วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Tai–Kadai : The Central Tai - East Langauges III

         ภาษาจีนที่อยู่ในกลุ่มตระกูลไทล์กรุ๊ป
         - ภาษาลาวเป็นภาษาของประเทศลาวเป็นภาษาที่มีวรรณในกลุ่มภาษาไทเปและภาษาอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกับภาษาของประเทศ ประกอบไปด้วยพยัญชนะและความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอักษรไทย
          ห้องชุดขนาดใหญ่ 6 ห้องนอน
          ภาษาเวียงจันทน์ (เวียงจันทน์บอลิ์ไซไซ)
          ลาวเหนือ (หลวงพระบางไชยบุรีอุดมไซหลนทา)
          ภาษาลาว (คำม่วนสุวรรณเขต)
          ภาษาไทย (จำปาศักดิ์สาละวันเซรคุณกองอัตตะปือ)
       
ภาษาลาว (ไม่มีในประเทศลาวร้อยเอ็ด)
          แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ได้ทั่วประเทศการเรียนรู้ภาษาลาวในประเทศฃฃฃฃ </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> </s> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> <br> ภาษาไทยเป็นพลเมืองของประเทศจีน สามารถฟังได้ทุกที่ทั่วโลก
           ส่วนในประเทศลาวนอกจากสำเนียงถิ่นใหญ่แล้วยังมีสำเนียงแตกออกไปอีกหลายสำเนียงย่อยเชนภาษาลาวใต้ถิ่นสาละวันภาษาลาวกลางถิ่นสุวรรณเขตสำเนียงย่อยถ่ินเมืองอาดสะพังทองถิ่นเมืองจำพอนภาษาเวียงจันทน์ถิ่นเมืองปาก งึม ฯลฯ นอกจจากนี้ยังมีผู้พูดภาาาลาวใจ้ถิ่นจำปาศักดิ์ในจังหวัดพระวิหารสตึงแตรงและรัตนคีรีของประเทศกัมพูชาด้วย
          - ภาษาญ้อหรือภษาไทญ้อเป็นภาษากลุ่มไท - ลาวที่พุดกันในหมู่ชาวไทญ้อซึ่งมีอยู่ในประทเศไทยราว 50,000 คน ( พ.ศ. 2533) ในจังหวัดสกลนครหนองคายนครพนมมหาสารคามปราจีนบุรี และสระบุรีสวนใหญ่อพยพมาจากประเทศลาวเป้นชาวไทญ้อส่วนใหญ่พุดภาาาลาวอีสานได้ด้วย
           ภาษาญ้อจัดอยุ่ในตระกุลภาษาไท - กะไดภาษากลุ่มคำ - ไทสาขาเบ - ไทสาขาย่อยไต - แสกมีลัำกาณะคล้ายคลึงกับภาษาไทยถิ่นอีสานและภาษาลาวสำเนียงหลวงพระบางมีพยัญชนะ 19 เสียงสระ เดี่ยว 18 เสียงสระประสม 3 เสียงวรรณยุกต์ 4 เสียงพยัญชนะควบกล้ำ 6 เสียง
การฟ้อนรำของชาวไทญ้อ
         - ภาษาผู้ไทเป็นภาษาในตระกูลภาษาไท - กะไดมีผู้พูดจำนวนไม่น้อยกระจัดกระจายในภูมิภาคต่างๆของไทยและลาวเข้าใจวาผู้พูดภาษาผู้ไทมีถิ่นที่อยุ่ตั้งเดิมอยู่นเมืองนาน้อยอ้อยหนูยังเป็นที่ ถกเถียงกันว่าเมืองนาน้อยอ้อยหนูอันเป็นถิ่นฐานด้งเดิมของผุ้ไทอยู่ที่ไหนเพราะปัจจุบันมีเมืองนาน้อยอ้อยหนูอยู่ถึงสามแห่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแถงหรือปัจจุบันคื จังหวัดเตียนเบียนฟูแห่งที่สองอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแถงและแห่งที่สามอยู่ห่างจากเมืองลอของเวยดนามประมาณ 10 กิโลเมตร
          ชาวไทดำกับผุ้ไทเป็นคนที่มีเชื้อสายน้อยกว่า 1.500 ปีมาแล้วในปัจจุบันมีการจัดให้ภาาา อยู่ห่างจากจังหวัดนนทบุรีเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทย มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้คน ไทสองฝังโขง"
         
 ผู้พูดภาาาผู้ไทในประเทศไทยส่วนใหญ่อยุ่ในบริเวณจังหวัดภาคอีสานตอนบน ได้แก่ จังหวัดกาฒสินธุ์, นครพม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ดและสกลนครนอกจากนี้ยังมีอีกเล็กน้อยในจงวหัดอุบราชธารนี, อุดรธานี และจังหวัดบึงกาฬโดยในแต่ละท้องถ่เนจะมีสำเนียงและคำศัพท์ที่แตกต่างกันไป
          เป็นที่น่าสนใจว่าเป็นภาษาที่มีการกระจายอยู่ในแถบอีสาน แต่สำนึกแล้วและคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีอยู่ในภาษาไท พูดง่าย ๆ แต่ก็ไม่ค่อยมีคนพูดภาษาไทยได้มากเท่าไหร่เพราะคนพูดภาษาไทยไม่เข้าใจหรือพูดภาษาไทยได้เลย
          ภาษาไทยในภาษาอังกฤษภาษาไทยภาษาอังกฤษภาษาไทยภาษาอังกฤษภาษาไทยภาษาอังกฤษภาษาอังกฤษภาษาจีน กรรม "ไม่ใช้รูปแบบโครงร่าง
           "ผาเหล้านีหน่า" แปลจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Outi_New_America_Photo_Photo_Photo_Photo_Photo_Photo.jpg "ผาเหล้าห้วย" แปลว่า "ผาเหลานีหน่า" แปลจากภาษาอังกฤษว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีกเช่นเดียวกับที่เราได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขว่าเป็นประเทศที่มีการระบาดของโรคเอดส์ในประเทศพม่า เป็นห้าตัวอย่างประโยค นัมเบอร์ฮูป้าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ต้น
            - ภาษาไทยภาษาอังกฤษเป็นภาษาเดียวกับภาษาอื่นที่ใช้ในการแปลภาษาไทย
            1. ภาษาลาวเวียงจันทน์ใช้ในประเทศลาวท้องถที่นครหลวงเวียงจันทน์เเขวงบอลิคำไซและในประเทศไทยท้องถที่จังหวัดชัยภูมิหนองบังลำภูหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคายศรีเชียงใหม่ท่าบ่อโพนพิสัยโพธิ์ตากสังคม (บางหมู่บ้าน) ยโสธร ( อำเภอเมืองยโสธรทรายมูลกุดชุมบางหมู่บ้าน) อุดรธานี (อำเภอบ้าผือเพ็ยบางหมู่ย้านศรีสะเกษ (ในบางหมู่บ้นของอภเภอเมืองศรีสะเกษอำเภอขุขัน ์และอภเภอขุนหาญ)
            2. ภาษาลาวเหนือใช้ในประเทศลาวท้องถที่แขวงหลวงพระบางไชยบุรีอุดไซในประเทไทยท้องถที่จังหวัดเลยอุตรดิตถ์ (อำเภอบ้าดคกน้ำปากฟากท่า) เพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มสักหล่มเก่าน้ำหนาว) ขอนแก่น (อำเภอภูผา ม่านและบางปมู่บ้านของอำเภอสีชมพูชุมแพ) ชัยภูมฺ (อำเภอดอนสาร) พิษณุโลก (อำเภอชาติตระการและนครไทยบางหมุ่ย้า) หนองคาย (อำเภอสังคม) อุดรธานี (อำเภอน้โสมนายุงบางหมู่บ้าน )
         
 3. จังหวัดอุบลราชธานีเขตหนองแขมเขตหนองแขมจังหวัดอุบลราชธานีเขตหนองแขมนครราชสีมาเขตหนองแขมกทม. อำเภอโพธิ์ตาก) และบังเกิดชุมชนลาวพวนในบางแสนในจังหวัดสุโขทัยอุตรดิตถ์แพร่หลายไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านหนองคาย
          4. ภาษาลาวกลางแยกออกเป็นสำเนียง 2 ชั้นคือภาามาลาวกลางถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเช่นนครพนมสกลนครบังกาฬ (อำเภอศรีเมืองบึงโขงหลงบางหมุ่บ้าน) สุวรรณเขตในประเทศไทยจังหวัดมุกดาหาร
           5. ภาษาลาวในแขวงจำปาศักดิ์สาละวันเขตประเวศจังหวัดพังงาจังหวัดอุบลราชธานีอำนาจเจริญศรีสะเกษยโสธร
             6. ภาษาลาว (ภาาลาลาวร้อยเอ็ด) ไม่มีในประเทศลาวเปโดฯ ใช้ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยท้องฟ้าถลางขอนแก่นกาฬสินธุ์มหาสารคามหนองค (บางใหญ่) และบรแมนด์ใกล้เคียง ร้อยเอ็ดของสยาม
             ส่วนภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษสำหรับการอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะหรือพระพุทธศาสนา (เสียงเรียกเข้า) มีเสียงพยุหะ 20 เสียงเสียงเดียว 18 เสียงเสียงประสม 2-3 เสียงบางท้องถิ นอ้าวในปัจจุบันนิยมใช้อักษรไทยตรวจดูบันทึกเรื่องราวต่างๆในทางโลกและทางธรรมผุ้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถอ่านตัวอักษรและเสรีภาพในการเขียนบันทึกเป้นภาษา ไม่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนโดยส่วนใหญ่ภาษาที่ใช้ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยใช้สัญลักษณ์ไทยและยันทึกเป็นภาษาไทยเป็นหลักแทนth.wikiped ia.org/wiki/ ตระกูลภาษาไท - กะได
            จากกลุ่มภาษาไทยแล้วในตระกูลภาษาไทกะไดยังมีสาขาอีกเช่นกัน
             กลุ่มญิฮามาวาย (ไหหลำ)
             กลุ่มภาษาขร้า ภาษาเยอรองจีนแผ่นดินใหญ่, ภาษาลาติ ในเวียดนาม, ภาษาลาติขาวพบในเวียดนามเช่นกัน ภาาาปู้ยัง ในจีนแผ่นดินใหญ่ ภาษาจุน บนเกาะไหกลำ ภาษาเอน ที่เวียดนาม, ภาษากาเบียว หรือภาษาละกัว ภาษาปูเปียว หรือภาษาเปน ติ โลโล อยบู่ในตระกูลไท-กะได มีผุ้พูดทั้งหมด 310 คน ในเวียดนาม 307 ทางภาคเหนือพูดโดยชาวกวาเบียวในจังหวัดฮาเกี่ยว ประเทศเวียดนามที่เหลือพบในเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงและม้ง เหวินซาน ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ผู้พุดในจีนสวนใหญ่มีอายุมาก และมักจะพูดภาษาจีนกลางได้ จัดอยุ่ในตระกูลภาษา ไท -กะได กลุ่มภาษากะได สาขายางเบียว รากศัพท์มีความคล้ายคลึงกับภาษาเกเลา  38% ภาษาลาชิ33% ภาษาจ้วง  30%  ภาษาฮลาย 26%ภาษาลากา  23% ภาษาม้ง 10%  ภาษาลาตัว ในเวียดนาม ภาษาลาฮา ในเวียดนาม
            กุ่มภาษากัม-สุย ประกอบด้วย กลุ่มภาษาลักเกีย-เบียว พบในจีนแผ่นดินใหญ่ อาทิ ภาษาลักเกีย ภาษาเบียว, ภาษากัม-สัย ในจีนแผ่นดินใหญ่ อาทิ ภาษาอ้ายจาม ภาษา เคา เมียว,  ภาษาต้งเหนือ, ภาษาต้งใต้, ภาษาคัง, ภาษาแมก, ภาษามู่หลาน, ภาษาเมาหนาน, ภาษาสุย, เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Tai–Kadai : The Central Tai - East Langauges II

