16/1/2020 หลังจากที่โดรนของสหรัฐฯ โจมตีอิรักจนทำให้ผุ้นำกองทัพอิหร่านเสียชีวิต 10 นาย ทหารจากฟอร์ตแปรกก์ในนอร์ทแคโรไลนาประมาณ 3,500 นายจึงถูกสงไปตะวันออกกลาง การส่งกำลงทหารดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่การเลือกตั้งของสหรัฐฯ กำลังเข้มข่นขึ้น ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามต่อากรเมืองการเลือกตั้ง
เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2016 เขวิจารณืพรรครีพับรีกันและเดโมแครตอย่างเงเป็นเผยถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามที่ยือเยื้อในตะวันออกกลาง เขาวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นผุ้สมัครที่จะยุติสงครามในอัฟกานิสสถาน นำทหารกลับบ้าน และป้องกันไม่ใ่้ห้ประเทศเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่ไร้เหตุผลอีกต่อไป
ต่อมา ทรัมป์กำลังพิจารณาลดจำนวนทหารในอัฟการนิสถาน แม้วาจะไม่มีข้อตกลงกับหลุ่มตาลีบันก็ตาม แต่ในช่วงต้นเดือนนี้ ทรัปม์ทำให้หลายคนกลัวว่าเขากำลังเปิดแนวรบใหม่ในสงครามตะวันออกกลาง หลังจากที่รัฐบาลของเขาได้โจมตีทางอากาศโดยโครนในอิรักอย่างกะทันหัน จนทำให้ผุ้นำกองทัพอิหร่านเสียชีวิต 10 ราย รวมถึงผุ้บัญชาการกองกำลังความั่นคงและหน่วยข่าวกรองระดับสูงของประเทศด้วย ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยว่าสงครามในต่างประเทศส่งผลต่อการเลือกตั้งภายในประเทศอยางไร
นั่นคือหัวข้อการศึกษาวิจัยในปี 2017 ช่อว่า "Battlefield Casualties and Ballot Box Defeat: Did the Bush-Obama Wars Cost Clinton the White House?" โดย Douglas Kriner ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบอสตัน และ Francis Shen จากคณะนิติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลับมินนิโซตา พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าความแตกแยกกำลังเพื่ิมขึ้นในสหรัฐฯ ระหว่าชุมชนที่มีคนหนุ่มส่าวเสียชีวิตในสงครามและชุมชนที่มีคนหนุ่มสาวไม่เสียชีวิต และ"ช่องว่างความสูญเสีย" นี้มีส่วนทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะหรือไม่
"แม้จะควบคุมด้วยแบบจำลองทางสถิติสำหรับคำอธิบายทางเลือกอื่นๆ อีกมากมาย เราก็พบว่ามีความสัมพันธ์ที่สำคัญและมีความหมายระหว่างอัตราการเสียสละทางทหารของขุมชนกับการสนับสนุนทรัมป์" พวกเขาเชียนโดยให้เครดิตเขาที่ "พุูดถึงส่วนหนึ่งของอเมริกาที่ถูกลืมแห่งนี้"
นักวิจัยสรุปว่า หากรัฐสำคัญ 3 แห่งที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะ ได้แก่ มิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน มีอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงเล็กน้อย ทั้งสามรัฐอาจเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน และส่งฮิลลารี คลินตันจากพรรคเดโมแครตเข้าทำเนียบขาวได้ ซึ่งเรื่องนี้มีนัยสำคัญต่อนโยบายต่างประเทศ พวกเขาเขียนไว้ดังนี้
"หากทรัมป์ต้องการชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2020 ชะตากรรมในการเลือกตั้งของเขาอาจขึ้นอยุ่กับแนวทางของรัฐบาลต่อต้นทุนด้านมนุษยธรรมของสงคราม ทรัมป์ควรมีความอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อการสูญเสียชีวิตจากการสู้รบของชาวอเมริกัน ไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นนักการเมืองอีกคนที่มองข้ามความไม่เท่าเทียมที่มองไม่เห็นของการเสียสละทางทหาร ในวงกว้างกว่านั้น ผลการวิจัยชี้ให้เห็นวานัการเมืองจากทั้งสองพรรคควรตระหนักและตอบสนองความต้องการของชุมชน ที่มีหญิงสาวและชายหนุ่มวัยรุ่นที่เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติโดยตรงมากขึ้น"
