วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2561

Mythology (Athena)

           เทพีแห่งสติปัญญาและสงคราม ในคณะเทพแห่งโอลิมเปียนั้นมีเทพีพรหมจารีอยุ่ 3 องค์ คือ เทพีเฮสเทีย  เทพีอาธีน่า และเทพีอาร์ทีมีส องค์แรกเป็นพี่สาวของซุส ส่วนองค์หลังเป็นธิดาย้อนกลับไป
สมัยที่ซุสโค่นบัลลังก์โครนอส เทพบิดา และไอ้ขอให้มีทิสเทพีแห่งปัญญาผู้เป็ฯธิดาของเทพไททันโอเชียนัสกับทีธิสช่วยทำยาสำรอกบังคับให้โครนอสกลืนกินเพื่อคลายบรรดาพี่ ของซุสออกมาจากท้องได้สำเร็จ จากนั้นซุสก็ได้มีทิสเป็นชายาองค์แรก
           แต่เมื่อมีทิสตั้งครรภ์ จอมมารดาไกอาก็พยากรณ์ว่าโอรสของซุสที่เกิดจากมีทิสจะเป็ฯผุ้โค่นลัลังก์ของซุสดุจเดียวกับที่ซุสเคยโค่นบัลลัก์ของโครนอส ซุสกลัวคำพยากรณ์นั้นจึงได้กลืนมิทิสผุ้เป็นชายาลงท้อง และเนื่องจากมีทิสเป็นเทพครองปัญญา เมื่อไปอยู่ในท้องซุสแล้วก็ได้คอยให้คำแนะนำต่างๆ แก่ซุสจากในท้องนั้นเองกาลเวลาผ่านมา วันหนึ่งหนึ่งซุสก็ผวดเศียรอย่างรุนแรง พระองค์จึงเรียกประชุมเทพสภาพเพื่อหาทางรักษาอาการปวดนั้น แต่ไม่มีเทพหรือเทพีองค์ใดรักษาอาการนี้ให้ได้ ซุสจึงตัดสินใจให้เทพองค์หนึ่งข่วยผ่าพระเศียรให้ยังไม่ทันที่รอยแผลยนพระเศียรของจอมเทพที่เกิดจากขวานจามจะแยกออกจากกันดี ก็ปรากฎร่างเทพีองค์หนึ่งผุดออกมาจากรพะเศียรของจอมเทพ เทพีองค์นั้นแต่งกายสวมเกราะแวววาว มือถือหาอและโลห์ ลักษณะพร้อมออกศึก กล่าววาจาประกาศชัยชนะก้องกัมปนาทท่ามกลางความสั่นสะเทือนและเสียงอึกทึกของพสุธาและมหาสมุทร
         
 เทพีที่กำเนินขึ้นองค์นี้คือเทพีอาธีน่า เป็นเทพีแห่งการศึกษและขณะที่เทพีอาธีน่าปรากฎกายขึ้นนันความโฉดเขลาทั้งหลายที่ไม่ปรากฎรูปก็หลีกหนีไป จนหมดสิ้น เทพีอาธีน่าจึงเป้ฯเทพีครองปัญญา
ด้วยอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งปัญญาแห่งอาธีน่านั้นคงจะไ้รับถ่ายทอดมาจากมีทิสผุ้เป็นเทพมารดานั่นเอง
       

 ภายหลงการอุบัติของเทพีอาธีน่าไม่นาน หัวหน้าชนชาวฟินิเชีย ชื่อ ซีตรอบส์ ก็ได้พาบริวารอพยพเข้าไปในดินแดนประเทศกรซ และได้ตั้งบ้านเรือนขึ้นที่แคว้น อัตติกา นครใหม่แห่งนี้มีความสวยงามเป็นอันมาก จนเทพและเพทีท้งหลายต่างอยากจะให้ชื่อของตนได้เป็นนามของนครแห่งนี้เทพและเทพีต่างถกเถียงกันในเทพสภาว่าใครควรจะได้สิทธิ์ในการใชชื่อของตนเองเป็นช่อของนครแห่งนี้ หลังจากถกเถียงกันเนิ่นนา เทพและเทพีต่างก็ยอมสละสิทธิ์ เหลือเพียงอาธีน่าและโพไซดอนเพียง 2 องค์ที่ไ่มยอมกัน

         เพื่อป้องกันปัญหาลุกลามให่ดต มหาเทพซุสจึงให้โพไซดอนและเทพีอาธีน่าเนรมิตส่ิงที่เป้นประโยชน์ให้นครใหม่ หากเทพสภาเห็นว่าสิ่งเนรมิตของใครมีประดยชน์มากกว่าเทพผุ้เนรมิตก็จะเป็นผุ้ได้รับชัยชนะโพไซดอนเนรมิตน้ำทะเลให้พวยพุ่งเป็นน้ำพุเป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ขาวเมือง ่ส่วนเทพีอาธีน่าเนรมิตเพียงต้นมะกอกต้นเดียวเหล่าเทพและเทพีต่างโต้เถียงกันว่า ระหว่างน้ำพุกับต้นมะกอก อย่างไหนจะให้ประโยชน์แก่ชาวเมืองมากกว่ากันฝ่ายที่เข้าข้างโพไซดอนก็ว่าน้ำพุนั้นมีประโยชน์กว่าอีกทั้งน่าอัศจรรย์ในความส่วยงามและความแรงของสายร้ำ ไม่เหมือนต้นมะกอกทีไม่เห็นมีค่าอันใดส่วนฝ่ายที่เข้าข้างเทพีอาธีน่าก็แย้งว่าน้ำพุนั้นวยงามก็จริง แต่มีรสเค็ม ไม่อาจสร้างประโยชน์อันใดด้ ส่วนต้นมะกอกนั้นมีประโยชน์ทั้งผลที่กินได้ให้น้ำมัน และกิ่งก้านใช้ทำฟืนในฤดูหนาวผลการตัดสินของเหล่าเทพบุตและเทพธิดาปรากฎว่าเทพบุตรเลือกน้ำพุของโพไซดอน ส่วนเทพธิดาเลือกต้นมะกอกของเทพีอาธีน่า และนื่องจากเทพธิดามีจำนวนมากกว่าเทพบุตรอยุ่ 1องค์ ต้นมะกอกของเทพีอาธีน่าจึงชนะการแข่งขันเทพีอาะีน่าตั้งชื่อเมืองใหม่นัั้นว่า กรุงเอเธนส์ และต้นมะกอกก็กลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งกรุงเอเธอนส์นับแต่นั้นมา
         
เทพีอาธีน่านั้นมีฝีมือในเื่องการถักทอย่ิงนัก ยากที่มุนษย์ เทพ หรือเทพีองค์ใดจะเทียบได้ แต่ก็มีดรุณีน้อยนางหนึ่งที่บังอาจคิดทาบรัศมีดรุณีน้อยผุ้มีรูปโฉมสะคราญตา ผุ้นั้นชื่อว่า อารัคนี เธอมีฝีมือในการปั่นด้ายและทอผ้าอันนาพิศวง และด้วยความหลงทนงในฝีมือทอผ้าของตน นางถึงกับบังอาจเปรียบเทีียบว่าแม้เทพีอาธีน่าลงมาแข่งด้วยก็อาจพ่ายแพ้นาง อารัคนี้โอ้อวดฝีมือตนเองอยุ่เนืองๆ จนเทพีอาธีน่ารำคาบ ต้องลงมาจากสวรรค์เพื่อลงโทษนางมนุษย์ผุ้นี้เพื่อไมให้ใครอื่นบังอาจดุถูกวงศ์เทพอีก
           เทพีอาธีน่าจำแลงองค์เป็นหญิงชรา เดินเข้าไปในบ้านของอารัคนี และวนเธอคุย ชั่วประเดี๋ยวเดียวนางอารัคนีก็เร่ิมุยถึงฝีมือทอผ้าของตน และคุยข่มว่าฝีมือนางนั้นเหนือกว่าเทพีอาธีน่า เทพีอธีน่า ในร่างของหญิงชรากล่าวเตือนนางไม่ให้ล่วงเกินเทพเจ้า แต่อารัคนีไม่สนใจ ยังกล่่าวท้าทายให้เทพีอาธีน่าปรากฎกายมาเพื่อแข่งขันกัน
           เทพีอาธีน่าจึลกลับคืนร่างและรับคำท้าของนาง เทพีและนางมนุษย์ผุ้โอหัง ต่างจัดแงตั้งหูก และต่างฝ่ายต่างทอลายผ้าอันวิจิตรขึ้น เทพีอาธีนาทอเป็นลวดลายเนื้อเรื่องตอนที่แข่งกบเทพโพไซดอนเพื่อตั้งชื่อกรุงเอเธนส์ ส่วนอารัคนีทอลายเป็นเรื่องซุสลักาพนางยูโรปา
           ครั้นทอเสณ็จ ต่างฝ่ายต่างเาอลายผ้ามาเที่ยงเคยงกัน สาวเจ้าอารัคนีรุ้ทันทีว่าผ้าทอของนางแพ้หลุดลุ่ย ลายรูปโคโลดแล่นลุยไปในทะเลที่มีคลื่นซัดสาดเป็นฟองมีนางยูโรปาเกาะเขาอยู่ ไม่อาจเที่ยบได้กับลายรูปเหล่าเทพที่เหมือมีชีวิตของเทพีอาธีน่าได้
         