            กลุ่มภาษาไทกลาง-ตะวันออก กลุ่มภาษาเชียงแสนที่พบในประเทศไทยประกอบด้วย
            - ภาษาไทยถิ่นเหนือ (ภาษาล้านนา, ภาษาไทยวน) พบในประทเศไทยและลาว
              คำเมือง หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ภาษาถิ่นภาคพายัพ เป็นภาษาถิ่นของชาวไทยวนทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ซึ่งเป็นอาณาจักรล้านนาเดิม ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน แม่ฮองสอน ลำพูน ลำปาง พะเยา กละยังมีการพูดและการผสมภาาากันในบางพื้นที่ของจังหวัดตาก สุโขทัย และเพชรบูรณื ปัจจุบันกลุ่มคนไทยวนได้กระจัดกระจายและมีถิ่นที่อยู่ในจังหวัดสระบุรี จังหวัดราชบุรีแลอำเภอของจังหวัดอื่นที่ใกล้เียงกับราชบุรีอีกด้วย
               คำเมืองยังสมารถแบ่งออกเป็นสำเนียงล้านนาตะวันตก (ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูด แม่ฮ่องสอน) และสำเนียงล้านนาตะวันออก (ในจังหงัดเชียงราย พะเยา ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน) ึ
จะมีความแตกต่างกันบ้าง คือ สำเนียงล้านนาตะวันออกส่วนใหญ่จะไม่พบสรเอือะ เอือ แต่จะใช้สระเอียะ เอียแทน(มีเสียงเอือะและเอือเพียงแต่คนต่างถิ่นฟังไม่ออก เนื่องจากเสียงที่ออกมาจะเป็นเสียงนาสิกใหล้เคียงกับเอียะ เอีย)
              ส่วนคนในจังหวัดลำพูนมักจะพูดสำเนียงเมืองยอง เพราะชาวลำพูนจำนวนมากสืบเชื้อสายมาจากชาวยองในรัฐฉาน จึงมีสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์
              คำเมืองมีไวยากรณืคล้ายกับภาษาไทยกลางแต่ใช้คำศัพท์ไม่เหมือนกันและไวยากรณ์ที่แตกต่างกันอยุ่บ้าง แต่เดิมใช้คู่กับ อักษรธรรมล้านนาเป็นตัวอักษรของอาณาจักรล้านนาที่ใช้อักษรมอบเป็นต้นแบบ
              ภาษาถิ่นภาคพายัพมีชื่อเรียกหลายชื่อ โดยภาษาจากตระกูลภาษาไทต่างๆ มีชื่เรียกซึ่งคล้ายคลึงหรืไม่เหมือนกัน ภาษาถิ่นพายัพเอง มักเรียกว่ ไกำเมือง" (รูปปริวรรต : คำเมือง) อันแปลว่า "ภาาาของเมือง" หรืออีกชื่อหนึ่งว่่า "ภาษาล้านนา" ส่วนชาวยวนในจังหวัดราชบุรี เรียกภาษาของตนวา "ภาษาลาว" ภาษาไทยมาตรฐาน เรียกวา "ภาษาถิ่นพายัพ", "ภาษาไทยถิ่นเหนือ" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ภาษาเหนือ" หรือ "ภาษายวน" ในอดีตเรียก "ลาวเฉียง" หรือ "คำเฉียง ภาษาลาว เรียกว่า "ภาษายวน"  หรือ "ภาษาโยน"  ภาษาไทลื้อ เรียกว่า "ก๋าโย่น" ภาษาไทใหญ่ เรียกว่า "กว๊ามโย๊น" นอกจากภาษากลุ่มไทดังกล่าวแล้ว ภาษาอังกฤษ เรียกภาษาถิ่นพายัพว่า "North Thai"
         
อ.กาญจนา เงารังษี
 สุวิไล เปรมศรีรัตน์ และคณะ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยผุ้ใช้ภาษาไทยถิ่นเหนือไว้ว่า ภาคเหนือตอนบนประกอบด้วย 8 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, แพร่และน่าน ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาเหนือเป็นภาษากลาง และภาคเหนือตอนล่างประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยกลาง แต่มีเขตที่พุดภาาาไทยถิ่นเหนือด้วย เช่น ตาก, สุโขทัย, กำแพงเพชร, อุตรดิตถ์, พิจิตร และพิษณุโลก
             สมทรง บุรุษพัฒน์ ได้ระบุว่าภาษไทยถิ่นเหนือเป็นภาษาที่พูดกันทางตอนเหนือของไทย ได้แก่ เชี่ยงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสน, ลำพูด, ลำปาง, พะเยา, แพร่, น่าน, ตาก, สุโขทัย, อุตรดิตถ์และบางอำเภอของจังหวัดสระบุรี
             กาญจนา เงารังษีและคณะ ได้สรุปผลการศึกษาภาษาถิ่นเนือที่ใช้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง โดยระบุว่า ภาษาเหนือเป็นภาษาถิ่นทีใช้ในพื้นที่ 9 จังหวัด คือ กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์และอุทัยธานี
             การพูดคำเมืองที่เป็นประโยคแบบดั้งเดิมนั้นหายาแล้วเนื่องจากมีการรับอิทธิพลภาษาไทยภาคกลาง ทั้งในสำเนียงและคำศัพท์ สวนนี้จะเป้นส่วนรวบรวมประโยค กำเมือง ดั้งเดิม
             กึ๋นข้าวแล้วกา กินข้าวแล้วหรือยัง
             ยะอะหยั๋งกิ๋นกา ทำอะไรทานหรือ
             ไปตังใดมา ไปไหนมา
              การพูดคำเมืองผสมกับภาษาไทยนั้น คำเมืองจะเรียกว่าแปล๊ด (ปะ-แล๊ด ไทยแปล๊ดเมือง) ซึ่งโดยมากแล้วมักจะพบในคนที่พูดคำเมืองมานานแล้วพยายามจะพูดไทย หรือ คนพูดภาษาไทยพยายามจะพูดคำเมือง เผลอพูดคำทั้ง 2 ภาษามาประสมกัน อนึ่งการพุดคำเมืองที่การแยกระดับของความสุภาพอยุ่หลายระดับ ผุ้พุดต้องเข้าใจในบริบทการพุดว่าในสถานการณ์นั้นๆ ต้องพูดระดับภาษาอย่างไรให้เหมาะสมและมีความสุภาพเพราะมีระบบการนับถือผุ้ใหญ่ คนสูงวัยกว่า อาทิ ลำ (อร่อย) ลำแต๊ๆ (สุภาพที่สุด, ลำขนาด (สุำาพรองลงมา) ลำแมะฮาก (เริ่มไม่สุภาพ ใช้ในหมู่คนที่สนิทกัน) ลำบ๊อยลำง่าว (เริ่มไม่สุภาพ ใช้ในหมู่คนที่สนิทกัน) ลำง่าวลำเซอะ (เริ่มไม่สุภาพ ใช้ในหมุ่คนที่สนิทกัมากๆ) เป็นต้น
           ภาษาไทยถิ่นเหนือนอกเขตภาคเหนือ ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2347 ได้มีการเทครัวชาวยวนลงมาในเขตภาคกลาง อาทิ จังหวัดสระบุรี (โดยเฉพาะอำเภอเสาไห้) จังหวัดราชบุรี (มีมากที่อำเภอเมือง, อำเภอบ้านโป่ง และอำเภอจอมบึง) จังหวัดนครปฐม (โดยเฉพาะอำเภอกำแพงแสน), จังหวัดกาญจนบุรี (โดยเฉพาะอำเภอไทรโยค) , จังหวัดลพบุรี (ที่อำเภอชัยบาดาล)และจังหวัดนครราชสีมา(เฉพาะอำเภอสีคิ้ว) โดยเฉพาะในจังหวัดราชบุรีมีชาวยวนราวเจ็ดถึงแปดหมื่นคน และมีชาวยวนแทบทุกอำเภอ ยกเว้นเพียงแต่อำเภอดำเนินสะดวกับวัดเพลงเท่านั้น
            ซึ่งภาษาไทยยวนทุกจังหวัดมีหน่วยเสียง พยัญชนะและพน่วยเสียงสระเหมือนกัน รายละเอียดในวรรณยุกต์แทบไม่แตกต่างกัน ยกเว้นภาษายวนลพบุรีที่มีหน่วยเสียงแตกต่างจากอีก 4 จังหวัเพียงหน่วยเสียงเดียวทั้งนี้อาจเป็นเพราะชาวยวนลพบุรีได้อาศัยปะปนอยู่กับหมู่บ้านชาวลา อาจทำให้หน่วยเสียงเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้...
            ภาษาพวน หรือภาษาลาพวน เป็นภาษาในตระกุลไท-กะได เป็นภาษาของชาวไทพวนหรือลาวพวน คำศัพท์ใกล้เคียงกับภาษาลาวและภาษาไทยถิ่นอีสานมากว่าภาษาไทยภาคกลางและเป็นภาษาที่ใกช้เคียงกันกับภาษาผู้ไทมาก มีเสียงพยัญชนะ 20 เสียง เป็นตัวสะกดได้ 9 เสียง มีเสียงควบกลุ้เฉพาะ/คฺว/เท่านั้น สระมี 21 เสียง เป้นสระเดี่ยว 18 เสียง สระประสม 3 เสียง วรรณยุกต์มี 6 เสียง
             ลักษณะเด่นของคำพวนเช่น ถ้าใช้ ก เป็นตัวสะกดจะไม่ออกเสียงตัวสะกด ดังเช่น หูก พวนออกเสียงเป้น หุ ปาก พวน ออกเสียงเป็น ปะ แบก พวนออกเสียง แบะ
           