นักวิจัยยังได้ศึกษา,กระทบของสงครามต่อการมีส่วนร่วมของผุ้ลงคะแนนเสียง ซึค่งรวมถึงไมเคิล โดช จากมหาวิทยาลัย "เท็กซัส เอแอนเอ็ม" และสตีเผนนิโคลสัน จากมหาวิทยลังแคลิฟอร์เนีย เมอร์เซค การศึกษาในปี 2016 เรื่อง "Death and Turnout: The Human Costs of War and Voter Participation" ของพวกเรา ได้เจาึกข้อมุลข้ามชขาติจากากรเลือตั้งในระบอบประชาธิปไตย 23 แห่งตลอดระยะเวลา 50 ปี และข้อมูลการสำรวจจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรในช่วงสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน ข้อสรุปคือ "การเสียชีวิตที่เพ่ิมขึ้นทำให้มีผู้เข้าร่วมเพ่ิมมากขึ้น"
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Kock และ นิโคลสัน พบว่าจำนวนผุ้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพ่ิมขึ้นเมือความขัดแย้งส่งผลให้มีผุ้เสียชีวิตมากกว่า 300 ราย จำนวนผุ้เสียชีวิตจากสงครามจำนวนมากทำให้จำนสนผุ้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพ่ิมขึ้นพวกเขาเขียนว่า "โดยเข้าถึงสมาชิกในสังคมที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมทางการเมือง" พวกเขายังบพอีกว่ากลุ่มที่มีความสนใจในการลงคะแนนเสียงต่ำมีแนวโน้มที่จะมีแรงจูงใจในกรรลงคะแนนเสียงมากขึ้นเมือจำนวนผุ้เสียชีวิตจาการสู้รบเพ่ิมขึ้นภายใน 60 วันหลังจากการเลือกตั้ง
แต่ในเวลาเดียวกัน การศึกษายังพบว่ารูปแบบการลงคะแนนเสียงเหล่านี้ไม่มีผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งมากนัก เนือ่งจาก "ในทุกๆ คนที่ถูกระดมให้ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยกับความขัดแย้งโดยการลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยกับผุ้นำที่มีความผิด ดูเหมือนว่าอีกคนจะถูกจูงใจให้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนสงครามโดยการสนับสนุนผุ้นำที่มีความผิด"
15/5/2024 เมื่อเกิดสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ตั้งปี 2022 ยาวต่อเนืองมาถึงการเลือกตั้งประธานาธิดบีสหรัฐฯในปี 2024 ต่อคำถามที่ว่าสงครามยูเครนยังสำคัญต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯ หรือไม่ ?
ในขณะที่ผุ้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิดีสหรัฐฯทั้งสองคนคือ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน(ซึ่งต่อมาถอนตัวด้วยปัญหาสุขภาพ) และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังให้ความสนใจด้านนโยบายต่างผระเทศกับสงครามในกาซา คำถามที่เร่ิมภถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ คือ ประเด็นเรื่องสงครามในยูเครนยังคงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในอเมริกาหรือไม่
ประชาชนหลายพันคนที่เมืองวอฟแชนสก์ ทางภาคเหนือของยูเครน อพยพออกจากมเืองเมือต้นสัปดาห์นี้เมือมีข่าวว่ากองทัพรัสเซียกำลังยคดเมืองดังกล่าวไว้ได้แล้ว ขณะที่กองทัพยูเครนพยายามโต้กลับการรุกรานของรัสเว๊ย ด้วยความช่วยเหลือชุดล่าสุดจากสหรัฐฯ มุลค่ีากว่า 50,000 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งประธานาธิบดี โจ ไบเดน เป็นผู้ลงนามรับรองเมือเดือนที่แล้ว
