วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Austronesian languages : Basa Jawa

            การกำหนดลักษรณะทั่วไปของตะกุลภาาาออสโตนีเซียนทำได้ยากเพราะเป็นตระกูลที่กว้างมาก และมีความหลากหลาย โดยทั่วไปแบ่งได้เป็นสามกลุ่มย่อยคือ
            - ภาษาแบบฟิลิปปินส์ เรียงประดยคโดยให้คำกริยามาก่อน และมีการกำหนดจุดเน้นของกริยา
            - ภาษาแบบอินโดนีเซีย
            - ภาษาแบบหลังดินโดนีเซีย
           ภาษาในตระกูลนี้มีผุ้พูดมากกว่า 4 ล้านคน ได้แก่
           ภาษาชวา คือภาษาพูดของผุ้ที่อาศัยอยู่บนตอนกลางและตะวันออกของเกาะชวาในประเทศอินโดนีเซีย เป็นภาษาแม่ของมากกว่า 75 ล้านคน ภาษาชวาอยุ่ในภาษากลุ่มออสโตรนีเซียนจึงสัมพันธ์กับภาษาอินโดนีเซียนและภาษามลายู ผุ้พูดภาษาชวาพุดภาษาอินโดนีเซียด้วย สำหรับวัตถุประสงค์ทางการและธุรกิจ และเพื่อสื่อสารกับชาวอินโดนีเซียอื่นๆ มีชุมชนผุ้พุดภาษาชวาขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะรัฐเซอลาโงร์ และยะโฮร์ (คีร์ โตโย รัฐมนตรีของเซอลาโงร์ เป็นชนพื้นเมืองของชวา) อย่างไรก็ดี ภาษาชวาำม่สามารถเข้าใจกันกับภาษามลยูได้
       
ภาษาชวาอยุ่ในกลุ่มย่อยซุนดาของภาษากลุ่มมาลาโย-โพลีเนเซียตะวันตก มีลักษระทางภาษาศาสตร์กล้เคียงกับภาษามลายุ ภาษาซุนดา ภาษามาดูรา ภาษาบาหลี และภาษากลุ่มุมาตราและบอร์เนียวอื่ๆน รวมทั้งภาษามาลากาซีและภาษาฟิลิปิโน ภาาาชวาใช้พุดในบริเวณชวากลางและชวาตะวันออกและชายฝั่งทางเหนือขปงชวาตะวันตก ภาษาชวาได้ใช้เป็นภาษาเขียนควบคู่ไปด้วย เป้นภาษาในศาลที่ปาเล็มบัง สุมาตราใต้จนกระทั่งถูกดัตช์ยึดครองเมื่อพุทธศตวรรษที่ 23
            ภาษาชวาจัดว่าเป้นภาษาคลาสสิกภาษาหนึ่งของโลก มีวรรณคดีมานานถึง 12 ศตวรรษ นักวิชาการแบ่งภาษาชวาออกเป็นสี่ยุคด้วยกันคือภาษาชวาโบราณ เร่ิมจากพุทธศตวรรษที่ 14 ภาษาชวายุคกลางเริ่มจากพุทธศตวรรษที่ 18 ภาษาชวายุคใหม่เริ่มจากพุทธศตวรรษที่ 21 และภาษาชวาปัจจุบันเริ่มในพุทธศตวรรษที่ 25 ภาษาชวาเขียนด้วยออักษรชวาที่พัฒนามาจากอักษรพราหม่ อักษรอาหรับ-ชวาที่เป็นอักษรอาหรับดัดแปลงสำหรับภาษาชวา และอักษรละติน
          แม้ว่าจะไม่มีสถานะเป็นภาษาราชการ ภาาาชวาถือวาเป็นภาาาในตระกุลภาษาออสโตรนีเซียนที่มีผุ้พุดเป็นภาาาแม่มาอกประมาณ 80 ล้านคนอย่างน้อย 45% ของประชากรทั้งหมดในอินโดนีเซียเป็นผุ้พุดภาษาชวาหรืออยุ่ในบริเวณที่ใช้ภาษาชวาเป็นภาษาหลัก และมีอิทธิพลอย่างมากต่อภาษาอินโดนีเซียที่เป้ฯสำเรียงหนึ่งของภาษามลายู ภาษาชวามีสำเนียงหลักสามสำเนียงคือ ชวากลาง ชวาตะวันออก และชวาตะวันตก
            Ngoko เป็นการพูดอย่างไม่เป็นทางการระหวางเพื่อปละฐาติสนิทและใช้ดดยคนที่ีฐานะสุงกว่าเมื่อพุดกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า เช่นผุ้ใหญ่ใช้กับเด็
