สงครามมักจะเกิดขึ้นในสนามรบ แต่บ่อยครั้งก็จบลงที่การเลือกตั้ง ตั้งแต่การรบของฝรั่งเศสในแอจีเรียไปจนถึงสงครามเวียดนามของสหรัฐฯ สงครามครั้งนี้มีทั้งการสนับสนุนจากประชาชนที่ลดลงและความล้มเหล่วทางการทหารที่ผลักดันใหผุ้เข้าร่วมต้องยอมจำนน ในขณะที่สงครามกับยูเครนของรัสเซียใกล้จะครบรอบ 2 ปี การเลือกตั้งใหญ่ 2 ครั้งก็ใกล้จะเกิดขึ้นเช่นกัน โดยชาวยุโรปจะเข้าร่วมเพียงการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือนมิถุนายน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกา อย่างไรก็ตามผลลัมธ์ของการเลือกตั้งทั้งสองคร้งจะส่งผลอย่างสำคัญต่อภูมิรัฐศาสตร์ของยุโรป การคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการเลือตั้งครั้นี้อาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธทางการทหารของทั้งมอสโกและเคียฟ พลวัตในสนามรบน่าจะสงผลต่คะแนนเสียง
ปูติน คาดหวัีงความเหนื่อยล้าจากสงคราในช่าติตะวันตกจะช่วยให้รัสเซียได้รับชัยชนะ สภานการณ์ในอุดมคติสำหรับเขาคือการที่รัฐบาลทรัมป์ชุดที่สองยุติการสนับสนุนเคียฟของสหรัฐฯ พร้อมกับความสนใจของยุโรปในสงครามก็ลดน้อยลง สถานการณืดังกล่าวจะส่งผลดีต่อเขาหากยูเครนกล่ยเป็นส่วนหนึ่งของสงครามวัฒศนธรรมยุโรปก่อนการเลือกตั้งในเดือนมิถุนาย โดยกลุ่มต่อต้านยุโรป คัดค้านการสนับสนุนเคียฟต่อไ ปและกลุ่มที่นิยมยุโรปต้องการคงการสนับสนุนนี้ไว้
บทความนี้จะสรุปสถานการณ์ปัจจุบันของความคิดเห็นของประชาชนในยุโรปกี่ยวกับสงครามในยูเครน โดยอ้างอิงจากผลการสำรวจที่ ECFR จัดทำขึ้นเมือ มกราคม 2024 ใน 12 ประเทศยุโรป (ออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมัน กรีซ ฮังการี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย สเปน และสวีเดน) เมื่อพิจารณาจากภาพรวมที่การวิเคราะห์นี้เผยให้เห็น บทความนี้จึงเสนอแนวทางว่าผุ้นำควรทำย่างไรจึงจะสนับสนุนเคียฟต่อไปได้ดีที่สุด
ในแง่หนึ่ง ชาวยุโรปดูเหมือนจะมองในแง่ร้ายเกี่ยวกับโอกาสที่ยูเครจะชนะสงคราม และส่วนใหญ่คาดการณ์วาสงครามจะจบลงด้วยการยุติความขัดแย้ง ในทางกลับกัน ชาวยุโรปสวนใหย่ก็ไม่ต้องการการประนีประนอมเช่นกัน พวกเขายังไม่ค่อยพอใจนักกับโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์จะได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง และหลายคนคิดว่าชัยชนะของเขาอาจเป็นชัยชนะของปูตินด้วยเช่นกัน
ผุ้นำในยูเครนและพันธมิตรจำเป็นต้องหาวิะีใหม่ในการแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนยูเครนต่อไป พวกเขาควรยึดหลักความเป็นจริงที่ชขาวยุโรปไม่รต้องการให้รัสเซียชนะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกวาตัวเองเป็นวีรบุรุษ
