วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2567

"The Great Lakes State"

            ชื่อเล่นประจำรัฐมิชิแกน คือ  "รัฐวูล์ฟเวอรีน" มีทฤษำีมากมายทีอธิบายว่าทำไมมิชิแกนถึงได้รับชื่อเล่นนี้ วุล์ฟเวอรีนมีชื่อเสียงในด้าน "นิสัยดุร้ายและความสามารถในการทำลายล้าง" ปัจจุบัน มิชิแกนมักถุกเรียวกวา่ ไรัฐเกรดเลกส์" ชือเล่นนี้ปรากฎอยุ่ในเหรียญที่ระลึกฉลองครบตอบ 200 ปี มิชิแกนของโรงกษาหณืสหรัฐฯ มิชิแกนยังถุกเรียกว่า "ดินแดนแห่งน้ำ"  เป็นรัฐเดียวที่สัมผัสกับเกรดเลกส์ 4 แห่งจากทั้งหมด 5 แห่ง มิชิแกนมีอาณเขตติดกับ ทะเลสาบมิชิแกน ทะเลสาบสุพีเรีย ทะเลสาบฮุรอน และทะเลสาบอีรี ทะเลสาบออนแทรีโอ เป็นเกรดเลกส์แห่งเดียวที่ไม่อยู่ในมิชิแกน


            ตามประวัติ การประชุมระดับมณฑลครั้งแรกของพรรครีพับลิกันจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสันในวันที่ 6 กรกฎาคม 1854 และพรรคดังกล่าวก็ครอบงำมิชิแดนมาจนถึงช่วยภาวะเศราฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในการเลือกตั้ง ปี 1912 มิชิแกนเป็นหนึ่งในหกรัฐที่สนับสนุน ธีโอดอร์ โรสเวลต์ ผุ้สมัครจากพรรครีพัลลิกันและพรรคที่สามที่ก้าวหน้าให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากที่เขาแพ้การเสนอชื่อชิงตำแหนงประะานาธิบดีจากพรรครีพัลลิกันให้กับ วิลเลียม โฮเวิร์ด แทฟท์ 

            รัฐมิชิแกนยังคงเลือกรีพับลิกันในระดับประธานาธิบดีอย่างเหนี่ยวแน่นตลอดช่วงศตวรรษที่ 20 รัฐนี้เป็นส่วนหนึ่งของเกรตเตอนิวอิงแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐทางตอนเหนือของรัฐที่มีผุ้อพยพจากนิวอิงแลนด์เขามาตั้งถ่ินฐานเป็นหลัก ซึ่งพวกเขานำวัฒนะรรมของตน ติดตัวมาด้วย รัฐนี้เป็นหนึงในไม่กี่รัฐที่สนับสนุน เวน เอลล์ วิลกี แทน แฟรงคลิน รูสเวลต์ในปี 1940  และสนับสนุนโทมัส อี. ดิวอี้ในการหาเสียงที่แพ้ให้แก่ แฮร์รี่ เอส. ทรูแมนในปี 1948 

         มิชิแกนได้เข้าร่วมกับพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีทั้งสามครั้งในช่วงทศวรรษทื 1960 แต่ได้ลงคะแนนใหกับผุ้สมัครจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งทุกครั้งตั้งแต่ปี 1972 ถึง 1988 รวมถึงเจอรัลฟอร์ด "ลูกชายพื้นเมือง" ในปี 1976 ตั้งแต่ปี 1992 รัฐได้สนับสนุนพรรคเดโมแครตด้วยคะแนนเสียงที่พอประมาณ ยกเว้นชัยชนะอย่างหวุดหวิดของ โดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2016 ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ ในปี 2020 โจ ไบเดนได้ชัยชนะกลับมาด้วยคะแนน 2.8 คะแนน

 31/7/2024 รองประะานาะิบดีกลมา แฮร์ริสแซงหน้าอดีตประะานาธิดบีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการสำรวจความคิดเห็นครั้งใหม่ของรัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นรัฐสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง

          การสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำโดย Morning Consult สำหรับ "บลูมเบิร์ก" พบว่าแฮร์ริสจากพรรคเดโมแครตมีคะแนนนำทรัมป์จากพรรครัพับลิกัน 12 คะแนนใน "สวิง สเตรท" ซึ่งเป็นที่ที่เขเคย สำรวจความคิดเห็น นำ โจ ไบเดน มาดดยตลอดแต่ก็อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะประกาศยุติการหาเสียง

        การสำรวจนี้สำรวจผุ้มีสิทธิลงคะแนนเสียง 706 คนในรัฐมิชิแกนระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม และมีค่าความคล่ดเคลื่อนบวกหรือลบ 4% 

       เมื่อถามว่าหากการเลือกตั้งจัดขึนในวันนี้พวกเขาจะลงคะแนนให้ใคร ผุ้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 51


เลือกแฮร์ริส ร้อยละ 39 เลือกทรัมป์ และร้อยละ 5 เลือก โรเบิร์ต เอฟ.เคนเนดี้ จูเนียร์ ผุ้สมัครอิสระ ร้อยละ 3 ของผุ้ตอบแบบสอบถามเลือกผุ้สมัครรายอื่น

       เมื่อวันพุทธที่ผ่านมา นิตยสาร "นิวส์วีค" ติดต่อไปยังทัมหาเสียงของทรัมป์ทางอีเมลเพื่อขอความเห็น

       แม้จะมีการสำรวจความคิดเห็น ผุ้เชี่ยวชาญก็ยังระบุว่ามิชิแกนไม่ใช่รัฐที่ปลอดภัยสำหรับ พรรคเดโมแครต เดวิด ดุลิโอ ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอ็คและนด์ของมิชิแกน กล่าวกับนิตยสาร "นิวส์วีค" ว่าการสำรวจความคิดเห็นของ "มอร์นิ่ง คอนซูลท์"ถือว่าแตกต่างไปจาการสำรีวจความคิดเห็นอื่นๆ เมื่อเร็วๆนี้ และไม่จำเป็นต้องเป็นจุดเร่ิมต้นของแนวโน้มใหม่

       ในขณะที่บริษัทสำรวจความคิดเ็นอื่นๆ มักจะจัดอันดับให้ทรัมป์นำหน้าไบเดน ในมิชิแกนเมืองช่วงต้นปี แต่ "มอร์นิง คอนซูลท์" ซึ่งดำเนินการสนำรวจความคิดเห็นนี้ เป็นบริษัทเดียวที่จัดอันดับให้ ไบเดนนำในรัฐนี้ โดยการสำรวจความคิดเห็นของพวกเขาระบุว่า ไบเดนนำหน้าในมิชิแกนตั้งแต่เดือนเมษายน


 "ดูลิโอ" กล่าวว่า เมื่อผุ้ตอบแบบสอบถามถุกถามว่าผุ้สมัครคนใดจะสามารถจัดการกับประเด็นเฉพาะได้กีกว่า แฮร์ริสเป็นผุ้นำในเรื่องการทำแท้ง พวกเขามีคะแนนเท่ากันในเรื่องเศราฐกิจ และทรัมป์เป็นผุ้นำในเรื่องการย้ายถ่ินฐาน

 ไเปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าการทำแท้งมีความสำคัญต่อการลงคะแนนเสียงของพวกเขานั้นขับเคลื่อนโดยฐานเาียงของพรรคเดโมแครต แต่การย้ายถ่ินฐานอาจมีความสำคัญต่อผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่สามารถโน้มน้าวใจได้มากกว่า" เขากล่าว

      ดูลิโอ กล่าวว่า ทรัมป์มีฐานเสียงที่ภักดีในมิชิแกนซึ่งส่วนใหญ่จะออกมาลงคะแนนให้เขา "การประกาศของแฮร์ริสทำให้ฐานเสียงขอวพรรคเดโมแครตกลับมาคึกคักขึ้นอย่างแน่นอน แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะมีพลังมากกว่าพรรครีพัลลิกัน" เขากล่าว "เช่นเดียวกับแคมเปญฯส่วนใหญ่ในมิชิแกน ผลลัพธ์จะขึ้นอยุ่กับสองสิ่ง แคมเปญที่ดึงผุ้สนับสนุนออกมาได้ และการต่อสู้เพื่อชิงผุ้สนับสนุน 10% ที่ "สามารถเอาชนะได้"

      "ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่แสดงให้เห็นว่ามิชิแกนยังไม่ปิดตัวลงก็คือเธอ (แฮร์ริส) และเพื่อร่วมทีมที่ยังไม่ได้ประกาศชื่อจะม่ที่นี้ในสัปดาห์หน้า พวกเขาไม่ได้มองข้ามเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน"

         เบอร์นี่ พอร์น นักสำรวจตความคิดเห็นและผุ้ก่อตั้งบริษัท EPIC-MRA ซึ่งตั้งอยู่ในมิชิแกน กล่าวกับนิตยสาร นิวส์วีค ว่า แฮร์ริสกำลังได้รับความนิยมจากผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในกลุ่มประชากรสำคัญที่ไบเดนมีผลงานตำ่กว่าที่คาดไว้ในมิชิแกน รวมถึงในกลุ่มผู้หญิง และในกลุ่มชาวอเมริกันอาหรับ เนืองจากเธอมีจุดยืนในการเรียกร้องให้หยุดยิงในฉนวนกาซา


       "จากผลสำรวจครั้งหนึ่ง แันจะไม่บอกว่ามิชิแกนกลายเป็นคู่แข่งของพรรคเดโมแครต แต่ผลสำรีวจครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าแฮรืริสเป็นผุ้นำในหลายประเด็นไ พอร์นกล่าว "แฮร์ริสและพรรคเดดมแครตดูเหมือนจะมีกำลังใจและอาจเป็นเพราะไบเดนตัดสินใจลาออกและสนับสนุนแฮร์ริส

      "หากการสำรวจความคิดเห็นเพ่ิมเติมแสดงให้เห็นผลลัพธ์แบบเดียวกันในขณะที่การรณรงค์ดำเนินไป ในกาณีนั้นการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอันดับของมิชิแกนจึงควรได้รับการพิจารณา

       มิชิแกนน่าจะเป็นหนึ่งในรัฐที่สำคัญที่สุดในการตัดสินผลการเลือกตั้งเนื่องจากเป็นรัฐที่มีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุดรัฐหนึ่ง (มี 15 คะแนน) และมีการแข่งขันสูงกว่ารัฐอื่นๆ ที่มีประชากรหนาแน่น เช่น แคลิฟรอ์เนีย เท็กซัส ฟลอริดาร และนิวยอร์ก

           https://www.newsweek.com/kamala-harris-michigan-lead-donald-trump-1932556

          https://en.wikipedia.org/wiki/Politics_of_Michigan

          https://statesymbolsusa.org/symbol-official-item/michigan/state-nickname-state-quarter/great-lakes-state

        

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

Swing State

            Swing State  ในทางการเาืองอเมริกันรัฐที่มีฮอกาสชนะ เรียกอีอย่างว่า รัฐสมรภุมิ, รัฐเสี่ยง,หรือรัฐม่วง คือรัฐใดๆ ที่ผู้สมัครจาก พรรคเดฮมแครตหรือรีพับลิกัน สามารถคว้าชั้ยชนะในการเลือกตั้งระดับรัฐได้ โดยส่วนใหญ่มักจะหมายถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยอาศัย ผลคะแนนที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐเหล่านี้มักเป็นเป้าหมายของแคมเปญหาเสียงของพรรคใหญ่โดยเฉพาะในการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันกันสูง ในขณะเดียวกัน รัฐที่มักจะโน้มเอียงไปทางพรรคใดพรรคหนึ่งมักจะเรียกว่า "รัฐปลอดภัย" หรือดดยเฉาพะคือ "รัฐแดง"และ "รัฐน้ำเงิน" ขึ้นอยู่กับการโน้มเอียงของพรรค เนื่องจากโดยทั่วไปถือว่าผู้สมัตรหนึ่งคนมีฐานเสียงที่ดึงคะแนนเสียงจากผุ้สมัครได้เพียงพอโดยไม่ต้องลงทุนหรือพยายามมากนักในการหาเสียง

             เนื่องจาก รัฐส่วนใหญ่ใช้วิธี "ผุ้ชนะกินรวบ" เพื่อกำหนดผุ้เลือกตั้งประธานาธิบดี ผุ้สมัครจึงมัหาเสียงเฉพาะในรัฐที่มีการแข่งขันสุงเท่านั้นซึ่งเป็นสาเหตุที่กลุ่มรัฐที่คัดเลือกมาอย่างดีจึงมักได้รับการโฆษณาและผุ้สมัรเขาเยี่ยมชมเป็นส่วนใหญ่ สนามรบอาจเปลี่ยนแปลไปในแต่ละรอบการเลือกตั้งและอาจสะท้อนให้เห็นได้จากการสำรวจความคิดเห็นโดยรวม ข้อมุลประชากร และความดึงดุดใจทางอุดมการณ์ของผู้ได้รับการเสนอชื่อ

            ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกา แต่ละรัฐมีอิสระในการตัดสินใจเลือกคณะผุ้เลือกตั้งของตน เพื่อเพิ่มอำนาจการลงคะแนนในระบคณะผุ้เลือกตั้ง รัฐทุกแห่ง ยกเว้น เมน และ เนแบรสกาได้นำ ระบบ ผุ้ชนะกินรวบโดยผุ้สมัครที่ได้รับะแนนนิยมสุงสุดในรัฐหนึ่งจะชนะคะแนนเลือกตั้งทั้งหมาดของรัฐนั้น ความคาดหวังก็คื อผุ้สมัตรจะดูแลผลประโยชน์ของรัฐที่มีคะแนนเสียงเลือกตั้งมากที่สุด อยางไรก็ตาม ในทางปกิบัติผุ้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่มักจะไม่เปลี่ยนพรรคการเมืองจากการเลือกตั้งครังหนึ่งไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ทำให้ผุ้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีใช้เวลาและทรัพยากรที่มีจำกัดในการหาเสียงในรัฐที่พวกเขาเชือ่ว่าสามารถหันเข้าหาพวกเขาหรือหยุดรัฐต่างๆ ไม่ให้หันเข้าหาพวกเขาได้ และไม่ใช้เวลาหรือทรัพยากรในรัฐที่พวกเขาคาดวาจะชนะหรือแพ้ เพนืองมาจากระบบการเลือกตั้ง ทำให้การรณรงค์หาเสียงมีความกังวลน้อยลงกับการเพ่ิมคะแนนเสียงนิยมในระดับประเทศของผุ้สมัครและมักจะภม่งเน้นที่คะแนนเสียวนิยเฉพาะในรัฐที่สามารถให้คะแนนเสียงเลืกอตั้งที่จำเป็นในการชนะการเลือกตค้งเท่านั้น และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผุ้สมัครจะได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งที่เพียงพอในขณะที่ไม่ได้ชนะคะแนนเสียงนิยมในระดับประเทศ

            หกรัฐชี้ชะตาเตรียมตักสินผลการเลือกตั้งสหรัฐฯปี 2024 การเลือกตั้งสหรัฐฯในปีนี้มีผุ้มีสิทธิลงคะแนนเสียงราว 240 ล้านคนแต่มีแนวโน้มว่าจะมีเพียงจำนวนเล็กนอ้ยเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินใจได้ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป

             ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีเพียงไม่กี่รัฐเท่านั้นที่มีแนวโน้มว่าผุ้สมัตรจากพรรคเดโมแครตอย่าง กมลา แฮร์ริส หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ จะคว้าชัยชนะได้ 

             ทั้งหกรัฐ ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา เพนซิลเวเนีย และวอิสคอนซิน ดูเหมือนว่าจะอยุ่ในภาวะเสียง และอาจเป็นผุ้ถือครองกุญแจสำคัญในการที่จะได้ครองทำเนียบขาว

            ทั้งสองฝ่ายจึงหาเสียงกันอย่างเข้มข้นเพื่อชนะใจผุ้มีสิทธิเลือกตังที่ยังไม่ตัดสินใจตในรัฐเหล่านี้

           แอริโซน่า 

           นายไบเดน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปี 2020 โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐแกรนด์แคนยอน ซึ่ลงคะแนนสนับสนุนผุ้สมัครจากพรรคเดดมแครตอย่างหวุดหวิดเป็นครั้งแรกนับตึ้งแต่ทศวรรษ 1990

          รัฐนี้ติดกับเม็กซิโกเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ และกลายเป็นจุดศุนย์กลางของการอภิปรายเเรดืองการอพยพเข้าเมืองของประเทศ จำนวนผุ้เดินทางมาถึงชายแดนสหรัฐฯ ถุ่งสูงเป็นประวัติกาณณ์ในช่วงที่นาย ไบเดน ดำรงตำแหน่งอยุ่ทำให้เขาต้องปวดหัวกับการเลือกต้งอย่างหนัก จำนวนผุ้ข้ามพรมแดนลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่เขาได้แสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวขึ้นและวางแผนที่จะปิดพรมแดนเมือจำนวนผุ้ข้ามพรมแอนพุ่งสูงขึ้น

        เขายังให้คำมั่นว่าจะดำเนินการ "ปฏิบัติกาเนรเทศครั้งวใหญ่ที่สุด" ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ หากเขาได้ดำรงตำแหนงผระธานาธิบดีอีกครั้ง


          รัฐแอริโซนาบังเผชิญความขัดแย้งอย่างระนแรงเกี่ยวกับสิทธิในการทำแท้ลหลังจากพรรครีพัลลิกันของรัฐพยายามฟื้นคืนกฎหมายห้ามการทำแ้งแบบถาวรที่บังคับใช้มายาวนาน 160 ปี กฎหมายนี้กลายเป็นประเด็นร้อนทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2022 เมื่อศาลฎีกาสหรัฐฯ พลิกคำตัดสินสำคัญที่หใ้สิทธิสตรีในการทำแท้ตามรัฐธรรมนูญ

            จอร์เจีย

             รายชื่อรัฐที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเรานั้นใกล้เคียงกับรายชื่อสถานที่ที่เจ้าหน้าที่พรรคีพับลิกันที่ได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์พยายามขัดขวางชัยชนะของนายไบเดนในการเลือกตั้งปี 2020 ในรัฐจอร์เจีย การกล่าวหาว่านายทรัมปืถุก แทรกแซงการเลือกตั้งส่งผลให้เขาต้องติดอยุ่ในคดีอาญา 1 ใน 4 คดี เขาและอีก 18 คนถุกกล่าวหาว่าร่วมกันวางแผนพลิกกลับสถานการณ์ที่เขาพ่ายแพ้ต่อนาย ไบเดน อยางหวุดหวิดในรัฐนั้น เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาใดๆ และคดีนี้ดุเหมือนจะไม่ได้รับการพิจารณาในศาลก่อนการเลือกตั้ง

            อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอดูว่าปัญหาทางกฎหมายของนายทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อตัวเขาในการเลือกตังหรือไม่ เราอาจได้ทราบเร็วๆ นี้เนืองจากการพิจารณาคดเงินปิดปากของเขาสิ้นสุดลงด้วยการตัดสินว่าเขามีความผิด 

           ด้วยจำนวนประชากร 33% จอร์เียจึงมีสัดส่วนคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันสูงที่สุดแหงหนึ่งของประเทศ และเชื่อกันว่าประชากรกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการที่นาย ไบเดน พลิกสถานการณืในรัฐในปี 2020 อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนผิวดำ ในอเมริกผิดหวัง โดยบางคนบอกว่าทำอะไรไม่มากพอในการต่อสุ้กับความอยุติะรรมทางเชื้อชาติหรือพัฒนาเศรษฐกิจ

            มิชิแกน 

            รัฐเกรดเลกส์ได้เลือกผุ้สมัตรชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ชนะการเลือกตั้งสองครั้งล่าสุด แม้จะสนับสนุนนายไบเดนในปี 2020 แต่การทำเช่นนั้นก็กลายเป็นัญลักษณ์ของการตอบดต้จากทั่วประเทศต่อการสนับสนุนอิสราเอลของประธานาธิบิดีระหว่างสงครามในกาซา

          ในระหวางการแ่งขันขั้นต้นของพรรคเดโมแครตในรัฐมิชิแกนเมื่อเอืนกุมภาพันธ์ ผุ้มีสิทธิออกเสีงกว่า 100,000 คนได้เลือกตัวเลือก "ไม่ผูกมัด" ในบัตรลงคะแนของตน หลังจากที่มีการรณรงค์โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนการหยุดยิงในฉนวนกาซาและหยุดความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอล ที่น่าสังเกตคือ มิชิแกนมีชาวอเมริกันเชื่้อสายอาหรับมากที่สุดในประเทศซึ่กลุ่มคนที่สนับสนุนนายไบเดน กำลังตกอยู่ในอันตราย แตแฮร์ริสได้เริ่มต้นการรณรงค์ของเธอด้วยนำ้เสียงที่แข็งกร้าวต่ออิสราเอล และผุ้ประท้วงในฉนวนกาซาบางส่วนบอกกับบีบีซีว่าพวกเขาหวังว่าเธอจะเห็นใจจุดยืนของพวกเขามากขึ้น

         ประะานาธิบดีทรัมป์เน้นย้ำถึงความสำคัญของรัฐในเส้นทางสุ่ชัยชนะของเขาโดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ในตะวันออกลางว่า เขาเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการรณรงค์ต่อต้านกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา แต่ "ต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว" 
            เนวาดา

            รัฐซิลเวอร์สเตดได้ลงคะแนนเสียงให้กับพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าพรรครีพัลลิกันอาจพลิกกลับมาชนะได้ ค่าเฉลี่ยล่าสุดทีเ่ผยแพร่โดยบริษัทติดตามผลสำรวจ 538ระบุว่านายทรัปม์มีคะแนนนำนายไบเดนอย่างท่าวท้น แต่เราต้องรอดูผลสำรวจว่านางแฮร์ริสจะทำได้ดีแค่ไหน ผู้สมัครทั้งสองคนกำลังแข่งขันกันเพื่อคว้าชัยชนะจากประชากรละติน จำนวนมากของรัฐ

           แม้ว่าเศราฐกิจ สหรัฐฯ จะเติบโตอยางแข็งแกร่งและมีการสร้งงานเพื่อมขึ้นับตั้งแต่ที่นายไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี แต่การฟื้นตัวหลังโควิดในเนวาดากลับช้ากวาที่อื่นๆ ด้วยอัตราว่างงาน 5.1% รัฐนี้มีอัตราการว่างงานสุงที่สุดในประเทศ รองจากรับแคลิฟอร์เนียและเขตโคลัมเบีย ตามสถิติล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง เขาให้คำมั่นว่าจะกลับมาใช้นดยบายลดหย่อนภาษีในทุกด้าน และมีกฎเกณฑ์ี่น้อยลง

           เพนซิลเวนีย

           ชาวเพนซิลเวเนียไม่ใช่กลุ่มคนอเมริกันกลุ่มเดียวที่รุ้สึกดดันเรื่องค่าครองชีพอันเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ราคาอาหารชำในรัฐเพนซิลเวนีกลับพุ่งสุงขึ้นเร็วกว่าในรัฐอื่น ตามข้อมุลของ "ดาต้าเซมบลี" ซึ่งเป็นผุ้ให้บริการข้อมูลตลาด

          สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่าประชาชนในเมืองอีรีต้องดินรนต่อสุ้เพียงใด ซึ่งเป็นเมืองสำคัญสำหรับรับเพนซิลเวเนียที่เหลือ โดยมีคนมากถึง 1 ใน 8 คนที่ถูกมองว่า "ขาดแคลนอาหาร" รัฐได้พิสูจน์ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการเลือกตั้ง 2020 โดยสนับสนุนนายไบเดนในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ประสบความสำเร็จเเขามีความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งกับเมืองสแครนตัสซึ่งเป็นเมืองชนชั้นแรงงาน ซึ่งเป็นเมืองที่เขาเติบโตขึ้นมา

         เงินเฟ้อที่สูงอาจส่งผลกระทบต่อนายไบเดนทั่วสหรัฐฯ เนื่องจากผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าเงินเฟ้อทำให้ผุ้มีสิทธิออกเสียงมีมุมมองต่อเศราฐกิจในเชิงลบ 

         ทรัมป์พยายามดจมตีคู่ต่อสุ้ของตนในเรื่องราคาที่สุงอยางต่อเนื่อง แต่เขาก็เชิญกับความท้าทายในรัฐเพนซิลเวเนียเช่นกัน หลังจากที่คุ่แข่งจากพรรครีพับลิกันอย่างนิกกี เฮลีย์ทำผลงานได้ค่อนข้องดีในกาเรลือกตังขึ้นต้น

           วิสคอนซิน 

           รัฐแบดเจอร์ยังเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ชนะในทั้งปี 1996 และ 2000 ด้วยคะแนนห่างกันเพียงเล็กน้อยกว่า 20,000 คะแนนในแต่ละครั้ง

          ผุ้เชี่ยวชาญได้เสนอแนะว่าในรัฐชายอบเช่นนี้ผุ้สมัครจากบุคคลภายนอกที่รัณรงค์ต่อต้านนโยบายของผุ้สมัครรายใหญ่ทงสองราย อาจสร้างผลกระทบได้ การสำรวจความคิดเห็นระบุว่าการแสดงการสนับสนุนผุ้ที่เป็นอิสระ เช่น โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์ อย่างมาก ซึ่งกำลังต่อสุ้เพื่อชิงตำแหน่งในวิสคอนซิลและรัฐอื่นๆ อาจส่งผลเสียต่อคะแนนเสียงของนายไบเดนหรือนายทรัมป์

