เทพีดิมิเทอร์
ซุส เทพปริณายก มีเทวีภคินี 3 องค์ ในจำนวนนี้ 2 องค์เป็นคู้พิศวาสของซุสด้ยองค์หน่งคือเจ้าเแม่ฮีรา ที่เราได้รู้จักกันมาแล้ว อีกองค์รงนามว่า ซิริส เป็นเทวีครองข้าวโพด ซึงหมายถึงการเกษตรกรมนี่นเอง
เจ้าแม่ดิมิเทอร์มีธิดาองค์หน่งทรงนมววา พรอสเซอร์พิน หรือ เพอร์เซโฟนี เป็ฯเทวีครองฤดูผลิตผลของพิชทั้้งปวง เพื่ออธิบายธรรมชติของการผลิตฤดู กวีกรีกโบราณจึงผูกเรื่อง ให้เทวีองค์นี้ถุกฮาเดสลักพาตัวไปเป็นคู่ครองในยมโลก
ดังมีเรื่องพิสดารดงี้ ฮาเดสปกครองยมโลกอยู่นเดียว โดเดียวไร้คู้ปฏิพัทธ์มาเป็นเวลานาน หามีเวีองค์ใดไยดี ที่จะ่องเทวบัลลังก์ กํบเธอ เทวีแต่ละองค์ที่เธอทอดเสน่หา แต่ละองค์ก็ไม่สมัครรักใคร่ ด้วยไม่ปรารถนาจะลงไปอยู่ในใต้หล้าแดนบาดาล อันดวงสุริยาไม่สามารถทอแสงลงไปถึง ทำให้เธอมึนตึงหมางหทัยนัก ในที่สุดจึงต้องตั้งปณธานจะไม่ทอดเสน่อหาใครอีกเป็น อันขาด หากปฏิพนะ์สวาทกับใคร ก็จะฉุดคร่พาเอาลงไปบาดาล
วันหนึ่งเพอร์เซโฟนีพร้อมเพื่อเล่นทั้งมวลชวนกันลงเที่ยวสวนดอกไม้ เท่ยวเด็ดดอกไม้อนจรุงกลิ่น สอดสร้าย ร้อยมาลัยอยุ่เป็นที่สำราฐ บังเอิญฮาเดอส ขึ้บรถทรงเล่นผ่านมาทงนั้น ได้ยินสรวลสรรหารรษาร่างเริงระคลเสียงขับร้องของ เห่านางอัปสรสาวสวรรค์ลอยมา เธอจึงหยุดรถทรง ลงไปเยี่ยมมองทางของสุม ุมพุ่มไม้ ครั้งพบเทวีรุ่นและคราฐทรงโฉมวิลาสวิไลให้นึกรัก จะเอาไปไว้ในยมโฃกจึงก้าวกระชางชิงอุ้มเพอร์เซโฟนีเทวีขึ้นรถไปในทันที
ฮาเดสขับรถเร่งไปจนถึงแม้น้ำ ไซเอนี ซึ่งขวางหน้าอยู่เห็นน้ำในแม่น้ำเกิดป่วนพล่านแผ่ ขยายท่วมท้นตลิ่งสกัดกั้นเธอเอาไว้ จึงชักรถไปทางอื่นใช้มือถือคู่หัตถ์มีง่าม 2 แฉก กระแทกกระทุ้งแผ่นดินให้แยกออก เป็นช่อง แล้วขับรถลงไปยังบาดาล ในขณะเดียวกันนั้น เพอร์เซโฟนีแก้สายรัดองค์ขวางลงในแม่น้ำ ไซเอนี พลง ร้องบอกนากอัปสรประจำแม่น้ำให้เอาไปถวายเจ้าแม่ดิมิเตอร์ ผุ้มารดาด้วย
ฝ่ายดิมีเตอร์ แม่โพสก กลับมาจากทุ่งข้าวโพด ไม่เห็นธิดา เท่ยวเพรียกหาก็ไม่พานพบวีแววอันใด เว้นแ่ ดอกไม่ตกเรียราดกลาดเหลื่อนอยู่ เจ้ามแม่เที่ยวหา กระเซอะกระเซิงไปตามท่ต่างๆ พลางกู่เรียกไปจนเวลาเย็นใให้อาดู โทมนัสนัก ล่วงเข้าราตรีกาลเจ้าแม่ก็ไม่หยุดพักการเสาะหาธิดา จนถึงุ่งอรุรของวันใหม่ แม้กระนั้นเจ้าแม่ก็ไม่ลดละ ความพยายาม คงดั้นด้นเรียกหาธิดาไปตามทางอีก มิไ้ห่วงถึงกภาระหน้าที่ประจำที่เคยปฏิบัติแต่อย่างใด ดอกไม้ท้งปวง จึงเหียวเฉา เพราะขาดฝนชะโฃเลี้ยง ติณชาาติตายเกลี้ยงไม่เหลือเลย พืชพันะ์ธัญญาหารถูกแดดแผดเผาซบเซาหมด ในที่สุดเจ้าแม่ก็สิ้งหวังระทดระทวยหย่อนองค์ลงนั่งพักที่ริมทางใกลนครอิลูสิส ความระทมประกังขึ้นมาสุดที่จะหักห้าม แเจ้าแม่ก็ซบพักตร์ กันแสงให้ตามลำพัง
ในระหว่างที่ยังไม่พบธิดานี้ มีเรื่องแทรกเกี่ยวกับเจ้าแม่ดิมิเตอร์เกิดขึ้นเรื่องหนึ่งสมควรจะเล่าไว้เสียด้วย เพื่อมิให้ผุ้หนึ่งผุ้ใดรู้จัก เจ้าแม่ดิมิเตอร์ได้จำแลงองค์เป็นยายาแก่ ในขณะที่เจ้าแม่นั่งพัก พวกธิดาของเจ้านค อีลูสิสรูว่ายายแก่มานั่่งคร่ำควรญคิดถึงลูก บังเกิดความสังเวชสงสร แลเพื่อที่จะให้ยายหายโศกเศร้านางเหล่านั้นจึงวน ยายแก่เข้าไปในวังให้ดุแลกุมาร ทริปโทลีมัส ผุ้น้ำง ซึ่งยังเป็นทารกแบเบาะอยู่
เจ้าแม่ดิมเิตอร์ยอมรับภาระนี้ พอลูบคลำโอบอุ้มทารก ทารกก็เปล่งปลั่งมนวลขึ้นเป็นที่อัศจรย์แก่เจ้านครและบริษัท บริวารย่งินัก ตกกลางคืนขณะที่เจ้าแม้อยุ่ตาลำพังกับทารก เจ้าแ่คิดใคร่จะให้ารกได้ทิยภาพเป็นอมรตัยบุคคล จึงเอา น้ำต้อยเกสร ดอกไม้ชะโลมทารกพางท่องบทสังวัธยายมต์ แล้ววางทารกลงบนถ่นไฟอนเร่าร้อน เืพ่อให้ไฟลามเลียเผา ผลญธาตุมฤตยู ที่ยังเหลืออยุ่ในกายทารกให้หมดสิ้น
ฝ่ายนางพญาของเจ้านคร ยังไม่ว่างในยากแก่นัก คอยย่องเข้าไปในห้องเพื่อคอยดู ประจบกบตอนเจ้าแม่ดีมิเตอร์ กำลังทำพิธีชุบทารกอยู่อพดี นางตกใจนักหวีดร้องเสียงหลง พลางถลับเข้าฉวยบุตรออกจากไฟ ครั้นเห็นบุตรสุดสวาทไม่เป็นอัตรายแล้ว จึงหันกลับมาจะไล่เบี้ยเอากับยายแก่เสียให้สามสมกับความโกรธแค้น แต่แทนที่จะเห็นยายแก่ หลับเห็น รูปเทวีประกอบด้วยรัศมีเรื่องรองอยุ่ตรงหน้า เจ้าแม่ตรัสพ้อนองพญาโดยสุภาพ ในการที่เข้าไปขัดขวางการพิธีเสีย ทำให้มนต์เสื่อมและชุบทารกอีกไม่ได้ แล้วเจ้าแม่ดีมิเตอร์ก็ออกจากเมืองอีลูสิสเที่ยวหาธิดาต่อไป
วันหนึ่งเจ้าแม่ดีมิเตอร์พเนจรเลียบฝังแม่น้ำอยู พลันได้ประสบวัตถุแวววาวส่ิงหนึ่งอยู่แทบบาท เจ้าหม่จำ้ได้ ทันที่ว่าเป็นวาลรัดองค์ของธิดา คือสายรัดงค์ที่เพอร์เซโฟนี ท้ิงฝากนางอัปสรแ่่งแม่น้ำไซเอนีไว้ เมื่อตอนรถทรงของฮาเดส จะลงสูบาดาล เจ้าแมได้ของสิ่งนี้ยินดียิ่งนัก แสดงว่าธิดาอยู่ใกล้ที่นั้น จึงรีบดำเนินไปจนถึงน้ำพุแก้วแห่งหนึ่ง รุ้สึกเมื่อยล้า จึงลงพักทอดองค์ตามสบาย พอู้สกเคล้ิมจะหลับบ เสียงน้ำพุก็ฟ่องเฟื่องยิ่งขึ้นเหมือนเสียงพูดพึมพำ ใที่สุดเจ้าแม้ก็นับความได้ว่า เป็นความบอกปะวัติของตนในเจ้าสดับฟัง และต้องการจะแจ้งข่าวของิดาเจ้าแม่ว่าเป็นประการใด น้ำพุเล่าประวัติ ของตนเองว่ เดิมตนเป็นสางอัปสรชื่อว่า แอรธุสะ บริวารของเทวี อาร์เดมิส วันหนึ่งลง อาบน้ำในแม่น้ำ แอฟิอัส เทพหประจำน่านน้ำนั้นหลงรั แตนางไม่ไยดีด้วยจึงหนีไป ส่วนเทพนั้นก็ ติดตามไม่ลดละ นางหนีเตลิดข้ามแขาไปตลอดแว่นแคว้น ซ้ำฝ่านแดนบาดาลไปตลอดอาณาเขตของฮาเดส ได้เห็น เพอร์เซโฟนีประทับบัลลัก์อาสน์อยุ่ในที่ราชินีแห่งยมโลก ครั้งกลับขึ้นมาอ่อนแรงเห็นไม่พ้เทพแอลฟีอัสนางเสียงบุญ อะิษฐานยึดเอาเจ้าแม่ของนางเป็นที่พึ่ง เทวีเดียนาจึงโปรดบันดาลให้นางกลายเป็นน้ำพุอยุ่ ณ ที่นี้น
เมื่อได้รู้ถึงที่อยุ่ของธิดาดังนี้แล้ว เจ้าแม่ดีมิเตอร์จึงรีบไปอ้อนวอนเทพปริณายกให้ช่วย ซุส อนุโลมตามคำวอนของ โดยมเงื่อนไขว่า ถ้าเพอร์เซโฟนีไม่ได้เสพเสวยสิ่งใดในระหว่างที่อยุ่บาดาล จะให้ฮาเดสส่งเพอร์เซโฟนีขึนมาอยุ่กับมารดา แล้วมีเทวบัญชาให้ เฮร์มีสลงไปสื่อสารแก่ฮาเดสในยมโลก เจ้าแดนบาดาลจำต้งอยอมโอนอ่นจะส่งเพอร์เซโฟนี้คือสู่ เจ้าแม่ดิมิเตอร์ แต่นขณะนั้นภูตครองความมือเรียกว่า แอสกัลละฟัส ร้องประกาศขึ้นว่า ราชินีแห่ง ยมโลกได้เสวยเมล็ดทับทิมแล้ว 6 เมล็ด ในที่สุดจึงตกลงกันเป็นยุติว่า ในปีหนึ่งๆ ให้เพอร์เซโฟนีเทวีอยู่กับฮาเดสในยมโลก 6 เดือน สำหรับทับทิมที่เสวยเมล็ดละเดือน และให้กลับขึึ้นมาอยุ่กับมารดาบนพิภพอีก 6 เดือน สลับกันอยู่ทุกปีไป ด้วยเหตุนี้เมือ่เพอร์เซโฟนีเทวีอยู่กับมารดา ดลกจึงอยุ่ในระยะกาลของวสันตฤดู พืชพนะธัญญาหารนานาชนิดผลิดอก ออกผล และเมื่อเพอร์เซโฟนีเทวีลงไปอยุ่ในบาดาล โลกก็ตกอยู่ในระยะกาลของเหมันตฤดู พืชผลท้งปวงร่วงหล่นซบเซา อันเป็นความเชื้อของชาวกรีก และโรมันโลราณ ตามเรื่องที่เล่ามาฉะนี้
มีเร่องเล่าต่อมาว่า เจ้าแม่ดีมิเตอร์พบธิดาแล้ว ก็กลับไปยังเมืองอีลูสิสอีก เพราะว่าเจ้า ครองนครกับางพญาปลุกวิหารภวายเจ้าแมไว้ที่นั้น เพื่อให้มนุษย์รู้จักการทำไร่ -ถนา เจ้าแม่ได้ังสอน ทริปโทลีมัน ซึ่งเติบโตเจริญวัยเป็นผุ้ใหญ่แล้ว ใหู้้จักใช้ไถ จอบ และเคียว สังสอนชาวนาสืบๆ กันาจตราบเท่าบันนี้...https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-
วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561
วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561
Mythology (Poseidon)
โพไซดอนเป็นโอรสองค์ที่ 5 ของเทพไททันโครนอส เป็นพี่ชายของซุสมหาเทพ เมื่อแรก
กำเนิดถูกโครนอสเทพบิดากลืนลงท้องเพราะกล้วว่า เมื่อโตขึ้นจะมาโค่นอำนาจของตนเองตาคำสาปแช่งของอูรานอส เมื่อซุสรบชนะโครนอสก็ให้มีทิส ปรุงยาสำรอกให้โครนอสดื่ม โคนอสจึงสำรอกโพไซดอนและพี่ๆ อีก 4 องค์ออกมา ซึ่งตอนนั้นบรรดาเทพบุตรเทพธิดาที่อยุ่ในท้องของโครนอสได้กลายเป็นหนุ่มสาวหมด แล้วหลังจากช่วยซุสให้ชฯะศึกไททันแล้ว ซุสก็ได้แบ่งอำนาจให้ฮาเดสพีชายองค์โตลงไปปกครองุมนรก ให้โพไซดนปกครองทะเล แม่น้ำ และลำธาร ส่วนโอเชียนัสผุ้ปกครองทะเลเดิมให้คงเหลืออำนาจการปกครองมหาสมุทรรอบนอกที่เป็นห้งน้ำใหญ่ไหลวนรอบโลกโพไซดอนปกรองทะเล แม่น้ำ และลำธราร นโอเซียนัสผู้ปกครองทะเลเดิมให้งเหลืออำนาจในการครองมหาสมุทรรอบนอกที่เป็นห้วงน้ำใหญ่ไหลวนรอบโลก
โพไซตอนนั้นมีอำนาจในการควบคุมพายุและความสงบในท้องทะเล มีพาหนะเป็นราชรถทองคำเทียมม้าเนรมิตตัวใหญ๋ มีอาวุธเป็นตรีศูล ทียักษ์ไซคลอปส์สร้างให้เมื่อคราวรบในศึกไททน ีมีปราสาทอยุ่ใต้ทะเล เมื่อยามที่จะข้ึนมาตรวจตราผืนน้ำ ทะเลก็จะแแหวกเป็นช่องให้ราชรถทองโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เมื่อยามท้องทะเลธรรมดา ผืนน้ำก็จะปี่นป่วนกลายเป็นทะเลบ้าในทันที่
โพเซดอนจึงเป็นเทพแห่งทะเล เียกว่า โพไซดอนเจ้าสมุทรแต่บางคร้งก็เรียกว่ เทพผุ้เขย่าโลกบริวารภายใต้การปกครองของโพไซดอนที่สำคัญ คือ เนดรอุส ผุ้เฬ่าแห่งทะเล และกลุ่มนางอัปสรเนอรีด 50 นาง ธิดาของเฮ่าเนเรอุส ผุ้ซึงชอบไปรำนวยนาดอยุ่บนยอดคลื่อนในท้องทะเล และยังมีหมู่เทพที่เรียก่า ตรีดอนส์ ที่ชอบนั่งเป่าปีอยุ่บนคลื่น
โพไซดอนหลงรักนางอัปสรคหนึงชื่ อธีทิส แตเมืพ่อเทพไททัน ที่มีสพยากรณ์ว่า ลูกชายของธิทิสคนหนึงจะเก่งและยิ่งใหญ่กว่าพ่อ โพไซดอนคงจะกลัว ประวัติศาสรตร์ ซ้ำรอยจึงไปเล็งหาหญิงอื่นแทนโพไซดอนหันไปหนางอัปสอีกคน ชื่อว่ แอมพิไทรด์ ธิดาของเทพแห่งธารเนเรอุส หลานของเทพไททันโอเชียนัส แต่นางอัปสรแอมฟีไทรด์ก็หนีโพไดอนไปอยู่ที่เขาแอลาสโพไซดอนสงบริวารออกตามหาแอมฟิไทรด์ไปทัว ในที่สุดหัวหน้าฝูงปลาโลมาชือเดลฟิล ก็พบตัวแอมฟิไทด์ และพุดจาหว่าน้อมจนแอมฟีไทรด์ใจอ่อนยอมกลับมาแต่งงานกับโพไซดอน และมีโอรสกับ โพไซดอน 3 องค์ คือ ไทรทัน โรดี และเบนธิซิคสิมี โพไซดอนจอมเจ้าชู้อีกองค์ แต่โชคดีกว่าซุสตรงที่เทพีแอฟีไทรด์ปล่อยให้สวามีเจ้าชู้กับสาวอื่นได้โดยไมตามหึงหวง ยกเว้น นางซิลลาเพียงผุ้เดียว
ซิลลา เป็นนางไม้แสนสวย ที่่โพไซตอนหลงรักอย่างหัวปักหัวปัม จนเทพีแอมฟีไทรด์ทนไม่ได้ จึงแอบนำยาพิษไปโรยในสระน้ำที่นางซิลลาลงอาบประจำ ทำให้นางซิลลากลายร่างจากสาวงามเป็นางอสุรร้าย 6 หัว ที่น่าสะพรึ่งไปในทันที่ ซึ่งเป็นครั้งแกและเครั้งเดียวที่เทพีแอมฟีไทรต์ กระทำรุนแรงกับชายาน้อยของวามี
เมดูซ่าโพเซดอนหลงไหลนางเป็นอันาก ซึ่งเมดูซาก็หลงไหลใผ่ฝันต่อโพไซดอนเช่นกัน โพไซดอนตอนนั้นแปลงร่างม้ามาสมสุ่กับเมดูซ่า แต่เทพีอาธีนานั้นเป็นเทพีพรหมจรรย์นางอัปสรบริวารทั้งหมดก็รักษาพรหมจรย์ เมื่อรู้ว่าเมดุซา ไปสมสู่มีสามี เทพีอาธีนาจึงพิโรธ มากสาปให้เมดูซากลายร่างจากนางอัปสรแสนสวยเป็นปีศาจผมงูที่น่าเกลี่ยดน่ากลัว และหากใครมองหน้านางตรงๆ ร่างเขาก็จะกลายเป็นหินไปทัทีนางเมอูซาเมือถุกสาบให้กลยเป็นปีศาจร้ายไปแล้ว ก็ได้ไปาศยอยู่กับพี่สาวอีกสองคนที่เกาะลึกลับแห่งหนึ่ง กลางทะเลตะวันตกที่สุดปลายพิภพ แต่สุดท้ายนางเมดูซ่าก็ถูก เพอร์ซีอุส โอรสของมหาเทพซุสกับนางคาเน่ ฆ่าตัดหัวตามที่ได้รับมอบหมายภาระกิจนี้มาจากท้าวโพลิเคดทิส ระหว่างที่ถูกตัดหัวนั้น เลือดที่กระเซ้นออกมาได้กลายเป็ม้าวิศษสองตัว คือ ม้าคริสซาออร์ และม้าเพกาซัส ซึ่งม้าทั้งสองนี้ก็คือโอรสของโพไซดอนกับเมดูซาั้นเอง
