วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

MPAC 2025 II

ข้อริเริ่มที่ 7 : การจัดตั้งกรอบความร่วมมือร่วมมือเรื่องการจัดการข้อมูลดิจิทััลของอาเซียน
                     วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี คือ เพื่อสนับสนุ ASEAN ICT Master Plane 2025 ซึ่งส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกรอบความร่วมมือในการปองกันข้อมุลส่วนบุคคลที่สอดคล้องและครอบคลุมกัน เร่ิมจากการสร้างความโปร่งใส ดดยวางแนวทางสำหรับการกำหนดข้อปฏิบัติและข้อพึงประสงคในการจัดการข้อมูลโดยประเทศสมาชิกอาเซียน และการพิจารณาแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากล ผ่านการจัดกตั้งเวทีเพื่อแบ่งปันประสบการณ์สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียน
                    3. โลจิสติกส์ไร้รอยต่อ
                         วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
                         - เพื่อลดค่าใช้จ่ายของห่วงโซ่อุปทานในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
                         - เพื่พัฒนาความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือของห่วงโซ่อุปทานในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 8 : การเสริมสร้างความแข็.แกร่งในการแช่งขันของอาเซียนผ่านการพัฒนาเส้นทางการต้าและ                       โลจิสติกส์
                      วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อมุ่งเน้นการวิเคราะห์ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายของเ้นทางการต้าที่มีความสำคัญระดับต่างๆในอาเซียน สามารถสนับสนุนข้อริเริ่มนี้ได้โดยการทำงานร่วมกับสภาบันวิชาการอง์กรพหุภาคี ภาคเอกชน และคู่เจรจาในการวิเคราะห์เวลาและค่าใช้จ่ายของเส้นทางการต้าในระดับต่างๆ รวมทั้งแก้ไขปัญหาจุดติดขัด โดยเร่ิมจากการะบุเส้นทางการต้าที่มีความสำคัญ การเลือกโภคภัณฑ์ที่มีการขนส่งในเส้นทางดังกลาวเพื่อทดสอบและรายงาน จากนั้นจึงรอบรวมข้อมูลที่ได้เพื่อบรรจุไว้ในคลังข้อมูล แล้วเผยแพร่ในเว็บไซต์ของความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนในหมวดเส้นทางการต้าและโภคภัณฑ์โดยกำหนดให้มีการปรับสถานะของข้อมูลให้เ็นปัจจุบันสม่ำ
ข้อริเริ่มที่ 9 : การส่งเสริมประสิทธิภาถของห่วงโซ่อุปทานโดยการแก้ไขปัญหาจุดติขัด (เชคพ้อยต์)                             ที่สำคัญ
               
   วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่ม คือ เพื่อพัฒนากรอบความร่วมมือของห่วงโซอุปทาน ซึ่งจะทำให้เกิดมาตรการการดำเนินงานเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการ โดยเร่ิมจากการเจาะจงเส้นทางการต้าที่สำคัญ(ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่ 3 โลจิสติกส์ไร้รอยต่อ) และทำความเข้าใจจุดติดขัน (เชคพ้อยต์) ต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการต้าเหล่านี้ เช่น กาบริหารจัดการพรมแดน (ศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง การกักกันโรค) รวมไปถึงการจัดการการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนของประชาชน สินค้า ระเบียบปฏิบัติ พิธีการด้านศุลกากร และแนวปฏิบัติในการจัดการพรมแดน โดยในการแก้ไขปัญหาจุดติดขัด (เชคพ้อยต์) จะใช้ข้อมุบทีมีอยู่แล้วรวมทั้งความเห็นของภาครัฐและเอกชนร่วมด้วย จากนั้จึงจะ
พัฒนาแผนการดำเนินงานร่วมกับคณะประสานงานด้านโลจิสติกส์ของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน (หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เทียบเท่า)
                    4. ความเป็นเลิศด้านกฎระเบียบ
                    วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
                    - เพื่อสร้างความสอดคตล้องหรือการยอมรับร่วมกันในมาตรฐาน ความสอดคล้อง และกฎระเบียบข้อบังคับทางเทคนิคสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหลัก
                    - เพื่อลดจำนวนมาตการที่มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการต้าในประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 10 : การสร้างความสอดคล้องหรือการยอมรับร่วมกันในมาตรฐาน ความสอดคล้องและกฎ                               ระเบียบข้อบังคับทางเทคนิคสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ได้รับการจัดอันดับความสำคัญ 3 กลุ่ม
                        วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อสนับสนุนแผนงานประชาคมเศณาฐฏิจอาเซียน ค.ศ. 2025 ในการส่งเสริมการประสานงานระหว่างคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของ ASEAN กับเจ้าหน้าที่ด้านการต้าและ(ุ้ออกกฎระเบียบระดับชาติ โดยต้องเร่ิมจากการจัดอนดับความสำคัญของอสินค้ากลุ่มหลัก 3 กลุ่มโดยพิจารณาจากการไหลเวียนของการต้า ระดับของความสอดคล้องก้ดานมาตรฐาน ณ ปัจจุบัน อุปสรรคด้านการต้าเชิงเทคนิค สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและความเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน จากนั้น ต้องมีการรอบรวมและสร้างข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของแนวปฏิบัติที่เป้น
เลิศระดับสากลในด้านมาตรฐานและกฎระเบียบทางเทคนิค รวมถึงประโชน์ที่ค่าดว่าประเทศสมาชิกอเาซียนจะได้รับ
ข้อริเริ่มที่ 11 : การเพิ่มความโปร่งใสและการสร้างความเข้มแข็งให้กับการประเมินผลเพื่อลดมาตรการที่                         มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการต้า
                        วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงนประชาคมเศราฐกิจอาเซียน ค.ศ. 2025 ในการเร่งขจัดอุปสรรคทางการค้า ที่มิใช่ภาษี โดย MPAC 2025 จะมี่วนช่วยในการเสริมสร้างความร่วมมือและวางกรอบแนวทาง ภายหลังจากการจัดตั้งคลังข้อมูลการต้าอาเซียน สำเร็จลุล่วง อันจะช่วยกระตุ้นให้กระบวนการการดำเนินงานของประเทศสาชิกอาเซียนในการลดมาตรการที่มิใช่ภาษีซึ่งบิดเบือนด้านการค้ารวดเร็วขึ้น
                        5. การเคลื่อนย้ายของประชาชน 
                           วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
                           - ส่งเสริมให้สมารถเดินทงระหว่างกันภายในอาเซียนได้ง่ายขึ้น
                           - ลดช่องว่างของอุปสงค์และอุปทานด้านทักษะฝีมือแรงงานในอาเซียน
                           - การเพ่ิมการเคลื่อนย้ายนักศึกษาในอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 12 : สนับสนุนการท่องเที่ยวภายในอาเซียนโดยการทำให้สืบค้นข้อมุลได้ง่ายขึ้น
                        วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการท่องเทียวได้ง่ายขึ้น ดดยการใช้เว็บไซต์ท่องเที่ยวอาเซ๊ยน ที่จะเป็น "one stop shop" ในการใหข้อมูลที่แม่นยำสำหรับการวางแผนการเดินทางในภูมิภาค โดยการพัฒนาเว็บไซต์นี้ ก่อนอื่นต้องตรวจสอบเว็บไซต์อื่นๆ ใน
ระดับชาติ ภูมิภาค และสากล เพื่อสามารถระบุโอกาสที่จะทำให้เว็บไซต์อาเซียนที่มีอยู่ดีขึค้น โดยมุ่งเน้นให้เนื่องหาตอบสนองความต้องการของผุ้ใช้ รวมทั้งมีแผนการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางในหลายประเทศในภุมิภาคอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 13 : สนับสนุนการท่องเที่ยวภายในอาเซียนโดยการทำให้สืบค้นข้อมุลได้ง่ายขึ้น
                       วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่ออำนวนความสะดวกให้แก่ผุ้มาขอรับการตรวจลงตราโดยพัฒนาระบบการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ บนเว็บไซต์อาเซียนให้กับผุ้ร้องออนไลน์ และในอนาคตอาจพัฒนาเป็น aon-stop application สำหรับนักท่องเที่ยว โดยภายใต้ระบบดังกล่าวนักท่องเที่ยวจะสามารถขอรับการตรวจลงตราสำหรับทุกประเทศสมาชิกอาเซียนโยใช้คำร้องรุปแบบเดียวกัน แต่สิทธิในการตรวจนั้นยังคงขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง
ข้อริเริ่มที่ 14 : การตั้งโครงการฝึกอบรมวิชาชีพ และการกำหนดคุณสมบัติทางวิชาชีพให้เป็นแบบเดี่ยว                         
 กันในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ภายในที่แตกต่งกัน                           ของแต่ละประเทศ
                       วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อพัฒนาโครงการฝึกอบรมวิชาชีพขั้นสูง และการกำหนดกรอบคุณสมบัติทางวิชาชีพในกลุ่มประทศสมาชิกอาเวียนแปบบสมัครใจ โดย NPAC 2025 จะช่วยประสานโปรแกรมฝึกอบรมต่างๆ ระหว่งภาคการศึกษาและภาคแรงงาน เพื่อให้มั่นใจ่ มีการกำหนดคุณสมบัติทางวิชาชีพแบบเดียวกันในประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 15 : การสนับสนุนการเคลื่อย้ายทางการศึกษาภายในประเทศสมาชิกอาเซียน
                       วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ ช่วงส่งเสริมข้อริเริ่มที่มีอยู่เดินนด้านการศึกษาอันรวมถึงโครงการมอบทุนการศึกาาให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยเนนการเพ่ิมการเคลื่อนย้ายนักศึกาาระหว่างกันในประเทศสมาชิกอาเซียน และแก้ไขช่วงว่างใน 4 ด้าน ได้แก่ ข้อมูล, การตระหนักรู้, กฎระเบียบและแรงจูงใจ โดยจำเป็นต้องมีฐานข้อมูลออนไลน์ที่ละเดียดและแม่นยำเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ประโยชน์และโอกาสในการศึกษาในประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งมีการอำนวนความสะดวกด้านการตรวจลวตรด้วย

               - แผนแม่บทว่าด้วย ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 (คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

MPAC 2025 (MASTER PLAN ON ASEAN CONNECTIVITY 2025)

             อาเซียนได้จัดตั้งคณะกรรมการอาเซียน ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหวางกันในภูมิภาค เพื่อติดตามการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ นี้คณะกรรมการดังกล่าวจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ประสานงานระดับชาติ และหน่วยงาน ตลอดจนองค์กรระดับรัฐมนตรีอาเซียน ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์และมาตรการสำคัญที่ได้ระบุไว้ในแผนแม่บท นอกจากนั้นได้มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะ ในสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อให้การสนับสนุนคณะกรรมการประสานงานฯ ในการประสานงาน ตรวจสอบ ติดตามเร่งรัด และรายงานผลความคือหน้าในการดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ต่อผู้นำอาเซียน ผ่านคณะกรรมาธิการประสานงานอาเซียน.

