ผุ้เข้าร่วมในการกำหนดนดยบายของรัฐมีแนวโน้มที่จะระบุตัวตนว่าเป็น รีพับลิกันมกากว่าประชากรวัยผุ้ใหญ่ของมิชิแกน แต่พวกเขาไม่ได้เป็นอนุรักษ์นิยมมากนัก ตามผลลัพธ์ของ "มิชิแกน โพลิซี อินไซด์เดอร์ ปาเนล"
ซึ่งเป็นการสำรวจกลุ่มผุ้มีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดนโยบายของรฐทางออนไลน์ เป็นความร่ว่มมือระหว่างสภาบันนโยบายสาะารณะและการวิจัยสังคมแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท และศุนย์นดยบายท้องถ่ิน รับและเมืองเแห่งมหาวิทยาลับมิชิแกน ผลการสำรวจได้รับการเผยแพร่ในรายงาน
แมทท์ กอร์สแมนน์ ผุ้อำนวยกาาร เวปไซด์ดังกล่าว กล่าวว่า "นักการเมืองระดับรัฐมือคติมากกว่าประชาชนในรัฐมิชิแกน แต่พวกขาไมได้เป็นพวกหัวรุนแรงทางอุดมการณ์ สวนใหญ่จัดตัวเองอยุ่ในกลุ่มกลางๆ ทางอุดมการณ์ และมีแนวดน้มน้อยกว่าพลเมืองคนอื่นๆ ที่ะเรียกตัวเองว่าเป็นพวกอนุรัาณ์นิยม โดยเฉพาะอย่างย่ิงในฝ่ายบริหารและชุมชนผุ้สนับสนุน"
โดยทั่วไปแล้ว นักรัฐศาสตร์มองว่ากลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองเป็นตัวขับเคลื่อนความแตกแยกทางอุดมกาณ์ แต่ผลการสำรวจ แสดงให้เห็นว่าผุ้นำของรัฐมีทัศนคติที่เป็นกลางมากกว่า จากผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 16.1 % ระบุว่าตนเองเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม 60.5% ระบุว่าตนเองอยุ่ระดับกลาง และ 23.4% ระบุวา่ตนเองเป็นฝ่ายเสรีนิยม
ในประชากรทั่วไปของมิชิแกน ร้อยละ 39.8% เรียกตัึวเองว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ร้อยละ 36.2 เชื่อว่าตัวเองอยุ่ใระดับกลาง และร้อยละ 24 ระบุว่าตัวเองเป็นพวกเสรีนิยม
จากการสำรวจผุ้ที่ทำงานด้านนะยบายในสภานิติบัญญัติแห่งรัฐมิชิแกนฝ่ายบริหาร และชุมชนองค์กรนอกภาครัฐของแลนซิง ในบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญํติ ร้องละ 22.2% ระบุว่าตนเองเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมแต่มีเพียงร้อยละ 12.2% ของผุ้บริหารระับรัฐและผุ้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 18,5% ที่มีอิทธิพลต่อนดยลบายจากตำแหน่งนอกรัฐบาลที่ระบุตนเองว่าเป็นฝ่ายอนุรักษณ์นิยมผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในพรรครีพัลลิกันของรัฐมิชิแกนส่วนใหญ่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม แต่ผุ้ที่เป์นสมาชิกพรรครีพับลิกันในพรรคมีแนวคิดที่ค่อนข้างเป็นกลาง ไสิ่งทนี้อาจช่วยอธิบายได้ว่าทำไมกลุ่มคนชั้นนำของพรรครีพับลิกันจึงมักขัดแย้งกับฐานเสียงของพรรค" กรอสแมนน์กล่าว
รายงานแบับใหม่ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลปรชะากรและทัศนคติทางการเมืทองของคนในมิชิแกน รวมถึงความไว้วางใจที่พวกเขามีต่อรัฐบาลและการอนุมัติต่อผุ้ว่าการรัฐ ริก สไนเดอต์และประธานาธิบดี บารัค โอบามา