เทพีดิมิเตอร์ โพไซตอนในตอนนั้นหลงรักเทพีดีมิเตอร์มานาม แม้เทพีดีมิเตอร์จะมีธิดากับมหาเทพซุสจนโตเป็นสาวชื่อ เพอร์ซีโฟนีแล้ว โพไวดอนก็ังคงรักเทพีดิมิเตอร์อยู่จนวันหนึ่งเื่อเพอร์ซีโฟนี
ธิดาสาวของเทพีดีมีเตอร์ถูกฮาเอสเทพโลกันต์ลักพาตัวไปเป็นชายาในมโลก ดีมิเตอร์ก็ทุกข์ทรมานด้วยความเป็นห่วงและเฝ้าตามหา แต่ตามหาเท่าไรก็ไม่พบ เมื่อเป็นทุกข็หนักเข้าเทพีดมิเตอรจึงแปลงร่างเป็นม้าตัวเมียเพื่อหลไปยู่ตามลำพังไม่ให้ใครรบกวน โพไซดอนได้ที่จึงแปลงร่างเป็ฯพ่อม้าไปสมสู่กบดีมิเตอร์ในร่างม้าตัวเมียจนได้ ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งเป็นนางไม้ชื่อเดสพีนา อีกคนเป็นม้ป่าชื่อแอเรียน
ด้วยความที่เป็นเทพที่รงอิทธิฤทธิ์ 1 ใน 3 องค์ คือ ซุสเป็นใหญ่ในสวรรค์ ฮาเอสเป็นใหญ่ในยมโลก ส่วนโพไซดอนเป็นใหญ่บนท้องทะเล โพไซดอนจึงเคยมีความคิดที่จะครองความเป็นใหญ่แต่เพีียงผุ้เดียวแทนน้องชาย เมื่อพระนางเฮร่ามาชวนยึดอำนาจจากซุส โพไซดอนจึงร่วมมือด้วย แต่สุดท่ายการโค่นอำนาจซุสล้มเหลว ซุสจึงให้โพไซดอนสาบานกับแม่นำ้สติกซ์ว่าจะไม่คิดกฎอีก และลโทษโดยสงลงไปทำงานหักรับใช้มนุษย์เป็นเวลา 1 ปี ในขณะนั้นที่กรุงทรอย ท้าวเลอเมดอน เจ้าเมืองทรอยกำลังสร้างกำแพงเมืองใหญ่เอาไว้ป้องกันข้าศึก โพไซดอนจึงลงมาข่วยงาน ซึ่งท้าวเลอมิดอนสัญญาว่าเสร็จงานแล้วจะให้ลูกโคท้องแรกทั้งหมดของกรุงทรอยเป็นรางวัล
ระหว่างนั้นเทพอพอลโล หลายของโพไซดอนซึ่งถูกลงโทษจากสวรค์เช่นกัน ก็ได้อาสาช่วยโพไซดอนสร้างกำแพงอีกแรงด้วย โดยวิธีดีดพิณให้หินเคลื่อไปตามอำนาจของเสียงพิณ อันไพเราะของอพอลโล งานที่แสนหนักและเหนือ่ยจึงสำเร็จลงโดยเรียบร้อยและรวดเร็วแต่เสร็จงานแล้วท้าวเลอมิอนกลบทำเป็นลืมสัญญา โพเซดอนโกรธ มากึงเนรมิตอสูรร้ายข้นมาจากทะเล เที่ยวไลกินผู้คนชาวมเืองไปเป็นจำนวนมาก ต้องแก้ไขโดยการส่งสาวรหมจารีไปผูกไว้กับโขดหินริมทะเลเพื่อเป็นอาการอสูรกา ซึ่งเมื่ออสูรกายกินหญิงสาวพรหมจารีไปแล้วก็จะหายไปเป็นเวลา 1 ปี แล้วจึกลับขึ้นมาอาละวาดอีก ชาวเมืองจึงต้องทำการพลีหยิงสาวพรหมจารีให้อสูรกายทุกๆ ปีผ่านไปปีแล้วเล่าที่รอยต้องสูญเสียหยิงสาวพรมหนาีเป็นอาการสังเวยให้สูรกายทุกๆ ปีผ่านไปปีแล้วปี
เล่าที่อรอยต้องสูญเสียหญิงสาวพรหมจรรญ์ไปเป็นอ่าหารสังเวยให้อสูร้าย ในที่สุดก็ถึงคราวที่ เฮอร์ไซโอนี ธิดาสาวท้าวเลอมิดอนต้องป็นเหยื่อสังเวยท้าวเลอมิดอนหวังจะช่วยชีวิตราชธิดา จึงประกาศใน้รางวัลอย่างงามแ่ผุ้ที่สามารถฆ่าอสูรกายร้ายลงได้ในขณะนั้น เฮอร์คิวลิส ผ่านมาได้ยินข่าว จึงอาสา ฆ่าสัตรว์ร้ายและช่วยนางฮีไวโอนีไว้ได้ แต่ท้าวเลอมิดอนังไม่เลิกนิสัยและเพิกเฉยต่อสัญยาที่ให้ไว้อับเฮอร์คิวลิสอีก เป็นเหตุให้เฮอร์คิวลิสผุกใจเจ็บและ ได้กลับย้อนมาตีกุรุงทรอยในภายหลังส่วนโพไซอนนั้งก็ยังคงโกรธแค้นท่าวเลอมิดนและชาวกรุงทอยเรื่องมา เมือ่เกิดสงครามกรุงทรอย โพไซดอนก็ไปช่วยกองทัพกรีกซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม
โพไซดอนเคยแย่งชิงสิทธิในการตั้งชื่อและเป็นเพผุ้รักษาเมืองใหม่แห่งหนึ่งกับเทพีอาธีสา มหาเทพซุสให้โพไซดอนและเทพีอาธีนาเนรมิต่งิที่เป็นประโยชน์ให้เมืองหใหม่ หากสิ่งเนรมิตของใครมประโยชน์มากว่าก้จะได้สิทธิในเมืองใหม่น้นโพไซดอนเนรมิต้ำทะเลให้พวยพุ่งเป็นน้ำพุเป็นที่น่าอัศจรย์แก่าวเมือง ส่วนเทพีอาธีนาเนรมิตเพียงต้นมะกอกต้นเดียวเหล่าเทพและเทพีต่างโต้เถียงกันว่าระหว่างน้ำพุกับตนมะกอก อย่างไหนจะให้ประดยชน์แก่ชาวเมืองมากว่ากัน
ฝ่ายที่เข้าข้างโพไซอนก็ว่าน้ำพุน้นมีประดยชน์กว่า อีกทั้งน่าอัศจรรย์ในความสวงงามและความแรงของสยน้ำ ไม่เหมือนต้มะกอกที่ไม่เห็นมีค่าอันใดส่วนฝ่ายที่เข้าข้างเทพีอธีนาก็แย้งว่า น้ำพุนั้นสวยงามก็จริง แต่มีรสเค็ม ไมอาจร้างประโยชน์อันใด ด้ ส่วนต้นมะกอกนั้นมีประโยชน์ท้งผลที่กินได้ ให้น้ำน และกิ่งก้านใช้ทำฟืนในฤดุูหนาวผลการตัดสินของเหล่าเทพบุตรและเพทธิดาปรากฎว่าเทพบุตรเลือกน้ำพุของโพไซดอน ส่วนเทพธิาดลือกต้นมะกอกของเทพีอาธีนา และเนื่องจากเทพธิดามีจำนวมากว่าเทพบุตรอยู่ 1 องค์ ต้นมะกอกของเทพีอาธนาจึงชนะการแข่งขันเทพีอาธีาต้งชื่อเมือ่งใหม่นั้นว่ากรุงเอเธนส์ และต้นมะกอกก็กลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งกรุงเอเธนส์นับแต่นั้นมาเวลาโพไซดอนเดินทางไปไหน บุตรชายของโพไซดอนชื่อ ไทรทน ผุ้มีร่างเป็นมนุษย์แต่ท่อนร่างเป็นปลา มักจะนำหน้าไปเสมอ และมีหน้าที่คอยเป่าหอยประกาศให้รู้ถึงการมาของโพไซดอน..https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik
กำเนิดถูกโครนอสเทพบิดากลืนลงท้องเพราะกล้วว่า เมื่อโตขึ้นจะมาโค่นอำนาจของตนเองตาคำสาปแช่งของอูรานอส เมื่อซุสรบชนะโครนอสก็ให้มีทิส ปรุงยาสำรอกให้โครนอสดื่ม โคนอสจึงสำรอกโพไซดอนและพี่ๆ อีก 4 องค์ออกมา ซึ่งตอนนั้นบรรดาเทพบุตรเทพธิดาที่อยุ่ในท้องของโครนอสได้กลายเป็นหนุ่มสาวหมด แล้วหลังจากช่วยซุสให้ชฯะศึกไททันแล้ว ซุสก็ได้แบ่งอำนาจให้ฮาเดสพีชายองค์โตลงไปปกครองุมนรก ให้โพไซดนปกครองทะเล แม่น้ำ และลำธาร ส่วนโอเชียนัสผุ้ปกครองทะเลเดิมให้คงเหลืออำนาจการปกครองมหาสมุทรรอบนอกที่เป็นห้งน้ำใหญ่ไหลวนรอบโลกโพไซดอนปกรองทะเล แม่น้ำ และลำธราร นโอเซียนัสผู้ปกครองทะเลเดิมให้งเหลืออำนาจในการครองมหาสมุทรรอบนอกที่เป็นห้วงน้ำใหญ่ไหลวนรอบโลก
โพไซตอนนั้นมีอำนาจในการควบคุมพายุและความสงบในท้องทะเล มีพาหนะเป็นราชรถทองคำเทียมม้าเนรมิตตัวใหญ๋ มีอาวุธเป็นตรีศูล ทียักษ์ไซคลอปส์สร้างให้เมื่อคราวรบในศึกไททน ีมีปราสาทอยุ่ใต้ทะเล เมื่อยามที่จะข้ึนมาตรวจตราผืนน้ำ ทะเลก็จะแแหวกเป็นช่องให้ราชรถทองโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เมื่อยามท้องทะเลธรรมดา ผืนน้ำก็จะปี่นป่วนกลายเป็นทะเลบ้าในทันที่
โพเซดอนจึงเป็นเทพแห่งทะเล เียกว่า โพไซดอนเจ้าสมุทรแต่บางคร้งก็เรียกว่ เทพผุ้เขย่าโลกบริวารภายใต้การปกครองของโพไซดอนที่สำคัญ คือ เนดรอุส ผุ้เฬ่าแห่งทะเล และกลุ่มนางอัปสรเนอรีด 50 นาง ธิดาของเฮ่าเนเรอุส ผุ้ซึงชอบไปรำนวยนาดอยุ่บนยอดคลื่อนในท้องทะเล และยังมีหมู่เทพที่เรียก่า ตรีดอนส์ ที่ชอบนั่งเป่าปีอยุ่บนคลื่น
โพไซดอนหลงรักนางอัปสรคหนึงชื่ อธีทิส แตเมืพ่อเทพไททัน ที่มีสพยากรณ์ว่า ลูกชายของธิทิสคนหนึงจะเก่งและยิ่งใหญ่กว่าพ่อ โพไซดอนคงจะกลัว ประวัติศาสรตร์ ซ้ำรอยจึงไปเล็งหาหญิงอื่นแทนโพไซดอนหันไปหนางอัปสอีกคน ชื่อว่ แอมพิไทรด์ ธิดาของเทพแห่งธารเนเรอุส หลานของเทพไททันโอเชียนัส แต่นางอัปสรแอมฟีไทรด์ก็หนีโพไดอนไปอยู่ที่เขาแอลาสโพไซดอนสงบริวารออกตามหาแอมฟิไทรด์ไปทัว ในที่สุดหัวหน้าฝูงปลาโลมาชือเดลฟิล ก็พบตัวแอมฟิไทด์ และพุดจาหว่าน้อมจนแอมฟีไทรด์ใจอ่อนยอมกลับมาแต่งงานกับโพไซดอน และมีโอรสกับ โพไซดอน 3 องค์ คือ ไทรทัน โรดี และเบนธิซิคสิมี โพไซดอนจอมเจ้าชู้อีกองค์ แต่โชคดีกว่าซุสตรงที่เทพีแอฟีไทรด์ปล่อยให้สวามีเจ้าชู้กับสาวอื่นได้โดยไมตามหึงหวง ยกเว้น นางซิลลาเพียงผุ้เดียว
ซิลลา เป็นนางไม้แสนสวย ที่่โพไซตอนหลงรักอย่างหัวปักหัวปัม จนเทพีแอมฟีไทรด์ทนไม่ได้ จึงแอบนำยาพิษไปโรยในสระน้ำที่นางซิลลาลงอาบประจำ ทำให้นางซิลลากลายร่างจากสาวงามเป็นางอสุรร้าย 6 หัว ที่น่าสะพรึ่งไปในทันที่ ซึ่งเป็นครั้งแกและเครั้งเดียวที่เทพีแอมฟีไทรต์ กระทำรุนแรงกับชายาน้อยของวามี
เมดูซ่าโพเซดอนหลงไหลนางเป็นอันาก ซึ่งเมดูซาก็หลงไหลใผ่ฝันต่อโพไซดอนเช่นกัน โพไซดอนตอนนั้นแปลงร่างม้ามาสมสุ่กับเมดูซ่า แต่เทพีอาธีนานั้นเป็นเทพีพรหมจรรย์นางอัปสรบริวารทั้งหมดก็รักษาพรหมจรย์ เมื่อรู้ว่าเมดุซา ไปสมสู่มีสามี เทพีอาธีนาจึงพิโรธ มากสาปให้เมดูซากลายร่างจากนางอัปสรแสนสวยเป็นปีศาจผมงูที่น่าเกลี่ยดน่ากลัว และหากใครมองหน้านางตรงๆ ร่างเขาก็จะกลายเป็นหินไปทัทีนางเมอูซาเมือถุกสาบให้กลยเป็นปีศาจร้ายไปแล้ว ก็ได้ไปาศยอยู่กับพี่สาวอีกสองคนที่เกาะลึกลับแห่งหนึ่ง กลางทะเลตะวันตกที่สุดปลายพิภพ แต่สุดท้ายนางเมดูซ่าก็ถูก เพอร์ซีอุส โอรสของมหาเทพซุสกับนางคาเน่ ฆ่าตัดหัวตามที่ได้รับมอบหมายภาระกิจนี้มาจากท้าวโพลิเคดทิส ระหว่างที่ถูกตัดหัวนั้น เลือดที่กระเซ้นออกมาได้กลายเป็ม้าวิศษสองตัว คือ ม้าคริสซาออร์ และม้าเพกาซัส ซึ่งม้าทั้งสองนี้ก็คือโอรสของโพไซดอนกับเมดูซาั้นเอง
เทพีดิมิเตอร์ โพไซตอนในตอนนั้นหลงรักเทพีดีมิเตอร์มานาม แม้เทพีดีมิเตอร์จะมีธิดากับมหาเทพซุสจนโตเป็นสาวชื่อ เพอร์ซีโฟนีแล้ว โพไวดอนก็ังคงรักเทพีดิมิเตอร์อยู่จนวันหนึ่งเื่อเพอร์ซีโฟนี
ธิดาสาวของเทพีดีมีเตอร์ถูกฮาเอสเทพโลกันต์ลักพาตัวไปเป็นชายาในมโลก ดีมิเตอร์ก็ทุกข์ทรมานด้วยความเป็นห่วงและเฝ้าตามหา แต่ตามหาเท่าไรก็ไม่พบ เมื่อเป็นทุกข็หนักเข้าเทพีดมิเตอรจึงแปลงร่างเป็นม้าตัวเมียเพื่อหลไปยู่ตามลำพังไม่ให้ใครรบกวน โพไซดอนได้ที่จึงแปลงร่างเป็ฯพ่อม้าไปสมสู่กบดีมิเตอร์ในร่างม้าตัวเมียจนได้ ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งเป็นนางไม้ชื่อเดสพีนา อีกคนเป็นม้ป่าชื่อแอเรียน
อพอลโล |
ระหว่างนั้นเทพอพอลโล หลายของโพไซดอนซึ่งถูกลงโทษจากสวรค์เช่นกัน ก็ได้อาสาช่วยโพไซดอนสร้างกำแพงอีกแรงด้วย โดยวิธีดีดพิณให้หินเคลื่อไปตามอำนาจของเสียงพิณ อันไพเราะของอพอลโล งานที่แสนหนักและเหนือ่ยจึงสำเร็จลงโดยเรียบร้อยและรวดเร็วแต่เสร็จงานแล้วท้าวเลอมิอนกลบทำเป็นลืมสัญญา โพเซดอนโกรธ มากึงเนรมิตอสูรร้ายข้นมาจากทะเล เที่ยวไลกินผู้คนชาวมเืองไปเป็นจำนวนมาก ต้องแก้ไขโดยการส่งสาวรหมจารีไปผูกไว้กับโขดหินริมทะเลเพื่อเป็นอาการอสูรกา ซึ่งเมื่ออสูรกายกินหญิงสาวพรหมจารีไปแล้วก็จะหายไปเป็นเวลา 1 ปี แล้วจึกลับขึ้นมาอาละวาดอีก ชาวเมืองจึงต้องทำการพลีหยิงสาวพรหมจารีให้อสูรกายทุกๆ ปีผ่านไปปีแล้วเล่าที่รอยต้องสูญเสียหยิงสาวพรมหนาีเป็นอาการสังเวยให้สูรกายทุกๆ ปีผ่านไปปีแล้วปี
เฮอร์คิวลิส |
โพไซดอนเคยแย่งชิงสิทธิในการตั้งชื่อและเป็นเพผุ้รักษาเมืองใหม่แห่งหนึ่งกับเทพีอาธีสา มหาเทพซุสให้โพไซดอนและเทพีอาธีนาเนรมิต่งิที่เป็นประโยชน์ให้เมืองหใหม่ หากสิ่งเนรมิตของใครมประโยชน์มากว่าก้จะได้สิทธิในเมืองใหม่น้นโพไซดอนเนรมิต้ำทะเลให้พวยพุ่งเป็นน้ำพุเป็นที่น่าอัศจรย์แก่าวเมือง ส่วนเทพีอาธีนาเนรมิตเพียงต้นมะกอกต้นเดียวเหล่าเทพและเทพีต่างโต้เถียงกันว่าระหว่างน้ำพุกับตนมะกอก อย่างไหนจะให้ประดยชน์แก่ชาวเมืองมากว่ากัน