หลายเดือนที่ผ่านมา ไบเดนเน้นย้ำหลายครั้งว่า ความช่วยเหลือที่ให้แก่ยูเครนถือเป็นแก่นกลางของนโยบายด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ไบเดนกล่าวว่า "หากสหรัฐฯ ถอนตัวออกมาตอนนี้จะทำให้ยูเครนตกอยุ่ในความเสี่ยง ยุโรปจะตกอยู่ในความเสี่ยง และโลกเสรีก็จะตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้ผุ้ที่ต้องการทำอันตรายเรายิ่งได้ใจ" ไบเดนระบุว่ ข้อความที่ตนต้องการส่งถึงประธานาธิบดีปูตินก็คือ "สหรัฐฯจะไม่ถอนตัวเด็ดขาด"
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราห์ชี้ว่า ปกติแล้วนโยบายต่างประเทศจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ เจม เธอร์เอบร์ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยอเมริกัน กล่าวว่า "ประเด็นยูเครนแทบไม่มีผลต่อการลงคะแนนในคูหา เช่นเดียวกับนโยบายต่างประเทศที่มีความสำคัญต่อผุ้มีสิทธิลงคะแนนเพียงไม่ถึง 5% ซึ่งโดยทัี่วไปแล้วตรวมถึง จีน พรรคคอมมิวนิสต์จีน การตอบโต้ปูติน และส่ิงที่เกิดขึ้นในกาซา
ด้านทรัมป์ วิจารณืว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากเกินไปแลบ้ว และก่อนหน้าทนี้ทรัมป์เคยบอกว่า ตนจะไม่ปฏิบัติตามความตกลงของชาติสมาิชกองค์การนาโต้ที่ต้องร่วมกันปกป้องชาติสมาชิกอื่น หากถูกรัสเซียรุกราน
บาร์บารา เพอร์รี นักวิเคราะห์แห่งศุนย์มิลเลิอร์ มหาิทยาลัยเวอร์จิเนีย ชี้ว่า สิ่งที่ทรัมป์กล่าวนั้นสอดคล้องกับความกังวลของชาวอเมริกันจำนวนมากเรื่องที่สหรัฐฯเข้าไปข้องเกี่ยวักบกิจการของประเทศอื่นมากเกินไป
นักวิเคราห์ผุ้นี้กล่าวว่า "การทำสงครามกับผุ้ก่อการร้ายเป็นเวลา 20 ปี และส่งิที่เรียกว่าสงครามไม่รู้จบ อาจส่งผลให้มีชาวอเมริกันมากขึ้นที่สนับสนุนให้อเมริกาโดดเดียวจากชาติอื่น รวมทั้งนโยบายอเมริกามาก่อน ซึ่งเป็นหตุผลที่ทำให้ทรัมป์ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเลือกตั้งเมือ่ปี 2016 รวมทั้งการที่เขาได้รับเลือเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือต้งประธานาธิบดีในปี 2024 นี้ด้วย"
ในขณะเดียวกัน ผุ้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การชุมนุมตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนปาเลสไตน์และต่อต้านสงครามในกาซา ยิ่งนำไปสู่คำถามถึงการจัดสรรวบประมาณของสหรฐฯ เพื่อช่วยเหลือประเทศอืนในการทำสงคราม
บาร์บารา เพอร์รี จามหาวิทยาลัยเวอร์จิเนย ให้ความเห็นว่า คถถาที่นักศึกษาบางส่วนต้องการคำตอบคือ "ทำไมเราจึงทุ่มเงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ และส่งอาวุธยุทธโธปกรณ์ไปยังยูเครนและอิสราเอล ทำใมเราจึงไม่ใช้เงินเลห่านี้ไปกับการแก้ปัญหาต่างๆ ภายในประเทศ
ด้านประธานสภาผุ้แทนารษฎรสหรัฐฯ ส.ส. ไม่ค์ จอห์นสัน จากพรรครีพับรีกัน กล่าวหลังจากผ่านร่างกฎหมายความช่วยเหลือต่างชาติเมืองเดอืนเมษายน ซึ่งคาดว่าจะเป็นความช่วยเหลือชุดสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยบอกว่า ตนยินดีส่งอาวุธไปยูเครนมากว่าส่งชายหนุ่มอเมริกันไปร่วมรบที่นั้น....
https://www.voathai.com/a/will-us-voters-continue-to-care-about-ukraine-amid-israel-hamas-conflict-/7611152.html
https://www.facingsouth.org/2020/01/how-does-war-affect-elections