ผุ้ตอบแบบสำรวจยังได้แสดงมุมุมองเกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญที่สุดที่สภานิติบัญญัติและผุ้ว่าการรัฐต้ิงเผชิญ โดยส่วนใหญ่มักจะกล่าวถึงเรื่องการศึกษาและดครงสร้างพื้นฐาน
การสำรวจออกแบบมาเพื่อให้เปรียบเทียบกับมุมองที่สดงดดยประชาชนทั่วไปใน ซึ่งเป็นการวัด
ทัศนคติและความคิดเห็นที่แสดงออกโดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทุกๆสองปี
ทอม ไอแวคโก ผุ้ดุแล "โคสอัพ" กล่่าวว่า "เราเห็นว่าที่เป็นกิจการใหม่ที่น่าตื่่นเต้น ซึ่งเป็นก้าวแรกที่โดดเด่นในการทำความเข้าเพื่ิมเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัฐ" ขณะนี้การสำรวจครั้งที่ 2 ได้ดำเนินการภคสนามแล้ว โดยขอให้คณะผุ้เชี่ยวชาญคาดการณ์ผลการเลือกต้งประธานาธิบดีปี 2016 และการประชุมสภานิติบัญญัติมิชิแกนในช่วงระกว่างการเลือกตั้งจนถึงสิ้นปี การสำรวจทางออนไลน์ได้เชิญผุ้บริหารหน่วยงานระดับสุงของรัฐ สมาชิกสภานิติบัญญัติของมิชิแกน และ(ุ้ช่วงเจ้าหน้าที่ นักล็อบบี้ของสมาคมและองค์กร ผุ้เชี่ยวชาญด้านประชาสัมพันธุ์แลสื่อมวลชน เข้าร่วมในคณะกรรมการ
ผุ้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 537 คนตกลงที่จเะข้าร่วมเป็นคณะกรรมและตอบแบบสำรวจเสร็จสิ้นระหว่างวันที่ 14 กันยายน -2 ตุลาคม "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีบุคคลวงในทางการเมืองจากหลากหลายรัฐเข้าร่วม เราได้เรียนรุ้อะไหรมากมายจากข้อมุลเบื้องต้นที่พวกเขาแบ่งปันและเรารอคอนยที่จะประเมินมุมุมองของพวเขาเป็นประจำ" อีลิค กอนซาเลซ เจินกี้ นักรัฐศาสตร์จาก MSU ซึ่งเป็นผุ้อำนวนการร่วมของดครงการกล่าว
สำนักงานวิจัยการสำรวจของ สถาบันนโยบายสาธารณะและการวิจัยสังคม (IPPSR) ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการวิจัยการสำรวจที่เข้มงวด ได้จัดและดำเนินการสำรวจแบบกลุ่มออนไลน์ "คาเรน คลาร์ค" ทำหน้าที่เป็นผุ้จัดการโครงการและสามารถตอบคำถามเชิงวิธีการจาก(ุ้เข้าร่วมการสำรวจได้IPPSR นำการวิจัยไปใช้กับปัญหาเร่งด่วนด้านนดยบายสาะารณะ และสร้างความสัมพันธ์ในการแก้ไขปัญหาระกวางชุมชนวิชาการและผุ้กำหนดนโยบาย โดยเป็นที่ตั้งของโครงการ มิชิแกน โพลิทิคอล ลีดเดอร์ชิฟ โปรแกรม" โครงการ "เลจิสเลทีฟ ลีดเดอร์ชิพ โปรแกรม" สำนักงานสำรวจวิจัย โึครงการ สเตรท ออฟ เดอะ สเตรท" ฟอรัมนดยายสาะารณะ และทุนวิจัยนโยบายสาะารณะประยุกต์ของมิชิแกน
https://ippsr.msu.edu/news/michigan-policy-insiders-neither-liberal-nor-conservative
จากการเลือกตั้งประะานาะบิดีที่วุ่นวายและบรรากาศทางการเมืองที่ตึงเครียดทั้งในระดับท้องถ่ินและ
ระดับประเทศ การสำรวจเมืองเร็วๆ นี้ดดยมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนีย-ลอสแอนเจลิสเผยให้เห็นว่านักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยมิชิชแกนมากกว่าหนึ่งนสามคิดว่าตัวเองอยุ่ "กลางๆ" เมือพุดถึงแนวทางทางการเมืองของพวกเขา
