LifeStyle ASEAN (Cambodia)

             กัมพูชามีการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นด้วยเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าไปลงทุนสูงขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ยังมกำลังซื้อไม่สูงนัก การตัดสินใจซื้อเน้นพิจารณาจากประโยชน์ของสินจ้าและราคาเป็นสำคัญ สินค้าอุปโภคบริโภคยังมีให้เลือกไม่หลากหลายนัก ส่งนใหญ่เป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน มักเป็นสินค้าจากไทย จีนและเวียดนามแนวโน้มความนิยมสินค้าฟุ่มเฟื่อยและสิ่งอำนวยความสะดวกเร่ิมได้รับความนิยมในกลุ่มผุ้มีรายได้สูง นักการเมืองและนักธุรกิจ (http://www.rd.go.th/
"ไลฟ์สไตล์ รสนิยม และวัฒนธรรมของคนประเทศต่ารงๆ ในอาเซียน")
         
ประเทศกัมพุชามีศาสนาพุทธนิกายเถรวาท เป็นศาสนาประจำชาติ มีศาสนิกชนกว่าร้อยละ 95 ถือเป็นศาสนาที่แข็งแกร่งและเป็นที่แพร่หลายในทุกจังหวัด มีอารามในพทูศาสนา 4,392 แห่งทั่วประเทศ ชาวเขมรมีความผูกพันกับพุทธศาสนามากทั้งประเพณีและวัมนธรรม แม้ศาสนาพทุธรวมถึงศาสนาอื่นๆ จุถูกยกเลิกในช่วงปี ค.ศ. 1970 แต่ก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ในกลุ่มชนเชื้อสายจีน ยงมีการนับถือควบคู่กันระหว่างมหายานกับลัทะิเต๋า
             ศาสนาอิสลาม เปนที่ยอมรับนับถือในชุมชนที่มี่เชื้อสายจามและมาเลย์ มีคำสนอกชนราว 300,000 คน ในจังหวัดกำปงจามมีดรงเรียนสอนศาสนาอิสลามจำนวนหลายแห่ง ส่วนศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก ตามด้วยนิกายโรปเตสแตนต์ มีชาวคาทอลิกราว 20,000 คนเหรือร้อยละ 0.15 นอกจากนี้ยังมีนิกายอื่นๆ เช่น แบปติสต์ พยานพระยะโฮวา และศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย...(sites.google.com/...ศาสนา)
            อาหารกัมพูชาคล้ายกับอาหารไทย ปละได้รับอิทธิพลจากอาหารต่างชาติค่อนข้ามาก เช่น นเมืองใหญ่จะมีอาหารเวียดนามบริการ เช่น เฝอ ปอเปี๊ยะ ปากหม้อ ข้าวเกรียบอ่อน ขนมจีนหมูย่าง อาหารประเภทผัดผัก หรืออาหารเส้นได้รับวัฒนะรรมจากประเทศจีน ก๊วยเตี๋ยวน้ำ (บะหมี่ไข้เส้นสีเหลือง) บะหมีผัดแห้ง, ก๋วยเตี๋ยวผัด (เส้นทำจากแป้งข้าว), แกงกะหรีได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ซึ่งีบทบาทต่อกัมพุชามากในประวัติศาสตร์ ยังพบเห้นอาหารที่รับวัฒนธรรมจากทางตะวันตก เช่น ลกละ ซึ่งเป็น สเต็กเนื้อหั่นเป็นลูกเต๋า ขนมปังปะเตขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้แฮม ต้นหอม เนื้อบด นิยมรับประทาน เป็ฯอาหารเช้า กาอหารกัมพูชารสชาติไม่จัดจ้าน การปรุงรสเผ็ดใช้พริกไทยเป็นหลัก ในน้ำพริก นั้นจะใช้พริกไทยทำให้เกิดรสเผ็ด ใช้น้ำปลา กะปิ และปลาร้า ชาวกัมพุชารับประทานข้าวเจ้าเป็นหลัก ข้าวเหนียวนิยมทำขนมและของหวาน ขชองหวานจากข้าวเหนียวที่เป็นที่นิยมคือ ข้าวต้มมัด/ข้าวต้มผัด ใส่กล้วย และ ชรุค ข้าวต้มมัด/ผัด ใส่หมูและถั่วเขียว(คล้ายไส้ขนมเทียน) ซึ่งใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่