เช่นกัน หากทรัมป์ได้รับชัยชนะในเดือนพฤศจิกายน ชาวยูเครนและพันธมิตรในยุโรปจะต้องสร้างเรื่องราวเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัมป์และปูตินต้องแสร้างทำเป็น "พรรคสันติภาพ" ในความขัดแย้งที่ผลลัพธ์ยังไม่ชัดเจน ดังนั้นการตอสู้เพื่อกำหนดความหายของ "สันติภาพที่ยังยืน" จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เมือสองปีก่อน ประชาชนในยุโรปแสดงความเห็นอกเห็นใจยูเครนเป็นพิเศษแต่ก็แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามด้วย สงครามคร้งใหญ่ที่เกิดขึ้นใกล้ตัวทำให้บรรดาผุ้นำและสังคมในยุโรปต้องตือนตัวและเผชิญกับความเป็นจริงใหม่ในวงการเมืองโลก
ในตอนแรก ความวิตกกังวลของชาวยุโรปดุเหมือนจะส่งผลต่อความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับผลลัพธ์ของสงคราม การวิจัยของ ECFR ในเดือน มิถุนายน 2022 เผยให้เห็นว่าชาวยุโรปจำนวนมากสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว แม้วายูเครนจะต้องเสียดินแดนก็ตาม อย่างไรก็ตามหนึ่งปีต่อมา การสำรวจแสดงให้เห็นว่าความสำเร้๗ของกองทัพยูเครนและการแสดงความเป็นผุ้นำของสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนการรับรู้ของสาธารณชนในยุโรปซึ่งต่างจากผุ้คนจำนวนมากในโลกได้ ชาวยุโรปจำนวนมาต้องการสนับสนุนยูเครนจนกว่เคียฟจะยึดดินแดนทั้งหมดคืนมาได้ ตอนนี้ หลังจากที่ยูเครนโต้กลับอย่างน่าผิดหวัง และท่ามกลางการสนับสนุนที่ลดลงในเมืองหลวงของชาติตะวันตก ความหวังดังกล่าวบางส่วนดูเหมือนจะจางหายไป
การสำรวจล่าสุดของ ECFR แสดงให้เห็นคุณลักษณะสำคัญ 3 ประการในความคิดเห็นสาธารณะของยุโรปที่อาจส่งผลต่อกลยุทธ์ของผุ้นำทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการทดสอบเบื้องต้นของการเลือกต้งรัฐสภายุโปรในเดือนมิถุนาย
ประการแรก ชาวยุโรปดูเมหือนจะมองโลกในแง่ร้ายต่อผลลัมธ์ของสงคราม โดยเฉลี่ยแล้วชาวยุโรปเพียงร้อยละ 10 จาก 12 ประเทศเชื่อว่ายูเครนจะชนะ และอีกสองเท่าคาดว่ารัสเซียจะชนะ ความเชื่อมั่นที่อ่อนแอในโอกาสที่ยูเครนจะชนะนั้นเห้นได้ชัดเจนทั่วทั้งยุโรป อยางไรก็ตาม การคาดหวังการยุติสงครามนั้นไม่เหมือนกับการเลือผลลัพธ์ดังกล่าวในสงครามครั้งนี้ และเมื่อถามชาวยุโรปว่าพวกเขาต้องการให้รัฐบาลดำเนินการอย่างไรกับยูเครน ภาพที่ปรากฎก็มีความหลากหลายมากขึ้น ผู้ตคอบแบบสอบถามใน 3 ประเทศ แสดงความชัดเจนว่าต้องการสนับสนุนให้ยูเครนยึดดินแดนคืน แต่ในอีก 5 ประเทศ ประชาชนมักต้องการให้รัฐบลกดดันเดียฟให้ยอมรับข้อตกลงในขณะที่อีก 4 ประเทศที่เหลือมีความเห็นแตกแยกกัน