        แผนแม่บทฯ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของผุ้นำอาเซียนที่จะขับเคลื่อนกระบวนการรวมตัวและก่อตั้งประชาคมอาเซียนในปี 2558 และรักษาแนวโน้มการขับเคลื่อนของการเป็นประชาคมอย่างต่อเนื่อง ภายหลัง ปี 2588
        แผนแม่บทฯ ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนมีบทบาทเสมือนเชือกที่เชื่อมโยงและร้อยรัดเสาทั้งสามของประชาคมอาเซียนเข้าไว้ด้วยกัน  ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน, ประชาคมเศณาฐฏิจอาเซียน และ ประชคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน โดยแผนแม่บทจะเป็กำไกขับเคลื่อนการเชื่อมโยงผ่าน 3 มิติ คือ ควมเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเชื่อมโยงด้านกฎระเบีบบ และความเชื่อมโยงด้านประชาชน
       ดังนั้น อาเซยนจำเป็นต้องมแผนแม่บทฯ เพื่อเป็นกรอบการดำเนินการเชื่อมโยงในภูมิภาคใหมีประสทิธิภาพเพื่อเร่งดัดไปสู่เป้าหมายของการเป็นประชาคมอาเซียนและสิ่งสำคัญ คือ จะต้องมีการนำแผนแม่บทไปปฏิบัติใช้อย่างรวดเร็ซ และตรงตามกำหนดเวลา เพพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
        ความแตกต่างของแผนแม่บทฯ กับแผนงานต่างๆ ของอาเซียน ประการแรกการบูรณาการแผนงานต่างๆ ของอาเซียนเข้าด้วยกัน แผนงานต่างๆ ของอาเซยนส่วยมากได้รับการจัดทำขึ้นจกมุมมองขององคกรแต่ละภาคส่วนต่างๆ ของอาเซียนส่วนมากได้ับการจัดทำขึ้นจากมุมองขององคืการแต่ละภาคส่วนต่างๆ จึงขาดมุมมองในภาพรวม แผนแม่บทฯ ฉบับนี้จึงมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงแผนงานต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยอาศัยความร่วมมือของหลายสาขา นอกจากนี้ แผนแม่บทฯ ยังให้ความสำคัญต่อข้อริเริ่มด้านการเชื่อมโยงในระดับอนุภูมิภาค
     
  ประการที่สอง คือการรดมทรัพยากร แผนแม่บทฯ ได้เน้นย้ำถึงการระดมทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลโดยได้กำหนดยุทธศาสตร์รองรับคณะทำงานระดับสูงฯ ยังได้นำประสบการณ์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย สถาบันเพื่อการวิจัยสำหรับอาเซียนและเอเลียตะวันออก คณะกรรมาธิการเศราฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก และธนาคราดลกมาใช้ในการจัดทำแผนแม่บทฯ นอกจากนั้น คณะทำงานระดับสูงฯ ยังคำนึงถึงบทบาทของประเทศคุ้เจรจาของอเซีนและหุ้นส่วนภายนอกภูมิภาครวมทั้งภาคเอกชน ที่ได้ให้ความช่วยเหลือหรือสนใตที่จะให้ความช่วยเหลืออาเซียนในข้อริเริ่มว่าด้วยความเชื่อมโยงเหล่านี้
                     - ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน(ฉบับย่อ), กองอาเซียน 3 กระทรวงการต่างประเทศ, ธันวาคม 2554.
            
         วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ และข้อริเริ่มสำหรับความเชื่อมโยงระหว่างในอาเซียน ค.ศ.2025 MPAC 2025 หรือแผนแม่บทฯ 2568 ได้กำหนกยุทธศาสตร์ ไว้ 5 ด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน, นวัตกรรมดิจิทัล, โลจิสติกส์ไร้รอยต่อ, ความเป็นเลิศด้านกฎระเบียบ, การเคลื่อนย้ายของประชาชน
         1.โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน 
         วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
          - เพื่อเพิ่มศักยภาพลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและภาคเอกชนในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
          - เพื่อส่งเสริมการประเมินผลและการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านผลติภาพของโครงสร้างพื้นฐานในอาเซียน
          - เพื่อส่งเสริมการใช้ต้นแบบของการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาดภายในภูมิภาคในอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 1 : การสร้างบัญชีรายชื่อโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพของอาเซียนและ                             แหล่งเงินทุน 

                     วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อจัดการกับประเด็นด้านข้อมูลและช่องวางของขีดควมสามารถในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน โดยขึ้นตอแรกของการดำเนินการคือ จัดทำบรรทัดฐานสำหรับการคัดเลือกโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยใช้รูปแบบของข้อมุลโครงการที่มีมาตรฐานเดียวกัน และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลออนไลน์และเผยแพร่สู่สาธารณชน เพื่อที่นักลงทุนจะสามารถเข้าถึงข้อมุลดังกล่าวได้โดยงาย นอกจากนี้ ฐานข้อมูลออนไลน์ยังจะให้ข้อมุลเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือด้านเงินทุนของโครงการอีกด้วย
 ข้อริเริ่มที่ 2 : การสร้างแนวปฏิบัติของอาเซียนเพื่อวัดผลและพัฒนาผลิตภาพของโครงสร้างพื้นฐาน
                      วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อวินิจฉัยผลิตภาพของโครงสร้างพื้นฐานในภาพรวมและแสวงหาโอกาสในการพัฒนาการวางแผน การประกาศ และการดำนเนิงานในด้านโครงสร้างพื้นลฐญานโดยเริ่นต้นต้นดำเนินงานจากขององค์กรและสถาบันต่างๆ ในภุมิภาค ซึ่งป็ฯกรอบการทำงานที่อเาซียนเคยเห็นชอบให้รับผิดชอบในการวิเคราะห์ข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในแต่ละประเทศสมาชิกอาเวียน โดยข้อมูลที่ได้นี้จะถูกนำมาอภิปรายในเวทีของเจ้าหน้าี่ผู้รับผิดชอบเรื่องโตครงสร้างพื้นฐานของประเทศสมาชิอาเซียนเพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และจะมีการติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว
ข้อริเริ่มที่ 3 : ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งบยืนของเมืองต่างๆ ในอาเวียน 
                     วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อขยายต้นแบบการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาดในอาเซียนโดยสามารถศึกษาตัวอย่างได้จากเมืองต่างๆ ของอาเซียน อาทิ การรักษามรกดทางวัฒนธรรมของเมือง จอร์จทาวน์ การลดการพึ่งพารถยนต์และการลงทุนต่างๆ ของเมืองเมดานเพื่อทำให้เมืองเปนมิตรต่อการเดินเท้ามากขึ้น การเสริมสร้างขีดความสามารถของสถาบัและการจัดการกับการทุจริตของเมืองดานังดังนั้น แผนแม่บทฯ จึงควรใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนการทำงานกับองค์กรต่างๆ ของอาเวียนและองค์กรพหุภาคีอื่นๆ โดยการตรวจสอบโครงการที่ีอยู่แล้วในอาเวียนและนกรอบอนุภูมิภาค รวมทั้งในฐานข้อมูลต่างๆ ที่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง
           
  2. นวัตกรรมดิจิทัล
               วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
                - เพื่อสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีของวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม
                - เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านนวัตกรรมดิจิทัล
                - เพื่อพัฒนาข้อมูลแบลบเปิดในประเทศสมาชิกอาเซียน
                - เพื่อสนับสนุนการบริหารข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
ข้อริเริ่ม 4 : การเสริมสร้างฐานเทคโนโลยีสำหรับวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม 
                  วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้  คือ เพื่อสนับสนนุแผนงานของคณะกรมมการประสานงานอาเซียนว่าวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม ในการเสริมแสร้างการใช้เทคโนโลยีกับภาคธุรกิจ โดยขั้นตอนแรกในการดำเนินงานคือ การแก้ไขปญหาที่เกี่นยวข้องกับการขาดความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสำหรับ MSMEs ในภูมิภาค การรวบรวมแนวปฏิบติที่เป็นเลิศในอาเซียน การจัดเวทีสำหรับผุ้มีส่วนเกี่ยวข้อง และการสร้าง ASEAAN SME Portal เพื่อเป็นฐานข้อมูลออนไลน์ในด้าน MSMEs ของอาเซียน
ข้อริเริ่มที่ 5 : การพัฒนากรอบการทำงานด้านความครอบคุลมทางการเงินแบบดิจิทับในอาเซียน
                     วัตถุประสงค์ของข้อริเริ่มนี้ คือ เพื่อส่งเสริมความคอบคลุมทางการเงิน ดดยการขยายการสร้างผลิตภัฒฑ์และบริการทางการเงินให้แก่ขุมชนที่กว้างขึ้น อันรวมถึงวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดยอมด้วย รวมทังเพื่อสนับสนุน ASEAN ICT Maaster Plan 2020  ที่ต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการต้าดิจิทัลและการชำระเงนิทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ MPAC 2025 มุ่งเน้นให้เกิควดความร่วมมือระหว่างผุ้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลายภาคส่วน และสนับสนุนแนวทางอันจะได้รับการรับรองโดยคณะทำงาน ว่าด้วยความครอบลุมทางการเงิน และคณะทำงานว่าดวยระบบการชำระเงินของอาเซียน
 ข้อริเริ่มที่ 6 : การสร้างเครือข่ายข้อมุลแบบเปิดของอาเซียน
                      วัตถุประสงค์ของข้อริเร่ิมนี้ คือ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของ ASEAN ICT Master Plan 2020 ซึ่งได้ระบุจำนวนการดำเนินงานที่มประสิทธิภาพในการพัฒนาข้อมุลแบบเปิดและข้อมูลที่มีขนาดใหญ่จากหลายๆ ภาคส่วน โดยมีขันตอนการดำเนินงานในขันแรกคือ การจัดตั้งเวทีสำหรับภาคเอกชขนในการแบ่งปันการพัฒนาและกิจกรรมในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ อีกทั้งยังรวมไปถึงการพัฒนาข้อมูลสาะารณะและความพร้อมในอาเวียน และการสร้าง "พจนานุกรมข้อมุลอาเซียน" เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลออนไลน์แบบเปิดของอาเซียน นอกจากนี้ MPAC 2025 ยังสามารถสนับสนุน ASEAN ICT Master Plan 2020 ในการประสานประเด็นคาบเกี่ยวระหว่าง TELSOM กับองค์กรเฉพาะสาขาอื่นๆ ของอาเซียนอีกด้วย....
               - "แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025. (คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)


วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560

ASEAN CONNECTIVITY IV

            ความท้าทายอันเกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน
            1 การปรับตัวของภาคการเกษตร ในปัจจุบันาคการเกษตรของไทยจะมีสัดส่วนมูลค่าการผลตเพียงแค่ร้อยละ 10 ของGDP ของทั้งประเทศ แต่ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการส่งออกสินค้าเกษตรในระดับสุง โดยสินค้าส่งออกหลักของไทย ประกอบด้วย
            - ข้าว ซึ่งในปี 2553 มีมูลค่าส่งออกไปทั่วดลก 5.341.1 ล้านดอลลาร์ ส่งไปตลาดอาเซียน 706.8 ล้านดอลล่าร์ ( 13.23%)
            - น้ำตาลทรายและกากน้ำตาลในปี 2553 มีมุลค่าส่งออกทั่วโลก 2,182.5 ล้านดอลลาร์ ส่งไปตลาดอาเซียน 1,263.1 ล้านดอลลาร์ ( 57.79%)
            - ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปี 2553 มีมูลค่าส่งออกไปทั่วดลก 2,161.4 ล้านดอลลาร์ ส่งไปตลาดอาเซียน 535.7 ล้านดอลลาร์ ( 16.36%)
            ยางพารา ในปี 2553 มีมูลค่าส่งออกไปทั่วโลก 7,896 ล้านดอลลาร์ ส่งไปตลาดอาเซียน 1,467.8 ล้านดอลลาร์ (18.59%)
             หากมองในภาพรวมแล้ว โดยมีประเทศสมาชิกอาเซียนต่างมีภูมประเทศที่คล้ายคลึงกัน ลักาณะสินค้าจึงไม่ได้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้ปริมาณการส่งออก หรือนำเข้าสินค้าจึงไม่ได้มีความแตกต่างอย่างขัดเจน ทำให้ปริมาณการส่งออก หรือนำเข้าสินค้าระหว่างกันจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แม้จะมีความเชื่อมโยงระหว่างกันสูงก็ตาม
         
แม้ว่าความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนจะนำมาซึ่งโอกาสทางเศราฐกิจอย่างกว้างขวาง แต่เกษตรกรและผุ้ประกอบการก็จำเป้นต้องเร่งปรับตัวและหาทางใช้ประโยชน์จากโอกาสดังกล่าวอยางเต็มที่ ดดยควรศึกษาหาลู่ทางในการใช้ช่องทางการขนส่งสินค้ารูปแบบใหม่ๆ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผุ้บริโภคอาเซียน  รวมไปึถงการขยายการลงทุนไปยังประเทศอาเซียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งการลดอุปสรรคทางการต้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี
          2. การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรม ภาคอุตสาหกรรมนับเป้ฯภาคการผลิตที่มีความสำคัญทางเศณาฐกิจของสมาชิกอาเซียนรวมทั้งประทเศไทย เนื่องจากมีมูลค่าในสัดส่วนเมื่อเรปรียบเทียบกับ GDP ของประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องเร่งเพ่ิมพูนขีดความสามารถในการแขช่งขัน ดดยากรพัฒนาคุณภาพสินค้า และบิรการ ตลอดจนลดต้นทุนของการผลิต แนวทางหนึ่งซึ่จะช่วยลดต้อนทุนการผลิตดดยอาศัยประโยชน์จากความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน คือ การนำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้าประเภทกึ่งสำเร็จรูปจากสมาชิกอาเซียน ที่มีคุณภาพดี ราคาเหมาะสมในอัตราภาษีร้อยละ 0 มาผลิต หรือต่อยอดมูลค่าเพิ่มสินค้า ก็เพื่อลดต้นทุน และเปนการสร้างรายได้เพ่ิมให้กับประทเศุ้สงออก และนำเข้า
         
 3. การระดมเงินทุนเพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2554 อาเซียนได้เห็จชอบการจัดตังกองทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนนี้มีจุดกำเนิดมาจากข้อเสนอของไทยในการประชุม
รัฐมนตรีคลังอาเซียน ครั้งที่ 13 เมื่อ 2552 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยประเทศสมาชิกในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน ทางรถไฟ หรือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านพลังงานและอื่นๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งจะนำไปสู่การลดข่องว่างทางรายได้ภายในภุมิภาคในที่สุด
          ในเบื้องต้นกองทุนนี้มีเงินตั้งต้นจำนวน 485.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดดยธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย จะให้เงินสนับสนุนจำนวน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะต่อไปเมื่อกองทุนฯ มีความเข้มแข็งมากขึ้น จะมีการออกธนบัตรกึ่งหนีุ้นเพอให้ประเทศสมาชิกและผุ้สนใจร่วมลงทุนด้วยอย่างไรก็ตามการระดมเงินทุนเป้าหมายจากประเทศสมาชิกจำเป็นต้องมีความต่อเนื่องและเพียงพอต่อการดำเนินโครงการสำคัญๆ ต่างๆ ในอนาคต
           ในปีแรกกองทุนฯ จะให้เงินยืมจำนวน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการด้านการเชื่อมดยงในภุมิภาคใน 3 ด้าน คือ การคมนาคมขนส่ง พลังงาน และการจัดการน้ำ โดย ADB จะออกเงินสมทบดครงการเหล่านี้ด้วย
           กองทุนฯ ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซียโดยมีลักษณะเป็นบริษัทจำกัด ดำเนินการภายใต้กฎหมายของมาเลเซียและมีประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นกรรมการบริหารกำกับดูแลการดำเนินการของกองทุนฯ ร่วมกับ ADB
       
   4. การสร้างอัตลักาณ์อาเซียน และการใช้ภาษาสื่อสารระหว่างกัน การสงเสริมความเชื่อมโยงด้านประชาชนมุ่งเน้นการสร้างความรุ้ความเข้าใจระหว่างประเทศสมาชิกในด้านความเชื่อยงทางประวัติศาสตร์มรดกทางวัฒนธรรมอาศัยการสร้างทัศนคติที่ดีต่อกันระหว่งพลเมืองในภูมิภาค ซึ่งมีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ความเชื่อ และภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่มีความขัดแย้ง และหลากหลายซึ่งเป็นส่ิงที่ท้าทายสำหรับอาเซียนในการสร้างเอกลักษณ์ร่วมกัน
          นอกจากนี้ความแตกต่างทางด้านภาษายังเป็นอุสรรคสำคัญในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ ดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานไทยยังคงมีจุอ่อนทางด้สนภาษา ส่งผลให้แรงงานไทยสูญเสียโอกาสการได้งานทำ เมพื่อเปรียบเทียบกับแรงงานในประเทศเืพ่อบ้านจึงเป้ฯจุดอ่อนที่ทำให้บรรดานายจ้าง เลือกแรงงานที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษเข้ามาทำงานก่อน
       
กล่าวโดยสรุป
          - ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน คือ ข้อริเริ่มที่จะยกระดับการเชื่อมโยงกันของอาเว๊ยน ทั้งในด้านดครงสร้างพื้นฐษน ด้านกฎระเบียบ และด้านประชาชนให้ก้าวไปด้วยกันอย่างราบรื่นและมี
ประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่ิงที่สำคัญมากต่อการนำไปสู่ความเป้ฯประชาคมอาเซียน โยมีองค์ประกอบหลักที่สำคัญ ได้แกj
       ความเชื่อมดยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ากรคมนาคม เทคโนลโลนีสารสนเทศและการสื่อสาร และพลังงาน ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน หมายถึง โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพในด้านคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและพลังงาน ตลอดจนกรอบกฎระเบียบที่จำเป็นในการให้บริการสาธารณณปโภคที่เกี่ยวข้อง
          แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่งกนในอาเซียนได้กำหนด 7 ยุทธศาสตร์หลักในการเพ่ิมพูนความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ดังนี้
          - ก่อสร้างทางหลวงอาเซียนให้แล้วเสร็จ
          - ดำเนินโครงการเส้นทางรถไฟสิงคโปร์-คุนหมิงให้แล้วเสร็จ
          - สร้างเครือข่ายระบบการขนส่งทางน้ำบนภาคพื้นทวีปให้มีประสิทธิภาพและเชือมโยงกัน
       
  - สร้างระบบขนส่งทางทะเลที่เชื่อมโยง มีประสิทธิภาพ และสามารถแข่งขันได้
          - สร้างระบบการขนสงต่อเนื่องหลายรูปแบบที่คบ่องตัวเพื่อให้อาเซียนเป้นศูนย์กลางการขนส่งในเอชียตะวัออกและภูมิภาคอื่นๆ
          - เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในประเทศสมาชิก
          - ให้ความสำคัญกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอาเซียน
           ความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ การเปิดเสรีทางการต้าและการอำนวยความสะดวกทางการต้า การเปิดเสรีและการอำนวยคามสะดวกในการบริการและการลงทุน ความตกลง/ ข้อตกลง ยอมรับร่วมกัน ความตกลงการขนส่งในภูมิาภค พิธการในกาข้ามพรมแดน และดคงการเสริมสร้างศักญภาพต่างๆ  ยุทธศาสตร์หลักในแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระวห่งกันในอาเซียเพื่อการเพ่ิมพูนความเชื่อมดยงด้านกฎระเบียบ มีดังนี้
         
