ฟุตบอลแยกไม่ออกจาเรื่องวัฒนธรรม เศราฐกิจ และการเมือง ในเชิงสังคม อังกฤษเป็บ้านเกิดของสิ่งทีเรียกว่าฟุตบอลสมัยใหม่ หรือ "โมเดิร์นฟุตบอล" ฟุตบอลเคยเป็นกีฬาที่มีความดิบและเถื่อนกว่าที่เห็นทุกวันนี้มาก
"ฟุตบอลในอดีตมีมานานแล้วในยุโรป ประมษร ศตวรรษที่ 13-14 แตว่าเป็น folk football ซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้านเป็นการแข่งระหว่างหมู่บ้าน วิธีเอาชนะคือนำลูกบอลจากหมู่บ้านตนไปวางกลางหมู่บ้านคู่ต่อสู้ให้ได้ ด้วยวิะีการใดก็ตาม ถ้าคุณแพ้ หมู่บ้านคุณก็แพ้ด้วย จึงเป็นกีฬาที่มีความรุนแรงกระทั้งอังกฤษต้องออกกฎห้ามเล่น folk football "
"ส่วนฟุตบอบลสมัยใหม่เกิดขึ้นมาช่วงกลางๆ ศตวรรษที่ 19 ประมาณ 1860 โรงเรียนเอกชนที่ช่นช้นสูงส่งลกมาเ่รียนโรงเรยนพวกนี้มองว่าเด็มีอำนาจ สปอยล์ พวกบ้านรวย เอาแต่ใจตัวเอง เพื่อท่จะดัสันดานเด็กพวกนี้ ฟุตบอลก็ถูกนำขึ้นมา ตั้งกฎกติกา ให้เล่นอย่างสุภาพบุรุษ "
หลังลูกหลายผู้ดีเรียนจบ สิ่งที่ติดตัวไปมีมากกว่าความรุ้ กีฬาฟุตบอลถูกถ่ยทอดสู่ working class และเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการรวมกลุ่มชนชั้นแรงงาน ที่เรียกร้องหใ้มีวันหยุด และเมื่อมีวันหยุด ชีวิตของพวกเขาก็คือ "ฟุตบอล"
"ชนชั้นสูงจึงแยกกีฬาอีกชนิดหนึ่งออกมา คล้ายๆ กับฟุตบอล รักบี้กับฟุตบอลก็มีที่มาไม่ต่างกัน ชนชั้นสูงจะเล่นกีฬารักบี้
ในฝรั่งเศสมีแง่มุมที่แตกต่าง เพราะมีเรื่อง "เชื้อชาติ" และสีผิว" เข้ามาเกี่ยวบ้อง หลังจากสงครามปลดปล่อยอาณานิคมต่างๆ ในสงครามพวนีจะมีการยอมรับคนในเมืองขึ้นที่ยังอยากเป็นคนฝรั่งเศสอยู่ ซึ่งตาม ไทม์ไลน์ มันคือยุคที่ลูกหลายของคนอพยพได้สัญชาติวรั่งเสส หรือไม่ก็เป็นคนฝรั่งเศสโดยกำเนิดแต่ว่าพ่อแม่มาจากผู้อพยพ ก็เข้าโรงเรียนฟุตบอล และแน่นอนว่าเมื่อคัดทีมชาติ เขาก็ต้องเลือกจากคนเก่งที่สุด แล้วฝรั่งเศสก็มีคำขวัญประจำประเทศ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ดังนั้นคุนเกิดมาจากไหนไม่รู้ คุณเตะบอลเก่งคุณก็ต้องติดทีัมชาติ มันก็ทให้ในที่สุดทีมชติฝรั่งเศสก็แทบไม่มีฝรั่งเศสจริงๆ เหลืออยู่เลย แต่อย่างไรก็ตาม คนฝรังเศสก็เหมือนคนที่ไหนๆ ในโลก คือ พอชนะก็เฮด้วย พ่อจะเป็นเซเนกัล เป็นอัลจีเรีย เป็นใครก็ตาม แต่สุดท้ายธงที่ไปโบกตอนรับเหรียญแชมป์โลกมันก็คือธงชาติฝรั่งเศส
ในอังกฤษ ฟุตบอลเป็นกีฬาของ working class และก็เป็นคนขาว บนอัฒจันทร์ฟุตบอลส่วนหนึ่งเจึงเป็นคนขาว ทำให้วัฒนธรรมแฟนบอลกลายเป็นพื้นที่ของคนผิวขาว ที่เลี่ยงไม่ได้ว่าต้องมีกลุ่มเหยียดผิวปะปนอยู่ โดยมีเรื่องย้อนแย้ง คือ "จาหังสือเล่มหนึ่ง เป็นคนดำทีเ่ป็นแฟนบอล อยากดุบอล ก็ไปดุบอล ก็เข้าไในกลุ่มฮุฃิแกน แล้วคนดำก็ถูกผลักถูกดันเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยความอยากอยู่ เขาก็ทนได้ แล้ววันหนึ่งเขาก็กลายเป็นพวกเดียวกับพวก racism พวกนั้น แล้วก็ไป แรคซิม คนผิวสี คนอื่น คือคุณเป็นคนที่ถุกเหลียด แต่พอเข้าไปสังคนนี้แล้ว คุณก็กลายเป็นคนแบบเดียวกัน คือกลายเป็นพวกเหยียดคนอีกกลุ่ม"
แม้จะก้าวผ่านจุดสุโต่งไปมาก แต่ แรคซึม ยังอยู่คุ่กับวัฒนธรรมฟุตบอล จนปัจจุบัน เมื่อผูอพยพกลายเป็นปัญหาระดับโลก นักฟุตบอลคือกลุ่มคนแรกๆ ที่ตื่นตัว และยื่นมือเข้าช่วย เรพาะวงการฟุตบอลเต็มไปด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติ ...
กลุ่มทุน และแฟนบอล
วิวัฒนาการของฟุตบอลต่างประเทศในระดับสโมสรคือ ชุมชนต้องมาก่อน นั่นคือความเป็นทีมทั้องถ่ิน กระดูกสันหลังของทุกทีมคือแฟนบอล คนในชุมชน แต่เวลาผ่านไป เมื่อกลุ่มทุนเข้ามามีอำนาจ ทีมถูก เทคโอเวอร์ ด้วยชาวต่างชาติมองในอีกมุมหนึ่ง กล้าตั้งสมมุติฐานว่า ทุนอาจจะเป็นกลไกที่ทำให้ทีมฟุตบอบยังยืนก็ได้
"ถ้านายทุนไม่ท้อง คนท้องถ่ินเชียร์ คนมีเงินทาทำทีมแล้วไม่ท้อง มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนท้องถิ่นเขาจะท้ิงทีมแล้วดีไม่ดี ยังจะทำให้ทีมนั้นพ้นความเป็นท้องถิ่นไปด้วย
"เมื่อการเข้ามาของกลุ่มทุนกลายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นอุตสาหกรรม เป็นธุรกิจที่ทำเงินมหาศาลกลบไม่ใช่การทำกำไรทางตรงจากสโมสร แต่มาจากนวัตกรรมสคำคัญของโลก คือการ "ถ่ายทอดสด"
การถ่ายทอดสดคือนวัตกรรมที่สุดยอดที่มีขึ้นมาในกีฬา ถ้าคุณผลิตสินค้าแบบทุนนิยม ส่ิงที่คุณต้องทำคือผลิตสินค้าแบบเดินจำนวนมากๆ ขึ้นมา แต่กีฬาเป็นอุตาสหกรรมรายได้ เพราะคุณผลิตซ้ำได้ดวยต้นทุนที่คุณถ่ายเพียงครั้งเดียว ซึ่งคนทีรับสัญญาณถ่ายทอดสดมีมากเท่าไหร่คุณก็ผลิตซ้ำด้มาเท่านั้น คือส่ิงที่ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นอุตสาหกรรม
ฟุตบอลพัฒนาจากกีฬาของ เวิร์คกิ้ง คลาส สู่โลกธุรกิจเต็มตัว ฟุตบอลกลายเป็นแหล่งรวมของกลุ่มทุนต่างชาติ ที่ตัวเงินมีค่ามาก่าความสนุกของกาเรป็นกีฬา จนฟุตบอลในสนามจึงกลายเป็นกิจกรรรมของชันชั้นกลาง เป็นกิจกรรมของนักท่องเที่ยว ในเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างลอนดอนมีทีมใหเ้เชียร์มากมาย
ฟุตบอลเป็นสินคาที่ราคาแพง คุณไปดูในสนามไม่ได้ จะมคำว่า ฟุตบอล สำหรับแฟนบอล ไม่ใช่เพื่อการค้า นี่คือสเ้นทางของแฟนบอลแท้ๆ แบบเดนตาย คือคุณไม่มีเงินซื้อตั๋วดุในสนาม เพราะในสนามมันแพง ทีมใหญ่ๆ ลิเวอร์พูล แมนยูอาร์เซนอล สเปอร์ส คุณไม่มีเงิน คุณไปดุในผับ"
ที่ประเทศไทย เมื่อเริมมีการแข่งฟุตลอลอาลีพ วัฒนธรรมใหม่บางอย่างก็เกิดขึ้นเช่น ักน แม้มจุดเร่ิมต้นไม่เหมือนยุโรป เพราะคนไทยเร่ิมดุบอลจากชนชั้นกลางที่มีเงินจ่ายค่าเคเบิลทีวี รบชมผ่นหน้าจอ แต่ปัจจุบัน ชนชั้นใหม่อย่างชนชั้นกลางกลุ่มล่างได้เขามามีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมการดุฟุตบอลใหม่ของไทยขึ้นมา
"ถ้าใครเป็นคอการเมืองจะห็นว่ามีคำใหม่เกิดขึ้นมา เป็นชนชั้นกลางใหม่ ชนชั้นกลางระดับล่ง คุณฯจะพบเขาที่สนามฟุตบอล เป็นวิถีชีวิตของคนกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นมา คือพลวัตรของความเปลี่ยนแลวงในไทยเป็นทำนองนี้ จากชนชั้นสูง สุ่ชนชั้นกลาง ทุกวันนี้ชนชั้นกลางระดับล่างเร่ิมเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น"
ปัจจับสำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมชชั้นใมห่และฟุตบอลไทยเกิดขึ้นมา คือความเป็นท้องถิ่น ที่แฟนบอลในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมได้ง่าย มันเกิดสิ่งที่ว่า ทีมที่ "เชียร์ไม่ได้" เช่น ถ้าบ้านอยู่ลำปาง เราไม่สามารถเชียร์แมืองทองฯที่แจ้งวัฒนะได้ เราจึงต้องเชียร์ลำปางเอฟซี "คือมันไกล ไปทีี่อื่นไม่ได้ คุณก็ต้องมี โลคอล ทีม เหมือนที่ยุโรปเคยมี และมีมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คนไทยเชียร์ฟุตบอลต่างประเทศ คุณอยากเชียร์ทีัมแบบไหนที่พุกใจคุณ พุดให้มัมือหม่นกว่านั้นคือ คุณถุกสื่อบังคับให้เชียร์ทีม่..อาทิ แมนยูฯ ลิเวอร์พูล..อาร์เซนอล แต่หากคุณมีทีมในบ้านเกิดแล้ว คุณเลื่อไม่ได้เท่าไหร่ คุณจำเป็นต้องสนุกกับมัน มันจะเกิดวัฒนธรรมการดุฟุตบอลขึ้นมา เพราะไม่ใช่กิจกรรมที่ดูเพียงอย่างเีดยว คุณเข้าไปในสนาม ร้องเพลงคุณไปรอบๆ สนามบอล โบกธง จับกลุ่มพูดคุยกัน มันเกิดไลฟ์สไตล์ มัเกิดวัฒนธรรมบางอบย่างขึ้นมา" https://waymagazine.org/euro-2016-event/
วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561
Football
ฟุตบอลมีประวัติความเป็นมายาวนานและเชื่อกันว่าประทเสอังกฤษเป็นผุ้ในกำเนินและวาง