ฝ่ายที่เข้าข้างโพไซอนก็ว่าน้ำพุน้นมีประดยชน์กว่า อีกทั้งน่าอัศจรรย์ในความสวงงามและความแรงของสยน้ำ ไม่เหมือนต้มะกอกที่ไม่เห็นมีค่าอันใดส่วนฝ่ายที่เข้าข้างเทพีอธีนาก็แย้งว่า น้ำพุนั้นสวยงามก็จริง แต่มีรสเค็ม ไมอาจร้างประโยชน์อันใด ด้ ส่วนต้นมะกอกนั้นมีประโยชน์ท้งผลที่กินได้ ให้น้ำน และกิ่งก้านใช้ทำฟืนในฤดุูหนาวผลการตัดสินของเหล่าเทพบุตรและเพทธิดาปรากฎว่าเทพบุตรเลือกน้ำพุของโพไซดอน ส่วนเทพธิาดลือกต้นมะกอกของเทพีอาธีนา และเนื่องจากเทพธิดามีจำนวมากว่าเทพบุตรอยู่ 1 องค์ ต้นมะกอกของเทพีอาธนาจึงชนะการแข่งขันเทพีอาธีาต้งชื่อเมือ่งใหม่นั้นว่ากรุงเอเธนส์ และต้นมะกอกก็กลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งกรุงเอเธนส์นับแต่นั้นมาเวลาโพไซดอนเดินทางไปไหน บุตรชายของโพไซดอนชื่อ ไทรทน ผุ้มีร่างเป็นมนุษย์แต่ท่อนร่างเป็นปลา มักจะนำหน้าไปเสมอ และมีหน้าที่คอยเป่าหอยประกาศให้รู้ถึงการมาของโพไซดอน..https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik
วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561
Mythology
ซุส |
เทพปกรณัมกรีกได้ถูกรอบรวมขึ้นจารเรื่องเล่าและศิลปะที่แสดงออกในวัฒนธรรม กรีก เช่น การระบายสีแจกันและของแก้บน ตำนานกรีกอธิบายถึงการถือกำเนิดของโลกและรายละเอียดของชีวิต รวมทั้งการผจภัยของบรรดาเทพ เทพี วรีบุรุษ วรีสตรี แลสิ่งมีชีวิตในตำนานอื่นๆ ซึ่งเร่องราวเหล่านี้ได้นือทอดโดยบทกวีจากปากตอ่ปากเท่านั้น ในปัจจุบัน ตำนานกรีก ได้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวรรณกรรมกรีกเป็นส่วนใหญ่
ไคนัส |
งานค้นพบของนักโบราณคดีเป็นแหล่งข้อมูลอย่างละเอียดของเพทปกรณัมกรีกเพราะมีภาพของเพทและวีรบุรุษกรีกมากมายเป็นเื้อหาหลักอยู่ในการตกแต่งสิงของเครื่องใช้ต่างๆ ภาพเรขาคณิตบนเครื่อโถในุคศตวรรษที่ 8 ก่อน คริสตกาลแสดงให้เห็ฯฉากต่าง ๆในมหากาพย์เมืองทรอย รวมไปถงการผจญภัยของเฮราคลีส ในยุคต่อๆ มา
แอสลาส |
เทพโอลิปัส เทพเจ้าแห่งโอลิมปัส ือเหล่าทวยเทพที่อาศัยร่วมกันอยุ่บนยอดเขาโอลิปัส ซึ่งมกเข้าใจกันว่ามีอยุ่ทั้งหมด 12 องค์ ดังนี้
ซูส
เมื่อซูุสยึดอำนาจจากโครนัสได้สำเร็จ ซูสก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจอมเทพแห่งสวรค์โอลิมปัส โดยมีพที่ที่สำรอกออกมาจากท้องโครนัสเป็นกำลังสนับสนุน
มีทีส |
ซุสเชื่อคำทำนาย จึงลงไปยมโลก ขอให้โซคลอปส์ ยักษ์ตาเดีวทำอาวุให้แลกกับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากครุทาร์ทารัส ยักษ์ไซคลอปส์ จึงผลิตสายฟ้ามอบให้ซุสใช้เป็นอาวุธ สร้าง ตรีศูลให้โปไซตอน และทำหมวกล่องหนให้อาร์เดส จากั้นซุสก็พายักษ์ไซคลอปส์และยัก 50 กัวจากตรุทาร์ทารัสมาเป็นพวกตอ่สู้กับฝ่ายโครนัสด้วยอาวุธที่ทรงประสิทธภาพของเทพทั้งสาม
ในที่สุดซุสก็จับโครนอสได้ และพวกไททันบริวารก็ยออมแพ้ศิโรราบซุสลงโทษโครนอสและบริวารโดยการเนรเทศดครนอสให้ไปอยู่เกาะกลางทะเล ซึ่งต่อมาโครนอสก็สามาถหนีออกจากเกาะนั้นได้และไปอาศัยอยู่ที่เฮสเพอเรียซึ่งก็คือดินแดนอิตาลีในปัจจุบันอย่างสงบสุข
อธีน่า |
แอสลาสถูกลงโทษให้เป็นผุ้แบกสวรรค์ไว้บนบ่า ส่วนผุ้สนับสนุนอื่นๆ ก็ถูกจับไปขังในตรุทาร์ารัสเสร็จศึกครั้งนี้ซูสก็แบ่งการปกครองออกเป็น 3 ส่วน คื อตัวซุสเองปกครองสวรค์และพิภพ ฮาเดสปกครองขุมนรคและบาดาล ส่วนโพไซตอนปกครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเหลือมหาสมุทรรอบนอกให้โอเซียนัสปกครองต่อไป ส่วนยักษณ์ไซคลอปส์ ก็ช่วยสร้างพระราชวังที่โอ่โถงสง่างามบนยอดเขาโอลิมปัสมอบให้ซุสจอมเทพพระราชวันี้อยุ่สูงเหนือเม" และสามารถมองไ้ไกลรอบด้าน จอมเทพซุสจึงสามารถมองเหตุการณ์ต่างๆ บนโลกมนุษย์ได้จากพระราชวังแห่งนี้เมืองสงครามสงบ
ซุสซึ่งมีความพึงพอใจในตัวมีทิสเทพธิดาไททันที่มาช่วยทำยาสำรอกในโครนอสดื่มก็คอยเผ้าตามตื้อมีทิส ไปทุกแห่ง หวังจะได้นางเป็นชายา ฝ่ายมีทิส นั้นก็พยายามหลีกหนีโดยแปลงร่างไปต่างๆ นานา แต่ซุสก็ังติดตามไปไม่หางในที่สุดมิทิสก็ยอมแพ้ความพยายามของซุสและยอมรับซุสเป็นสวามีจนตั้งครรภ์ขึ้น แต่จอมมารดาไกอากลับพยากรณืว่าหากมีทิสมีโอรส โอรสนั้นจะโค่นอนาจของซุสด้วยความเกรงกลัวคำพยากรณ์ซุสจึงนับมิทิสกลื่อนลงท้องไป
ต่อมาไม่นานซุสก็มีอาการปวดหัวจนทนไม่ไหวร้องผ่าหัวออก จึงปรากฎร่างของเทพีอาธีนาในชุดนักรบเดินออกมาจากหัวของซุส เทพีอาธีนาเป็นธิดาของซุสกับมิทิส เป็นเทพีแห่งสติปัญญา และมักจะอยุ่ใกล้ๆ ซุสเพื่อให้คำแนะนำซุสตอลดมา
เฮร่า |
พระนางเฮร่าให้กำเนิด โอรสธิดากับซุส คือ ฮีบี้ อิลลิธธียา และอรีส และด้วยอารมณ์โกรธที่เห็นซูสให้กำเนิดเทพีอาธีนาจากศรีษะ พระนางเฮร่าก็ให้กำเนิดโอรสโยไม่พึงพาซูสบ้าง โอรสองกค์น้นคื อฌอเฟตัส
ด้านการปกครองสวรค์ในยุคแรกั้น ซุสถูกท้าทายอำนาจอีกหลายครั้ง หลายครา รวมทั้งมเหสีของซุส เฮร่า และจอมมาร ดาไกอาด้วย...https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik
วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561
European literature (Iliad)
หากจะจำแนกยุคสมัยในยุโรปอย่างคร่าวๆ เป็นยุคเก่า หรือยุคคลาสสิค ยุคกลาง ยุคใหม่ และยุคร่วมสมัย
ยุคเก่า หรือยุยคาสสิก เป็นคำที่ใช้กว้างๆ สำหรับสมัยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่มีศูนย์กลางอบู่ในบริเวณเมดิเตอเรเนีน ที่ประกอบด้ยการผสมผสานระหว่างกรีกโบราณและโรมันโบราณ ที่เรีกว่า โลกกรีก กรมัน สมัยคลาสสิกเป็นสมัยที่วรรณคดีกรีกและลาตินมีความรุ่งเรือง
สมัยคลาสสิกถือกันว่าเริ่มขึ้นเมื่อมีการบันทึกการวรรณกรรมกรีกเป็นครั้งแรกที่เร่ิมด้วยมหากาพย์ขอโอเมอร์ ราวศตวรรษที่ 8 ถึง 7 ก่อนคริสต์วรษ และดำเนินต่อมาจากกระทั้งถงสมัยสมัยการเผยแพร่ของคริสต์สาสนา และการล้มสลายของจักรวริโรมัน ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 จนมาส้ินสุดลงในปลายสมัยโบาณตอนปลาย ราว ค.ศ. 300 - ค.ศ. 600 ปสานต่อไปยังสมัยกลางตอนต้น ยุคสมัยอันยาวนานนี้ครอบคลุมวัฒะรมที่แตกต่างกันในหลายบริเวณของช่วงระยะเวลานั้นสมัยคลาสสิกอาจจะหมายถึงสมัยอันเป็นสมัยอุดมคติ โยผู้คนในสมัยต่อมา ตามคำกล่าวของเอดการ์ อัลเลน โพ ที่ว่า ไความรุ่งโรจน์ของกรีก ความยิ่งใหญ่ของโรมัน
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81
วัฒนาธรรมของกรีกโบราณมีอิทธิพลเป็ฯอันมากต่อภาษา ระบบการปกครอง ระบบการศึกษาปรัชญา วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมของยุคใหญ่ และเป็นเชื่อที่น่ำมาสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาต่อมาในยุโรปตะวันตก และต่อมาในยุคฟืนฟูคลาสสิก ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19
วรรณคดีในสมัยยุคลาสสิก
อีเลียต เป็นหนึ่งในสองบทกวีมหากาพย์กรีกโบราณของโฮเมอร์ ซึ่เล่าเรื่องราวของสงครามเทืองทรอยในข่วงปีที่ที่สิบอันเป็นปีที่สิ้นสุดสงคราม เขื่อกันว่า อีเลียต ถูกแต่งขึ้นในช่วงศตวรรษที่แปดก่อนคริสตกาล นักวิชาการหลายคนเชื่อว่า บทกวีเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในภาษากรีกโบราณ ึงถือได้ว่าเป็นวรณกรรมชิ้นแรกของยุโรป แม้จะมีชือผุ้ประพันธ์ปรากฎเพีงคนเดียว แต่จากลักษระของบทกวีที่บอกเล่าสืบต่อกันมาแบบปากเปล่ารุรเต่อรุ่น จึงมีความเป้ฯไปได้ว่ามีผุ้ปรพันธ์มากว่าหนึ่งคน
เรื่องราวในบทกวีบรรยายถึงเหตุการณ์ในปีที่สิบซึ่งเป็นปสุดท้ายของเหตุการณ์ที่ชาวกรีกบุกยึดนครอีเลียน หรือเมืองทรอย คำว่า "อีเลียต" หมายถึง "เกี่ยวกับอีเลียต"อันเป็นขื่อเรียกวส่สนนครกลวง ซึ่่งแตกต่างกับ ทรอย อันหมายถึง นครรัฐที่อยุ่ล้อมรอบอิเลียน แต่คำทั้งสองคำนี้มักใช้รวมๆ กันหมายถึงสถานเที่แห่งเดีวกัน
เนื้อหาเรื่องราว คำเปิดเรื่องมีความหมายถึง โทสะ เป็นการประกาศถึงธีมหลักของเรื่อง อีเลียต นั้นคือ "โทสะของอคิลลิส" เมื่ออักกะเมมนอน ผุ้นำกองทัพกรีกบุกเมืองทอย ได้หมิ่นเกียรติของอคิลลิสโดยการชิงตัวนางไบรเซอีส ทาสสาวนางหนึ่งซึ่งตกเป็นของขวัญชระศึกของอคีลิลีสไปเสีย อคีลลีสจึงถอนตัวจากการรบ แต่เือปราศจากอคีลลีสกับทัพของเขา กองทัพรกีก็ต้องพายต่อเมืองทรยอย่างย่อยับ จนเกือบจะถอดใจยกทัพกลับ แต่แล้วถอดใจยกทัพกลัย แต่แล้วอดีลลีสกลับเข้าร่วมในการรบอีก หลังจากเพื่อนสนิทของเขาคือ ปฏิตกลัส ถุกสังหารโดยเฮกเตอร์เจ้าขายเมืองทรอย อคิลลีสสังหารชาวทรอยไปเป็นจำนวนมากรวมทั้งเฮกเตอร์ แล้วลากศพเฮกเตอร์ประจาน ไม่ยอมคืนร่างผุ้เสียชีวิตให้มาตุภูมิซ่งผิดธรรมเรียมการบบ จนในที่สุดท้ายเพรียม บิดาของเฮกเตอร์ต้องมา/ถ่ ต้องมาไถ่ร่างบุตชายกลับคื มหากาพย์ อีเลียตสิ้นสุดลงที่งานพิธีศพของเฮกเตอร์
โอเมอร์บรรยายภาพการศึกไว้ในมหากาพ์อย่างละเอียด เขาระบุชือนักรบจำนวนมาก เอ่ยถึงถ้อยคำที่ค่าทอ นับจำนวนครั้งี่เปล่างเสีย่งร้อง รวมถึงรายละเอียวในการปลิดชีวิตฝ่ายสํตรู การส้ินชีวิตของวีรบุรุษแต่ละคนส่งผลให้การสงครามรุนแรงหนักงนิ่งขึ้น ทัพทั้งอสงฝ่ายต่างเข้าแย่งชิงเสื้อเกราะะครื่อาวุธ และแก้แค้นต่อผู้ที่สังหารคนของตน นักรบที่โชคดีมักรอดพ้นใไปได้ด้วยฝีมือขัรุของสารถี หรือด้วยการช่วยเลือป้องกันของเหล่าเทพ รายละเอดียดสงครามของโฮเมอร์นับเป็นงานวรรณกรรมที่โหดเหี้ยมและมีผุ้เสียชีวิตมากที่สุด
มหากาพย์ อีเลียต มีนัยยะทางศาสนาและส่ิงเหนือธรรมชาติอยู่มาก กองทัพทั้งสองฝ่ายต่างเคร่งครัดศรัทธาต่อเทพเจ้าของตน และต่างมีนักรบที่สืบเชื้อสายมาจากเหล่าเทพด้วย พวกเขามักเซ่นสรวงบูชาเทพเจ้า ขอคำปรึกษาจากพระ และแสวงหาคำพยากรณืเพื่อตัดสินใจว่าควรจะทำอย่างไรตอไป พวกเทพเจ้ามักเข้าร่วในการรบ ทั้งดยการให้คำแนะนำและช่วยเหลือปกป้องนักรบคสโรปด บางคราว ก็ร่วมรบด้วยตนเองกับพวกมนุษย์หรือกับเทพเจ้าองค์อื่นๆ
ตัวละครหลักของมหากาพย์ อีเลียต จำนวนมากมีส่วนเชื่อดยงสงครามเมืองทรอยเข้ากับตำนานปรับปราอื่นๆ เช่น ตำนาน เจสันกับขนแกะทองคำ ตำนานกบฎเมืองธีบส์ และการผจญภัยของเฮราคลีส (เฮอร์คิวลีส) ตำนานปรับปราของกรีกโบราณเหล่านี้มีเรื่องเล่ามาในหลากหลายรูปแบบ โฮเมอร์จึงค่อนข้างมีอิสระในการเลือกรูปแบบตามที่เขาต้องการเพื่อนำมาประกอบในมหากาพย์
เรื่องราวของมหากาพย์ อีเลียต ครอบคลุมข่วงเวลาเพียงไม่กีสัปดาห์ในช่วงปีที่สิบและปีสุดทายของสงคราเมืองทรอย มิได้เล่าถึงความเป็นมาของการศึกและเหตุการณ์ในช่วงต้น และมิได้เอ่ยถึงเหตุการณ์ตอนส้ินสุดสงคราม ย่างไรก็ดีมีบทกวีมหากาพย์เรื่องอื่นที่บรรยายความต่อจากนี้ แต่กลงเหลือรอดมาถึงปัจจุบันเพียงเล็กน้อย ..