ส่วนคำที่ใช้สระไม้ม้วน (สระ-ใ-) จะออกเสียงตามรูป เช่น ผัดไทยใส่ไข่ พวนออกเสียงเป็นผัดไทยเส่ยไข่ จะไม่พุดว่า ผัดเทอเส่อเข่อ พวนใช้เสียง ร ซึ่งมักจะออกเป็น ฮ แทน เช่น เรื่อน เป็น เฮือน ร่ำเรียน เป็น ฮ่ำเฮียน ไร่นา เป็นไฮ่นา การออกเสียง ย และญ ลักษระการออกเสียงของภาษาไทยนั้น ลิ้นจะอยู่กลางปาก แต่การออกเสียงของคนพวน ลิ้นจะแตะเพดานปากด้านหน้า
                - ภาษาไทโซ่ง หรือภาษาลาวโซ่ง ภาษาลาวโซ่งดำ ภาษาโซ่ง เป้นภาษาที่มีผู้พูดในประเทศไทยราวสามหมื่นสองพันคน พบในจังหวัดกาญจนบุรี เพชรบุรี พิษณุโลก นครสวรรค์ นครปฐม สุพรรณบุรี มีความใกล้ชิดกับภาษาไทดำ อยู่ในตระกูลภาษาไท-กะได ภาษากลุ่มคำ-ไท สาขาเบ-ไท สาขาย่อยไท-แสก
               - ภาษาไทย เป็นภาษาราชการของประเทศไทย และภาาาแม่ของชาวไทย ภาษาไทยเป้นภาษาในกลุ่มภาษาไท ซึ่งเป้นกลุ่มย่อยของตระกูลภาษาไท-กะได สันนิษฐานว่า ภาษาในตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดจากทางตอนใต้ของประเทศจีน และนักภาษาศาสตร์บางส่วนเสนอว่า ภาษาไทยน่าจะมีความเชื่อมโยงกับตระกุลภาษาออสโตร-เอเชียติก ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน และตระกูลภาษาจีน-ทิเบต
                ภาษาไทยเป้นภาษาที่มีระดับเสียงของคำน่นอนหรือวรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาาาจีน และออกเสียงแยกคำต่อคำ
                คำว่าไทย หมายถึง อิสรภาพ เสรีภาพ หรือออีความหมายหนึ่งคือ ใหญ่ ยิ่งหใญ่ เพราะการจะเป็นอิสระได้จะต้องมีกำลังที่มากกว่า แช็งแกร่งกว่า เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก คำนี้เป้ฯคำไทยแท้ที่เกิดจากการสร้างคำที่เรียก "การลากคำเข้าวัด" ซึ่งเป็นการลากความวิธีหนึ่ง ตามหลักคติชน วิทยา คนไทยเป็นชนชาติที่นับถือกันว่า ภาษาบาลี ซึ่งเป้ฯภาษารที่บันทักพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป้นภาษาอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคล เมือคนไทยต้องการตั้งชื่อระเทศว่าไท ซึ่งเป้นคำไทยแท้ จึงเติมตัว ย เข้าไปข้างท้าย เพื่อให้มีลักษณะคล้ายคำในภาษาบาลี-สันสกฤต เพื่อความเป็นมงคล ตามความเชื่อของตน ภาษาไทยจึงหมายถึงภาษาของชนชาติไทยผู้เป็นไทนั่นเอง
                 พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงประดิษฐือักษรไทยขึ้นเมื่อปี พงศ. 1826  มี พยัญชนะ 44 ตัว (21 เสียง) สระ 21 รูป (32 เสียง), วรรณยุกต์ 5 เสียง คือ เสียง สามัญ เอก โท ตรี จัตวา ภาษาไทยดัดแปลงมาจากบาลี-สันสกฤต และ เขมร
               ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป้นนายกรัฐมนตรี มีการปฏิรูปภาษาไทยโดยสภาวัฒนธรรมแห่งชาติเมื่อ พ.ศง 2485 มีการเปลี่ยนแปลงหลักฟ ที่สังเกตได้มีดังนี้
               - ตัดพยัญชนะ ข ขวด ค คน ฆ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ศ ษ ฬ แล้วใช้ ข ค ด ด ต ถ ท ธ น ส ส ล ตามลำดับ
               - พยัญชนะสะกดของคำที่ไม่ได้มีรากมาจากคำบาลีสันสกฤต เปลี่ยนเป็นพยัญชนะสะกดตามแม่โดยตรง เช่น อาจเปลี่ยนเป็น อาด, สมควร เปลี่ยนเป็น สมควน
             
 - เปลี่ยน อย เป็นหย เช่น อยาก เป็น หยาก เลิกใช้คำควบไม่แม้ เช่น จริง ก็เขียนเป็น จิง, ทรง ก็เขียนเป็น ซง
               - ร หัน ที่มิได้ออกเสียง/อัน/ ส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นสระอะตามด้วยตัวสะกด เช่น อุปปสรรค เปลี่ยนเป็น อุปสัค, ธรรม เปลี่ยนเป็น ธัม
               เลิกใช้สระใอไม้ม้วน เปลี่ยนเป็นสระไอไม้มลายทังหมด
               - เลิกใช้ ฤ ฤา ฦ ฦา เปลี่ยนไปใช้การสะกดตามเสียง เช่น พฤกษ์ ก็เปลี่ยนเป็น พรึกส์, ทฤษฝำี ก็เปลี่ยนเป็น พรึกส์, ทฤษฎี ก็เปลี่ยนเป้น ทริสดี
               - ใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างภาษาต่างประเทศ เช่น มหัพภาคเมื่อจบประดยค จุลภาคเมือจบประโยคย่อยหรือวลี อัตภาคเชื่อมประโยค และจะไม่เว้นวรรคถ้ายังไม่จบประโยคโดยไม่จำเป็น
               หลังจากจอมพล ป. พิบูลสงคราม หลุ่ดจากอำนาจหลังสงครามดลกครั้งที่สองยุติ รัฐนิยมก็ถูกยกเลิกไปโดยปริยายอักขรวิธีภาษาไทยได้กลับไปใช้แบบเดิมอีกครั้งหนึ่งกูลภาษาไท-กะได  th.wikipedia.org/wiki/ตระกูลภาษาไท-กะได

วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Tai–Kadai : The Central Tai - East Langauges

           กลุ่มภาษาไท - กะไดแบ่งย่อยออกเป็น 5 สาขา ได้แก่ ภลุ่มภาษาขร้า, กลุ่มภาษากัม - สุย, กลุ่มภาษาไหล, กลุ่มภาษาไทและกลุ่มภาษาอังเบโดยสาขากัม - สุย, สาขาเบและ ไทมักถูกจัดให้อยู่รวมกันเนื่องจากมีคำศัพท์ที่ใช้ร่วมกันจำนวนมากอย่างไรก็ตามการจัดแบ่งเช่นนี้มีความเห็นที่โต้แย้งซึ่งอสตเป็นเพราะมีการแทนที่ศัพท์เข้าไปในสาขาอื่นความคล้ายกันของระบบหน่วยคำทำ ใหมีนักภ ษาศาสตร์จัดสาขาขร้ากับคำสุยเป้ฯ กลุ่มกะไดเหนือทางหสึ่งและสาขาไหลกับไทเป็นกลุ่มกะไดใต้อีกทางหนึ่งแทนดังภาพตำแหน่งของภาษาอังเบในข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้ถูกพิจารณา ไปด้วย
          กลุ่มภาษาไทยกลาง, ตะวันออกเฉียงใต้, กลุ่มประเทศไทกลาง - ตะวันออก
           ภาษาที่ใช้ในกลุ่มภาษาไทยกลาง - ตะวันออกประกอบด้วยกลุ่มภาษาเชียงแสน, กลุ่มภาษาลาว - ​​ภูไทและกลุ่มภาษาไทตะวันตกเฉียงเหนือ
             ภาษาไทกลาง-ตะวันออก กลุ่มภาษาเชียงแสนที่พบในประเทศเวียดนามประกอบด้วย
             - ภาษาไทดำ มีผู้พูดทั้งหมด เจ็ดแสนหกหมื่นคน อาศัยอยู่ระหว่างแม่น้ำแดงกับแม่น้ำดำ ทางภาคเหนือของประเทศ เวียดนาม หกแสนเก้าหมื่นคน อยู่ในแขวงคำม้วน ประเทศลาว ห้าหมื่นคน อยู่ในจังหวัดเลย ประเทศไทย เจ็ดร้อยคน อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2428 ลาวโซ่งก็คือคนไทดำกลุ่มแรกที่เข้ามาสูประเทศไทยในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีนอกจากนี้ยังมีผู้พูดภาษานี้ใน ออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา

            ภาษาไทดำอยู่ในตระกูลภาษาไท-กะได ภาษากลุ่มกัม-ไท สาชาเบ-ไท สาขาย่อยไท-แสก อัตราการรู้หนังสือภาษาแม่ราวร้อยละ 1-5 เป็นภาษาของชนกลุ่มน้อยที่สำคัญในเวียดนาม
            - ภาษาไทฮ่างตง เป็นภาษาหนึ่งในตระกุลภาษาไท-กะไดชาวไทฮ่างตงใช้พุดในภาคเหนือของประเทศเวียดนาม มีผู้พูด 10,000 คน (พ.ศ. 2545) ใกล้เคียงกับภาษาไทขาวและภาษาไทดำ
            ชาวไทฮ่างตั้งเป็นชาวไทกลุ่มหนึ่งที่มีประชากรประมาณ 11,000 คนประชากรกลุ่มนี้พูดภาษาไทฮ่างตุงและยังนับถือลัทธิปู่ย่าย่อยพระยาแถลงความเชื่อผีสางนางไม้ และเคล็ดต่างๆ
             - ภาษาไทขาว หรือ าษาไทค่อน มีผู้พูดทั้งหมด สี่แสนเก้าหมื่นคน พบในประเทศเวียดนาม สองแสนแปดหมื่นคน  ทางตอนเนหือของแนวแม่น้ำแดงและแม่น้ำดำ พบในประทเศลาวสองแสนคน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่สามารถเข้าใจกันได้กับภาษาไทดำ ได้รับอิทธิพลจตากภาษาลาว จัดอยุ่ในตระกูลภาษาไท-กะได กลุ่มภาษา กัม-ไท สาขาเบ-ไท สาขาย่อยไท-แสก
            ชาวไทขาวหรือชาวไทขาวคนที่พบในพม่าคนที่มีอาการป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไชน่าเบย์เบรค - สาขาย่อยไท - แสควอน
            - ภาษาไทแดง หรือภาษาไทโด มีผุ้พูดทั้งหมด 165,000 คน พบในประเทศเวียดนาม หนึ่งสแนสี่หมื่นคน ในบริเวณภาคกลางตอนเหนือในเขตจังหวัดทัญฮว้า พบในประเทศลาว สองหมื่นห้าพันคน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลาว ใกล้ชายแดนเวียดนาม เป็นสวนหนึ่งของภาษาของชนกลุ่มไทในเวียดนามที่ต่างจากภาษาไทดำ จัดอยู่ในตระกูลภาษาไท-กะได ภาษากลุ่มกัม-ไท สาขาเบ-ไท สาขาย่อยไท-แสก

              ชาวไทแดง เป็นพวกเดียวกับชาวไทดำ คือไทเดิมนั้นเอง ผิดกันแต่ประเพณีการแต่างกาย คือชาวไทแดงทั่วไปแต่งกายด้วยเสื้อผ้า สีน้ำเงินแก่ (สีน้ำเงินเป็นสีประจำชาติ ของไทมาแต่อดีต การแต่างกายด้วยสีน้ำเงินแก่ ทำให้ทราบทันที่ว่าเป็๋นคนไท เพราะจีนตามปกติแต่งดำ ญวนแต่างน้ำตาลป ไทแดงมีเครื่องประดับเสื้อผ้า เป็นลูกไม้หรือเป็นลวดลายสีแดง จึงถูกเรียกว่าไทแดง
             - ภาษาไตเติก จำนวนผุ้พุดทั้งหมดไม่แน่นอน ใช้ในเมืองเติ็ก ตอนนี้จัดเป้นส่วนหนึ่งของจังหวัดเซินลาทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม จัดอยู่ในตระกูลภาาาไท-กะได กลุ่มภาษากัม-ไท ใกล้เคียงกับ ภาษาไทแดง และภาษาไทขาว คนไตเติ๊กมีระบบอักษรส่วนตัว มีเสียงพยัญชนะ 22 เสียง สระ 13 เสียง วรรณยุกต์มี 6 เสียง สำหรับพยางค์เปิด และ 3 เสียง สำหรับพยางค์ปิดth.wikipedia.org/wiki/กลุ่มภาษาไท
           
         

วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Tai–Kadai : Southwestern Tai languages