ประการที่สอง การสำรวจของเราชี้ให้เห็นถึงการเปล่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ของการสนับสนุนยูเครน ก่อนหน้านี้ ความคิดแบบเดิมคือเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุดของยูเครนเป็นกลุ่มที่สนับสนุนมากที่สุด ซึ่งก็เป็นกรณีเดียวกันในแง่ของการสนับสนุนเดียฟของรัฐบาลและความเปิดกว้างในการต้อนรับผุ้ลี้ภัยชายยูเครน แต่ในปัจจุบัน ยูเครนดูเหมือนจะได้รับการสนับสนุนจากสาะารณชนอย่างแข็งแกร่งที่สุดในโปรตุเกสและฝรั่งเศสที่อยุ่ห่างไกลในขณะที่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนดูเหมือนจะไม่แน่นอนในเพื่อบ้านที่อยู่ติดกันบางแห่งของประเทส
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ฮังการีภายใต้การนำของวิกเติร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีที่สรับสนุนปูติน ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ การสำรัวจล่าสุดยังพบว่าฮังการีเป็นประเทศที่มีผุ้ตคาดหวังว่ารัสเซียจะชนะมากที่สุด และผุ้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต้องการให้ยูเครนต้งถิ่นฐาน แต่ตัวเลขของโรมาเนียไม่แตกต่างกันมากนัก โดย 18% เชื่อว่ารัสเซียจะชนะ และ 50% ต้องการให้ยูเครนตั้งถิ่นฐาน
อย่างไรก็ตาม ที่น่าสังเกตที่สุดคือ โปแลนด์ซึ่งภายใต้รัฐบาลประชานิยมก่อนหน้าและรัฐบาลที่นิยมยุโรปปัจจุบัน ได้งางตำแหนงตวเองให้เป็นหนึ่งในผุ้สนับสนุนยูเครนที่กระตือรือร้นและเชื่อถือได้มากที่สุด กลับพบว่าประชากรของประเทศมีความไม่มั่นใจเพ่ิมมากขึ้นเมือต้องเผชิญกับปัญหาบางประการที่เกี่ยวข้องกับยูเครน โดยเฉพาะการเข้าถึงผลิตภัฒฑ์ทางการเกษตรของยูเครนสู่ตลอดโปแลนด์และยุโรป
นอกจากนี้ แม้ว่าชาวโปแลนด์ (ร่วมกับชาวสวีเดนและโปรตุเกส) ยังคงเป็นผุ้สนับสนุนอยางแข็งขันต่อปฏิบัติการทางทหารของยูเครนแต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความหวงมากนักเกี่ยวกับโอากสที่เคียฟจะชนะ ในระดับความคิดเห็นของประชาชน หลักฐานก็เร่ิมมีมากขึ้นเรือยๆ ที่แสดงถึงความรู้สึกที่หลกาหลายต่อผุ้ลี้ภัยชาวยูเครน
ต่อประเด็นผุ้อพยพชาวยูเครนผุ้ตอบแบบสอบถามทั้ง 12 ประเทศ มองว่าผู้อพยพจากสวนต่างๆ ของโลกเป็นโอกาศหรือภัยคุกคามหรือไม่ในหลายประเทศที่สำรวจ พบว่ามีควมกลัวการอพยพเข้าเมืองอย่างมาก แต่สวนใหญ่มักจำกัดอยุ่แค่ผู้อพยพจากตะวันออกกลางหรือแอฟริกา ชาวยูเครนมักได้รับกรมองในแง่ดีหรืออย่างน้อยก็เป็นกลาง สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ เมือพูดถึงการผนวกยูเครนเข้ากับสหภาพยุโรป(และตรงกันข้ามกับประเพณีของยุโรป) เพือ่นบ้านใหกล้ชิดของยูเครนอาจกลายเป็นผุ้วิพากษ์วิจารณืยูเครนอย่างรุนแรงที่สุด แทนที่จะเป็นผุ้สนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันที่สุด