            Madya  เป็นรูปแบบกลางๆ ระหว่าง Ngoko กับ Krama สำหรับในสถานะที่ไม่ต้องการทั้งความเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
            Krama เป็นแบบที่สภาพและเป็นทางการ ใช้กับคนที่อยุ่ในถานะเดียวกัน เป็นรูปแบบที่ใช้พุดในที่สาธารณะ การประกาสต่างๆ ใช้ดดยคนที่มีฐานะต่ำกว่าเมือพูดกับคนที่มีฐานะสูงกว่า เช่น เด็พูดกับผู้ใหญ่
           สภานะในสังคมที่มีผลต่อรูปแบบของภาษาชวากำหนดดดยอายุหรือตำแหน่งในสังคม การเลือกใช้ภาษาระดับใดนั้นต้องอาศัยความรอบรู้ในวัฒนะรรมชวาและเป้นสิ่งท่ยากสำหรับการเรียนภาษาชวาของชาวต่างชาติ
           สำเนียงของภาษาชวาแบ่งได้เป็นามกลุ่มตามบริวเณย่อยที่มีผุ้พุดภาษาเหล่านี้อาเศัยอยุ่ คือ ภาษาชวากลาง ภาษาชวาตะวนออก และภาษาชวาตะวันตก ความแตกต่างระหว่างสำเนียงอยุ่ที่การออกเสียงและคำศัพท์
           ภาษาชวากลางเปนสำเนียงที่ใช้พุดในสุกรการ์ตา และยอร์กยาการ์ตา ถือเป็นเป็นสำเนียงมาตรฐานของภาษานี้ มีผุ้พุดกระจายตั้งแต่เหนือถึงใต้ของจังหวัดชวากลาง
           ภาษาชวาตะวันตกใช้พูดทางตะวันตกอขงจังหวัดชวากลางและตลอดทั้งจังหงังาตะวันตก โดดยเฉพาะชายฝั่งทางตอนเหนือ ได้รับอิทธิพลจากภาษาซุนดา และยังมีศัพท์เก่าๆ อยู่มาก
           ภาษาชวาตะวันออกเริ่มใช้พุจาฝั่งตะวันออกของกาลี บรันตัส เกอร์โตโซโนไปจนถึงบาญังกี ครอบคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของ จ. ชวาตะวันออก รวมเกาะมาดูราด้ว สำเรียงนี้ได้รับอิทธิพลจากภาษามาดูรา สำเนียงตะวันออกสุดได้รับอิทธิพลจากภาษาบาหลี
           
 การออกเสียง ชาวชวาส่วนใหญ่ยกเว้นในชวาตะวันตก ยอมรับการออกเสียง a เป็น/ออ/เช่น apa ในภาษาชวาตะวันตกออกเสียงเป็นอาปา ส่วนภาษาชวากลางและภาษาชวาตะวันออก ออกเสียงเป็นออปอ เมื่อมีหน่วยเสียงที่มีดครงสร้างเป็นสระ-พยัญชนะ-สระ โดยสระทั้งสองเสียงเป็นเสียงเดียวกัน ภาษาชวากลางลดเสียงสระตัวท้าย i เป็น e และ u เป็น o ภาษาชวาตะวันออกลดทั้งสองเสียงส่วนภาษาชวาตะวันตกคงเสียงเดิมไว้ เช่น cilik ภาษาชวากลางเป็น จิเละ ภาษาชวาตะวันออกเป็น เจะเละ ภาษาชวาตะวันตกเป็น จิลิก
            ภาษาชวาโบราณ หลักฐานการเขียนในเกาะชวาย้อหลังไปได้ถึงยุคของจารึกภาษาสันสกฤต จารึกตรุมเนคระ ใน พ.ศ. 993 ส่วนการเขียนด้วยภาษาชวาที่เก่าที่สุดคือจารึกสุกภูมิซึ่งระบุวันที่ 25 มินคม พ.ศ. 1346 จารึกนี้พบที่เกอดีรีในชวาตะวันออกและเป็นสำเนาของจารึกต้นฉบับที่น่าจะมีอายุ 120 ปีก่อนหน้านั้น แต่หลักฐานเหลือเพียงจารึกที่เป้นสำเนาเท่านั้น เนื้อหากล่างถึงการสร้างเขื่อนใกล้กับแม่น้ำสรินยังในปัจจุบัน จารึกนี้เปนจารึกรุ่นสุดท้ายที่ใช้อักษรปลลงะ จารึกรุ่นต่อมาเริ่มใช้อักษรชวา