        ทรัมป์ได้กล่าวถึงรัฐนี้ว่า "สำคัญมาก..หากเราชนะวิสคอนซิน เราก็จะชนะทั้งหมด" การประชุมใหญ่แห่งชาติของพรรครีพับลิกันในช่วงฟูดร้อนนี้จะจัดขึ้นที่เมืองมิลวอกี

        เมื่อไม่นานมานี้ นายไบเดนชี้ให้เห็นถึงศุนย์ข้อมุลแห่งใหม่ของ ไมโครซอฟ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังวิสคอนซิน เพื่อเป็นหลักฐานว่าเขากำลังสร้างงานใหมทได้อย่างไร โดยให้เหตุผลว่าผุ้ดำงตำแหน่งก่อนของเขาไม่สามารถรักษาคำมั่นสัญญาของเขาไว้ได้

           https://www.bbc.com/news/articles/c511pyn3xw3o

           https://en.wikipedia.org/wiki/Swing_state

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

Electoral College

           การเลือกตั้งประธานาะิบดีสหรัฐฯ ชาวอเมริกันจะเป็นผู้ออกเสียงเลือกตั้งคณะผุ้เลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งจะเลือกตั้งประธานาธิบดีในโดยผุ้สมัครรับเลือกตั้งผุ้ใดได้รับเสียงของคณะผุ้เลือกตั้งขั้นต่ำ 270 เสียง จาก 538 เสียงก็ชนะการเลือกตึ้งได้เป็นประธานาธิบดี ชาวอเมริกันออกเสียงเลือกต้งจะเลือกคณะผู้เลือกตัง ไม่ได้เลือกตัึ้งตัวประธานาธิบดีโดยตรง

         สหรัฐอเมริกาเป็นรัฐรวม ไม่ใช้รัฐเดี่ยว เปรียบเสมือนการมีประเทศ 50 ประเทศเข้ามารวมกันดดยความสมัรใจเป็นประเทศเดียว ดังนั้น มลรัฐทั้ง 50 มลรัฐของอิมริกา ซึ่งมีวัฒนธรรม ระเบียบแบบแผน กฎหมาย ความเชื่อ วิธีคิด ฯลฯ ที่แตกต่างกัน กฎหมายเลือกตั้งของแต่ละมลรัฐของสหรัฐฯ ก็ไม่เหมือนกัน เช่นการนับบัตรลงคะแนน 



        การใช้ระบบคณะผุ้เลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ นั้นมาจากคัดกรอง สองขั้นตอน และคณะผุ้ร่างรัฐะรรมนฝูญของอเมริกานั้นมองพรรคกาารเมืองว่าเป็น "การเล่นพวกอย่างเปิดเผย" จึงไม่ได้ใส่เรื่องพรรคการเมืองลงในรัฐธรรมนูญเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรืองการเลือกตั้งประธานาธิเบี ดังนั้น ไรบบการเลือกตั้งคณะผุ้เลือกตั้ง" นั้นในการเลือกตั้งปรธานาธิบดี 2 ครั้งแรกจึงไม่มีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง 

         เมื่อคณะ(ุ้เลือกตั้งที่ได้รับเลือกตั้งในวันอังกคารแรกของเดือนพฤศจิรกายนแล้ว ก็จะเดินทางไปยังเมืองหลวงของมลรัฐของตนในวันจันทร์แรกของเดือนธันวาคมเพื่อทำการหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จแล้วก็หมดหน้าที่ ทางมลรัฐจะส่งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีไปให้ประะานวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งประะานวุฒิสภาก็จะนำคะแนนเสียงของแต่ละมลรัฐไปนับกันอย่างเปิดเผยในที่ประชุมร่วมของสภาผุ้แทรราษำรและวุฒิสภาในต้นเดือนมกราคมแล้วประกาศผลอย่างเป็นทางการว่าใครได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป...

         อเมริกาเลือกประธานาธิบดีผ่านคณะผุ้เลือกตั้งรัฐทั้ง 50 รัฐและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ได้รับคะแนนเสียงจากคณะผุ้เลือกตั้ง Election College Vote ECV จำนวน 538 เสียง จำนวนคะแนนเสียงที่มอบให้แต่ละรัฐขึ้นอยุ่กับการเป็นตัวแทนในวุฒิสภาและสภาผุ้แทนราษฎร แต่ลรัฐมีวุฒิสมาชิก 2 คน และผุ้แทนอยางน้อย 1 คน ดังนั้นแม้แต่รัฐที่มีประชากรน้อย เช่น มอนทานา ก็รับประกันได้ว่าจะมี 3 คะแนน โอไฮโอซึ่งเป็น "รัฐสมรภูมิ" มีสมชิกรัฐสภา 16 คน ในสภาผุ้แทนราษฎร ดังนั้นเมือรวมวุฒิสมาชิก 2 คนเข้าด้วยกันก็จะได้ ECV 18 ใบ วอชิงตัน ดี.ซี. ไม่มีตัวแทนในวุมฺสภหรือสภาผุ้แทนราษำร แต่ได้รับ ECV 3 ใบในปี 2504 เกือบทุกรัฐมอบ ECV ทั้งหมดให้กับผุ้ที่ชนะคะแนนนิยมใสนรัฐนั้น (มีเพียงเมนและเนแบรสกาเท่านั้นที่อนุญาตให้แบ่ง ECV ให้กับผู้สมัคร) เพื่อชนะการเลือกต้้งประธานาธิบดี ผุ้สมัตตรจะต้องได้รับคะแนนเสียงอย่างน้อย 270 เสียง

         รัฐที่มักจะเลือกทางใดทางหนึ้ง เช่น แคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส มักไม่รับความสนใจจากผุ้ลงสมัคร
แม้ว่าจะมีผุ้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก ก็ตาม ผุ้มัครกลับมุ่งเน้นไปที่ "รัฐที่มีโอกาสชนะสุง" ประมาณ 12 รัฐ ซึ่งมีชนาดตั้งแต่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งมี ECV 4 เสียง ไปจนถึงฟลอริดาซึ่งมี 29 เสียง ซึ่งทำให้กลุ่มประชากรและธุรกิจในรัฐที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงได้มีอำนาจในการเลือกประธานาธิดบีมากว่าที่ควรจะเป็น ในรัฐฟลอริดาพรรคการเมืองต่างๆ ดึงดุดผุ้เกษียณอายุและชาวฮิสแปนิก ไอโอวา พรรคการเมืองเหล่านี้เอาใจเกษตรกรผุ้ปลูกขั้าวโพดที่ผลิตเอธานอล ระบบนี้ยังให้ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐที่ม่ีประชากรน้อยที่สุดมีน้ำหนักสัมพันธ์มากกว่าด้วย ไวโอมิงมี  ECV 3 เสียง ต่อประชากร 586,000 คนที่อาศัยอยุ่ที่นั้น หรือหรือ 1 เสียง ECV ต่อประชากร 195,000 คน ขณะที่แคลิฟอร์เนียซึ่งมีประชากร 39 ล้านคน มีผุ้มีสิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดี 55 คน หรือ มี EVC 55 เสียง หรือหนึ่งเสียง(หนึ่งผุ้มีสิทธิ)ต่อประชากร 712,000 คน

         ผุ้สนบสนุนระบบคณะผุ้เลือกตั้งกล่่าวว่านั้นคือประเด็นสำคัญ ระบบนี้สะท้อนถึงระบบสหพันะรัฐของอเมริกาด้วย การให้อิทธิพลแก่รัฐที่เล็กกว่มากขึ้น หากไม่มีคณะผุ้เลือกตั้ง ผุ้สมัครจะมุ่งเน้นไปที่เมืองใหญ่และขตชานเมืองแทน ระบบนี้บังคับให้ว่าที่ประธานาธิบดีต้องแสวงหาการสนับสนุนจากกลุ่มผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่หลากหลาย ระบบนี้ยังขยายขอบเขตของชัยชนะ ทำให้ประธานาธิบดีมีอำนาจในการบริหารประเทศมากขึ้น โดยคะแนนเสียงที่ชนะในคณะผุ้เลือกตั้งมักจะกว้างกว่าคะแนนนิยมมาก

          ปัญหาเกิดขึ้นเมือผุ้สมัครรายหนึ่งแพ้คะแนนนิยมแต่กลับชนะคณะผุ้เลือกตั้ง ซึ่งเกิดขึ้นถึง 4 ครั้ง รัฐสภาพยายามปรับระบบการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับคะแนนนิยมมากขึ้น การเคลือนไหวดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากริชาร์ด นิกสัน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีขณะนั้น แต่ถูกขัดขวางโดยวุฒิสมาชิกจากภาคใต้ ซึ่งกังวลว่าจะทำให้อำนาจในการเลือกตั้งในภูมิภาคชของตนอ่อนแอลง

          คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมากที่สุดในภุมิทัศน์ทางการเมืองปัจจุบัน คณะ
กรรมการการเลือกตั้งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เลือกประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา แทนที่จะลงคะแนนเลือกประะานาธิบดีโดยตรง ประชาชนจะลงคะแนนเสียงเลือกผุ้เลือกตั้งเพื่อลงคะแนนเสียงให้กับตน แต่ละรัฐมีจำนวนผุ้เลือกตั้งเท่ากับสมาชิกสภผุ้แทนราษำรและวุฒิสภชิกในรัฐสภา และบางคนอาจโต้แย้งว่าจำนวนผุ้เลือกตั้งนี้เือ้ประโยชน์ต่อรัฐที่มีประชากรน้อยกว่าเนื่องจากผุ้เลือกตั้งสองคนแรกทำให้จำนวนประชากรลดลง สมมติว่ รัฐ A มีผุ้แทน 5 คน และรัฐ B มีประชากรมากกว่ารัฐ A ถึงสองเท่า หากเป็นสัดส่วนกับประชากรอย่างสมบูรณ์ รัฐ B จะมีผุ้เลือกตั้งมากกว่าสองเท่า(10) รัฐ B จะมีผุ้เลือกตั้ง 12 คนใสสมมติฐานที่เป็นจริงนี้ และรัฐ A จะมีผุ้เลือกตั้ง 7 คน ในรัฐที่เล็กกว่า การลงคะแนนเสียงแต่ละครั้งมีน้ำหนักมากกว่ารัฐที่ใหญ่กว่ ตลอดประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ผุ้ชนะการลงคะแนนเสียงแบบนิยมแพ้หลายครึ้ง และในความเป็นจริง ปรธานาะิบดี 2 คนจาก 4 คนสุดท้ายแพั้การลงคะแนนเสียงแบบนิยม ทิ้งคำถามไว้ว่าใครมีอำนาจ เสียงของประชาชนหรืออนาคของประเทศอยุ่ในมือของนักการเมืองที่ชาญฉลาด

           ปัจจัยอีกแระการหนึ่งในกระบวนการเลือกตั้งคณะผุ้เลือกต้งคือข้อตกลงระหว่างรัฐว่าด้วยการลงคะแนนเสียนิยมแห่งชาติ National Popular Vote Interstate Compact ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐต่างๆ หลายแห่งและเขตโคลัมเบยในการมอบคะแนนเสียงเลือกตั้งของตนให้กับผุู้สมัครรายใดก็ตามที่ได้รับคะแนนเสียงนิยมทั่วทั้งประเทศ ขอ้ตกลงดังกลบ่าวอาจเป็นแวทางแก้ไขที่ประชาธิปไตยมากกว่าาสำหรับคณะผู้เลือกตั้ง เนื่องจากให้อำนาจแก่คะแนนเสียงนิยมมากขึ้น มีข้อเสนอแนะว่าแนวทางดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ต่อพรรคเดโมแครต

        พรรครีพับลิกัน ในปี 2016 ชาวอเมริกัน 47% สนับสนุนระบคณะผุ้เลือกตั้ง เพ่ิมขึ้นจาก 35% ในปี 2011 อะไรเป็นแรงผลักดัน ส่วนใหญเป็นเพราะการเปลี่วยนจุดยืนอย่างเด็ดขาดของพรรครีพับลิกันเพือสนับสนุนระบบคณะผู้เลือกตั้ง มีการกล่าวหาว่มุมมองของพรรครีพัลลิกันต่อระบบนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของจอร์จ ดับเบิลยู บุช และโดนัลด์ ทรัปม์ ซึ่งทั้งคู่ได้รับชัยชนะในการเลือกต้้งผ่านคณะผุ้เลือกตั้ง ดดยแพ้เคะแนนนิยม สิ่งนี้มีความสมเหตุสมผลทางการเมืองเนือ่งจากหลักการพื้นฐานของพรรครีพับลิกันยังคงมั่นคง แม้ว่าอาจจะรุนแรงขึ้น เนื่องจากความแตกแยกกำลังขยายกว้างขึ้น แม้ว่า 54% ของ