 อารัคนีทั้งเจ็บทั้งอาย จึงเอาเชือกมาผูกคอหมายจะฆ่าตัวตาย เทพีอาธีน่าจึงรีบเปลียนร่างของนางให้กลายเป็นแมงมุมและสาปแช่งนางให้ต้องปั่นและทอใยเรื่อยไปไม่มีเวลาหยุด เป็นการเตือนมนุษย์ผุ้ทรนงไม่ให้หลงยกตนขึ้นเที่ยมเหล่าเทพอีก
           เรื่องราวความรักของเทพีอาธีน่านั้นมีน้อย เนื่องจากรพะนางเป็นเทพีครองความยริสุทธิ์ จะมีก็เพียงครั้งหนึ่งที่เทพการช่างเฮเฟตัส มาสู่ของเทพีอาธีน่าต่อมมหาเทพ ซุส มหาเทพประทานอนุญาต แต่บอกให้เฮเฟตัสไปทาบทามถามความสัมครใจจาเทพีอาธีน่าเอง
          เฮเฟตัสไปพูดขอเทพีอาธีน่าแต่งงานแต่พระนางไม่ยินดีด้วย เทพเฮเฟตัสจึงตรงเข้าไล่ปลุกปล้ำนาง ระหว่างนั้นเฮเฟตัสได้ปล่อยของไม่บริสทุธิ์ให้ตกลงมายังพืนโลก บังเกิดเป็นทารกขึ้นมาคนหนึ่งซึ่งเทพีอาธีน่าก็สงเคราะห์รับทารกนั้นไว้ บรรจุหีบให้งูเฝ้า และส่งมอบให้ธิดาสาวท้าวซีครอบส์ดูแล โดยห้ามเด็ดขามิให้เปิดหีบดู แต่ธดาสาวท้ายซีครอปส์ไม่เชื่อฟัง พยายามจะเปิดหีบ ครั้งเห็นงู เข้าก็ตกใจวิ่งหนีจนตกเขาตาย ทารกนั้นมีชื่อว่า อีริคโธเนียส ซึ่งต่อมาก็ได้้ครองกรุงเอเธนส์ส่วนเทพีอาธีน่านั้นก้ไม่ได้รับการเกี่ยวพาจากเทพองค์ใดอีกเลย
            เทพีอาธีน่านั้นมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็ฯที่ปรึกษาให้กับมหาเทพซุส พระนางทรงอยู่เคยงข้าเืพ่อคอยให้คำแนะนำแก่ซุสเทพบิดาอยุ่เกือบตลอดเวลา เมื่อรั้งที่ซุสตกใจเตลิดหนีอสูรร้ายไทฟอนไปนั้น ก็ได้เทพีอาธีน่าพูดเตือนสติจนซุสกลับมาต่อสู้กับไทฟอนจนได้รับชัยชนะ ส่วนในดกมนุษย์นั้น เทพีอาธีน่าก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือวีรบุรุษหลายคน คือ ช่วยเฮอร์คิวลิสทำงาน 121 อย่างตามคำสั่งของเทพีเฮร่า ช่วยเพอร์ซีอุสสังหารนางอสูรเมดูซ่า ช่วยโอดีสซีอุสส ให้เดินทางกลับบ้านจากยุทธภูมิทรอยอย่างปลอดภัย ช่วยเตเลมาคัสบุตรชายของโอดีซีอุสให้ตามหาพ่อจนสำเร็จ และในสงครามทรอยนั้นเทพีอาธีน่าก็เป็นต้นเหตุหนึง่ของมหาสงคราม เื่องจากเป็นหนึ่งในสามทเพีที่แย่งชิงตำแหน่งเทพีที่งามที่สุดแห่งสรวงสวรรค์และเมื่อเกิดสงครามกรุงทรอย เทพีอธีน่าก็เข้าร่วมรบอยุ่กับฝ่ายกองทัพกรีก..https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561

Mythology (Hermes)

           เฮอร์มีส เป็นชื่อเทพเจ้าในปกรฌัม เรียกชื่อในตำนานเทพเจ้าโรมันว่า เมอร์คิวรี เป้นเทพผู้
คุ้มครองเหล่านักเดนทาง คนเลี้ยงแกะ โจรผุ้เร่รอน กวี นักกี(ฬา นักประดิษฐ์และพ่อค้า อาจเรียกได้ว่า เฮร์มีส เป็นเทพแห่งการสื่อสาร พระองค์เป็นบุตรของเทพซุส เกิดแต่นางเมยา มีของวิเศษคือหมวกและรองเท้ามีปีก เรียกว่า เพตตะซัส ซึ่งเป็นของขวัญที่ได้รับจากเทพบิดา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเทพสื่สาร
            บุตรของเทพเฮร์มีส ได้แก่ เทพแพน เทพเฮอร์มาโฟรไดท้ส และเทพออโตไลคัส เมอร์คิวรี่ รหือ เฮอร์มีส เป็นเทพที่มีผุู้้จักมาก เนื่องจากรูปของท่าน ปรากฎคุ้นตาคนมากว่าเทพองค์อื่นๆ คนมันำรูปเทพองค์นี้หรืออย่างน้อย ก็ของวิเศษอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น รองเท้ามีปีก มาแสดงเป็นเครื่องหมายถึงความเร็ซ นอกจากรองเท้า หมวก และไม้ถืออันศักดิ์สิทะิ์ก็มีปีกเช่กัน เมอร์คิวรี่ไปไหนมาไหนได้เร็วถึงขนาดว่ากันว่า "ไปเร็วเพียงความคิด"
         
หมวก และรองเท้ามีปีกของเอร์มีสนั้น เรียกว่ เพตตะซัส และทะเลเรีย เป็นของที่ได้รบประทานจาก ซุส ซึ่งโปรดให้ท่านเป็นเทพสื่อสารประจำพระองค์ส่วนไม้ถือศักดิ์สิทธิ์เรียกว่ กะดูเซียส เดิมเป็นของเทพอพลอโล ใช้ต้อนวัวควายในครอบครอง ครั้งหนึ่งเฮร์มีสขโมยวัวของ อพอลโลไปซ่อน อพอลโลรู้ระแคะระคาย ดังนั้นจึงมาทวงถามให้เฮอร์มีสคืนวัวที่ขโมยไป เอร์มีสในตอนนั้นยังเยาว์อยุ่แท้ๆ กลบบ้อนถามอย่างน้าตาเฉยว่า วัวอะไร ที่ไหนกัน  ไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยิน อพอลโลก็ไปฟ้อง เทพบิดา ซุส ไกล่เกลี่ยให้เฮอร์มีสคือนวัวให้เจ้าของ อพอลโลได้วัวคืนแล้ว ก็ไม่ถือโกรธเทพผุ้นอง แม้ว่าวัวจะขาดจำนวนไป 2 ตัว เพราะเฮอร์มีสเอาไปทำเครื่องสังเวยเสียแล้วก็ตาม อพอลโลเห็ฯเฮร์มีส มีพิณคันหนึ่ง เรียกว่า ไลร์ เป็นของเฮร์มีส ประดิษฐ์ขึ้นเอง ด้วยกระดองเต่า ก็อย่ากได้ จึงเอาไม่กะดูเซียสแลก ไม้ถือกะดูเซียส จึงเป้นของเฮอร์มีส ด้วยเหตุฉะนี้ และถือกันว่า เป็นสัญลักษณ์ ของเฮร์มีสตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา
              ไม้กระดูเซียนนี้ แต่เดิมเป็นไม้ถือมีปีกเพียงอย่างเดียว ต่อมาเฮร์มีสถือไปพบงู 2 ตัว กำลังต่อสู้กัน จึงเอาไม่ทิ่ม เข้าในระหว่างกลาง เพื่อ้กามความวิวาท งูก็เลื้อยขึ้นมาพันอยุ่ดับไม้โดยหันหัวเข้าหากัน ตั้งแต่นั้นมา งูนี้ก็พันอยู่กับไม่ถือกะดุเซียส ตลอดมา และไม่ถือกะดูเซียส ก็กลายเป็นสัญลักษรของความเป็นกลางด้ย ภายหลงได้ใช้เป็น สํยลักษณ์ของวงการแพทย์มาจนบัดนี้
               เฮร์มีส ไม่เพีงแต่จะเป็นเทพสือสารของซุสเท่านั้ หากยังเป็นเทพครองการเดินทาง การพาณิชยื และตลาดเป้นที่บูชาของพวกหัวขโมย และมีหน้าที่เป็นมคคุเทศก์คอยนำวิญญาณคนตาย ไปสู่ยมดลกด้วย จนไ้รับนามกร อีกชื่อหนึ่งว่า เฮอร์มีสไซดคปอมปัส สรุปว่าการสื่อสาร และการเป็นคนกลางในกิจการทุกอย่างกเป็ฯภาระของท่าน หรืออยุในความสอดส่องของเท่านทั้งสิ้น ส่วนกาที่เป็นที่นับถือบุชาของพวกขโมยก็คงเนื่องจากขโมยวัว ของอพอลโลนั่นเอง
               สิ่งที่น่าแปลกประการหนึ่งในตัวของเฮอร์มีส ก็คือ แม้ว่าจะเป็นโอรสของซุส กับนางเมยา ซึ่งเป็นอนุ แต่ทว่า ทรงเป้นโอรสองค์เดียวของซุสที่ราชินีขีหึง เทวีฮีร่า ไม่เกลียดชัว กลับเรียกหาให้เฮร์มีสอยู่ใกล้ๆ ด้วยเสียอีกทั้ง นี้ อาจเป็นเรพาะบุคลิก และนิสัยของเทพเอร์มีัส ทีชอบช่วยเหลือทุกคน ไม่วาจะเป็นทวยเทพด้วยกัน หรือมนุษย์ธรรมดา
             เอร์มีสก็เช่นเดียวกัย เทพบุตรองค์อื่นๆ ตรงที่ไม่ยกย่องเทวีหรือสตรีนางใดเป้นชายา แต่สมัครรักใคร่ไปเรือยๆ นับไม่ถ้วน ว่ากันว่าการที่ขอบเสด็จลงไปในแดนยมโลกบ่อยๆ นั้นเป็นเพราะหลงเสน่ห์ของเทวีเพอร์เซโฟนี ผุ้เป็นชาย ของฮาเดส จ้าวแดนยมโลก ยามขึ้นมาสู่ผืนดินเฮร์มีส ก็รักกับสตรีมนุาย์มาหน้า ที่เป็นที่กล่าวขานได้แก่ อคาคัลลิส ผุ้เป็นธิดาขงท้าวไม่นอส แห่งครต เมื่อขึ้นไปสู่สวรรค์โอลิมปัส ก็เกิดจิตพิศวาสกบเทวีในทำนองรักข้ามรุ่น โดยเฉพาะกบ เฮเคดี และ อโฟร์ไดท์..https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

Mythology (Apollō)

             อพอลโล  สริยเทพแลเพทแห่งการดนตรี อพอลโล เป็นโอรสของนางลีโต กับซุสเมื่อเทพีเฮร่า
ยินยอมอภิเษกกับซูสแล้ว ข่าวนางลีโต ตั้งครรภ์กับซูสก็มาเข้าหู เทพีเฮร่าจึงแสดงบทเทพีขี้หึงขับไล่ลีโตลงจากสวรรค์ และส่งงู ไพธอน ตามไล่ล่าลีโตหนีหัวซุกหัวซุนจนสุดแผ่นดิน สุดท้ายก้ตัดสินใจหนีลงทะเลเพื่อให้พ้นจากงูร้าย บังเอิญเทพสมุทรโพไซดอนเห็นเข้าก็สงสาร จงเนรมิตเกาะให้นางเป็นอที่อยุ่อาศัย ช่อ เกาะดีลอส ณ ที่นั้น ลีโตได้ให้กำเนิดโอรสและธิดาแฝด คือ อพอลโล เทพสุริยัน กับอาร์ทีมิส เทพธิดาจันทรา โดอพอลโลนั้นเกิดก่อนอาร์ทีมีส 9 วัน และหลงจากเทพอพอลโลประสูติได้ 4 วัน เขาก็สามารถฆ่างูร้ายไพธอนลงได้ ทำให้ลีโต้ ปลอดภัยจากความหึุงหวง ของพระนางเฮร่า ตั้งแต่บันนั้น และอพอลโกก็ได้ชื่อว่า ไพธูศ ซึ่งแปลว่า ผุ้ประหารไพธอน ด้วยอีชื่อหนึ่ง
           อพอลโลเป็นเทพที่มีรูปงามย่ิง เป็นนักดนตรีผุ้ขับกล่อมเทพทั้งปวงบนเขาโอิมปัสด้วยพิณ เป็นเทพขมังธนู ที่สามารถยิงธนูได้ทังแม่นและไกล และเป็นทเพแห่งสัจธรรม
           ชาวกรีกนับถือเทพอพอลโลมาก จึงมีวิหารที่บุชาเทพอพอลโลจำนวนมาก แต่ที่มีชื่อเสียงทีุ่ด คือ วิหารเดลฟี
            ครั้งหนึ่ง เฮอร์คิวลิส ได้ไปของคำพยากรณ์ที่วิหารเดลฟี แต่คำทำนายที่ได้รับไม่ถูกใจ เฮอร์คิวลิสจึงล้มโต๊ะพิธีและฉวยเอากระถางธุปได้วย เทพอพอลโลติดตามไปท้าเฮอร์คิวลิสเล่นมวยปล้ำเพื่อชิงกระถางธูปคืน แต่ปล้ำกันอยู่นานก็ไม่เอาจรู้แพ้ชนะกันได้ จนซูสต้องสด็จลงมาไกล่เกลี่ยให้เฮอร์คิวลิสคือกระถางธูปเรื่องจึงยุติ
         
