มากขึ้นตามแนวทางของพรรคการเมือง ความขัดแย้งที่เพทิ่มมากขึ้นนี้จะทำให้รัฐนี้ห่างไกลจากความเสมอภาคทางการเมืองในหรือไม่
เศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และความสามารถในการซื้อที่อยุ่อาศัย เป็นสิ่งที่ผุ้มีสิทธิเะลือกตั้งในเนวดาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก พรรครีพับลิกันโต้แย้งว่าเศราฐกิจกำลังแย่ลงในขณะที่ เดโมแครต แย้งว่าเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น และปัญหาที่ถกเถียงกันซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรากฎในบัตรลงคะแนนในเดือนพฤศจริกายนนี้ เช่นสิทธิในการทำแท้ง การกำหนด ให้ต้องแสดงบัติประจำตัวผุ้มีสิทธิเลือกตั้งและการอนุญาตให้ครูหยุดงาน ล้วนมีส่วนทำให้เกิดการโต้เถียงกันระหว่งกลุ่มชาติพันธ์ในท้องถ่ินและระดับรัฐ
เมื่อพิจารณาการเมืองของเนวาดา พบว่าตัวแทนทางการเมืองจากพรรคการเมืองหลักทั้งสองพรรคมีความสมดุลกัน อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาให้ละเอียดขึ้นจะพบว่าภุมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปในช่่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ในทางวัฒนธรรม เนวาดมีความเกี่ย่วข้องกับการแต่งงานและการหย่าร้างที่ง่ายดาย การพนัน ในคาสิโน การค้าประเวณอยางถุกกฎหมาย และความคิดที่หละหลวมและทำอะไรก็ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยสโลแกนอันโด่งดังที่ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นจที่นี่จะอยู่ที่นี่"
ในความเป็นจริง เนวาดาก็เป็นรัฐอนุรักษ์นิยมทางการเมืองเช่นกัน แม้ว่าแต่ในกลุ่มเดโแมครต ภาพที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้ภูมิทัศน์ทางการเมืองเปลี่ยนไประหว่างการครอบงำของพรรครีพับลิกันและเดโแมครตท่ั้งในระดับรัฐบาลกลางและระดับรัฐ
ตั้งแต่ก่อตั้งเนวาดา ในปี 1864 จนถึงปี 1890 พรรครีพับลิกันเป็นผุ้นำรัฐ ผุ้แทนระดับรัฐกลางและระดับรัฐทั้งหมด ยกเว้นสมาชิกสภานิติบัญญัติ 2 คน เป็นเดโมแครตจในปี 1864 เมื่อเนวาดากล่ายเป็นรัฐที่ 36
ตั้งแต่ปี 1890-1908 เนวาดาอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคเงินซึ่งสนับการผลบิตเหรียญเวงินอย่างไม่จำกัด ซึ่งเป็นปัญหาเศราฐกิจที่สำคัญในอเมริกาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ภายในปี 1902 กลุ่มที่สนับสนุนเหรียญเงินส่วนใหญ่ในเนวาดาถุกพรรคเดโแมครตของรับเข้าควบคุม
ตั้งแต่ปี 1908-1930 การควบคุมของพรรครีพัลิลกันและเดโแมครตแบ่งออกเท่าๆกัน โดยเดโแมครได้รับชัยชนะมากกว่าแต่พรรครพัลิกันกลับได้รับชัยชนะในระดับประธานาธิบดีและผุ้ว่การรัฐมากกว่า
หลังจากได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจากพรรคเดโแมครต แฟรง กลิน ดี. โรลเวลต์ ในปี 1932เดโแมครตมีอิทธิพลทางกเารเมืองในเนวาดาจนถึงช่วงทฯศวรรษที่ 1980 เมื่อรีพัลิลกันกลัมามาีอิทธิพลอีกครั้ง และในช่วงปลายปี 1995 จำนวนผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งของพรรครีพัลิลกันก็มีมากว่าพรรคเดโแมครตในเนวาดาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930อย่างไรก็ตาม ในปี 2004 กระแสทางการเมืองได้เปลี่ยแลับมาที่พรรคเดโมแครตอีกครั้ง เนื่องจากความพยายามที่เข้มแข็งในการรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิลงคะแนนของพรรคเดโมแครต
เนวาดาเป็นรัฐสหภาพที่แข็งแกร่งมาก สหภาพแรงงานด้านการประกอบอาหารซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานบริการในนวาดากว่า 60,000 คนมีอิทธฺิพลเป็นพิเศษ "เครื่องจักรรีด" ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่หลวมๆของกลุ่มหัวก้าวหน้าที่ตั้งชื่อตามผุ้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ผุ้ล่วงลับ แฮร์รี รีด เร่ิมทำงานในช่วงกลางทศวรรษ 1990 โดยสหภาพแรงงานพยายามลงทะเบียนสมาชิกชนชั้นแรงงาน คนหนุ่มสาว ชาวละติน คนผิวสี และชาวเอเชียเป็นผุ้มีสิทธิเลือกตั้งความพยายามเหล่านี้ทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากที่พรรคเดโมแครตพ่ายแพ้ในปี 2002 สหภาพแรงงานและกลุ่มหัวก้าวหน้าทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าผุ้คนลงคะแนนเสียงให้ไม่ว่าจะด้วยการลงคะแนนเสียงล่วงหน้า การลงคะแนนสเียงด้วยตนเองในวันเลือกตั้ง หรือทางไปรษณีย์
ความพยายามเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดเจนที่สุดต่อสภานิติบัญญัติของรัฐ ซึ่งพรรคเดโแมครตมักจะควบคุมสมัชชาของรัฐมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 1997 ยกเว้นช่วงสมัยประชุมสองปีในปี 2015 และเป็นผุ้นำวุฒิสภาของรัฐมาตั้งแต่ปี 2009 ยกเว้นช่วงสมัยประชุมของปี 2015 ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา คณะผุ้แทรระดับรัฐบาลกลางของเนวาดาล้วนเป็นเดโมแครต ซึ่งเคยครองที่นั่งในสภาผุ้แทนราษฎรของสหรัฐฯ 3 จาก 4 ที่นั่ง และที่นั่งในวุ?ิสภาของสหรัฐฯ 2 ที่นั้ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการขึ้นทะเบียนสมาชิกพรรคเดโแมครตเพ่ิมขึ้นและมีการพยายามของ "เครื่องจักรของรีด" แต่ผุ้ว่าการรัฐเกือบทั้งหมดที่ได้รับการเลือกตั้ง ตั้งแต่ปี 1998 ล้วนเป็นพรรครีพัลลิกัน ข้อยกเว้นเพียงกรณีเดียวคือการเลือกตั้งสตีฟ ซิโซแล็ก จากพรรคเดโมแครตให้ดำรงตำแนห่งเป็นเวลา 4 ปีในปี 2018
ความแตกต่างระหว่างพรรคการเมืองในหมู่ผุ้ดำรงตำแหน่งในระดับรัฐบาลกลางและระดับรัฐเกิดขึ้นเนื่องจากชาวเนวาดาเป็นที่รุ้กันดีว่าเป็นผุ้แยกคะแนนเสียง โดยภาคภูมิใจในการลงคะแนนเสียงโดยพิจารณาจากประเด็นและบุคคล มากกว่าความภักดีต่อพรรคหรืออัตลักษณ์ของตน
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระทางการเมืองขอชาวเนวาดา ในปี 1976 รัฐได้เพ่ิม "นอน ออฟ ธีส แคนดิเดทส์" เป็นตัวเลือกสำหรับตำแหน่งในระดับรัฐและระดับรัฐบาลกางทั้งหมด รัฐนี้เป็นรัฐเดียวในสหรัฐฯ ที่มีตัวเลือกนี้
รูปแบบการลงคะแนนเสียงของรัฐเนวาดาทำให้ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งของรัฐได้เลือกผุ้ชนะในการเลือกตั้ประธานาธิบดี ได้อย่าง น่าเชื่อถือ จากการเลือกตั้งประธานาธิบดี 40 ครั้ง ที่รัฐเนวาดาเข้าร่วมตั้งแต่ปี 1864 ถึงปี 2020 รัฐได้ลงคะแนนเสียงให้กับผุ้สมัครที่ได้รับชัยชนะ 33 ครั้ง และในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 23 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1912 คะแนนเสียงเลือกตั้งของรัฐได้มอบให้กับผุ้สมัครที่ได้รับชัยชนะในการเลือตั้งเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียสองครั้ง
https://lasvegassun.com/news/2024/sep/06/trump-to-jewish-republicans-at-las-vegas-conferenc/