รากฐานกติกากฎเกณฑ์การเล่นให้ป็นมาตรฐานเกียวกัน กล่าวกันว่าการแข่งขันฟุตบอลในแซรฟ ทิวสเดย์ ซึ่งเป็นการแข่งขันของคนทั้งหมู่บ้าน มีกติกาของแต่ละท้องถ่ิน ผุ้แข่งขันอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ มีบันทึกหลักฐานว่าเริ่มแข่งขันในระยะแรกเป้นการต่อสู่ทีใช้ทั้งมือและเท้าได้โดยมีการปกป้องรรักษาแดนของตตน และเคลื่อนย้ายลูกเข้าไปในประตูของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในสมัยโบราณหลักประตูอาจเป็นเพียงเขตปักปันห่างกันนับร้อยหลา มีหลักฐนปรากฎว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 มีพระบรมราชโองการสั่งห้ามแล่นฟุตบอลในท้องถนน ผุ้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก เนืองจากหวั่นเกรงว่าชาวอังกฤษจะทอดท้องการฝึคกปรือการยิงธนู แต่ประกาศดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการเล่นฟุตบอลสามารถเล่นในพ้ืนที่ที่กว้ารงพอเช่นถนน และแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลมีลักษระเป็นโอกาสให้คนได้เล่นในที่สามาธารณะ และมีบางคนกล่าวว่า "กีฬาฟุตบอลช่วยเสริ่มสร้างกล้ามเนื้อทั่วเรื่อนร่าง และเป็นเวชบำชัดในการขับก้อนนิ่วออกจากกระเพาะปัสสาวะและไตได้เอย่างชะงัด" จนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 กษัตริย์อังกฤษได้มีพระบรมราชโองการยกเลิกข้อห้ามการเล่นฟุตบอลในเวลาต่อมา
กติการการเล่นฟุตบอลได้พัฒนาพร้อมกับการเล่นฟุตบอลในโรงเรียนในประเทศอังกฤษ กล่าวคือ ในพ.ศ. 2381 มีการกำหนดกรอบการแข่งชัยและกติกาการเล่นเรียกว่า "กติกาเคมบริดกฺ" และเร่ิมใช้กันแพร่หลายจนกระทั่ง พ.ศ. 2406 สมาคมฟุตบอลลฃอนดอนและสมาคมเชฟฟิลด์ได้ร่างกฎกติกาขึ้นมาใช้เพ่ิมเติมเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเล่นลูกฟุตบอลได้มากขึ้น ต่อมาไ้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกติกาการเล่นเรื่อยมา การขยายตวของการเล่นฟุตบอลในอังกฤษเกิดขึ้นจากการเติบโตของระบบการศึกษาในโรงเรยนในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมา การเล่นฟุตบอลในระบบโรงเรียนของอังกฤษเป็นสวนหนึ่งของกิจกรรมของนักเรียนที่จะมีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมการเล่นฟุตบอลของอังกฤษในสมัยต่อมา
ช่วง พ.ศ. 2406 มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลและต่อมาใน พ.ศ. 2413 ได้ก่อตั้งสหภาพรักบี้ในลำดับถัดมา ทั้งนี้มีจุดมุ่งหมายต้องการแยการเล่นกีฬาที่ใช้มืออกจากการใช้เท้าเล่น การก่อตั้งสโมสรฟุตบอลใอังกฤษในระยะแรกได้รวมตัวกันเป็นสหพันะ์สโมสรฟุตบอล ในช่วงทศวรรษที่ 2440 โดยมีสโมสรปุ้ก่อตั้งประกอบด้วย แอสตันวิลล่า, โบลตั้น วันเดอเรอร์, วูล์ฟแฮมตั้น วันเดอเรอร์, เปรสตัน นอร์เอน, เวสบรอมวิช อัลเบียน, สโต้คซิตี้, และแลคเบิร์น โรเวอร์ เป็นต้น บรรดาทีมเหล่านี้ตั้งขึ้นมาจากกลุ่มคนในโบสถ์ของศาสนาคริสต์ทั้งสิ้นซึ่งส่วนใหย่เป็นครระดับเสมียน และต่อมาก็มีกลุ่มผุ้เล่นจากโรงงานและบริษัทก่อตั้งทีมฟุตบอลตามมา และมีการนำฟุตบอลไปเผยแพร่ในยุโรปโดยผุ้ประกอบการอิสระและทหารประจำกการในที่ต่างๆ จนกระทั้ง พ.สง 2451 ฟุตบอลได้รับการบรรจุในรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเป็นครั้งแรก
ฟุตบอลได้รับการพัฒนาห้กลายเป็นกีฬอาชีพตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2410 เมื่อผุ้ชมต้องจ่ายเงินค่าผ่านประตูเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลในเมืองางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศอังกฤษและได้รับความนิยมจากคนงานโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษ ซึ่งใเรื่องนี้ อีตริค ฮอบสบอว์ม นักประวัติศาสรต์อังกฤษเคยกล่าว่า ปฏิบัติการทางสังคมที่สำคัญในโลกสมัยใหม่คอ "กีฬา" โดยมีการนำกีฬามาใช้เป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิตในโลกสมัียให่และกีฬามีลักษระของการพัฒนาเป็นสาถบันหนึ่งทางสังคมในโลกตะวันตก ก๊มาฟุตบอลเป็นการเล่นกีฬาแบบมวลชน และกลายเป็นวัฒนธรรมของชนชั้นกรรมาชีพมวลชน ในสมัต้นพุทธศตวรรษที่ 25 เขาได้ตั้งข้อสังเกตประการสำคัญว่า นักกีใาฟุตบอลจะต้องเป็นชนชั้นแรงงานที่มี "ต้นทุนทางวัฒนธรรม ไในฐานะผุ้ที่มีทักษณะแลความชำนาญ มากกว่าการเป็นแรงงานที่ไร้ฝีมือแต่เป็นเรื่งอของการใช้กำลังเช่น นักมวย
เมื่อล่วงเข้าสุ่กลางทศวรรษที่ 2450 ฟุตบอลเร่ิมได้รับความนิยมและมีทิศทางการเติบโตในสองแนวทางในประเทศอังกฤษ ประการแรก กติกาการแข่งขันมีความชัดเจนขึ้นเมื่อฟุตบอลกลายเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย และได้สร้างบรรทัดฐานให้กับผู้เล่นให้มีลักษระของการเล่นที่
เป้ฯของสุภาพบุรุษ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องที่เรามักเรียกฟุตบอลของอังกฤาในอดีตว่าฟุตบอลผุ้ดีอังกฤษ และสามารถผลักดันให้ฟุตบอลกลายเป็นหนึ่งของรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ประการที่สอง การเล่น
และแข่งขันในนามของสดมสนของโบสถ์ของเมือง ของโรงงานและบริัทได้ทำให้การเล่นฟุตบอลและการเข้าชมกลายเป็นต้นทุนทางเศราฐกิขอย่างหนึ่งที่ผุ้ชมยินดีจ่ายเป็นค่าเข้าชม และัฒนาเป็นผุตลอลอาชีพในเวลาต่อมาเป็นที่น่าสังเกตุว่าความนิยมต่อฟุตบอลของอังกฤษเร่ิมต้นจากเมืองรอบนอกในเขตตอนเหนือและตอนกลางของเกาะมากกว่ามนเมืองหลว และแสดงให้เห็นการแพร่หลายของกีฬานี้ได้เป็นอย่างดี การแยกรักบี้ออกจากฟุตบอลใน พงศ. 2413 เพื่อแยกกีฬาที่ใช้เท้าแลมืออกจากกันแสดงให้เห็นนัยยะทางวัฒนธรรมของการเล่นกีฬาที่แตกต่งกันทางทักาษะของผู้เลนแต่มีกติกาและกฎเกณฑ์อย่างเดียวกันคือการบุกเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้และทำประตูด้วยการนำลูกเข้าในเขตที่เรียกว่าประตูของคู่ต่อสู้
สนามฟุตบอลเป็นเรื่องจำเป็นที่เกิดขึ้นตามมาเมือผู้ชมมีความต้องการจะชมฟุตบอลอย่างใหล้ชิด ในช่วง พ.ศ. 2435 สโมสรฟุตบอลเอเวอร์ตันและสโมสรฟุตบอลเชลติก เป็นสโมสรแรกที่ก่อสร้างสนามฟุตบอลขึ้นมาโดยเฉพาะ ต่อมาก็มีสโมสรฟุตบอลอื่นๆ ในอังกฤษ และในสก๊อตแลนด์ก่อสร้างสนามฟุตบอลต่อเนื่องกันม สนามฟุตบอลในสมัยแรกจะมีการก่อสร้างแถวที่นั่งสำหรับผู้ชมเพียงด้านเดียว ด้านที่เลหือจะสร้างเป็นชาน หร้พมอบันไดล้อมรอบสนามเอาไว้ แลเพิ่มเติมหลังคาและติดตั้งเสาไฟส่องสนามในเวลาต่อมา การก่อสร้างสนามฟุตบอลพร้อมอัฒจันทร์ที่นั่ง นักสังคมวิทยาชาวอังกฤษ เอฟ อิงกลิส ได้ตั้งช้อสังเกตว่า "สนามฟุตลอลมองดูแล้วคล้ายกับโรงงานอุตาสาหกรรม ประตูทางเข้าที่ทำเป็นช่องให้ฝูงชนในเมื่องไม่ว่าเล็กหรหือใหญ่เดินเข้ามาเหนือนกับแรงงานกำลังเดินเข้าสู่ประตูโรงงาน
การเติบโรและขยายตัวของสนามฟุตบอลขึ้นอยุ่กับจำนวนผุ้ชมที่เพ่ิมขชึนเรื่อยๆ ราคาบัตรเข้าชมฟุตบอลในช่วงทศวรรษที่ 2410-2420 อยู่ระหว่าง 3-6 เพนนี ซึ่งถือว่าต่ำมากทั้งนี้เพราะผุ้ซื้อบัตรเข้าชมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผุ้ใช้แรงงาน รายได้จากค่าบัตรผ่านประตูเพื่อเข้าชมการแข่งขันฟุตบลอลในอังกฤษเร่ิมีมูลค่าเพ่ิมขึ้นจากจำนวนผุชมและสโมสรฟุตลอลที่เพ่ิมปริมาณมากขึ้น ในช่วง พ.ศ. 2444 มีหลักฐานของมาคมฟุตบอลอังกฤษรายงานว่ามีเงินทุนประมาณ 4 ล้านปอนด์หมุนเวียนอยู่ในสโมสรฟุตบอลต่งๆ ในสังกัดของสมาคมฯ ซึ่งหมายความว่า ฟุตบอลกลายเป็นช่องทางของการแสวงหากำไรจากวัฒนธรรมฟุตบอลในเวลาต่อมา และชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของอังกฤษในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
- บางส่วนจาก วิทยานิพนธ์ เรื่อง "พัฒนาการของวัฒนธณรมฟุตบอลต่างประเทศในสังคมไทย พ.ศ. 2509-2544 โดย เนตรนภา ประกอบกิจ.