  เทพอพลอโลแม้จะเป็นเทพแห่งสัจะรรม แต่บางครั้งก็มีนิสัยดุร้ยดังเช่นที่เห็นจากกรณีของนางไนโอบี เหตุเกิดเพราะนางลีโต มารดาของเทพอพอลโลกับเทพีอาร์ทีมิส ชอบคุยโ้อวดในความงามและความเก่งกาจของเทพบุตรเทพธิดาทั้งสองอยุ่เสมอ แต่ถูกนางไนโอบีมเหสีเจ้ากรุงะีบส์หัวเราะเยาะว่านางลีโตนั้นมีโอรสและธิดาเพียงแค่ 2 องค์ ไม่อาจสุ้นางได้ที่มีโอรสและธิดาที่ทั้งรูปงามแลฉลาดรวมถึง 14 องค์ นางไนโอลีกล่าววาจาสบประมาทนางลีโตเป็นอันมาก ซ้ำยังหามชาวเมืองทำการบูชาเทพอพลโลและเทวีอาร์ทีมิส รวมทั้งสั้งให้ทำลายรูปเคารพเทพและเทพีคุ่นี้จากแท่นที่บูชาด้วย
          นางลีโตโกรธแค้นมาที่ถุหยามถึงเพียงนี้ นางจึงเรียกาเทพอพอลโลและเทพีอาร์ทีมิสมาแล้สังให้ทังสองไปฆ่าโอรสและธิดาของนางไนโอบีให้สิ้งซาก อพอโละอาร์ทีมิสนั้นโกรธแค้นอยู่แล้วที่รุปเคารพของตนถูกทำลาย ทั้งสองจึงออกตามฆ่าโอรสและธิดาของนางไนโอบีจนหมดสิ้น เมื่อโอรสและธิดา้ินชีวิตลงหมด เจ้ากรุงะีบส์ก็เลยพลอยฆ่าตัวตายตามไปด้วย นางไนโอบีสุญสิ้นทั้งสามีและโอรสธิดา ความโศกเศร้ารันทดประดังขึ้นมาจนร่างนางแข็งชาไปทั้งร่างในที่สุดนางไนโอบีก็กลายเป็นหินร้องไห้อยุ่บนเขาไซปิลัสจนถึงทุกวันนี้
         อพอลโลนั้นเป็นเทพบุตรรูปงาน และเจ้าชู้ เร่องราวความรักของพรองค์มีทั้งสมหวังและผิดหวัง มีทั้งที่พระองค์ไปหลงรักเขาข้างเดียว และที่ฝ่าายหญิงมาหลงรักพระองค์อยู่ข้างเดียวก็มี
          ชายาองค์หนึ่งของอพอลโล คือ โครอนนิส ธิดาผุ้เลอโฉมของเจ้าเคว้นเธสสะลี แต่นางรอนนิสนั้นใจไม่ซื่อ เทพอพอลโลก็ควรู้ดีจึงได้ให้นกดุเหว่าขาวตัวหนึ่งเฝ้านางไว้ ด้วยความที่ใจไม่ซื้อ ระหว่างที่ตั้งครรภ์ นางโครอนนิสก็ยังอุตสาห์แอบไปลักลอยคบชู็กับชายอื่น ดุเหว่าขาวจึงนำข่าวไปบอกให้อพอลโลทรงทราบ ทเพอพอลโลยันดาลโทสะจึงบันดาบลให้ขนของดุเหว่าขาวกลาายเป็นสีดำสนิทตั้งแต่นั้น และพระองค์ก็ฆ่าโครอนนิสตาย
           ระหว่างที่เฝาศพโครอนนิส เทพเฮอร์มีสก็มาล้วงเอาทารกในครรภ์ของนางโครอนนิสออกมา และนำไปฝากให้ ไครอน ผุ้เป็นเซนทอร์ เลี้ยงดู โอรสองค์นี้ของเทพอพอลโล ชื่อว่า เอสคิวเลปีอัส เป็นเด็กฉลาด เป็นที่รักของอาจาย์เซนอร์เป็นอย่างยิ่ง อาจารย์จึงถ่ายทอดวิชาการต่างๆ โดยเฉพาะวิชการด้า
นการรักษาโรคให้จนหมดสิ้น เอสคิวเลปิอันมีความสามารถในการรักษรโรคได้เก่งกาจกว่าผุ้เป็นอาจารย์มากสามารถรักาาโรร้ายต่างๆ ให้หายขาดได้ชื่อเสียงของเอสคิวเลปิอัสจึงเลื่อลือไปไกล แต่ครั้งหนึ่งเอสคิวเลปิอัสได้รักษาคนตายให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ ซึ่งนับเป็ฯการทายทและบั่นทอนพลังอำนาขของเทพแห่งสรวงสวรรค์ ซุสจึงตัดสินใจประหารเอสคิวเลปิอัสด้วยอสนีบาตประจำปงค์
          เทพอพอลโลโกรธมากที่โอรสของตนต้องมาเสียชีวิตแต่ก็ไม่อาจบันดาลโทสะกับซูส ผุ้เป็นเทพบิดาได้ จึงหันไปไล่เบี้ยกับยักษ์ไซคลอปส์ผุ้สร้างอาวุธสายฟ้านี้ขึ้นมา
          อพอลโลน้าวธนูเงินหมายสังหารยักษณ์ไซคลอปส์ให้สมแค้น จึงถุกซูสลงโทษโดยการเนรเทศอพอลโลให้ลงมาอยุ่ทำงานรับใช้มนุษย์บนโลกเป็นเวลา 1 ปี
         เทพอพอลโลลงมาเป็นคนเลี้ยงแาะอยู่ริมฝั่งน้ำแอมฝริซัสให้กับท้ายแอดมีทัส แห่งกรุงเธอสสะลี ซึ่งท้าวแอดมีทัส ก็ได้มาฟังเทพอพอลโลดีพิณที่แสนไพเราะเพราดพร้ิงอยู่บ่อยๆ ในที่สุดจึงรุ้ว่าชายเลี้ยงแกะคนนี้แท้จริงคือ เทพอพอลโล
         ท้าวแอดมีทัสนั้นหลงรักานางแอลเซสทิส ธิดาท้ายพีเลียสแห่งเมืองไอโอลคัน แต่ท้าวพี่เลี่ยสตั้งตั้งเงื่อนไขว่าท้าวแอดมีทัสต้องทรงรถศึกเทียมด้วยสิงห์กับหมูป่าไปรับนางแอลเซสทิสได้เท่านั้น พระองค์จคึงจะยกธิดาให้ ซึ่งงานนี้เทพอพอลโล ได้ให้ความช่วยเหลือ ท้าวแอดมีทันสจึงได้นางแอลเซสทิสมาเป็นมเหสีสมใจ
          อยู่มาไม่นาน ท้าวแอดมีทัสเกิดล้มป่วยลงและทำท่าว่าใกล้จะสิ้นชีวิต เพทอพอลโลจึงขอร้องไม่ให้เทวีครองชะตากรรมตัดด้ายสายชีวิตของท้าวแอดมีทัส ซึ่งเทวีครองชะตากรรมก็ยินยอม โยมีข้อแม้วาต้องมีใครยอมสละชีวิตแทนท้าวแอดมิสทัส ในยามดีทุกคนก็บอกว่ายินดีสละชีวิตให้ได้ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ กลับไม่มีใครยอมสละชีวิตให้ท้าวแอดมีทัสสักคน ยกเว้นนางแอเชศทิสผุ้เป็นมเหสี
          ท้าวแอดมีทัสจึงหายประชวร ส่วนนางแอลเซสทิส กลับล้มป่วยร่อแร่ใกล้ตายโชคดีที่เฮร์คิวลิสผุ้เป็นสหายของท้ายแอดมัีทัสเินทางผ่านมาและรับรู้เรื่องราวที่เข้า เฮอาร์คิวลิสจึงเฝ้าคอยขชัดขวางไม่ให้แธทานอสมัจจุราชมารับวิญญาณของนางแอลเซสทิสไปได้ ซึ่งก็ทำได้สำเร็จ นางแอลเซสทิสจึงหายป่วย
         