 - ดำเนินตามกรอบความตกลงทั้ง 3 กรอบว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่ง
           - เร่ิมดำเนินโครงการการอำนวยความสะดวกด้านขนส่งผุ้โดยสาร ในโครงข่ายทางหลวงที่เชื่อมรัฐต่างๆ
           - สร้างตลาดการบินเดียวภายในอาเซียน
           - สร้างตลาดการขนส่งทางเรือเดียวในอาเซียน
           - เพ่ิมการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสีในภูมิภาคอาเซียน โดยการลดอุปสรรคทางการต้าภายในระดับภูมิภาค
           - เร่งรัดการพัฒนาภาคกรบริการทางการขนส่งให้มีประสิทธิภาพและแขงขันได้โดยเฉพาะในสาขาโทรคมนาคม และารบริาการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความเชื่อมโยงในภูมิภาค
           - การพัฒนาโครงการการอำนวยความสะดวกทางด้านการต้าในภูมิภาคอยางจริงจัง
           - ยกระดับความสามารถของการบริหารจัดากรพรมแดน
           - เร่งรัดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเปิดรับการลงทุนจากภายในและภายนอกภูมิภาคายใต้กฎระเบีบการลงทุนที่เป็นธรรม
           - เสริมสร้างความสามารถของหน่ยงานด้านกฎระเบียบในพื้นที่ และประเทศที่พัฒนาน้อยกว่าในภูมิภาคและปรับปรุง การประสานงานทางด้านนโยบาย แผนงานและดครงการในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค
           ความเชื่อมโยงด้านประชาชน การศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว คือ การเชื่อมโยงทางสังคมและวัฒนธรรมที่ประานและยึดรวมประชาชนเข้าไว้ด้วยกัน ดดยประกอบไปด้วยข้อริเร่มทางการศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว
          ยุทธสาสตร์หลักในการเพ่ิมพูนความเชื่อมโยงด้านประชาชน มีดังนี้ ส่งเสริมความเข้าใจด้านสังคมและวัฒนงะรรมภายในอาเซียนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และ ส่งเสริมการเคลื่อนย้ายของประชากรภายในอาเซียนให้เพิ่มขึ้น
           - ความเชื่อมระหว่างกันในอาเวียนเป็นแนวความคิดที่มีการหยิบยกขึ้นหารือกันเป็นครั้งแรก โดยผุ้นำอาเซียนในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ณ ชะอำ- หัวหิน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2552 โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการเชื่อมดยงในภูมิภาคให้ดีขึ้น ซึ่งจะเป้นประโยชน์ต่อเสราฐกิจของประเทศสมาชิก ลดช่องว่างทางการพัฒนา และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชากรอาเซียน ซึ่งจะมีส่วนส่งเสริมการสร้างประชาคมอาเซียน
           แนวคิดนี้ยังใช้ประโยชน์จากที่ตั้งของภูมิาภคอาเวีย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ใจกลงภูมิภาคที่กำลังเจริญเติบโต มเสราฐกิจที่แข็งแกร่ง ห้อมล้อมด้วยอินเดียทางทิศตะวันตก จีน ญี่ปุ่น และเากหลีใต้ทางทิศตะวันอกเแียงเหนือ ออสเตรเลีย และนิซีแลนด์ ทางทิศมต้ การเพิ่มพูนความเชื่อมโยงระว่างกันในอาเวียนจะสนับสนุน ให้อาเซียนเป้ฯศูยกลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออก และดำรงไว้ซึ่งความเป้ฯสูนยกลางในภูมิภาค

                - ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน(ฉบับย่อ), กองอาเซียน 3 กระทรวงการต่างประเทศ, ธันวาคม 2554.

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560

ASEAN CONNECTIVITY III

           กรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง
           ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาอาเซียนได้มีข้อริเริ่มหลายประการในการอำนวยความสะดวกทางการขนส่งเพื่อสร้างระบบโลจิสติกส์ และระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ เืพ่อากรเคลื่อยย้ายสินค้าและการเชื่อมโยงการขนส่งข้อริเร่ิมเหล่านี้ ได้แก่
           - กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขน่ส่งสินค้าผ่านแดน ซึ่งมีวัตถุปรสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า โดย อนุญาตให้รถยนจ์ขนส่งที่จดทะเบียวในประเทศสมาชิกอื่นๆ สามารถขนส่งสินค้าผ่านเขตแดนขอวงประเทศตนได้
           - กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการขนส่วอเนื่องหลายรูปแบบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสรมการเชื่อมโยงการขนส่งต่อเนื่องทั้งทางบก ทางทะเล และทางอาเกาศ เพื่อำนวยความสะดวกในการส่งสินค้าไปึงผุ้รับในรูปแบบต่างๆ
       
- กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งวข้ามแดน ซึ่งมีวัตถุประสคืเพื่ออำนวนความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามแดน โดยอนุญาตให้ผุ้ประกอบการขนส่งในประเทศหนึ่งสารถขนส่งินค้าเข้า หรือออกาจาอีกประเทศหนึ่ง และมีสิทธิในการบรรทุุกและขนถ่ายสินค้าที่มีปลายทางในอีกประเทศหนึ่งได้
         ระบบอำนวยความสะวกด้านสุลการกรด้วยอเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน
          ระบบ ASEAN Single Window มีวัตถุประสงค์หลักในกาเรชเื่อมโยงข้อมุลด้านศุลกากรแบบบูรณาการเพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จจากการติดต่อเพื่องจุดเดีวโดยผุ้นำเข้า ผุ้ส่งออก ตัทนออกของ และผุ้ประกอบการขนส่ง สามารถส่งข้อมุล อิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลที่ซ้ำซ้อนกัน ทำให้ความผิดพลาดลดลง และลดการทำงานที่ไม่สร้างมูลค่าเพื่อม อีกทัี้งยังสมารถแลกเปลียนข้อมูบกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจได้อย่างสะดวกรวดเร็วแบบครบวงจร ทำให้ลดต้นทุนการบริหารการจัดการ แฃะการช้ทรัพยากรต่างๆ ตลอดกระบวนการต้าระหว่งประเทอีกทั้งสอดคล้องกับการดำนินการตามความตกลงอาเซียน
          ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบอำนวยความสะดวกด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวในระดับประเทศ ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ ได้ในระดับหนึ่ง ทำให้เอกสารบางประเภท อาทิ ใบอนุญาต การนำเข้า ใบอนุญาต การส่งออก และใบรับรองต่างๆ สามารถที่จะจัดส่งทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างอัตโนมัติไปให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจได้อย่างครอบวงจรทำให้ภาพรวมของการประกอบการต้ามีความสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้นลดขึ้นตอนการทำงานระหวางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
         ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้มีการเชื่อมโยงข้อมมูลกันแล้วจำนวนหนึ่ง ได้แก่ กรมศุลกากร กรมการต้าต่างประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในอนาคตจะมีการเชื่อมโยงหน่วยงานเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ เมื่อการจัดทำระบบเสณ็จสิ้นโดยสมบุรณ์แล้ว จะก่อให้เกิดประโยชน์ดังนี้
        - การนำเข้าส่งออกสะดวกรวดเร็ว สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางติดต่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน
        - ผุ้ประกอบการสามารถใช้ข้อมูลเพียงชุดเดียวในการติดต่อหลายส่วนราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ลดความซ้ำซ้อนในการจัดทำ จัดส่ง ติดตาม และจัดเก็บข้อมูล
        - หน่วยงานออกใบอนุญาตและใบรับรองต่างๆ สามารถลดการใช้เอกสาร ใบอนุญาต และใบรับรองต่างๆ จึงสามารถให้บริการผุ้ประกอบการต้าแบบครบวงจร
          การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมืออย่างเสรี
          อาเซียนมีเป้าหมายในการส่งเสริมการเคลื่อนย้ายประชาชนในภุมิภาคให้มากขึ้น โดยการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของบุคคลที่เกี่ยข้องกับการต้า และการ ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานฝีมือ โดยอาเซียนได้ตกลงร่วมกันที่จะอำนวนความสะดวกในการตรวจลงตรา และการออกใบอนุญาติทำงานสำหรับผุ้ประกอบวิชาชีพและแรงงานฝีมืออาเวียน ดดยในส่วนของแรงงานฝีมือนั้น อาเซียนได้ตั้งเป้าหมายให้เกิดการเคลือนย้ายแรงงานฝีมืออย่างเสรี โดยได้แบ่งการดำเนินการไว้ 2 แนวทางคือ 1) การจัดตั้งกรอบทักษะฝีมือแงงานระดับประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการนำไปสู่กรอบการยอมรับฝีมือแรงงานของอาเซียน และ 2) การจัดทำข้อตกลงยอมรับร่วม สำหรับผุ้ประกอบวิชาชีพบริการ
           การสงเสริมการเคลื่อนย้ายแรรงานฝีมือในอาเซียนมีเป้าหมายหลัก ได้แก่
           - บูรณาการมาตรฐานและระบบการให้การรับรองฝีมือแรงงานอาเซียน เข้าด้วยกัน
           - สร้างมาตรฐานฝีมือและแนวปฏิบัติที่สอดประสานกัน
           - บรรลุการเป็นตลาดแรงงานอาเซียนในประชาคมเศราฐกิจอาเซียน ในปี 2558
         
 เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อาเซียนได้จัดทำข้อตกลง MRA ขึ้น 8 ฉบับ ในสาขาวิชาชีพ วิศวกรรม พยาบาล สถาปัตยกรรม ข่างสำรวจ ท่องเที่ยว แพทย์ ทันตแพทย์ การบัฐชี เพื่อใช้เป็นกรอบการให้การยอมรับร่วมกันเรื่องคุณสมบัติของแรรงานฝีมือ ปะวัติการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขอรับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลง MRA มิได้ให้สิทธิพิเศษแก่แรงงานฝีมือที่ได้รับอนุญาตแต่อย่างใด ผุ้ที่ไปทำงานในต่างประเทศยังคงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในของประเทศนั้นๆ อยู่
           แม้ว่าข้อตกลง MRA เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำให้เกิดการเคลื่อนยายแรงงานได้จริง แต่ MRA ก็เป็นเพียงเครืองมือในการช่วยอำนวยความสะดวกการของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในประเทศอาเวียนเท่านั้น การเคลื่อนย้ายแรงงานจะเกิดขึ้นได้จริงจะต้องมีการเปิดเสรีการเคลื่อยย้ายบุคลากรในภาคบริการและการลงุนควบคู่ไปกับการสร้างความพร้อมของแรรงานฝีมือทั้งในด้านความรุ้ความสามารถ และการใช้ภาษา
           โอกาส จากการความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน
           - การเข้าสู่ตลาดในภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ ปัจจุบันอาเซียนนับเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย ดยในปี 2553 การส่งออกของไทยไปยังอาวียนมีมุลค่า 1.4 ล้านล้านบ้า คิดเป็นร้อยละ 22.7 ของกรส่งออกทั้งหมด และสูงกว่าปริมาณการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปเกือบเท่าตัว ขณะที่การนำเข้าของไทยจากอาเซียนในปี 2553 มีมุลค่าเกือบ 1 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.6 ของการนำเข้าทั้งหมด ดังนั้นการส่งเสริมความเชื่อมโยงภายในอาเซียนจะช่วยให้ไทยสามารถทำารต้าขายกับอาเซียนได้สะดวกยิ่งขึ้น
          นอกจากนี้ อาเซีนประกอบด้วยประชากรกว่า 570 ล้านคน จึงมีขนาดของอุปสงค์ในการบริโภคึสินค้าอย่างมหาศาล ผุ้ผลิตที่สามารถเจาะตลาดอาเซียนได้จะได้รับ ประดยชน์นเรื่องของการประหยัดที่เกิดจาขนดของการลิต กล่าวคือ สามารถผลิตสินค้าในประมาณมาก และมีตนทุนการผลิตที่ลดลง
           - ขยายการต้าและการลงทุน  ความเชื่อมโยงระหว่างกันที่ดีขึ้น การคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยเกาษตรกรและผุ้ประกอบการที่ทำธุรกิจ ส่งออกในตลาดอาเซียนมีดอกาสในการขายสินค้าและบริการมากขึ้น และผุนำเข้าสามารถ ซื้อวัตถุดิบทั้งในด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมจากอาเซียนได้ในราคาถูกลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตและแปรรูปสินค้า ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันเพ่ิมขั้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง ผุ้ประกอบธุรกิจภายในประเทศก็จะต้องเผชิญกับการแข่งขันจากสินค้าและบริการที่นำเข้าจากภายในอาเซียนได้สะดวกขึ้น จึงจำเป็นต้อง เร่งปรับตัวให้สามารถแข่งขันได้
          - เพ่ิมขีดความสามารถของประเทศนการเจรจาต่อรองในเวทีโลก แนวโน้มของนโยบายการต้าและการลงทุนในอนาคต จะอยู่ในรูปของการเจรจาต่อรองกับกลุ่มประเทศมหาอำนาจ อาทิ อเมริกาเหนือ สหภาพยุดรป ตะวันออกกลาง อินเดีย และสาะารณรัฐประชาชนจีน ดังนั้นการรวมกลุ่มของประเทศสมาชิกในอาเซียนจะช่วยเพิ่มอำนาจในการต่อรองให้กับประเทศไทยในเวทีการต้าโลก เนื่องจากประเทศไทยจะมีประเทศในกลุ่มสมาชิกเป็นแนวร่วมในการต่อรอง อีกทั้งสามารถสร้างความน่าสนใจให้กับประเทศอื่นๆ ที่จะเขช้ามาเปิดการต้าเสรีกับประเทศที่มีความพร้อมทางดครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงที่มประสิทธิภาพ อย่างเช่น ประเทศไทย ดดยผ่านช่องทางของประชาคมเศราบกิจอาเซียน
          - สร้างความพร้อมให้กับประเทศสมาชิกเพื่อรับมือกับความเสี่ยงทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันปัญหาทางด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น ปัญหาเหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่อประเทศคู่คาดดยผ่าระบบการต้าการลงุทนระหว่างประเทศ และกระแสโลกาภิวัฒน์ ตัวอย่างของปัญหาเหล่านี้ ได้แก่ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ปัญหายาเสพติดปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ปัญหาโรคระบาดและโรคติดต่อร้ายแรงปัญหาการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์
       
 การเชื่อมโยงใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างประเทศอาเซียนก้อาจทำให้ปัหญหาเหล่่านี้ทวีมากขึ้นด้วย หากไม่มีมาตรการที่รอบคอบ รัดกุม รอบรับ ดังนั้น  อาเซียนจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเป็นระบบ รัดกุม รองรับ ดังนั้น อาเซียนจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเป็นระบบ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกับองค์กรระดับรัฐมนตรีเฉพาะสาขาของอาเซียนและภาคส่วนเกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันพิจารณาแนวทางป้องกันและรับมือกับปัญหาเหล่านี้ต่อไป
          นอกจากนั้น การสร้างความเชื่อมโยงด้านประชาชนเพื่อนำหปสู่สังคมที่เอื้ออาทรและแบ่งปัน ก็อาจเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะสร้างความเข้มแข็ง และเตรียมความพร้อมให้กับประเทศสมาชิกเพื่อที่จะรับมือกับปัญหาต่างๆ เหล่านี้ต่อไป..
           - ความเชื่อมดยงระหว่างกันในอาเซียน (ฉบับย่อ) ASEAN CONNECTIVITY, กองอาเซียน 3 กรมอาเซียน  กระทรวงการต่างประเทศ 443 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม., 2554.
         

วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

ASEAN CONNECTIVITY II

      โครงการพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนที่สำคัญ
       โครงข่ายทางหลวงอาเซียน คือ โครการก่อรสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่งทางบกนำร่องซึ่งจะรวมกันเป็นเส้นทางสายหลัก หรือ ทางหลวงระหว่างประเทศ เพื่อสร้างเป็นระบบเรือข่ายการขนส่งโดยรวมของอาเซียน ทางหลวงอาเซียนจะมีส่วนร่วมห้ผุ้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดที่ใหญ่ขึ้น รวมทั้งลดต้นทุนการขนส่งและการค้า ทำหน้าที่เชื่อต่อห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและระดับโลก ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือ การรวมตัว และการลดช่องว่างทางการพัฒนาในภูมิภาคอาเซียน
        การดำเนินงานก่อสร้างทางหลวงอาเซียนในปัจจุบัน ยังคงมีเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านแกนในบางช่วงที่ไม่ต่อเนื่อง และมีลักษณะถนนที่ต่ำกว่าขั้นที่ 3 ดังนั้นโครงข่ายทางหลวงอาเซียนจึงมีวัตถุประสงค์หลักในหารก่อสร้างถนนเพ่ิมเติมในช่วงของการขนส่งที่ไม่ต่อเนือง และทำการปรับปรุงยกระดับถนนที่ต่ำกว่าขั้นที่ 3 ในเส้นทางที่กำหนด ภายในปี พ.ศ. 2558
        สำหรับช่วงของการขนส่งที่ขาดหาย และต้องการเชื่อมต่อการขนส่งที่ต่อเนื่องมุ่งเน้นไปที่การก่อสร้าง 1) ทางหลวง AH 112 ระยะทาง 60 กม. เชื่อมโยงระหว่างท่าตอน เมาะละแห่ง ละยา และคลองลอย ในสหภาพพม่า และ 2) ทางหลวง  AH 123 ระยะทาง 141 ก.ม. เชื่อมโยงระหว่างทวาย และ ช่องแม่สะแม ในสหภาพพม่า ในส่วนของการปับปรุงเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านแดนที่ต่ำกว่าขั้นที่ 3 ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงเส้นทางต่อไปนี้
          - ลาว AH 12 เวียงจันทน์ - หลวงพระบาง ระยะทาง 393 กม.
          - ลาว AH 15 บ้านลาว - น้ำนาว ระยะทาง 98 กม.
          - พม่า AH 1 ตามู - มัณฑะเลย์ -บากู -เมียวดี ระยะทาง 781 กม.
          - พม่า AH 2 เม็กทิลา - ลอยเล็ม - เชียงตุง - ท่าขี้เหล็ก ระยะทาง 593 กม.
          - พม่า AH 3 เชียงตุง - เมืองลา ระยะทง 93 กม. สำหรับทางหลวงอาเซียนช่วงที่ผ่านประเทศไทยประกอบด้วยเส้นทางหลัก 6 สาย ได้แก่
                 A-1 เร่ิมต้นจากเขตแดนของพม่าที่ อ. แม่สอดไปตามทางหลวงหมายเลข 105 ถึง จ.ตาก เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1  ถึง อ.พยุหะคีรี ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 32 ถึง อ.บางปะอิน เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ถึง อ.หินกองเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33  ผ่าน จ. นครนายก ปราจีนบุรี จรดชายแดนเขชมรที่ อ.อรัฐประเทศ เป้นทางผิวลาดยาง และคอนกรีตตลอดระยะทางประมาณ 698 กม.
                A-2 เร่ิมต้นจากเขตแดนของพม่าที่ อ. แม่สอด ไปตามทางหลวงหมายเลข 110 ถึง จ. เชียงราย ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ถึง อ.พยุหะคีรี ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 32 ถึง อ.ลางปะอิน เลี้ยวขวาไปทางหลวงหมายเลข 1 ถึงกรุงเทพฯ และจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายพลเขล 4 ผ่าน จ.นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 41 ถึง จ.พัทลุง เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ผ่าน อ. หาดใหญ่และไปจรดชายแดนของมาเลเซียที่ อ. สะเดา สภาพทางเป็นผิวลาดยางและคอนกรีต ตลอดสายระยะทางประมาณ 1,945 กม.
             A-3 เร่ิมต้นจากปยกสาย A-2 ที่ จ. เชียงราย ไปตามทางหลวงหมายเลข 1020 ไปจรดเขตแดนทของลาวที่ อ.เชียงของ เป็นทางลาดยางตลอดสายระยะทางประมาณ 115 กม.
             A-12 เริ่มต้นจากแยกสาย A-1 ที่สามแยกหินกองไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ถึง จ.สระบุรี เลี่้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 2 ผ่าน จ.นครราชศรีมา ขอนแก่นอุดรธานี สิ้นสุดที่หนองคาย สภาพทางเป็นผิวลาดยางและคอนกรีตแล้วตลอดสาย ระยะทางประมาณ 524 กม.
            A-15 เริ่มต้นจากแยกสาย A-12 ที่ จ.อุดรธานี ไปตามทางหลวงหมายเลข 22 ผ่าน จ. สกลนคร สิ้นสุดที่ จ. นครพนม สภาพทางลาดยางตลอดระยะทางประมาณ 241 กม.
            A-18 เริ่มต้นจากแยกสายที่ A-2 ที่ อ.หาดใหญ่ ไปตามทางหลวง หมายเลข 43 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงเชย 42 ผ่าน จ.ปัตตานีไปจนถึง จ. นราธิวาส จากนั้นไปตามทางหลวงหมายเลข 4056 ไปจนจรดเขตแดนของ มาเลเซียที่ อ.สุไหง-โกลก เป็นทางลาดยางตลอดสาย ระยะทางประมาณ 275 กม.
                       เส้นทางรถไฟระหว่างสิงคโปร์กับคุนหมิง
            เส้นทางรถไฟระหว่างสิงคโปร์กับคุนหมิง เป็นโครงการนำรองสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางคมนคมอีกหนึ่งโครงการที่มีความสำคัญ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การเชื่อมโยงประเทศในกลุ่มอาเวียน 7 ประเทศ ซึ่งได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย กัมพูชา เวียดนาม พม่า และสปป.ลาวกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในเบื้องต้นเพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจะให้ความสำคัญกับ เส้นทางหลัก 4 ช่วง ซึ่งในปัจจุบันยังมีการเชื่อมโยงกันที่ยังไม่สมบูรณ์ ได้แก่
          - ไทย อรัญประเทศ - คลองลึก ( 6 กม.)
          - กัมพูชา ปอยเปต - ศรีโสภณ ( 48 กม.)
          - กัมพูชา พนฒเปญ - ล็อกนิน ( 254 กม.)
          - เวียดนาม ล็อกนิน - โฮจิมินห์ (129 กม.)
       