            ตระกูลภาษาไท-กะได พบว่าใช้พุดกันทางตอนใต้ของจีน ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐประชาชนเวียดนาม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศไทย เปนต้น
            ภาษาในตระกูลไท-กะไดประกอบด้วย กลุ่มภาษาขร้า, กลุ่มภาษากัม-สุย, กลุ่มภาษาไหล, กลุ่มภาษาไทและกลุ่มภาษาอังเบ 
             กลุ่มภาษาไทแยกย่อยออกเป็น กลุ่มภาษาไทเหนือ, กลุ่มภาษาไทกลาง, กลุ่มภาษาไทตะวันตกเฉียงใต้ และกลุ่มภาษาไทกลาง-ตะวันออก
             กลุ่มภาษาไทตะวันตกเฉียงใต้ เป็นกลุ่มภาษาไทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มภาษานี้มี ภาษาไทย ภาษาลาว ภาษาไทยถิ่นเหนือ  และภาษาไทใหญ่ เป็นต้น กลุ่มภาษาไทตะวันตกเฉียงใต้ เป็นกลุ่มย่อยในตระกูลภาษาไท ซึ่งตระกูลภาษาไทเป็นหนึ่งในสาขาของตระกูลภาษาไท-กะได 
             ภาษาไททัญ หรือภาษาไทมันทัญ มีผุ้พุดในประเทศเวียดนาม 20,000 คน ทางภาคเหนือ จัดอยุ่ในตระกูลภาษากัม-ไท สาขาเบ-ไท สาขาย่อยไท-แสก ใกล้เคียงกับภาษาไทขาว ภาษาไทดำ และภาษาไทฮ่องกง
             ภาษาตั่ยซาปา หรือภาษาซาปา มีผุ้พุดประมาณ 300 คน ในเมืองซาปา จังหวัดหล่าวกายทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม จัดอยุ่ในตระกูลภาษา ไท-กะได กลุ่มภาษากัม-ไท เป้นภาษาที่มีเสียงวรรณยุกต์และมีความใกล้ชิดกับภาษาไทยในกลุ่มไทตะวันตกเฉียงใต้
            ภาษายอง มีผู้พูดในประเทศไทย 12,000 กว่าคนส่วนใหญ่อาศัยอยุ่ในจังหวัดลำพูน และบางพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ผู้พูดพูดภาษาไทยถ่ินเหนือได้ด้วยนับถือศาสนาพุทธอาจมีผุ้พุดภาษานี้ในเมืองยอง รัฐฉานประเทศพม่า ใกล้เคียงกับภาษาไทลื้อ จัดอยุ่ในตระกูลภาษาไท-กะได ภาษากลุ่มคำ-ไท สาขาเบ-ไท สาขาย่อยไต-แสกth.wikipedia.org/wiki/ตระกูลภาษาไท-กะได
            ชาวไทยอง หรือ ชาวเมืองยอง ใช้เรียกกลุ่มคนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณเมืองยอง และกระจายอยู่ในด้านตะวันออกของรัฐฉาน ประเทศพม่า  เขตสิบสองพันนา ในมณฑลยูนนานของจีน ภายหลังได้อพยพเข้ามตั้งบ้านเรือนใน จังหวัดละพูน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายใต้กุศโลบาย "เก็บผักใสซ้าเก็บข้าใส่เมือง" ของ พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ เพื่อรื้อฟื้นอาณาจักรล้านนาภายหลังการยึดครองของพม่าสิ้นสุดลง 
            จากตำนานชาวเมืองยองได้อพยพมาจากเมืองเชียงรุ้งและเมืองอื่นๆ ในสิบสองปันนา ซึ่งเป็นคนไทลื้อ และได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งใหย่ในเมืองลำพูน และเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2348 ด้วยสาเหตุของสงคราม เจ้าเมืองยองพร้อมด้วยบุตรภรรยา น้องทั้ง 4 ญาติพี่น้อง ขนุนนาง พระสงฆ์และไพร่พลจากเมืองยองจำนวน 20,000 คนเข้ามาแผ้วถางเมืองลำพูนที่ร้างอยู่ ตั้งบ้านเรือนตามลุ่มน้ำแม่ทา น้ำแม่ปิง ผู้คนทั่วไปในแถบนั้นจึงเรียกคนที่มาจากเมืองยองวา ชาวไทยอง ..th.wikipedia.org/wiki/ไทยอง
            ภาษาถิ่นใต้ หรือ ภาษาตามโพร เป็นภาษาถิ่นที่ใช้ในภาคใต้ของประเทศไทย นับแต่จังหวัดชุมพรลงไปถึงชายแดนประเทศมาเลเซียรวม 14 จังหวัด และบางส่วนจองจังหวัดประจวบคีรีขันธุ์ อีทั้งบางหมู่บ้านในรัฐกลันตัน รัฐปะลิส รัฐเกอดะฮ์(ไทรบุรี) รัฐเประก์ และรัฐตรังการนู ประเทศมาเลเซีย รวมถึงบางหมู่่บ้าน ในเขตตะนาวศรี ทางตอนใต้ของประเทศพม่าด้วย ภาษาไทยถ่ินใต้ มีเพียงภาษาพูดเท่านั้น ไม่มีตัวอักษรเขียนเฉพาะ
            ระบบเสียงสระ ระบบเสียงสระ สระเดี่ยว อะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอะ เอ แอะ แอ โอะ โอ เอาะ ออ เออะ เออ สระประสม เอียะ เอีย เอือะ เอือ อัวะ อัว
           
 ระบบเสียงวรรณยุกต์ มีถึง 7 หน่วยเสียง ได้แก่
             สุง-ขึ้น-ตก [453] และสูง-ขึ้น [45]
                    - สูง-ขึ้น-ตก [453] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์เป็นที่มีเสียงพยัฐชนะต้นเป็นพวกอักษรสูง หรืออักษรต่ำสูงนำ
                     - สูง-ขึ้น [45] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์ตายที่มีเสียงพยัญชนะต้นเป็นพวกอักษรสูง หืออักษรต่ำที่มีอักษรสูงนำ และมีพยัญชนะเสียงกัก (ก,ด, บ) เป็นเสียงสะกด
              สูง-ระดับ (ตกตอนท้าย) [44] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์ตายที่มีเสียงพยัญชนะต้นเป็นพวกอักษรสูง หรืออักษรต่ำที่มีอักษรสูงนำ
              กลาง-ขึ้น-ตก [343] และกลาง-ขึ้น [34]
              กลาง-ขึ้น-ตก [343] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์เป็นที่มีเสียงพยัญชนะต้นเป็นพกอักษรกลาง
               กลาง-ขึ้น [34] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์ตายที่มีเสียงพยัญชนะต้นเป็นพวกอักษรกลาง และมีพยัญชนะเสียงกัก ( ก, ด, บ) เป็นเสียงสะกด
              กลาง-ระดับ [33] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์เป็นและพยางค์ตายเสียงยาวที่มีเสียงพยัญชนะต้นเป็นพวกอักษรกลาง
              ต่ำ-ขึ้น-ตก[232] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์ที่มีเสียงพยัญชนะต้นเป็นพวกอักษรต่ำ
              ต่ำ-ขึ้น [24] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์เป้ฯและพยางค์ตายเสียงยาวที่มีเสียงพยัญชนะต้นเป็พวกอักษรต่ำ
              ต่ำ-ตก [21] เป็นเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์เป็นและพยางค์ตายเสียงสั้นที่มีเสียงพยัญชนะต้นเป็นพวกอักษรต่ำ
              คำควบกล้ำ ในภาษาไทยถิ่นใต้นั้น มี 15 เสียง ได้แก่ กร, กล, กว, ดร, คล, คว, ตร, บร, บ (ซึค่งออกเป็นเสียงธนิตควบกล้ำด้วย ร), ปร, ปล, พร, พล, มร, มล
              เพิ่มเติมครับ มีคำควบกล้ำ ที่ไม่ได้อยู่ในหลักภาษาไทยด้วย ได้แก่
              พมฺรฺ เช่น คำว่า :  หมฺรับ (อ่านว่า "หมฺรับ" ห เป็นอักษรนำ ตามด้วย ม ควบกล้ำด้วย ร) แปลว่า สำรับ ไม่ได้ อ่านว่า หม-รับ หรือ หมับ ให้ออกเสียง "หมฺ" ควบ "ร") เช่น การจักหมฺรบ ประเพณีสารทเดือนสิบ
               ทร เช่น : เทริด (อ่านว่า เซิด แปลว่า เครื่องสวมศรีษะของกษัตริย์ รูปร่างลักษณะคล้ายชฎา)
                สำเนียงย่อย ภาษาไทยถิ่นได้ แยกออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ ภาษาไทยถิ่นไใต้ตะวันออก(ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงนครศรีธรรมราช ถือเป็นกลุ่มย่อยในภาษาไทยถิ่นไดต้ระวันออก), ภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันตก และ ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงตากใบ (จ๊ะเห)
           
 ภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันออก (สำเนียงนครศรีธรรมราช) ได้แก่ ภาาไทยถ่ินใต้ที่พูดกันมากทางฝั่งตะวันออกของภาคใต้ บริเวณจังหวัดนครศณีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตสนี โคกโพธิ์, อำเภอแม่ลาน, อำเภอหนองจิก และ อำเภอเมือง) ตรัง สตูล (และในรัฐปะลิส-หมู่บ้นควนขนุนบ้านหนองจิก และอกภอเมือง) ตรัง สตูล (และในรัฐปะลิส-หมู่บ้านควนขนุน บ้านตาน้ำ, ในรัฐเคดาห์-บ้านบางควมย บ้านบาลิ่ง) ภาษาไทยถิ่นใต้ที่ใช้ในกลุ่มนี้ จะมีลักษณะของภาษาที่ค้ายคลึงกั (ตรัง และสตูล แม้จะตั้งอยู่ฝั่งทะเลตะวันตก แต่สำนเียงภาษาถือเป็นกลุ่มเดียวกับพัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช คือ ออกเสียงตัวสะกอ ก. ไก่ ได้ชัดเจน)
              ภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันตก ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นใต้ ที่พูดอยู่บรเวณพท้นที่จังหวัดกระบี่ จังหวัดเหล่านี้ จะมมีลักษณะเด่นที่คล้ายคลึงกัน เช่นออกเสียงคำว่า แตก เป็นแตะ, อกไม้ เป็นเดะไม้, สามแยกเป็นสามแยะ ฯลฯ รวมถึงภาษาไทยถิ่นใต้ในเขตอำเภอขนอม นครศรีธรรมราช ซึ่งอยุ่ทางทิศตะวันออกของเทือกเขา นครศรีธรรมราช (เขาหลวง) และในกลุ่มอำเภอฉวาง พิปูน ถ้ิพรรณเรา และทุ่งสงซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขานครศรีธรรมราช (เขาหลวง) ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ส่วนจังหวัดชุมพร และจังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม้จะต้ังอยู่ฝั่งทะเลตะวันออก แต่สำเนียงภาษา ก็ถือเป็นหลุ่มเดียวกับจังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต คือ ออกเสียงตัวสะกด ก.ไก่ ไม่ได้
         การแบ่งเขตระหว่างพื้นที่ ที่ใช้ภาษาถิ่นใต้ตะวันออก (คำที่มีเสียงสระยาวสามารถออกเสียง ก. สะกดได้ชัด) สามารถกำหนดแนวแบ่งเขตคร่าวๆ ได้โดยลากเส้นแนวแบ่งเขต ระหว่งอำเภอขนอม และอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราชลากขึ้นเขาหลวง แล้ววกลงไปทงใต้ ดยใช้แนวเขาหลวง เป็นแนวแบ่งเขต ผ่านลงไปถึงจุดระหวางอำเภอทุ่งสง และอำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นวกไปทางทิศตะวันตก ไปยังอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ตรดทะเลอันดามัน
           ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงสงขลา ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นใต้ที่พุดอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดสงขลา บางส่วนของจังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ถือเป็นกลุ่มย่อยในกลุมภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันออก มีลักษณะที่เด่นคือ หากเสียงจะไม่ขาดห้วย แต่จะ่อยๆ เบาเสียงลง ซึ่งลักษณะดังกล่าว ช่วยให้ภาษาสงขลาฟังแล้วไม่หยาบกระด้าง อยางสำเนียงใต้ถ่ินอื่น นอกจากนี้ยังมีคำที่ใช้บ่อยในสำเนียงนี้ คื อคำว่า เบอะ หรอ กะเบอะ ซึ่งมีความหมายภาษาไทยมาตฐานว่า เพราะว่า.., ก็เพราะว่า.., ..นีนา เรียกเงินว่า เบี้ย ในขณะที่ถิ่นอื่นนิยมเรียกว่า ตางค์ และคำที่นิยมใช้อีกคำหนึ่ง คือ ไม่หอน ซึ่งมีความหมายวา ไม่เคย เช่น ฉานไม่หอนไป เป็นต้น
              ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงตากใบ หรือ ภษาไทยถิ่นใต้สำเนีงเจ็ะเห ได้แก ภาษาไทยถิ่นใต้ทีพุดอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดนรธิวาส จังหวัดปัตตานี (เฉพาะ อำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ และอำเภอสายบุรี) รวมทั้งในเขตรัฐกลันตันของประเทศมาเลเซีย ในหมู่บ้านที่พูดภาษาไทย จะใช้ภาษาไทยถิ่นใต้สำนเียงเจ๊ะเหนอกจากนี้ยังสมารถแบ่งย่อยได้อีกหนึ่งภาษา คือ ภาษาถิ่นพิเทม ซึ่งพูดกันในตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง และตำบลกะรุบี อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี เท่านั้น
             ในเขตจังหวัดนราธิวาส เนื่องด้วยมีคนในจังหวัดอื่นๆ มาอาศยหรือทำงานในจังหวัดนราธิวาส จึงนำภาษาไทยถิ่นใต้ของแต่ละจังหวัดมาพูดกันในจังหวัด นราธิวาส ส่วนใหญ่จะเป็นชาวใต้จากจังหวัด พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช คนนราธิวาส จึงมีภาษาไทย 2 สำเนียง คือ ภาษาไทยถิ่นใต้ สำเนียง เจ๊ะเห และสำเนียงภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันอก ภาษไทยถิ่นใต้สำเนียง เจะเห มักพูดกันในกลุ่มเครือญาติ หรือตามชนบทของนราธิวาส แต่ในเมืองมักจะพุดสำเนียงภาษาไทยถิ่นใต้ระวันออก
           