พรรครีพับลิกันสนับสนุนการใช้คะแนนนิยมเท่านั้นในปี 2011 ในขณะที่เพียง 19% เท่านั้นที่สสนับสนุนในปี 2016 ข้อสังเกตแบบคงที่คือ การเปลี่ยนค่านิยมหลักใน 5 ปี ดูเหมือนจะมีปัจจัยงบรรเท่าชัี่วคราวและปัจจัยดังกล่วกาจเป็นชัยชนะล่าสุดจากากรใช้คณะผุ้เลือกตั้งเรื่องนี้สมเหตุสมเผลเนื่องจากสมมติฐานที่ใช้ในตอนแรกมักจะสนับสนุพรรครีพับลีกัน เนื่องจากรัฐที่มีขนาดเล็กและอยู่ในชนบทมีแนวโน้ม ีจะเลือกพรรครีพับลิกันมากกว่า แนวทางดั้งเดิมของพรรครีัพับลิกันส่งผลต่อมุมมองของพวกเขา เนืองจากพวกเขาเชื่อว่าควรมีการคงเนือหาสน่วนใหญ่ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบีบดั้งเดิมให้มากที่สุดเท่ารที่จะเป็นไปได้ พรรครีพัลลิกันในปัจจุบันเชื่อว่าคะแนนนิยมยัง "เปิดประตูน้ำให้เกิดการทุจริตได้" ควบคู่ไปกับการทุจริตรัฐะรรมนูญด้วย

         เพรรคเดโมแครต เชื่อว่า ระบบการเลือกตั้งนั้นล้าสมัย และมองว่าระบบดังกล่าวเป็นเพียงสิ่งตกค้างที่ไร้ประดยชน์ซึ่งเกิดจากการประนีประนอมระหว่างคะแนนนิยมและการคัดเลือกสมาชิกรัฐสภที่ล้มเหลว าวอเมริกันเข้าถึงข้อมุลเกี่ยวกับผุ้สมัครได้น้อยลงมาก และผุ้เลือกตั้งจะลงคะแนนแทนพวกเขาเพราะพวกเขาไม่ได้รับความไว้วางใจให้ตัดสินใจอยข่างชาญฉลาดและมีข้อมุลเพียงพอ ปัญหานี้ไม่มีอยุ่อีกต่อไป ดังนั้ พรรคเดโมแครต จึงเชื่อว่าระบบที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัยหานี้ไร้ประดยชน์และ้ พรรคเดโมแครตหลายคนและพรรรครีพับลิกันบางคนเชื่อว่า "ผุ้เลือกตังที่ไร้ศรัทธา" เป็นปัญหาใหญ่หลวงนั้นคืเมืองผุ้เลือกตั้งละท้ิงการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของประชาชนและเลือกคนที่พวเกขาต้องการ ในการเลือตั้งปี 2016 ผุ้เลือกตั้ง 7 คน "ไร้ศรัทะา" พวกเขาลงคะแนนเสียวไม่เห็นด้วยกับมุมมองของผุ้เลือกพวกเขา ซึ่งหมายความว่า ฮิลลารี คลินตันเสียคะแนนเสียงไป 5 คะแนน และโดนัลด์ ทรัมป์เสียไป 2 คะแนน ในการเลือกต้งครั้งหน้าผุ้เลือกตั้งที่ไร้ศรัทะพาสามารถทำให้คะแนนนิยมเป็นโมฆะได้ตามกฎหมาย โดยทั่วไปแล้วพรรคเดโมแครรตมีมุมมองที่ก้าวหน้ามากว่าดดยเชื่อว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรัฐะรรมนูญบางประการให้เหมาะกับยุคสมัย

             https://crossing-the-divide.org/materials/electoral-college?gad_source=1&gclid=CjwKCAjwnqK1BhBvEiwAi7o0X4lZkDvU-j0TbdKNRNdi6W6r1LH2MxoOveRgck2DuDdbJd89OAlKwhoCBQQQAvD_BwE

            https://www.economist.com/the-economist-explains/2016/11/07/how-does-americas-electoral-college-work

            https://www.matichon.co.th/politics/news_2393135

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

War affect elections?

           16/1/2020 หลังจากที่โดรนของสหรัฐฯ โจมตีอิรักจนทำให้ผุ้นำกองทัพอิหร่านเสียชีวิต 10 นาย ทหารจากฟอร์ตแปรกก์ในนอร์ทแคโรไลนาประมาณ 3,500 นายจึงถูกสงไปตะวันออกกลาง การส่งกำลงทหารดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่การเลือกตั้งของสหรัฐฯ กำลังเข้มข่นขึ้น ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามต่อากรเมืองการเลือกตั้ง


         เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2016 เขวิจารณืพรรครีพับรีกันและเดโมแครตอย่างเงเป็นเผยถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามที่ยือเยื้อในตะวันออกกลาง เขาวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นผุ้สมัครที่จะยุติสงครามในอัฟกานิสสถาน นำทหารกลับบ้าน และป้องกันไม่ใ่้ห้ประเทศเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่ไร้เหตุผลอีกต่อไป

        ต่อมา ทรัมป์กำลังพิจารณาลดจำนวนทหารในอัฟการนิสถาน แม้วาจะไม่มีข้อตกลงกับหลุ่มตาลีบันก็ตาม  แต่ในช่วงต้นเดือนนี้ ทรัปม์ทำให้หลายคนกลัวว่าเขากำลังเปิดแนวรบใหม่ในสงครามตะวันออกกลาง หลังจากที่รัฐบาลของเขาได้โจมตีทางอากาศโดยโครนในอิรักอย่างกะทันหัน จนทำให้ผุ้นำกองทัพอิหร่านเสียชีวิต 10 ราย รวมถึงผุ้บัญชาการกองกำลังความั่นคงและหน่วยข่าวกรองระดับสูงของประเทศด้วย ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยว่าสงครามในต่างประเทศส่งผลต่อการเลือกตั้งภายในประเทศอยางไร 

         นั่นคือหัวข้อการศึกษาวิจัยในปี 2017 ช่อว่า "Battlefield Casualties and Ballot Box Defeat: Did the Bush-Obama Wars Cost Clinton the White House?" โดย Douglas Kriner ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบอสตัน และ Francis Shen จากคณะนิติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลับมินนิโซตา พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าความแตกแยกกำลังเพื่ิมขึ้นในสหรัฐฯ ระหว่าชุมชนที่มีคนหนุ่มส่าวเสียชีวิตในสงครามและชุมชนที่มีคนหนุ่มสาวไม่เสียชีวิต และ"ช่องว่างความสูญเสีย" นี้มีส่วนทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะหรือไม่

       "แม้จะควบคุมด้วยแบบจำลองทางสถิติสำหรับคำอธิบายทางเลือกอื่นๆ อีกมากมาย เราก็พบว่ามีความสัมพันธ์ที่สำคัญและมีความหมายระหว่างอัตราการเสียสละทางทหารของขุมชนกับการสนับสนุนทรัมป์" พวกเขาเชียนโดยให้เครดิตเขาที่ "พุูดถึงส่วนหนึ่งของอเมริกาที่ถูกลืมแห่งนี้" 

        นักวิจัยสรุปว่า หากรัฐสำคัญ 3 แห่งที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะ ได้แก่ มิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน มีอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงเล็กน้อย ทั้งสามรัฐอาจเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน และส่งฮิลลารี คลินตันจากพรรคเดโมแครตเข้าทำเนียบขาวได้ ซึ่งเรื่องนี้มีนัยสำคัญต่อนโยบายต่างประเทศ พวกเขาเขียนไว้ดังนี้

         "หากทรัมป์ต้องการชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2020 ชะตากรรมในการเลือกตั้งของเขาอาจขึ้นอยุ่กับแนวทางของรัฐบาลต่อต้นทุนด้านมนุษยธรรมของสงคราม ทรัมป์ควรมีความอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อการสูญเสียชีวิตจากการสู้รบของชาวอเมริกัน ไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นนักการเมืองอีกคนที่มองข้ามความไม่เท่าเทียมที่มองไม่เห็นของการเสียสละทางทหาร ในวงกว้างกว่านั้น ผลการวิจัยชี้ให้เห็นวานัการเมืองจากทั้งสองพรรคควรตระหนักและตอบสนองความต้องการของชุมชน ที่มีหญิงสาวและชายหนุ่มวัยรุ่นที่เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติโดยตรงมากขึ้น"

         นักวิจัยยังได้ศึกษา,กระทบของสงครามต่อการมีส่วนร่วมของผุ้ลงคะแนนเสียง ซึค่งรวมถึงไมเคิล โดช จากมหาวิทยาลัย "เท็กซัส เอแอนเอ็ม" และสตีเผนนิโคลสัน จากมหาวิทยลังแคลิฟอร์เนีย เมอร์เซค การศึกษาในปี 2016 เรื่อง "Death and Turnout: The Human Costs of War and Voter Participation" ของพวกเรา ได้เจาึกข้อมุลข้ามชขาติจากากรเลือตั้งในระบอบประชาธิปไตย 23 แห่งตลอดระยะเวลา 50 ปี และข้อมูลการสำรวจจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรในช่วงสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน ข้อสรุปคือ "การเสียชีวิตที่เพ่ิมขึ้นทำให้มีผู้เข้าร่วมเพ่ิมมากขึ้น"

       โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Kock และ นิโคลสัน พบว่าจำนวนผุ้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพ่ิมขึ้นเมือความขัดแย้งส่งผลให้มีผุ้เสียชีวิตมากกว่า 300 ราย จำนวนผุ้เสียชีวิตจากสงครามจำนวนมากทำให้จำนสนผุ้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพ่ิมขึ้นพวกเขาเขียนว่า "โดยเข้าถึงสมาชิกในสังคมที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมทางการเมือง" พวกเขายังบพอีกว่ากลุ่มที่มีความสนใจในการลงคะแนนเสียงต่ำมีแนวโน้มที่จะมีแรงจูงใจในกรรลงคะแนนเสียงมากขึ้นเมือจำนวนผุ้เสียชีวิตจาการสู้รบเพ่ิมขึ้นภายใน 60 วันหลังจากการเลือกตั้ง

        แต่ในเวลาเดียวกัน การศึกษายังพบว่ารูปแบบการลงคะแนนเสียงเหล่านี้ไม่มีผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งมากนัก เนือ่งจาก "ในทุกๆ คนที่ถูกระดมให้ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยกับความขัดแย้งโดยการลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยกับผุ้นำที่มีความผิด ดูเหมือนว่าอีกคนจะถูกจูงใจให้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนสงครามโดยการสนับสนุนผุ้นำที่มีความผิด"

        15/5/2024 เมื่อเกิดสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ตั้งปี 2022 ยาวต่อเนืองมาถึงการเลือกตั้งประธานาธิดบีสหรัฐฯในปี 2024 ต่อคำถามที่ว่าสงครามยูเครนยังสำคัญต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯ หรือไม่ ?

        ในขณะที่ผุ้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิดีสหรัฐฯทั้งสองคนคือ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน(ซึ่งต่อมาถอนตัวด้วยปัญหาสุขภาพ) และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังให้ความสนใจด้านนโยบายต่างผระเทศกับสงครามในกาซา คำถามที่เร่ิมภถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ คือ ประเด็นเรื่องสงครามในยูเครนยังคงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในอเมริกาหรือไม่ 

          ประชาชนหลายพันคนที่เมืองวอฟแชนสก์ ทางภาคเหนือของยูเครน อพยพออกจากมเืองเมือต้นสัปดาห์นี้เมือมีข่าวว่ากองทัพรัสเซียกำลังยคดเมืองดังกล่าวไว้ได้แล้ว ขณะที่กองทัพยูเครนพยายามโต้กลับการรุกรานของรัสเว๊ย ด้วยความช่วยเหลือชุดล่าสุดจากสหรัฐฯ มุลค่ีากว่า 50,000 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งประธานาธิบดี โจ ไบเดน เป็นผู้ลงนามรับรองเมือเดือนที่แล้ว

          หลายเดือนที่ผ่านมา ไบเดนเน้นย้ำหลายครั้งว่า ความช่วยเหลือที่ให้แก่ยูเครนถือเป็นแก่นกลางของนโยบายด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ไบเดนกล่าวว่า "หากสหรัฐฯ ถอนตัวออกมาตอนนี้จะทำให้ยูเครนตกอยุ่ในความเสี่ยง ยุโรปจะตกอยู่ในความเสี่ยง และโลกเสรีก็จะตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้ผุ้ที่ต้องการทำอันตรายเรายิ่งได้ใจ" ไบเดนระบุว่ ข้อความที่ตนต้องการส่งถึงประธานาธิบดีปูตินก็คือ "สหรัฐฯจะไม่ถอนตัวเด็ดขาด"

         อย่างไรก็ตาม นักวิเคราห์ชี้ว่า ปกติแล้วนโยบายต่างประเทศจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ เจม เธอร์เอบร์ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยอเมริกัน กล่าวว่า "ประเด็นยูเครนแทบไม่มีผลต่อการลงคะแนนในคูหา เช่นเดียวกับนโยบายต่างประเทศที่มีความสำคัญต่อผุ้มีสิทธิลงคะแนนเพียงไม่ถึง 5% ซึ่งโดยทัี่วไปแล้วตรวมถึง จีน พรรคคอมมิวนิสต์จีน การตอบโต้ปูติน และส่ิงที่เกิดขึ้นในกาซา

