โอดิน เทพเจ้าสูงสุดของชาวยุโรปเหนือ เป็นเทพเจ้าที่ใว่หาความรู้ ยึดมั่นในสัจจะ ช่วยเหลือผุ้อืน และออกผจญภัยเพื่อใช้ชีวิตให้คุ้มค่า รบอย่างกล้าหาญเพื่อให้ได้ตายอย่างมีเกี่ยรติในนามรบ ให้ลูกหลานนำเรื่องราวของตนไปเล่าขานในฐานะวีรบุรุษ แลเพื่อให้ดวงวิญญาณได้รับเลือกให้เข้าร่วมับกองทัพเทพ ร่วมต่อสู้กับยักษ์ในันสิ้นโลก (ไวกิ้งเป็นตัวอย่างหนึงของชนที่นับถือศาสนานี้)
แม้เทพโอดินทรงสร้างโลกแต่พระองค์ก็ไม่สามารถล่วงอนาคตของโลกได้ โดยเฉาพะความลับสูงสุดของจักรวาล การถือกำเนิด ชีวิตหลังความตาย และอนาคตของโลก เพื่อให้ทรงทราบความลับเหล่านี้ จึงทรงทรมาณองค์เองโดยผูกเท้าข้างหนึ่งกับพฤาษาที่เป็นแกนกลางของโลก แทงหากที่สีข้าง ทรมานอยู่ 9 วัน 9 คื อจนถึงกับสิ้นพระชนม์ แต่แล้วก็ทรงฟื้นคืนขึ้นมาใหม่โดยไม่เจ็บปวด แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยปรีชาญาณ ทรงบันทึกสิ่งที่พระองค์ค้นพบในรูปแบบอังษรศักดิ์สิทธิ์ 24 ตัว เรียกว่า รูนส์ ซึ่งต่อมาทรงพระราชทานรุนส์แก่ชาวโลกเพื่อให้ใช้ในฐานะเทพยากรณ์
ในที่สุด ทรงล่วงรุ้อนาคต รู้วันสิ้นโลก รู้ว่าในวันข้างหย้า ดลกจะถึงกาลแตกดับ แต่ก่อนจะถึงการแตกดับ พระองค์จะทะนุถนอมโลกที่ทรงสร้างอย่างดี เพื่อเมื่อถึงวันโลกาวินาส จะไ้ดมีเทพและอนนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ไปสร้างโลกใหม่ที่มีความสุข แต่ยังทรงต้องการความรู้เพื่อเติม จึงทรงไปที่รากของต้นไม่อีกก์ตราซิลเพื่อดื่อมน้ำพุวิเศษที่ทำให้กลายเป้นผุ้รอบรู้ ที่บ่อน้ำพุนี้มียักษ์ตนหนึงเผ้าอยุ่ ชื่อมีเมียร์ กากจะทรงถืออำนาจดื่มนำพุเลย ในฐานะจอมเทพย่อทรงกระทำได้ แต่พระองค์ไม่ทำเพราะเห็นว่าเป็นการกระทำของครโฉด จึงทรงแลกเปลี่ยนดวงตาข้างหนึ่งเพ่อการได้ด่ืมน้ำ ยักษ์ยินยอม แล้วพระองค์ก็ทรงดื่มน้ำนั้นจนหมดบ่อ
แม้จะทรงมีหอกวิเศษกุงเนยร์ อันเป็นหอกที่ไม่เขนยพลาดเป้าเป็นอาวุธแต่กลับไม่่อยได้ใช้อาวุธขงอพระองค์เท่าใดนัก ว่ากันว่าพระองค์จะได้ใช้หาอนี้อย่างแท้จริงก็คือในวันที่สงสรามแร็คนาร็อก แต่อย่างใดก็ดี ก็ไม่ช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากคมเขียวองพยาสุนัขป่าเฟนริส์ได้
ทรงมีสัตว์คืออีกาคู้ และถือเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ชือ ฮุกิน (ความคิด) และมูนีน (ความจำ) อีกาทั้งสองจะบินไปรอบโลก เพื่อนำข่าวคราวของสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกมาแจ้งแก่พระองค์ แทรงเลียงสุนัขป่าขนสีเงินอีกสองตัวคือ เกรี และเฟรคี สุัขทั้งอสงมันั่งอยุ่แทบพระบาท คอยกินอาหารที่ถุกนำมาถวาย ด้วยพระองค์ไม่โปรดอะไรนอกจากเลห้าน้ำฝึ่ง ทรงมีพาหนะคือม้าสเลปไนร์ ซึ่งมีขาถึง 8 ขา จึงทำให้มันวิ่งเร็วกว่าม้าใดๆ
ทรงมีมเหสีเอกคือเทวี ฟริกก์ และต่อมาทรงรับเทวีเฟรยาเป็นมเหสีอีกองค์ เทวีฟริกกาทรงเปี่ยมไปอ้วยเมตตา ปราศจากความอจฉาริษยา เทวีเฟรายาจึงเคารพพระนางเป็นอย่งยิ่ง ไม่เคยทำอะไรให้มเหสีเอกต้องขุ่นเคื่องพระทัย...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99