รากฐานกติกากฎเกณฑ์การเล่นให้ป็นมาตรฐานเกียวกัน กล่าวกันว่าการแข่งขันฟุตบอลในแซรฟ ทิวสเดย์ ซึ่งเป็นการแข่งขันของคนทั้งหมู่บ้าน มีกติกาของแต่ละท้องถ่ิน ผุ้แข่งขันอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ มีบันทึกหลักฐานว่าเริ่มแข่งขันในระยะแรกเป้นการต่อสู่ทีใช้ทั้งมือและเท้าได้โดยมีการปกป้องรรักษาแดนของตตน และเคลื่อนย้ายลูกเข้าไปในประตูของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในสมัยโบราณหลักประตูอาจเป็นเพียงเขตปักปันห่างกันนับร้อยหลา มีหลักฐนปรากฎว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 มีพระบรมราชโองการสั่งห้ามแล่นฟุตบอลในท้องถนน ผุ้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก เนืองจากหวั่นเกรงว่าชาวอังกฤษจะทอดท้องการฝึคกปรือการยิงธนู แต่ประกาศดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการเล่นฟุตบอลสามารถเล่นในพ้ืนที่ที่กว้ารงพอเช่นถนน และแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลมีลักษระเป็นโอกาสให้คนได้เล่นในที่สามาธารณะ และมีบางคนกล่าวว่า "กีฬาฟุตบอลช่วยเสริ่มสร้างกล้ามเนื้อทั่วเรื่อนร่าง และเป็นเวชบำชัดในการขับก้อนนิ่วออกจากกระเพาะปัสสาวะและไตได้เอย่างชะงัด" จนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 กษัตริย์อังกฤษได้มีพระบรมราชโองการยกเลิกข้อห้ามการเล่นฟุตบอลในเวลาต่อมา
กติการการเล่นฟุตบอลได้พัฒนาพร้อมกับการเล่นฟุตบอลในโรงเรียนในประเทศอังกฤษ กล่าวคือ ในพ.ศ. 2381 มีการกำหนดกรอบการแข่งชัยและกติกาการเล่นเรียกว่า "กติกาเคมบริดกฺ" และเร่ิมใช้กันแพร่หลายจนกระทั่ง พ.ศ. 2406 สมาคมฟุตบอลลฃอนดอนและสมาคมเชฟฟิลด์ได้ร่างกฎกติกาขึ้นมาใช้เพ่ิมเติมเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเล่นลูกฟุตบอลได้มากขึ้น ต่อมาไ้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกติกาการเล่นเรื่อยมา การขยายตวของการเล่นฟุตบอลในอังกฤษเกิดขึ้นจากการเติบโตของระบบการศึกษาในโรงเรยนในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมา การเล่นฟุตบอลในระบบโรงเรียนของอังกฤษเป็นสวนหนึ่งของกิจกรรมของนักเรียนที่จะมีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมการเล่นฟุตบอลของอังกฤษในสมัยต่อมา
ช่วง พ.ศ. 2406 มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลและต่อมาใน พ.ศ. 2413 ได้ก่อตั้งสหภาพรักบี้ในลำดับถัดมา ทั้งนี้มีจุดมุ่งหมายต้องการแยการเล่นกีฬาที่ใช้มืออกจากการใช้เท้าเล่น การก่อตั้งสโมสรฟุตบอลใอังกฤษในระยะแรกได้รวมตัวกันเป็นสหพันะ์สโมสรฟุตบอล ในช่วงทศวรรษที่ 2440 โดยมีสโมสรปุ้ก่อตั้งประกอบด้วย แอสตันวิลล่า, โบลตั้น วันเดอเรอร์, วูล์ฟแฮมตั้น วันเดอเรอร์, เปรสตัน นอร์เอน, เวสบรอมวิช อัลเบียน, สโต้คซิตี้, และแลคเบิร์น โรเวอร์ เป็นต้น บรรดาทีมเหล่านี้ตั้งขึ้นมาจากกลุ่มคนในโบสถ์ของศาสนาคริสต์ทั้งสิ้นซึ่งส่วนใหย่เป็นครระดับเสมียน และต่อมาก็มีกลุ่มผุ้เล่นจากโรงงานและบริษัทก่อตั้งทีมฟุตบอลตามมา และมีการนำฟุตบอลไปเผยแพร่ในยุโรปโดยผุ้ประกอบการอิสระและทหารประจำกการในที่ต่างๆ จนกระทั้ง พ.สง 2451 ฟุตบอลได้รับการบรรจุในรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเป็นครั้งแรก
ฟุตบอลได้รับการพัฒนาห้กลายเป็นกีฬอาชีพตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2410 เมื่อผุ้ชมต้องจ่ายเงินค่าผ่านประตูเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลในเมืองางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศอังกฤษและได้รับความนิยมจากคนงานโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษ ซึ่งใเรื่องนี้ อีตริค ฮอบสบอว์ม นักประวัติศาสรต์อังกฤษเคยกล่าว่า ปฏิบัติการทางสังคมที่สำคัญในโลกสมัยใหม่คอ "กีฬา" โดยมีการนำกีฬามาใช้เป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิตในโลกสมัียให่และกีฬามีลักษระของการพัฒนาเป็นสาถบันหนึ่งทางสังคมในโลกตะวันตก ก๊มาฟุตบอลเป็นการเล่นกีฬาแบบมวลชน และกลายเป็นวัฒนธรรมของชนชั้นกรรมาชีพมวลชน ในสมัต้นพุทธศตวรรษที่ 25 เขาได้ตั้งข้อสังเกตประการสำคัญว่า นักกีใาฟุตบอลจะต้องเป็นชนชั้นแรงงานที่มี "ต้นทุนทางวัฒนธรรม ไในฐานะผุ้ที่มีทักษณะแลความชำนาญ มากกว่าการเป็นแรงงานที่ไร้ฝีมือแต่เป็นเรื่งอของการใช้กำลังเช่น นักมวย
เมื่อล่วงเข้าสุ่กลางทศวรรษที่ 2450 ฟุตบอลเร่ิมได้รับความนิยมและมีทิศทางการเติบโตในสองแนวทางในประเทศอังกฤษ ประการแรก กติกาการแข่งขันมีความชัดเจนขึ้นเมื่อฟุตบอลกลายเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย และได้สร้างบรรทัดฐานให้กับผู้เล่นให้มีลักษระของการเล่นที่
เป้ฯของสุภาพบุรุษ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องที่เรามักเรียกฟุตบอลของอังกฤาในอดีตว่าฟุตบอลผุ้ดีอังกฤษ และสามารถผลักดันให้ฟุตบอลกลายเป็นหนึ่งของรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ประการที่สอง การเล่น
และแข่งขันในนามของสดมสนของโบสถ์ของเมือง ของโรงงานและบริัทได้ทำให้การเล่นฟุตบอลและการเข้าชมกลายเป็นต้นทุนทางเศราฐกิขอย่างหนึ่งที่ผุ้ชมยินดีจ่ายเป็นค่าเข้าชม และัฒนาเป็นผุตลอลอาชีพในเวลาต่อมาเป็นที่น่าสังเกตุว่าความนิยมต่อฟุตบอลของอังกฤษเร่ิมต้นจากเมืองรอบนอกในเขตตอนเหนือและตอนกลางของเกาะมากกว่ามนเมืองหลว และแสดงให้เห็นการแพร่หลายของกีฬานี้ได้เป็นอย่างดี การแยกรักบี้ออกจากฟุตบอลใน พงศ. 2413 เพื่อแยกกีฬาที่ใช้เท้าแลมืออกจากกันแสดงให้เห็นนัยยะทางวัฒนธรรมของการเล่นกีฬาที่แตกต่งกันทางทักาษะของผู้เลนแต่มีกติกาและกฎเกณฑ์อย่างเดียวกันคือการบุกเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้และทำประตูด้วยการนำลูกเข้าในเขตที่เรียกว่าประตูของคู่ต่อสู้
สนามฟุตบอลเป็นเรื่องจำเป็นที่เกิดขึ้นตามมาเมือผู้ชมมีความต้องการจะชมฟุตบอลอย่างใหล้ชิด ในช่วง พ.ศ. 2435 สโมสรฟุตบอลเอเวอร์ตันและสโมสรฟุตบอลเชลติก เป็นสโมสรแรกที่ก่อสร้างสนามฟุตบอลขึ้นมาโดยเฉพาะ ต่อมาก็มีสโมสรฟุตบอลอื่นๆ ในอังกฤษ และในสก๊อตแลนด์ก่อสร้างสนามฟุตบอลต่อเนื่องกันม สนามฟุตบอลในสมัยแรกจะมีการก่อสร้างแถวที่นั่งสำหรับผู้ชมเพียงด้านเดียว ด้านที่เลหือจะสร้างเป็นชาน หร้พมอบันไดล้อมรอบสนามเอาไว้ แลเพิ่มเติมหลังคาและติดตั้งเสาไฟส่องสนามในเวลาต่อมา การก่อสร้างสนามฟุตบอลพร้อมอัฒจันทร์ที่นั่ง นักสังคมวิทยาชาวอังกฤษ เอฟ อิงกลิส ได้ตั้งช้อสังเกตว่า "สนามฟุตลอลมองดูแล้วคล้ายกับโรงงานอุตาสาหกรรม ประตูทางเข้าที่ทำเป็นช่องให้ฝูงชนในเมื่องไม่ว่าเล็กหรหือใหญ่เดินเข้ามาเหนือนกับแรงงานกำลังเดินเข้าสู่ประตูโรงงาน
การเติบโรและขยายตัวของสนามฟุตบอลขึ้นอยุ่กับจำนวนผุ้ชมที่เพ่ิมขชึนเรื่อยๆ ราคาบัตรเข้าชมฟุตบอลในช่วงทศวรรษที่ 2410-2420 อยู่ระหว่าง 3-6 เพนนี ซึ่งถือว่าต่ำมากทั้งนี้เพราะผุ้ซื้อบัตรเข้าชมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผุ้ใช้แรงงาน รายได้จากค่าบัตรผ่านประตูเพื่อเข้าชมการแข่งขันฟุตบลอลในอังกฤษเร่ิมีมูลค่าเพ่ิมขึ้นจากจำนวนผุชมและสโมสรฟุตลอลที่เพ่ิมปริมาณมากขึ้น ในช่วง พ.ศ. 2444 มีหลักฐานของมาคมฟุตบอลอังกฤษรายงานว่ามีเงินทุนประมาณ 4 ล้านปอนด์หมุนเวียนอยู่ในสโมสรฟุตบอลต่งๆ ในสังกัดของสมาคมฯ ซึ่งหมายความว่า ฟุตบอลกลายเป็นช่องทางของการแสวงหากำไรจากวัฒนธรรมฟุตบอลในเวลาต่อมา และชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของอังกฤษในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
- บางส่วนจาก วิทยานิพนธ์ เรื่อง "พัฒนาการของวัฒนธณรมฟุตบอลต่างประเทศในสังคมไทย พ.ศ. 2509-2544 โดย เนตรนภา ประกอบกิจ.
วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561
UEFA Nation League
ยูฟ่าเนชันส์ลีก เป็นการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติในยุโรป ซึ่งเป็นสมาชิกของยูฟ่าประเภทลีกซึ่งจะเริ่มการแข่งขันในฤุโการ 2018-2019
สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เปิดตัว เนชันส์ ลก แบ่ง 55 ชาติในยุโรป เป็น 4 ลีก โดยจะแข่งกันในช่วง กันยายนถึงพฤศจิกายน เริ่ม ปี 2018 หลังศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนยุโรป ทางยูฟ่าจะนำคะแนนค่าสัมประสิทธธิ์ของทั้ง ๔๔ ชาติ มาแบ่งออเป็น 4 ลีกตามลำดับ โดย 12 อันดับที่ดีที่สุดจะอยู่ในลีก A ตามด้วย 12 อันดับต่อมาในลีก B 15 ทีมถัดมาอยู่ในลีก C และ 16 ทีมคะแนนต่ำสุดอยู่ในกลุ่ม D ซึ่งจะแบ่งลีกำห้ตามนี้
ลีก A : เยอรมัน โปรตุเกส สเปน. อิตาลี. อังกฤษ. ไอซ์แลนด์. เบลเยียม, สวิสเซอร์แลนด์, โครเอเชีย, เนเธอร์แลนด์
ลีก B : ออสเตรีย, เวลส์, รัสเซีย, สโลวาเกีย, สวีเดน, ยูเครน, ไอร์แลนด์, ประเทศบอสเนียและเออร์เซโกวีนา, ไอซ์แลนด์เหนือ, เดนมาร์ก, สาธารณรัฐเช็ก, ตุรกี
ลีก C : ฮังการี โรมาเนีย, สกอตแลนด์, สโลวาเนีย, กรีซ, เซอร์เบีย, แอลเบเนีย, นอร์เวย์, มอนเตเนโกร, อิสราเอล, บับแกเรีย, ฟินแลนด์, ไซปรัส, เอสโตเนีย, ลิธัวเนีย
ลีก D : อาเซอร์ไบจาน, มาซิโเนีย, เบลารุส, อาร์เมเนี, อัตเวีย, หมู่เกาะแฟโร, ลักเซมเบิร์ก, คาซัดสถาน, มอลโดวา, ลิกเตนสไตน์, มอลต้า, อันดอร์รา, โคโซโว, ซาน มาริโน, ยิบรอนตาร์
ทั้ง 4 ลีกจะทำการจับฉลาแแบ่งเป็ลีกละสี่กลุ่ม กลุ่มละ 3-4 ทีม ในวันที่ 24 มกราคม 2018 จากนั้นจะทำการแข่งขันกัน 6 แมตช์เดย์จากเดือนกันยายน พฤศจิการยน 2018
จากนั้นแต่ละลีกจะมีทีมเลื่อชั้น -ตกชั้น 4 ทีม ส่วนทีมแชมป์กลุ่ม 4 ทีมของลีก A จะไปจับคู่เล่นรอบน๊อคเอาท์กันแบบเหย้า-เยือน ในเดือนกรกฎาคม 2019 ตามด้วยนัดชิงอันดับสามและชิงชนะเลิศ ซึ่งจะจัดขึ้นในสนามของหนึ่งในทีมเข้าชิงต่อไป และ 4 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มจะผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูโร 2020 โดยทันที
...http://sport.trueid.net/detail/106634
สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เปิดตัว เนชันส์ ลก แบ่ง 55 ชาติในยุโรป เป็น 4 ลีก โดยจะแข่งกันในช่วง กันยายนถึงพฤศจิกายน เริ่ม ปี 2018 หลังศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนยุโรป ทางยูฟ่าจะนำคะแนนค่าสัมประสิทธธิ์ของทั้ง ๔๔ ชาติ มาแบ่งออเป็น 4 ลีกตามลำดับ โดย 12 อันดับที่ดีที่สุดจะอยู่ในลีก A ตามด้วย 12 อันดับต่อมาในลีก B 15 ทีมถัดมาอยู่ในลีก C และ 16 ทีมคะแนนต่ำสุดอยู่ในกลุ่ม D ซึ่งจะแบ่งลีกำห้ตามนี้
ลีก A : เยอรมัน โปรตุเกส สเปน. อิตาลี. อังกฤษ. ไอซ์แลนด์. เบลเยียม, สวิสเซอร์แลนด์, โครเอเชีย, เนเธอร์แลนด์
ลีก B : ออสเตรีย, เวลส์, รัสเซีย, สโลวาเกีย, สวีเดน, ยูเครน, ไอร์แลนด์, ประเทศบอสเนียและเออร์เซโกวีนา, ไอซ์แลนด์เหนือ, เดนมาร์ก, สาธารณรัฐเช็ก, ตุรกี
ลีก C : ฮังการี โรมาเนีย, สกอตแลนด์, สโลวาเนีย, กรีซ, เซอร์เบีย, แอลเบเนีย, นอร์เวย์, มอนเตเนโกร, อิสราเอล, บับแกเรีย, ฟินแลนด์, ไซปรัส, เอสโตเนีย, ลิธัวเนีย
ลีก D : อาเซอร์ไบจาน, มาซิโเนีย, เบลารุส, อาร์เมเนี, อัตเวีย, หมู่เกาะแฟโร, ลักเซมเบิร์ก, คาซัดสถาน, มอลโดวา, ลิกเตนสไตน์, มอลต้า, อันดอร์รา, โคโซโว, ซาน มาริโน, ยิบรอนตาร์
ทั้ง 4 ลีกจะทำการจับฉลาแแบ่งเป็ลีกละสี่กลุ่ม กลุ่มละ 3-4 ทีม ในวันที่ 24 มกราคม 2018 จากนั้นจะทำการแข่งขันกัน 6 แมตช์เดย์จากเดือนกันยายน พฤศจิการยน 2018
จากนั้นแต่ละลีกจะมีทีมเลื่อชั้น -ตกชั้น 4 ทีม ส่วนทีมแชมป์กลุ่ม 4 ทีมของลีก A จะไปจับคู่เล่นรอบน๊อคเอาท์กันแบบเหย้า-เยือน ในเดือนกรกฎาคม 2019 ตามด้วยนัดชิงอันดับสามและชิงชนะเลิศ ซึ่งจะจัดขึ้นในสนามของหนึ่งในทีมเข้าชิงต่อไป และ 4 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มจะผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูโร 2020 โดยทันที
...http://sport.trueid.net/detail/106634
วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561
UEFA Champions League
ยูฟ่าแชมเปี่ยนส์ลีก ชือเดิม ยูโนเปี่ยนคัฟ เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสโมสรต่างๆ ภายในทวีปยุดรป ซึงจัดการแข้งขันโดยสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า)
ยูฟ่า หรือสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป เป็นองค์กรที่ควบคุมการแข่งขันฟุตบอลในทวีปยุโรป จัดการเกี่ยวกับทีมฟุตบอล เงินรางวัล กฎระเบียบ รวมถึงลิขสิทธิืในการถ่ายทอดฟุตบอลยูฟ่า เป็น 1 ใน 6 สมาคมที่จัดการแข่งขันฟุตบอลทั่วโลกของฟีฟ่า ยูฟ่าก่อตั้งเมื่อ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2497 ที่เมือง บิเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เริ่มการแข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเมือปี ค.ศ. 1992 โดยทีัมที่ได้อันดับที่ 1-3 ในแต่ละลีกจะได้ไปแข่งโดยอัตโนมัติส่วนที่ 4 จะได้ไปเพลย์ออฟรอบสุดท้ายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของแต่ละลีกเช่นกันจากการจัดอันดับคะแนนลีกของยูฟ่า
ลักษณะของการแข่งขันรายการนี้จะเป็นการนำทีมที่มีคะแนนสะสมมากที่สุดของแต่ละลีกสูงสุดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรปมาแข่งขันกัน โดยพิจารณาออกมาเป็นโควตาของแต่ละลีก พรีเมียร์ลีกของอังกฤษ, ลาลีกาของสเปน และบุนเดสลิกา ของเยรมัน มีโควตาสี่ทม ส่วนเซเรียอาของอตาลีมีโควตาสามทีมเป้นต้น ทั้งนี้ สโมสรที่ชนะเลิศมากที่สุดคือ เรอัลมาดริค (สเปน 12 ครั้ง) อันดับสองคือ เอซีมิลาน (อิตาลี, 7 ครั้ง) อันดับสามคือ ลิเวอร์พูล (อังกฤษ 5 ครั้ง) โดยสโมสรที่ชนะเลิส 3 สมัยติดต่อกันหรือชนะเลิศครบ 5 สมัย จะได้รับถ้วยรางวัลไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสร เช่นเดียวกับถ้วยรางวัลอื่นๆ ของยูฟ่า โดยที่เรอัลมาดริคได้ไปเมื่อ ค.ศ. 1958, อายักซื (ค.ศ.1975) บาเยิร์นมิวนิก (ค.ศ. 1976) , เอซีมิลาน (ค.ศ. 1994) และลิเวอร์พูล (ค.ศ. 2005) บาเซโลน่า (ค.ศ. 2015)
ปัจจุบันในฤดูกาล 2016-17 สโมสรที่ชนะเลิศคือ เรอัลมาดริค และเป็นแชมป์สมัยที่สิบสองในรายการนี้ โดยเอาชนะยูเวนตุส ไป 4-1 ในช่วง 90 นาที ในนัดชิงชนะเลิศ 2017
การแข่งขันรายการนี้ ใช้ชื่อว่ายูโรเปี่ยนแชมเปียนคลับส์คัฟ หรือ ชื่อย่อว่า ยูโรเปียนคัพ เร่ิมขึ้นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1955 จากคำแนะนำของกาเบรียล อาโน ผุ้สื่อข่าวกีฬาชาวฝรั่งเศสและบรรณาธิการหนังสือพิพ์เลกิป โดยการแข่งขันเร่ิมต้นขชึ้นในฤดูกล 1955-56 โดยจัดการแข่งขันแบบเหย้าและเยือน ซึ่งกำหนดให้ทีมชนะเลิสในลีกสูงสุดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรป จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ จนกระทั้งใน ค.ศ. 1992 ยูฟ่าประการเปลียนชื่อรายการยูโรเปียนคัฟมาเป็นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงระบบการแข่งขัน ให้ทีมอันดับรองลงไปของแต่ละลีกสามารถเข้าแข่งขันได้ ซึ่โควตาของแต่ละลีกจะมากน้อยอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับค่าสัมประสิทธิ์ของประเทศนั้นๆ ในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรป
การจัดการแข่งขัน
ในการจัดการแข่งขัน สโมสรที่ชนะยูฟ่าแชมเปี่ยนส์ลีกจะได้สิทธิ์ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและไดอยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติ รวมถึง 7 สดมสรที่เป็นแชมป์ของลีกที่อยุ่ในอันดับที่ 1-7ก็จะได้สิทธิ์ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน แต่ถ้า สโมสรที่ชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นแชมป์ของลีกที่อยู่ในอันดับที่ 1-7 จะให้สโมสรที่เป็นแชมป์ชองลีกที่อยุ่ในอันดับที่ 8 มาเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติแทนhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%81
ยูฟ่า หรือสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป เป็นองค์กรที่ควบคุมการแข่งขันฟุตบอลในทวีปยุโรป จัดการเกี่ยวกับทีมฟุตบอล เงินรางวัล กฎระเบียบ รวมถึงลิขสิทธิืในการถ่ายทอดฟุตบอลยูฟ่า เป็น 1 ใน 6 สมาคมที่จัดการแข่งขันฟุตบอลทั่วโลกของฟีฟ่า ยูฟ่าก่อตั้งเมื่อ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2497 ที่เมือง บิเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เริ่มการแข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเมือปี ค.ศ. 1992 โดยทีัมที่ได้อันดับที่ 1-3 ในแต่ละลีกจะได้ไปแข่งโดยอัตโนมัติส่วนที่ 4 จะได้ไปเพลย์ออฟรอบสุดท้ายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของแต่ละลีกเช่นกันจากการจัดอันดับคะแนนลีกของยูฟ่า