        ด้านทรัมป์ วิจารณืว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากเกินไปแลบ้ว และก่อนหน้าทนี้ทรัมป์เคยบอกว่า ตนจะไม่ปฏิบัติตามความตกลงของชาติสมาิชกองค์การนาโต้ที่ต้องร่วมกันปกป้องชาติสมาชิกอื่น หากถูกรัสเซียรุกราน

        บาร์บารา เพอร์รี นักวิเคราะห์แห่งศุนย์มิลเลิอร์ มหาิทยาลัยเวอร์จิเนีย ชี้ว่า สิ่งที่ทรัมป์กล่าวนั้นสอดคล้องกับความกังวลของชาวอเมริกันจำนวนมากเรื่องที่สหรัฐฯเข้าไปข้องเกี่ยวักบกิจการของประเทศอื่นมากเกินไป

        นักวิเคราห์ผุ้นี้กล่าวว่า "การทำสงครามกับผุ้ก่อการร้ายเป็นเวลา 20 ปี และส่งิที่เรียกว่าสงครามไม่รู้จบ อาจส่งผลให้มีชาวอเมริกันมากขึ้นที่สนับสนุนให้อเมริกาโดดเดียวจากชาติอื่น รวมทั้งนโยบายอเมริกามาก่อน ซึ่งเป็นหตุผลที่ทำให้ทรัมป์ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเลือกตั้งเมือ่ปี 2016 รวมทั้งการที่เขาได้รับเลือเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือต้งประธานาธิบดีในปี 2024 นี้ด้วย" 

         ในขณะเดียวกัน ผุ้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การชุมนุมตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนปาเลสไตน์และต่อต้านสงครามในกาซา ยิ่งนำไปสู่คำถามถึงการจัดสรรวบประมาณของสหรฐฯ เพื่อช่วยเหลือประเทศอืนในการทำสงคราม 

         บาร์บารา เพอร์รี จามหาวิทยาลัยเวอร์จิเนย ให้ความเห็นว่า คถถาที่นักศึกษาบางส่วนต้องการคำตอบคือ "ทำไมเราจึงทุ่มเงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ และส่งอาวุธยุทธโธปกรณ์ไปยังยูเครนและอิสราเอล ทำใมเราจึงไม่ใช้เงินเลห่านี้ไปกับการแก้ปัญหาต่างๆ ภายในประเทศ

         ด้านประธานสภาผุ้แทนารษฎรสหรัฐฯ ส.ส. ไม่ค์ จอห์นสัน จากพรรครีพับรีกัน กล่าวหลังจากผ่านร่างกฎหมายความช่วยเหลือต่างชาติเมืองเดอืนเมษายน ซึ่งคาดว่าจะเป็นความช่วยเหลือชุดสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยบอกว่า ตนยินดีส่งอาวุธไปยูเครนมากว่าส่งชายหนุ่มอเมริกันไปร่วมรบที่นั้น....

              https://www.voathai.com/a/will-us-voters-continue-to-care-about-ukraine-amid-israel-hamas-conflict-/7611152.html

              https://www.facingsouth.org/2020/01/how-does-war-affect-elections


วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

War and Election

           สงครามมักจะเกิดขึ้นในสนามรบ แต่บ่อยครั้งก็จบลงที่การเลือกตั้ง ตั้งแต่การรบของฝรั่งเศสในแอจีเรียไปจนถึงสงครามเวียดนามของสหรัฐฯ สงครามครั้งนี้มีทั้งการสนับสนุนจากประชาชนที่ลดลงและความล้มเหล่วทางการทหารที่ผลักดันใหผุ้เข้าร่วมต้องยอมจำนน  ในขณะที่สงครามกับยูเครนของรัสเซียใกล้จะครบรอบ 2 ปี การเลือกตั้งใหญ่ 2 ครั้งก็ใกล้จะเกิดขึ้นเช่นกัน โดยชาวยุโรปจะเข้าร่วมเพียงการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือนมิถุนายน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกา อย่างไรก็ตามผลลัมธ์ของการเลือกตั้งทั้งสองคร้งจะส่งผลอย่างสำคัญต่อภูมิรัฐศาสตร์ของยุโรป การคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการเลือตั้งครั้นี้อาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธทางการทหารของทั้งมอสโกและเคียฟ พลวัตในสนามรบน่าจะสงผลต่คะแนนเสียง 


          ปูติน คาดหวัีงความเหนื่อยล้าจากสงคราในช่าติตะวันตกจะช่วยให้รัสเซียได้รับชัยชนะ สภานการณ์ในอุดมคติสำหรับเขาคือการที่รัฐบาลทรัมป์ชุดที่สองยุติการสนับสนุนเคียฟของสหรัฐฯ พร้อมกับความสนใจของยุโรปในสงครามก็ลดน้อยลง สถานการณืดังกล่าวจะส่งผลดีต่อเขาหากยูเครนกล่ยเป็นส่วนหนึ่งของสงครามวัฒศนธรรมยุโรปก่อนการเลือกตั้งในเดือนมิถุนาย โดยกลุ่มต่อต้านยุโรป คัดค้านการสนับสนุนเคียฟต่อไ ปและกลุ่มที่นิยมยุโรปต้องการคงการสนับสนุนนี้ไว้

        บทความนี้จะสรุปสถานการณ์ปัจจุบันของความคิดเห็นของประชาชนในยุโรปกี่ยวกับสงครามในยูเครน โดยอ้างอิงจากผลการสำรวจที่ ECFR จัดทำขึ้นเมือ มกราคม 2024 ใน 12 ประเทศยุโรป (ออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมัน กรีซ ฮังการี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย สเปน และสวีเดน) เมื่อพิจารณาจากภาพรวมที่การวิเคราะห์นี้เผยให้เห็น บทความนี้จึงเสนอแนวทางว่าผุ้นำควรทำย่างไรจึงจะสนับสนุนเคียฟต่อไปได้ดีที่สุด

        ในแง่หนึ่ง ชาวยุโรปดูเหมือนจะมองในแง่ร้ายเกี่ยวกับโอกาสที่ยูเครจะชนะสงคราม และส่วนใหญ่คาดการณ์วาสงครามจะจบลงด้วยการยุติความขัดแย้ง ในทางกลับกัน ชาวยุโรปสวนใหย่ก็ไม่ต้องการการประนีประนอมเช่นกัน พวกเขายังไม่ค่อยพอใจนักกับโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์จะได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง และหลายคนคิดว่าชัยชนะของเขาอาจเป็นชัยชนะของปูตินด้วยเช่นกัน

        ผุ้นำในยูเครนและพันธมิตรจำเป็นต้องหาวิะีใหม่ในการแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนยูเครนต่อไป พวกเขาควรยึดหลักความเป็นจริงที่ชขาวยุโรปไม่รต้องการให้รัสเซียชนะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกวาตัวเองเป็นวีรบุรุษ
เช่นกัน หากทรัมป์ได้รับชัยชนะในเดือนพฤศจิกายน ชาวยูเครนและพันธมิตรในยุโรปจะต้องสร้างเรื่องราวเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัมป์และปูตินต้องแสร้างทำเป็น "พรรคสันติภาพ" ในความขัดแย้งที่ผลลัพธ์ยังไม่ชัดเจน ดังนั้นการตอสู้เพื่อกำหนดความหายของ "สันติภาพที่ยังยืน" จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

       เมือสองปีก่อน ประชาชนในยุโรปแสดงความเห็นอกเห็นใจยูเครนเป็นพิเศษแต่ก็แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามด้วย สงครามคร้งใหญ่ที่เกิดขึ้นใกล้ตัวทำให้บรรดาผุ้นำและสังคมในยุโรปต้องตือนตัวและเผชิญกับความเป็นจริงใหม่ในวงการเมืองโลก

        ในตอนแรก ความวิตกกังวลของชาวยุโรปดุเหมือนจะส่งผลต่อความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับผลลัพธ์ของสงคราม การวิจัยของ ECFR ในเดือน มิถุนายน 2022 เผยให้เห็นว่าชาวยุโรปจำนวนมากสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว แม้วายูเครนจะต้องเสียดินแดนก็ตาม อย่างไรก็ตามหนึ่งปีต่อมา การสำรวจแสดงให้เห็นว่าความสำเร้๗ของกองทัพยูเครนและการแสดงความเป็นผุ้นำของสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนการรับรู้ของสาธารณชนในยุโรปซึ่งต่างจากผุ้คนจำนวนมากในโลกได้ ชาวยุโรปจำนวนมาต้องการสนับสนุนยูเครนจนกว่เคียฟจะยึดดินแดนทั้งหมดคืนมาได้ ตอนนี้ หลังจากที่ยูเครนโต้กลับอย่างน่าผิดหวัง และท่ามกลางการสนับสนุนที่ลดลงในเมืองหลวงของชาติตะวันตก ความหวังดังกล่าวบางส่วนดูเหมือนจะจางหายไป

          การสำรวจล่าสุดของ ECFR แสดงให้เห็นคุณลักษณะสำคัญ 3 ประการในความคิดเห็นสาธารณะของยุโรปที่อาจส่งผลต่อกลยุทธ์ของผุ้นำทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการทดสอบเบื้องต้นของการเลือกต้งรัฐสภายุโปรในเดือนมิถุนาย

         
ประการแรก ชาวยุโรปดูเมหือนจะมองโลกในแง่ร้ายต่อผลลัมธ์ของสงคราม โดยเฉลี่ยแล้วชาวยุโรปเพียงร้อยละ 10 จาก 12 ประเทศเชื่อว่ายูเครนจะชนะ และอีกสองเท่าคาดว่ารัสเซียจะชนะ ความเชื่อมั่นที่อ่อนแอในโอกาสที่ยูเครนจะชนะนั้นเห้นได้ชัดเจนทั่วทั้งยุโรป อยางไรก็ตาม การคาดหวังการยุติสงครามนั้นไม่เหมือนกับการเลือผลลัพธ์ดังกล่าวในสงครามครั้งนี้ และเมื่อถามชาวยุโรปว่าพวกเขาต้องการให้รัฐบาลดำเนินการอย่างไรกับยูเครน ภาพที่ปรากฎก็มีความหลากหลายมากขึ้น ผู้ตคอบแบบสอบถามใน 3 ประเทศ แสดงความชัดเจนว่าต้องการสนับสนุนให้ยูเครนยึดดินแดนคืน แต่ในอีก 5 ประเทศ ประชาชนมักต้องการให้รัฐบลกดดันเดียฟให้ยอมรับข้อตกลงในขณะที่อีก 4 ประเทศที่เหลือมีความเห็นแตกแยกกัน

          ประการที่สอง การสำรวจของเราชี้ให้เห็นถึงการเปล่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ของการสนับสนุนยูเครน ก่อนหน้านี้ ความคิดแบบเดิมคือเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุดของยูเครนเป็นกลุ่มที่สนับสนุนมากที่สุด ซึ่งก็เป็นกรณีเดียวกันในแง่ของการสนับสนุนเดียฟของรัฐบาลและความเปิดกว้างในการต้อนรับผุ้ลี้ภัยชายยูเครน แต่ในปัจจุบัน ยูเครนดูเหมือนจะได้รับการสนับสนุนจากสาะารณชนอย่างแข็งแกร่งที่สุดในโปรตุเกสและฝรั่งเศสที่อยุ่ห่างไกลในขณะที่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนดูเหมือนจะไม่แน่นอนในเพื่อบ้านที่อยู่ติดกันบางแห่งของประเทส

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ฮังการีภายใต้การนำของวิกเติร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีที่สรับสนุนปูติน ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ การสำรัวจล่าสุดยังพบว่าฮังการีเป็นประเทศที่มีผุ้ตคาดหวังว่ารัสเซียจะชนะมากที่สุด และผุ้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต้องการให้ยูเครนต้งถิ่นฐาน แต่ตัวเลขของโรมาเนียไม่แตกต่างกันมากนัก โดย 18% เชื่อว่ารัสเซียจะชนะ และ 50% ต้องการให้ยูเครนตั้งถิ่นฐาน

         อย่างไรก็ตาม ที่น่าสังเกตที่สุดคือ โปแลนด์ซึ่งภายใต้รัฐบาลประชานิยมก่อนหน้าและรัฐบาลที่นิยมยุโรปปัจจุบัน ได้งางตำแหนงตวเองให้เป็นหนึ่งในผุ้สนับสนุนยูเครนที่กระตือรือร้นและเชื่อถือได้มากที่สุด กลับพบว่าประชากรของประเทศมีความไม่มั่นใจเพ่ิมมากขึ้นเมือต้องเผชิญกับปัญหาบางประการที่เกี่ยวข้องกับยูเครน โดยเฉพาะการเข้าถึงผลิตภัฒฑ์ทางการเกษตรของยูเครนสู่ตลอดโปแลนด์และยุโรป

