Football

           ฟุตบอลมีประวัติความเป็นมายาวนานและเชื่อกันว่าประทเสอังกฤษเป็นผุ้ในกำเนินและวาง
รากฐานกติกากฎเกณฑ์การเล่นให้ป็นมาตรฐานเกียวกัน กล่าวกันว่าการแข่งขันฟุตบอลในแซรฟ ทิวสเดย์ ซึ่งเป็นการแข่งขันของคนทั้งหมู่บ้าน มีกติกาของแต่ละท้องถ่ิน ผุ้แข่งขันอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ มีบันทึกหลักฐานว่าเริ่มแข่งขันในระยะแรกเป้นการต่อสู่ทีใช้ทั้งมือและเท้าได้โดยมีการปกป้องรรักษาแดนของตตน และเคลื่อนย้ายลูกเข้าไปในประตูของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในสมัยโบราณหลักประตูอาจเป็นเพียงเขตปักปันห่างกันนับร้อยหลา มีหลักฐนปรากฎว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 มีพระบรมราชโองการสั่งห้ามแล่นฟุตบอลในท้องถนน ผุ้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก เนืองจากหวั่นเกรงว่าชาวอังกฤษจะทอดท้องการฝึคกปรือการยิงธนู แต่ประกาศดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการเล่นฟุตบอลสามารถเล่นในพ้ืนที่ที่กว้ารงพอเช่นถนน และแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลมีลักษระเป็นโอกาสให้คนได้เล่นในที่สามาธารณะ และมีบางคนกล่าวว่า "กีฬาฟุตบอลช่วยเสริ่มสร้างกล้ามเนื้อทั่วเรื่อนร่าง และเป็นเวชบำชัดในการขับก้อนนิ่วออกจากกระเพาะปัสสาวะและไตได้เอย่างชะงัด" จนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 กษัตริย์อังกฤษได้มีพระบรมราชโองการยกเลิกข้อห้ามการเล่นฟุตบอลในเวลาต่อมา
         
กติการการเล่นฟุตบอลได้พัฒนาพร้อมกับการเล่นฟุตบอลในโรงเรียนในประเทศอังกฤษ กล่าวคือ ในพ.ศ. 2381 มีการกำหนดกรอบการแข่งชัยและกติกาการเล่นเรียกว่า "กติกาเคมบริดกฺ" และเร่ิมใช้กันแพร่หลายจนกระทั่ง พ.ศ. 2406 สมาคมฟุตบอลลฃอนดอนและสมาคมเชฟฟิลด์ได้ร่างกฎกติกาขึ้นมาใช้เพ่ิมเติมเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเล่นลูกฟุตบอลได้มากขึ้น ต่อมาไ้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกติกาการเล่นเรื่อยมา การขยายตวของการเล่นฟุตบอลในอังกฤษเกิดขึ้นจากการเติบโตของระบบการศึกษาในโรงเรยนในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมา การเล่นฟุตบอลในระบบโรงเรียนของอังกฤษเป็นสวนหนึ่งของกิจกรรมของนักเรียนที่จะมีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมการเล่นฟุตบอลของอังกฤษในสมัยต่อมา
           ช่วง พ.ศ. 2406 มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลและต่อมาใน พ.ศ. 2413 ได้ก่อตั้งสหภาพรักบี้ในลำดับถัดมา ทั้งนี้มีจุดมุ่งหมายต้องการแยการเล่นกีฬาที่ใช้มืออกจากการใช้เท้าเล่น การก่อตั้งสโมสรฟุตบอลใอังกฤษในระยะแรกได้รวมตัวกันเป็นสหพันะ์สโมสรฟุตบอล ในช่วงทศวรรษที่ 2440 โดยมีสโมสรปุ้ก่อตั้งประกอบด้วย แอสตันวิลล่า, โบลตั้น วันเดอเรอร์, วูล์ฟแฮมตั้น วันเดอเรอร์, เปรสตัน นอร์เอน, เวสบรอมวิช อัลเบียน, สโต้คซิตี้, และแลคเบิร์น โรเวอร์ เป็นต้น บรรดาทีมเหล่านี้ตั้งขึ้นมาจากกลุ่มคนในโบสถ์ของศาสนาคริสต์ทั้งสิ้นซึ่งส่วนใหย่เป็นครระดับเสมียน และต่อมาก็มีกลุ่มผุ้เล่นจากโรงงานและบริษัทก่อตั้งทีมฟุตบอลตามมา และมีการนำฟุตบอลไปเผยแพร่ในยุโรปโดยผุ้ประกอบการอิสระและทหารประจำกการในที่ต่างๆ จนกระทั้ง พ.สง 2451 ฟุตบอลได้รับการบรรจุในรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเป็นครั้งแรก
           ฟุตบอลได้รับการพัฒนาห้กลายเป็นกีฬอาชีพตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2410 เมื่อผุ้ชมต้องจ่ายเงินค่าผ่านประตูเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลในเมืองางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศอังกฤษและได้รับความนิยมจากคนงานโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษ ซึ่งใเรื่องนี้ อีตริค ฮอบสบอว์ม นักประวัติศาสรต์อังกฤษเคยกล่าว่า ปฏิบัติการทางสังคมที่สำคัญในโลกสมัยใหม่คอ "กีฬา" โดยมีการนำกีฬามาใช้เป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิตในโลกสมัียให่และกีฬามีลักษระของการพัฒนาเป็นสาถบันหนึ่งทางสังคมในโลกตะวันตก ก๊มาฟุตบอลเป็นการเล่นกีฬาแบบมวลชน และกลายเป็นวัฒนธรรมของชนชั้นกรรมาชีพมวลชน ในสมัต้นพุทธศตวรรษที่ 25 เขาได้ตั้งข้อสังเกตประการสำคัญว่า นักกีใาฟุตบอลจะต้องเป็นชนชั้นแรงงานที่มี "ต้นทุนทางวัฒนธรรม ไในฐานะผุ้ที่มีทักษณะแลความชำนาญ มากกว่าการเป็นแรงงานที่ไร้ฝีมือแต่เป็นเรื่งอของการใช้กำลังเช่น นักมวย
         