 เมื่อท้าวแอมีทัส ได้รับความสุขดีแล้ว เทพอพอลโลก็ได้เกินทางไปกรงทรอย และไปช่วยเทพโพไซดอนสร้างกำแพงกรุงทรอย โดยการดีดพิณ ใช้เสียงเพลงช่วยเคลื่อนย้รายก้อนหินมาเรียงกันเป็นกำแพงเมือง งานนี้จึงสำเร็จไปได้อย่างรวดเร็ว
          ครบกำหนด 1 ปี เทพอพอลโลก็กลับไปอยู่บนโอลิมปัสตามเดิม ชายาอีกองค์หนึ่งของเทพอพอลโลเป็นนางอัปสร ชื่อว่า ไคลมินี ทั้งสองมีโอรสด้วยกันหนึ่งองค์ ชื่อว่า เฟอิทอน เฟอิทอนนั้นอยู่กับมารดาโดยไม่เคยเห็นหน้าบิดาเลย รู้เพียงว่าบิดาของตนคือเทพอพอลโล เขาจึงถุกเพื่อหัวเราะเยาะอยู่เสมอ หาว่าแอบอ้างตนเป็นลูกของสุริยเทพ
           วันหนึ่ง  เผอิทอนรบเร้าให้มารดาพาไปหาบิดาเพื่อพิสูจน์ว่าตนเป็นโอรสเทพอพลอลโลจริง นางไคลมินีจึงบอกทางให้เผอิทอนเดินทางไปทิสตะวันออกจนกว่าจะถึงวังที่ประับของอพอลโล ณที่นั้นจะได้พบกบบิดาสมประสงค์
          เฟอิทอน ดั้นด้นเดินทางจนมาถึงวังของเทพอพอลโล ซึ่งเทพอพอลโลก็จำได้ว่าเป็นโอรสของตน หลังจากรับรุ้ความคับแค้นของ เฟอิทอนแล้ว เทพอพอลโลก็สาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่า จะช่วย
          เฟอิทอนจึงขอเปนผุ้ชับราชรถลากพระอาทิย์แทนบิดาในวันรุงข้น เพื่อให้มนุษย์และเทพทั้งหลายได้ประจักษ์ว่าเขาเป็นโอรสแห่งสรุยเทพอย่างแท้จริง
           อพอลโลบ่ายเบี่ยงขอให้เฟอิทอนของอย่างอื่น เรพาะการชับราชรถลากพระอาทิย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เรพาะม้าเที่ยมรถทั้ง 4 นั้นพยศมาก เกรงว่าจะโกลหลไปทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ แต่เฟอิทอนยืนกรานของเป็นผุ้ขัยราชรถตามความตั้งใจเดิม ด้วยเกรงกลัวต่อแม่น้ำสติกซ์ที่ได้ลั่นวาจาสาบานไปแล้ว เทพอพอลโลจำต้องยินยอมดัวยความไม่สบายใจ เทพอพอลโลกำชับให้เฟอิทอนขับรชรถด้วยความระมัดระวังเรื่องการห้ามออกนอกเส้นทาง การรักษาความเร็ว และการรักษาระดับความสุงของราชรถไว้ ซึ่งเฟอิทอนก็ทำตามได้ในช่วงต้น แต่เมื่อขับไปสักพัก เขาก็เริ่มประมาท ลืมคำสั่งสอนของเทพบิดาเสียสิ้น
          เฟอิทอนเร่ิมขับราชรถออกนอกเ้นทาง ทำให้หมู่ดาวและเดือนพากันตกใจ และเมื่อขับราชรถมาใกล้โลกมนุษย์ ต้นไม่ใบหน้าก็เหี่ยวเฉาไปตามๆ กันด้วยความร้อนจากดวงสุริยา เฟอิทอนขับรถลงใกล้โลกมนุษย์มาขึ้นทำให้แผ่นน้ำแห้งเหือด ตันไม่แห้งตาย แม้ผิวกายมนุษย์ก้๔ุแผดเผาจนกลายเป็นสีดำ และดำจนมาถึงทุกวันนี้ ดินแดนที่เฟอิทอนขับราชรถลงมาใกล้ครั้งนี้คือแผ่นดนอาฟริกานั่นเอง
            เผอินทอนตกใจที่เห็นความวุ่นวายเกิดขึ้นกับโลก เขาจึงลงแส้ม้าชักราชรถให้ถอยห่างออกไป ม้าก็เผ่นโผนโจนทะยานเหออกห่างโลกเสียลิบลับ ทำให้พืชพันธ์ธัญญาหารที่เหลือรอดกลับเหี่ยวเฉาตายลงอีกเพราะความหนาวจัดฉับพลัน ทั้งแผ่นดินแผ่นน้ำตอนนั้นก็มีน้ำแข็งปกคลุมทั้งไปมด เสียงผุ้คนร้อยระงมดังขึ้นทุกที จนในที่สุดก็ปลุกซุส ให้ตืนจากบรรทมเล็งทิพยเนตรสืบสวนหาสาเหตุ ครั้งไ้ความว่าเหตุกิดจาเฟอิทอนบังอาจขับราชรถสุริยเทพจนปั่นป่วนวุ่นวายเช่นนั้นก็พิโรธ คว้าอสนีบาตฟาดไปที่เฟอิทอน จนตกจากรชรถเสียชีวิต ตกลงสุ่แม่น้ำ อีริดานัส ในพริบตา เฟอิทอนมีพี่สาวร่วมอุทร 3 คน เพมือเฟอิทอนถึงแก่ความย นางทั้ง 3 ก็ไปร้ำไห้ที่ริมฝั่งแม่น้ำจนเทพทั้งปวงสงสารเลยแปลงนางเป็นต้นอำพันหลังน้ำตาออกมาเป็นอำพันตั้งแต่บันนั้น ฝ่ายเพื่อนคนหนึ่งของเฟอิทอน ชื่อ ซิกนัส ก็ลงงมหาศพ ดำผุดดำว่ายในแม่น้ำจนกลายเป็นต้นกระกูลหงส์เล่นน้ำสืบเชื่อสายพงศ์พันธุ์มาจนตราบเท่าทุกวันนี้
           
 สวนเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังของเทพอพอลโล เช่นเรื่องของพรองค์กับนางแดฟนี นางแดฟนีเป็นนางอัปสรรูปงาน ธดาของ พีนูส เทพประจำแมน้ำ เทพอพอลโลได้พบบางโดยบังเอิญกลางป่า พระองค์หมายจะได้นางเป็นชายา จึงเดินเข้าไปหา แต่นางแดฟนีกลับวงิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ฝ่ายเทพอพอลโลก็วิ่งตามพลาง ส่งเสียงร้องเรียกไปพลาง แต่นางแดฟนี ก็ไม่หยุดฟังยังคงวิ่งหนีต่อไป จางแดฟนีวิ่งหนีจนอ่อนกำลังและตระหนักว่านางคงหสีไม่พ้อน นางจึงว่ิงไปที่ริมแม่น้ำและร้องขอให้เทพบิดาพีลูสช่วย พีลูสจึงแปลงร่างของธิดาสาวให้กลายเปนต้นชัยพฤกษ์อยุ่ริมฝั่งน้ำนั่นเอง
          ส่วนเรื่องราวความรักที่มีสาวมาหลงรัก คือเรื่องของนาง ไคลที ซึ่งเป็นนางอัปสรประจำน่านน้ำ ธดาของโอเชียนัสกับธีทิส ไคลทีหลงไหลใฝ่ฝันเทพอพลอโลอย่ามาก นางจะคอยฝ้าดุเทพอพอลโลขับราชรถลากด้วยอาทิตย์อยุ่ทึกวัดดยที่เทพอพอลโลหาได้มีใจใหแก่นาง ไคลที่แหงนหน้ามองดุเทพอพอลโลนับตั้งแต่ยามเช้าพระอาทิตย์ขึ้น และเฝ้ามองตามไม่ให้คลาดสายตาจวบจนพระอาทิตย์ตก ดดยหวังวาสักวันสุริยเทพจะหลือบมาเห็นนางบ้าง ปวงเทพทั้งหลายสงสรในควมรักของนาง จึงได้บันดาลให้ให้กลายร่างเป็นต้นทานตะวัน
           เทพอพอลโลนั้นมีฝีมือทางการตดนตรี ดดยเฉพาะการบรรเลงพิณสวรรค์ พระองค์จึงมีหน้าที่ดีดพิขับกล่อมความสำราญกับเลห่าเทพโอลิมเปียนส์ โดยมีบริวารที่ช่วยบรรเลงเพลงสวรรค์อีก 9 องค์ เรียกวา คณะศิลปวิทยาเทวี หรือมิวส์    มิวทั้งเก้า เป็นธิดาของมหาเทพซูสกับนางเนเมซิส..https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik
       
         

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561

Mythology (Artemis)

             
              อาเทมิส
              จันทราเทพีและเทพีแห่งการล่าสัตว์ ในคณะเทพโอลิมเปียนมีเทพีพรหมจารีอยุ่ 3 องค์ ทรงนามตามลำดับว่า เฮสเทีย อาธีนา และ อาร์เทมีส องค์แรกเป็นพี่สาวยองจอมเทพ ส่วน 2 องค์หลังเป็นธิดาสำหรับเทพีอาร์เทมีสนั้นเป็นเทพีแห่งสัตว์ทั้งปวง สัตว์ที่เทพีอาร์เทมีสโรดปรานเป็นพิเศษคือกวางและเป็ฯเทพธดาจัสทราเทพีอาร์เทมีเป็นเทพธิดาแฝดผู้พี่ของ เทพอพอลโล ซ฿่งเป็นสุริยเทพ ทั้งสองเป็นธิดาและโอรสของมาหเทพซุสกับนางลีโตนางลีโตน้ันเมื่อตั้งครรภ์ก็ประสบเคราะห์ร้าย
            เนื่องจากซุสไปเข้าพิธีอภิเษกกับเทพีเฮร่า แล้วพระนางเฮร่าก็เล่นบทเทพีขึ้หึงไล่นางลีโตต้องหนีซมซานจากแผ่นดินล่องลงไปในทะเลโชคดีที่่โพไซดอนเนรมิตเกาะให้อยุ่จึงรอดชีวิตมาได้ตอบคลอดอาร์เทมีสนั้นก็ยากเย็นนักหนาจนลีโตแทบเอาชีวิตไม่รอดอีกครั้งเหตุนี้ทำให้เทพีอาร์เทมีสรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวของคนเป็นแม่ พระนางจึงเกลียดการวิวาร และขออนุญาตเทพบิดาไม่ขอมีคู่ตตอง ขอเป็นเทพีรักษาพรหมจรรย์ตลอดไป
         