          นอกจากนี้ แม้ว่าชาวโปแลนด์ (ร่วมกับชาวสวีเดนและโปรตุเกส) ยังคงเป็นผุ้สนับสนุนอยางแข็งขันต่อปฏิบัติการทางทหารของยูเครนแต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความหวงมากนักเกี่ยวกับโอากสที่เคียฟจะชนะ ในระดับความคิดเห็นของประชาชน หลักฐานก็เร่ิมมีมากขึ้นเรือยๆ ที่แสดงถึงความรู้สึกที่หลกาหลายต่อผุ้ลี้ภัยชาวยูเครน

         ต่อประเด็นผุ้อพยพชาวยูเครนผุ้ตอบแบบสอบถามทั้ง 12 ประเทศ มองว่าผู้อพยพจากสวนต่างๆ ของโลกเป็นโอกาศหรือภัยคุกคามหรือไม่ในหลายประเทศที่สำรวจ พบว่ามีควมกลัวการอพยพเข้าเมืองอย่างมาก แต่สวนใหญ่มักจำกัดอยุ่แค่ผู้อพยพจากตะวันออกกลางหรือแอฟริกา ชาวยูเครนมักได้รับกรมองในแง่ดีหรืออย่างน้อยก็เป็นกลาง สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ เมือพูดถึงการผนวกยูเครนเข้ากับสหภาพยุโรป(และตรงกันข้ามกับประเพณีของยุโรป) เพือ่นบ้านใหกล้ชิดของยูเครนอาจกลายเป็นผุ้วิพากษ์วิจารณืยูเครนอย่างรุนแรงที่สุด แทนที่จะเป็นผุ้สนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันที่สุด

          ประการที่สาม การสำรวจแสดงให้เห็นวาประชาชนยุโรปจำนวนมากตระกนักดัว่าสงครามในยูเครนเป็เรื่องที่ยุโรปกังวลใจมากที่สุด ในขณะที่สงครามอื่นๆ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อโลกโดยรวมเช่นกัน

          ต่อคำถามที่ว่า สงครามในยูเครนหรือสงครามสนกาซามีผลกระทบต่อชีวิตและประเทศของตน ยุโรป และอนาคตของโลกมากกวากัน ผุ้ตอบแบบสอบถาม 12 ประเทศ โดยหนึ่งในสามมองว่าสงครามในยูเครน่งผลกระทบต่อประเทศของตนและยุโรปมากว่า แต่พวกเขาเชื่อวาไม่เป็นเช่นั้นสำหรับอนาคตของโลก ในความเป้นจริงชาวยุโรปสวนใหญ่(60%) เชื่อว่าสงครามในกาซามีผลกระทบต่ออนาคตของโลกเท่าๆ กับสงครามในยูเครน

         ผลกระทบของทรัปม์ต่อการเมืองโลกกำลังเบาบางลงแม้ว่าจะยังไม่งไม่ชัดเจนว่าเขาจะสามารถกลับเข้าสู่ทำเนีบขาวได้หรือไม่ หรือจะดำเนินนโยบายใดหากเขาสามารถกลับมาได้ คงไม่น่าแปลกในที่ผุ้มีสิทะิเลือกตั้งส่วนใหญ่ในยุดรปจะผิดหวังหากทรัมป์ได้รับชัยชนะและแทบไม่มีใคร แม้แต่ในฮิังการี ซึ่งเป็นประเทศที่สนับสนุนทรัปม์มากที่สุดในบรรดาประทเทศที่สำรัวจ มีผุั้
ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 28 เท่านั้นที่พอใจหากทรัมป์กลับมา 

         เมื่อทรัปม์ขึ้นสู่อำนาจในปี 2016 พรรคการเืองฝ่ายขวาจัดและแพรรประชานิยมในยุโรปต่างยกย่องขัยชนะของเขาว่าเป็นจุดเร่ิมต้นของการปกิวัติของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในฝั่งนี้ของมหาสมุทรแอตลอนติก เรือ่งราวดังกลบล่าวไม่ประสบความสำเร็จโดยสิ้นเชิงในตอนนั้น และดูเหมือนวาจะมไม่สามารถจูงใจผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในปัจจุบันได้ แม้จริงแล้ว มีเพียงผุ้สนับสนุนพรรค Fidesz ของ Prban เท่านั้นที่จะพอใจหากทรัมป์กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของผุ้สนับสนุน "บราเทอร์ ออฟ อิตาลี "อัลเตอร์เนทีฟ ฟอร์ เยอรมันนี" และ "ฟรีดอม ปาร์ตี้ ออฟ ออสเตรีย" สัดส่วนจองผุ้ม่ีสิทธิเลือกตั้งของ "รัสเซมเบลเมนท์ เนชั่นแนล" ของฝรั่งเศสและ "ลอว์ แอน จัสติก" ของโปแลนด์นั้นน้อยกว่ามาก ทรัมปือาจขึ้นสู่อำนาจในอเมริกา แต่การปฏิวัติของทรัมป์ในยุโรปไม่ได้เกิดขึ้นตามไปด้วย ชาวยุโรปจะไม่ต้อรับทรัมป์กลับมาอยางแน่นอน แต่พวกเขาไม่แน่ใจักและแบ่งแยกมากขึ้นเกี่ยวกับผลที่ตามมาของการที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 ต่อกิจการระดับโลก อาทิ ในขณะที่ขชาวยุโรปเพียงหนึ่งในสี่คิดว่าการเลือกตั้งของทรัป์จะทำให้สงครามระหวางจีนกับสหรัฐฯมีโอกาสเกิดขึ้นมากขึ้น แต่ก็มีชาวยุโรปอีกจำนวนหนึ่งที่คิดว่าทรัมป์จะทำให้สงครามมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง สิ่งที่น่าตกตะลึกคือ ผุ้ตอบแบบสอบถามประมาณครึ่งไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับความขัดแย้งทั้งหมดที่ถาม

         เป็นไปได้วามีหลายสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนีั ทรัปม์สร้างความวุ่วายในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรก แต่ความกลัว ที่เลวร้ายที่สุดของชาวยุดรป เช่น กลัวว่าความสัมพันธ์ระหวางสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกจะพังทลายลง อาจไม่คงอยุ่ตลอดไป ชาวยุโรปบอกกับตัวเองว่าการกลับมาของทรัปม์คงไม่น่ายินดี แต่ผลกระทบของเขาต่อเหตุกาณ์ต่างๆ ทั่วโลกอาจไม่เลวร้าย การรับรู้เช่นนี้อาจเชื่อมดีดจำกัดของอำนาจสหรัฐฯในโลกปัจจุบัน และธรรมชาติที่ผิดปกติของการมืองภายในประเทศของสหรัฐฯผลจาการสำรวจแล้ว ร้อยละ 48%-ของประชากรทั้งหมดมองว่าระบบการเมืองของสหรัฐมีปัญหา

         อย่างไรก็ตาม มีปัญหาหนึ่งที่ผุ้ตอบแบบสอบถามคาดหวังว่าการกลับมาของทรัปม์จะส่งผลกระทบมากกวานั่นคือโอาสที่ยูเครนจะชนะสงคราม  โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าทรัมป์จะทำให้ยูเครนมีโอาสชนะน้อยลง 

        หากทรัปม์กลับมาจริงๆ และหากเขาทำให้เคียฟต้องลำบาก สหภาพยุโรปและประเทสสมาชิกจะสนับสนุนยูเครนได้หรือไม่ และความคิดเห็นของสาธารณชนในยุโรปจะสนับสนุนพวกเขาในเรือ่งนี้หรือไม่ นี่คือคำถามที่ทำให้บรรดาผุ้นำยุโรปนอนไม่หลับ

        ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าประชาชนชาวยุโรปไมได้อยุ่ในอารมณ์ที่กบ้าหาญพิเศษ หลังจากหสรัฐฯ


ถอนทหารออกไป มีเพียงชาวยุโรปสวนน้อยที่อยากให้ยุดรปสนับสนุนยูเครนมากขึ้น

         ความเห็นที่แพร่หลายในบางประเทศคือ ยุดรปควรสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ จำกัดการสนับสนุนยูเครนโดยทำเช่นเดียวกัน และสนับสนุนให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพกับมอสโกว์ มุมองนี้เห็นพ้องกับผุ้ตอบแบบสอบถามคนส่วนใหญ่ใน ฮังการี ดรมเนีย ออสเตรียและกรีซ ต้องการข้อตกลง ไม่ว่าใครจะเป็นปรธานาธิบดีสหรัญฯคนต่อไปก็ตาม

          เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามว่าชาวยุดรปไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนยูเครนในหลักการหรือไม่ หรือพวกเขาเพียงแค่สงสัยเกี่ยวกับความสารมารถของสหภาพยุโรปและประเทสสมาชิกในการดำเนินการอยางมีประสิทธิผลหรือไม่ สองสิ่งทีอาจแยกไม่ออก แต่ชาวยุโรปจำนวนมาก มองว่าระบบการเมืองของหภาพยุโรปนั้นพังทลายไปโดยสิ้นเชิงหรือบางส่วน และการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อสหภาพยุโรปว่าไร้ประสิทธิภาพนั้นสัมพันธ๋กับความต้องการที่จะผลักดันยูเครนให้บรรลุข้อตกลงสันติภาพ และการลอการสนับสนุนยูเครนในกรณีที่สหรัฐฯ ถอนตัวภายใต้การนำของประธานาธิบดี คนใหม่

         https://ecfr.eu/publication/wars-and-elections-how-european-leaders-can-maintain-public-support-for-ukraine/

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

Different foreign policy : Election 2024

            นับตั้งแต่ประธานาธิบดี โจ ไบเดนถอนตัวจากการเลือกตั้งในวันอาทิตรย์ที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสก็ดุเหมือนวาจะเป็นตัวแต็งที่จะได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แฮร์ริสและโดนัลด์ทรัมป์


ผุ้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับรีกันเป็นตัวแทนฝ่ายต่างๆ ในประเด็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญหลายประเด็น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเด่นชัดมากขึ้น หากเธอเป็นผุ้สมัครคนใหม่ของ เดโมแครต เมือเทียบกับแฮร์ริสซึ่งคาดว่าจะเดินตามรอยของใบเดน ในนโยบายต่างประเทศที่สำคัญ ทรัมปืมีท่าทีแขงกร้าวต่อจีน ยือหยุ่นต่อรัศเซีย และเป็นผุ้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งกร้าวในการทำสงครามในฉนวนกาซา

            จากการถอนตัวขงอ โจ ไบเดน รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ดูเหมือนวา่จะเป็นตัวแต็งในการเสนอชื่อชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต ซึงจะทำให้เธอเป็นคู่แข่งกับโดนัลด์ทรัมป์ ผุ้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับรีกัน ในด้านนโยบายต่างประเทศ ทรัมป์ และแฮร์ริสเป็นจตัวแทนของสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันใประเด็นต่างงๆ มากมาย รวมถึง รัสเซีย ยูเครน จีนและอิหร่าน คาดว่า แฮร์ริสจะเดินตามรอยนโยบายต่างประเทศของ ไบเดน ในประเด็นสำคัญเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่ 

       
 อดีตประะานาธิบดีทรัมป์ซึ่งกำลังแสวงหาตำแหน่วประธานาธิบดีสมัยใหม่ หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับไบเดนในปี 2020 เป็นคนที่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน มีความยืดหยุนต่อรัสเซีย และเป็นผุ้สนับสนุนอย่างแข็งขันของอิสราเอลในการทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา 

          โดยทั่วไปแล้ว วาระ "อเมริกันต้องมาก่อน" ของเขามักให้ความสำคัญกับปัญหาภายในประเทศของสหรัฐฯ มากกวากิจการระดับโลก โดยมักจะละเลยปัญหาในระดับนานาชาติและความขัดแย้งในภูมิภาคไป

          สงครามยุเครน-รัสเซีย

          เช่นเดียวกับไบเดน แฮร์ริสให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งแกร่งในขณะที่ปกป้องยูเครนจากรัสเซีย ในเดือนมิถุนายน แฮร์ริสเป็นตัวแทนประเทศของเธอในการประชุมสุดยอดสันติภาพในยูะเครน ซึ่งเธอได้พบกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนเป็นครั้งที่ 6 ในการสนับสนุนเคียฟ เธอยังเป็นผุ้สนับสนุนความร่วมมือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย

        ในการประชุมความมั่นคงมิวนิกเมืองเดือนกุมภาพันธ์ เธอได้ย้ำคำมั่นสัญญาของรัฐบาลไบเดนที่จะสนับนุนยูเครน "นานเท่าที่จำเป็น"  นอกจากนี้ เธอยังกล่าวหารมอสโกว์ว่า "รับผิดชอบ" ต่อการเสียชีวิตของอเล็ซี นาวัลนี นัการเมืองฝ่ายค้านของรัสเซีย