มหากาพย์ อิเลียต และโอดิสซีย์ นับว่าเป็นวรรณกรรมคลาสสิก ของกรีกโบราชิ้นสำคัญที่สุดและถือเป็นงานพื้นฐานสำคัญของวรรณกรรมกรีก ในยุคต่อมา นอกเหนือจากความเป็นโคลงโบราณที่มีบทพรรณนาอย่างลึกซึ้งแล้ว มันยังเป็ฯศุนย์กลางของวัฒนธรมต่างๆ ของกรีกที่เกี่ยว้องกับความเชื่อทางศาสนาด้วย ในงานเฉลิมฉลองทางศาสนาขอกรีก จะมีการขับร้องบทกวีนี้ตลอดทั้งคื อ่านด้วยิีธรมดาจะใช้เวลาประมาณ 14 ชี่วโมง โดยจะมีผุ้ฟังเข้าและออกเรื่อยๆ เพื่อมฟังบทที่เขาชื่นชอบ เป็นพิเศษ
นักวิชาการด้านวรรณกรรมถือเอา อีเลียต และ โอดิสซย์ เป็นงานประพันธ์แบบกวีนิพนธ์ และมักนับว่าโฮเมอร์เป็นกวีด้วย แต่เมื่อถึงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 19 เหล่านักวิชาการก็เร่ิมสสัยว่าข้อสมมุติฐานนี้ถุกต้องหรือไม่ มิแมน แพรี นักวิชาการยุคคลาสสิกคนหนึ่งพบว่าลักษณะงานประพันธ์ของโฮเมอ์มีความเฉพาะเจาะจงอย่างน่าประหลาด ในการเลือกใช้คำคุณศัพท์ รวมถึงคำขยายตำนาน วลี หรือประประโยค ที่ซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งเขาเห็นว่าลักษณะเช่นนี้เป็นลักษณะของเรื่องเล่าปากเปล่า หรือ วรรณกรรมแบบมุขปาฐะ ผู้แต่างจะใช้คำหรือวลีที่มีรูปแบบแน่นอนเรพาะจะเข้าสัมผัสในฉันลักษณ์ได้ง่ายก่า ยิ่งกว่านั้น แพรียังสังเกตว่า โฮเมอร์ระบุสร้ายนามของตัวละครหลักแต่ละตัวด้วยคำเฉพาะแบบสองพยางค์ซึ่งจะบรรจุลงได้ครึ่งบรรทัด จึงสันนิษฐานว่าเขาน่าจะแต่งสดๆ ที่ละครึ่งบรรทัด สวนครึ่งที่เหือก็จะเอ่ยไปโดยอัตโนมัติ ด้วยวลีสามัญ เืพ่อพิสูจน์ทฤษฎีนี้ แพรี่เดินทางไปยังยูโกสลาเวียเพื่อสึกาษวรรณกรรมมุขปาฐะของท้องถ่ินนั้น เขาพบว่ากวีมักใช้คำที่ซ้ำๆ และคำเอือน คำสร้าง เพื่อให้มีเวลาแต่งบทกวีวรคต่อไปการศึกษาของแพรี่ช่วยเปิดแนวทางการศึกษาแนวคิดเรื่องวรรณกรรมมุขปาฐะมากขึ้นhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94
ยุคเก่า หรือยุยคาสสิก เป็นคำที่ใช้กว้างๆ สำหรับสมัยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่มีศูนย์กลางอบู่ในบริเวณเมดิเตอเรเนีน ที่ประกอบด้ยการผสมผสานระหว่างกรีกโบราณและโรมันโบราณ ที่เรีกว่า โลกกรีก กรมัน สมัยคลาสสิกเป็นสมัยที่วรรณคดีกรีกและลาตินมีความรุ่งเรือง
สมัยคลาสสิกถือกันว่าเริ่มขึ้นเมื่อมีการบันทึกการวรรณกรรมกรีกเป็นครั้งแรกที่เร่ิมด้วยมหากาพย์ขอโอเมอร์ ราวศตวรรษที่ 8 ถึง 7 ก่อนคริสต์วรษ และดำเนินต่อมาจากกระทั้งถงสมัยสมัยการเผยแพร่ของคริสต์สาสนา และการล้มสลายของจักรวริโรมัน ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 จนมาส้ินสุดลงในปลายสมัยโบาณตอนปลาย ราว ค.ศ. 300 - ค.ศ. 600 ปสานต่อไปยังสมัยกลางตอนต้น ยุคสมัยอันยาวนานนี้ครอบคลุมวัฒะรมที่แตกต่างกันในหลายบริเวณของช่วงระยะเวลานั้นสมัยคลาสสิกอาจจะหมายถึงสมัยอันเป็นสมัยอุดมคติ โยผู้คนในสมัยต่อมา ตามคำกล่าวของเอดการ์ อัลเลน โพ ที่ว่า ไความรุ่งโรจน์ของกรีก ความยิ่งใหญ่ของโรมัน
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81
วัฒนาธรรมของกรีกโบราณมีอิทธิพลเป็ฯอันมากต่อภาษา ระบบการปกครอง ระบบการศึกษาปรัชญา วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมของยุคใหญ่ และเป็นเชื่อที่น่ำมาสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาต่อมาในยุโรปตะวันตก และต่อมาในยุคฟืนฟูคลาสสิก ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19
วรรณคดีในสมัยยุคลาสสิก
อีเลียต เป็นหนึ่งในสองบทกวีมหากาพย์กรีกโบราณของโฮเมอร์ ซึ่เล่าเรื่องราวของสงครามเทืองทรอยในข่วงปีที่ที่สิบอันเป็นปีที่สิ้นสุดสงคราม เขื่อกันว่า อีเลียต ถูกแต่งขึ้นในช่วงศตวรรษที่แปดก่อนคริสตกาล นักวิชาการหลายคนเชื่อว่า บทกวีเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในภาษากรีกโบราณ ึงถือได้ว่าเป็นวรณกรรมชิ้นแรกของยุโรป แม้จะมีชือผุ้ประพันธ์ปรากฎเพีงคนเดียว แต่จากลักษระของบทกวีที่บอกเล่าสืบต่อกันมาแบบปากเปล่ารุรเต่อรุ่น จึงมีความเป้ฯไปได้ว่ามีผุ้ปรพันธ์มากว่าหนึ่งคน
เรื่องราวในบทกวีบรรยายถึงเหตุการณ์ในปีที่สิบซึ่งเป็นปสุดท้ายของเหตุการณ์ที่ชาวกรีกบุกยึดนครอีเลียน หรือเมืองทรอย คำว่า "อีเลียต" หมายถึง "เกี่ยวกับอีเลียต"อันเป็นขื่อเรียกวส่สนนครกลวง ซึ่่งแตกต่างกับ ทรอย อันหมายถึง นครรัฐที่อยุ่ล้อมรอบอิเลียน แต่คำทั้งสองคำนี้มักใช้รวมๆ กันหมายถึงสถานเที่แห่งเดีวกัน
เนื้อหาเรื่องราว คำเปิดเรื่องมีความหมายถึง โทสะ เป็นการประกาศถึงธีมหลักของเรื่อง อีเลียต นั้นคือ "โทสะของอคิลลิส" เมื่ออักกะเมมนอน ผุ้นำกองทัพกรีกบุกเมืองทอย ได้หมิ่นเกียรติของอคิลลิสโดยการชิงตัวนางไบรเซอีส ทาสสาวนางหนึ่งซึ่งตกเป็นของขวัญชระศึกของอคีลิลีสไปเสีย อคีลลีสจึงถอนตัวจากการรบ แต่เือปราศจากอคีลลีสกับทัพของเขา กองทัพรกีก็ต้องพายต่อเมืองทรยอย่างย่อยับ จนเกือบจะถอดใจยกทัพกลับ แต่แล้วถอดใจยกทัพกลัย แต่แล้วอดีลลีสกลับเข้าร่วมในการรบอีก หลังจากเพื่อนสนิทของเขาคือ ปฏิตกลัส ถุกสังหารโดยเฮกเตอร์เจ้าขายเมืองทรอย อคิลลีสสังหารชาวทรอยไปเป็นจำนวนมากรวมทั้งเฮกเตอร์ แล้วลากศพเฮกเตอร์ประจาน ไม่ยอมคืนร่างผุ้เสียชีวิตให้มาตุภูมิซ่งผิดธรรมเรียมการบบ จนในที่สุดท้ายเพรียม บิดาของเฮกเตอร์ต้องมา/ถ่ ต้องมาไถ่ร่างบุตชายกลับคื มหากาพย์ อีเลียตสิ้นสุดลงที่งานพิธีศพของเฮกเตอร์
โอเมอร์บรรยายภาพการศึกไว้ในมหากาพ์อย่างละเอียด เขาระบุชือนักรบจำนวนมาก เอ่ยถึงถ้อยคำที่ค่าทอ นับจำนวนครั้งี่เปล่างเสีย่งร้อง รวมถึงรายละเอียวในการปลิดชีวิตฝ่ายสํตรู การส้ินชีวิตของวีรบุรุษแต่ละคนส่งผลให้การสงครามรุนแรงหนักงนิ่งขึ้น ทัพทั้งอสงฝ่ายต่างเข้าแย่งชิงเสื้อเกราะะครื่อาวุธ และแก้แค้นต่อผู้ที่สังหารคนของตน นักรบที่โชคดีมักรอดพ้นใไปได้ด้วยฝีมือขัรุของสารถี หรือด้วยการช่วยเลือป้องกันของเหล่าเทพ รายละเอดียดสงครามของโฮเมอร์นับเป็นงานวรรณกรรมที่โหดเหี้ยมและมีผุ้เสียชีวิตมากที่สุด
มหากาพย์ อีเลียต มีนัยยะทางศาสนาและส่ิงเหนือธรรมชาติอยู่มาก กองทัพทั้งสองฝ่ายต่างเคร่งครัดศรัทธาต่อเทพเจ้าของตน และต่างมีนักรบที่สืบเชื้อสายมาจากเหล่าเทพด้วย พวกเขามักเซ่นสรวงบูชาเทพเจ้า ขอคำปรึกษาจากพระ และแสวงหาคำพยากรณืเพื่อตัดสินใจว่าควรจะทำอย่างไรตอไป พวกเทพเจ้ามักเข้าร่วในการรบ ทั้งดยการให้คำแนะนำและช่วยเหลือปกป้องนักรบคสโรปด บางคราว ก็ร่วมรบด้วยตนเองกับพวกมนุษย์หรือกับเทพเจ้าองค์อื่นๆ
ตัวละครหลักของมหากาพย์ อีเลียต จำนวนมากมีส่วนเชื่อดยงสงครามเมืองทรอยเข้ากับตำนานปรับปราอื่นๆ เช่น ตำนาน เจสันกับขนแกะทองคำ ตำนานกบฎเมืองธีบส์ และการผจญภัยของเฮราคลีส (เฮอร์คิวลีส) ตำนานปรับปราของกรีกโบราณเหล่านี้มีเรื่องเล่ามาในหลากหลายรูปแบบ โฮเมอร์จึงค่อนข้างมีอิสระในการเลือกรูปแบบตามที่เขาต้องการเพื่อนำมาประกอบในมหากาพย์
เรื่องราวของมหากาพย์ อีเลียต ครอบคลุมข่วงเวลาเพียงไม่กีสัปดาห์ในช่วงปีที่สิบและปีสุดทายของสงคราเมืองทรอย มิได้เล่าถึงความเป็นมาของการศึกและเหตุการณ์ในช่วงต้น และมิได้เอ่ยถึงเหตุการณ์ตอนส้ินสุดสงคราม ย่างไรก็ดีมีบทกวีมหากาพย์เรื่องอื่นที่บรรยายความต่อจากนี้ แต่กลงเหลือรอดมาถึงปัจจุบันเพียงเล็กน้อย ..