ลักษณะของการแข่งขันรายการนี้จะเป็นการนำทีมที่มีคะแนนสะสมมากที่สุดของแต่ละลีกสูงสุดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรปมาแข่งขันกัน โดยพิจารณาออกมาเป็นโควตาของแต่ละลีก พรีเมียร์ลีกของอังกฤษ, ลาลีกาของสเปน และบุนเดสลิกา ของเยรมัน มีโควตาสี่ทม ส่วนเซเรียอาของอตาลีมีโควตาสามทีมเป้นต้น ทั้งนี้ สโมสรที่ชนะเลิศมากที่สุดคือ เรอัลมาดริค (สเปน 12 ครั้ง) อันดับสองคือ เอซีมิลาน (อิตาลี, 7 ครั้ง) อันดับสามคือ ลิเวอร์พูล (อังกฤษ 5 ครั้ง) โดยสโมสรที่ชนะเลิส 3 สมัยติดต่อกันหรือชนะเลิศครบ 5 สมัย จะได้รับถ้วยรางวัลไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสร เช่นเดียวกับถ้วยรางวัลอื่นๆ ของยูฟ่า โดยที่เรอัลมาดริคได้ไปเมื่อ ค.ศ. 1958, อายักซื (ค.ศ.1975) บาเยิร์นมิวนิก (ค.ศ. 1976) , เอซีมิลาน (ค.ศ. 1994) และลิเวอร์พูล (ค.ศ. 2005) บาเซโลน่า (ค.ศ. 2015)
ปัจจุบันในฤดูกาล 2016-17 สโมสรที่ชนะเลิศคือ เรอัลมาดริค และเป็นแชมป์สมัยที่สิบสองในรายการนี้ โดยเอาชนะยูเวนตุส ไป 4-1 ในช่วง 90 นาที ในนัดชิงชนะเลิศ 2017
การแข่งขันรายการนี้ ใช้ชื่อว่ายูโรเปี่ยนแชมเปียนคลับส์คัฟ หรือ ชื่อย่อว่า ยูโรเปียนคัพ เร่ิมขึ้นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1955 จากคำแนะนำของกาเบรียล อาโน ผุ้สื่อข่าวกีฬาชาวฝรั่งเศสและบรรณาธิการหนังสือพิพ์เลกิป โดยการแข่งขันเร่ิมต้นขชึ้นในฤดูกล 1955-56 โดยจัดการแข่งขันแบบเหย้าและเยือน ซึ่งกำหนดให้ทีมชนะเลิสในลีกสูงสุดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรป จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ จนกระทั้งใน ค.ศ. 1992 ยูฟ่าประการเปลียนชื่อรายการยูโรเปียนคัฟมาเป็นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงระบบการแข่งขัน ให้ทีมอันดับรองลงไปของแต่ละลีกสามารถเข้าแข่งขันได้ ซึ่โควตาของแต่ละลีกจะมากน้อยอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับค่าสัมประสิทธิ์ของประเทศนั้นๆ ในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรป
การจัดการแข่งขัน
ในการจัดการแข่งขัน สโมสรที่ชนะยูฟ่าแชมเปี่ยนส์ลีกจะได้สิทธิ์ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและไดอยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติ รวมถึง 7 สดมสรที่เป็นแชมป์ของลีกที่อยุ่ในอันดับที่ 1-7ก็จะได้สิทธิ์ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน แต่ถ้า สโมสรที่ชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นแชมป์ของลีกที่อยู่ในอันดับที่ 1-7 จะให้สโมสรที่เป็นแชมป์ชองลีกที่อยุ่ในอันดับที่ 8 มาเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติแทนhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%81
วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561
European Football Championship
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือที่นิยมเรียกทั่วไปว่า ฟุตบอลยูโรเป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญที่สุดของทีมชาติในทวีปยุโรป ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยู฿ฟ่า) และจะห่างจากการแข่งขันฟุตดบอลโลกของฟีฟ่า 2 ปี เร่ิมแข่งขันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) ในขชื่อรายการว่า ยูโรเปี่ยนเนชันส์คับ จากแนวคิดของ อองรี เอดโลเนย์ เลขาธิการสหพันะ์ฟุตบอลฝรั่งเศส ขณะนั้น ทั้งนี้การแข่งขัน 5 ครั้งแรก ที่ทีมชาติร่วมแข่งขัน รอบสุดท้ายเพียง 4 ต่อมาตั้งแต่การแข่งขันครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) เปลี่ยนชือการแชข่งขันเป็น ยูโรเปียนฟุตบอลเชมเปี่ยนชิพ ดังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และในครั้งที่ 6 พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) มีทีมชาติเข้าแข่งรอบสุดท้าย เพิ่มเป็น 8 ประเทศ ส่วนการแข่งขันนัดชิงลำดับที่สาม ยกเลิกไปในคร้งที่ 7 พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984 ) จากนั้นในครั้งที่ 10 เมื่อปี พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996 เพ่ิมจำนวนเป็น 16 ประเทศ ในรอบสุดท้ายและในครั้งที่ 15 ซึ่งจะจัดขึ้นไปี พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) ทีมชาติในรอบสุดท้ายจะเพ่ิมขึ้นเป็น 24 ประเทศ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B
..
ฟุตบอบชิงแชมป์แห่งชาิตยุโรป หรือที่นิยมเรียกทั่วไปว่า ฟุตบอบยูโรเป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญที่สุดของทีมขชาติในทวีปยุโรป ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยสมาคมฟุตบอลยูโรป (ยูฟ่าและจะห่างจากการแข่งขันฟุตบอลโลกของฟีฟ่า 2 ปี
ในปี 1964 ได้มีปัญหาขัดแย้งทางการเมืองเข้ามายุ่งเหี่ยวในเกมกีฆา เมื่อ กรีซ ปฏิเสธที่จะเล่น กับ แอลเบเนีย หลังมีสงครามระหว่างประเทศโดยการเล่นรอบชิงชนะเลิศ จัดที่กรุงมาตริด ประเทศสเปน และแชมป์ก็ตกเป็นของเจ้าภาพท่เอาชนะ สหภาพโซเวียต 2-1 จากนั้นในปี 1968 ได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันจากฟุตบอลยูโรเปี่ยน เนชั่นส์ มาเป็น ยูฟ่า ยูโรเปียน แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันเป็นแบบแบ่งกลุ่มโดยมี 8 สาย และแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะเข้ามาเล่นนรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ต้องแข่ง 2 นัด ก่อนเข้ารอบตัดเชือก โดยแชมป์ครั้งนี้เป็นของเจ้าภาพ อิตาลี
ยูโร 1980 เร่ิมใช่ระบบการแข่งแบบใหม่ 8 ที่มจะต้องมาเล่นรอบสุดท้าย ที่ประเทศอิตาล และแบ่งการเล่นออกเป็น 2 กลุ่ม นำแชมป์ของแต่ละกลุ่มมาเล่นรอบชิงขนะเลิศ ซึ่งปรากฎว่า เยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ไปครองหลังเฉือนชนะ เบลเยี่ยม 2-1 กระทั่งในศึกยูโร 1984 ที่
ฝรั่งเศส มีการเปลี่ยนระบบการแข่งขันให้ 2 ทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของทั้ง 2 กลุ่ม เข้ามาเล่นในรอบ ตัดเชือก และในที่สุดเจ้าบ้านซึ่งนำทีม
โดย มิเชล พลาตินี ก็ชนะ สเปน 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับคว้าแขมป์ได้อย่างงดงาม จากนั้นในปี 1988 เยอมันตะวันตก ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภพจัดการแช่งขัน โดยใช้รูปแบบเหมือนครั้งที่ผ่านม อย่างไร
ก็ตาม แผนบอลเมืองเบียร์ต้องผิดหวัง ปล่อยหัย ฮอลแลนด์ ที่มีนักตะชั้นเี่ยมอย่าง มาร์โก แวน บาสเท่าน, แฟร้ง ไรจ์การ์ด และ รุด กุลลิท คว้าแชมป์ไปครอง ปี 1992 ที่สวีเดน ได้เกิดตำนานเทพนิยายเดนส์ขึ้นมา หลัีงจากทีมชาติเดนมาร์ก ได้เข้าร่วมการแข่งขันกระทันหัน เนื่องจาก ยูโกสลาเวียถูกตัดสิทธิ์ และสามารถ สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมและคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างเหลือเชื้อทีั้งที่มีเวลา เตรียมตัวไม่นานนัก
ยูโร 1996 ทีอังกฤษ ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันอักคร้ง ดยมี 16 ทีมเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย ซึงแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มๆละ 4 ทีม และ 2 อันดับแรกของแต่ละสายจะได้เข้ามาเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นอกจากนั้น ยังมีการนำกฎ โกลเด้นโกล์มาใช้ครั้งแรกอีกด้วย และกฎนี้ก็ได้ใช้ตัดสินในรอบชิงชนะเลิศทัที่ ดดยที่ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ ชาวเยอมัน ยิงเข้าประตู ด้วยกฎโกลเด้นโกลนี้ ชนะสาธารณะรัฐเชค 2-1
จากนั้นในปี 2000 เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วมโดยเ เบลเยียมและฮอลเแลนด์ รับหน้าที่คู่กัน จุดไคลแมกซ์ของการแข่งขัน คั้งนี้อยู่ที่ากรทำประตูโกลเด้นโกล์ของ ดาวิด เทรเซเก็ต์ ที่พาฝรั่งเศส เอาชนะ อิตาลี พร้อมกับคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยอดเยี่ยม การชิงชัย 11 สมัยที่ผ่านมา ทำให้ฟุต่บอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลพูดกันว่าเพียงเติมบราซิล และอาร์เจนตินาลงไปในบรรดาทีมที่เข้ารอบสุดท้ายของศึกยูโรแต่ละครั้งเราก็จะพบกับฟุดบอลโลกอีกเวอร์ชั้นดีๆ นี้เอง...http://ict.prd.go.th/ewt/region8/ewt_news.php?nid=646&filename=jic
..