สำหรับเส้นทางรถไฟสายนี้ตัดผ่านปะเทศไทย 17 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ภาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประชวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุ
ง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และช่วงของรางรถไฟที่จะต้องมีการก่อสร้างเพ่ิมเติมในประเทศไทย จะอยู่บริเวณสภานีรถไฟน้ำตก จ. กาญจนบุรี ถึงธันบูซายัด ในสหภาพพม่ ารวมระยะทาง 263 กม.
        แนวระเบียงเศราฐกิจ ประกอบด้วย
        แนวระเบียงเศษฐกิจตะวันออก- ตะวันตก มีจุดเร่ิมต้นจากเมืองเมาะละแหม่งของพม่ ผ่านเมืองเมียวดี ก่อนจะเข้าสู่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทย และผ่านจ. พิษณุโลก ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่สองเข้าสู่แขวงสะหวันนะเขต ของ สปป.ลาว ผ่านแดนสะหวั น และเข้าสู่ประเทศเวียดนามที่เมืองลาวบาว ผ่านเมืองเว้ ดองฮา และสิ้นสุดที่เมืองดานัง เมื่องท่าสำคัญของเวียดนาม
        แนวระเบียบเศรษฐกิจ แม่โขง-อินเดีย มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมภูมิภาคลุ่มน้ำโข. ซึ่งประกอบด้วยประเทศ กัมพุชา ไทย และสหภาพพม่ เข้กับฝั่งตะวันออกของอินเดีย โดยผ่าน เส้นทางโฮจิมินห์ -พนมเปญ-กรุงเทพฯ -ทะวาย-เจนไน ซึ่งใช้เป็นเส้นทางลัดสำหรับขนส่งสินค้า ควบคุ่ไปกับการพัฒนาเขตเศราฐกิจและอุตสาหกรรมบริเวณโดยรอบเส้นทาง และเป็นการเน้นบย้ำถึงความสำคัญของอินเดียในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ทางด้านการต้า แลการลงทุนของอาเซียน รมไปถึงความสอดคล้องกับนโยบาย มองระวันออก ของอินเดียที่มุ่งสนับสนุนการดำเนินความสัมพันธ์กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
         โครงการเชื่อมโยงระบบท่อส่งก๊าซอาเซียน ในการประชุมรัญมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 20 ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2545 อาเซียนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจโครงการเชื่อมโยงท่าก๊าซธรรมชาต ิอาเซียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นกรอบการทำงานอย่างกว้าง ๆ สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการให้สัมฤทธิ์ผล และเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของภูมิภาคอาเซียน โดยอาเซียนได้มอบหมายให้คณะมนตรี
อาเซียนว่าด้วยปิโตรเลี่ยม เป็นกลไกหลักในการดำเนินโครงการ ASCOPE ได้จัดตัเ้งคึณะทำงานเฉพาะกิจเกี่ยวกับโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน และได้จัดทำแผนแม่บงทโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน โดยปรับปรุงจากแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาและการใช้ก๊าซธรรมชาติในภุมิภาคอาเซีน ในปี พ.ศ. 2539
         ปัจจุบันอาเซียนมีากรเชื่อโยงท่าส่งก๊าซธรรมชาติ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 3,020 กม.และมีแผนการที่จะก่อสร้างเพิ่มเติมอีกในอนาคต โดยแหล่งก๊าซนาทูน่า ทางตะวันออกของอินโดนีเซียจะเป็นแหล่งก๊าซหลักที่จะสนับสนุนโครงการท่อก๊าซในอาเซียนและอาจมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว จากภายนอกภูมิภาค เพื่อนำมากระจายผ่านโครงข่ายก๊าซของอาเซียนอีกด้วย
        ระบบท่อก๊าซอาเว๊ยนที่อยุ่ในเขตพื้นที่ของประเทศไทยประกอบด้วย ท่อก๊าซเชื่อมโยงกับพม่าบริเวณจังหวัดราชบุรี และมาเลเซียในบริวเณอ่าวไทย นอกจานี้จะมีการขยายท่อก๊าซเพ่ิมเติมกับมาเลเซียในอ่าวไทย และการก่อสร้างท่อก๊าซใหม่ไปเชื่อมกับแหล่งนาทูน่าตะวันออกของอินโดนีเซยด้วย
        โครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าอาเซียน ประเทศสมาชิกอาเวียนมีนโยบายร่วมกัน ที่จะพัฒนาและเชื่ดม
โยงโครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน เพื่อส่งเสริมความมั่นคงของการจ่ายไฟฟ้าของภูมิภาค และส่งเสริมให้มีการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าโดยรวม โดยที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้ายพลังงาน ครั้งที่ 25 ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยเรื่อง โครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2550 เพื่อเป้ฯกรอบในการกำหนดนโยบายร่วมของภุมิภาคนการผลัดันให้การเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้า และการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
          สำหรับโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าอาเซียน มีโครงการเร่งรัด 2 โครงการที่ต้องรีดำเนินการ ซึ่งได้แก่ โครงข่ายไฟฟ้าแรงสูงเชื่อมต่อ มะละกา - เปกันบารู ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย และโครงข่ายไฟฟ้าแรงสูงเชื่อมต่อกะลิมนตันตะวันตก และซาวารักภายใจ้เขตพัฒนาเศราฐกิจอาเซียนด้านตะวันออก บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ในส่วนของไทยนั้น ได้มีการซื้อขายไฟฟ้ากับ สปป. ลาว และมาเลเซีย ผ่านจุดเชื่อมโยงสายส่งบริเวณจังหวัดสกลนคร อุดรธานี ร้อยเดอ็ด มุกาหาร อุบลราชธานี และผ่านระบบเชื่อโยงไทย - มาเลเซีย บริเวณจังหวัดสงขลา นอกจากนี้ รัฐบาลไทย ยังมีแผนที่จะซื้อขายไฟฟ้ากับพม่าและกัมพา รวมทั้งก่อสร้างจุดเชื่อมโยงสายส่งเพิ่มเติมอีกด้วยwww.mfa.go.th/asean/contents/files/customize-20121218-094305-241038.pdf

วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560

ASEAN CONNECTIVITY

           แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนเป็ฯเอกสารทางยุทธศาสตร์เื่อเร่งรัดการเชื่อมโยงระหวา่งประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศให้เป็หหนึ่งเดียวทั้งในด้านโครงกสร้างพื้นฐาน ด้านกฎระเบียบ และด้านประชาชน โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อการสร้างอาเซียนให้เป็นประชาคมอย่างแท้จริงในปี 2558 และเป็นศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมภูมิภาค
           แม้ว่าอาเซียนจะมีศักยภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการเชื่อมโยงกับภูมิภาคอื่นๆ และภายใต้กรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคทั้งหบลาย ได้มีการจัดทำแผนการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมที่สำคัญหลายโครงการแต่การใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ เพื่อเข้าสู่ตลาดที่มีขนาดใหญ่เขึ้นและขยยการต้าการลงทุนให้เพ่ิมมากขึ้น ยังต้องเผชิญความท้าทายอยุ่อีกมาก ทั้งในด้านการระดมทุนเพื่อให้แผนงานที่กำหนดไว้ในแผนการเชื่อมโยงในกรอบอนุภูมิภาคเหล่านั้นบรรลุผลสำเร็จ การพัฒนาทักษณะและขีดความสามารถของผุ้ประกอบการแรงงานฝีมือ และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมความตระหนักรู้ในการเป็นชาวอาเซียน และการเรียนรู้ภาษาอาเซียนเพื่อการสื่อสารสร้างความเข้าใจระหว่างกัน
         แผนแม่บทว่าด้ยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นกรอบใหญ่ที่ประสานแผนการเชื่อมโยงภายใต้ควารมร่วมมือในอนุภูมิภาคเข้าด้วยกัน โดยได้วางยุทธศาสตร์หลักเพื่อพัฒนาความเชื่อมโยงด้านต่างๆ ไว้ ดังนี้
         - ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การก่อสร้งและยกระดับถนน เส้นทางรไฟ การขนส่งทางน้ำ การขนส่งทางอากาศร่วมทั้งการเชื่อมโยงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านพลังงาน (โครงการท่อก๊าซและระบบสายส่งไฟฟ้าของอาเซียน) โดยองค์กรระดับรัฐมนตรีอาเซียนในแต่ละสาขาจะเป็นผุ้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการให้เป็นไปทันเวลาที่กำหนดไว้
         - ด้านกฎระเบียบ แผนแม่บทฯ จะมีส่วนในการเร่งรัดความตกลง กฎระเบียบต่างๆ ในการอำนวยความสะดวกในการข้ามแดนในอาเซียน ให้มีผลใช้บังคับเพื่อความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใน ลดค่าใช้จ่าย และต่อยอดไปสู่การเคลื่อนบ้ายสินค้าบริกา และการลงทุนโดยภาคเอกชนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาที่จะตามมาจาการเชื่อมโยง เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ แรงงานผิดกฎหมาย การลักลอบค้ามนุษย์ ยาเสพติดและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ
         - ด้านประชาชน แผนแม่บท จะช่วยเสริมสร้างการไปมาหาสู่ระหว่างกันระหว่างประชาชน การเชื่อมโยบทางสังคม วัฒนธรรม ซึ่งเป้ฯหัวใจของการเป็นประชาคมอาเซียนที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแท้จริง
          ผู้นำอาเวียนได้ให้การรับรองแถลงการณ์่ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ณ ชะอำ หัวหินย ประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เพื่อใช้ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของอาเซียน ซึ่งตั้งอยุ่ในใจกลางของภูมิภาคที่มีความเจริญเติบโตทงเษนษฐกิจสูง กลาวคือ มีพรมแกนทางทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศอนิเดียแลฃะเอเชียใต้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับประเทศจี เกาหลีใต้ และญี่ป่นุ และทางด้านทิศต้ใกล้กับประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเร่งรัดการสร้างประาคมอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียวภายในปี 2558
       