นอกนั้นยังขอนางอัปสรโอเชียนัส 60 นาง กับนางอัปสรเื่นอีก 20 นาง ที่ไม่ยินดีในการวิวาห์ด้วยเช่นกัมาเป็นบริวาร ทั้งหมด พากันท่องเที่ยวอยู่ตามราวป่าอย่างสำราฐใจทุกวันยามพระอาทิตย์อัสดงเทพีอาร์เทมีสก็จะเร่ิมทรงราชรถเทียมม้าขาวปลอดลากดวงจันทราข้ามห้วงนภาผ่านดวงดาวดารดาษยามค่ำคือน ระหว่างที่ท่องเที่ยวไปนั้นเทพีอาร์เทมีสก็จะคอยสอดส่งลงมายังโลก พิภพ ดุแลผืนป่า สัตว์ป่า และพรานไพร
            คืนหนึ่ง ขณะที่เทพีอาร์เทมีสลอยล่องอยู่เหนือแคว้นแดนคอเรีย พระนางก็เห็นหนุ่มเลี้ยแกะรูปงาม ขื่อ เอนดิเมียน นอนหลับออาแสงจันทร์อยุ่ริมเขา ความงามของเจ้าหนุ่มเมื่อต้องแสงจนร์เป็นที่น่าพิสมทัยแก่เทพีอาร์เทมีสย่ิงนักพระนางอดใจไม่ได้ถึงกับหยุดราชรถและลงมาจุมพิตหนุ่มน้อยเบาๆ ก่อนจะลอยเลื่อนกลับไป
           เอนดิเมียนกำลังเคล้ิมจิตอยู่ในภวังค์ ค่อยๆ ลือเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ เห็นเพียงภาพคลับคล้ายคลับคลาของเทพธิดาที่ไม่อาจปักใจได้ว่าเป็นเพียงความฝันหรือความจริง แต่เอนดิ
เมียนก็ังใจกับความฝันนั้นเขาเที่ยวค้นหาเทพธิดาในฝันไปตามที่ต่างๆ ทั้งเขาสูง ทุ่งกว้าง และทะเลลึกเรื่องราวล่วงรู้ไปถึง ซุสมหาเทพ พระองค์ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอื้อฉาวแก่เทพีพรหมจารีผุ้นี้ พระองค์จึงยื่นคำขาดแก่ เอนดีเมียนว่าจะยอมตายด้วยวิธีหนึ่งตามแต่จะพึงประสงค์ หรือจะยอมนอนหลับโดยไม่ตื่นตบลอดกาลในถำ้บนยอดเขาแลตมัส เอนดิเมียนเลือกเอาปรการหลัง ซึ่ง ณ ที่นั้น เอนดิเมียนยังคงนอนหลับไหลอยู่ตลอดกาล โดยมีเทพีอาร์เทมีสแวะเวียนมาเยี่ยมเยื่อนเขาอยุ่ทุกค่ำคือน
            อาร์เทมีสบางคร้งก็ทรงเป็นเทพีที่ดุร้าย อารมณืโกรธของพระนางแม้เพียงเรื่องน้อยนิด พระนางก็อาจงโทษผุ้ที่ทำให้นางโกรธถึงแก่ชีวิตลงได้ ดังเช่นครั้งหนึ่ง เทพีอาร์เทมีสได้ออกป่าล่าสัตว์พร้อมนางอปสรบริวาร เมื่อมาถึงสระน้ำที่ใสเย็นแห่งหนึ่ง เทพีอาร์เทมีสพร้อมบริวารก็เปลื้องภูษาทรง และลงสรงสนานในสระน้ำใสนั้นด้วยความเพลิดเพลินสำราญใจยิ่งนักขณะนั้น มีนายพรานคนหนึ่งชื่ว่า แอดเตียน กำลังออกป่า เที่ยวล่าสัตว์หาเนื้อตั้งแต่รุ่งอรุณ ตกถงเวลาบ่ายแอดเตียนก็เหน็ดเหนื่อยโรยกำลังและกระหายน้ำ เขาจึงมุ่งหน้ามายังสระน้ำแห่งเดียวกันนันเมื่อเข้าไปใกล้สระน้ำ แอคเดียนก็แว่วเสยงสตรรีดังมาแต่ไกล เขาจึงแอบบ่องเข้าไปดูจึงพบภาพเทพีอาร์เทมีกำลังสรงน้ำกับนางอัปสรบริวารอยุ่อย่างสำราฐใจฝ่าย เาร์เทมีส ได้ยินเสียงผิดปกติจึงเหลียวมาดู พระนางก็สบลตาเข้ากับแอคเตียนนายพรานหนุ่ม ด้วยความโกรธ เทพีอาร์เทมีสจึงกอบน้ำด้วยอุ้งหัตถ์ สาดเข้าไปที่ใบหน้าของแอคเตียนทันที เมื่อหยดน้ำกระทหน้า แอคเตียนก็ค่อยๆ กลายร่างไปเป็นกวาง ฝ่ายผุงสุนัขล่าสัตว์ของเขา บัดนี้จำแอคเตียนผุ้เป็นนายไม่ได้แล้ว ต่างก็กระโจนเข้รุมกัดจนแอคเตียนในร่างของกวางตายอยู่ตรงนั้นนั่นเอง
       

อีกรายหนึ่งที่ดดนโทษทัณฑ์ของเทพีอาร์เทมีส คือ อัคมีทัีส ซึงลืมถวายเครื่องบูชาในวันแต่งงาน เทพีอาร์ทีมิสจึงลงโทษเขาโดยการบันดาลให้หน้องหอมีแต่งูพิษหรือรายของ กษัตริย์ เอนีอัส แห่งดเมืองคาลีดอน พระองค์พระองค์ลืมถวายพืชผลที่เก็เบกี่ยวจาไรนาให้แก่เทพีอาร์เทมีส ตามธรรมเนียม เทพีอาร์เทมีสจึงยันดลให้โคป่าเข้าบุกดินแดนของพระองค์ และสังหารครอบครัวของพระองเสียวอดวาย            แม้จะเป็นเทพีครองพรหมจาี แต่เทพีอาร์เทมีสก็เคยมีความรักกับมนุษย์คนหนึ่งจนเรื่องราวใหญ่ไต
ชายกนุ่มคนนั้นเป็นนายพรานร่างกำยำ ชื่อว่า โอไรออน เชื่อกันว่าเขาเป็นบุตรของโพไซดอนเจ้าสมุทรเนื่องจากเขาสามารถเดินลุยลงไปในทะเลลึกได้
          วันหนึ่งขณะที่กำลังล่าสัตว์อยุ่กลางป่า โอไรออนก็พบกับบางอัปสร 7 นาง เรียกว่ พลียาดีส เขาเกิดหลงรักนางอัปสรทั้งเจ็ด จึงได้ติดตามนางอัปสรเหล่านั้นไป ขณะที่นางอัปสรก็หนีจอนอ่นกำลัง ในท่ี่สุดนางอัปสรทั้งเจ็ดจึงเอ่ยปากขอให้เทพีอาร์เทมีสช่วย เทพีอาร์ทีมิสจึงช่วยแปลงร่างนางอัปสรทั้งเจ็ดให้กลายเป็นนกพิราบโดยบินขึ้ไปยนฟ้า และกลายเป็นหมู่ดาว พลียาดีส เล่งประกายระยิบระยับอยู่กลางฟ้านั่นเอง ฝ่ายโอไรออนต่อมา ก็หลงรักา มิดรปี ธิาดท้าว อิโนเปี่ยน เจ้าเกาะ ไคออส     
             โอไรออนอุตส่าห์ล่าสัตว์ป่าเอาไปกำนัลแด่ธิดาสาวและพระบิดา แต่ท้าวอีโนเปียนก็ผลัดผ่อนเรื่อยมา โอไรออนจึงคิดจะฉุนางอโรปีด้วยกำลัง แต่ท่ายอีโนเปี่ยนรู้ัทันจึงจักการมอมเหล้า โอไรออนจนตาบอด แล้วเอาไปท้ิงริมทะเล โอไรออนเมื่อได้สติขึ้นมาพร้อมดวงตามที่บอดสนิท ไม่รู้จะไปแห่งหนใดได้ แต่อาศัยความรุ้ของนายพรานฟังเสียงของ ค้อนของยักษ์ไซคลอปส์ในเกาะ เลมนอส จึงดั้นด้นไปจนถึงถ้ำตีเหล็กของยักษ์ฝ่ายยักษ์ตนเหนึ่งมีความสงสารจึงอาสาพาโอไรออนดุ่มเดินไปทางทิศตะวันออก ช่วยให้ได้พบกับทเพอพอลโล และอาศัยแสงสว่างรรักษาดวงตาให้กลับคือเป็นปกติ
             เมื่อด้วยอาการหายเป็นปกติแล้ว โอไรออนก็กลับไปล่าสัว์อีก ตอนเนี้เองเทพี อาร์เทมีส ก็มาพบเขาเข้า และผุกสมัตรรักใคร่กันเทพอพอบโลเห็นท่าไม่ ชอบมาพากล และเกรงว่าเทพีอาร์เทมีสจะกลับัตย์เรืองการครองพรหมจรรย์ พระองค์จึงคิดอุบายทำให้มิตรภาพนั้นยุติลงอย่างเด็ดขาด
              วันหนึ่งขณะที่โอไรออน เดินบุยน้ำอยู่กลางทะเลไกลลิบ เทพอพอลโลได้เรียกเทพีอาร์เทมีสมาลองฝีมือยิงธนูกัน โดยให้เทพีอาร์เทมีสอลยิงอะไรที่ลอยอยุ่เหนือน้ำทะเลไกลๆ นั้นดุว่าจะถูกหรือไม่
              ฝ่ายเทพีอาร์เทมีสไม่ได้เฉลี่ยวใจว่าที่เห็นดำๆ นั้นแท้จริงคือหัวของโอไรออน พระนางจึงยิงธนูออกไป ลูกธนูถูกเข้าหมาย อย่างแม่นยำครั้งคลื่นซัดพาร่างโอไรออนเข้มาถึงฝั่งเทพีอาร์เทมีส จึงรู้ว่าได้ทำอะไรลงไป พระนางเศร้าโศกเสียใจมาก จึงแปลงโอไรออให้กลายเป็นกลุ่มดาว พร้อมด้วยสายรัดเอว ดาบ และกระบองคู่มือ อยู่ในท้องฟ้าตอจากกลุ่มดาวพลียาดีส และแปลงสุนัขของเขาที่ชื่อซิริอัสให้กลายเป้นดาววิริอัน อยู่ท้ายกลุ่มดาวโอไรออน ด้วยตั้งแต่บันนั้นมานอกจากตนเองจะไม่ยอมวิวาห์แล้ว เทพีอาร์เทมีสยังบับคับไม่ให้นางอัปสรบริวารของตนวิวาหืด้วย แต่นางอัปสรบริวารนางหนึ่งชื่อคัลลิสโต ก็ถุกมหาเทพซุส มาหลงรักและจึงใช่อุบายและได้สมสู่กับนางจนได้ เทพีอาร์เทมีสรู้เรื่องเข้าก็พิโรธหนัก และลงโทษนางโดยการเนรเทศนางออกไป เมื่อคิลลิสดตประสูตโอรสแล้วก็ถูกเคราะห์กรรมซ้ำถูกพระนางเฮร่าสาปให้กลายเป็นหมี  https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

Mythology (Ares)