วิวัฒนาการภาษาไทยถิ่นใต้
ภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงพิเทน เป้นภาษาถิ่นย่อยของภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงตากใบ ที่ใช้อยู่ในตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดงและตำบลกะรุบี อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ปัจจุบันคนในตำบลพิเทนพูดภาษาไทยถิ่นพิเทนน้อยลง ส่วนมากจะใช้ภาษามลายูปัตตานีในชีวิตประจำวัน ตามความนิยมของผุ้ใช้ภาษาสวนใหญ่ ผู้ทีสามารถใขช้สำเนียงพิเทนได้ดีคือผุ้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป อายุน้อยกว่านี้บางคนไม่ยอมพุดภาษาของตน หรือพุดได้ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยภาษาพิเทนมีการใช้คำยือมและคำที่ใช้ร่วมกันกับภาษามลายูปัตตานีถึงร้อยละ 97
            ภาษาทองแดง เดิมเป็นอีกชื่อของภาษไทยถิ่นใต้ เป็นชื่อที่แปลมจากชื่อเดิมคือ "ภาษาตามโพร" สันนิษฐานว่า การตั้งชื่อนี้มาจากชื่อของอาณาจักรตามพรลิงก์ ซึ่งคำว่าตามพร (ะ) แปลว่าทองแดงแต่ในปัจจุบัน คำว่าภาษาทองแดง จะหมายถึง ผุ้ที่มีภษาแม่เป็นภาษาไทยถิ่นใต้ เมื่อพุดภาษาไทยมาตรฐานแล้วสำเนียงจะไม่ชัด กล่าวคือ มีสำเนียงของภาษาไทยถิ่นใต้ หรือใช้คำศัพท์ที่มีอยู่เฉพาะในภาษาไทยถิ่นใต้ มประชุมกับภาษาไทยมาตรฐาน ชาวใต้จะเรียกอาการนี้ว่า แหลงทองแดง(ทองแดงหลุ่น) การจับผิดว่า ชาวใต้คหนึ่งคนใด "แหลงทองแดง" หรือพูดไม่ได้สำเนียงมาตรฐาน ชาวใต้ถือเป็นการดูแคลน จะอนุญาตให้จับผิดได้เฉพาะชวใต้ด้วยกัน หรือเป็นคนที่สนิทสนมเท่านั้น) ปัจจุบันผู้ที่พุดภาษาใต้ไม่ชัด หรืออกสำเนียงใต้ไม่ชัดเจนก็เรียกว่าแหลงทองแดงเช่นกัน
             แหลงข้าหลวง คำนี้เป็นภาษาไทยใต้สำเนียงสงขลา ใช้สหรับดูถูก ผุ้ใช้ที่ใช้ภาษาไทยสำเนียงกรุงเทพและภาษไทยมาตรฐาน เป็นสำเนียงถิ่น (บ้างอาจจะใช้เรียกผุ้ที่ใช้ภาษาทไยกลางแท้ เช่นสำเนียงสุพรรณด้วย) โดยเฉพาะเมื่อคนนั้นมีความพยายามที่จุพุดภาษาใต้ และพุดไม่ได้สำเนียงใต้ โดยเฉพาะพลาดพลังในการใช้อนุประโย ที่เป็นแบบภาษาหมิ่นใต้th.wikipedia.org/wiki/ภาษาไทยถิ่นใต้





              

วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Tai–Kadai : The Central Tai, Southwestern Tai languages

          "ไท-กะได" มาจากการจัดแบ่งตระกูลภาษาออกเป็นสองสาขาคือ "ไท" และ "กะได" ซึ่งเลิกใช้แล้ว เนื่องจากกะไดจะเป็นกลุ่มภาษาที่เป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีกลุ่มภาษาไทรวมอยู่ด้วย ในบางบริบทคำว่ากะไดจึงใช้เรียกตระกูลภาษา ไท-กะได ทั้งตระกูล แต่บางบริบทก็จำกัดการใช้คำนี้ให้แคบลงโดยหมายถึงกลุ่มภาษาขร้าที่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลภาษานี้
            ตระกูลภาษาไท - กะได ประกอบด้วยกลุ่มภาษาที่จัดแบ่งไว้ 5 สาขา คือ กลุ่มภาษาชร้า (อาจเรียกว่า กะได หรือ เก-ยัง), กลุ่มภาษา กัม-สุย (จีนแผ่นดินใหญ่ อาจเรียกว่า ต้ง-สุย) กลุ่มภาษาไหล (เกาะไหหลำ), กลุ่มภาษาไท (จีนตอนใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้), ภาษาไท (จีนตอนใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ภาษาอังเบ (เกาะไหหลำ อาจเรียกว่า ภาษาเบ)
              กลุ่มภาษาไท 
              กลุมภาษาไทกลาง 
              ภาษานุง หรือชาวไทนุง เป็นกลุ่มชนซึ่งมีคึวามคล้ายคลึงกับในหลายด้าน ทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม และเครื่องแต่งกายแบบเดียวกัน และชนกลุ่มนี้มักอยุ่ด้วยกันในหมู่บ้านเดียวกัน พวกเขาซึ่งมักถูกเรียกว่าชาวไตนุง ชนกลุ้มนี้อาศัยอยู่ทาง จังหวัดเกาบัง และ จังหวัดลางเซิน และอาจถือได้ว่าชาวไทนุงเป็นพวกเดียวกับกลุ่มชาติพันธุ์ไท-กะไดในท้องถ่ินต่างๆ ชอ
ประเทศเวียดนาม
            ภาษาโท้ บางครั้งก็ถูกเรียกว่ แกว, มอน, โฮ, ไทปูง บ้างและเป็นกลุ่มชนที่จีนเรียกว่า "ดูเยน" เป็นกลุ่มชนที่เดิมมีจำนวนมากที่สุดใน เขตปกครองตนเองกวางสีตอนใต้ มีจำนวนถึงร้อยละ 90 ของประชากรทั้งหมด ส่วนคำว่า "โท้" นั้นแปลว่าดินเนื่องจากชาวโท้สนทัดในการทำเกษตร
             โท้ ซึ่งอยู่ทางใต้ลำน้ำแคร์ (ซงเกี้ยม) ซึ่งอยู่ภายใต้ญาวโดยเฉพาะ(ส่วนทางตอนเหนือ เรียกตัวเองว่า "ไท") ซึ่งเดิมสองกลุ่มชนนี้เป็นพวเดียวกันมาแต่เดิม มีลักษณะสำคัญที่เหมือนๆ กัน แต่ต่อมมาผิดแผกไปเพราะได้รับอิทธิพลของผู้ปกครอง โท้กับไทเป็นเครือญาติใกล้ชิดกัน แต่มีความแตกต่างที่พอจะแลเห็นได้ ในชนบธรรมเนียมประเพณี เครืองแต่งกาย และการครองชีพ ความแตกต่างนี้เกิดจากต่างฝ่ายต่างห่างเหินกัน 
               ชาวนาที่เป็นเจ้าของเสาอากาศเรืองแสงมีเครื่องแต่างตัวสวยงามผิดกันกับญวน ซึ่งเคยเป็นเจ้านายมาแต่ก่อน
              ภาษาตั่ มีผู้พูดท้งหมดกว่าหนึ่งล้านห้าแสนคนใประเทศเวียดนามทางตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือใกล้กับชายแดนประเทศจีนอาจจะมีผู้พูดภาษานี้ใน ประเทศลาว ฝรังเศส และสหรัฐอเมริกา สวนใหญ่พู๔ดภาษาเวียดนาม ได้ด้วยจัดอยุ่ในตระกุลภาษาไท-กะได กลุ่มภาษากัม-ไท เขียนด้วยอักษรละติน
            นอกจากนี้ยังมีภาษาอื่นๆ อาทิ ภาษาจ้วงใต้ ในประเทศจีน, ภาษาม่านเชาลาน ภาษาซึนลาว และภาษานางในประเทศเวียดนาม ที่จัดอยู่ในตระกูลภาษาไท-กะได กลุ่ม กัม-ไท กลุ่มภาษาไท ที่แบ่งออกเป็นกลุ่มภาษาไทกลาง th.wikipedia.org/wiki/กลุ่มภาษาไท
             กลุ่มภาษาไทตะวันตกเฉียงใต้ เป็นกลุ่มภาษาไทในเอเชียตะวันออกเฉียวใต้ กลุ่มภาษานี้มี ภาษาทไย ภาษาลาว ภาษาไทยถิ่นเหนือ และภาษาไทใหญ่ เป็นต้น
             - ภาษาไทหย่า ภาษาไทยหย่า เป็นภาษาของชาวไทยหย่อที่อาศัยอยู่ทางมณฑลยูนนานของประเทศจีน ภาษานี้มีความคล้ายคลึงกันกับภาษาไทยบางคำ 
             - ภาษาปาดี มีผู้พูดทั้งหมด 1,300 คน พบในประเทศจีน 1,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลยูนนาน พบลในประเทศเวียดนามทางภาคเหนือและภาคตะวันตกเฉียงเหนือ 300 คนจัดอยู่ในตระกูลภาษาไท-กะได กลุ่มภาษากัม-ไท เป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์h.wikipedia.org/wiki/กลุ่มภาษาไทตะวันตกเฉียงใต้

วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Tai–Kadai : North Tai

            ชื่อ "ไท-กะได" มาจากการจัดแบ่งตระกูลภาษาออกเป็นสองสาขาคือ "ไท" และ "กะได" ซึ่งเลิกใช้แล้ว เนื่องจากกะไดจะเป็นกลุ่มภาษาที่เป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีกลุ่มภาษาไทรวมอยู่ด้วย ในบางบริบทคำว่ากะไดจึงใช้เรียกตระกูลภาษาไท-กะไดทั้งตระกูล แต่ลางบริบทก็จำกัดการใช้คำนี้ให้แคบลงโดยหมายถึงกลุ่มภาษาขร้าที่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลภาษานี้
            กลุ่มภาษาไท ประกอบด้วย
            กลุ่มภาษาไทเหนือ
            - กลุ่มภาษาแสก (ลาว) เป็นภาษาตระกูลไท-กะได ที่ใช้พูดบริเวณสองฝั่งแม่น้ำโขงในประเทศลาวและจังหวัดนครพนม ประเทศไทย ผู้พูดภาษานี้เหลือน้อยเพราะคนรุ่นใหม่หันไปพูดภาาาลาวและภาษาไทยถิ่นอีสานมากขึ้น
             ภาษาที่ใช้สือสารกันในเผ่าแสกคือ ภาษาแสก ปัจจุบันใช้ภาษาไทยกลาง ภาษาไทยท้องหรือภาษาลาวพื้นเมือง ส่วนภาษาแสกจะใช้สื่สารกันภายในหมู่บ้าน และหมู่บ้านอื่นๆ ที่มีชาวไทแสกก็สามารถสื่อสารกันได้
              ภาษาแสกจะมีัแต่ภาษาพูดไม่มีภาษาเขียน ผุ้พุดภาษาแสกจะรวมตัวกันอยุ่ เป็นหมู่บ้าน การแต่างกายรุปร่าง ลักษระท่าทางกริยามารยาท และความเป็นอยู่ของชาวไทแสกในปัจจุบัน ไม่แตกต่างไปจากชาวไทยในท้องถ่ินอื่นๆ สิ่งเดียวที่ทำให้ชาวไทแสกแตกต่างไปจากชาวไทยอื่นๆ คือ ภาษาพิธีกรรม ความเชื่อชาวไทยแสกซึงมีการแสดงแสกเต้นสากร่วมด้วย ในจังหวัดนครพนม มีภาษาถิ่นไทยกลายกลุ่ม คือ ภาษาถิ่นลาวพื้นเมือง ภาษาถิ่นภูไทย ภาษาถิ่นญ้อ และภาษาถ่ินกะเลิง ภายษาถิ่นทั้ง 4 ภาษานี้ ถึงแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ผู้พุดภาษาทั้ง 4 ภาษา ก็สามารถติดต่อพูดจากันได้รู้เรื่อง โดยไม่มีปัญหาเลย ทั้งนี้เพราะภาษาถิ่นเหล่านี้ มีความแตกต่างกันในเรื่องเสียงไม่มาก คำศัพท์ก็มีบ้างเล็กน้อยแต่ในเรื่องการเรียงคำ หรือการสร้างประโยคแล้วไม่มีเลย ส่วนภาษาแสกนี้ถึงแม้จะจัดว่าเป็นภาษาไทยถิ่น แต่ความแตกต่างไปจากภาษาไทยถิ่น ไม่อาจเข้าใจได้ทำให้มีคนจำนวนมากคิดว่าภาษาแสกเป็นภาษาเขมร ตามความเป็นจริงแล้วไม่ใช่
               ศาสตราจารย์  ฟัง ไกวลี นักภาษาศาสตร์ชาวอเมริกัน เชื้อชาติจีนได้เคยเสนอการแบ่งกลุ่มตระกูลภาษาไทยเป็นสามาสาขาโดยใช้ศัพท์และวิวัฒนาการของเสียงบางเสียงเป็นมาตรฐานในการแบ่งสาชาของภาษาเอาไว้ว่า
               1 สาขาเหนือประกอบไปด้วย ภาษาถิ่นที่อยุ่ทางใต้ของจีน ตัวอย่าง ชื่อภาษาถิ่น เหล่านีอวู, มิง, เทียน, เขา, โปอายและเชียนเชียง
               2 สาขากลางอูย่ในเวียดนามเหนือ แถวพรมแดน ติดต่อกับประเทศจีนมีไตขาว โท นุง ลุงเชา เทียนเปา ยุงซุน
               3 สาขาตะวันตกเฉียงใต้ ประกอบด้วย ภาษาในประเทศไทย ลาว พม่า อินเดีย เวียดนาม ทั้งหมดในประเทศไทยและลาวเท่านั้นที่ภษาไทยนับเป็นภาษาของชนกลุ่ใหฐ่ และใช่เป็นภาษาราชการ นอกจานี้ก็เป็นภาษาของชนกลุ่มน้อย กระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆ รวมไปถึงภาษาถิ่นที่เป็นภาษาแสกด้วย ซึ่งภาษาชนกลุ่มน้อยนี้จะกระจัดกระจายอยู่ในประเทศต่าง ๆ และจะค่อยๆ ถูกลืมหายไปที่ละน้อยๆ เรื่องนี้อาจารย์ บรรจบ พันธุเมธา ก็ได้แสดงความห่วงใยไว้ในหนังสือของท่านชื่อ "กาเลหม่านไต" (ไปเที่ยวบ้านไท) เอาไว้ว่า "ภาษาแสด ศาสตราจารย์ ฮวนดริครอท เคยแสดงความคิดเห็นไว้ว่าควรจัดอยู่ในภาษาไทยแขนงภาคเหนือ โดยพิจารณาจากศัพท์ ศาสตรจารย์ วิลเลียม กรีดนี้ ก็เป็นอีกท่านหนึ่ง ซึ่งสนับสนุนวาควรจะจัด "ภาษาแสก" อยู่ในแขนงาคเหนือเช่นกัน โดยเพ่ิมหลักฐานทางศัพท์และเสียงท่านผู้นี้ ได้ศึกษาภาษาแสกในเรื่องเสียงว่ามีเสียงอะไรบ้าง และเคยพิมพ์บทความ เกี่ยวกับภาษาแสกในจังหวัดนครพนม ศาสตราจารย์ ฮวนดริครอทส์ ได้รวบรวมคำศัพม์ไปไม่มา ละยังไม่ได้ศึกษาถึงเรื่องเสียงวรรณยุกต์และริื่งอื่นๆ ของชาวไทแสก"
             
 วิไลวรรณ ขนิษฐานันท์ ได้ศึกษาภาษาแสก ตามแนวภาษาศาสตร์โดยได้ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะของเสียงวรรณยุกต์ เสียงสระและเสียงพยัญชนะ ที่มีใช้อยู่ในภาษาแสก ยังได้บรรยายถึงลักษณะกลุ่มคำต่างๆ การประสมคำ การเรียงการเก็บบันทึกคำภาษาแสก ที่เกี่ยวกับคำและความหมาย วิธีอ่่านออกเสียงและความหมายของคำแสก โดยวิไลวรรณขนิษฐานันท์ ได้แสดงความเป็นห่วงภาษาแสกเอาไว้ว่า "ประเทศไทย ภาษาแสก เป็นภาษาของชนกลุ่มน้อยและแปลแตกต่างไปจากภาษาถิ่นอื่นๆ มาก คนไทยอื่นๆ ไม่สามารถเข้าใจภาษาแสกได้ ภาษาแสกจึงมีปัญหาเหมือนคนไทยที่เป้ฯชนกลุ่มน้อยในประเทศอื่นๆ กล่าวคือ ภาษาแสกกำลังถุกกลืนหายไปปัจจุบันนี้บางหมุ่บ้าดดยเฉพาะหมุ่บ้าในตัวเมือง พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จะพูดภาษาแสกได้ เด็ๆ ชาวไทแสก จะไม่สามารถพูดภาษาแสกได้ เด็กๆ เหล่านี้ไม่ค่อยพูดภาษาแสกได้ เด็กๆ ชาวไทแสก จะไม่สามารถพูดภาษาแสกได้ เด็กๆ เหล่านี้ไม่ค่อยพูดภาษาแสก แต่พวกเขาก็ฟังและเข้าใจภาษาแสกได้อยู่บ้าง จากสภาพที่เป็นอยุ่ในปัจจุบันทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า ภาษาแสก คงจะสูญสิ้นไปในไม่ช้าเพราะสาเหตุใหญ่ 3 ประการ คือ
            1 ภาษาแสกเป็นภาษาของคนกลุ่มน้อย ดังนั้นเด็รุ่นปัจจุบันในหมู่บ้านแสกจึงไม่นิยมใช้ข้อนี้เป้ฯเหตุผลทางธรรมชาติโดยทั่วไปแล้ว เด็กจะพยายามใช้ภาษาของชนหมุ่ใหญ่ คือ ภาษาที่เพื่อนๆ รอบตัวใช้ในดรงเรียนและภาษาที่ใช้สถานที่สาธารณะต่างๆ ถ้าภาษาที่ใช้ในครอบครัวไม่ใช่ภาษาของชนหมู่ใหญ่ เด็กก็มักจะไม่ใช้พูด ถึงแม้แต่พ่อแม่จะใช้ภานั้นพูดด้วยก็ตาม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วไป ดังจะเห็นว่าถ้าครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ถ้าเป้นครอบครัวซึ่งไปเติบโตที่นั่น จะเรียนรู้และพุดภาษานั้นและไม่ยอมใช้ภาษาของตัวเอง เด็กจะเรียนรู้ภาาของพ่อแม่ แต่ไม่ยอมใช้ภาษาเพราะเห็นว่าเป็ฯภาษาของชนกลุ่มนอย ดังนั้นในหมุ่บ้านชาวไทแสกในตัวเมืองทั่วๆ ไปก็เช่นกัน จะพบว่าเด็กที่อายุต่ำหว่า 15 ปี ลงมาไม่สามารถพูดภาษาแสกได้เพียงแต่ฟังเข้าใจ
             2 การได้รับอิทธิพล จากภาษาไทยกลางเนื่องจากชาวไทแสก ส่วนมากหรือเกือบทุกๆ คน ต้องเรียนหนังสือ ซึงต้องใช้ภาษากลางเป็นสื่อในการเรียนการสอนอีทั้งสื่อสารมวลชนต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ฯลฯ ซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนทั่วๆ ไป ก็ใช้ภาษากลางจึงทำให้ชาวไทแสกได้รับอิทธิพลไปจากภาษาไทยกลางมาก
             3 การได้รับอิทธิพลจากภาษาไทยท้องถ่ิน หรือภาษลาวพื้นเมืองนครพนม ในชีวิตประจำ "ชาวไทแสก" จะต้องติดต่อพบปะใกล้ชิดกับชาวนครพนม baanjomyut.com/library_2/part_of_thai_culture/11.html
             - ภาษาปู้อี มีผู้พูดทั้งหมด กว่า สองล้านหกเเสนคน พบในจีน สองล้านหกแสนคน ในบริเวณที่ราบกุ้ยโจว-ยูนนาน ในมณฑลยูนานและเสฉวน พบในเวียดนามเกือบห้าหมื่นคน มีบางสวนในฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา จัดอยู่ในตระกูลภาษาไท-กะได กลุ่มภาษาดัม-ไท สขาเบ-ไท สาขาย่อยไท-แสก ส่วนใหญ่ใช้ในเขตปกครองตนเองของชาวปูยี มีการออกหนังสือพิมพ์ในภาษนี้ เขียนด้วยอักษรละติน ในจีนจะพูดภาษาจีนเป็นภาษาที่สอง เรียงประโยคแบบประธาน-กระยา-กรรม สวนใหญ่เป็ฯพยางค์เดียว มีวรรณยุกต์ 6 เสียงสำหรับคำเป็น และ 4 เสียงสำหรับคำตาย
             