"เฟรสแมน เซอร์เวย์" เป็นการศึกษาประจำปีของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทั่วประเทศ และดำเนินการโดยสถาบันวิจัยการศึกษาระดับสุงของ UCLA มาเป็นเวลากว่า 50 ปี รายงานประจำปี 2016 จัดทำขึ้นโดยอิงจาคำตอบของนักศึกษาชั้นปีที่1 เต็มเวลา 137,456 คนจากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย 184 แห่งในสหรัฐอเมริกา จากนั้นรายงานจะถูกรวบรวมเพื่อแสดงการนำเสนอในระดับประเทศ และตามโรงเรียน นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของ UM มากกว่า 72% หรือ 4,886 คน เข้าร่่วมการสำรวจครั้งนี้
ที่มหาวิทบาลัยมิชิแกน ผุ้ตอแบบสอบถามร้อยละ 34.1% ระบุว่าตนเองเป็นคนกลางทางการเมือง ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มที่ลดลงทั่วประเทศ เนื่องจากนักศึกษาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนขึ้นในทิศทางใดทิศทางหนึ่งในทางกลับกัน นักศึกษามหาวิทบายมิชิแกนร้อบฃละ 43.7% ระบุว่าตนเองเป็นเสรีนิยม ซึ่งเพ่ิมขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากนักศึกษาประมาณร้อยละ 28 ในปี 1997
แม้ว่าร้อยละ 15.4 ระบุว่าตนเองเป็นอนุรักษ์นิยม แต่ตัวเลขดังกล่ายแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผุ้ตอบแบบสอบถามที่เหลือไม่ได้ระบุแนวโน้มทางการเมือง ผลการสำรวจทัวปรเทศแสดงให้เห็นว่าผุถ้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 42.3 ระบุว่าตนเองเป็นคนกลางในขณะที่้อยละ 35.5 ระบุว่าตนเองเป็ฯเสรีนิยม และร้อยละ 22.2 ระบุว่าตนเองเป็นอนุรักษ์นิยม
นักศึกษาใหม่ของ UM ส่วนใหญ่กล่าวว่าความอดทนต่อผุ้ที่มีความเชื่อที่แกต่างนั้นเป็นจุดแข็งที่สำคัญหรือเป็นจุดแข็งของพวกเขาในระดับหนึ่ง ดดยนักศึกษาฝ่ายอนุรักษ์นิยมร้อยละ 75 นักศึก๋ษ่ฝ่ายกลางร้อยละ 92 ยืนยันเช่นนั้น
การสำรวจดังกล่าวยังสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองต่างๆ โดยรวมแล้วผุ้หญิงมีแนวโน้มที่จะเห็นด้ยมากกว่าผุ้ชาย ต่อประเด็นคำถามต่างๆ นอกเหนือจากากรสังกัดทางการเทืองและหัวข่ออื่นๆ แบบสำรวจนี้ยังวัดความกังวลของนักศึกษาเกี่ยวกับความสสามารถในการจ่ายค่าเล่าเรียนในวิทยาลัยและสุขภาพทางอารมณ์ของพวกเขาด้วย..
UM ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้เป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 1993 แม้ว่าใสในปีนี้ UCLAจะมุ่งเน้นในด้านสุขภาพทางอารมณ์ แนวดน้มทางการเมือง และความสามรถในการจ่ายค่าเล่าเรียนของมหาวิทยาลัย แต่การสำรวจยังได้ครอบคลุมประเด็นต่างๆ มากมาย https://diversity.umich.edu/2017/07/survey-shows-varying-political-leanings-among-u-m-freshmen/