ฟุตบอบชิงแชมป์แห่งชาิตยุโรป หรือที่นิยมเรียกทั่วไปว่า ฟุตบอบยูโรเป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญที่สุดของทีมขชาติในทวีปยุโรป ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยสมาคมฟุตบอลยูโรป (ยูฟ่าและจะห่างจากการแข่งขันฟุตบอลโลกของฟีฟ่า 2 ปี
ในปี 1964 ได้มีปัญหาขัดแย้งทางการเมืองเข้ามายุ่งเหี่ยวในเกมกีฆา เมื่อ กรีซ ปฏิเสธที่จะเล่น กับ แอลเบเนีย หลังมีสงครามระหว่างประเทศโดยการเล่นรอบชิงชนะเลิศ จัดที่กรุงมาตริด ประเทศสเปน และแชมป์ก็ตกเป็นของเจ้าภาพท่เอาชนะ สหภาพโซเวียต 2-1 จากนั้นในปี 1968 ได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันจากฟุตบอลยูโรเปี่ยน เนชั่นส์ มาเป็น ยูฟ่า ยูโรเปียน แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันเป็นแบบแบ่งกลุ่มโดยมี 8 สาย และแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะเข้ามาเล่นนรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ต้องแข่ง 2 นัด ก่อนเข้ารอบตัดเชือก โดยแชมป์ครั้งนี้เป็นของเจ้าภาพ อิตาลี
ยูโร 1980 เร่ิมใช่ระบบการแข่งแบบใหม่ 8 ที่มจะต้องมาเล่นรอบสุดท้าย ที่ประเทศอิตาล และแบ่งการเล่นออกเป็น 2 กลุ่ม นำแชมป์ของแต่ละกลุ่มมาเล่นรอบชิงขนะเลิศ ซึ่งปรากฎว่า เยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ไปครองหลังเฉือนชนะ เบลเยี่ยม 2-1 กระทั่งในศึกยูโร 1984 ที่
ฝรั่งเศส มีการเปลี่ยนระบบการแข่งขันให้ 2 ทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของทั้ง 2 กลุ่ม เข้ามาเล่นในรอบ ตัดเชือก และในที่สุดเจ้าบ้านซึ่งนำทีม
โดย มิเชล พลาตินี ก็ชนะ สเปน 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับคว้าแขมป์ได้อย่างงดงาม จากนั้นในปี 1988 เยอมันตะวันตก ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภพจัดการแช่งขัน โดยใช้รูปแบบเหมือนครั้งที่ผ่านม อย่างไร
ก็ตาม แผนบอลเมืองเบียร์ต้องผิดหวัง ปล่อยหัย ฮอลแลนด์ ที่มีนักตะชั้นเี่ยมอย่าง มาร์โก แวน บาสเท่าน, แฟร้ง ไรจ์การ์ด และ รุด กุลลิท คว้าแชมป์ไปครอง ปี 1992 ที่สวีเดน ได้เกิดตำนานเทพนิยายเดนส์ขึ้นมา หลัีงจากทีมชาติเดนมาร์ก ได้เข้าร่วมการแข่งขันกระทันหัน เนื่องจาก ยูโกสลาเวียถูกตัดสิทธิ์ และสามารถ สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมและคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างเหลือเชื้อทีั้งที่มีเวลา เตรียมตัวไม่นานนัก
ยูโร 1996 ทีอังกฤษ ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันอักคร้ง ดยมี 16 ทีมเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย ซึงแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มๆละ 4 ทีม และ 2 อันดับแรกของแต่ละสายจะได้เข้ามาเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นอกจากนั้น ยังมีการนำกฎ โกลเด้นโกล์มาใช้ครั้งแรกอีกด้วย และกฎนี้ก็ได้ใช้ตัดสินในรอบชิงชนะเลิศทัที่ ดดยที่ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ ชาวเยอมัน ยิงเข้าประตู ด้วยกฎโกลเด้นโกลนี้ ชนะสาธารณะรัฐเชค 2-1
จากนั้นในปี 2000 เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วมโดยเ เบลเยียมและฮอลเแลนด์ รับหน้าที่คู่กัน จุดไคลแมกซ์ของการแข่งขัน คั้งนี้อยู่ที่ากรทำประตูโกลเด้นโกล์ของ ดาวิด เทรเซเก็ต์ ที่พาฝรั่งเศส เอาชนะ อิตาลี พร้อมกับคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยอดเยี่ยม การชิงชัย 11 สมัยที่ผ่านมา ทำให้ฟุต่บอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลพูดกันว่าเพียงเติมบราซิล และอาร์เจนตินาลงไปในบรรดาทีมที่เข้ารอบสุดท้ายของศึกยูโรแต่ละครั้งเราก็จะพบกับฟุดบอลโลกอีกเวอร์ชั้นดีๆ นี้เอง...http://ict.prd.go.th/ewt/region8/ewt_news.php?nid=646&filename=jic
วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561
Defender of the world organization
องค์กรโลกบาล เป็นเรื่องที่่นักวิชาการพูดกันมานานแล้ว ส่่วนมากจะพูดถึงการที่องค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆมีบทบาทในการกำหนดวิถีความเป็นไปของประเทศต่าง ๆในโลกและมักจะมองไปที่องค์การสหประชาชาติ และองค์กรในกำกับของสหประชาชาติ ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย กลุ่มนี้ได้รับการอุดหนุนจากประเทศตะวันตกและเอเชียตะวันออกเช่นญี่ปุ่น เป็นต้น
ในปัจจุบันมีองค์กรใหม่ๆ ของฝ่ายทางเลือกทีไม่ต้องการอยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตก เช่นจีนก็ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนดครงสร้างเพื้นฐานแห่งเอเชียขึ้นและพยายามนำเงินหยวนเข้าเป้นส่วนหนึ่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศจนสำเร็จ รวมถึงความคิดเรื่องพันธบัตรเอเชียหรือการแลกเปลี่ยนเงินโดยไม่อิงเงินสกุลดออล่าร์
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตัวอย่างเช่น ฟรีเมสันและ อิลูมินาติ ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญๆ ของโลกใบนี้ ซึ่งเป็นเพียงข่าวลือหรือเป็นทฤษฎีสมคบคิดเท่่านั้น
หลังสงครามดลกครั้งที่ ๒ ประเทศต่างๆ พายามที่จะใช้องค์กรโลกบาล โดยเบื้องต้นคือสันนิบาตชาติและสหประชาชาติเพื่อเป็นเวทีในการแก้ไขความขัอแย้งโดยหวังว่าโลกจะมีมาตรฐานความศิวิไลซืประมาณเดียวกัน เพื่อมิให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงอย่างที่ผ่านมา
ยุคสมัยปัจจุบัน ทั้งสหประชาชติ สมาชิกองค์กรสังกัดสหประชาชติ หรือ องค์กรฝ่ายทางเลือกของจีนเอง ต่างก้ฒีการขับเคลื่อนที่เป็นยุทธศาสรตร จะเห็นได้ว่า โดยอิทธิพลขององค์โลกบาลนี้ จะทำให้ผุ้นำประเทศ ต่างๆ แม้ประเทศใหญ่ๆ เมื่อจะตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ต้องทำไปอย่างสอดคล้องกับระบบโลก เช่น ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องตัดสินใจให้สอดคล้องกับระบบกลไกขององค์กรโลกบาลนี้ ก็จะถูกมาตราการต่างๆ ขององค์โลกบาลนี้ตลอดจนกระการส่งกองกำลังเขาไปยังประเทศนัั้น เช่น เกาหลีเหนือเป็นต้น
ทิศทางขององค์กรโลกบาลเหล่านี้ หากพิจารณเหดุผลที่เกิดขึนแล้ว พบว่ามีเป้าหมายในการสร้างสมดุลในโลกนี้ไม่ว่าะเรื่องมารตรฐานสากลในเรื่องต่างๆ มสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ไปจนถึงการสร้างสมดุลของประชากร
องค์กรเหล่านี้อาจจะยังไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่าง โดยตรง แต่เมื่อไหร่ที่มีกิจกรรมที่จะมีผลกระทบต่อสังคมโลก เช่นกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การรุกรานหรือการกระทพกระทั่งในเรื่องเขตแดนที่อาจลุกลามเป็นเหตุใหญ่ องค์กรเหล่านี้จะเข้ามาเกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็น ซึ่งก็บรรลุผลตามเป้าหมายบ้าง ไม่บรรลุผลบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทำได้ยากที่องค์กรอย่างสหประชาชาติต้องประสานประโยชน์กับหลายฝ่ายและต้องเคารพอธิไตยของแต่ละประเทศ
องค์กรโลกบาล หรือการปกครองโลกโดยองค์กรระดับใหญ่อย่างนี้ คงยังไม่่เกิดขึ้นง่ายๆ แต่จะมีความพยายามกันอยุ่ตลอดเวลาตั้งแต่การรวมตัวเป็นสหภาพยุโรป ซึ่งในเวลานี้อาจมีแค่ไม่ชาติในโลกที่พอจะมีเทคโนโลยีและเงินทุนพอที่จะร่วมมือกันเรื่องต่างๆ เป็นกลุ่มขนาดใหญ่ได้ ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป รัสเซีย จีน
การล่มสลายของอาณาจักรใหญ่ๆ ต่างๆ ในอดีตเกิดจากการแข่งขันแย่งชิงอำนาจในกลุ่มเกินขอบเขต รวมอำนาจอยู่ทีคนคนเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาณาจักรต่างๆ ในอดีตล่มสลายอยางมากมาย เศรษฐกิจก็เป็นเรืองสำคัญหากอาณาจักรใดไม่สามารถดูแลตนเองในเรื่องเศรษฐกิจได้แล้วก็จะต้องล้มลงในที่สุด การปกครองภายในก็เป็นเรื่องจำเป็น เป็นสิ่งที่สำคัญ องค์กรที่มีระบบการปกครอง การกระจายอำนาจให้กลุ่มย่อยๆ ต่างๆ ในระดับประเทศและภายในประเทศ เพื่อป้องกันการรวมอำนาจ และเพื่อความรวดเร็ว คล่องตัว มีประสิทธิภาพ การบริหารประเทศ กลุ่ม หรือองค์การก็จะเป็นไปอย่างได้ผล หากกล่าวโดยรวม
องค์กรโลกบาลจะมีจริงหรือไม่ มีเป้าหมายอยางไรทั้งที่ลับและที่แจ้ง อย่างน้อยสหประชาชาติและการรวมกลุ่มอาเซียน และข้อตกลงทางการต้าต่างๆ ก็มีพื้นฐานให้ติดตามกันได้ สิ่งเหล่านี้ลำพังประเทศเดียวไม่อาจแข็งขืนได้ มีการวมกลุ่มกันจึงจะเข้มแข็ง และสุดท้ายองค์การโลกบาลจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของอนาคตโลก...
บางส่วนจาก องค์กรโลกบาล โดย พลโท ดร. พงศกร รอดชมภู : มติชนสุดสัปดาห์ พุทที่ 19 เมษkยน พ.ศ. 2560
ในปัจจุบันมีองค์กรใหม่ๆ ของฝ่ายทางเลือกทีไม่ต้องการอยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตก เช่นจีนก็ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนดครงสร้างเพื้นฐานแห่งเอเชียขึ้นและพยายามนำเงินหยวนเข้าเป้นส่วนหนึ่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศจนสำเร็จ รวมถึงความคิดเรื่องพันธบัตรเอเชียหรือการแลกเปลี่ยนเงินโดยไม่อิงเงินสกุลดออล่าร์
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตัวอย่างเช่น ฟรีเมสันและ อิลูมินาติ ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญๆ ของโลกใบนี้ ซึ่งเป็นเพียงข่าวลือหรือเป็นทฤษฎีสมคบคิดเท่่านั้น
หลังสงครามดลกครั้งที่ ๒ ประเทศต่างๆ พายามที่จะใช้องค์กรโลกบาล โดยเบื้องต้นคือสันนิบาตชาติและสหประชาชาติเพื่อเป็นเวทีในการแก้ไขความขัอแย้งโดยหวังว่าโลกจะมีมาตรฐานความศิวิไลซืประมาณเดียวกัน เพื่อมิให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงอย่างที่ผ่านมา
ยุคสมัยปัจจุบัน ทั้งสหประชาชติ สมาชิกองค์กรสังกัดสหประชาชติ หรือ องค์กรฝ่ายทางเลือกของจีนเอง ต่างก้ฒีการขับเคลื่อนที่เป็นยุทธศาสรตร จะเห็นได้ว่า โดยอิทธิพลขององค์โลกบาลนี้ จะทำให้ผุ้นำประเทศ ต่างๆ แม้ประเทศใหญ่ๆ เมื่อจะตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ต้องทำไปอย่างสอดคล้องกับระบบโลก เช่น ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องตัดสินใจให้สอดคล้องกับระบบกลไกขององค์กรโลกบาลนี้ ก็จะถูกมาตราการต่างๆ ขององค์โลกบาลนี้ตลอดจนกระการส่งกองกำลังเขาไปยังประเทศนัั้น เช่น เกาหลีเหนือเป็นต้น
ทิศทางขององค์กรโลกบาลเหล่านี้ หากพิจารณเหดุผลที่เกิดขึนแล้ว พบว่ามีเป้าหมายในการสร้างสมดุลในโลกนี้ไม่ว่าะเรื่องมารตรฐานสากลในเรื่องต่างๆ มสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ไปจนถึงการสร้างสมดุลของประชากร
องค์กรเหล่านี้อาจจะยังไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่าง โดยตรง แต่เมื่อไหร่ที่มีกิจกรรมที่จะมีผลกระทบต่อสังคมโลก เช่นกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การรุกรานหรือการกระทพกระทั่งในเรื่องเขตแดนที่อาจลุกลามเป็นเหตุใหญ่ องค์กรเหล่านี้จะเข้ามาเกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็น ซึ่งก็บรรลุผลตามเป้าหมายบ้าง ไม่บรรลุผลบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทำได้ยากที่องค์กรอย่างสหประชาชาติต้องประสานประโยชน์กับหลายฝ่ายและต้องเคารพอธิไตยของแต่ละประเทศ
องค์กรโลกบาล หรือการปกครองโลกโดยองค์กรระดับใหญ่อย่างนี้ คงยังไม่่เกิดขึ้นง่ายๆ แต่จะมีความพยายามกันอยุ่ตลอดเวลาตั้งแต่การรวมตัวเป็นสหภาพยุโรป ซึ่งในเวลานี้อาจมีแค่ไม่ชาติในโลกที่พอจะมีเทคโนโลยีและเงินทุนพอที่จะร่วมมือกันเรื่องต่างๆ เป็นกลุ่มขนาดใหญ่ได้ ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป รัสเซีย จีน
การล่มสลายของอาณาจักรใหญ่ๆ ต่างๆ ในอดีตเกิดจากการแข่งขันแย่งชิงอำนาจในกลุ่มเกินขอบเขต รวมอำนาจอยู่ทีคนคนเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาณาจักรต่างๆ ในอดีตล่มสลายอยางมากมาย เศรษฐกิจก็เป็นเรืองสำคัญหากอาณาจักรใดไม่สามารถดูแลตนเองในเรื่องเศรษฐกิจได้แล้วก็จะต้องล้มลงในที่สุด การปกครองภายในก็เป็นเรื่องจำเป็น เป็นสิ่งที่สำคัญ องค์กรที่มีระบบการปกครอง การกระจายอำนาจให้กลุ่มย่อยๆ ต่างๆ ในระดับประเทศและภายในประเทศ เพื่อป้องกันการรวมอำนาจ และเพื่อความรวดเร็ว คล่องตัว มีประสิทธิภาพ การบริหารประเทศ กลุ่ม หรือองค์การก็จะเป็นไปอย่างได้ผล หากกล่าวโดยรวม
องค์กรโลกบาลจะมีจริงหรือไม่ มีเป้าหมายอยางไรทั้งที่ลับและที่แจ้ง อย่างน้อยสหประชาชาติและการรวมกลุ่มอาเซียน และข้อตกลงทางการต้าต่างๆ ก็มีพื้นฐานให้ติดตามกันได้ สิ่งเหล่านี้ลำพังประเทศเดียวไม่อาจแข็งขืนได้ มีการวมกลุ่มกันจึงจะเข้มแข็ง และสุดท้ายองค์การโลกบาลจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของอนาคตโลก...