มหากาพย์ อิเลียต และโอดิสซีย์ นับว่าเป็นวรรณกรรมคลาสสิก ของกรีกโบราชิ้นสำคัญที่สุดและถือเป็นงานพื้นฐานสำคัญของวรรณกรรมกรีก ในยุคต่อมา นอกเหนือจากความเป็นโคลงโบราณที่มีบทพรรณนาอย่างลึกซึ้งแล้ว มันยังเป็ฯศุนย์กลางของวัฒนธรมต่างๆ ของกรีกที่เกี่ยว้องกับความเชื่อทางศาสนาด้วย ในงานเฉลิมฉลองทางศาสนาขอกรีก จะมีการขับร้องบทกวีนี้ตลอดทั้งคื อ่านด้วยิีธรมดาจะใช้เวลาประมาณ 14 ชี่วโมง โดยจะมีผุ้ฟังเข้าและออกเรื่อยๆ เพื่อมฟังบทที่เขาชื่นชอบ เป็นพิเศษ
นักวิชาการด้านวรรณกรรมถือเอา อีเลียต และ โอดิสซย์ เป็นงานประพันธ์แบบกวีนิพนธ์ และมักนับว่าโฮเมอร์เป็นกวีด้วย แต่เมื่อถึงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 19 เหล่านักวิชาการก็เร่ิมสสัยว่าข้อสมมุติฐานนี้ถุกต้องหรือไม่ มิแมน แพรี นักวิชาการยุคคลาสสิกคนหนึ่งพบว่าลักษณะงานประพันธ์ของโฮเมอ์มีความเฉพาะเจาะจงอย่างน่าประหลาด ในการเลือกใช้คำคุณศัพท์ รวมถึงคำขยายตำนาน วลี หรือประประโยค ที่ซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งเขาเห็นว่าลักษณะเช่นนี้เป็นลักษณะของเรื่องเล่าปากเปล่า หรือ วรรณกรรมแบบมุขปาฐะ ผู้แต่างจะใช้คำหรือวลีที่มีรูปแบบแน่นอนเรพาะจะเข้าสัมผัสในฉันลักษณ์ได้ง่ายก่า ยิ่งกว่านั้น แพรียังสังเกตว่า โฮเมอร์ระบุสร้ายนามของตัวละครหลักแต่ละตัวด้วยคำเฉพาะแบบสองพยางค์ซึ่งจะบรรจุลงได้ครึ่งบรรทัด จึงสันนิษฐานว่าเขาน่าจะแต่งสดๆ ที่ละครึ่งบรรทัด สวนครึ่งที่เหือก็จะเอ่ยไปโดยอัตโนมัติ ด้วยวลีสามัญ เืพ่อพิสูจน์ทฤษฎีนี้ แพรี่เดินทางไปยังยูโกสลาเวียเพื่อสึกาษวรรณกรรมมุขปาฐะของท้องถ่ินนั้น เขาพบว่ากวีมักใช้คำที่ซ้ำๆ และคำเอือน คำสร้าง เพื่อให้มีเวลาแต่งบทกวีวรคต่อไปการศึกษาของแพรี่ช่วยเปิดแนวทางการศึกษาแนวคิดเรื่องวรรณกรรมมุขปาฐะมากขึ้นhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94
วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561
Academy Football 3
เมื่อพูดถึงฟุตบอลจะไม่พูดถึง อังกฤษ ก็เห็นจะเป็นเรืองแปลก
เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อนึถึง สโมสรนี้ สิ่งแรกที่จะนึกถึงก็คือดาวรุ่งของพวกเขาว่ามีใใครเจ๋งๆ มาอีกบ้าง ทีม "นักบุญ" ไม่เคยหยุดลงทุนกับการพัฒนเยาวชนของตัวเอง แกเรธ เบล ที่ปัจจุบันเป็นสตาร์คนดังของสโมสร เรอัล มาดริด ก็เคยเป็นเด็กฝึกของที่นี่มาก่อน เช่นเดียวกับ อดัม ลัลาน่า, ธีโอ วัลค็อตต์,
บุค ชอว์, อเล็กซ์ อ๊อกเลค แขมเบอร์เลน ที่ต่างก็ติดทีมชติอังกฤษ รวมถึงได้เล่นให้กับสโมสนระดับยักษ์ใหญ่ ในช่วงไม่กี่ปีทีผ่านมา พวกเขาได้เงินจากการปล่อยเด็กปั้นตัววเองไปมากว่า 100 ล้านปอนด์ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ทีมของพวกเขาแย่ลงแต่อย่างใด เพราะว่าพวกเขายังมีนักเตะรุ่นใหม่ ที่พร้อมข้นมาแทนอยู่เสมอ
แ มนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป้นมหาอำนาจของวงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา นันก็เพราะว่าการสรางนักเตะเยาวชนของตัวเองขึ้นมาเป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็นเดวิด เบ็คแฮม, ไรอัล กิ๊กส์, นิคกี้ บัตต์ และพี่น้องเนวิลล์ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตจากศูนย์ฝึกของสโมสรท้งนั้น
แม้ว่าจะหมดยุคของ คลาส ออฟ 92 แล้ว ก็จะไม่ได้มีดาวรุ่งข้นมา บวกดับตังแต่ เชอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูนัน ประกาศวางมือไปก็ทำให้เราไม่คอยได้เห็นเด็กากอคาเดมีขึ้นมามีบทบาทในทีมชุดใหญ เพราะว่ามันถูกแทนด้วยเหล่าสตาร์ค่าตัวแพงที่ถูกซื้อเข้ามาจากความสำเร็ที่รอไม่ได้อีกแล้ว แต่ส่งิหึงที่ยังไม่เคยหยไปจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ือการใหโอกาสเด็กปั้นของทีมขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง อย่างในวันนี้ เราได้เห็นท้ง มาร์คัส แรซฟอร์ด และเจสซี่ ลินการ์ด ที่ได้ลงสนามอย่างตอเนื่องกับทีมชุดใหญ่ร่วมไปถึง ปอล ป็อกบา ที่ซ์้อมาในราคาแพง ระดับสถิติโลก จากยูเวนตุส แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเขาก็คือ อดีตเด็กผึกของ สโมสรเช่นเดียวกัน นันเท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยทอดท้องิบรรดาดาวรุ่งเหล่านี้ ขอแค่พวกเขาดีพอ พวกเขาก็จะได้โอกาสhttps://www.fourfourtwo.com/th/features/raakthaansuukhwaamsamercch-9-khaaedmiiluukhnangthiiaidchuuewaadiithiis
กลับมาที่เมืองไทย อคาเดมีแบบไทยๆ ก้าวเข้าสู่ยุคที่ ที่ 4
ยุคที่ 4 อคาเดมีอิมพอร์ท
ในยุคที่ยังไม่มีการกำหนดแนวทางจาก สมาพันะ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ว่าทุกสโมสรต้องีอคาเดมของตัวเอง อีหนึงโมเดลที่ถุกนำมาใช้พัฒนาในเมืองไทย เปฯเวลาหลายปี นันก้คือ "อคาเดมีฟุตบอลอิมพอร์ท" ที่บางเจ้ามีชื่อเสียง บางเจ้าก็มาเงียบๆไปเงียบๆ ซึ่งทั้งซีกโลกตะวันออกอย่างเกาหลี หรือฝากฝั่งยุโรป หลายๆ โครงการต่างชาติ ก็เป็นเรื่องดี แต่ปัญหาของอคาเดมีอิมพอร์ท คือ เรื่องการขาดความต่อเนื่องบางเจ้ามาแค่ช่วงระยะเวลั้นๆ ส่วนใหญ่ เหมือนกัองการมาโชว์ของมากกว่าว่า อคาเดมีฉนทำแบบนี้ได้..
ยุคที่ 5 ยุคปัุจจุบัน
นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา อคาเดมีของสโมสรฟุตบอลอาชีพในไทย เร่ิมค่อยๆ มีการพัฒนาจนใกล้เียงกับความเป็นสากลมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อพัฒนาอย่างถูกต้องและจริงจัง จากอคาเดมีของแต่ละสโมสร ก้ส่งผลให้กลุ่มผุ้เล่นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
และเมื่อทุกสโมสรในไทยลีก เล็งเห็นความสำัญของการสร้างอคาเดมีด้วยสโมรเอง จะมข้อดีท่สามารถกำหนดแนวทางการเล่น ปรัชญา รูปแบบวิธีการเล่น ควบคุมฐานเงินเดือนักเตะได้ และนักฟุตบอบมีความรักผูกพันกับสโมสรรวมถึง สามารถขายได้ราา ในยุคที่ตลาดซื้อขายนักเตะค่อนข้างเฟือ่งฟู และอคาเดมีฟุตบอลโดยสโมสรอาชีพ
การำอคาเดมีแบบสโมสรอาชีพ จึง้องใช้ทั้งแรงเงิน ความอดทน และการกล้าที่จะใช้งานในจังหวะ เวลาที่เหมาสม เพื่อให้ดาวรุ่งเหล่านั้น สามารถเ้นศักยภาพออกมาได้เต็มที่ และเดินไปอย่างถูกทาง
"เด็กหนึ่งคนในอคาเดมี เราใช้ต้นทุนทั้งค่าเล่าเรียน ค่าอยู่กันหลับนอน เบี้ยเลี้ยง ค่าจ้างโค้ช ตกอยุ่ที่คนละ 350,000 ต่อปี" เราต้องอยู่ด้วยความอดทน อยู่ด้วยความหวัง ผมต้องมีเวลาไปดู ทีมอคาเดมีซ้อมอย่างน้อย อาทิตย์ละ 2 วัน เพื่อดูว่าดด็กๆ แต่ละคนเป็นอย่างไร พอพัฒนาแบบนี้แล้วเห็นได้ว่า เด็กจาอคาเดมีนั้น สามารถพัฒนาได้เร็วกว่าเยาชนที่เราซื้อมาจากทีมอื่น" เนวินชิดชอบ พุดถงต้นทุนในการปั้นเด็ก 1 คนต่อในหนึ่งปี...https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C4
เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อนึถึง สโมสรนี้ สิ่งแรกที่จะนึกถึงก็คือดาวรุ่งของพวกเขาว่ามีใใครเจ๋งๆ มาอีกบ้าง ทีม "นักบุญ" ไม่เคยหยุดลงทุนกับการพัฒนเยาวชนของตัวเอง แกเรธ เบล ที่ปัจจุบันเป็นสตาร์คนดังของสโมสร เรอัล มาดริด ก็เคยเป็นเด็กฝึกของที่นี่มาก่อน เช่นเดียวกับ อดัม ลัลาน่า, ธีโอ วัลค็อตต์,
บุค ชอว์, อเล็กซ์ อ๊อกเลค แขมเบอร์เลน ที่ต่างก็ติดทีมชติอังกฤษ รวมถึงได้เล่นให้กับสโมสนระดับยักษ์ใหญ่ ในช่วงไม่กี่ปีทีผ่านมา พวกเขาได้เงินจากการปล่อยเด็กปั้นตัววเองไปมากว่า 100 ล้านปอนด์ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ทีมของพวกเขาแย่ลงแต่อย่างใด เพราะว่าพวกเขายังมีนักเตะรุ่นใหม่ ที่พร้อมข้นมาแทนอยู่เสมอ
แ มนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป้นมหาอำนาจของวงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา นันก็เพราะว่าการสรางนักเตะเยาวชนของตัวเองขึ้นมาเป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็นเดวิด เบ็คแฮม, ไรอัล กิ๊กส์, นิคกี้ บัตต์ และพี่น้องเนวิลล์ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตจากศูนย์ฝึกของสโมสรท้งนั้น
แม้ว่าจะหมดยุคของ คลาส ออฟ 92 แล้ว ก็จะไม่ได้มีดาวรุ่งข้นมา บวกดับตังแต่ เชอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูนัน ประกาศวางมือไปก็ทำให้เราไม่คอยได้เห็นเด็กากอคาเดมีขึ้นมามีบทบาทในทีมชุดใหญ เพราะว่ามันถูกแทนด้วยเหล่าสตาร์ค่าตัวแพงที่ถูกซื้อเข้ามาจากความสำเร็ที่รอไม่ได้อีกแล้ว แต่ส่งิหึงที่ยังไม่เคยหยไปจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ือการใหโอกาสเด็กปั้นของทีมขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง อย่างในวันนี้ เราได้เห็นท้ง มาร์คัส แรซฟอร์ด และเจสซี่ ลินการ์ด ที่ได้ลงสนามอย่างตอเนื่องกับทีมชุดใหญ่ร่วมไปถึง ปอล ป็อกบา ที่ซ์้อมาในราคาแพง ระดับสถิติโลก จากยูเวนตุส แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเขาก็คือ อดีตเด็กผึกของ สโมสรเช่นเดียวกัน นันเท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยทอดท้องิบรรดาดาวรุ่งเหล่านี้ ขอแค่พวกเขาดีพอ พวกเขาก็จะได้โอกาสhttps://www.fourfourtwo.com/th/features/raakthaansuukhwaamsamercch-9-khaaedmiiluukhnangthiiaidchuuewaadiithiis
กลับมาที่เมืองไทย อคาเดมีแบบไทยๆ ก้าวเข้าสู่ยุคที่ ที่ 4
ยุคที่ 4 อคาเดมีอิมพอร์ท
ในยุคที่ยังไม่มีการกำหนดแนวทางจาก สมาพันะ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ว่าทุกสโมสรต้องีอคาเดมของตัวเอง อีหนึงโมเดลที่ถุกนำมาใช้พัฒนาในเมืองไทย เปฯเวลาหลายปี นันก้คือ "อคาเดมีฟุตบอลอิมพอร์ท" ที่บางเจ้ามีชื่อเสียง บางเจ้าก็มาเงียบๆไปเงียบๆ ซึ่งทั้งซีกโลกตะวันออกอย่างเกาหลี หรือฝากฝั่งยุโรป หลายๆ โครงการต่างชาติ ก็เป็นเรื่องดี แต่ปัญหาของอคาเดมีอิมพอร์ท คือ เรื่องการขาดความต่อเนื่องบางเจ้ามาแค่ช่วงระยะเวลั้นๆ ส่วนใหญ่ เหมือนกัองการมาโชว์ของมากกว่าว่า อคาเดมีฉนทำแบบนี้ได้..
ยุคที่ 5 ยุคปัุจจุบัน
นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา อคาเดมีของสโมสรฟุตบอลอาชีพในไทย เร่ิมค่อยๆ มีการพัฒนาจนใกล้เียงกับความเป็นสากลมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อพัฒนาอย่างถูกต้องและจริงจัง จากอคาเดมีของแต่ละสโมสร ก้ส่งผลให้กลุ่มผุ้เล่นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
และเมื่อทุกสโมสรในไทยลีก เล็งเห็นความสำัญของการสร้างอคาเดมีด้วยสโมรเอง จะมข้อดีท่สามารถกำหนดแนวทางการเล่น ปรัชญา รูปแบบวิธีการเล่น ควบคุมฐานเงินเดือนักเตะได้ และนักฟุตบอบมีความรักผูกพันกับสโมสรรวมถึง สามารถขายได้ราา ในยุคที่ตลาดซื้อขายนักเตะค่อนข้างเฟือ่งฟู และอคาเดมีฟุตบอลโดยสโมสรอาชีพ
การำอคาเดมีแบบสโมสรอาชีพ จึง้องใช้ทั้งแรงเงิน ความอดทน และการกล้าที่จะใช้งานในจังหวะ เวลาที่เหมาสม เพื่อให้ดาวรุ่งเหล่านั้น สามารถเ้นศักยภาพออกมาได้เต็มที่ และเดินไปอย่างถูกทาง
"เด็กหนึ่งคนในอคาเดมี เราใช้ต้นทุนทั้งค่าเล่าเรียน ค่าอยู่กันหลับนอน เบี้ยเลี้ยง ค่าจ้างโค้ช ตกอยุ่ที่คนละ 350,000 ต่อปี" เราต้องอยู่ด้วยความอดทน อยู่ด้วยความหวัง ผมต้องมีเวลาไปดู ทีมอคาเดมีซ้อมอย่างน้อย อาทิตย์ละ 2 วัน เพื่อดูว่าดด็กๆ แต่ละคนเป็นอย่างไร พอพัฒนาแบบนี้แล้วเห็นได้ว่า เด็กจาอคาเดมีนั้น สามารถพัฒนาได้เร็วกว่าเยาชนที่เราซื้อมาจากทีมอื่น" เนวินชิดชอบ พุดถงต้นทุนในการปั้นเด็ก 1 คนต่อในหนึ่งปี...https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C4
วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561
Academy Football 2