  กรรมวิธีการปรุงอาหารปรุงเน้นเรียบง่ายไม่ยุ่งยากแต่ได้รสชาติอาหารสดๆ จากธรรมชาติ เช่นการต้ม การป้ิง ย่าง พืชผักมีทั้งจากสวนจากไร่ ผลูกไว้ข้างบ้านและผักป่า ผักที่นิยมใช้คือ ขมิ้น ข่า ชิง กระเที่ยม มะกรูด นิยมใช้ใบมะกรูดในอาหารหลายๆ อย่าง มะขาม มะนาวใช้ปรุงรสเปรี้ยว จำพวกต้มยำต้มโคล้
 ผักติ้ว แตงกว่า โหระพา สะระแหน่ ทองหลาง ผักกาดเขยว ผักปัง ผักขแยงนา ใบบัวบก สายบัว รากบัว ชะพลู มะยม แค ผักแพว ผักไผ่
ยอด-ดอก-ผลอ่อนของฟักทอง มะเขื้อ ยาวสด ยักชีญน ผักคาวตอง มะม่วง มะกอก (มะก๊ะ) นิยมนำมายำเป็ฯอาหารว่าง เช่น ยำมะม่วงใส่กะปิ ยำมะกอกกับ
ปลากรอบในอาหารกัมพุชาใช้น้ำตาลโตนดมากกวา่น้ำตาลทราย เนื่องจากปลูกต้นตาลมากกวาการปลูกอ้อยใช้กะทิในแกงกระหรี่และของหวานเนื่องจากภูมิประเทศยังเป็นป่าอยู่มาก การกินอาหารป่าจึงเป็นเรืรองปกติ แต่แหล่งอาหารสำคัญคือ โตนเลสาบ (ทะเลสาบเขมร) ซึ่งมีปลาอุดมสมบูรณ์และรสชาติดีมากอหารโปรตีนหลักจึงเป็นปลาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ สัตว์น้ำที่เหลือจากบริโภคนิยมทำปลาร้า ปลาจ่อม และกะปิ อาหารส่งออกหรือเป้ฯของฝากจากกัมพูชา มีกเป็นปลากรอบ ปลาตากแห้ง ปลรารมควัน นิยมกินปลากรอบโดยนำมายำกับมะกอก ย่าง หรือนำมาแกง ปลาแห้งก็แกงใส่ผัก เช่น ฟักเขียว หรือตำน้ำพริกเนื้อปลานำมาทำทอดมัน ทำอามุก คือ ห่อหมา ใช้ปลาน้ำจืดหั่นเป็นชิ้นมาทำห่อหมก..(mekongcuisine.wordpress.com/..กินแบบกัมพุชา)
              กัมพูชามีความเกี่ยวข้องกับกีฬามากกว่า 30 ปี มีกีฬาที่เป็ฯที่นิยมคือฟุตบอลและศิลปะป้องกันตัว ได้แก่ ปกกอโต หรือกระบี่กระบอง ประดัลเสรี และมวยปล้ำกัมพุชาที่นิยมไปทั่วประเทศ
              ปกกอโต หรือ บกกอโต หรือชื่อที่เป็นทางการ ลปกกอโต(หมายถึงการสู้สิงโตด้วยไม้) เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบโบราณของกัมพุชา เป้ฯการต่อสู้บนพื้น คล้ายกับประบี่กระบองของไทย มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ ต่างจากประดัลเสรีที่เป็นศิปละการต่อสู้แต่ปกกอโตเป็นกีฬาของทหาร มีการใช้อาวุธต่างๆ และส่วนต่างๆ ของร่างกาย ในการต่อสู้ผุ้เล่นจะแต่งตัวแบบทหารเขมรในสมัยโบราณ ใช้ผ้าขาวม้า ผกร็อมา) พันมือและมีมงคลสีแดงหรือสีน้ำเงินสวมหัวสีของผ้าขาวม้าจะแสดงความชำนาญในการต่อสู้ ต่ำสุดคือสีขาว สูงสุดคือสีดำ การต่อสู้มี 341 ท่า ซึ่งตั้งชื่อเลี่ยนแบบชื้อสัตว์ต่างๆ
             
ประดัลเสรี เป็นการชกมวยแบบพื้นบ้านในกัมพูชา ลักษระคล้ายมวยไทยและมีการจัดการแข่งขันทั่วไปในกัมพูชา โดยแข่งครั้งละ 5 ยก ยกละ 3 นาที พักยกละ 1-2 นาท ก่อนชกจะมีการไหวครู มีการบรรเลงดนตรีระหว่างการแข่งขันซึ่งประกอบด้วยกลอง ปี่ และฉิ่ง กติกาการแแข่งขันที่สำคัญได้แก่ ไม่อนุญาตให้ซ้ำเติมคนล้ม ห้ามกัด หากอีกคนสู้ไม่ได้ กรรมการจะยุติการแข่งขัน ผุ้ชนะอาจชนะโดยชนะน็อค เมื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้มแล้วไม่สามารถสู้ต่อได้ภายใน 10 วินาที ดดยกรรมการเป็นผุ้นับ ถ้าสู้กับครบยกจะตัดสินด้วยคะแนน ถ้าคะแนนเท่ากันถือว่าเสมอ
               รูปแบบการชกมวยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความคล้ายคลึงกัน คาดว่าในอดีตเป็นศิปละการตอสู้ที่พัฒนาขึ้นโดยได้รับอิทธิพลจากอนเดีย ชาวเขมรเชื่อวาประดับเสรีเกิดขึ้นก่อนการต่อสุ้แบบอื่นไในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีหลักฐานจากรูปสลักหินในปราสาทนครวัดแต่ยังไม่มีหลักฐานอื่นเพิ่มเติม
               ในช่วงที่กัมพูชาเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสประดัลเสรีกลายเป็นกีฬาโดยเพ่ิมการสวมนวมและการแข่งขันเป็นยก ระหว่างสงครามกลางเมืองกัมพุชา เมืองเขมรแดงโค่นล้มรัฐบาลนอยมตะวัตกของ ลน นลเมื่อ 17 เมษายน พ.ศ. 2518 เขมรแดงมีแผนจะกำจัดอิทธิพลของตะวันตกออกไปและสร้างสังคมในอุดมคติ บุคคลที่มีความรู้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเก่าและผู้เคยเป็นครู แพทย์ ทหาร นักแสดง นักร้องจะถูกประหารชีวิต ชาวกัมพูชาถูกบงคับให้อยู่ภายในค่ายใช้แรงงาน ในช่วงนี้ประดัลเสรีดูกห้ามแข่ง นักมวยส่วนมากถูกประหารเช่นกัน ทำให้ศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้ลดลงอย่างมาก ในเือนมกราคม พงศ. 25522 กองกำลังเขมรฝ่ายตรงข้ามกับเขมรแดงร่วมกับกองทัพเวียดนามโค่นล้มรัฐบาลเขมรแดขงลบ หลังจากนั้น ประดัลเสรีจึงได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง
               หลังจากที่มีการฟื้นฟู ประดัลเสีได้เป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ มีการเปิดค่ายฝึกเป็นจำนวนมาก และมีผุ้มาฝึกเป็นจำนวนมากเช่นกัน ทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติ มีการจัดการเข่งขันทุกสัปดาห์ และมีถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ปัจุบัน กัมพุชาพยายามสนับสนุนประดัลเสรีเพื่อแข่งกัีบมวยไทยในเชิงการตลาด กัมพูชาเคยพยายามที่จะรวมกีฬามวยสุวรรณภูมิเข้าด้วยกันในการประชุมอาเซียน พ.ศ. 2538 ในช่วงที่มีการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ กัมพูชาต้องการรให้เปลี่ยนแชื่อมวยไทยเป็นมวยสุวรรณภูมิ ซึ่งจะรวมมวยไทย มวยลาว ประดับเสรีของกัมพูชา และมวยในพม่า แต่ไทยไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าแต่ละชาติมีการชกมวยในรูปแบบของตนเอง อีกทั้งมวยไทยเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติแล้ว ต่อมา กัมพูชาจึงไม่ร่วมแข่งขันมวยไทยในกีฬาซีเกมส์ พ.ศ. 2548
           
  มวยปล้ำกัมพูชา จะแข่งขันกันสามยก ผุ้ชนะในแต่ละยกคือผุ้ที่ดันคุ่ต่อสู้ให้ถอยหลังได้ ผุ้ชนะคือผุ้ชนะสองในสามยก ในระหว่างการแข่งขันจะมีการตีกลองให้จังหวะ แนิยมแข่งกีฬาชนิดนี้ในวันขึ้นปีใหม่เขมรและงานตามประเพณีอื่นๆ... (th.wikipedia.org/wiki/กีฬาในประเทศกัมพูชา)