บางส่วนจาก องค์กรโลกบาล โดย พลโท ดร. พงศกร รอดชมภู : มติชนสุดสัปดาห์ พุทที่ 19 เมษkยน พ.ศ. 2560
วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
Secret organization
องค์กรฟรีเมสัน เป็นองกรภราดรภาพ ที่มีที่มของเบื้องหลังอันลึกลับตั้งแต่รวมปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 องค์รพรีเมสันในปัจจุบันมีด้วยกันหลายรูปแบบในประเทศต่างๆ ทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดองค์กรฟรีเมสันจะถือปรัชญาจริยธรรมและอภิปรัชญาเดียวกันที่ในเกือบทุกรณีก็จะเป็นการประกาศธรรมนูญของความเชื่อใน "ผู้เหนือสิ่งทั้งปวง" ( Supreme Being)
ฟรีเมสันจัดระบบบริหารเป็นหน่วยที่เรียกว่า "แกรด์ลอดจฺ" หรือ "แกรด์โอเรียนท์" แต่ละหน่วยก็จะมีอำนาจบริหารเครื่องข่ายของตนเอง ที่ประกอบด้วยหน่วยย่อยหรอื แกรนด์ลอดจ์ บ่งตนเองระหว่างกันได้โดยกระบวนการที่เรียว่า "บัญญัติเมสัน" และ "ระเบียบเมสัน" นอกจากนั้นก็ยังมี "องค์กรเมสันย่อย" ที่มีคสามสัมพันะืกันองค์กรหฃลักแต่มีระบบการบริหารของตนเอง
องค์กรฟรีเมสัน ใช้อุลักาณ์ ของเครื่องมือช่างหินและวัดโซโลมอนที่ทั้งสมาชิกขององค์กรและผู้วิพากษ์กล่าวว่า เป็น "ระบบของจรียธรรมที่พางอยู่เบื้องหลังอุปมานิทัศน์ ที่ออกมาในรูปของสัญลักษณ์"
องค์กรผรีเมสัน เป็นองค์กรภราดรภาพ ที่มีประวัติความมายาวนานย้อนไปถึงต้นกำเนิดคือ องค์กรภราดรภาพของพวกช่างหินตามท้องถิ่นต่างๆ เมื่ปลายศตวรรษที่ 14 ที่มีหน้าที่คอยควบคุมดุแลมาตรฐานฝีมือการทำงานของพวกช่างหิน และเป็นองค์กรกลางท่คอยประสานงานกับผู้ปกครอง และลูกค้าของพวกเขา ระดับขั้นของฟรีเมสัน แบ่งออกเป็นสามระดับ ตามระดับการแบ่งฝีมือของช่างหินโดยสมาคมช่างหิน ในยุคกลางของยุโรป ดังนี้ ช่างฝึกหัน ช่างฝีมือและนายช่าง เป็นผู้ที่มีฝีมือโดดเด่น และได้รับเลือกจากสมาชิกสมาคมใหเป็นผุ้นำ ในปัจจุบันองค์กรฟรีเมสัน ที่เราเรียกว่า Blue Lodge ซึ่งเป็นองค์กรฐานรากของฟรีเมสันเป็นผุ้แต่งตั้งระดับเหล่านี้ให้กับสมาชิก นอกจากนี้ยังมี ระดบเพ่ิมเติมไปอีกหลายระดับ แตกต่างกันไปตาม พื้นที่ปกครองของ แกรนด์ ลอร์ด ต่างๆ โดยระดับเพิ่มเติมนี้มักจะตั้งองค์กรของตัวเองควบคุมขึ้นมาโดยเฉพาะ
โดยพื้นฐานแล้ว หน่วยที่เล็กท่สุดของฟรีเมสัน คือ สภาวรีเมสันท้องถ่ิน หรือเรียกว่า ลอดจ์ โดยจะถูกกำกับดูแล ดย สภาฟรีเมสันระดับภาค หรือประเทศ หรือเรียกว่า แกรนด์ลอดจ์ หรือแกรนด์ โอเรียนท์ โดยส่วนมก แบ่งพื้นที่เป็นประเทศ จังหวัด แคว้น หรือมลรัฐ โดยไม่มีองค์กรกลางระดับนานาชาติที่เข้ามาควบคุมหรือเป็นตัวแทนของฟรีเมสันทั้งหมด โดยแต่ละแกรด์ลอดจ์ มอิสระที่จะกำหนดข้อกำหนดเอง และมีสิทธิ์ที่จะรับรู้รับรองการมีอยู่ของแกรด์ลอดจ์ อื่นๆ โดยอิสระ
ในปัจจุบัน องค์กรฟรีเมสัน มีอยู่สองแบบ ด้วยกัน คือ องค์กรฟรีเมสันแบบปกติ เป็นองค์กรฟรีเมสันที่เมื่อมีการประกอบพิธีการประชุมของลอดจ์ ต้องเปิดคัมภีร์ทางศาสนา กลางห้องประชุมเสมอ อีกทั้งทุกคนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกต้องเชื่อในสิ่งที่ดำรงอู่สูงสุด (นับถือศาสนรา) ไม่รัีบสมาชิกผุ้หญิง และการพุดคุยถกเถียงกันในเรื่องการเมืองแลศาสนา ในลอดจ์ เป็นเรื่องต้งห้าม
อีกประเภทหนึ่งคือ ฟรีเมสันแบบภาคพื้น หรือเรียกว่า ฟรีเมสันแบบเสรีนิยม โดยลอดจ์ที่เป็นฟรีเมสันแบบเสรีนิยมจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบบ้างบางส่วน ที่เป็นหลักยึดถือของฟรีเมสันแบบปกติ เช่นการรบผุ้หญิง หรือผุ้มนับถือศาสนาเป็นสมาชิก หรือสมารถพูดคุยเรื่อง ศาสนาและการเมืองในลอดจ์ได้ เป็นต้น โดยฟรีเมสันแบบนี้เกิดขึ้นในภาคพื้นยุโรป คือประเทศฝรั่งเศสเป็นสำคัญ
ลอดจ์เมสัน เป็นหน่วยพื้นฐานที่สุดขององค์กรฟรีเมสัน ลอดจ์ประชุมกันสม่ำเสมอ เพื่อจักดดารกิจการต่างๆ เช่นเดียวกัองค์กรอื่นๆ ..ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังขององค์กรฟรีเมสันซึ่งผุ้ที่จะเข้าเป็นสมาชิกฟรีเมสันก็จะต้องเข้าเป็นสมาชิกในลอดเหล่านี้นี้เอง
ธรรมเนียมที่มีอย่ายาวนานของฟรีเมสัน คือ เขตการปกครองเมสัแตะละที่นั้นมีอิสระต่อกัน โดยในแต่ละเขตก็มีวิะีปฏิบัติที่แตกต่างกัน เจ้าหน้าที่ผุ้มีตำแหน่งในลอจ์ที่ได้รับเลือก หรือแต่งตั้ง มีวาระดำรงตำแหน่ง 1 ปี ทุกๆ ลอดจ์จะต้องมี ประธาน 1 คน และมีผุ้ปกครอง 2 คน เลขานุการ เหรรัญญิก และตำแหน่งผุ้ถือดาบหรือผุ้ระวังภัยภายนอกซึ่งมีหน้าที่เผ้าประตูอยู่ภายนอกห้องประชุมเพื่อระวังภัยตลอดเวลาที่ประชุม 1 คน และมีผู้ปกครอง 2 คน แลขานุการ เหรัญญิก และตำแหน่งผู้ถือกาบ หรือผู้ระวังภัยภายนอกซึ่งมีหน้าที่เผ้าประตูอยู่ภายนอกห้องประชุมเพื่อระวังภัยตลอดเวลาที่ประชุม 1 คน จึงจะป็นลอดจ์ที่สมบูรณ์ แต่ละลอดจ์ที่ยังดำเนินกาอยู่ จะยึดถือหลักการทีมีมาแต่โบราณกาลที่รู้จักกันว่า "บัญญัติเมสัน" ซึ่่งหลักการนี้ไม่สามารถถูกลล้าง และเป็นที่ยอมรับกันในระดับสากลhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99
อิลลมินาติ เป็นชื่อเรียกหลายกลุ่ม ทั้งที่เป็นตริงและแต่งขึ้น ในอดต ชื่อนั้หมายความถึง อิลลูมินตีบาลวเรีย สมาคมลับในุคเรื่องปัญญา ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1776 เป้าหมายของสมาคมคือคัดค้านความงมงาย การปิดบังข้อเท็จจริง อิทธิพลทางศาสนาเหนือชีวิตสาธารณะ และการลิเมิดอำนาจรัฐ บัญญัติทั่วไปเขียนว่า "สิ่งจำเป็นคือการทำให้อุบายของผู้ให้เกิดความอยุติธรรมยุติ เพื่อควบคุมเขาโดยไม่ครอบงำเขา ผุ้ปกครองบาวาเรีย ชาลส์ ธีโอดอร์ ออกกฤษฎีการประกาศให้อิลลูมินาตี ร่วมกับฟรีเมสัน และสมาคมลับอื่นอยู่นอกฎหมายโดยการส่งเสริมของศาสนจักรโรมันคาทอลิก ใน ค.ศ. 1784, 1785, 1787 และ1790 ในอีกหลายปีให้หลัง อิลลูมินาติถูกนักอนุรักษนิยมและนักวิจารณ์ศาสนาใส่ความอ้างว่ากลุ่มนี้ยังดำเนินการใต้ดินและรับผิดชอบต่อการปกิวัติฝรั่งเศส
ต่อมาในความมหาย "อิลลูมินาติ" ถุกใช้ในกับองค์การหลายองค์การซึ่งอ้างเหรือมีการเสนอว่ามีความเชื่อมโยงกับอิลลูมินาตีบาวาเรียเดิมหรือสมาคมลับที่คล้ายกัน แม้การเชื่อมโยงเหล่านี้้ไม่มีหลักฐานยืนยัน อิลลูมินาตีมักถูกล่าวหาว่าคบคิดเพื่อควบคุมกิจการของโลก โดยการชักใยเหตุกาณณืและวางสายลับในรัฐบาลและบริษัทเพื่อให้ได้อำนาจและอิทธิพลทางการเมืองและสถาปนาระเบียบโลกใหม่
อิลลูมินาติบาวาเรีย เป็นองค์การที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1776 ในเมืองอิงโกลชตัดท์ โดย อดัม เวียซชับท์ ศิษย์คณะเยสุอิด และเป็นศาสตราจารย์ ทางกฎหมายศาสนจักรที่เป็นฆราวาสคนแรกที่มาหวิทยาลัยอิงโกลชตัดท์