" เดอ ทูคอมส์" คือชื่ออะคามีเดียของอาแจ็กซ์ โดยแปลว่า "เดอะ ฟิวเจอร์ " ในภาษาอังกษ หรือ
อนาคตนั้นเอง สถานที่ประกอบด้วยสนาม 8 สนาม 2 ตึก มีท้้งห้องเรียน,ยิม, ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร และออฟฟิต สำหรับบรรดาโค้ชและนักวิทยาศาสตร์การกีฬา เสนอ่ห์ที่ดึงดูดบรรดาแข็งแยาชนทั่วโลกมาฝึกฝนที่นี้เพราะปรัชญา "โททอล ฟุตบอล" ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่นที่มีมชาติฮอลแลนด์ใช้ในทศวรษที่ ุ0 การผ่านบอลและการเปลี่ยนเกมรับเป็นรุกที่รวมเร็ว ผุ้เล่นเคลื่อนที่ในสนามอย่างอิสระ
แต่จากกระแสโลแาภิวัฒน์ ซึ่งทำให้นักฟุตบอลร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาลจากการไปเล่นลีกใหญ่ในยุโรป อังกฤษ เยอมรัน และสเปน ทำให้จุดมุ่งหมายของสภาบัน นั้นเปลี่ยนแปลงไป ไม่มช่กาปั้นนักเตะขึ้มาเพื่อเข้าสู่ทีมอย่างเดียว แต่เป็นการผลิตนักฟุตบอลเพื่อส่งออกไปขายทอดตลาดในลีกชั้นนำของยุโรปด้วย เปรียบดัง "โรงงานผลิตนักฟุตบอล"
คัมภีร์ลูกหนัง แนวทางการฝึกของอาแจ็กซืนั้น ปะกอบได้ด้วย 8 ด้าน มีการฝึการจัดระเบียบร่างกาย, การเตะ การผ่านบอล การทุ่ม การเคลื่อนที่เพื่อเอชนะคู่แข่ง การโหม่ง การจบสกอร์ การยืน ตำแหน่ง การยืนต่ำแหน่งแบบมีบอล และการเล่นโต็ะเล็ก ทำให้การคัดเลื่อกเยาชนเข้ามาฝึกฝนจึงต้อง่งแมวมองไปติตามเด็กหลายเดือนหรือเป็นปี ก่อนจะส่งจดหมายเชิญไปที่ผุ้ปกครอง เมื่อได้เข้ามาใในอคาเดมีแล้ว จะมีการแข่งขันภายในเพื่อคัดเกรด หรือปรับตก ไม่ต่างกับการเรียนหนังสือ ดังน้นเมื่อนานวัผ่านไปนักเตะจะเติโตแข็งกแกร่งขึุ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
โดยแนวคิดระบบการฝึกฟุตบอของอาแจกซ์ ทั้งหมาดนี้ถูกเรียกว่า "TIPS Model" ประกอบด้วย ที่ เทคนิค ไอ คือความเข้าถึงอย่างถ่องแท้ พี คือ บุคลิกภาพ และ เอส คือ สปีด ซึ่ง พีกับ เอส นั้นมีติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ ไอกับ เอส นั้นสามารถฝึกนสร้างขึ้นได้ จากความสำเร็จได้มีการขยายสาขาไปทั้งโลก และยัเคยเปิดสาขาที่สหรัฐอเมริกา แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงต้องยกเลิกไป ปัจจุบันมีอคาเดมี กว่า 15 แห่งกระจายในกรีซและไซปรัส
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีระบบพัฒนาเยาชนที่เป็นเลิสแต่ผลงานในสนามของอาแจ๊กซ์มักขาดความต่อเนือง สาเหตุมาจากสตาร์ของทีมทีเร่ิมฉายแสงมักถูกยักษ์ใหญ่ในยุโรปดึงตัวไปเล่นหลายคจต้องผ่าตัดทีมบ่อย อีกทั้งแนวคิดพัฒนาเยาชนของอาแจกซ์ หรือแม้กระทั้งประเทศเนเธอแลนด์ ก็กำลัสั่นคลอนเพราะผลงานทีมอัศวินสีส้มกำลังย่ำแย่ ตั้งแต่ไม่ได้ร่วมเล่นยูโร 2016 จนตอนนี้ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกก็สภานการณ์ไม่สู้ดีนัก
ระบบเยาชนอาแจ๊กซ์มัก๔ุกยกให้เป็นภาพสะท้อนของฟุตบอลประเทศเนเธอแลนด์ซึ่งกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก หลายประเทศ นำ "ทีไอพีเอส โมเดล" ไปใช้และพัฒนาขึ้นอีกระับ ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่อาแจกซ์ต้องเร่งคิดคัมภีร์เทวดาฉบับใหม่ขึ้นมาแทน โททอล ฟตุบอล...http://www.komchadluek.net/news/sport/275086
่จากเรื่องอเคมีฝั่งยุโรปไปแล้ว เรามาตอกันที่อคาเดมีไทยกันดีกว่า
ยุคที่ 3 คือยุคอคาเดมีฟุตบอล อย่างแท้จริง โดยมี "ธำรงไทย" และ "ยูคอมแข้งทอง" เป็นแหล่งบุกเบิกนการทำฟุตบอลเยาวชนจาภาคเอกชน
ธำรงไทยสโมน ถือเป็นเอกชนแห่งแรกที่เปิดสอนบอลอย่างเป็รูปแบบชัดเจน แก่เยาชน ตั้งแต่อายุ 10 ปี เป็นต้นไป โดยี อนุักษณ์ ศรีเกิด และอาจพล ระดมเล็ก เป็นสองแข้งดังที่เกิจากที่นี้
ความสำเร็จจากการพัฒนาเยาวชน บวกกับแนวคิดในการดึงนัเกตะต่างชาติ ภายในการสนับสนุนของสปอนเซอร์อย่าง บ.บุญรอดเบเวอรี ส่งผลให้ธำรงไทยสโสร ได้เป็น 1 ใน 18 สโมสรก่อตั้ง ไทยลีก ครั้งที่ 1 ทว่านักเตะส่วนใหญ่ล้วนเป็นเยาชนอายุ 16-18 เท่านั้น จึงไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งได้ และตกชั้น ก่อนจะประสบปัญาหรืเ่องเงินทุนใเวลาต่อมา
"ยูคอนแข้งทอง"โดยสองพี่น้องนักเตะ สุทิน-สุรัก ไชยกิตติ..เน้าการเปิดสอนฟุตบอลเด็กๆ อายุไม่เกิด 15 ปี ตามสามฟุตบอลต่าง โดยเน้นคอนเซปท์ฝึกสอนจากประสบการณ์จริง ยูคอมแข้งทอง มีรุปแบบที่แตกต่างกับ ธำรงไทยสโมสร รงที่เป็นแหล่งฝึกสอนนักฟุตบอลอ่างเดียวแห่งแรก ที่ไม่ได้สร้างนักฟุตบอลเพื่อเตรียมดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ หรือป้อนสโมสร ซึ่งต่อมาก็ซบเซาตามยุคสมัย
ขณะที่ทุกอย่างเดินไปข้าหน้า ทั้งไทยลีกที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น มีอคาเดมีฟุตบอลจากเอกชน รมถึงการสนับสนุนจากภาคัฐ ในการแขงขันฟุตบอลระดับนักเรียน แต่ทว่า สองสถานศึกาาเอกชนอย่าง อัสสัมชัญศรีราชา และอัสสัมชัญธนบุรี กลับเป็นผุ้พลิกเกมส์และเปลี่ยนเทรนด์แห่งยุค
"เจ้าสั่วน้อย" อัสสัมชัญธนบุรี ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นในช่วงเวลาไม่นานนัก โดยมี ผุ้ให้การสนับสนุนทั้งจากโรงเรียนและและภายนอกโรงเรียนและการจับมือกบภาคเอชน ทำให้สถาบันแห่งนี้ กลายเป็นสถาบันขาสั้นในฝันของเด็กรุ่นใหม่ จากช้างเผือกรุ่นแรกๆ และได้โค้ชมือฉมังที่ย้ายมากจากโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ ผลิตนักเตะก่อนที่จะจับมือกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในการส่งป้อนดาวรุ่งและเปรียบเสมือน อคาเดมีของกิเลนผยองไปแล้ว
เฉกเช่นอัสสัมชันศรีราชา เร่ิมต้นส้างความย่ิงใหญ่ภายใต้การสนับสนุนของ ตระกูลคุณปลื้ม มีการเปิดคัดหาช้างเผือกและฝึกสอนอยางเป็นระบบ รุปแบเียวกัน โดยเร่ิมจากการส่ง นักเตุไปยังโรงเรียนเล็กๆ อาทิ โรงเรียนบ้านหัวกุญแจฯ เพื่อปรับสภาพและเตรียมความพร้อม ก่อนส่งมาเรียนต่อทั้งที่ อัสสัมชัญศรีราชา หรือถ่ายไปให้ จุฬาภรณ์ราชวิทยาลย
ชลบุรี คือผุ้เปลี่ยนเกม จากปรัชญาและแนวทางที่สร้าางเด็กขึ้นมา นถึงวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างมันลงล็อก เด็กที่สร้างมา สีห้ารุ่น กบับมาสโมสร แล้วพีคขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้ผลงานทีมดีตามไปด้วย เกิกระแสท้องถ่ินนิยมมา แผนบอลเต็มสนาม รวมถงีการบริหารจัดการอย่างเป็นสโมสรอาชีพแ้จริง" ที่สำคัญนักฟุตบอลพวกนี้ ถูกปลูกฝังให้มีความรัก ภาคภูมิใจในคามเป็น ชลบุรีก่อนแข่งหลายๆ คนมอแค่ว่า ชลบุรี เป็นแค่ม้ามืด แต่หลังจากชนบุรีเป็นแชมป์ ทุกทมต้องมองชบลุรีใหม่ และ้เกิดแรงบันดาลใจแก่ทีมท้องถ่ินว่า ถึงจะเป็นทีมต่างจังหวัดก็ป็นแชมป์ไทยลีกได้....https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C2
อนาคตนั้นเอง สถานที่ประกอบด้วยสนาม 8 สนาม 2 ตึก มีท้้งห้องเรียน,ยิม, ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร และออฟฟิต สำหรับบรรดาโค้ชและนักวิทยาศาสตร์การกีฬา เสนอ่ห์ที่ดึงดูดบรรดาแข็งแยาชนทั่วโลกมาฝึกฝนที่นี้เพราะปรัชญา "โททอล ฟุตบอล" ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่นที่มีมชาติฮอลแลนด์ใช้ในทศวรษที่ ุ0 การผ่านบอลและการเปลี่ยนเกมรับเป็นรุกที่รวมเร็ว ผุ้เล่นเคลื่อนที่ในสนามอย่างอิสระ
แต่จากกระแสโลแาภิวัฒน์ ซึ่งทำให้นักฟุตบอลร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาลจากการไปเล่นลีกใหญ่ในยุโรป อังกฤษ เยอมรัน และสเปน ทำให้จุดมุ่งหมายของสภาบัน นั้นเปลี่ยนแปลงไป ไม่มช่กาปั้นนักเตะขึ้มาเพื่อเข้าสู่ทีมอย่างเดียว แต่เป็นการผลิตนักฟุตบอลเพื่อส่งออกไปขายทอดตลาดในลีกชั้นนำของยุโรปด้วย เปรียบดัง "โรงงานผลิตนักฟุตบอล"
คัมภีร์ลูกหนัง แนวทางการฝึกของอาแจ็กซืนั้น ปะกอบได้ด้วย 8 ด้าน มีการฝึการจัดระเบียบร่างกาย, การเตะ การผ่านบอล การทุ่ม การเคลื่อนที่เพื่อเอชนะคู่แข่ง การโหม่ง การจบสกอร์ การยืน ตำแหน่ง การยืนต่ำแหน่งแบบมีบอล และการเล่นโต็ะเล็ก ทำให้การคัดเลื่อกเยาชนเข้ามาฝึกฝนจึงต้อง่งแมวมองไปติตามเด็กหลายเดือนหรือเป็นปี ก่อนจะส่งจดหมายเชิญไปที่ผุ้ปกครอง เมื่อได้เข้ามาใในอคาเดมีแล้ว จะมีการแข่งขันภายในเพื่อคัดเกรด หรือปรับตก ไม่ต่างกับการเรียนหนังสือ ดังน้นเมื่อนานวัผ่านไปนักเตะจะเติโตแข็งกแกร่งขึุ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
โดยแนวคิดระบบการฝึกฟุตบอของอาแจกซ์ ทั้งหมาดนี้ถูกเรียกว่า "TIPS Model" ประกอบด้วย ที่ เทคนิค ไอ คือความเข้าถึงอย่างถ่องแท้ พี คือ บุคลิกภาพ และ เอส คือ สปีด ซึ่ง พีกับ เอส นั้นมีติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ ไอกับ เอส นั้นสามารถฝึกนสร้างขึ้นได้ จากความสำเร็จได้มีการขยายสาขาไปทั้งโลก และยัเคยเปิดสาขาที่สหรัฐอเมริกา แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงต้องยกเลิกไป ปัจจุบันมีอคาเดมี กว่า 15 แห่งกระจายในกรีซและไซปรัส
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีระบบพัฒนาเยาชนที่เป็นเลิสแต่ผลงานในสนามของอาแจ๊กซ์มักขาดความต่อเนือง สาเหตุมาจากสตาร์ของทีมทีเร่ิมฉายแสงมักถูกยักษ์ใหญ่ในยุโรปดึงตัวไปเล่นหลายคจต้องผ่าตัดทีมบ่อย อีกทั้งแนวคิดพัฒนาเยาชนของอาแจกซ์ หรือแม้กระทั้งประเทศเนเธอแลนด์ ก็กำลัสั่นคลอนเพราะผลงานทีมอัศวินสีส้มกำลังย่ำแย่ ตั้งแต่ไม่ได้ร่วมเล่นยูโร 2016 จนตอนนี้ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกก็สภานการณ์ไม่สู้ดีนัก
ระบบเยาชนอาแจ๊กซ์มัก๔ุกยกให้เป็นภาพสะท้อนของฟุตบอลประเทศเนเธอแลนด์ซึ่งกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก หลายประเทศ นำ "ทีไอพีเอส โมเดล" ไปใช้และพัฒนาขึ้นอีกระับ ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่อาแจกซ์ต้องเร่งคิดคัมภีร์เทวดาฉบับใหม่ขึ้นมาแทน โททอล ฟตุบอล...http://www.komchadluek.net/news/sport/275086
่จากเรื่องอเคมีฝั่งยุโรปไปแล้ว เรามาตอกันที่อคาเดมีไทยกันดีกว่า
ยุคที่ 3 คือยุคอคาเดมีฟุตบอล อย่างแท้จริง โดยมี "ธำรงไทย" และ "ยูคอมแข้งทอง" เป็นแหล่งบุกเบิกนการทำฟุตบอลเยาวชนจาภาคเอกชน
ธำรงไทยสโมน ถือเป็นเอกชนแห่งแรกที่เปิดสอนบอลอย่างเป็รูปแบบชัดเจน แก่เยาชน ตั้งแต่อายุ 10 ปี เป็นต้นไป โดยี อนุักษณ์ ศรีเกิด และอาจพล ระดมเล็ก เป็นสองแข้งดังที่เกิจากที่นี้
ความสำเร็จจากการพัฒนาเยาวชน บวกกับแนวคิดในการดึงนัเกตะต่างชาติ ภายในการสนับสนุนของสปอนเซอร์อย่าง บ.บุญรอดเบเวอรี ส่งผลให้ธำรงไทยสโสร ได้เป็น 1 ใน 18 สโมสรก่อตั้ง ไทยลีก ครั้งที่ 1 ทว่านักเตะส่วนใหญ่ล้วนเป็นเยาชนอายุ 16-18 เท่านั้น จึงไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งได้ และตกชั้น ก่อนจะประสบปัญาหรืเ่องเงินทุนใเวลาต่อมา
"ยูคอนแข้งทอง"โดยสองพี่น้องนักเตะ สุทิน-สุรัก ไชยกิตติ..เน้าการเปิดสอนฟุตบอลเด็กๆ อายุไม่เกิด 15 ปี ตามสามฟุตบอลต่าง โดยเน้นคอนเซปท์ฝึกสอนจากประสบการณ์จริง ยูคอมแข้งทอง มีรุปแบบที่แตกต่างกับ ธำรงไทยสโมสร รงที่เป็นแหล่งฝึกสอนนักฟุตบอลอ่างเดียวแห่งแรก ที่ไม่ได้สร้างนักฟุตบอลเพื่อเตรียมดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ หรือป้อนสโมสร ซึ่งต่อมาก็ซบเซาตามยุคสมัย
ขณะที่ทุกอย่างเดินไปข้าหน้า ทั้งไทยลีกที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น มีอคาเดมีฟุตบอลจากเอกชน รมถึงการสนับสนุนจากภาคัฐ ในการแขงขันฟุตบอลระดับนักเรียน แต่ทว่า สองสถานศึกาาเอกชนอย่าง อัสสัมชัญศรีราชา และอัสสัมชัญธนบุรี กลับเป็นผุ้พลิกเกมส์และเปลี่ยนเทรนด์แห่งยุค