 แผนการสร้งความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเวียน ไม่เพียงแต่ครอบคลุมช่องทางการเชื่อมโยงทางด้เานโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังรวมไปถึงกฎระเบียบเพื่อำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงระหว่างกัน และการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนด้วย ทั้งนี้องค์ประกอบหลักของความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเวียนประกอบด้วย
          การเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมโยงโครงสร้งพื้นฐานทั้ง ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยการปรับปรุง/พัฒนาคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่มีอยุ่แล้สให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นและการขยายเครื่อข่ายโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมทั่วถึงยิ่งขึ้น
ื            ยุทธศาสตร์
             - ก่อสร้างโครงข่า่ยทางหลวงอาเซียนให้เแล้วเสร็จ
             - เร่งรัดโครงการสร้างเส้นทางรถไฟสิงคโปร์-คุนหมิงให้แล้วเสร็จ
             - สร้างเครือข่ายระบบการขนส่งทางน้ำบนภาคพื้นทวีปที่มีประสิทธิภาพและะเชื่อมโยงกัน
             - สร้างระบบการขนส่งทางทะเลที่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ และแข่งขันได้
             - สร้างระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่คล่องตัวเพื่อให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการขนส่งในเอเชียตะวันออกและภูมิภาคอื่นๆ
             - เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้งพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในประเทศสมาชิก
             - ให้ความสำคัญกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอาเซียน
           การเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมโยงในด้านกฎระเบียบที่จะช่วยอำนวยความสะดวกกระบวนการทำงานของหน่วยงานต่างๆ อยางมีประสิทธิผล โดยเร่งรัดผลักดัน ความตกลง และข้อตกลงต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเชื่อมดยงระหว่างกัน ที่มีอยุ่แล้งให้มีผลบังคับใช้ รวมทั้งปรับปรุงรายละเอียดให้เกิดประโยชน์สูงสุดในงปฏิบัิ อาทิ กรอบความตกลงอาเซยนว่าด้วยการอำนวความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่ง สินค้าข้ามแดน กรอบความตกลงว่าด้วยการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ฯลฯ
         ยุทธศาสตร
             - ดำเนินการตามกรอบความตกลงทั้ง 3 กรอบว่าด้วยการอำนวนความสะดวกในการขนส่ง
             - เริ่มดำเนินโครงการการอำนวนความสะดวกด้านการขนส่งผุ้โดยสารในโครงข่ายทางหลวงที่เชื่อมรัฐต่างๆ
             - สร้างตลาดการบินเดียวในอาเซียน
             - สร้างตลาดการขนส่งทางเรือเดียวในอาเซียน
             - เพิ่มการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรีภายในภูมิภาคอาเซีนน โดยการกำจัดอุปสรรคทางการต้าระหว่างกันในภูมิภาค
            - เร่งรัดการพัฒนาภาคบริการด้านโลจิสตกกส์ให้มีประสิทธิภาพและแข่งขันได้ โดยเฉพาะในสาขาการขนส่ง โทรคมนาคม และากรบริการด้านการเชื่อมโยงอื่นๆ
            - พัฒนาและปรับปรุงการอำนวยความสะดวกด้านการต้าในภูมิภาคอย่างจริงจัง
            - ยกระดับความสามารถในการบริหารจัดการข้ามพรแดน
            - เร่งรัดให้ประเทศสมาชิกอาเวียนเปิดรับการลงทุนจากภายในและภายนอกภูมิภาคมากยิ่งขึ้น โดยใช้กฎระเบียบการลงทุนที่เป็นธรรม
             เสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎระเบียบในพื้นที่หรือกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาน้อยกว่าในภูมิภาค และปรับปรุงการประสานนโยบายแผนงาน และโครงการในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค
            การเชื่อมโยงด้านประชาชน มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมโยงระหว่งประชาชน โดยการสงเสริมการเรียนรุ้ระหว่างกันทางวัฒนธรรมแบะสังคมของประเทศสมาชิกอาเซียน อาทิ การส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาของประเทศต่างๆ ในอาเซียนเป้ฯภาษาที่สาม การเชื่อมโยงระบบการศึกษาระหว่งกันโดยให้มีการโอนย้ายหน่วยกิตระหว่างสถาบันการศึกษาในอาเวียนการแลกเปลี่ยนนักศึกาาและอาจารย์ รวมถึงการส่งเสริมและอำนวนความสะดวกการไปมาหาสู่ระวห่างประชาชน โดยใบ้มาตรการต่างๆ อาทิ การอำนวนความสะดวกและยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน และการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในอาเซียนเพื่อให้ประชาชนในภุมิาภคได้เรียนรู้และ เข้าใจถึงประทเศในกลุ่มสมาชิก ได้อย่างลึกซึ้งมากย่ิงขึ้น ทั้งในส่วนของสังคมและ วัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่งกันและความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อันเป็นเป้าหมายสำคัญของการเป็นประชาชนอาเซียน
          ยุทธศาสตร์
           - ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกันในด้านังคมและวัฒนธรรมภายในอาเซียนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
           - ส่งเสริมการเคลื่อนย้ายของประชาชนภายในอาเซียนให้มากยิ่งขึ้นwww.mfa.go.th/asean/contents/files/customize-20121218-0943
            -

วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2560

ASEAN Economic Community

             ท่ามกลางบริบททางเศณาฐกิจ การต้าและการลงทุนระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันสูง อันส่งผลให้ประเทศต่างๆ ต้องปรับตัวเองเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากระบบเศรษบกิจโลก รวมถึงการรวมกลุ่มการต้ากันของประเทศต่างๆ อาทิ สหภาพยุโรป และเขตการต้าเสรีอเมริกาเหนือ  ผุ้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้เห็นชอบเมื่อปี 2545 ให้จัดตั้ง "ประชาคมเศราฐกิจของอาเซียน" ภายในปี 2558 เพื่อส่งเสริมให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว มีการเคลื่อนย้ายเงินทุน สินค้า บริการ การลงทุนแรงงานฝีมือระหว่าประเทศสมาชิกโดยเสรี ส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน ลดช่องว่างของระดับการพัฒนาของประเทศสมาชิกอาเซียน และส่งเสริมให้อาเซียนสามารถรวมตัวเข้ากับประชาคมโลกได้อย่างไม่อยู่ในภาวะ ที่เสียเปรียบ
             กระบวนการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักในการที่จะทำให้อาเซียนบรรลุสู่การะเปน "ประชาคมอาเซียน" ภายในปี 2558 มีรากฐานมาจากนำความร่วมมือและความตกลงทางเศณาฐกิจที่อาเซียนได้ดำเนินการ มาระยะหนึ่งแล้ว มาต่อยอดให้มีผลเป็นรูปธรรมและมีความแบบแผนมากยิ่งขึ้น อาทิ ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการต้าเสรีอาเซียน ความตกลงด้านการส่งเสริมการลงทุนอาเวียน ความตกลงด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมอาเซียน
           ประชาคมเศรษฐกิจของอาเซียน จะเป็นเครืองมือสำคัญที่จะช่วยขยายปริมาณการต้าและการลงทุนภายในภูมิภาค ลดการพึ่งพาตลาดในประเทศที่สาม สร้างอำนาจการต่อรองและศักยภาพในการแข่งขันของอาเซียนในเวทีเศราฐกิจโลก เพ่ิมสวัสดิการและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนของประเทศสมาชิกอาเซียน บนหลักการของการจัดตั้งประาคมเศราฐกิจ ซึ่งได้แก่ การประหยัดต่อขนาด การแบ่งงานกันทำ และการัพัฒนาความชำนาญในการผลิตของประเทศมาชิกอาเซียน
         
 ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ อ.ชะอำ อ.หัวหิน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้รับรองพิมพ์เขียวว่าด้วยการดำเนินงาน ไปสู่การเป็นประชาคมเศราฐกิจของอาเซียน ซึ่งกำหนดกรอบและกิจกรรมที่จะทำให้อาเซียนบรรลุเป้าหมายการเป็นประชาคมทาง เศรษฐกิจภายในปี 2558 โดยในปัจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียนกำลัีงอยู่ในระหว่างการปฏิบัติตามพิมพ์เขียวดังกล่าว
          ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือเกี่ยวกับประชาคมเศราฐกิจอาเซียนคือความร่วมมือ ด้านอาหารและพลังงาน โดยเฉฑาะอย่างยิ่งการจัดตั้งคลังสำรองข้าวในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งไทยผลักดันให้มีการจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย จะทำให้ไทยซึ่งเป็นประเทศผุ้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกและพี่น้องเกษตรกรของ ไทยได้รับประโยชน์โดยตรงทั้งจากการจำหน่ายข้าวเพื่อจัดเก็บในคลังสำรองข้าว และการติดตามตรวจสอบปริมาณและความต้องการข้าวภายใต้เครือข่ายข้อมูลของคลัง สำรองข้าวซึ่งจะมีสวนสำคัญในการวางแผนการผลิตและจำหน่ายข้าวของไทย
             อีกประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือคือความร่วมมือด้านการ เงินระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ป่นุ และเกาหลีใต้ ในการจัดต้งกองทุนสำรองพหุภาคีภายใต้มารตรการริเริ่มเชียงใหม่ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินการคลังใภูมิภาค โดยเฉพาะในกรณีเผชิญกับวิกฤตทางเศราฐกิจการเงิน ตลอดจนส่งเสริมการต้า การลงทนุ เพ่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนทุกคนในภูมิภาค
             นอกจากนี้ การจัดตั้ง "คณะกรรมาธิการระหว่งรัฐบาลอาเวียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน" ซึ่งจะมีการประกาศจึดตั้งอย่างเป็นทางการในการประชุมครั้งนี้ จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อความร่วมมือกับประเทศและองค์การระหว่างประเทศนอกอาเซียนในทุกๆ ด้าน รวมทั้งด้านเศราฐกิจ เนื่องจากการมีกลไกทางด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป้ฯรูปธรรมจะทำให้อาเซียนเป็น ที่ยอมรับของนานาประเทศมากขึ้น ซึ่งจะมีสวนลดเงือนไขที่ประเทศคู่ค้าสำคัญในประเทศตะวันตกจะนำไปใช้กำหนด มาตรการที่มีผลกีดกันทางการค้า อาทิ การส่งออกกุ้งแช่แข็งของไทยไปยังสหภาพยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาแรงงาน เด็ก เป็นต้น
  www.mfa.go.th/asean/th/customize/30641-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99.html
             1. นโยบายและเป้าประสงค์
                   1.1 รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายความสัมพันะ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศกับอาเซียนในลำดับต้นๆ ในฐานะมิตรประเทศที่มีความใกล้ชิดกบไทยมากที่สุด ไม่ว่าในด้านภูมิศาสตร์ความใกล้เคียงกันด้านสังคมและวัฒนธรรม รวมไปถึงการเป็นหุ้นส่วนทางเศราบกิจที่ำคัญ ซึ่งมีมายาวนานและเหนี่ยวแน่นที่สุด
                 