ประการที่สาม การสำรวจแสดงให้เห็นวาประชาชนยุโรปจำนวนมากตระกนักดัว่าสงครามในยูเครนเป็เรื่องที่ยุโรปกังวลใจมากที่สุด ในขณะที่สงครามอื่นๆ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อโลกโดยรวมเช่นกัน
ต่อคำถามที่ว่า สงครามในยูเครนหรือสงครามสนกาซามีผลกระทบต่อชีวิตและประเทศของตน ยุโรป และอนาคตของโลกมากกวากัน ผุ้ตอบแบบสอบถาม 12 ประเทศ โดยหนึ่งในสามมองว่าสงครามในยูเครน่งผลกระทบต่อประเทศของตนและยุโรปมากว่า แต่พวกเขาเชื่อวาไม่เป็นเช่นั้นสำหรับอนาคตของโลก ในความเป้นจริงชาวยุโรปสวนใหญ่(60%) เชื่อว่าสงครามในกาซามีผลกระทบต่ออนาคตของโลกเท่าๆ กับสงครามในยูเครน
ผลกระทบของทรัปม์ต่อการเมืองโลกกำลังเบาบางลงแม้ว่าจะยังไม่งไม่ชัดเจนว่าเขาจะสามารถกลับเข้าสู่ทำเนีบขาวได้หรือไม่ หรือจะดำเนินนโยบายใดหากเขาสามารถกลับมาได้ คงไม่น่าแปลกในที่ผุ้มีสิทะิเลือกตั้งส่วนใหญ่ในยุดรปจะผิดหวังหากทรัมป์ได้รับชัยชนะและแทบไม่มีใคร แม้แต่ในฮิังการี ซึ่งเป็นประเทศที่สนับสนุนทรัปม์มากที่สุดในบรรดาประทเทศที่สำรัวจ มีผุั้
ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 28 เท่านั้นที่พอใจหากทรัมป์กลับมา
เมื่อทรัปม์ขึ้นสู่อำนาจในปี 2016 พรรคการเืองฝ่ายขวาจัดและแพรรประชานิยมในยุโรปต่างยกย่องขัยชนะของเขาว่าเป็นจุดเร่ิมต้นของการปกิวัติของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในฝั่งนี้ของมหาสมุทรแอตลอนติก เรือ่งราวดังกลบล่าวไม่ประสบความสำเร็จโดยสิ้นเชิงในตอนนั้น และดูเหมือนวาจะมไม่สามารถจูงใจผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในปัจจุบันได้ แม้จริงแล้ว มีเพียงผุ้สนับสนุนพรรค Fidesz ของ Prban เท่านั้นที่จะพอใจหากทรัมป์กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของผุ้สนับสนุน "บราเทอร์ ออฟ อิตาลี "อัลเตอร์เนทีฟ ฟอร์ เยอรมันนี" และ "ฟรีดอม ปาร์ตี้ ออฟ ออสเตรีย" สัดส่วนจองผุ้ม่ีสิทธิเลือกตั้งของ "รัสเซมเบลเมนท์ เนชั่นแนล" ของฝรั่งเศสและ "ลอว์ แอน จัสติก" ของโปแลนด์นั้นน้อยกว่ามาก ทรัมปือาจขึ้นสู่อำนาจในอเมริกา แต่การปฏิวัติของทรัมป์ในยุโรปไม่ได้เกิดขึ้นตามไปด้วย ชาวยุโรปจะไม่ต้อรับทรัมป์กลับมาอยางแน่นอน แต่พวกเขาไม่แน่ใจักและแบ่งแยกมากขึ้นเกี่ยวกับผลที่ตามมาของการที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 ต่อกิจการระดับโลก อาทิ ในขณะที่ขชาวยุโรปเพียงหนึ่งในสี่คิดว่าการเลือกตั้งของทรัป์จะทำให้สงครามระหวางจีนกับสหรัฐฯมีโอกาสเกิดขึ้นมากขึ้น แต่ก็มีชาวยุโรปอีกจำนวนหนึ่งที่คิดว่าทรัมป์จะทำให้สงครามมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง สิ่งที่น่าตกตะลึกคือ ผุ้ตอบแบบสอบถามประมาณครึ่งไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับความขัดแย้งทั้งหมดที่ถาม