 ปูยี คือชนกลุ่มน้อยสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ชื่อชนร้อยเผ่า ภาษาจีนเรียกว่า "ไปเยว"อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองเฉียนหนาน เฉียนซีหนาน เขตปกครองตนเองเผ่าปูยีและเผ่าแม้ว ในเขตเมืองอันซุ่น และเมืองกุ้ยหยางยังมีบางส่วนกระจัดกระจายอาศยอยุ่ในบริเวณเขตปกครองตนเองชนกลุ่มน้อยของมณฑลยูนนานและมณพลเสฉวน มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น กว่าสามล้านคน  และทางตอนเหนือของประเทศเวียดนามที่มักเรียกตนเองว่าปู้อี ไม่เรียกตนเองวาจ้วง พูดภาษาในตะกูล ไท-กะไดและ จีน-ทิเบต นับถือลัทธิดั้งเดิม และบางส่วนก็หันไปนับถือคริสต์ศาสนา th.wikipedia.org/wiki/ภาษาปู้อี
             - กลุ่มภาษาไทแมน หรือภาษาไตแมน ภาษาไตเมียน ภาษาไตมัน มีผุ้พูดในประเทศลาว 7,200 คน (พ.ศ. 2538) ที่แขวงบอลิคำไซ ผุ้พุดเหล่านี้กล่าวว่าพวกเขาอพยพมาจากเวียดนามภาษานี้จัดอยู่ในตระกุลภาษาไท-กะได กลุ่มภาษาไทกัม สาขาเบ-ไท สาขาย่อยไท-แสก ใกล้เคียงภาษาแสก
                กลุ่มภาษากัม-ไท หรือกลุ่มภาษาจ้วง-ต้ง เป็นสาขาภาษาหลักที่มีการเสนอให้จัดแบ่งขึ้นในตระกูลภาษาไท-กะได ประกอบด้วยภาษาของชนชาติต่างๆ ในจีนตอนใต้และในเอชียตะวันออกเฉียงใต้ประมาณกว่าร้อยละ 80 ของภาษาทั้งหมดในตระกูลดังกล่าว
                กลุ่มภาษากัม-สุย, เบและไท (ซึ่งเป็นกลุ่มภาษาหลัก 3 ใน 5 กลุ่มของตระกูลไท-กะได)มักถูกจัดอยุ่ร่วมกันในกลุ่มภาษากัม-ไทเนื่องจากมีคำศัพท์ที่ใช้ร่วมกันจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการจัดแบงเช่นนี้มีผุ้โต้แย้งโดยมองว่าเป็น "หลักฐานของการไม่มีจริง" ซึงอาจเป็นเพราะมีการแทนที่ศัพท์เข้าไปในสาขาอื่น ความคล้ายกันของระบบหน่วยคำทำให้มีนักภาษาศาสตร์จัดสาขาขร้ากับกัม-สุย เป็นหลุ่มกะไดเหนือทางกนึ่งและสาขาไหลกับไท เป้ฯกลุ่มกะไดใต้อีกทางหนึ่งแทน ตำแหน่งของภาษาอังเบในข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้ถูกพิจารณาไปด้วย th.wikipedia.org/wiki/ภาษาไทแมน
             

วันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Tai–Kadai languages

          ตระกูลภาษาไท-กะได หรือรู้จักกันในนาม กะได, ขร้าไท หรือ ขร้า-ไท เป็นตระกูลภาษาของภาษาที่มีเาียววรรณยุกต์ที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตอนใต้ของประเทศจีนในช่วงแรก ตระกูลภาษาไท-กะไดเคยถูกกำหนดให้เป็นอยู่ในตระกูลภาษาหนึ่ง และยังมีผุึ้เห็นว่าตระกูลภาษาไท-กะได นี้มีความสัมพันธ์กับตระกูลภาาาออสโตนีเซียน โดยอยู่ในกลุ่มภาษาที่เรียกว่า "ออสโตร-ไท" หรือจัดเป็นตระกูลภาษาใหญ่ออสตริก
           รอเจอร เบลนซ์ ได้กล่าวว่าถ้าข้อจำกัดของความเชื่อมต่อของตระกูลภาษาออสโตร-ไทมีความสำคัญมาก แสดงว่าความสัมพันธ์ทั้งสองตระกูลอาจไม่ใช้ภาาที่เป้นพี่น้องกัน กลุ่มภาษากะได อาจเป็นสาขาของภาษาตระกูลออสโตรนีเซยนที่อพยพจากฟิลิปปินส์ไปสู่เกาะไหหลำแล้วแพร่สู่จีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่สาขาไดของภาษากล่มกะไดมีการปรับโครงสร้างใหม่ดดยได้รับอิทธิพลจากกลุ่มภาษาม้ง-เมี่ยนและภาษาจีน
             โลร็อง ซาการ์ ได้เสนอว่าภาษาไท-กะไดดั้งเดิมได้เกิดขึ้นในยุคต้นของตระกูลภาษาออสโตรนีเซียนที่อาจจะอพยพกลับจากทางตะวันตกเฉียงเหนือของไต้หวันไปยังชายฝังตะวันออกเแียงใต้ของจีน หรือจากจีนไปไต้หวันและเกิดการพัฒนาของภาษาตระกูลออสโตรนีเซียนบนเกาะนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างภาษาตระกุลออสโตรนีเซียนและไท-กะไดอาจจะอธิบายได้จากคำศัพท์ที่ใกล้เคียงกัน คำยืมในยุคก่อนประวัติศสตร์และอื่นๆ ที่ยังไม่รุ้ นอกจากนันภาษาตระกูลออสโตรนีเซียนอาจจะมีความสัมพันธ์กับตระกูภาาาจีน-ทิเบต ซึ่งมีจุดเร่ิมต้นในบริเวณชายฝั่งของจีนภาคเหนือและภาคตะวันออก
              ความหลากหลายของตระกูลภาษาไท-กะไดในทางตอนใต้ของประเทศจีนบ่งบอกถึงมีความสัมพันธ์กับถิ่นกำเนิดของภาษา ผู้พูดภาษาสาขาไทอพยพจากตอนใต้ของจีนลงทางใต้เข้าสู่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้แต่คร้ังโบราณ เข้าสู่ดินแดนที่เป็นประเทศไทยและลาวบริเวณนี้เป็นบริเวณที่พบผุ้พูดภาษาในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียติก
               ชื่อ "ไท-กะได" มาจากการจัดแบ่งตระกูลภาษาออกเป็นสองสาขาคือ "ไท" และ "กะได" ซึ่งเลิกใช้แล้วเนื่องจากกะไดจะเป็นกลุ่มภาษาที่เป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีกลุ่มภาษาไทรวมอยุ่ด้วย ในบางบริบทคำว่ากะไดจึงใช้เีรียกตระกูลภาษาไท-กะไดทั้งตระกูล แต่บางบริบทก็จำกัดการใช้คำนี้ให้แคบลง โดยหมายถึงกลุ่มภาษาขร้าที่เป็นส่วนหนึงของตระกุลภาานี้
              ภาษาในตระกูลไท-กะไดประกอบ้ด้วยกลุ่มภาษาทีจัดแบ่งไว้ 5 สาขา คือ
              กลุ่มภาษาขร้า (อาจเรียกว่า กะได หรือ เก-ยัง), กลุ่มภาษากัม-สุย (จีนแผ่นดินใหญ่ อาจเรียกว่า ด้ง-สุย), กุล่มภาษาไหล (เกาะไหหลำ),  กลุ่มภาษาไท (จีนตอนใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้), ภาษาอังเบ (เกาะไหหลำ อาจเรียกว่า ภาษาเบ).
              กลุ่มภาษาไหล ภาษาเจียมาว เจียมาว (ไหหลำ), ภาษาไหล (ไหหลำ),
              กลุ่มภาษาขร้า อาทิ เยอรอง (จีนแผ่นดินใหญ่), ภาษาเก้อหล่าว (เวียดนาม), ภาษาลาติ (เวียดนาม), ภาษาลาติขาว (เวียดนาม), ภาษาปู้ยัง (จีนแผ่นดินใหญ่), ภาษาจุน (ไหหลำ), ภาษาเอน (เวียดนาม), ภาษากวาเบียว (เวียดนาม), ภาษาลาคัว (เวียดนาม), ภาษาลาฮา (เวียดนาม),
              กลุ่มภาษาไท แบ่งออกเป็น กลุ่มภาษาไทเหนือ ภาษาแสก (ลาว), ภาษาเย (ไทย), ภาษาจ้วงเหนือ (จีน), ภาษาปูยี (จีน), ภาษาไทแมน (ลาว), ภาษาอี (จีน)
              กลุ่มภาษาไทกลาง อาทิ ภาษาจ้วงใต้ (จีน), ภาษามานเชาลาน (เวียดนาม), ภาษานุง (เวียดนาม), ภาษาคั่ย (เวียดนาม), ภาษาซึลาว (เวียดนาม), ภาษานาง (เวียดนาม)
              กลุ่มภาษาไทตะวันตกเฉียงใต้ อาทิ ภาษาไทหย่า (จีน), ภาษาพูโก (ลาว), ภาษาปาตี (จีน), ภาษาไททัญ (เวียดนาม), ภาษาดั่ยซาปา (เวียดนาม), ภาษาไทโหลง (ไทหลวง) (ลาว), ภาษาไทฮ้องจีน (จีน), ภาษาตุรุง (อินเดีย), ภาษายอง (ไทย), ภาษาไทยถิ่นใต้ (ปักต์ใต้) (ไทย),
              กลุ่มภาษาไทกลาง-ตะวันออก
              กลุ่มภาษาเชียงแสด อาทิ ภาษาไทดำ (เวียดนาม), ภาษาไทยถิ่นเหนือ (ภาษาล้านนา, ภาษาไทยวน) (ไทย, ลาว), ภาษาพวน (ไทย) ภาษาไทโซ่ง (ไทย), ภาษาไทย (ไทย), ภาษาไทฮ่างตง เซียดนาม) ภาษาไทขาว (ภาษาไทด่อน) เวียดนาม), ภาษาไทแดง (ภาษาไทโด) (เวียดนาม), ภาษาคั่ยเติ็ก (เวียดนาม), ภาษาตูลาว (เวียดนาม)
              กลุ่มภาษาลาว-ผู้ไท อาทิ ภาษาลาว (ลาว), ภาษาญ้อ (ไทย), ภาษาผู้ไท (ไทย), ภาษาอีสาน (ภาษาไทยถิ่นอีสาน) (ไทย, ลาว)
              กลุ่มภาษาไทตะวันตกเฉียงเหนือ (พายัพ) อาทิ ภาษาอาหม (รัฐอัสสัม เป็นภาษาสูญแล้ว, ภาษาอัสสัมซึ่งเป็นภษาที่ชาวอาหมใช้ในปัจจุบัน จัดอยู่ในตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน), ภาษาอ่ายตน (รัฐอัสสัม), ภาษาล้อ (ภาษาไทลื้อ) (ีน, เวียดนาม, ไทย, ลาว, พม่า), ภาษาคำดี (รัฐอัสสัม, พม่า), ภาษาเขิน (พม่า), ภาษาคำยัง (รัฐอัสสัม), ภาษาพาเก (รัฐอัสสัม), ภาษาไทใหญ่ (ภาษาฉาน) (พม่า), ภาษาไทใต้คง (ภาษาไทเหนือ) (จีน, เวียดนาม, ไททย, ลาว),
             กลุ่มภาษากัม-สุย ประกอบด้วย
             กลุ่มภาษาลักเกีย-เบียว (จีนแผ่นดินใหญ่) อาทิ ภาษาลักเกีย, ภาษาเบียว, ภาษากัม-สัย (จีแผ่นดินใหญ่) ภาษาอ้ายจาม, เชา เมียว, ภาษาต้งเหนือ, ภาษาต้งใต้, ภาษาคัง ภาษามาค, ภาษามู่หลาม, ภาษาเมาหนาน, ภาษาสุย, ภาษาทีเอน
             สาขากัม-สุย, เบ และไท มักถูกจัดให้อยู่รวมกันเนื่องจากมีคำศัพท์ที่ใช้ร่วมกันจำนวนมาก (ดูเพ่ิมที่กลุ่ม ภาษากัม-ไท) ย่างไรก็ตามการจัดแบ่งเช่นนี้มีความเห้ฯที่โต้แย้ง ซึ่งอาจเป็นเพราะมีการแทนที่ศัพท์เขไปในสาขาอ่น ความค้ายกันของระบบหน่วยคำทำให้มีนักภาษาศาสตร์จัดสาขาขร้ากับคำ-สุย เป็นกลุ่มกะไดเหนือทางหนึ่่ง และสาขาไหลกับไท เป็นกลุ่มกะไดใต้อีกทางหน่งแทนดังภาพ ตำแหน่งของภาษาอังเบในข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้ถูกพิจารณาไปด้วย
 th.wikipedia.org/wiki/ตระกูลภาษาไท-กะได
               นักภาษาศาสตร์เชื่อว่าภาษาตระกูลไท-กะได มีความสัมพันธ์ทางเชื่อสายกับภาษาตระกุลจีน-ทิเบต หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภาษาตระกูลไท-กะได เป็นตระกูลย่อยของภาษาจีน-ทิเบต เนื่องจากข้อค้รพบที่ว่าคำในภาษาไทยและคำในภาษาจีนมีความใกล้เคียงกันมาก จึงสันนิษฐานว่าภาษาไทยและภาษาจีนอาจมีต้นกำเนิดมาจากตระกูลภาาาเดียวกัย ดังนี้
แผนภาพแดสงความสัมพันะ์ว่่าภาษาตระกุลไท-กะได มีความสัมพันธ์ทางเชื้อสายกับภาษาตระกูลจีน-ทิเบต