"เจ้าสั่วน้อย" อัสสัมชัญธนบุรี ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นในช่วงเวลาไม่นานนัก โดยมี ผุ้ให้การสนับสนุนทั้งจากโรงเรียนและและภายนอกโรงเรียนและการจับมือกบภาคเอชน ทำให้สถาบันแห่งนี้ กลายเป็นสถาบันขาสั้นในฝันของเด็กรุ่นใหม่ จากช้างเผือกรุ่นแรกๆ และได้โค้ชมือฉมังที่ย้ายมากจากโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ ผลิตนักเตะก่อนที่จะจับมือกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในการส่งป้อนดาวรุ่งและเปรียบเสมือน อคาเดมีของกิเลนผยองไปแล้ว
เฉกเช่นอัสสัมชันศรีราชา เร่ิมต้นส้างความย่ิงใหญ่ภายใต้การสนับสนุนของ ตระกูลคุณปลื้ม มีการเปิดคัดหาช้างเผือกและฝึกสอนอยางเป็นระบบ รุปแบเียวกัน โดยเร่ิมจากการส่ง นักเตุไปยังโรงเรียนเล็กๆ อาทิ โรงเรียนบ้านหัวกุญแจฯ เพื่อปรับสภาพและเตรียมความพร้อม ก่อนส่งมาเรียนต่อทั้งที่ อัสสัมชัญศรีราชา หรือถ่ายไปให้ จุฬาภรณ์ราชวิทยาลย
ชลบุรี คือผุ้เปลี่ยนเกม จากปรัชญาและแนวทางที่สร้าางเด็กขึ้นมา นถึงวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างมันลงล็อก เด็กที่สร้างมา สีห้ารุ่น กบับมาสโมสร แล้วพีคขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้ผลงานทีมดีตามไปด้วย เกิกระแสท้องถ่ินนิยมมา แผนบอลเต็มสนาม รวมถงีการบริหารจัดการอย่างเป็นสโมสรอาชีพแ้จริง" ที่สำคัญนักฟุตบอลพวกนี้ ถูกปลูกฝังให้มีความรัก ภาคภูมิใจในคามเป็น ชลบุรีก่อนแข่งหลายๆ คนมอแค่ว่า ชลบุรี เป็นแค่ม้ามืด แต่หลังจากชนบุรีเป็นแชมป์ ทุกทมต้องมองชบลุรีใหม่ และ้เกิดแรงบันดาลใจแก่ทีมท้องถ่ินว่า ถึงจะเป็นทีมต่างจังหวัดก็ป็นแชมป์ไทยลีกได้....https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C2
วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561
Academy Football
นักฟุตบอลชื่อดัระดับโลกต่างก็ถูกอบรม ปลุกปั้นโดยสโมสรต่างๆ ที่มีระบบพัฒนาเยาชน และอคาเดมี่ประจำทีม การคัดเลือกแข้งวัยเด็กเข้าสู่ทีมมีหากลยวิธี ทั้งกรคคัดเลือกโดยสโมสรเอง แาระเป็พันธมิตรกับทีมต่างๆ รวมไปถึงการคัดเลือกตามแมวมองของทีม แต่การที่แข้งวัญเยาว์จะประสบควมสำเร็จก็ต้องข้อนอยู่กับ ตัวของพวกเขาเอง รวมไปถึง คุณภาพอะคาเดมีของสโมสรด้วย
5 สโมสรฟุตบอล ที่มีระบบ อะคาเดมี ที่ยอดเยี่ยมและเป็นแมแบบที่ดีในการสร้างผุ้เล่นดาวรุ่ง
- สโมสรเซาแธมป์ตัน เดอะ เซนต์ส นักบุญจากแดนไใต้เร่ิมก่อตั้งสโมสรฟุตบอลภยใใต้ชื่อสมคมโลสถ์ เซนต์ แมรี่ ในปี 1885 และเข้าร่วมลีกดิวิชันสามในปี 1919 ซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นของศูนฝึกเยาชนเช่นกัน ในยุคแรกมี เซาแธมป์ตน แคมบริดจ์ เป็นสถานฝึกสอนแยกต่างหาก ก่อนจะรวมกันใเวลาต่อมา อะคาเดมี ของเซาแธมป์ตัน เป็นที่รุ้จักกันมากในยุคปลายทศวรรษที่ ค0
เซาแธมป์ตัน ป็นทีมที่มีนักเตะลูกหม้อเป็นกำลังหลักมานน ผลผลิตจากเยาวชนถูกวางรากฐนไว้อย่างต่อเนื่องโดยทีมงานทุกชุด ผุ้เล่นเาชนของเซาแธมป์ตัน จะได้รับการดูแลเป็นอยางดี เปรียบเสมือนกับนักเตะชุดใหญ่ และกากล้าให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งได้ลงสัผสเกมใหญ่ๆ เพื่อสะสมประสบการณ์พร้อมที่ขึ้นชุดใหญ่ได้ทุกเมื่อ อะคาเดมี เซาแธมปตัน ให้ความสำคัญกับทั้งฟุตบอลในระดับท้องถ่น และทั้งในระดับประเทศ ซึ่งมีศูนยฝึกเยาชนกระจายทั่วเกาะอังกฤษ เซาแธมป์ตัน ขึ้นชื่อในเรื่องของการปั้นนักเตะอยุ่เสมอๆ อาทิ อลัน เชียรเรอร์, แกเร็ธ เบล, ลุค ชอว์, ธีโอ วัลค๊อตต์ และอดัมลัลาน่า
- สโมสรอาแจ็กซื อัมสเตอร์ดัม เดอ ทูคอมสท์ หรือที่แปลว่า อนาคมใน ภาษาอังกฤษ คือ ศูรย์ฝึกเยาชนของ อาเเจ็กซ์ อัมสเตะดัม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาบันลูกหนังที่ดีที่สุดในโลกแห่งหน่ง จากผลงานการสร้างนักฟุตบอลฝีเท้ายอดเยี่ยมออกมาประดับวงการลูกหนังมากมาย ระบบเยาชนของ อาเจ๊กซ์ ถือกำเนิดมาพร้อมกับการก่อตั้งสโมสรในปี 1900 แต่โด่งดังในช่วงทศวรรษ 70 ที่มี ไรนุส มิเชลล์ ตำนนกุซือชาวดัตช์ เจ้าของแผนการเล่น โททอล ฟุตบอล เป็นผุ้วางรากฐานระบบเยาชนให้ทีม หลังจากที่ได้วาระบบเยาชนที่ดี กเกิดลูกหม้อของ อะคาเดมี อาแจ็กซ์ ขึ้นมาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ และมาร์โก ฟาน บาสเท่น จึงทำให้หลายๆ สดมสรนำเอาระบบเยาชนมาปรับใช้ ถือได้ว่า อะคาเดมีของอาแจ็กซ์ อัมสเตตอร์ดัม เป็นต้นแบบในการวงระบบให้กับสโมสรอื่นๆ อีกด้วย โดยการปั้นเยาชนขึ้นมาด้วยการสอนปรัชญาฟุตบอลที่เหมือนกัน และดันขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และยังสามารถทำกำไรจากการขายผุู้เล่นเยาชนได้อีกด้วย
อาแจ็กซ์ เปรียบเสมือนโรงงานผลิตเยาชนขึ้นสู่ลอดลูกหนังโลก นักเตะอายุน้อยทีทำผลงานได้ดีจะถูกเลื่อนขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และเป็นที่จับตาของสโสรยักษ์ใหญ่ทั้งหลายโดยตักเตะที่เคยถูกปลุกปั้นมาจาก อะคาเดมี่ ของอาเจ๊กซ์ อาทิ คริสเตียน อิริเซ่น, โธมัส แผร์มาเลน, ดาลีย์ ละ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์
- สโมสรอันเดตอร์เลชท์ หลังจากท่เบเี่ยม เข้าสู่ยุคมือ สมาคมฟุตบอลเบลเยียม จึบงวางแผนพัฒนาวงการฟุตบอลขึ้นมาใหม่ โยยเร่ิมจากสโมสรยักษืใหญ่ของประเทศมอในเรื่อง ระบบอะคาเดมี เร่ิมพัฒาจากเยชนขึ้นมาก่อน อันเดอร์เลชท์ จงพัฒนาศูนย์ฝึกเยาชนจากที่ก่อตั้งมาให้ปี 1922 ให้ดียิ่งขึ้น เป้าหมายก็คือการนำ เบลเยียม กลับมาสู่ยุคทองอีกครั้ง ศูนย์ฝึกแห่งนี้ก็ได้ประสบวามสำเร็จเป็นอย่างสุง ได้รับอิทธิพลจากากรื้อระบบใหม่โดย่ายเทคนิคของสมาคมฟุตบอล สนับสนุนให้แข็งแยาชนกระายกันไปเล่นยังลีกที่แข็งแกร่งกว่า 3 ส่วนหลักทั้ง สโมสร ทีมชาติ และโค้ชระดับเยาชน ท้้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้นโยบายเดียวกัน นักเตะตั้งแต่ รุ่น 9 ขวบ ขึ้นไปจนถึง ชุดใหญ่ จะต้องเล่นด้วยระบบ 4-3-3 ที่เน้น
ความเร็ว ความยืดหยุ่นสูง ทั้งสามส่วนที่กล่าวมา จะทำงานร่วมกนเพื่อสร้างผุ้เล่นที่มีคุณภาพ และบังคับให้มีจำนวนเกมของผุ้เล่นระดับเยาชนให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อเติมประสบการณ์ให้กระดุก เพื่อการพัฒาขึ้นทีมชุดใหญ่โดยเร็ว
จากกาที่นักมาพัฒนาระบบ อะคาเดมี่ อย่างจริงจัง ทำให้ เบลเยี่ยม ก้าวขึ้นเปฺนเบอร์ 1 ของโลก ในการจัดอันดับ ฟีฟ่า แรงกิ้งส์ ในปี 2015 และยังผลิตซุบตาร์ ขึ้นมาหลายคน อาทิเช่น แวงซองต์ คอมปานี โรเมลู ลูกากู, ยูรี่ เทียเลอมองส์ และ อัดนาน ยานาไซส์
- สโมสรบาร์เซโลน่า ลา มเเซีย เต กาน ปลาเนส หรือที่รุ้จักกันดในชื่อ "ลา มาเซีย" คือศุนย์ฝึกแข้งวัยเยาว์ของบาร์เซโลน่า จุดกำเนิดของศูนย์ฝึกแห่งนี้ เกิดขึ้นในปี 1979 เมื่อ โจเซฟ นูนเณซ ประธานสโมสรขณะั้น เลือกทำตาคำแนะนำของ โยอัน ครัฟฟ์ ที่เสนอให้ทีมรื้อระบบเยาชนทังหมด และสร้าง อะคาเดมี ของสโมสร ขึ้นมาใหม่โดยยึดตามแบบฉบับของ สโมสรอาเจ๊กซื อัมสเตอ์ด
ระบบการเล่นที่สวยงาม ความสมดุลท้งเกมรุก และรับ เกิดจากการหล่อหลอมของปรัญชาการเล่น ผ่าน แบบแผนการฝึกซ้อมที่สืบทอดกนมาอย่างยาวนาน ลา เมาเซย เป็นเหมือนรากฐาน ที่ช่วยให้ทีมเกิดความสำเร็จ โดย ลา มาเซีย จะสอนให้ชุดเยาชน รวมไปถึงผุ้เล่นชุดใหญ่ และทุกๆ ขุด เ่นในระบบเดียวกัน เพื่อให้เข้าใจถึงปรัชญาของทีม จะทำให้นักเตะเยาวชนสามารถเล่นทดอทน ผุ้เล่นขุดใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น ภายใต้ระบบเดียวกันในทีมทุกชุด โดยนักเตะที่เคยผ่านการขัดเกลาจนโด่งดังในยุคปัจจุบันและอดี อาทิ เป็ปกวาร์ดิโอล่า, ซาบี เฮอร์นาเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดตรส อิเนียสต้า, ลิโอเนล เมสซี่ และ เซร์คิโอ โรแบร์โต้.
- สโมสรสปอร์ต้ิง ลิสบอนn อคาเดเมีย สปอร์ต้ิง เป็นองค์กรกีฬาแห่งแรกในโปรตุเกส ที่ได้การรรับรองคุณภาพ เมื่อปี 2010 ซึ่งช่วยการันตีความยอดเี่ยมของศุรย์ฝึกแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี กระบนการพัฒาเยาชน มีแนวทางคล้ายกับ อาแจ็กซ์ตรงที่กล้าลงทุนเงินก้อนโต กับศุนย์ฝึกเยาชน กรทำงานอย่างกนักของแมววมอ งและโปรแกรมฝึกซ้อมที่ยอดเยียม ทำให้ สปอร์ติ้ง สามารถดึงนักเตะที่มีฝีเื้าดขึ้นทีมชุดใหญ๋ได้ ที่นี้ไม่เพีนวแค่สอนในเรื่องของฟุตบอล แต่ยังสอนด้านการใช้ชีวิตในฐานะักฟุตบอลอาชีพผ่านการอบรม และการศึกษา เพื่อให้ปรับตัวได้อย่างไม่ยากเย็น
จากการสำรวจของ อีซีเอ ระบุว่า ผุ้เล่นทีมชาติโปรตุเกสชชุดใหญ่ จะมีเด็กปั้นจาก อะคาเดมี สปอร์ต้ิง มากถึง 7 คนในแต่ละปี โดยนักเตะที่เคยผ่านการปลุกปั้นมาล้วนแต่เป้นนักเตะที่มีชื่อเสียงของ โปรตุเกสทั้งนั้น อาทิ หลุย ฟิโก้, เจาท์ มูตินโญ่ และคริสเตียนโน่ โรนัลโ้ อีกด้วย...http://sport.trueid.net/detail/77830
สำหรับประเทศไทยระบบอคาเดมี อาจกล่าวเป็นยุคๆ โดยคร่าวๆ ไดังนี้
จุดเร่ิมต้นของการสร้างทีมเยาชน เพื่อรองรับทีมชดใหญ่ เกิดขึ้นจาก 2 ขั้วมหาอำนจฟุตบอลเก่าแก่ของไทย คือ ธ.กรุงเทพ และทหารอาการ ที่ขับเคี่ยวแย่งขิงแชมป์ ถ้วย ก. มาต้งแต่ช่วงต้นปี 1950 และเป็นสองสโมสนรที่เด็กๆ จากทั่วประเทศ อยากร่วมทีมมากที่สุด ทหารอากาศ ใช้จุดแข็งของความเป็นราชการดงดูดนักฟุตบอล ส่วนธ. กรุงเทพ มีจุดเด่นในการบริหารจัดการทีมอย่างเอกชน"
รูปแบบอคาเดมีฟุตบอล ในยุคนั้น ยังไม่ชัดเจนมากนัก จุดม่งหมายกลักๆ คือการทำทีสำรอง เพื่อให้นักฟุตบอลเยาชนที่กำลังจะขึ้นชุดใหญ่ ได้มีสโมสรลงเล่น หรือลงแข่งขันฟุตบอลเยาชนระดับประเทสในรุ่นอายุ 17-19 ที่มีเปิดแข่งเพียงเท่านั้น
อคาเดมียุคแรกๆ ของไทย มีปัจจัยดึงดูดนักเตะแตกต่างกันไป เช่น ทหรอาการจะได้บรรจุเข้ารับราชการยศจ่า หากติดการคัดเลือก ธ กรุงเทพจะมีเงินเดือนเบี่ยเลี้ยง การท่าเรื่อ ซึ่งถือเป็นมหาอำนาจฟุตบอลไทย อันดับที่ 3 ในสมัยนั้น ก็จะมีตำแหน่งบรรจุให้โดยไม่ต้องทำงานพร้อมผลตอบแทน ราชวิธี "ทีมหลวง" ผุ้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าพักประจำในวัง และได้รับการฝึกสอนจาก ปรมจารยที่มดีกรีจากเยอมัน เป็นต้น
จุดเด่นของอคาเดมีไทยในยุคนี้คือ เด็กสามารถหิ้วรองเท้าสตั๊คท์เข้าทีมที่ต้นเองรักได้อย่างหลากหลา
ยุคที่ 2
ในเมื่อไทยยังเหมือนกับ สวิตซ์ฯ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ ท่เน้นการเรียนควบคู่กัฬา ต่างจาก สเปน องกฤษ ที่ชัดเจนว่า คุณตะเลือกเรียนหรือเลือกเป็นนักีฬา
ราชประชา เป็นอีกสโมสรหนึ่งี่เกิดขึ้นในห้วเวลาเดียวกับ ราชวิถี ทั้งสองทีมมีโมเลที่คล้ายคลึงัน คือการสร้างเยาชนขึ้นมาเพื่อผลักดันสู่ทัมชุดใหญ่ ซึ่งราชประชามองการไกล และนำมาซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ อเคนามี ฟุตบอลไทย สู่ยุคที่ 2 ราชประชาได้มองเห็นว่า "การศึกษา" เป็นเื่องสำคญและมีดาวรุ่งมากมายเกิดขึ้นในเวทีลูกหนังเร่ิมต้เป็นทีมแรก ที่ได้ผูกเยาชนไว้กับโรเรียนสามเนวิทยาลัย ที่กำลังก้าวขึ้นท่าทายบรรดาทีมโรเรียนดังๆ สายอาชีวะ อาทิ อำนวยศิลป์ ไพศาลศิปล์ กิติตพาณิชยการ พณิชยการพรนคร รวมถึงปทุมคงคา แม้่าสม้ยนั้น ทีมต่างๆ จะมีการหยิบยืมนักฟุตบอลจากสถาบันเหล่านี้ แต่เป็นครั้ง เป็นคราว ไม่มีใครำปผูกและฝากเลี้ยงอย่างจริงจัง
ราชประชา นำนักฟุตบอลดาวรุ่งในสังกัดเข้าไปเรียน่อที่ สามเสนวิทยาลัย ช่วงเวลาไม่นาจากั้นโรเรียนแห่งนี้ ผงาดขึ้นมาเป็น "เต้ยขาสัน" และดึงดุดเด็ก ๆ ฝีเท้าดีเข้ามาศึกษาต่อ อีกทังราชประชายังได้ประโยชน์ตรงที่ สามารถหยิบจับนักเตะจากสถาบันแก่งนี้าใช้งานอีกด้วย โมเดลนี้ส่ผลให้ราชประชา ยืนระยะความย่ิงใหญ่ต่อมาอีกหลายสิบปี พร้อมความสำเร็จมากมาย..