 เมื่อล่วงเข้าสุ่กลางทศวรรษที่ 2450 ฟุตบอลเร่ิมได้รับความนิยมและมีทิศทางการเติบโตในสองแนวทางในประเทศอังกฤษ ประการแรก กติกาการแข่งขันมีความชัดเจนขึ้นเมื่อฟุตบอลกลายเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย และได้สร้างบรรทัดฐานให้กับผู้เล่นให้มีลักษระของการเล่นที่
เป้ฯของสุภาพบุรุษ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องที่เรามักเรียกฟุตบอลของอังกฤาในอดีตว่าฟุตบอลผุ้ดีอังกฤษ และสามารถผลักดันให้ฟุตบอลกลายเป็นหนึ่งของรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ประการที่สอง การเล่น
และแข่งขันในนามของสดมสนของโบสถ์ของเมือง ของโรงงานและบริัทได้ทำให้การเล่นฟุตบอลและการเข้าชมกลายเป็นต้นทุนทางเศราฐกิขอย่างหนึ่งที่ผุ้ชมยินดีจ่ายเป็นค่าเข้าชม และัฒนาเป็นผุตลอลอาชีพในเวลาต่อมาเป็นที่น่าสังเกตุว่าความนิยมต่อฟุตบอลของอังกฤษเร่ิมต้นจากเมืองรอบนอกในเขตตอนเหนือและตอนกลางของเกาะมากกว่ามนเมืองหลว และแสดงให้เห็นการแพร่หลายของกีฬานี้ได้เป็นอย่างดี การแยกรักบี้ออกจากฟุตบอลใน พงศ. 2413 เพื่อแยกกีฬาที่ใช้เท้าแลมืออกจากกันแสดงให้เห็นนัยยะทางวัฒนธรรมของการเล่นกีฬาที่แตกต่งกันทางทักาษะของผู้เลนแต่มีกติกาและกฎเกณฑ์อย่างเดียวกันคือการบุกเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้และทำประตูด้วยการนำลูกเข้าในเขตที่เรียกว่าประตูของคู่ต่อสู้
         
สนามฟุตบอลเป็นเรื่องจำเป็นที่เกิดขึ้นตามมาเมือผู้ชมมีความต้องการจะชมฟุตบอลอย่างใหล้ชิด ในช่วง พ.ศ. 2435 สโมสรฟุตบอลเอเวอร์ตันและสโมสรฟุตบอลเชลติก เป็นสโมสรแรกที่ก่อสร้างสนามฟุตบอลขึ้นมาโดยเฉพาะ ต่อมาก็มีสโมสรฟุตบอลอื่นๆ ในอังกฤษ และในสก๊อตแลนด์ก่อสร้างสนามฟุตบอลต่อเนื่องกันม สนามฟุตบอลในสมัยแรกจะมีการก่อสร้างแถวที่นั่งสำหรับผู้ชมเพียงด้านเดียว ด้านที่เลหือจะสร้างเป็นชาน หร้พมอบันไดล้อมรอบสนามเอาไว้ แลเพิ่มเติมหลังคาและติดตั้งเสาไฟส่องสนามในเวลาต่อมา การก่อสร้างสนามฟุตบอลพร้อมอัฒจันทร์ที่นั่ง นักสังคมวิทยาชาวอังกฤษ เอฟ อิงกลิส ได้ตั้งช้อสังเกตว่า "สนามฟุตลอลมองดูแล้วคล้ายกับโรงงานอุตาสาหกรรม ประตูทางเข้าที่ทำเป็นช่องให้ฝูงชนในเมื่องไม่ว่าเล็กหรหือใหญ่เดินเข้ามาเหนือนกับแรงงานกำลังเดินเข้าสู่ประตูโรงงาน
            การเติบโรและขยายตัวของสนามฟุตบอลขึ้นอยุ่กับจำนวนผุ้ชมที่เพ่ิมขชึนเรื่อยๆ ราคาบัตรเข้าชมฟุตบอลในช่วงทศวรรษที่ 2410-2420 อยู่ระหว่าง 3-6 เพนนี ซึ่งถือว่าต่ำมากทั้งนี้เพราะผุ้ซื้อบัตรเข้าชมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผุ้ใช้แรงงาน รายได้จากค่าบัตรผ่านประตูเพื่อเข้าชมการแข่งขันฟุตบลอลในอังกฤษเร่ิมีมูลค่าเพ่ิมขึ้นจากจำนวนผุชมและสโมสรฟุตลอลที่เพ่ิมปริมาณมากขึ้น ในช่วง พ.ศ. 2444 มีหลักฐานของมาคมฟุตบอลอังกฤษรายงานว่ามีเงินทุนประมาณ 4 ล้านปอนด์หมุนเวียนอยู่ในสโมสรฟุตบอลต่งๆ ในสังกัดของสมาคมฯ ซึ่งหมายความว่า ฟุตบอลกลายเป็นช่องทางของการแสวงหากำไรจากวัฒนธรรมฟุตบอลในเวลาต่อมา และชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของอังกฤษในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
               - บางส่วนจาก วิทยานิพนธ์ เรื่อง "พัฒนาการของวัฒนธณรมฟุตบอลต่างประเทศในสังคมไทย พ.ศ. 2509-2544 โดย เนตรนภา ประกอบกิจ.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)