เป็นไปได้วามีหลายสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนีั ทรัปม์สร้างความวุ่วายในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรก แต่ความกลัว ที่เลวร้ายที่สุดของชาวยุดรป เช่น กลัวว่าความสัมพันธ์ระหวางสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกจะพังทลายลง อาจไม่คงอยุ่ตลอดไป ชาวยุโรปบอกกับตัวเองว่าการกลับมาของทรัปม์คงไม่น่ายินดี แต่ผลกระทบของเขาต่อเหตุกาณ์ต่างๆ ทั่วโลกอาจไม่เลวร้าย การรับรู้เช่นนี้อาจเชื่อมดีดจำกัดของอำนาจสหรัฐฯในโลกปัจจุบัน และธรรมชาติที่ผิดปกติของการมืองภายในประเทศของสหรัฐฯผลจาการสำรวจแล้ว ร้อยละ 48%-ของประชากรทั้งหมดมองว่าระบบการเมืองของสหรัฐมีปัญหา
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาหนึ่งที่ผุ้ตอบแบบสอบถามคาดหวังว่าการกลับมาของทรัปม์จะส่งผลกระทบมากกวานั่นคือโอาสที่ยูเครนจะชนะสงคราม โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าทรัมป์จะทำให้ยูเครนมีโอาสชนะน้อยลง
หากทรัปม์กลับมาจริงๆ และหากเขาทำให้เคียฟต้องลำบาก สหภาพยุโรปและประเทสสมาชิกจะสนับสนุนยูเครนได้หรือไม่ และความคิดเห็นของสาธารณชนในยุโรปจะสนับสนุนพวกเขาในเรือ่งนี้หรือไม่ นี่คือคำถามที่ทำให้บรรดาผุ้นำยุโรปนอนไม่หลับ
ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าประชาชนชาวยุโรปไมได้อยุ่ในอารมณ์ที่กบ้าหาญพิเศษ หลังจากหสรัฐฯ
ถอนทหารออกไป มีเพียงชาวยุโรปสวนน้อยที่อยากให้ยุดรปสนับสนุนยูเครนมากขึ้น
ความเห็นที่แพร่หลายในบางประเทศคือ ยุดรปควรสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ จำกัดการสนับสนุนยูเครนโดยทำเช่นเดียวกัน และสนับสนุนให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพกับมอสโกว์ มุมองนี้เห็นพ้องกับผุ้ตอบแบบสอบถามคนส่วนใหญ่ใน ฮังการี ดรมเนีย ออสเตรียและกรีซ ต้องการข้อตกลง ไม่ว่าใครจะเป็นปรธานาธิบดีสหรัญฯคนต่อไปก็ตาม
เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามว่าชาวยุดรปไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนยูเครนในหลักการหรือไม่ หรือพวกเขาเพียงแค่สงสัยเกี่ยวกับความสารมารถของสหภาพยุโรปและประเทสสมาชิกในการดำเนินการอยางมีประสิทธิผลหรือไม่ สองสิ่งทีอาจแยกไม่ออก แต่ชาวยุโรปจำนวนมาก มองว่าระบบการเมืองของหภาพยุโรปนั้นพังทลายไปโดยสิ้นเชิงหรือบางส่วน และการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อสหภาพยุโรปว่าไร้ประสิทธิภาพนั้นสัมพันธ๋กับความต้องการที่จะผลักดันยูเครนให้บรรลุข้อตกลงสันติภาพ และการลอการสนับสนุนยูเครนในกรณีที่สหรัฐฯ ถอนตัวภายใต้การนำของประธานาธิบดี คนใหม่
https://ecfr.eu/publication/wars-and-elections-how-european-leaders-can-maintain-public-support-for-ukraine/