรูหรือคุ่ต่อสุ้
Silau คือการตอบดต้ทใช้จากการป้องกันตัวที่ศัตรุหรือคุ่ต่อสู้ดจมตีตัวเรา
ดังนั้น ศิลปะการป้องกันตัว นี้จึงสามารถที่จะหล่าวได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวช่วงจังหวะและลีลา การตอบโต้ที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้นดดยเป็นระบบ เป็นระเบียบและละเอียดอ่หนในการป้องกันตัวจากการดจมตีของศัตรูและคู่ต่อสู้ในการเรียนเกี่ยวกับศิลปะการ้องปันตัว Silat นั้น คนหนึ่งๆ มีการเียนรู้ที่อยุ่ในระดับที่แตกต่างกนตามความสามารถและประสิทธิภาพของแต่ละคน ดดยปกติแล้วระดับความสามารถของศิลปะการป้องกันตัว Silat มีอยุ่ 5 ระดับ คือ ระดับที่รู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ช่วงลีลา ศิลปะการตอบโต้ ระดับการเรียนรุ้วิถีชีวิตและคำสั่งการ พร้อมการเผยแพร่ศิลปะการป้องกันตัว, ระดับการศึกษาเชิงลักของศิลปะการป้องกันตัว และภูมิหลังของศิลปะการป้องกันตัว, ระดับการเรียนรุ้ เขาใจกฎระเบียบ และหลักเกณฑ์ของศิลปะการป้องกันตัว, ระดับสร้างจิตสำนึกในศิลปะการป้องกันตัว และศึกษาความเร้นลับของศิลปะการป้องกันตัว, ระดับการเผยแพร่ศิลปะการป้องกันตัว และสร้างหรือรักษากฎเกณฑ์ของศิลปะการป้องกันตัว ให้อยุ่ในจิตวิญญาณของนักศิปละการป้องกันตัว
ศิลปะการป้องกันตัว Silat มีกาีเคลื่อไหว ช่วงลีลาการก้าว ลูกไม้ การหลีก การตอบโต้ การต่อย การถบ การโจมตี ที่แตกต่างกันตามที่ครุศิลปะการป้องกันตัวต่างๆ เป็นผุ้คิดลูกไม้ของศิลปะการป้องกันตัว ดังนั้น ศิลปะการป้องกันตัวจึงมีหลากหลายชื่อ..(http://sportasean2012.blogspot.com/..กีฬาประจำชาติของประเทศในอาเซียน)
การแต่งกายของชาวมาเลเซีย เนื่องจากศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชติของมาเลเซียน ซึ่งเคร่งครัดในระเบียบปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนา ดดยฌแาพะการแต่งกายที่สภาพมิดชิดทั้งหญิงและชาย ในอดีต ผุ้ชายชาวมาเลเซียมักนุ่งดสร่งไม่สวมเส้อ หรือถ้าจะสวมใส่ก็เป็นเสื้อแขนสั้นหรือกางเกงขาสั้นแทนโสร่งแทน ส่วนผุ้หยิงนิยมนุ่งผ้ากระโจมอก บางคนอาจมีผ้าบางๆ ไว้คลุ่มไหล่ องค์สุลต่านอาบูกาการ์แห่งรัฐยะโฮร์ ทรงเห็นว่การแต่งกายของชาวมาเลเซียไม่เรียบร้อย อีกทั้งไม่มีชุดประจำชาติที่ดูสภาพพระองค์จึบทรงคิดให้ชุด บาจู กูทรง ซึ่งเป็นภาษามลายู แปลว่าปกปิด มิดชิด
ลักษณะเด่นของชุดบาจู กูทรงไม่วาของผุ้ชายหรือผุ้หญิง มักจะตัดเย็บด้วยผ้าผืนเดี่ยวกัน เพาระฉะนั้นทั้งสีแลดลวดลายบนผืนผ้า จึงป็นแบบเดี่ยวกันทั้งชุด แต่ชุดของผุชายกลับมีเครื่องเครามากว่าของผุ้หญิงชุดผุ้ชาย ทั้งเสื้อและกางเกงลวดลายสีสันเดียวกันทั้งชุด
