The End of God "RagnaRok" II

            .. ในยุคที่คน กลับไปมีชีวิตเหมือนสัตว์ เข่รฆ่ากันเยี่ยงสัตว์จะเรียกช่วงนี้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งอาวุธ
ก็คงไม่ผิด เมื่อช่วงเวลาแห่งอาวุธผ่านไป ก็ถึงช่วงน้ำแข็ง โลกมนุษย์ตกอยู่ในฤดูหนาวแสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามปี มันเป็นความหนาวที่สุดทนทาน น้ำแข็งและน้ำค้างแข็งปกคลุมแผ่นดินมิดการ์ดสุดลูกหุลูกตา สิ่งมีชีวิตบนโลกล้วน อดอยาก คนที่โชคดีคือคนที่ตายเพราะความหนาวก่อนจะอดตายดวงอาทิตย์ไม่ฉายแสง แผ่นดินแห้งแต่ปราศจากความอบอุ่น ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลง กระทั้งคน ก็เปลี่ยนไปเป็นคล้ายสัตว์โหดร้าย ป่าเถือน เมื่อสิ้นหน้าหนาว ความรัก ความเตตาก็หายไปจากทุ่งมิดการ์ด มีแต่ความดำมืดและความโหดร้ายเท่านั้นที่เหลือยู่หลังยุคโลหะ ยุคแห่งความหนาวก้มาถึงยุคของหมาป่า กล่าวคือนางยักษ์อังกรโบดาเมียของโกิที่ถูกพรากลูกประหลาดไป เมื่อนางเสียลูกไปหมดนางก็เลยเอาหมาป่าสกอลล์และฮาติ หมาป่าที่มีความอยากกินดวงอาทิตย์และดวงจัทร์มาตั้งแต่เกิด มาฟูมฟักแทนลุก นางเอาศพคนที่ตายเกลือนในยุคฆ่าพี่ฆ่าน้องให้มันกิน ศพพวกนี้ม่มากมายจนหมาป่าสองตัวไ่เคยอดอยากเหมือนสัตว์อื่น แต่สิ่งที่ประหลาดก็ คือ มันทั้งสองเติบใหญ่ขึ้นแข็งแรงขึ้นจเป้นหมาขนาดยักษ์เมื่อเวลามาถึง สกอลล์และฮาติไล่งับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อย่างมี่มัีนอยากทำมาเป้ฯเวลานาน สกอลล์อ้าปากอันมโหฬารงาบดวงอาทิตย์ทั้งราชรถและคนขับกร้วมเดียว ดวงอาทิตย์หายไปจากท้องฟ้า ฮาติไล่ตามดวงจันทร์ใช้กรามอันใหญ่โตขย้ำดวงจันทร์ไว้ในปากเช่นเดียวกับสกอลล์ เมื่อดาวทั้งสองหายไป หมู่ดาราที่เลื่อก็หมดกำลังใจจะส่งอแสง ทั่วทั้งโลกตกอยู่ในความมืดดำ
             
ความมือนนอนธการไม่ได้ทำลายแต่ความหวังของดวงดาวเท่าน้น แต่ทำลายพลังเวทย์ของเครื่องพันธนาการต่างๆ พวงกที่ถูกขังถูกกัก ได้รับอิสรภาพในทันที.. เฟนริสหมาป่าลูกของโลกิและอังกรโบดารู้สึกว่าจู่ๆ ริบบิ้นไกล์ปเนียร์ก็หลุดจากตัว ฝ่ายโลกิก็รู้สึกว่าโซ่ตรวนที่ตรึงอยู่หลุดออกไปเอง ไฟแห่งความเกลี่ยดชัวไหลบ่าเข้าท่วมหัวใจสิ่งขั่วทั้งสอง ดวงตาของโลกิและเฟนริสแดงด้วยความเกลี่ยดชัง
              ความมดยัวทำให้นิคฮอก พยางูที่นอนขดล้อมรากต้นอิกคราซิลมีกำลังมากขึ้นอย่างที่มันต้องการ นิคฮอคกัดรากต้นอิกดราซิล ทะลุ ทำให้ต้นไม่แห่งโลกต้นนี้สั่นสะเทือนสูงขึ้นไปถึงแอสการ์ด วินาที่ที่เขี่ยวของมันทะลุรากไก่บนยอดไม้ก็ขันเตือนภัยเทพว่า จุดจบมาถึงแล้ว เวลาเดียวกันไก่สีแดงเหมือนเลือดของเฮลก็ร้องขันเรียกนายก้องอยู่ในดินแดนิฟล์เฮม เสียงของมันทให้ไก่กลัลิงคัมบิของแอสการ์ดขันรับอีกทอดหนึ่งจากคอนที่มัน
เกาะเหนือวัลฮัลลา คราวนี้เสียงของมันได้ยินไปทั่วอาณาเขตเอนเฮเรียร์..เสียงไก่กัลลิงคัาบิคือสัญญาณอันตราย นอกจาโอดินจะได้ยินชัดเจนเต็มสองหู ไฮล์มดาลซึ่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งบนสะพานรุ้งก็ได้ยิน เขาเห็นความเป็นไปในมิดการ์ดตลอดมาหลังจากยุแห่งเลือดอันทุกข์ทรมาน ยุคแห่งความหนาวเย็นอันขาวโพลน เขาก็รู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องเป่าแตรศักดิ์สิทธิ์ "กจาล" เรียกเทพอีเซอร์และนักรบเอนเฮเรียร์ทั้งหมด ประชุมพลเพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้แล้ว...

             เสียแตร "กจาล" ปลุกให้เทพอีเซอร์และนักรบเอนเฮเรียร์แต่งตัวเตรียมรบอย่างรวดเร็ว ต่างคนต่างคว้าดาบคู่กาย ทั้งดาบขวานและค้อนกรูออกจากโต๊ะเลี้ยงในวัลฮัลล วิญญาณแอนเฮเรียร์ทั้ง 800 วิ่งผ่านประตู 540 บาน ตั้งทพยกข้าสะพานไปฟรอส สู่ทุกวิกริด Vigrid ทันก่อนที่ยักษ์เซิร์ทจะจุดไฟเผาสวรรค์แอสกาณ์ดและสะพานรุ้งน้ำแข็ง
              สมาชิกแอสการ์ดไม่ใช่พวกเดียวที่ได้ยินเสียงแตรเรียกทัพ แต่ลึกลงไปในมหาสมุทร พยางูจอร์มุนกานด์ งูที่ขดตัวล้อมมิดการ์ดก็ได้ยินเช่นกัน มัีนเร่ิมบิดตัวกระตุก การเคลื่อนไหวของสัตว์ยักษ์อย่างมันทำให้เกิดคลื่นสูงเท่าภูเขาและพายุก็ตามมา คลื่นยักษ์ปลอปล่อยเรือนนาจิลฟาร์ ที่แสนจะน่ากลัวขึ้นบนผิวน้ำ มันเป็นเรือที่เกิดจากเล็บของคนตายซึ่งญาติๆ ลืมตัดให้กอ่นจุดไฟเผาศพ เมื่อเรือนาจิลฟาร์เกยตื้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่โลกิเป็นอิสระจากพันธนาการ...https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=11
             

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Chanson de Roland

City of God (St. Augustine)

Republik Indonesia I (The Kingdom)