            เอรีส เป็นโอรสของมหาเทพซุส กับเทพีเฮร่า เอรีส เป็ฯเทพที่มีอุปนิสัยโหดร้าย ป้าเถื่อน ชมชอบการต่อสู้ เป็นนักรบ เป็นเทพแห่งสงครามนิสัยของแอรีสกลับตรงข้ามกับเทพีอาธีน่า ซึ่งเป็นเทพีแห่งปัญญและเป็นเทพีแห่งสงครามด้วย เพราะเทพีอาธีน่านั้นสุขุม เฉลี่ยวฉลาด และกล้าหาญ เป็นที่ยกย่องของคนทั่วไปด้วยเหตุนี้เอรีสจึงไม่ค่อยถุกชะตาเทพีอาธีน่านัก
            ครั้งหนึ่งเทพเอรีสทะเลาะกับเทพีอาธีน่า เทพเอรีสบันดาลโทสะข้างจักรเข้าใส่เทพีอาธีน่า เทพีอาธีน่าหลบได้และ ยกหัินที่วางอยุ่ใกล้ๆ ทุ่มตอบลกลับไป หินนั้นกระแทกจนแอรีสทรุดลงกองกับพื้น จึงนับได้ว่าสงครามหรือจะสู้ปัญญา
            นอกจากจะแพ้แก่เทพีอาธีน่าแล้ว เอรีสก็ยังแพ้มนุษย์ด้วย แต่มนุษย์คนนั้นเป็นโอรสองค์หนึ่งของซุส คือ เฮอร์คิวลิส
             เฮอร์คิวลิสสังหารโอรสของเอรีสคนหนึ่ง เมื่อเทพเอรีสเข้าช่วยก็ถุกเฮอร์คิวลิสต่อยตีจนต้องหนีขึ้นไปบนโอลิมปัส และนำเรื่งอฟ้องมหาเทพ แต่ซุสตัดสินำหล่เหลี่ยให้เลิกรากันไปเนื่องเรพาะทั้งสองฝ่ายต่องเปฯพี่น้องกันด้วยนิสัยโหดร้าย ป่าเถื่อน และคึกคะนอง เทพแอรีสจึงมักเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถศึกเที่ยมม้ฝีเท้าจัดมากมาย สวมเสื้อเกราะและพกพาอาวุธประหนึ่งจะออกรบโดยมีโอรใสที่เกดกับอีริสเป็นบริวารคอยติดสอยห้อยตาม 2 องค์ คือ เดมอส ซึ่งแปลว่า ความกลัว กับโฟบอส แปลว่่าความน่าสยองขวัญ เอรีสไม่มีชายาออกหน้าออกตาเป็นตัวเป็นตน มีแต่ชู่รักที่ออกหน้าออกตา คอ เทพีอะโฟไดต์ ผู้เป็นชายาของเทพการช่างเฮเฟตัส อะโฟรไดต์นั้นไม่ชอบความขีเหร่ของเฮเฟตัส จึงได้ลักลอบเป็นชู้กับเอรีส โดยทั้งสองลักลอบอยู่ด้วยกันทุกคืน โดยเอรีสใช้ให้หมุ่นน้อย อะลกไทรอน คอยปลุกก่อนสว่างทุกวัน ซึ่ง อะเลกไทออนก็ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องตลอดมา แต่วันหนึ่ง อเลกไทออนเผลอหลับยบาม ปล่อนให้สุริยเทพอพอลโลมองเห็นเอรีสกับอะโฟรไดต์ เปลื่อยเปล่าอยุ่ด้วยกัน อพอลโลจึงนำข่าวไปบอกเฮเฟตัส เฮเฟตัสนั้นได้ยินข่าวขุ้รักทั้งสองมานานแล้วแต่ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่ก็ได้เตรียมทอแหเอาไว้จับชู่รักทั้งสองไว้แล้ว เมื่อรุ้ข่าวดังนั้เฮเฟตัสจึงใช้แหจับเอรีสกับอโฟรได และพาทั้งสองมาให้เทพสภาตัดสิน แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ขเงเข็มขัดที่เฮเฟตัสประดิษฐ์ให้อะโฟรไดต์เป็นของขวัญวันแต่งงาน ปวงเทพทั้งหลายจึงไม่ตัดสินลงโทษผุ้ใด แต่ครั้งนี้ก็ทำให้ชู้รักทั้งสองอับอายไปทั้งสวรรค์ฺ
         
 เอรีสโกรธอเล็กไทออนมาก จึงสาปให้เขากลายเป็นไก่มีหน้าที่ต่นขึ้นมาขันบอกเวลายามเช้ามาจนถึงทุกวันนี้ถึงแม้จะถูกจับได้ แต่เอรสกับอะโฟรไดต์ก็ยังแอบเป็นชูกันอยุ่เรื่อยมา จนมีโอรสและธิดาด้วยกันอย่างละ 2 องค์ โอรส คือ อีรอส กับแอนติรอส ส่วนธิดา คือ เฮอร์ไม่โอนี กับอัลซิปเปนางเฮอร์ไม่โอนีนั้นต่อมาได้เป็นราชินีแห่งนครธีปส์ ส่วนนางอัลซิปเปต่อมาถูกโอรสของโพไซดอนเจ้สมุทรลักพาตัวไป เทพแอรีสโกรธมากจึงฆ่าโอรสโพไซดอนตาย โพไซดอนไปฟ้องเทพสภาว่าเอรีสทำเกินกว่าเหตุ แต่เทพสภาพตัดสินใเอรสชนะเรื่องราวความรักของเอรีนั้น แม้ตนเองจะเป็นเพียงแค่ชูรักกับอะโฟรไดต์ แต่เอรีนั้นรักและหึงหวงหางมากจนถึงกับทำให้หนุ่มน้อยคนหนึ่งต้องเสียชีวิตลง หนุ่มน้อยคนนั้นคือ อโดนิส
              อโดนิสเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปสวน ไม่ว่าเขาจะย่างเท้าไปทางไหน ดอกไม้ก็จะเบ่งบาน นกจะร้องเพลิงเริงร่า และหมู่ผีเสื้อก็จะโบยบินตาหลังเขาไป
              อโดนิสชมชอบธรรมชาติ และชอลล่าสัตว์มาก เขาเป็นนักล่าสัตว์ที่เก่งกล้า วันหนึ่งเทพีอะโฟรไดต์หยอกเล่นกับอีรอสผู้เป็นโอรสพระนางเผลอถูกปลายศรรักของอีรอสส สะกิดเข้านิดหนึ่ง แผลนั้นแม้จะเล็กเพียงนิดเดียวแต่ก็ส่งผลให้เมื่อพระนางพบอโดนิสที่กำลังล่าสัตว์อยู่กลางป่า พระนางก็เกิดหลงรักหนุ่มน้อยรูปงานคนนี้อย่างหัวปักหัวปำ และคิดจะเอาตัวอโรนิสไปเป็นสวามีลับๆ อีกคน แต่เทพีเพอร์ซีโฟเน่ไม่ยอมเนื่องจากพระนางก็ต้องการเก็บหนุ่มน้อยไว้เป็นสวามีลับด้วยเช่นกัน ทำให้เทพีทั้งสองทะเลาะกัน เรื่องรุ้ถึงหูซุส มหาเทพจึงยุติศึกโดยตัดสินให้แต่ปีอโดนิสต้องใช้ชีวิต 4 เดือนอยู่กับเทพีอะโฟรไดต์ อีก 4 เดือนอยู่กับเทพีเพอร์ซีโฟเน่ ส่วนอีก 4 เดือน ที่เหลือให้อโดนิสเลือกใช้ชีวิตไ้ตามชอบใจ ผลการตัดสินเป็นที่พึงพอใจของสองเทพี แต่ขัดใจเอรสมาก เนื่องจากอะโฟรไดต์เฝ้าเอาใจอโดนิสออกหน้าออกตาจนแทบจุหลงลืมเทพเอรีสไปเลย
              วันหนึ่งเทพีเทพเอรีสจึงจำแลงแปลงกายเป็นหมู่ป่ามาหลอกล่อให้อโดนิสไล่ล่า และฉวยโอกาสขวิดอโคนิสจนถึงแก่ความตายที่กลางป่า
              เทพีอะโฟรไดต์มาพบร่างอโดนิสเมื่อสายเสียแลว พระนางจึงต้องหลั่งน้ำตาด้วยความอาลัยรักในตัวหนุ่มน้อย เมื่อหยดน้ำตาของเทพีแห่งความรักตกต้องเลือดสีแดงของอโคดิส ก็บังเกิดต้นไม้ชนิดหนึ่งงอกงามขึ้นและออกอกสีแดงดังสีเลือด ดอกไม้นั้นคือ ดอกโดนีส ดอกไม้แห่งความรัก นอกจากอะโฟรไดค์แล้ว เอรีสยังมีชายาอีกคนหนึ่ง คือ นางอีเลีย นางอีเลียเป็นธิดาของท้าวนิวไมเทอร์ เจ้าเกาะอัลบา ซึ่งต่อมาได้ถุกอนุชาชื่อท้าวอัมมิวเลียสยึดอำนาจไป เมื่อโตขึ้นางอีเลียไ้ทำหน้าที่เป็นเวสตัวพรหมจารีสาวกของเทพีเฮสเทีย มีหน้าที่ดุแลไฟศักดิ์สิทธิ์ในวิหาร ซึ่งกฎของการเป็นเวสตัลพรหมจารีคือห้ามแต่งงานมีสามีเทพเอรีสมาลักลอบได้นางอีเลียเป็นชายา และให้กำเนิดโอรสฝาแฝดชื่อดรมิลัส กับรีมัส หลังให้กำเนิดโอรส นางอีเลีย ก็ถุกลงโทษโดยการฝังทั้งเป็นตมกฎของเวสตัล ส่วนดอรสทั้งองถุกท้าวอัมมิวเลียสจับปล่อนลอยแพไปตามน้ำไทเบอร์ โชีดคที่ทารกน้อยทั้งสองลอยมาติดชายฝั่งอย่างปลอดภัย แถมยังได้แม่สุนัขป่านำไปเลี้ยงดุ เมื่อโตขึ้นหน่อยหนึ่ง ชายเลี้ยงแกะ ก็มาเจอเด็กทั้งองเขช้าร เขาจึงได้พาเก็กทั้งสองกลับไปเลี้ยงดุจนเติบใหญ่
            โรมิวลัสกับรีมัส เมื่อโตเป็นหนุ่มก็ตั้งตนเป็นหัวหน้ลาคนเลี้ยงแกะ เมือซ่องสุมกำลังพลจนกล้าแข็ง ทั้งสองก็ยกกำฃลังพลไปขับไล่ท้่าวอัมมิวเลียส ออกจากบัลลังก์ ตามเดิม โรมิวลัสและาีมัสหารืออกันและตกลงมาช่วยกันสร้างเมืองใหม่ริมฝั่งน้ำที่ทั้งสองเคยอยู่ตอนเด็กๆ แต่ทั้งสองเกิดขัดแยงกันเองจนโรมิวลัสบันดาลโทสะ ฆ่ารีมัสตาย
           
 โรมิวลัสสร้างเมืองต่อไปจนสำเร็จ และตั้งชื่อเมืองว่ากรุงโรมตามชื่อของตน
              กรุงโรมนี้เทพเอรีสจะคอยปกปักรักษาเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเมืองของโอรสของพระองค์เอง พระองค์ส่งโลห์ประจำองค์มาช่วยปกป้องกรุงโรม ซึ่งชาวโรมได้สร้างโล่ห์จำลองขึ้นอีก 11 อัน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครรุ้ว่าอันไหนเป็นโล่ห์จริง เพื่อ้องกันไม่ให้โล่ห์นั้นถูกขโมย
              เอรีสมีชายาอีกองคหนึ่ง คือ อีริส ึ่งเป็นเทพีแห่งความแตกแขก และเป็นน้องสาวของพระองค์เอง มีโอรสด้วยกัน 2 องค์ คือ ไดมอส กับโฟบอส ซึ่งเป็นเทพแห่งความกลัว กับเทพแห่งความสยดสยอง ส่วนโอรสอีกองค์หนึ่งอีรีสที่ชื่อ เอตี เทพแห่งโทสะ นั้นเป็นโอรสของซุสผู้เป็นเทพบิดาhttps://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

Mythology (Hera)