ไม่นิยมลวดลายสัตว์หรือผิดหลักศาสนาอิสลาม เสื้อผุ้ชายเป็นแขนยาว ทั้งแบบคอลมแและคอจีน ซึ่งรังดุมราว 2-5 เม็ด ผ่าจากคอเสื้อลงมาถึงกลางอก ส่วนท่อนล่างจะเลือกใส่กางเกงหรือผ้าโสร่งก็ได้ ถ้าใส่กางเกงต้องมีผ้าพัน หรือมองดุคล้ายดสร่งสั้น จากสะดือถึงเข่า ภาษามลายูเรียกผ้าพันนี้ว่า ซัมปิ่น ซึ่งสัไม่ฉูดฉาด แต่ก็สวยงามบางที่เป็นผ้าไหม ดิ้นทาง ซัมปินทำให้ชุดผู้ชายดุสภาพเรียบร้อย ทั้งยังสามารถกันเปื้อนได้อีกด้วย ที่ศรีษะผุ้ชายจะสวมหมวกแขกกำมะหยี่สีดำ ภาษามลายูเรียก่า ซองโก๊ะ แต่ถ้าจะให้เต็มยสก็จะสวมผ้าพันเป็นรูปมงกุฎสวมทับไปบนหมวกอีกชั้นหนึ่ง การพับผ้าเป็นรูปมงกุฎมีแบบต่างๆ เช่น รูปนกอินทรีปีกหัก รูปช้างรบ รุปสู้ลม ถือเป็นศิลปะทีต้องใช้เวลาประดิดประดอย จึงไม่เป็นที่นิยม ในอดีตการสวมผ้าพับรูปมงกุฎนี้เป็นเครื่องบอกชนชั้นในสังคมมาเลเซียน ส่วนใหญ่เป็นเครื่องทรงขององค์สุลต่านและราชขวงศื ส่วนสามัญชน จะสวมใส่ผ้าพันมงกุฎนี้ในวันสำคัญเช่นในวันแต่างงาน ซึ่งหมายถึงเจ้าบ่ายเป็นเจ้าชายในวันั้นสิ่งสำคญอีกอย่่างหน่งของชาวมาเลเซีย คือ กริซ ซึงเยเป็นอาวุธประจำกายของผู้ชายที่ต้องติดตัวอยุ่ตลอดเวลา แต่ปัจจุบันกรซ ใช้เป็นเครืองประดับในชุดบาจุ กูทรง โดยเหร็บข้างเอวให้เห็นเท่านั้น การแต่งการแบบนี้สำหรับชาวมาเลเซียถือว่าสุภาพมาก มักแต่งไปในงานพิธีเช่นงานแต่างงาน
ที่กล่ามานี้ค่อนข้างเป็ฯการแต่างกายที่เป็นางการ แต่ถ้าต้องการความสะดวกเรียบว่าย เพื่อไปประกอบพิธีกรรมที่มัสยิด ก็เพรียงโสร่ง สวมเสื้อปล่อยชายยาวคลุมทับดสร่ง สวมหมวกกำมะหยี่สีดำบางครั้งผุ้ชายก็แต่งตัวอย่างสกล ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวหรือสีอ่อน ดุสุภาพ กับกางเกงสีเข้ม และที่ขาดไม่ได้คือใส่หมวกกะปิเยะห์ชุดผุ้หญิง มีเครื่องแต่งการน้อยิ้นกว่าชาย ทั้งสื้อและกระโปรงตัดด้วยผ้าบางเบา เนื่องจากภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าว ผ้าเป็นลวดลายและสีเดียวกันทั้งชุด หรือสีที่เข้ากัดีระหว่างเสื้อกับผ้านุ่ง นิยมลวดลายดอกไม้สีสันสดใส เสื้อผุ้หยชญิงเป็นปบบปขนยาว ชายเส้ื้อยาวลงมาถึงเข่า บางคนิยมตัดเย็บเสื้อเข้ารูป แต่บางคนปล่อยให้หลวมๆ ไม่เน้นรูปร่างส่วนท่อนล่างเป้ฯกระฏปรงยวคบุมตาตุ่ม ไม่ผ่าข้า เมื่อออกนอกบ้าน ผุ้หญิงมาเลเซียนิยมคลุมศรีษะด้วยผ้าบางเบา มีสีสันลวดลายดุกลมกลืนหรือเป็นลายเดียวกับเสื้อและกระโปรง ผ้านี้บางที่ก็นำมาคลุมไหล่เป็นเครืองประดับได้ดวยสตรีมุสลิมที่เคี่งคัดก็มักคลุมฮิญาบ หรือที่ชาวมลายูเรียกว่า ตุดล ซึ่งปัจจุบัเป็นที่นิยมมากขึ้น..(amoreiiz.wordpress.com/..การแต่งกายของชาวมาเลเซีย)
ไนท์ไลท์ที่ กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย เป็นเมืองที่มีการผสมผสานกันระหว่างประวัติศาสตร์ และความโมเดิร์นอย่างลงตัว
ตึกแฝดปิโตรนาส ตึกแฝดปิโตนาสคืออาคาร 88 ชั้น รุ้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า อาคาร KLCC อาหารแห่งนี้เป็นตึกแผดที่สุงที่สุดในโลกความสูง 451.9 เมตร สร้างขึ้นนโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิตของสถาปัตยกรรมอิสลาม อีกฝั่งหนึ่งของตกนี้ติดกับสวน KLCC ที่กินเนื้อที่กว้างขวางและตกแต่างอย่างสวยงาม สถานที่ที่น่าสนใจในอาคาร KLCC คือ ซูเรียชอปปิ้ง คอมเพล็กซ์, ปิโตรนาส ฟิลฮาร์โมนิก ฮอลล์, ศุนย์วิทยาศาสตร์ เปโตรซินและศุนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ลักษณะเด่นของตึกแผดนี้เมื่อเปรียบเทียบกับตึกระฟ้าอื่นๆ ของโลก คือการที่เป็นอาคารหอคอย 2 อาคาร เชื่อโดยสะพานลอยฟ้า สถาปัตยกรรมดดยเด่นูงตระหงานแห่งนี้หลายเป็นแลนด์มาร์ดใจกลางย่านฑุรกิจของกรุงกัวลาลัมเปอร์ จากกาลงวันเปลี่ยนสู่กลางคือนตึกแผดแห่งนี้จะถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟที่อลังการยิ่งทำให้ตึกที่สูงดูสูงขึ้นอีก ท่ามกลางท้องฟ้าสีดำ