        ในมิวนิก แฮร์ริสพยายามที่จะสร้างความมั่นใจแก่พันธมิตรว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนความมั่นคงในการตอต้านการรุกรานของรัสเซียและภัยคุกคามอื่นๆ "ประชาชนชาวอเมริกันจะพบกับช่วงเวลานี้ และอเมริกาจะยังคงเป็นผุ้นำต่อไป" เธอกล่าว

         ในขณะเดียวกัน ทรัมปื ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาสามารถยุติสงครามระหวางรัสเซียและยูเครนได้เมื่อเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง

         ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุม CNN Town Hall เมื่อเดอืนพฤษภาคม 2023 เขาพูดว่า "พวกเขาตายแล้ว ขาวรัสเซียและชาวยูเครน ผมอยากให้พวกเขาหยุดตาย และผมจะทำให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง"

         สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่กรุงเคียฟเป็นมุลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่สงครามรัสเซ๊ยเร่ิมต้นในเดืนอกุมภาพันธ์ 2022 แต่หากทรัมป์ได้รับชัยชนะ การสนับสนุนในอนาคตก็อาจตกอยุ่ในความเสี่ยง

      เจมส์ เดวิด และ เจดี แวนซ์ เพื่อร่วมทีมของทรัมป์ ก็เป็นหนึ่งในผุ้ที่ไม่เชื่อมั่นในการให้ความช่วยเหลือยูเครนเช่นกัน 

      ในสุนทรพจน์ที่สถบันควินซี เขาพูดว่า "ฉันชื่นชมชาวยูเครนที่กำลังต่อสุ้กับรัสเซียอย่างแน่นอน แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นผลประดยบขน์ของอเมริกาในการที่จะให้เงินทุนสำหรับสครามในยูเครนที่ไม่มีวันสิ้นสุดต่อไป" 

      "เป็นเวลาสามปีแล้วที่ชาวยุโรปบอกเราว่าวลาดิมีร์ ปูตินเป็นภัยคุกคามต่อยุโรป และเป็นเวลาสามปีแล้วที่พวกเขาไม่ตอบสนองราวกับว่านั้นเป็นเรื่องจริง" เขากล่าวกับ Politico ในบทสัมภาษณ์แยกกัน

       สงครามของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา

        ในฐานะรองประธานาธิบดี แฮร์ริสสนับสนุนไบเดนเป็นส่วนใหญ่ในการทำสงครามกับฉนวนกาซา หลังจากการโจมตีของกลุ่มต่อต้านปาเลสไตน์ฮามาส เมือ่วันที่ 7 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม บางครั้งเธอกลับวิจารณ์ยุทธวิธีทางทหารของอิสราเอลมากกว่าประธานาธิบดีเสียอีก 

        เธอวิพากษืวิจารณ์อิสราเอลอยางเปิดเผยในเดือนมีนาคม ดดยระบุว่า อิสราเอลไม่ได้ทำอะไรมาก
พอที่จะบรรเทา "ภัยพิบัติทางมนุษยธรรม" ที่เกิดขึ้นระหว่างการบุกโจมตีภาคพื้นดินในดินแดนปาเลสไตน์

        เธอยังไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะเกิด "ผลที่ตามมา" ต่ออิสราเอลหากอิสราเอลดำเนินการรุกรานพื้นที่ราฟาห์ ซึ่งเต็มไปด้วยผุ้ลี้ภัยในฉนวนกาซาอย่างเต็มรูปแบบ

        แฮร์ริสยังเรียกร้องให้หยุดยิงในฉนวนกาซารทันที่ในเดืนอมีนาคม ก่อนที่ไบเดนจะทำเช่นนั้น

      เมื่อเปรียบเทียบแล้ว แม้ว่าทรัมป์จะเป็นผุ้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน แต่เขาก็ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามในยูเครนและกาซาและปล่อยตัวประกันชาวอเมริกา

     "เราต้องการตัวประกันของเรากลับมา และพวกเขาจะต้องกลับมาก่อนที่แันจะเขัารับตำแหน่ง ไม่เช่นนั้ คุณจะต้องจ่ายราคาแพงมาก" เขากล่าวในการประชุมใหญ่แห่งขชาติของพรรครีพับลิกันประจำปี 2024 โดยกล่าวต่อกลุ่มต่อต้านในฉนวนกาซา

ในระหว่างการดีเบตประะานาะิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรก ทรัมป์วิพากษ์วิจารณืไบเดนดดยเรียเขาว่า "ชาวปาเลสไตน์ที่เลวไ และกล่าวหาวาเขาขัดขวางไม่ให้อิสราเอล "ทำงานให้เสร็จสิ้น" และกล่าวเสริมว่า "สำหรับอิสราเอลและฮามาส อิสราเอลเป็นฝ่ายที่ต้องการไป  เขา(ไบเดน) กล่าวว่ากลุ่มเดียวที่ต้องการไปต่อคือฮามาส จริงๆแล้วอิสราเอลเป็นฝ่ายที่ต้องการไปและคุณควรปล่อยให้พวกเขาไปและให้พวกเขาจัดการงานให้เสร็จ" 

       เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่แข้งกร้าวในการสนับสนุนอิสราเอลอีกครั้งทรัมป์ได้ตัดสินใจฝ่ายเดียวที่จะย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากเทออาวีฟไปยังเยรูซาเลมเมื่อเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีใปี 2017 

           จีน 

           ในช่วง 4ปีที่ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย แฮร์ริสวิพากษืวิจารณ์ทรัมป์ถึงแนวทางของเขาต่อจีน ในระหวา่งดีเบตรองประธานาธิดบีกับ ไมค์ เพนซ์ ในปี 2020 เธอกล่าว่ว่าทรัมป์ "แพ้สงครามการค้าครั้งนั้น" เธอสังเกตอีกด้วยว่าภาษีของเขาสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยไม่ได้สร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์ระหวางประเทศกับจีนเลย

           ในแง่ของประวัติการทำหน้าที่นิติบัญญัติ แฮร์ริสมักทำงานเกี่ยวกับกฎหมายที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในอ่องกงเมือเธอเป็นวุฒิสมาชิกในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับจีน เธอให้คำมั่นในเดือนกันยายน 2022 ว่าจะ "สนับสนุนการป้องกันตนเองของไต้หวันต่อไป สอดคล้องกับนะบายระยะยาวของเรา"


          แฮร์ริสได้พบกับประธานาธิบดี สีจิ้นผิงสั้นๆ ในการประชุมผุ้นำเอเปค เมื่อปี 2022 ดดยเธอเรียกร้องให้เขาเปิดช่องทางการสื่อสารไว้เพื ่อบริหารจัดการการแข่งขันระหว่างสองประเทศอย่างมีความรับผิดชอบ 

         ทรัมป์ ยังมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีน โดยมีนโยบายต่อปักกิ่งที่เน้นการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึงร้อยละ 60 เขาสนับสนุนการจำกัดใหม่ต่อดครงสร้างพื้นฐานที่เป็นของจีนในสหรัฐและเสนอให้สร้างดล่ป้องกันขีปนาวุธ

        แวนซ์ คุ่หูในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ดต้แย้งว่านดยบายที่สนับสนุนโดยประธานาธิบดีไบเดน และ "นักการเมืองที่ไม่ติดตามสถานการณ์" คนอื่นๆ ในวอชิงตัน ทำให้สหรัฐฯ ต้องจมอยุ่กับสินค้าจีนราคาถูก แรงงานต่างชาติ และในทศวรรษต่อๆ มาก็อาจมีการใช้เฟนทานิลจากจีนซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้

       แวนซื ยังบอกกับฟ็อกซ์นิวส์ด้วยว่า จีนนั้นเป็น "ปัญหาที่แท้จริง" สำหรับสหรัฐฯ มากกว่าสวครามในยูเครน และถือเป็น "ภัยคุกคามที่ย่ิงใหญ่ที่สุด" 

       เมื่อพูดถึงการสนับสนุไต้หวันของสหรัฐฯ ทรัปม์กล่าวว่าเกาะแห่งนี้ควรจ่ายเงินให้สหรัฐฯ สำหรับการป้องกันประเทศ โดยเปรียบเทียบสหัฐฯ เป็นบริษัทประกันภัย และโต้แยเ้งว่าไต้หวันไม่ได้ให้สิ่งตอบแทนใดๆ สำหรับการปกป้องประเทศเลย "ผมรู้จักคนเหล่านี้ดีมาก และเคารพพวกเขามาก พวกเขาเอาธุรกิจชิปของเราไปเกือบ 100% ผมคิดว่าไต้หวันควราจ่ายเงินให้เราเพื่อากรป้องกันประเทศ" เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ "บลูมเบิร์ก บิวซิเนสวีค" 

        อิหร่าน

        แฮร์ริส และทรัปม์ยังมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเครียร์กับอิหร่าน 

        แฮร์ริส สนับสนุนแผนปฏิบัติการร่วมครอบคลุมปี 2015 ซึ่งมุ่งหมายที่จะจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน แต่ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวฝ่ายเีดยวในปี 2018 

          นอกจากนี้ เขายังถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงในปี 2018 และดำเนินกลยุทธ์กดดันสูงสุดต่ออิหร่าน โดยนำมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงมาใช้กับหน่วยงานของอิหร่านหลายชุด

         ในเดือนมกราคมปี 2020 ทรัมป์สั่ง โจมตีทางอากาศใกล้กับสนามบินแบกแดด ซึ่งงสัหารกาเซม โซไลมานี ผุ้บัญชาการระดับสุงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสรลามแห่งอิหร่าน

        ระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาอ้างว่าการต่อสุ้ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายของอิหร่านเป็ผลโดยตรงจากนโยบายของเขา "อย่างที่ทราบกันดีว่าอิหรานกำลังล้มละลาย พวกเขาไม่ได้ให้เงินสนับสนุนฮามาส และไม่ได้ให้เงินสนับสนุนอะไรเลย พวกเขาไม่ได้ให้เงินสนับสนุนอิซบุลเลาห์" เขากล่าว

        นาโต้

         องค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของนโยบายต่างประเทศแฮร์ริสคือการสับสนุน NATO อยางแข็งขันของเธอ โดยยืนยันว่าสหรัฐฯจะไม่ถอยห่างจากพันธกรณีที่มีต่อพันธมิตร "โดยกว้างๆ แล้ว นาโต้ ถือเป็นศูนย์กลางของแนวทางของเราต่อความมั่นคงระดับโลก สำหรับประธานาธิบดีไบเดนและฉัน พันะสัญญา ศักดิ์สิทธิของเราที่มีต่อ "นาโต้" ยังคงแน่นหนา" เธอกล่าวในการประชุมมิวนิค

        "ฉันเชื่อว่าอย่างที่แันเคยบอกมาก่อนหน้านี้ว่า "นาโต้" คือพันธมิตรทางทหารที่ย่ิงใหญ่ที่สุดที่โลกเคยรู้จัก" เธอกล่าวเสริม

        "และฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความมุ่งมั่นของเราในการสร้างและรักษาพันธมิตรได้ช่วยให้สหรัฐฯ ได้กลายเป็นประเทศที่ทรงพลังและเจิรญรุ่งเรืองที่สุดในโลก พันธมิตรที่ป้องกันสงคราม ปกป้องเสรีภาพและรักาาเสถีรภาพตั้งแต่ยุโรปไปจนถึงอินโด-แปซิฟิก

         สำหรับทรัมป์เอง ก็ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสมาชิกหลายรายของ "นาโต้" ไม่ได้ปฏิบัติตามพันธกรณีทางการเงินภายใต้ "นาโต้" 

        แฮร์ริสวิพากา์วิจารณือยางหนักถึงความคิดเห็นของทรัปม์ต่อประเทศสมาชิก "นาโต้" ที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ 2% ของกลุ่มพันธมิตร

       ในเดือนกุมภาพันธ์ ทรัมปืหล่าว่าเมือครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาได้เตือนว่าเขาจะไม่เข้าแทรกแซงในกรณีที่รัสเซียโจมตีพันธมิตรที่ไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีทางการเงินที่มีต่อนาโต้...https://www.aa.com.tr/en/americas/how-kamala-harris-foreign-policy-would-differ-from-donald-trumps-in-a-2024-showdown/3282454

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

Netanyahu's Congress speech

             สำนักงานของ ไม่ค์ จอห์สัน ประธานสภาผุ้แทรราษฎรของสหรัฐฯ ประการเมืองคือนวันที่ 5 มิ.ย. ว่านายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี อิสราเอล ได้ตอบรับคำเชิญให้กล่าวปราศัยในการประชุมร่วมของสภาผุ้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐมที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24 ก.ค.