              เฮร่า หรือภาษาโรมันว่า จูโน เป็นราชินีของเทพธิดาทั้งหลาย เพราะเป็นขายาของซุส ฮีร่าเป็นธิดาองค์ใหญ่ของเทพไททัน ดครนัสกับเทพมารดรีอา ต่อมาในตอนหลังได้อภิษกสมรสกับซุส อนุชา
ของนาง ทำให้นางกลายเป็นราชินีสูงสุดในสวรรค์ชั้นโอลิมปัสที่ไม่ว่าผุ้ใดก็คร้ามเกรง  เทวีฮีร่าไม่ชอบนิสัยเจ้าชู่ของซุส ด้วยเหตุที่ซุสเป็นครเจ้าชุ่ ทำให้ฮีร่ากลายเป็นคนขี้หึงและคอยลงโทษหรือพยาบาทคนที่มาเป็นภรรยาน้อยของซุส อยุ่เสมอ เมื่อแรกที่ซุสของแต่างงานด้วย ฮีร่า ปฏิเสธเรื่อยมาจน 300 ปี วันหนึ่ง ซุสคิดทำอุบาย ปลอมตัว เป็นนกกาเหช่าเปียกพายุฝนไปเกาะที่หน้าต่าง ฮีร่าสงสารก็เลยจับนกมาลูขนพร้อมกับพูดว่า "ฉันรักเธอ" ทันใดนั้นซุสก็กลายร่างกลับคืนและบอกว่าฮีร่าต้องแต่งงานกับย พระองค์ แต่ทว่าชีวิตการครองคุ่ของเทวีฮีร่ากับ ซุสไม่ราบรื่นเท่าใดนัก มักจะทะเลาะเบะแว้งเป็นปากเสียงกันตลอดเวลา จนเป็นเหตุให้ชาวกรีกโบราณเชื่อกันว่า ใเวลาที่เกิดฟ้าคะนแงดุเดือดขึนเมื่อไร นั่นคือสัญญาณว่าซุสกับ ฮีร่าต้องทะเลาะกันเป็นแน่ เพราะเทพทั้งสองี้เป็นสัญลักษณ์ของสราวสวรรค์เมื่อท้องฟ้าเกิดอาเพศก็เหมาเอาว่าเป็นเพราะการขัดแย้งรุนแรงของ 2 เทพคุ่นี้ แม้ว่าเทวีฮีร่ามีศักดิ์ศรีเป็นถึงราชินีแห่งสวรรค์หรือเทพมารดแทนรีอา แต่ความประพฤติและอุปนิสัยของเจ้าแม่ไม่อ่อนหวานมี เมตตาสมกับเป็นเทพมารดา โดยประวัติของเจ้าแม่นั้นมีท้งโหดร้าย ไร้เหตุผล เจ้าคิดเจ้าแค้นและอาฆาต พยาบาทจนถึงที่สุด (ุ้ใดก็ตรมที่ถูกเทวีฮีร่าอาฆาตไว้มักมีจุดจบที่ไม่สวยงามนัก ว่ากันว่าชาวกรุงทรอยทั้งเมืองล่มจมลงไปเพราะเพลิงอาฆาตแค้นของเจ้าแม่ฮีร่านี้เอง สาเหตุเกิจาก เจ้าชายปารีสแห่งทรอยไม่เลื่อกให้เจ้าแม่ชนะเลิศในการตัดสินความงามระหว่าง 3 เทวีแห่งสวรรค์คือ เทวีฮีร่า เทวีเอเธน่า และเทวีอโฟรไดทรี
เทพแห่งสงคราม เอเรส
ฮีร่า
         
รูปเขียนรูปสลักของชาวกรีกโบราณมักทำรูปของเจ้าแม่ฮีร่า เป็นเทวีวัยสาวที่สวยสง่า ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น ว่ากันว่า มีคน หลงใหลความามของเจ้าแม่จนคลั้งไคล้หลายคน ดยเ
เฉพาะอิกซิออก ราชาแห่งลาปีธี ต่อมาถูกซุส ลงโทษอย่างรุนแรง และบางที่อาจเป็นเรพาะทรนงตัวว่ามีสิริโฉมงดงามก็ได้ที่ทำให้เทวีฮีร่าเป็นเดือดเป้แค้นักที่สวามีปันใจให้สตรีอื่น จึงต้องราวีอย่าถึงที่สุดเสมอ ความร้ายกาจของเจ้าแม่เคยถึงขนาดปฏิวัติโค่นอำนาจของสวามีจนเกือบสัมฤทธิ์ผล
            เรื่องคือ เจ้าแม่โกรธแค้นความไม่ซื่อสัตย์ของสวามีขึ้นมาอย่างเต็มกลืนจึงร่วมมือกับเทพโปเซดอน จ้าวสมุทร เชษฐาของซุส เอง และเพทอพอลโลกับเทวีเอเธน่าด้วยช่วยกันรุมจับองค์เทพวุศ มัดพันธนาการไว้แน่นหนาจนเป็นเหตุให้ ซุสจวนเจียนจะสูญเสียอำนาจ ซึ่งพอดีส ได้นำผุ้ช่วยเหลือมากูสถานการณ์ทันเวลา โดยไปพาอาอีกีออน ซึ่งเป็นอสูรร้อยแขนที่น่าประหวั่นพรั้นพรึงมาช่วยไว้ได้ทัน อสูรตนนี้มีฤทธิ์อำนาจมากเสียจนเทพเทวาน้อยใหญ่ต้องยอมศิโรราบไปตามๆ กัน เมื่ออาอีกีออนมาแก้ไขให้ซุสและนั่งเผ้าอยู่ข้างลัลลังก์ บรรดาผู้คิดกบฎปฏิงวัติก็หน้าม่อย ก้ม
เทพแห่งงช่าง ฮีฟิสทัส
หน้าหนีไปหมด แผนการณ์จึงล้มเหลว องค์เทพซุสเองก็เคยร้ายกาจกับราชินีเทีฮีี่าเหมือนกัน ทรงลงโทษลงทัณฑ์แก่เจ้าแม่อย่างไม่ไว้หน้าอยุ่ย่อยๆ นอกจากทุบตีอย่างรุนแรงแล้ว ไท้เธอยังใส่โซ่ตรวนที่บาทของเจ้าแม่กบผูกข้อหัตถ์กละพาหาติดกันมัดโยงโตงเตงอยุ่กับท้องฟ้า จนเป็นเหตุให้เกิตำนานเกี่ยวกับ เทพฮีฟีสทัส ขึ้นมาว่า จากการวิวาทครั้งนี้ เทพฮีฟีสทัสผุ้เป็นโอรสเขาขัดขวางมิให้พระบดดากระทรุนแรงแก่พระมารดา ซุสที่กำลังโกรธกริ้วจึงจับตัวฮีฟีสทัสขว้างลงมาจากสวรรค์ กลายเป็นเทพพิการไป
            เทวีฮีร่า นอกจากขึ้หึงแล้ว ยังบ่างริษยามากอีกด้วย ครั้งหนึ่งเมื่อซุสทรงมีราชธิดานามว่า เอเธน่่า ออกมาได้โดยไม่ต้องพึงใคร ซึ่งกระโดดออกจากเสียรของซุส  เจ้าแม่ฮีร่าก็ริษยายิ่งนัก ตรัสว่า เมื่อสวามีทรงมีกุมารีด้วยองค์เองได้ นางเองก็มีได้เช่นกัน ทว่าบุตรที่เกิดจากตัวแจ้าแม่เองนั้นกลับมิได้สะสวน เรื่องฤทธิ์เช่นเอเธน่า แต่เป็นอสูรร้ายน่าเกลียดน่ากลัวยิ่ง ซ฿่งผุ้ใดเห็นก็หวาดกลัว เลยทำใหเทพซุสกริ้วนัก และการวิวาทบาดหมางก็เกิดขึ้นอีก เจ้าแม่ ฮีร่า มีโอรสธิดากับเทพซุส 4 องค์ 2 องค์หลัง เป็นที่รู้จักกันดี คือ เอเรส เทพสงคราม  และฮีฟีสทัส เทพถลุงเหล็ก หรือเทพแห่งงานช่าง แม้ว่าชีวิตสมรสของเจ้าแม่ฮีร่าจะไม่ราบรื่นนัก แต่ในฐานะที่เป็นราชินีหรือเป็นมารดาแห่งสวรรค์ ฮีร่าเป็นเทพคุ้มครองการแต่างงาน มีหลายครั้งที่เธอคอยดลใจให้วีรบุรุษได้แสดงความกล้าหาญ จึงทำให้เป้ฯที่เคารพนับถือในเขตโอลิมปัสเทวาลัย ที่เป็นที่บูชาขนาดใหญ่ที่สุดของเทวีฮีร่าอยุ่ที่เมือง อาร์กาสเรียกว่า เดอะฮีร่าอีอุม สัญลักษณ์ของอีร่า คือ วัว นกยูง และสิงโต พฤกษาประจำตัวของเจ้าแม่คือผลทับทิมและนกแขกเต้า

               https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-boran/6-theph-pkrnam-krik
         

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

Mythology (Demeter)