ถนนฟู้ดทรัค กระแสเมนูติดล้อมาแรง ที่กัวลาลัมเปรอื เหล่า ฟู้ดทรัค จะยกทัพปิดทนน จาแลน สุลตาน อิสมาอิล บริเวณจตุรัสเมอร์ดิก้าเพื่อสร้างสีสันยามค่ำคือ พร้อมจัดเต็มเรื่องกินด้วยอาหารนานาชนิดหลากหลายเชื้อชาติ ให้ได้ลิ้มรสกันอย่างจุใจ โดยงานจะจัดทุกวันเสา 9.00-01.00น.(ค่ำ) และอาทิตย์ตั้งแต่ 6.30-9.30น.(เช้า) ในสัปดาห์ที่ 1 และ 3 ของทุกเดือน งานนี้ใครที่เป็นนักชิมตัวยงไม่ควรพลาด งานเดียวครบรส
ย่านบูกิตบินตัง คือสวรรค์ของนักช้อปที่ไม่ว่มองไปทางไหนก็เนืองแน่นไปด้วยห้าสรรพสินค้า และสถานที่สำหรับช้อปปิ้งแบบที่เลือกเดินกันไม่ถูกเลยที่เดียว นอกเหนือจากที่ช้อปปิ้งทังกลงวัน ละกลางคืนแล้ว ที่นี้ยังมีตรอกซอยให้ได้เดินเล่น สัมผัสวัฒนะรรมท้องถ่ินยามค่ำคือน เช่น อาหรับ สตรีท ตามชื่อถนน ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาหารสไตล์อาหรับซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่ ที่ชาวต่างชาติและชาวมาเย์นิยม หรือหากชอปปิ้งแล้วหิว ก็แวะไปที่ จาราน อลอ ถนนสายสตรรีทฟู้ดชื่อดังที่ถนนทั้งถนนเต็มไปด้วยอหารแบบท้องถิ่นให้เหลือทานทั้ง จีน มาเลย์ อินเดีย
ไชน่าทาวด์ ไนท์ มาเก็ตติ้ง ที่นี่จะเปิดตั้งแต่กลางวันแต่จะคึกคักเป็นพิเศษช่วงกลางคืน เพราะอากาศไม่ร้อน และมีร้านค้ามาเปิดขายของเยอะกว่า สินค้าทั่วไปจะเป็นของฝากและอาหาร ของท้องถ่ินต่างๆ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อยเพระสามารถเดินไปกินไปช้อปของฝากได้ในที่ที่ทเดียว
กำปง บารู แม้กัวลาลัมเปอร์จะเป็นเมืองทันสมัย เป็นเมืองธุรกิจที่มีตคึกสูงตระหวาน แต่ในใจกลางกรุงนั้น ยังมีตรอกเล็กๆ ที่มีหมู่บ้านดบราณอย่าง กัมปง บารู ที่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมดั้งเดิม หลังจากเป็นเอกราชการการปกครองของอังกฤษ ชาวบ้านที่นี้ก็ลุกข้นต่อต้านการเป็น โมเดิร์น ซิตี้ ที่จะลุกล้ำเข้า ทำให้ กัมปง บารู กลายเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านดบราณจกลายกรุงจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ดีชาวบ้านที่นี้มีการปรับตัวได้ออย่างดีให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการปสมปสานวิถีชิวิตแบบใหม่และดั้งเดิม แม้กลางวันจะดูเป็นหมู่บ้านอนุรักษ์ธรรมดา ที่นักท่องเที่ยมาเยี่ยมเยือน แต่เมื่ออาทิตย์ตกดินที่นี่จะกลายเป็นอีกตลาดสตรีทฟู้ดกลางคืนที่อยู่ท่ามกลางหมุ่บ้านดบราณ ในบรรยากาศย้อยุคแบบมาเลย์ มาเลย์ ดดยเฉพาะร้านขายข้าวแกงมาเลย์ที่โด่งดัง เมนูเด็ดคือ นาซิเลอมัก อาหารประจำชาติมาเลเซีย..(http://travel.trueid.net..5 แหล่ง ไนท์ไลฟ์ ในกัวลาลัมเปอร์ ย่ำเท้าเดินเลี้ยว เที่ยวชิมเพลินๆ)