โอดินดำรงฐานะจอมเทพ (เทพแห่งเทพ สูงทีสุในบรรดาเทพชาวเหนือทั้งหลาย แต่พระองค์กลับมีความรัดทนมาตลอด สิ่งที่พระองค์ทรงมีคือวามแข็งแกร่ง ความแข้งแหร่งของชาตนักรบที่ถึงแม้จะรู้จุดจบของตัวแงและพวกพ้อง ก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือขลาดเขลาใดๆ ออกมา ความแข็งแกร่งชองจิตใจเป็นจุดเด่นของเทพโอดิน ทำให้ผุ้คนยุดรปภาคกลางซึ่งก็คือคนเชื้อชาติเยรมันยอมรับนับถือเป็นอย่งยิ่งแต่เรียกชื่อโอดินเพืนไปจากเดิมบ้ง ซึ่งในความหมายเทพพิทักษ์นักรบ เป็นที่มาของชื่อวันพุทธ ในภาษาอังกฤษนันเอง
โอดินเป็นบุตรของบอร์ เทพเริ่มแรกของโลก และบรรดาเทพอื่นๆ ที่อยู่บนแอสการ์ด ต่างก็เป็นลูกหลายของเทพองค์นี้ชะเหือบทั้งสิ้น รูปร่างของโอดินในความนึกคิดของชาวเหนือส่วนใหญ่จึงเป็นชายชราส่วมหมากปีกกว้างซ่อนใบหน้าไว้ในเงามือด นั่งอยุ่บน "ลัลลักง์กฮลิสเกียบ " ซึ่งทำให้สามารถสอดส่องความเป็นไปต่างๆ ในโลกทั้งเก้าได้โดยมี "หรีกก้า" ชายาคนที่สอง นั่งเคียงข้างบนลัลลังก์องค์นี้เได้เพียงผู้เดียว..
โอดินมีเมียหลายคน มีทั้งเทพด้วยกันและยักษีประเภทต่างๆ ทว่า พวกที่ไดรับการยกยอ่งมีอยุ่ ก็คือเม่ียคนแรก จอร์ด หรือ เออดา เป็นลูกของภาวะหมุนวนสับสนรอบๆ กินนันกาแก๊บกับยักษีตนหนึ่งไม่ปรากฎนาม
โอดินมีลูกับชายผุ้มีกำเนิดค่อนข้างประหฃลาดคนหนึ่ง คือ "ธอร์" เทพแห่งสายฟ้าผุ้ซึ่่งแข็งแกร่งที่สุด ชายาคนที่สามชื่อว่า "รินด้า" คนนี้เป้นตัวแทนของความแห้งแล้ง ชองแผ่นดินที่หนาวเหน็บในช่วงหน้าหนาว ตอนไหนที่เจ้าหลอนไปอยู่กับสามี แผ่นดินที่เคยหนาวเหน็บจะอุ่นขึ้น (ก็เจ้ามแม่แห่งความหนาวไม่อยุ่เสียแล้วนี่) เป็นช่วงที่ตรอนเหนือมีฤดูร้อนช่วงสั้นๆ ความที่รินด้าเจ้าแม่แห่งความแห้งแล้งจากแ่นดินถ่ินที่อยู่ของมนุษย์แค่ช่วงสั้นๆ ชาวเหนือเลยทึกทัให้หล่อนเป็นภรรยาที่มีนิสัยค่อนข้างรังเกียจสามี นางให้เวลาโอดินอยู่ด้วยเพียงปีละช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แต่กับรินด้า คนนี้ โอดินก็มีลูกด้วย ชือว่า "วาลี" เป็นหนึ่งในบรรดาเทพ ไม่กีองค์ทีเหลือรอดจากแร็กนาร็อคและเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งเกี่ยวกับความตายของ "บาลเดอร์" เทพแห่งสัจจะและแสงสว่าง
โอดินจะแต่งตัวแบบนักรบเสมอๆ เทพจะถือ "หอกกังเนอร์ หรือ กุลงนิล" อาวุธประจำกาย ใส่ "แหวนดรอพเนอร์" มันคือวงกลมซึ่งเป็นูปทรงที่พลังของมันจะหมุนอยู่ตลอดไป มีอีกาชื่อ "ฮิวกิน" (ความคิด) และ "มิวนิน" (ความจำ) เกาะบนไหล่ซ้ายขวาคอยกระซบบอกข่าวใหม่ๆ ที่นายสังให้มันบินออกไปสังเกตเป็นพิศษ นอกจากนกทั้งสองตัวนีอดินยังมีสัตว์เลี่ยงแสนรักเป็นหนามป่าอีกสองตัวชือ "เอกรี่ไ และ "เฟรกี้" ซึ่งมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับเขามาก นัยว่านิสัยของมันคือสัญชาตญาณการล่าที่มีอยู่ในตัวมหาเทพนั้นเอง หมาป่าทั้งสองตัวมักจะคอยอยู่ข้างๆ นาย รับอาหารจำพวกเนื้องที่เขาเอามาวางไว้ตรงหน้าโอดิน ในเมื่อจอมเทพ ไม่กินเนื้อ สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังชีพในสวรรค์ได้เป็นอย่างดีคือ เหล้าน้ำผึ้ง...