            เทพีดิมิเทอร์ 
            ซุส เทพปริณายก มีเทวีภคินี 3 องค์ ในจำนวนนี้ 2 องค์เป็นคู้พิศวาสของซุสด้ยองค์หน่งคือเจ้าเแม่ฮีรา ที่เราได้รู้จักกันมาแล้ว อีกองค์รงนามว่า  ซิริส เป็นเทวีครองข้าวโพด ซึงหมายถึงการเกษตรกรมนี่นเอง
            เจ้าแม่ดิมิเทอร์มีธิดาองค์หน่งทรงนมววา พรอสเซอร์พิน หรือ เพอร์เซโฟนี เป็ฯเทวีครองฤดูผลิตผลของพิชทั้้งปวง เพื่ออธิบายธรรมชติของการผลิตฤดู กวีกรีกโบราณจึงผูกเรื่อง ให้เทวีองค์นี้ถุกฮาเดสลักพาตัวไปเป็นคู่ครองในยมโลก
            ดังมีเรื่องพิสดารดงี้ ฮาเดสปกครองยมโลกอยู่นเดียว โดเดียวไร้คู้ปฏิพัทธ์มาเป็นเวลานาน หามีเวีองค์ใดไยดี ที่จะ่องเทวบัลลังก์ กํบเธอ เทวีแต่ละองค์ที่เธอทอดเสน่หา แต่ละองค์ก็ไม่สมัครรักใคร่ ด้วยไม่ปรารถนาจะลงไปอยู่ในใต้หล้าแดนบาดาล อันดวงสุริยาไม่สามารถทอแสงลงไปถึง ทำให้เธอมึนตึงหมางหทัยนัก ในที่สุดจึงต้องตั้งปณธานจะไม่ทอดเสน่อหาใครอีกเป็น อันขาด หากปฏิพนะ์สวาทกับใคร ก็จะฉุดคร่พาเอาลงไปบาดาล
              วันหนึ่งเพอร์เซโฟนีพร้อมเพื่อเล่นทั้งมวลชวนกันลงเที่ยวสวนดอกไม้ เท่ยวเด็ดดอกไม้อนจรุงกลิ่น สอดสร้าย ร้อยมาลัยอยุ่เป็นที่สำราฐ บังเอิญฮาเดอส ขึ้บรถทรงเล่นผ่านมาทงนั้น ได้ยินสรวลสรรหารรษาร่างเริงระคลเสียงขับร้องของ เห่านางอัปสรสาวสวรรค์ลอยมา เธอจึงหยุดรถทรง ลงไปเยี่ยมมองทางของสุม ุมพุ่มไม้ ครั้งพบเทวีรุ่นและคราฐทรงโฉมวิลาสวิไลให้นึกรัก จะเอาไปไว้ในยมโฃกจึงก้าวกระชางชิงอุ้มเพอร์เซโฟนีเทวีขึ้นรถไปในทันที
            ฮาเดสขับรถเร่งไปจนถึงแม้น้ำ ไซเอนี ซึ่งขวางหน้าอยู่เห็นน้ำในแม่น้ำเกิดป่วนพล่านแผ่ ขยายท่วมท้นตลิ่งสกัดกั้นเธอเอาไว้ จึงชักรถไปทางอื่นใช้มือถือคู่หัตถ์มีง่าม 2 แฉก กระแทกกระทุ้งแผ่นดินให้แยกออก เป็นช่อง แล้วขับรถลงไปยังบาดาล ในขณะเดียวกันนั้น เพอร์เซโฟนีแก้สายรัดองค์ขวางลงในแม่น้ำ ไซเอนี พลง ร้องบอกนากอัปสรประจำแม่น้ำให้เอาไปถวายเจ้าแม่ดิมิเตอร์ ผุ้มารดาด้วย
           ฝ่ายดิมีเตอร์ แม่โพสก กลับมาจากทุ่งข้าวโพด ไม่เห็นธิดา เท่ยวเพรียกหาก็ไม่พานพบวีแววอันใด เว้นแ่ ดอกไม่ตกเรียราดกลาดเหลื่อนอยู่ เจ้ามแม่เที่ยวหา กระเซอะกระเซิงไปตามท่ต่างๆ พลางกู่เรียกไปจนเวลาเย็นใให้อาดู โทมนัสนัก ล่วงเข้าราตรีกาลเจ้าแม่ก็ไม่หยุดพักการเสาะหาธิดา จนถึงุ่งอรุรของวันใหม่ แม้กระนั้นเจ้าแม่ก็ไม่ลดละ ความพยายาม คงดั้นด้นเรียกหาธิดาไปตามทางอีก มิไ้ห่วงถึงกภาระหน้าที่ประจำที่เคยปฏิบัติแต่อย่างใด ดอกไม้ท้งปวง จึงเหียวเฉา เพราะขาดฝนชะโฃเลี้ยง ติณชาาติตายเกลี้ยงไม่เหลือเลย พืชพันะ์ธัญญาหารถูกแดดแผดเผาซบเซาหมด ในที่สุดเจ้าแม่ก็สิ้งหวังระทดระทวยหย่อนองค์ลงนั่งพักที่ริมทางใกลนครอิลูสิส ความระทมประกังขึ้นมาสุดที่จะหักห้าม แเจ้าแม่ก็ซบพักตร์ กันแสงให้ตามลำพัง
            ในระหว่างที่ยังไม่พบธิดานี้ มีเรื่องแทรกเกี่ยวกับเจ้าแม่ดิมิเตอร์เกิดขึ้นเรื่องหนึ่งสมควรจะเล่าไว้เสียด้วย เพื่อมิให้ผุ้หนึ่งผุ้ใดรู้จัก เจ้าแม่ดิมิเตอร์ได้จำแลงองค์เป็นยายาแก่ ในขณะที่เจ้าแม่นั่งพัก พวกธิดาของเจ้านค อีลูสิสรูว่ายายแก่มานั่่งคร่ำควรญคิดถึงลูก บังเกิดความสังเวชสงสร แลเพื่อที่จะให้ยายหายโศกเศร้านางเหล่านั้นจึงวน ยายแก่เข้าไปในวังให้ดุแลกุมาร ทริปโทลีมัส ผุ้น้ำง ซึ่งยังเป็นทารกแบเบาะอยู่
            เจ้าแม่ดิมเิตอร์ยอมรับภาระนี้ พอลูบคลำโอบอุ้มทารก ทารกก็เปล่งปลั่งมนวลขึ้นเป็นที่อัศจรย์แก่เจ้านครและบริษัท บริวารย่งินัก ตกกลางคืนขณะที่เจ้าแม้อยุ่ตาลำพังกับทารก เจ้าแ่คิดใคร่จะให้ารกได้ทิยภาพเป็นอมรตัยบุคคล จึงเอา น้ำต้อยเกสร ดอกไม้ชะโลมทารกพางท่องบทสังวัธยายมต์ แล้ววางทารกลงบนถ่นไฟอนเร่าร้อน เืพ่อให้ไฟลามเลียเผา ผลญธาตุมฤตยู ที่ยังเหลืออยุ่ในกายทารกให้หมดสิ้น
             ฝ่ายนางพญาของเจ้านคร ยังไม่ว่างในยากแก่นัก คอยย่องเข้าไปในห้องเพื่อคอยดู ประจบกบตอนเจ้าแม่ดีมิเตอร์ กำลังทำพิธีชุบทารกอยู่อพดี นางตกใจนักหวีดร้องเสียงหลง พลางถลับเข้าฉวยบุตรออกจากไฟ ครั้นเห็นบุตรสุดสวาทไม่เป็นอัตรายแล้ว จึงหันกลับมาจะไล่เบี้ยเอากับยายแก่เสียให้สามสมกับความโกรธแค้น แต่แทนที่จะเห็นยายแก่ หลับเห็น รูปเทวีประกอบด้วยรัศมีเรื่องรองอยุ่ตรงหน้า เจ้าแม่ตรัสพ้อนองพญาโดยสุภาพ ในการที่เข้าไปขัดขวางการพิธีเสีย ทำให้มนต์เสื่อมและชุบทารกอีกไม่ได้ แล้วเจ้าแม่ดีมิเตอร์ก็ออกจากเมืองอีลูสิสเที่ยวหาธิดาต่อไป
           
 วันหนึ่งเจ้าแม่ดีมิเตอร์พเนจรเลียบฝังแม่น้ำอยู พลันได้ประสบวัตถุแวววาวส่ิงหนึ่งอยู่แทบบาท เจ้าหม่จำ้ได้ ทันที่ว่าเป็นวาลรัดองค์ของธิดา คือสายรัดงค์ที่เพอร์เซโฟนี ท้ิงฝากนางอัปสรแ่่งแม่น้ำไซเอนีไว้ เมื่อตอนรถทรงของฮาเดส จะลงสูบาดาล เจ้าแมได้ของสิ่งนี้ยินดียิ่งนัก แสดงว่าธิดาอยู่ใกล้ที่นั้น จึงรีบดำเนินไปจนถึงน้ำพุแก้วแห่งหนึ่ง รุ้สึกเมื่อยล้า จึงลงพักทอดองค์ตามสบาย พอู้สกเคล้ิมจะหลับบ เสียงน้ำพุก็ฟ่องเฟื่องยิ่งขึ้นเหมือนเสียงพูดพึมพำ ใที่สุดเจ้าแม้ก็นับความได้ว่า เป็นความบอกปะวัติของตนในเจ้าสดับฟัง และต้องการจะแจ้งข่าวของิดาเจ้าแม่ว่าเป็นประการใด น้ำพุเล่าประวัติ ของตนเองว่ เดิมตนเป็นสางอัปสรชื่อว่า แอรธุสะ บริวารของเทวี อาร์เดมิส วันหนึ่งลง อาบน้ำในแม่น้ำ แอฟิอัส เทพหประจำน่านน้ำนั้นหลงรั แตนางไม่ไยดีด้วยจึงหนีไป ส่วนเทพนั้นก็ ติดตามไม่ลดละ นางหนีเตลิดข้ามแขาไปตลอดแว่นแคว้น ซ้ำฝ่านแดนบาดาลไปตลอดอาณาเขตของฮาเดส ได้เห็น เพอร์เซโฟนีประทับบัลลัก์อาสน์อยุ่ในที่ราชินีแห่งยมโลก ครั้งกลับขึ้นมาอ่อนแรงเห็นไม่พ้เทพแอลฟีอัสนางเสียงบุญ อะิษฐานยึดเอาเจ้าแม่ของนางเป็นที่พึ่ง เทวีเดียนาจึงโปรดบันดาลให้นางกลายเป็นน้ำพุอยุ่ ณ ที่นี้น
              เมื่อได้รู้ถึงที่อยุ่ของธิดาดังนี้แล้ว เจ้าแม่ดีมิเตอร์จึงรีบไปอ้อนวอนเทพปริณายกให้ช่วย ซุส อนุโลมตามคำวอนของ โดยมเงื่อนไขว่า ถ้าเพอร์เซโฟนีไม่ได้เสพเสวยสิ่งใดในระหว่างที่อยุ่บาดาล จะให้ฮาเดสส่งเพอร์เซโฟนีขึนมาอยุ่กับมารดา แล้วมีเทวบัญชาให้ เฮร์มีสลงไปสื่อสารแก่ฮาเดสในยมโลก เจ้าแดนบาดาลจำต้งอยอมโอนอ่นจะส่งเพอร์เซโฟนี้คือสู่ เจ้าแม่ดิมิเตอร์ แต่นขณะนั้นภูตครองความมือเรียกว่า แอสกัลละฟัส ร้องประกาศขึ้นว่า ราชินีแห่ง ยมโลกได้เสวยเมล็ดทับทิมแล้ว 6 เมล็ด ในที่สุดจึงตกลงกันเป็นยุติว่า ในปีหนึ่งๆ ให้เพอร์เซโฟนีเทวีอยู่กับฮาเดสในยมโลก 6 เดือน สำหรับทับทิมที่เสวยเมล็ดละเดือน และให้กลับขึึ้นมาอยุ่กับมารดาบนพิภพอีก 6 เดือน สลับกันอยู่ทุกปีไป ด้วยเหตุนี้เมือ่เพอร์เซโฟนีเทวีอยู่กับมารดา ดลกจึงอยุ่ในระยะกาลของวสันตฤดู พืชพนะธัญญาหารนานาชนิดผลิดอก ออกผล และเมื่อเพอร์เซโฟนีเทวีลงไปอยุ่ในบาดาล โลกก็ตกอยู่ในระยะกาลของเหมันตฤดู พืชผลท้งปวงร่วงหล่นซบเซา อันเป็นความเชื้อของชาวกรีก และโรมันโลราณ ตามเรื่องที่เล่ามาฉะนี้
            มีเร่องเล่าต่อมาว่า เจ้าแม่ดีมิเตอร์พบธิดาแล้ว ก็กลับไปยังเมืองอีลูสิสอีก เพราะว่าเจ้า ครองนครกับางพญาปลุกวิหารภวายเจ้าแมไว้ที่นั้น เพื่อให้มนุษย์รู้จักการทำไร่ -ถนา เจ้าแม่ได้ังสอน ทริปโทลีมัน ซึ่งเติบโตเจริญวัยเป็นผุ้ใหญ่แล้ว ใหู้้จักใช้ไถ จอบ และเคียว สังสอนชาวนาสืบๆ กันาจตราบเท่าบันนี้...https://sites.google.com/site/chattarikajomfoo/xarythrrm-krik-

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...