 1.2 เป้าหมายในการเป็นประชาคมเศราฐกิจอาเวียน คือ กาเรป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวที่แข็งแกร่ง และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาใน๓มิภาค รวมทั้งไทยด้วย
                   1.3 จากเดิมที่อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในปี 2536 ผลจากความร่่วมมือทางเศราฐกิจที่ผ่านมาทำให้อาเซียนกลายเป้ฯคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยตั้งแต่ปี 2551 ปัจจุบัน อาเวียนยังเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของไทย นำหน้าตลาดเดิมอย่างสหรัฐอเมริกาและญีปุ่น และยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สถิติมูลค่าการต้ารวมล่าสุดระหว่งไทยและอาเซียนในปี 2556 และ 2557 อยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี โดยไทยยังคงได้ดุลการต้ากับอาเว๊ยน
                   1.4 ในการประชุมสุดยอดอาเวยนเมื่อเดือนตุลาคม 2546 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ผุ้นำอาเวียนได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน เห็นชอบให้จัดตั้งประชาคมอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศราฐกิจอาเว๊ยน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเวียน ต่อมา ในการประชุมสุดยอดอาเว๊ยน ครั้งที่ 13 เมื่อเดิอนมกราคม 2550 ทีเมื่องเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ผุ้นำอาเซียนได้ลงนามในปฏิญญาเซบูว่าด้วยการเร่งรัดการจัดตั้งประชาคมอาเซียนให้บรรลุผลจากเดิมที่กำหนดไว้ในปี 2563 เป็นปี 2558 โดยในสวนของประชาคมเศราฐกิจอาเซียน อาเซียนได้จัดทำแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษบกิจอาเวียน เป้นแผนงานบูรณาการการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะนำไปสูการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเว๊ยนภายในปี 2558
                   1.5 กรมอาเซียนทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการอาเวียนแห่งชาติ โดยเป็นไปตามข้อบทที่ 13 ของกฎบัตรอาเซียน ซึ่งกำหนดให้แต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนจัดตั้งสำนักเลขาธิการอาเวียนแห่งชาติเพื่อช่วยขับเคลื่อการดำเนินงานภายใต้ 3 เสาหลักไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ประเทศไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการอาเวียนแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าดารกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน และมีการกระทรวงพาณิชย์เป้นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเสาเศรษบกิจ
                  1.6 ปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศราฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดทำยุทธศาสตร์ประเทศในภาพรวม ซึ่งห้ความสำคัญกับการเครียมความพร้อมและการใช้โอากศจาการเป้นประชาคมอาเซียนในปี 2558 อีกด้วย
              2. ข้อตกลงและพันธกรณีในการเข้าร่วมประชาคมเศราฐกิจอาเวียน
                   2.1 อาเซียนได้จัดทำแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศราฐกกิจอาเซียน เป็นแผนงานบูรณาการการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะนำไปสู่าการเป้นประชาคมเศราฐกิจอาเวียนภายในปี 2558 พิมพ์เขียว  AEC ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ซึ่งอ้าอิงมาจากเป้าหมายการรวมกล่มทางเศณาฐกิจของอาเซียนตามแถลงการณืบาหลี ฉบับที่ 2 ได้แก่ 1) การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว โดยให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการการลงทุน และแรงงานมีฝีมืออย่งเสร และการเคลื่อยย้ายเงินทุนอย่งเสรีมากขึ้นรวมทั้งการส่งเสริมการรวมกลุ่มสาขาความร่วมมือทางวเศรษฐกิจที่สำคัญของอาเว๊ยนให้เป็นรูปธรรม 2)
การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเวียน ซึ่งให้ความสำคัญกับประเด็นด้านนโยบายที่จะช่วยสงเสริมาการร่วมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เช่น กรอบนโยบายการแข่งขันของอาเซียน การคุ้มครองผู้บริโภค สิทธิในทรัพย์สินทงปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นโยบายภาษี และการพัฒนาโครงกสร้างพื้นฐาน (การเงิน การขนส่ง เทคโนโลยี สารสนเทศ และพลัีงงาน) 3) การพัฒนาเศราฐกิจอย่างเสมอภาค ซึ่งเป้นการสงเสริมการร่วมกลุ่มทางเศราฐกิจของประเทศสมาชิกและลดช่องว่างของระดับการพัฒนาระหว่างสมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของอาเซียน เช่น การสนับสนุนการพัฒนา SMEs และการเสริมสร้างขีดความสามารถผ่านโครงการต่างๆ เช่น ความคิดริเริ่มเพื่อากรรวมกลุ่มของอาเซียน เพื่อลดข่องว่างด้านการพัฒนาทางเศณาฐกิจ 4) การบูรณาการเข้ากับเศราฐกิจโลก เน้นการปรับประสานนโยบายเศรษฐกิจของอาเซียนกับประเศภายนอกภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนมีท่าทีต่วมกันอย่งชัดเจน เช่น การจัดทำเขชตการต้าเสรีของอาเซียนกับประทเศคู่เจรจาต่างๆ รวมทั้งการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายใน้ดานการผลิต/จำหน่ายภายในภูมิภาคให้เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก
             2.2 กลไกหลัก ในการขับเคลื่อนประชาคมเศณาฐกิจอาเวียน ได้แก่ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน และการประชุมรัฐมนตรีเศราฐฏิจอาเวียน และเพื่อให้การจัดตังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนประสบความสำเร็จตามที่ตั้งไว้ เปรเทศสมาชิกอาเวียนรวมั้งประเทศไทยมีพันธกิจต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการดำเนินงานให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ซึ่งมีควาตกลงสำคัญ 3 ฉบับ ที่ขับเคลื่อนในเรื่องนี้ คือ
               
 2.2.1 ความตกลงการต้าสินค้าของอาเซียน กำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเวียนลดภาษีสินค้าในบัญชีลดภาษีให้ครบถ้วนภายในปี 2553 และใช้มาตรการที่มิใช้ภาษีศุลกากรได้เฉพาะเรื่องที่จำเป้น โดยกำหนดให้ลดภาษีสินค้าทุกรายการเหลือร้อยละ 0 ยกเว้นสินค้าอ่อนไหวและสินค้าอ่อนไหวสูง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนเดิม 6 ประเทศ และตั้งแต่วันที่ 1 มกรคม 2558 สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ 4 ประเทศ (CLMV) ในส่วนของไทย กาแผ มันฝรั่ง มะพร้าวแห้ง และไม้ตัดดอก อยู่ในบัญชีสินค้าอ่อนไหวซึ่ลดภาษีเหลือร้อยละ 5 ทั้งนี้ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับมาตรการกีดกันที่มิใช่ภาษี ที่อาเซียนกำลังเร่งดำเนินการ
                2.2.2 กรอบความตกลลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน กำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเวียยทยอยเปิดตลอดบริการ ซึ่งตาม พิมพ์เขียวกำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเปิดตลาดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นสามารถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 70 ยกเว้นสาขาที่อ่อนไหว ปัจจุบัน นักลงทุนอาเวียถือหุ้นได้ร้อยละ 70 ในสาขา อี-อาเซียน สาขาสุขภาพ สาขาท่องเที่ย และสาขาการบิน ซึ่งทั้ง 4 สาขาถือเป้ฯสาขาบริการเร่วรัด สำหรับสถานะล่าสุดประเทศสมาชิกอาเซียน (ยกเว้นฟิลิปปินส์) ได้ลงนามข้อผูกพันชุดที่ 9 ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการบริการของอาเซียน(AFAS) แล้ว โยอยู่ระหว่างการจัดทำข้อผูกพันชุดที่ 10 ซึ่งมีเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2558
               2.2.3 จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมคุณสมบัติวิชาชีพ โดยปัจจุบันอาเซียนได้ลงนาม MRA ของคุณสมบัตินักวิชาชีพแล้ว 7 สาขา คือ ทันตแพทย์ แพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี ช่างสำรวจ พยายาล และ 1 กลุ่มวิชาชีพ (เน้นในมิติความร่วมมือ)  ได้แก่ การท่องเที่ยว โดยในส่วนบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว ประเทศสมาชิกอาเซียนได้จัดทำกอบสมรรถนะมาตรฐานของบุคลากรที่ประกอบวิชาชีพท่องเที่ยว ประกอบด้วยสมรรถนะร่วมสำหรับทุกกลุ่มสาขา และสมรรถนะ วิชาชีพ โดยบุคลากรวิชาชีพท่องเที่ยวอาเซียน ครอบคลุมตำแหน่งงาน 32 ตำแหน่ง
             2.2.4 ความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน กำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเปิดเสรีและให้การปฏิบัตเยี่ยงคนชาติในสาขาที่ตกลงกัน 5 ประเภท คือ เกษตร ป่าไม้ ประมง เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมการผลิต รวมทั้งให้ความคุ้มครอง การสงเสริม และการอำนวนความสะดวกด้านการลงทุนแก่ประเทศสมาชิกอื่นใน 5 สาขาที่กล่าวมาข้างต้นด้วย ปัจจุบัน ความตกลง ด้านการลงทุนของอาเซียน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2556 โดยังสามารถแก้ไขรายการข้อสงวนได้ภายใน 12 เดือน นับจากวันที่ ACIA มีผลบังคับใช้
            2.3 สรุปได้ว่า อาเซียนสามารถบรรลุเป้าหมายในการเปิดเสรีด้านการต้าสินค้าได้อย่งน่าพอใจ นับจาก AFTA ซึ่งถือเป็นช่วงแรกสำหรับพัฒนาการของ AEC จนถึงปัจจุบัน และภายในสิ้นปี 2558 อาเซียนกำลังเร่งสานต่อการเปิดเสรีด้านการต้าบริการ การลงทุน การเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี รวมถึงการปรับกฎระเบียบให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อการเข้าสู่ประชาคมเศณาฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์..www.mfa.go.th/asean/contents/files/other-20150612-172511-932159.pdf
               
           

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...