โอดินคิดจะสะสมกำลังไว้วันข้างหน้าอย่างน้อยก็ไม่ได้ตายอย่างเสียเกี่ยติเกนไป เทพจัดตั้งกองทัพ "วัลคีรี่" ขึ้น คือ นางฟ้าดำแห่งความตาย ทั้งๆ ที่รูปลักษณืงดงาม ผิวขาว ผมทอง เป็นสาวพรหมจรรย์ซึ่งมฐานะกึ่งเทพ วัลคีรีที่แท้คือแรงเร้าแห่งการฆ่า พวงหางมีหนาที่สองอย่งคื อสรรหาเลือกเฟ้นวิญญานักรบผุ้กล้ากับคอยดุแลเลี้ยงดุเขาในวัลฮัลลา
เมื่อไรก็ตามที่เกิดการบในโลกมุย์ โอดินจะสงวัลคีรี่ไปรอดู นักรบคนใดสู้ตายชนิดที่ยังมีความกระหายสงคราม ค้างอยู่ในแววตา แม้มือจะเต็มไปด้วยเลือด วัลคีรีก็จะเลื่อกคนนั้นไปกับพวกหล่อนข้ามสะพานรุ้งน้ำแข็งขึ้นไปบนวัลฮัลลา วิญญาณ นักรบพวกนี้เรียกกันว่า พวกเอนเฮเรียร์
โอดินมีราชวังใหญ่ ๆอยู่สามแห่งในแอสการ์ด คือ "แกลดเฉม" โถงที่ประชุมของเทพ "วาลาเคียฟ" ฮลิคสเคียฟ" และ "วัลฮัลลา" พระราชวังซึ่งเป็นที่อยุ่ของพวกวิญญาณนักรบที่ได้รับเลือกขึ้นมา อันนี้ตั้งอยุ่ใ "เกลเซอร์" กลางป่าวิเศษซึ่งใบไม้ในป่านี้เป็นสีทองอดแดง
วัลฮัลล คือพระราชวังที่มีขนาดมหัศจรรย์ เล่ากันว่ามีประตูเข้าออกถึง 540 แห่ง แต่ละแห่งกว้างพอที่จะให้นักรบตัวโตๆ แปดคนเดนเรียงแถวหน้ากระดานเข้าไปได้อย่างสบายๆ ที่นีมีโต๊ะยาวเป็นจำนวนมากให้พวกเอนเฮเรียร์เขาประจำที่ คบไฟจุดไว้ตามผนัง แสงคบเพลิงสะท้อนใบหอกเป็นประกายวาววับอยู่ในแสงไฟ อาหารเตรียมพร้อมไวมากมาย ไม่่ว่าจะเป็นหมูย่างเบียร์หรือเหล้าน้ำผึ้ง
วัคีรีตะมีหน้าที่ คอนดูแลเหล่านักรบ ในเรื่องอหารและคเรื่องดื่ม เนื้อที่ใช้เสริ์บนวัลฮัลาเป็นเนื้อที่มาจากหมูป่าของเพทตัวหนึ่งชือ "แซ่ริมนอร์" มันจะถูกพ่อครั้ง "แอนด์ริมเนอร์" เชื่อดทุกวัน อพการเลี้ยงเสร็จสิ้นลง หมู่แซริมเนอร์ก็รวมตัวกันขึ้นใหม่ กลายเป็นหมูป่าสำหรับพ่อครัวเชื่อดวนเวียนไม่รุจบ ทำให้วัลฮัลลาไม่เคยขาดเนื้อในการเลี้ยงเลย
หลังจากกินอาหารแล้ว นักรบเอนเฮเรียร์จะพากันจบอาวุธออกไปที่ลามรอบวัง ฝึกปรือการต่อสู้ หรือส่วนใหญ่ต่อสู้กันจริงให้ตาย รอจนกระทั้งเสียงเป่าแขาเรียกกินอาหารเย็น จึงเขัาร่วมโต๊ะกันอีกหน โยมีโอดินนั่งเป็นปรธานที่สุดห้องโถง พระองค์จะนั่งดุนัรบเหล่านนั้นสนทนาพูดคุยกันอย่างมีความสุข หวังเพียงแค่ักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลานักรบพวกนี้จะสามัคีร่วมมือในศึกครั้งสุดท้ายอย่างดีที่สุดhttps://my.dek-d.com/Darkzear/writer/viewlongc.php?id=508212&chapter=6