               การแต่งกายของชาวกัมพูชา เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับไทยมาก่อน จึวมีลักษณะศิลปะเหมือนกับไทย เช่น ที่จังหวัด สุโขทัยมีศิลปะสมัยขอมอยู่มาก เช่น การทำตะกร้าหวาย เครื่องจักสาน เครื่องไม้ เครื่องเงิน ทองแดง ทอผ้าพื้นเมือง เรียกผ้าซัมปอด และผ้าปูม คนไทยสมัยนี้ก็ยังนิยมอยู่
               การแต่างการยของชาวกัมพุชาจะนุ่งผ้าซัมปอต เป็นผ้าทอมือ ถือว่าเป็นการ แต่างกายประจำชาติ สำหรับข้าราชการผุ้ใหญ่จะนุ่งผ้าโอลกับเสื้อมีกระดุมสีทอง ในงานพิธีจะนุ่ง ผ้าโตตจงกระเบนเวลาไปวัดจะนุ่งผ้าม่วง
               ผ้าซัมปอต มีท้งที่เป็นผ้าฝ้ายและผ้าไหม มีหลายแบบ ถ้าเป็นผ้าที่ใช้ในโอกาสพิเศษจะใช้เส้นใยพื้นเมืองทอ ถ้าใมช้ในชีวิตประจำวันจะใช้วัดุราคาไม่สูง ซึ่งจะส่งมาจากประเทสญี่ป่นุ นิยมทำลวดลายตามขวาง ถ้าเป็นชนิดหรูหราจะทอด้ายเงินและด้ายทอง
               ผ้าโอล เป็นผ้าที่วยงามประณีต และเก่าแก่ที่สุด จะเป้ฯผ้าทัดหมี่ชนิดหนึ่งเป็น ปบบที่มัดเส้นพุ่ง ผ้าโฮลที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพแลเนื้อผ้าจะทอจาก กัมปะจาน และเทีอค ชอร์ ผ้าโอลจะมีลวดลาย
สำหรับผุ้หญิงและชาย เช่น ลายโกฎจะเป้ฯลายของผุ้ชาย ส่วนลายต้นไม้ ดอกไม้ เป็นของผู้หญิง แต่ในระยะหลังผ้า โอล์ จะใช้เฉพาะสตรีเท่านั้น การแต่งกาย หญิง นิยมนุ่งผ้าถุงสีดำ เน้ือมทัน คาดเขํ็มขัด ใส่เสื้อสี งานพิธีนุ่งผ้ายก พวกในวังักนุ่งผ้า โจงกระเบน ไว้ผมตัด ทานหมากจนฟันดำ ผู้ชาย นุ่งผ้าโจงกระเบน ใส่เสื้อคอปิด ขัดกระดุมห้าเม็ด..(http://www.nuks.nu.ac.th..การแต่งการของชายเขมร)
                ชีวิตยามค่ำคืนที่พนมเปญ เมืองหลวงกัมพูชามีเสน่ไม่น้อยกว่าถนนข้าวสารของไทย ถ้าพูดถึงร้านอาหารแนวๆ ผับบาร์ ไนท์คลับ ในเมืองพนมเปญ ถือว่ามีอยู่มากกระจายอยู่ทั่วเมือง หลากหลายสำตลบ์ ทั้งญี่ปุ่น, เกาหลี และอาหารตะวันตก แต่ถ้าอย่างจะท่องเที่ยวแนวๆ ถนนข้าสาร หรือ สตรีท ผับ ในเมืองเสียมเรียบ ต้องมาที่  Pasteur Street ซึงกลางวันจะมีสถานที่ให้ช๊อปป้งของฝากและร้านขายของเป็นล๊อคเล็กๆ เรียกว่า โกล์เด้น โซรยะ มอลล์ รวมถึงร้านอาหารที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยว ส่วนในตอนกลางคือ ที่นี้เต็มไปด้วยผับบาร์และนักท่องเที่ยวต่างชาติื ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวตะวันตก ที่นี่ผับจะเป็น 3 ทุึ่น และปิด ตี5 ผับที่ได้รับความนิยม อาทิ Pontoon Vibe Pub จะเป็นแนวผับดีเจเปิดแผ่นเสียง, Howie's Bar ร้านนี้เป็นเพลิงแนวดิสโก้-เพลงแดนส์ มีสนุ๊กเกิให้เล่น, Heart of Darkness ผับเกย์ยอดนิยมที่สุดในเมืองพนมเปญ มีทั้งคนท้องถ่ินและชาวต่างชาติ..( http://www.nightphoomin.com./..พนมเปญ เที่ยวกลางคือนที่ไหนดี)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)