นับตั้งแต่นั้นป็นต้นมา การฝากนักเตะกับสถานศึกษา กลายเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมจากสโมสร ฟุตบอลในเมืองไทย ในเวลาต่อมา ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80 -90 ซึงเป็นช่วงเบาที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากฟุตบอลทัวร์นาเมต์แบบ ถ้วย ก. มาสู่ระบบลีกอย่าง ไทยลีก ที่กำเนิดขึ้นปีแรกในปี 1996 โดยเฉพาะ 4 โรงเรียนในเครือจตุรมิตรสามัคคีฯ มีการจับมือเป็นพันธมิตรอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับโรงเรียนดังๆ ช่วงเวลานั้น สโมสรเมืองไทย กำลังเตรียมพร้อมสู่การเป็นทีมอาชีพ ใระบบลีก จึงไม่ได้เน้นการสร้างเยาชนด้วยตนเอง ส่วนมากะเนนใช้โรเรียนเป็นด่านคัดกรองแรก ที่นักฟุตบอลจะได้ท้งโอากสทางการศึกษา รวมถึงการได้ลงเล่นให้ทีมเยาขนของสโมสรต่างๆ ตามทวร์นาเมต์ระดับประเทศ
อีกนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของ อคาเดมีแบบไทยๆ คือการกำเนิดของ โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี สถาบันแห่งแรกของประเทศที่สอนเรื่องของกฬาอย่างเต็มรูปแบบ โดยเด็กที่จะเข้ามาเรียนที่นี้ได้ ต้องผ่านการคััดตัวที่เข้มข้น จนได้ผลผลิตชั้นดี ทำให้กระแสของโรงเรียนกีฬา ได้รับความนิยมขึ้นมาในบ้านเรา จนมีกรเปิดตัวโรงเรียนกีฬาขึ้นมาอีกหลายแห่ง เช่นเดียวกับโรงเรยนกรุงเทพมหานคร ที่ได้ วิทยา เลาหกุล มาวางแบบฝึกในช่วงที่ตนเองติดโทษแบน ก็มการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
เหตุผลหลักๆ ที่โมเลนี้ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน คงเป็นเหตุผลด้าน "การศึกษา" ส่วนปํยหาคือ ระบบราชการหากเป็นโรงเรียนของราชการที่หากจะทำเรื่องอะไรแต่ระที่ต้องรอขั้นตอนราชการ อาทิการปรับเปลี่ยน ปรับปลุกสนามซ้อมจะทำให้ทันที่ไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่หลวง หรหือากรเปลี่ยน ผอ. ก็มีผล บางท่านเน้นการเรียนมากกว่ากีฬา หรือบงท่านเน้นกีฬาอื่นมากว่า ฟุตบอลย่อมส่งผลใก้เกิดความไม่ต่อเนื่อง...https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C1
5 สโมสรฟุตบอล ที่มีระบบ อะคาเดมี ที่ยอดเยี่ยมและเป็นแมแบบที่ดีในการสร้างผุ้เล่นดาวรุ่ง
- สโมสรเซาแธมป์ตัน เดอะ เซนต์ส นักบุญจากแดนไใต้เร่ิมก่อตั้งสโมสรฟุตบอลภยใใต้ชื่อสมคมโลสถ์ เซนต์ แมรี่ ในปี 1885 และเข้าร่วมลีกดิวิชันสามในปี 1919 ซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นของศูนฝึกเยาชนเช่นกัน ในยุคแรกมี เซาแธมป์ตน แคมบริดจ์ เป็นสถานฝึกสอนแยกต่างหาก ก่อนจะรวมกันใเวลาต่อมา อะคาเดมี ของเซาแธมป์ตัน เป็นที่รุ้จักกันมากในยุคปลายทศวรรษที่ ค0
เซาแธมป์ตัน ป็นทีมที่มีนักเตะลูกหม้อเป็นกำลังหลักมานน ผลผลิตจากเยาวชนถูกวางรากฐนไว้อย่างต่อเนื่องโดยทีมงานทุกชุด ผุ้เล่นเาชนของเซาแธมป์ตัน จะได้รับการดูแลเป็นอยางดี เปรียบเสมือนกับนักเตะชุดใหญ่ และกากล้าให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งได้ลงสัผสเกมใหญ่ๆ เพื่อสะสมประสบการณ์พร้อมที่ขึ้นชุดใหญ่ได้ทุกเมื่อ อะคาเดมี เซาแธมปตัน ให้ความสำคัญกับทั้งฟุตบอลในระดับท้องถ่น และทั้งในระดับประเทศ ซึ่งมีศูนยฝึกเยาชนกระจายทั่วเกาะอังกฤษ เซาแธมป์ตัน ขึ้นชื่อในเรื่องของการปั้นนักเตะอยุ่เสมอๆ อาทิ อลัน เชียรเรอร์, แกเร็ธ เบล, ลุค ชอว์, ธีโอ วัลค๊อตต์ และอดัมลัลาน่า
- สโมสรอาแจ็กซื อัมสเตอร์ดัม เดอ ทูคอมสท์ หรือที่แปลว่า อนาคมใน ภาษาอังกฤษ คือ ศูรย์ฝึกเยาชนของ อาเเจ็กซ์ อัมสเตะดัม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาบันลูกหนังที่ดีที่สุดในโลกแห่งหน่ง จากผลงานการสร้างนักฟุตบอลฝีเท้ายอดเยี่ยมออกมาประดับวงการลูกหนังมากมาย ระบบเยาชนของ อาเจ๊กซ์ ถือกำเนิดมาพร้อมกับการก่อตั้งสโมสรในปี 1900 แต่โด่งดังในช่วงทศวรรษ 70 ที่มี ไรนุส มิเชลล์ ตำนนกุซือชาวดัตช์ เจ้าของแผนการเล่น โททอล ฟุตบอล เป็นผุ้วางรากฐานระบบเยาชนให้ทีม หลังจากที่ได้วาระบบเยาชนที่ดี กเกิดลูกหม้อของ อะคาเดมี อาแจ็กซ์ ขึ้นมาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ และมาร์โก ฟาน บาสเท่น จึงทำให้หลายๆ สดมสรนำเอาระบบเยาชนมาปรับใช้ ถือได้ว่า อะคาเดมีของอาแจ็กซ์ อัมสเตตอร์ดัม เป็นต้นแบบในการวงระบบให้กับสโมสรอื่นๆ อีกด้วย โดยการปั้นเยาชนขึ้นมาด้วยการสอนปรัชญาฟุตบอลที่เหมือนกัน และดันขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และยังสามารถทำกำไรจากการขายผุู้เล่นเยาชนได้อีกด้วย
อาแจ็กซ์ เปรียบเสมือนโรงงานผลิตเยาชนขึ้นสู่ลอดลูกหนังโลก นักเตะอายุน้อยทีทำผลงานได้ดีจะถูกเลื่อนขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และเป็นที่จับตาของสโสรยักษ์ใหญ่ทั้งหลายโดยตักเตะที่เคยถูกปลุกปั้นมาจาก อะคาเดมี่ ของอาเจ๊กซ์ อาทิ คริสเตียน อิริเซ่น, โธมัส แผร์มาเลน, ดาลีย์ ละ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์
- สโมสรอันเดตอร์เลชท์ หลังจากท่เบเี่ยม เข้าสู่ยุคมือ สมาคมฟุตบอลเบลเยียม จึบงวางแผนพัฒนาวงการฟุตบอลขึ้นมาใหม่ โยยเร่ิมจากสโมสรยักษืใหญ่ของประเทศมอในเรื่อง ระบบอะคาเดมี เร่ิมพัฒาจากเยชนขึ้นมาก่อน อันเดอร์เลชท์ จงพัฒนาศูนย์ฝึกเยาชนจากที่ก่อตั้งมาให้ปี 1922 ให้ดียิ่งขึ้น เป้าหมายก็คือการนำ เบลเยียม กลับมาสู่ยุคทองอีกครั้ง ศูนย์ฝึกแห่งนี้ก็ได้ประสบวามสำเร็จเป็นอย่างสุง ได้รับอิทธิพลจากากรื้อระบบใหม่โดย่ายเทคนิคของสมาคมฟุตบอล สนับสนุนให้แข็งแยาชนกระายกันไปเล่นยังลีกที่แข็งแกร่งกว่า 3 ส่วนหลักทั้ง สโมสร ทีมชาติ และโค้ชระดับเยาชน ท้้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้นโยบายเดียวกัน นักเตะตั้งแต่ รุ่น 9 ขวบ ขึ้นไปจนถึง ชุดใหญ่ จะต้องเล่นด้วยระบบ 4-3-3 ที่เน้น
ความเร็ว ความยืดหยุ่นสูง ทั้งสามส่วนที่กล่าวมา จะทำงานร่วมกนเพื่อสร้างผุ้เล่นที่มีคุณภาพ และบังคับให้มีจำนวนเกมของผุ้เล่นระดับเยาชนให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อเติมประสบการณ์ให้กระดุก เพื่อการพัฒาขึ้นทีมชุดใหญ่โดยเร็ว
จากกาที่นักมาพัฒนาระบบ อะคาเดมี่ อย่างจริงจัง ทำให้ เบลเยี่ยม ก้าวขึ้นเปฺนเบอร์ 1 ของโลก ในการจัดอันดับ ฟีฟ่า แรงกิ้งส์ ในปี 2015 และยังผลิตซุบตาร์ ขึ้นมาหลายคน อาทิเช่น แวงซองต์ คอมปานี โรเมลู ลูกากู, ยูรี่ เทียเลอมองส์ และ อัดนาน ยานาไซส์
- สโมสรบาร์เซโลน่า ลา มเเซีย เต กาน ปลาเนส หรือที่รุ้จักกันดในชื่อ "ลา มาเซีย" คือศุนย์ฝึกแข้งวัยเยาว์ของบาร์เซโลน่า จุดกำเนิดของศูนย์ฝึกแห่งนี้ เกิดขึ้นในปี 1979 เมื่อ โจเซฟ นูนเณซ ประธานสโมสรขณะั้น เลือกทำตาคำแนะนำของ โยอัน ครัฟฟ์ ที่เสนอให้ทีมรื้อระบบเยาชนทังหมด และสร้าง อะคาเดมี ของสโมสร ขึ้นมาใหม่โดยยึดตามแบบฉบับของ สโมสรอาเจ๊กซื อัมสเตอ์ด
ระบบการเล่นที่สวยงาม ความสมดุลท้งเกมรุก และรับ เกิดจากการหล่อหลอมของปรัญชาการเล่น ผ่าน แบบแผนการฝึกซ้อมที่สืบทอดกนมาอย่างยาวนาน ลา เมาเซย เป็นเหมือนรากฐาน ที่ช่วยให้ทีมเกิดความสำเร็จ โดย ลา มาเซีย จะสอนให้ชุดเยาชน รวมไปถึงผุ้เล่นชุดใหญ่ และทุกๆ ขุด เ่นในระบบเดียวกัน เพื่อให้เข้าใจถึงปรัชญาของทีม จะทำให้นักเตะเยาวชนสามารถเล่นทดอทน ผุ้เล่นขุดใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น ภายใต้ระบบเดียวกันในทีมทุกชุด โดยนักเตะที่เคยผ่านการขัดเกลาจนโด่งดังในยุคปัจจุบันและอดี อาทิ เป็ปกวาร์ดิโอล่า, ซาบี เฮอร์นาเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดตรส อิเนียสต้า, ลิโอเนล เมสซี่ และ เซร์คิโอ โรแบร์โต้.
- สโมสรสปอร์ต้ิง ลิสบอนn อคาเดเมีย สปอร์ต้ิง เป็นองค์กรกีฬาแห่งแรกในโปรตุเกส ที่ได้การรรับรองคุณภาพ เมื่อปี 2010 ซึ่งช่วยการันตีความยอดเี่ยมของศุรย์ฝึกแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี กระบนการพัฒาเยาชน มีแนวทางคล้ายกับ อาแจ็กซ์ตรงที่กล้าลงทุนเงินก้อนโต กับศุนย์ฝึกเยาชน กรทำงานอย่างกนักของแมววมอ งและโปรแกรมฝึกซ้อมที่ยอดเยียม ทำให้ สปอร์ติ้ง สามารถดึงนักเตะที่มีฝีเื้าดขึ้นทีมชุดใหญ๋ได้ ที่นี้ไม่เพีนวแค่สอนในเรื่องของฟุตบอล แต่ยังสอนด้านการใช้ชีวิตในฐานะักฟุตบอลอาชีพผ่านการอบรม และการศึกษา เพื่อให้ปรับตัวได้อย่างไม่ยากเย็น
จากการสำรวจของ อีซีเอ ระบุว่า ผุ้เล่นทีมชาติโปรตุเกสชชุดใหญ่ จะมีเด็กปั้นจาก อะคาเดมี สปอร์ต้ิง มากถึง 7 คนในแต่ละปี โดยนักเตะที่เคยผ่านการปลุกปั้นมาล้วนแต่เป้นนักเตะที่มีชื่อเสียงของ โปรตุเกสทั้งนั้น อาทิ หลุย ฟิโก้, เจาท์ มูตินโญ่ และคริสเตียนโน่ โรนัลโ้ อีกด้วย...http://sport.trueid.net/detail/77830
สำหรับประเทศไทยระบบอคาเดมี อาจกล่าวเป็นยุคๆ โดยคร่าวๆ ไดังนี้
จุดเร่ิมต้นของการสร้างทีมเยาชน เพื่อรองรับทีมชดใหญ่ เกิดขึ้นจาก 2 ขั้วมหาอำนจฟุตบอลเก่าแก่ของไทย คือ ธ.กรุงเทพ และทหารอาการ ที่ขับเคี่ยวแย่งขิงแชมป์ ถ้วย ก. มาต้งแต่ช่วงต้นปี 1950 และเป็นสองสโมสนรที่เด็กๆ จากทั่วประเทศ อยากร่วมทีมมากที่สุด ทหารอากาศ ใช้จุดแข็งของความเป็นราชการดงดูดนักฟุตบอล ส่วนธ. กรุงเทพ มีจุดเด่นในการบริหารจัดการทีมอย่างเอกชน"
รูปแบบอคาเดมีฟุตบอล ในยุคนั้น ยังไม่ชัดเจนมากนัก จุดม่งหมายกลักๆ คือการทำทีสำรอง เพื่อให้นักฟุตบอลเยาชนที่กำลังจะขึ้นชุดใหญ่ ได้มีสโมสรลงเล่น หรือลงแข่งขันฟุตบอลเยาชนระดับประเทสในรุ่นอายุ 17-19 ที่มีเปิดแข่งเพียงเท่านั้น
อคาเดมียุคแรกๆ ของไทย มีปัจจัยดึงดูดนักเตะแตกต่างกันไป เช่น ทหรอาการจะได้บรรจุเข้ารับราชการยศจ่า หากติดการคัดเลือก ธ กรุงเทพจะมีเงินเดือนเบี่ยเลี้ยง การท่าเรื่อ ซึ่งถือเป็นมหาอำนาจฟุตบอลไทย อันดับที่ 3 ในสมัยนั้น ก็จะมีตำแหน่งบรรจุให้โดยไม่ต้องทำงานพร้อมผลตอบแทน ราชวิธี "ทีมหลวง" ผุ้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าพักประจำในวัง และได้รับการฝึกสอนจาก ปรมจารยที่มดีกรีจากเยอมัน เป็นต้น
จุดเด่นของอคาเดมีไทยในยุคนี้คือ เด็กสามารถหิ้วรองเท้าสตั๊คท์เข้าทีมที่ต้นเองรักได้อย่างหลากหลา
ยุคที่ 2
ในเมื่อไทยยังเหมือนกับ สวิตซ์ฯ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ ท่เน้นการเรียนควบคู่กัฬา ต่างจาก สเปน องกฤษ ที่ชัดเจนว่า คุณตะเลือกเรียนหรือเลือกเป็นนักีฬา
ราชประชา เป็นอีกสโมสรหนึ่งี่เกิดขึ้นในห้วเวลาเดียวกับ ราชวิถี ทั้งสองทีมมีโมเลที่คล้ายคลึงัน คือการสร้างเยาชนขึ้นมาเพื่อผลักดันสู่ทัมชุดใหญ่ ซึ่งราชประชามองการไกล และนำมาซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ อเคนามี ฟุตบอลไทย สู่ยุคที่ 2 ราชประชาได้มองเห็นว่า "การศึกษา" เป็นเื่องสำคญและมีดาวรุ่งมากมายเกิดขึ้นในเวทีลูกหนังเร่ิมต้เป็นทีมแรก ที่ได้ผูกเยาชนไว้กับโรเรียนสามเนวิทยาลัย ที่กำลังก้าวขึ้นท่าทายบรรดาทีมโรเรียนดังๆ สายอาชีวะ อาทิ อำนวยศิลป์ ไพศาลศิปล์ กิติตพาณิชยการ พณิชยการพรนคร รวมถึงปทุมคงคา แม้่าสม้ยนั้น ทีมต่างๆ จะมีการหยิบยืมนักฟุตบอลจากสถาบันเหล่านี้ แต่เป็นครั้ง เป็นคราว ไม่มีใครำปผูกและฝากเลี้ยงอย่างจริงจัง
ราชประชา นำนักฟุตบอลดาวรุ่งในสังกัดเข้าไปเรียน่อที่ สามเสนวิทยาลัย ช่วงเวลาไม่นาจากั้นโรเรียนแห่งนี้ ผงาดขึ้นมาเป็น "เต้ยขาสัน" และดึงดุดเด็ก ๆ ฝีเท้าดีเข้ามาศึกษาต่อ อีกทังราชประชายังได้ประโยชน์ตรงที่ สามารถหยิบจับนักเตะจากสถาบันแก่งนี้าใช้งานอีกด้วย โมเดลนี้ส่ผลให้ราชประชา ยืนระยะความย่ิงใหญ่ต่อมาอีกหลายสิบปี พร้อมความสำเร็จมากมาย..
นับตั้งแต่นั้นป็นต้นมา การฝากนักเตะกับสถานศึกษา กลายเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมจากสโมสร ฟุตบอลในเมืองไทย ในเวลาต่อมา ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80 -90 ซึงเป็นช่วงเบาที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากฟุตบอลทัวร์นาเมต์แบบ ถ้วย ก. มาสู่ระบบลีกอย่าง ไทยลีก ที่กำเนิดขึ้นปีแรกในปี 1996 โดยเฉพาะ 4 โรงเรียนในเครือจตุรมิตรสามัคคีฯ มีการจับมือเป็นพันธมิตรอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับโรงเรียนดังๆ ช่วงเวลานั้น สโมสรเมืองไทย กำลังเตรียมพร้อมสู่การเป็นทีมอาชีพ ใระบบลีก จึงไม่ได้เน้นการสร้างเยาชนด้วยตนเอง ส่วนมากะเนนใช้โรเรียนเป็นด่านคัดกรองแรก ที่นักฟุตบอลจะได้ท้งโอากสทางการศึกษา รวมถึงการได้ลงเล่นให้ทีมเยาขนของสโมสรต่างๆ ตามทวร์นาเมต์ระดับประเทศ
อีกนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของ อคาเดมีแบบไทยๆ คือการกำเนิดของ โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี สถาบันแห่งแรกของประเทศที่สอนเรื่องของกฬาอย่างเต็มรูปแบบ โดยเด็กที่จะเข้ามาเรียนที่นี้ได้ ต้องผ่านการคััดตัวที่เข้มข้น จนได้ผลผลิตชั้นดี ทำให้กระแสของโรงเรียนกีฬา ได้รับความนิยมขึ้นมาในบ้านเรา จนมีกรเปิดตัวโรงเรียนกีฬาขึ้นมาอีกหลายแห่ง เช่นเดียวกับโรงเรยนกรุงเทพมหานคร ที่ได้ วิทยา เลาหกุล มาวางแบบฝึกในช่วงที่ตนเองติดโทษแบน ก็มการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
เหตุผลหลักๆ ที่โมเลนี้ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน คงเป็นเหตุผลด้าน "การศึกษา" ส่วนปํยหาคือ ระบบราชการหากเป็นโรงเรียนของราชการที่หากจะทำเรื่องอะไรแต่ระที่ต้องรอขั้นตอนราชการ อาทิการปรับเปลี่ยน ปรับปลุกสนามซ้อมจะทำให้ทันที่ไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่หลวง หรหือากรเปลี่ยน ผอ. ก็มีผล บางท่านเน้นการเรียนมากกว่ากีฬา หรือบงท่านเน้นกีฬาอื่นมากว่า ฟุตบอลย่อมส่งผลใก้เกิดความไม่ต่อเนื่อง...https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C1
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...