ก่อตั้งขึ้นจากนักคิดเสรีในฐนะเป็นผลพวงจากยุคเรื่องปัญญา ซึ่งนักเขียนร่วสมัยบางคนอยางเช่น เซท เพร์สัน เชื่อว่าเป็นสมคบคิดเพื่อแทรกซึ่งแลโค่มล้มรัฐบาลของหลายๆ รัฐในยุโรป ขณะที่นักเขียนบาวคนอย่าว ออกันติน บาวเลอร์ และ จอห์น โรบินสัน ได้กล่าวอ้างว่า อิลลูมินาตีอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B5
ฟรีเมสันจัดระบบบริหารเป็นหน่วยที่เรียกว่า "แกรด์ลอดจฺ" หรือ "แกรด์โอเรียนท์" แต่ละหน่วยก็จะมีอำนาจบริหารเครื่องข่ายของตนเอง ที่ประกอบด้วยหน่วยย่อยหรอื แกรนด์ลอดจ์ บ่งตนเองระหว่างกันได้โดยกระบวนการที่เรียว่า "บัญญัติเมสัน" และ "ระเบียบเมสัน" นอกจากนั้นก็ยังมี "องค์กรเมสันย่อย" ที่มีคสามสัมพันะืกันองค์กรหฃลักแต่มีระบบการบริหารของตนเอง
องค์กรฟรีเมสัน ใช้อุลักาณ์ ของเครื่องมือช่างหินและวัดโซโลมอนที่ทั้งสมาชิกขององค์กรและผู้วิพากษ์กล่าวว่า เป็น "ระบบของจรียธรรมที่พางอยู่เบื้องหลังอุปมานิทัศน์ ที่ออกมาในรูปของสัญลักษณ์"
องค์กรผรีเมสัน เป็นองค์กรภราดรภาพ ที่มีประวัติความมายาวนานย้อนไปถึงต้นกำเนิดคือ องค์กรภราดรภาพของพวกช่างหินตามท้องถิ่นต่างๆ เมื่ปลายศตวรรษที่ 14 ที่มีหน้าที่คอยควบคุมดุแลมาตรฐานฝีมือการทำงานของพวกช่างหิน และเป็นองค์กรกลางท่คอยประสานงานกับผู้ปกครอง และลูกค้าของพวกเขา ระดับขั้นของฟรีเมสัน แบ่งออกเป็นสามระดับ ตามระดับการแบ่งฝีมือของช่างหินโดยสมาคมช่างหิน ในยุคกลางของยุโรป ดังนี้ ช่างฝึกหัน ช่างฝีมือและนายช่าง เป็นผู้ที่มีฝีมือโดดเด่น และได้รับเลือกจากสมาชิกสมาคมใหเป็นผุ้นำ ในปัจจุบันองค์กรฟรีเมสัน ที่เราเรียกว่า Blue Lodge ซึ่งเป็นองค์กรฐานรากของฟรีเมสันเป็นผุ้แต่งตั้งระดับเหล่านี้ให้กับสมาชิก นอกจากนี้ยังมี ระดบเพ่ิมเติมไปอีกหลายระดับ แตกต่างกันไปตาม พื้นที่ปกครองของ แกรนด์ ลอร์ด ต่างๆ โดยระดับเพิ่มเติมนี้มักจะตั้งองค์กรของตัวเองควบคุมขึ้นมาโดยเฉพาะ
โดยพื้นฐานแล้ว หน่วยที่เล็กท่สุดของฟรีเมสัน คือ สภาวรีเมสันท้องถ่ิน หรือเรียกว่า ลอดจ์ โดยจะถูกกำกับดูแล ดย สภาฟรีเมสันระดับภาค หรือประเทศ หรือเรียกว่า แกรนด์ลอดจ์ หรือแกรนด์ โอเรียนท์ โดยส่วนมก แบ่งพื้นที่เป็นประเทศ จังหวัด แคว้น หรือมลรัฐ โดยไม่มีองค์กรกลางระดับนานาชาติที่เข้ามาควบคุมหรือเป็นตัวแทนของฟรีเมสันทั้งหมด โดยแต่ละแกรด์ลอดจ์ มอิสระที่จะกำหนดข้อกำหนดเอง และมีสิทธิ์ที่จะรับรู้รับรองการมีอยู่ของแกรด์ลอดจ์ อื่นๆ โดยอิสระ
ในปัจจุบัน องค์กรฟรีเมสัน มีอยู่สองแบบ ด้วยกัน คือ องค์กรฟรีเมสันแบบปกติ เป็นองค์กรฟรีเมสันที่เมื่อมีการประกอบพิธีการประชุมของลอดจ์ ต้องเปิดคัมภีร์ทางศาสนา กลางห้องประชุมเสมอ อีกทั้งทุกคนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกต้องเชื่อในสิ่งที่ดำรงอู่สูงสุด (นับถือศาสนรา) ไม่รัีบสมาชิกผุ้หญิง และการพุดคุยถกเถียงกันในเรื่องการเมืองแลศาสนา ในลอดจ์ เป็นเรื่องต้งห้าม
อีกประเภทหนึ่งคือ ฟรีเมสันแบบภาคพื้น หรือเรียกว่า ฟรีเมสันแบบเสรีนิยม โดยลอดจ์ที่เป็นฟรีเมสันแบบเสรีนิยมจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบบ้างบางส่วน ที่เป็นหลักยึดถือของฟรีเมสันแบบปกติ เช่นการรบผุ้หญิง หรือผุ้มนับถือศาสนาเป็นสมาชิก หรือสมารถพูดคุยเรื่อง ศาสนาและการเมืองในลอดจ์ได้ เป็นต้น โดยฟรีเมสันแบบนี้เกิดขึ้นในภาคพื้นยุโรป คือประเทศฝรั่งเศสเป็นสำคัญ
ลอดจ์เมสัน เป็นหน่วยพื้นฐานที่สุดขององค์กรฟรีเมสัน ลอดจ์ประชุมกันสม่ำเสมอ เพื่อจักดดารกิจการต่างๆ เช่นเดียวกัองค์กรอื่นๆ ..ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังขององค์กรฟรีเมสันซึ่งผุ้ที่จะเข้าเป็นสมาชิกฟรีเมสันก็จะต้องเข้าเป็นสมาชิกในลอดเหล่านี้นี้เอง
ธรรมเนียมที่มีอย่ายาวนานของฟรีเมสัน คือ เขตการปกครองเมสัแตะละที่นั้นมีอิสระต่อกัน โดยในแต่ละเขตก็มีวิะีปฏิบัติที่แตกต่างกัน เจ้าหน้าที่ผุ้มีตำแหน่งในลอจ์ที่ได้รับเลือก หรือแต่งตั้ง มีวาระดำรงตำแหน่ง 1 ปี ทุกๆ ลอดจ์จะต้องมี ประธาน 1 คน และมีผุ้ปกครอง 2 คน เลขานุการ เหรรัญญิก และตำแหน่งผุ้ถือดาบหรือผุ้ระวังภัยภายนอกซึ่งมีหน้าที่เผ้าประตูอยู่ภายนอกห้องประชุมเพื่อระวังภัยตลอดเวลาที่ประชุม 1 คน และมีผู้ปกครอง 2 คน แลขานุการ เหรัญญิก และตำแหน่งผู้ถือกาบ หรือผู้ระวังภัยภายนอกซึ่งมีหน้าที่เผ้าประตูอยู่ภายนอกห้องประชุมเพื่อระวังภัยตลอดเวลาที่ประชุม 1 คน จึงจะป็นลอดจ์ที่สมบูรณ์ แต่ละลอดจ์ที่ยังดำเนินกาอยู่ จะยึดถือหลักการทีมีมาแต่โบราณกาลที่รู้จักกันว่า "บัญญัติเมสัน" ซึ่่งหลักการนี้ไม่สามารถถูกลล้าง และเป็นที่ยอมรับกันในระดับสากลhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99
อิลลมินาติ เป็นชื่อเรียกหลายกลุ่ม ทั้งที่เป็นตริงและแต่งขึ้น ในอดต ชื่อนั้หมายความถึง อิลลูมินตีบาลวเรีย สมาคมลับในุคเรื่องปัญญา ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1776 เป้าหมายของสมาคมคือคัดค้านความงมงาย การปิดบังข้อเท็จจริง อิทธิพลทางศาสนาเหนือชีวิตสาธารณะ และการลิเมิดอำนาจรัฐ บัญญัติทั่วไปเขียนว่า "สิ่งจำเป็นคือการทำให้อุบายของผู้ให้เกิดความอยุติธรรมยุติ เพื่อควบคุมเขาโดยไม่ครอบงำเขา ผุ้ปกครองบาวาเรีย ชาลส์ ธีโอดอร์ ออกกฤษฎีการประกาศให้อิลลูมินาตี ร่วมกับฟรีเมสัน และสมาคมลับอื่นอยู่นอกฎหมายโดยการส่งเสริมของศาสนจักรโรมันคาทอลิก ใน ค.ศ. 1784, 1785, 1787 และ1790 ในอีกหลายปีให้หลัง อิลลูมินาติถูกนักอนุรักษนิยมและนักวิจารณ์ศาสนาใส่ความอ้างว่ากลุ่มนี้ยังดำเนินการใต้ดินและรับผิดชอบต่อการปกิวัติฝรั่งเศส
ต่อมาในความมหาย "อิลลูมินาติ" ถุกใช้ในกับองค์การหลายองค์การซึ่งอ้างเหรือมีการเสนอว่ามีความเชื่อมโยงกับอิลลูมินาตีบาวาเรียเดิมหรือสมาคมลับที่คล้ายกัน แม้การเชื่อมโยงเหล่านี้้ไม่มีหลักฐานยืนยัน อิลลูมินาตีมักถูกล่าวหาว่าคบคิดเพื่อควบคุมกิจการของโลก โดยการชักใยเหตุกาณณืและวางสายลับในรัฐบาลและบริษัทเพื่อให้ได้อำนาจและอิทธิพลทางการเมืองและสถาปนาระเบียบโลกใหม่
อิลลูมินาติบาวาเรีย เป็นองค์การที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1776 ในเมืองอิงโกลชตัดท์ โดย อดัม เวียซชับท์ ศิษย์คณะเยสุอิด และเป็นศาสตราจารย์ ทางกฎหมายศาสนจักรที่เป็นฆราวาสคนแรกที่มาหวิทยาลัยอิงโกลชตัดท์
ก่อตั้งขึ้นจากนักคิดเสรีในฐนะเป็นผลพวงจากยุคเรื่องปัญญา ซึ่งนักเขียนร่วสมัยบางคนอยางเช่น เซท เพร์สัน เชื่อว่าเป็นสมคบคิดเพื่อแทรกซึ่งแลโค่มล้มรัฐบาลของหลายๆ รัฐในยุโรป ขณะที่นักเขียนบาวคนอย่าว ออกันติน บาวเลอร์ และ จอห์น โรบินสัน ได้กล่าวอ้างว่า อิลลูมินาตีอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B5
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...