           จอห์นสัน และมิตซ์ แมคคอนเนอลล์ ผุ้นำ้เสียงข้างน้อยในวุมฺสภาเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันทั้งคุ่ ได้แถลงว่า การประชุมดังกล่าวจะเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ระหว่างสหรัฐและอิสราเอล โดยจะเสนอโอกาสให้นายเนทันยาฮูได้แบ่งปันวิสัยทัสน์ของรัฐบาลอิสราเองในการปกป้องประชาธิปไตย ต่อสุ้กับความหวาดกลัว และสร้างสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืนในภุมิภาค

         สำรักข่าวลุมเยิร์กรายงานวา จอห์สน, ชัค ซุเมอร์ ผุ้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา, มิตช์ แมคคอลเนลล์ ผุ้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา และนาย ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผุ้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนฯ ได้ลงนามในคำเชิยดังกล่าว

        ซึ่งนายเนทันยาฮูกำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณืเกี่ยวกับจำนวนผุ้เสียชีวิตของพลเรือนในสงครามอิสราเอล -ฮามาส ในฉนวนกาซา ซึ่งก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐ และสงผลให้ประชาชนไม่เห็นด้วยกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. สื่อสหรัฐรายงานว่า เนทันยาฮู เห็นชอบมาเยือนสภาคองเกรสในวันที่่ 13 มิ.ย. แต่สำนักงานนายกรัฐมนตรีแจ้งสื่อ อิสราเอลว่า "ยังไม่่สรุปวัน" และจำไม่ใช่วันนั้นเพราะวันหยุดชาวยิว ซึ่งขณะนี้ทั้งยิว และฮามมาส กำลังถูกกดดันอย่างหนักให้หยุดยิงถาวร ขณะี่อิสราเอลกำลังถุกโดดเดี่ยวทางการทูตมากขึ้นเนืองจากจำนวนผุ้เสียงชีวิตในกาซาพุ่งไม่หยุด สัปดาห์ก่อน ไบเดน เสนอแผนการสามเฟสของอิสราเอล ซึ่งจะยุติความขัดแย้ง ปล่อยตัวประกันทุกคน แล้วฟื้นฟู้กาซา ที่เสียหายอย่างหนักโดยฮามาสไม่อยุ่ในอำนาจ 

         แต่สำนักงานของ เนทันยาฮู ย้ำว่า สงครามที่ชนวนเหตุมาจากการโจมตีในวันที่ 7 ต.ค. จะดำเนินตอไป จนกว่าเป้าหมายของอิสราเอลจะ "บรรลุ" รวมถึงการทำลายล้างฮามาส ที่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่ให้คำตอบต่อแผนหยุดยิง

           สำนักข่าวบีบีซีและรอยเตอร์รายวานว่า นายกรัฐมจรีเบนจามิน เนทัน ยาฮู ของอิสราเอล ได้ขึนกล่าวต่อสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เพื่อพยายามเรียกเสียงสนับสนุนจากสหรัฐโดยเฉพาะในเรือ่งอาวุธ รวมถึงปกป้องการทำสงครามกับกลุ่มอามาสในแนวนกาซากว่า 9 เดือน มีผุ้เสียชีวิตกว่า 39,000 คน ตามรายงานของเจ้าหน้าที่สาะารณสุขของฉนวนกาซา

         เนทันยาฮู ขึ้นกล่าวสุทรพจน์ในสภาคองเกรสต่อวุฒิสภาและสมาชิกสภาผุ้แทรราษำรสหรับเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ท่านกลางเสียงปรบมือจากสมาชิกพรรครีพับลิกัน แต่มีสมามชิกสภานิติบัญญัติอย่างน้อย 39 คน ไม่ได้เข้ารับฟัง ซึ่งเกือบทั้งหมดมาจากพรรคเดโมแครต อาทิ นาง แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาล่างสหรัฐ ส่วนนาง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรับและผุ้ที่คาดว่าจะเป็นตัวแทนเดโมแครตในหารเลือกตั้งไม่ได้รับฟังด้วยเช่นกัน ดดยให้เหตุผลว่าไม่ว่าง และมีผุ้ถุกจับกุมในอาคารรัฐสภา 5 คนจากความพยายามที่จะรบกวนการกล่าวสุทรพจน์

        "กลุ่มผุ้ประท้วงต่อต้านอิสราเอลหลายพันคน ที่อยุ่ในบริเวณใกล้กับอาคารรัฐสภาควรมีความละอายตนเอง พร้อมกับอ้างว่าอิหร่านให้งบสนับสนุนการประท้วงต่อต้านอิสราเอลดังกล่าว เนทันยาฮู ไม่ได้พูดถึงวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา แต่ยืนยันว่าอิสราเอลได้มอบความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ชาวปาเลสไตน์ และหากชาวกาซาไม่ได้รับอากหารก็เป็นเพราะกลุ่มฮามาสได้ขโมยอาหารไป

         เขาได้ขอบคุณสหรัฐฯที่ข่วยมองความช่วยเหลือทางทหารให้แก่อิสราเอลมานานหลายทศวรรษ ซึ่งอิสราเอลก็ตอบแทนด้วยการมองความช่วยเหลือทางด้านข่าวกรองที่สำคัญให้แก่สหรับซึ่งช่วยชีวิตหลายคนเอาไว้ แต่เขาได้ของให้สหรับเร่งมอบความช่วยเหลือทางทหารวห้อิสราเอล โดยอ้างว่าจะเป็นการช่วยเร่งให้สงครามยุติโดยเร็วและป้องกันไม่ให้สงครามขยายวงไปในภุมิภาคตะวันออกกลาง อิสราเอลกำลังมีสวนรวมในความพยายามให้มีการปล่อยตัวประกัน และรับปากว่าตัวประกันจะได้รับการปล่อยตัวเร็วๆ นี้

         เนทันยาฮู ได้เปิดเผยแนวคิดเกี่ยวกับฉนวนกาซาหลังสงครามสิ้นสุดว่าจะต้องเป็นพื้นที่ปลอดทหาร
และปลอดจากพวกหัวรุนแรงอยุ่ายใต้การควบคุของกองทัพิสราเอล แต่จะปกครองด้วยพลเรือนที่เป็นชาวปาเลสไตน์ที่ไม่มุ่งหวังจะทำลายอิสราเอล ซึ่งเขาไม่ได้มองว่าเป็นการขอมากเกินไป อย่างไรก็ตารม เขาไม่ได้พูดถึงโอกาสที่จะเกิดแนวทางแก้สองรัฐที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดนและรองประธานาธิบดีแฮร์ริสของสหรัฐต้องการที่จะเห็น

        นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการพูดถึงประเทศอิหร่านในการกล่าวสุนทรพจน์ของเนทันยาฮู โดยอ้างว่ากองกำลังตัวแทนของอิหร่านได้โจมตีเป้าหมายของสหรัฐฯ และอิหร่านเชื่อว่าในการขึ้นมาท้าทายสหรัฐได้อิหร่านจะต้องพิชิตตะวันออกกลางให้ได้ก่อน แต่ในใจกลางของตะวันออกกลางจะมีอิสราเอลที่เป็นผุ้สนับสนุนประชาธิปไตยของสหรัฐอย่างภาคภูมิใจคอยขัดขวางอิหร่าน การที่อิสราเอลต่อสุ้กับอิหร่านคือ การต่อสู้กับศัตรูที่หัวรุนแรงและอันตรายที่สุดของสหรัฐฯ การต่อสู้ของเราคือการต่อสุ้ของคุณ ชัยชนะของเราคือชัยชนะของคุณ

         เพียงไม่นานก่อนการรกล่าวสุนทรพจน์จะส้ินสุดลง กองทัพอิสราเอลได้เปิดเผยว่าสามารถเก็บกุ้ศพตัวประกันในฉนวนกาซา 2 ราย ยิ่งเน้นย้ำความกังวลของครอบครัวตัวประกันวา่คนรักของพวกเขาอาจเสียชีวิตไปแล้ว หลังยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงปล่อยตัวประกันแม้การเจรจาจะลากยาวมาหลายเดือนแล้วก็ตาม...

          การเชิญ "เนทันยาฮู" ในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความเห้นต่างอย่างรุนแรงในหมู่ประชาชนชาวอเมริกาต่อการกระทำของอิสราเอลในกาซา ท่ามกลางจำนวนผุ้เสียชีวิตที่พุ่งสูง โดยการชุมนุมบริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภา มีผู้เข้าร่วมเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ จนแตะหลักหลายพันคน ก่อนหน้าที่นายกรัฐมนตรีจะปรากฎตัว

          บรรดานักเคลื่อนไหวถูกตำรวจสกัดให้อยู่ห่างออกปอย่างน้อย 1 ช่วงตึก ก่อนถุกพวเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ จนท้ายที่สุดก็สลายตัวไป สวนภายในอาหคารสภาพ(ุ้แทนราษฎร ซีกหนึ่งของอาคารรัฐสภาหลักมีผุ้ประท้วง 6 คนถุกจับกุม ก่อน เนทันยาฮู เร่ิมกล่าวปราศรัย

          การเดินทางเยือนของผู้นำอิสราเอล มีขึ้นตามหลังเหตุมือปืนพยายามลอบสังหาร โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี และ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ถอนตัวจากการเลือกตั้ง และหันไปรับรอง กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแทน

        ไบเดน และแฮร์ริส ต่างมีกำหนดพบปะกับ เนทันยาฮู แยกกันในวัยพฤหัศบดี ( 25 ก.ย.) แต่กระนั้นฝ่ายรีพัลบลิกันวิพากษ์วิจารณ์แฮร์ริส ที่ไม่เข้าร่วมฟังการกล่าวสุนทรพจน์ของเนทันยาฮู แม้ว่า เจ. ดี. แดนซ์  คู่ชิงรองประธานาธิบดีของรีพับริกันเอง  ก็ไม่ได้เข้าร่วมเช่นกันมีรายงานว่า เนทันยาฮู จะพบกับ ทรัมป์ ในฟลอริดาในวัน ศุกร์ ที่ 26 ก.ค.

          การปราศัยของเนทันยาฮู ทำให้นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของอิสราเอลรายนี้ กลายเป็นผุ้นำต่างขาติคนแรกที่ได้กล่าวสุทรพจน์ต่อที่ประชุมร่วมของสภาคองเกรส 4 ครั้ง แซงหน้า วินสตัน เซอร์ชิลล์ ของอังกฤษ

         อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาสูญเสียแรงสนับสนุนหลังจากพรรดาสมาชิกสภาหัวเสรีหลายสิบคนและจากเดโมแครตประมาณ 68 คน ในนั้นบางส่วนเป็นแกนนำระดับสูง ที่บอกว่าพวกเขาจะไม่เข้าร่วม

        เนทันยาฮู อ้างว่ามีเพียงแรงกดดันทางทหารเท่านั้นที่จะสามารถปลอปล่อยตัวประกันและเอาชนะฮามาส ซึ่งเปิดฉากจู่ดจมอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัวเมือวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผุ้คนไป 1,197 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ทั้งนี้ เนทันยาฮู แสดงความเชื่อมั่นต่อความพยายามชข่วยเหลือตัวประกันราว 114 คน ที่ฮามาสยังคงควบคุมตัวในกาซา ดินแดนที่อิสราเอลเป็ิดปฏิบัติการทางทหารแก้แค้น สังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วอย่างน้อย 39,145 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

         สหรัฐฯ แสดงความกังวลอย่างมาก ต่อการท้ิงบอมบ์ถล่มฟื้นที่พลเมืองพักอาศัยอยู่หนาแน่นในกาซา แต่ขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์ของอิสราเอล พร้อมรับบทบาทสำคัญในความพยายามเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย

        เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลไบเดน เปิดเผยในวันพุธที่ 24 ก.ศ. ว่าการเจรจาสำหรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและปล่อยตัวประกัน อยู่ในขั้นสุดท้ายแล้ว แต่ในสภาคองเกรส เนทันยาฮู เรียกร้องวอชิงตันให้เร่งรัดมอบเงินช่วยเลหือด้านการทหารแก่ประเทศของเขา เพื่อทวีความรวดเร็วในกายุติสงครามในกาซาและป้องกันไม่ให้เกิดสงครามลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง

        อย่างไรก็ตาม เสียงเรียกร้องของเขาโหมกระพือไฟย้อนศรจากบรรดาสมาชิกเดโมแครตผุ้โกรธเกี้ยว ที่แสดงความไม่พอใจต่อเนื้อหาสาระในคำกล่าวสุนทรพจน์ของ เนทันยาฮู ซึ่งแทบจะไม่พูดถึงการรับประกันสันติภาพใดๆเลย 

        แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผุ้แทนราษ๓รผุ้ทรงอิทธิพล เรียกคำกล่าวสุทรพจน์ของเนทัีนยาฮู ว่าเป็น "การนำเสนอที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากแขกผุ้ทรงเกียรติต่างชาติรายหนึ่งรายใดที่ได้รับเชิญให้มากล่าวสุนทรพจน์ต่อสภคองเกรส" 

              https://today.line.me/th/v2/article/WBYDLYE

             https://www.bangkokbiznews.com/world/1130331

             https://mgronline.com/around/detail/9670000062919

             https://www.ryt9.com/s/iq37/3522251

               

         

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...