               นักภาษาศาสตร์เชื่อว่าภาษาตระกูลไท-กะได มีความสัมพันธ์ทางเชื่อสายกับภาษาตระกุลออสโตรนีเซียน โดยนักภาษาศสตร์ที่ชื่อว่่า พอล เค เบเนดิกต์ ให้ข้อคิดเห็นว่า ภาษาไทยและภาษาจีนไม่ได้มีความคล้ายคลึงเพราะมีเชื่อสายภาษาเดียวกันแต่ความคล้ายคลึงนั้นอาจเกิดมาจากการยืมภาษานั่นเอง
               อย่างไรก็ดี พอล เค เบเนดิกต์ เชื่อว่าภาษากะได ซึ่งเขาให้คำนิยามเป็นคนแรกว่า หมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาลักกยา (พูดในอำเภอจิ่วซิ่ว มณฑลกว่างสี) ละควา/ละซา เก้อหล่าว ละจี็ และหลีฮไล) (พูดในเกาะไหหลำ) เป็นภาษาที่เป็ฯสะพานเชื่อมระหว่างภาษาตระกูลไทกับภาษาออสโตรนีเซียนเนื่องจากภาษากลุ่มกะไดเป็นภาษาคำโดดและใช้เสียงวรรยุกต์เหือนภาษาตระกูลไทย และมีบางอย่าง เหมื่อนภาษาตระกุลออสโตรนีเซียนน คือมีคำขวรยตามหลังคำหลัก ซึ่งภาษาจีนไม่มีระบบไวยากรณ์ดังกล่าวนี้
              การเชื่อมสัมพันธ์ทางเชื้อสายนี้จึงใช้เป็นหลักฐานมนการพิสูจน์สมมติฐานได้ว่าภาษาตระกูลไท-กะได สัมพันธ์กับภาษาตระกูลออสโตรนีเซียน และแตกมาจากภาษาตระกุลออสโตร-ไท ร่วมกัน ดังนี้
               
แผนภาพแดสงความสัมพันธ์ว่าภาษาตระกลูไท-กะไดสัมพันธ์กับภาษาตระกูลออสโตรนีเซียน และแกตกมาจากภษาตระกุลออสโตร-ไท ร่วมกัน

           
นักภาษาศาสตร์เชื่อว่าภาษาตระกูลไท-กะได มาจากภาษาตระกูลออสโตรไท ซึ่งรวมภาษาออสโตรนีเซียน และแม้ว-เย้า ในกลุ่มตระกูลภาษานี้ด้วย ดังนี้

แผนภาพแดสงความสัมพันธ์ว่าภาษาตระกูลไท-กะไดมาจากภาษาตระกูลออสโตร-ไท ซึ่งรวมภาษาออสโตรนีเซียน และแม้ว-เย้า

            จากสมมติฐานทั้ง 3 ฝ่ายนี้ จะเห็นได้ว่านักภาษาศาสตร์มีความเห็นว่า ภาาาตระกุลไท-กะไดน่าจะมีความสัมพันะ์ทางเชื้อสายกับภาษาตระกุลจีน-ทิเบต ภาษาตระกูลออสโตรนีเซียนรวมไปถึงกภาษาตระกุลแม้ว-เย้า ด้วย อย่างไรก็ดีภาาาตะกูลไท-กะได ไม่มีความสัมพันะ์ทางเชื้อสายกับภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติกเลย   ( ความเป็นมาของภาษาไทย, บทที่ 1, อาจารย์กฤติกา ชูผล)
            เชื่อกันว่า กลุ่มชาติพันธ์ุไท-กะได อพยพมาจากเทือกเขาอัลไต ต่อมาก็เชื่อว่าอพยพมาจากตอนกลางของประเทศจีน และก็เชื่อกันว่ากำเนิดในบริเวณจีนตอนใต้ เป้นอาณาจักรน่านเจ้า และอพยพลงมาทางตอนใต้สร้างเป็นอาณาจักรล้านนา และอาณาจักรสุโขทัย ส่วนอีกทฤษฎีเชื่อว่าอพยพมาจากทางใต้ จากชวา สุมาตรา และคาบสมทุรมลายู แต่นักมนุษยวิทยาในปัจจุบันเชื่อกันว่า กลุ่มชาติพันธุ์ไท-กะได อยู่ที่บริเวณจีนตอนใต้ เรื่อยมาจนถึงรัฐฉาน ประเทศไทยตอนบนและแอ่งที่ราบลุ่มภาคอีสาน เรื่อยไปยังเป็นประเทศลาว หลังจากนันจึงมีการอพยเพิ่ม เช่นกลุ่มชาวอาหม ที่อพยพข้ามช่องปาดไก่ ไปยังอัสสัมและชาวไทแดงที่อพยพไปตั้งถ่ินฐานบริเวณอาณาจักรสิบสองจุไท โดยทั้งหมด มีทฤษฎีอยุ่ดังนี้
          ทฤษฎีที่ 1 ชนชาติไท-กะได มาจากเทือกเขาอัลไต ทฤษฎีนี้ หลวงวิจิตรวาทาการ (ขณะดำรงบรรดาศักดิ์ ขุน) ห้การสนับสุน ว่าชนชาติไท-กะได มาจากเทือกเขาอัลไต แล้วมาสร้างอาณาจักน่านเจ้า แล้วจึงอพยพมาสร้างล้านนาและสุโขทัย ดดยเชื่อว่าคำว่าไต ท้ายคำว่า อัลไต(Altai) หมายถึงชนชาติไท-กะได แต่ทฤษฎีนี้ต่อมาได้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง อีกทั้ง อัลไต เป็นภาษาอัลไตอิก ไม่ใช่ภาษาไท-กะได และน่านเจ้าปัจจุบันได้รับการพิสูจน์ว่าเป้นอาณาจักรของชนชาติไป๋
         ทฤษฎีที่ 2 ชนชาติไท-กะได มาจากหมูเกาะทะเลใต้ เบเนดิกส์ เสนอว่า ไทยพร้อมกับพวกฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียอพยพจากหมู่เกาะทะเลใต้ แถบเส้นศูนย์สูตร ขึ้นมาตั้งถ่ินฐานในอินแดนอุษาคเนย์ และหมุ่เกาะฟิลิปปินส์ เบเนดิกส์ ยกเรื่องความเหมือนของภาษาสนับสนุน เช่นคำว่าปะตาย ในภาษาตากาล็อก แปลว่า ตากย อากู แปลว่า กู คาราบาง แปลวา กระบือ เป็นต้น ประเด็นนี้นักภาษาศาสตร์ และนักนิรุกติศาสตร์สวนใหญ่ไม่ยอมรับวิธีการของเบเนดิกส์เพราะเป็นการนำภาษาปัจจุบันของฟิลิปปินส์มาเที่ยบกับไทย แทนที่จะย้อนกลับไปเมื่อ 12000 ปีที่แล้ว ว่า คำไทยควรจะเป็นอย่างไร และคำฟิลิปปินส์ควรจะเป็นอย่างไร แล้วจึงนำมาเทียบกันได้ นอกจากนี้ ผุ้ที่เชื่อมทฤษฎีนี้ ยังใช้เหตุผลทางกายวิภาค เนื่องจากคนไทยและฟิลิปปินส์มีลักษณะทางกายวิภาค คล้ายคลึงกัน
          ทฤษฎีที่ 3 ชนชาติไท-กะได อาศัยอยู่ในบริเวณสุวรณภูมิอยู่แล้ว นักวิชาการท่าหนึ่งเสนอว่าชนชาติไท-กะได อาจจจะอยู่ในบริเวณนี้มาตั้งแต่่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดดยอ้างตามหบักฐานโครงกระดูก ที่บ้ายเชียงและบ้านเก่า แต่หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงอ้างความเห้นของกอร์แมนว่าดครงกระดูกคนบ้านเชียง มีลักษณะคล้ายกับกระดูกมนุษย์ที่อยุ่ตามหมู่เกาะมหาสมุทรแปซิฟิก อีกประการหนึ่ง ทรงอ้างถึงจากรึกในดินแดนสุวรรณภูมิ ว่า เป็นจารึกที่ทมำให้ภาษามอญมาจนถึงประมาณ พ.ศ. 1730 ไม่เคยมีจารึกภาาาไทยในช่วงเวลาดังกล่าวเลย
          ทฤษฎีที่ 4 ชนชาติไท-กะได อาศัยอยู่บริเวณจีนตอนใต้ และขตวัฒนธรรมไท-กะได ทฤษฎีนี้เป็ฯที่ยอมรับของนักภาษาศาสตร์ นิรุกศาสตร์ และประวัติศาสตร์ในปัจจุบันมากที่สุด โดยศาสตราจารย์ เกิดนีย์ เจ้าของทฤษฎีให้เหตุผลประกอบด้วยทฤษฎีทางภาษาว่า ภาษาเกิดที่ใด จะมีภาษาท้องถ่ินมากหลายชนิดเกิดขึ้นแถบบริเวณนั้น เพราะอยู่มานานจนแตกต่างกันออกไปแต่ในดินแดนทีใหม่กว่าภาษาจะไม่ต่างกันมาก โดยยกตัวอย่างภาษาอังกฤษบนเกาะอังกฤษ มีสำเนียงถิ่นมากและบางถ่ินอาจฟังไม่เข้าใจกัน แต่ขณะที่ภาษาอังกฤษในสหรัฐอเมริกา มีสำเนีียงถิ่นน้อยมากและพูดฟังเข้าใจกันได้ดดยตลอด เปรียบเทียบกับชาวจ้วงในมณฑลกวางสี แม้มีระยะห่างกันเพียง 20 กิโลเมตร แต่ก็แยกสำเนียงถิ่นอกเป็นจ้วงเหนือ และจ้วงใต้ ซึ่งสำเนียงบางคำต่างกันมากและฟังกันไม่รู้เรื่องทั้งหมด ขณะที่ภาษาถ่ินในไทย (ภาษาไทยกลาง) และภาษาถิ่นในลาว (ภาษาลาว) กลับฟังเข้าใจกันได้ตลอมากกว่า...th.wikipedia.org/wiki/กลุ่มชาติพันธุ์ไท-กะได
           
     



Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...