           ในพุทธศตวรรษที่ 13-14 เป็นยุคที่เร่ิมมีวรรณคดีพื้นบ้านในภาษาชวา เช่น สัง ฮยัง กะมาฮะยานีกัน ที่ได้รับมาจากพุทธศาสนา และกากาวัน รามายานา ที่มาจากรามายณะฉบับภาษาสันสกฤต แม้วาภาษาชวาจะใช้เป็นภาาาเขียนที่หลังภาาามลายุ แต่วรรณคดีภาษาชวายังได้รับการสืบทอดจนถึงปัจจุบัน เช่นวรรณคดีที่ได้รับมาจากรามายณะและมหาภารตะยังได้รับการศึกษาจนถึงทุกวันนี้
           การแพร่กระจายของวัฒนธรรมชวารวมทั้งอักษรชวาและภาาาชวาเร่ิมขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1836 ซึ่งเกิดขากการขยายตัวไปทางตะวันออกของราชอาณาจักรมัชปาหิตซึ่งเป็นอาณาจักรที่นับถือศาสนาพราหมณ์และศสนาพุทธ ไปสู่เกาะมาดูรและเกาบาหลี ภาษาชวาแพร่ไปถึงเกาะบลาหลีเมื่อ พ.ศ. 1906 และมีอิทธิพลอย่างชึกซึ้ง ดดยภาาชวาเข้ามาแทนที่ภาษาบาหลีในฐานะภาาาทางการปกครองและวรรณคดี ชาวบาหลีรักษาวรรณคดีเก่าที่เป็นภาาาชวาไว้มา และไม่มีกรใช้ภาษาบาหลีเป็นภาษาเขียนจนถึงพุทธศตวรรษที่ 24
           ในยุคของราชอาณาจักรมัชปาหิจ ได้เกิดภาษาใหม่ขึ้นคือภาษาชวายุคกลางที่อยุ่ระหว่งภาษาชวาโบราณและภาาาชวาสมัยใหม่ จริงๆ แล้ว ภาษาชวายุคกลางมีความคล้ายคลึงกับภาาาชวาสมัยใหม่จนผุ้พูดภาาชวาสมัยใหม่ที่ศึกษาวรรณคดี สามารถเข้าใจได้ ราชอาณาจักรมัชปาหิจเสื่อมลงเนื่องจากการรุกรานของต่างชาติและอิทธิพลของศาสนาอิสลาม และการคุกคามของสุลต่านแห่งเดมัที่อยู่ทางชายฝั่งด้านเหนือของเกาะชวา ราชอาณาจักรมัชปาหิติ้นอำนาจลงเมื่อ พ.ศ. 2021
            ภาษาชวาใหม่ ภาษาชวาสมัยใหม่เร่ิมปรากฎเมื่อพุทธศตวรรษที่ 21 พร้อมๆ กับการเข้ามามีอิทฑิพลของศาสนาอิสลาม และการเดิกรัฐสุลต่านมะตะรัม รัฐนี้เป็นรัฐอิสลามที่สืบทอดวัฒนธรรมดั้งเดมจากยุคราชอาณาจักรมัชปาหิตวัฒนธรรมชวาแพร่หลายไปทางตะวันตก เมื่อรัฐมะตะรัมพยายามแพร่อิทธิพลไปยังบริเวณของผุ้พูดภาษาซุนดาทางตะวันตกของเกาะชวาทำให้ภาษาชวากลายเป็นภาษาหลักในบริเวณนั้น เช่นเดียวกับภาษาบาหลี ไม่มีกรใช้ภาษาซุนดาเป็นภาาาเขียนจนถึงพุทธศตวรรษที่ 24 และได้รับอิทธิพลจากภาษาชวามาก คำศัพท์ 40 % ในภาษาซุนดาได้มาจากภาษาชวา
       
แม้จะเป็นจักรวรรดิอิสลาม และราชอาณาจักรมะตะรัมก็ยังรักษาหน่วยเดิมที่มาจากวัฒนธรรมเก่าไว้และพยายามรวมเข้ากับศาสนาใหม่ จึงเป็นเหตุผลที่ยังคงมีการใช้อักษรชวาอยุ่ ในขณะที่อักษรดั้งเดิมของภาษามลายูเลิกใช้ไปตั้งแต่เล่ยนมานับถือศาสนอิสลาม โดยหันไปใช้อักษรที่มาจากอัษรอาหรับแทน ในยุคที่ศาสนาอิสลามกลังรุ่งเรืองราวพุทธศตวรรษที่ 21 ได้เกิดภาชวาใหม่ขึ้น ทีเอกสารทางศาสนาอิสลามฉบับแรกๆ ที่เขียนด้วยภาษาชวาใหม่ ซึ่งทีคำศัพท์และสำนวนที่ยืมมาจากภาษาอาหรับมาก ต่อมาเมือได้รับอิทธิพลจากภาษาดัตซ์และภาษาอินโดนีเซีย ทำให้ภาษาชวาพยายามปรับรูปแบบให้ง่ายขึ้น และมีคำยืมจากต่างชาติมากขึ้น
          ภาษาชวาสมัยใหม่ นักวิชาการบางคนแยกภาษาชวาที่ใช้พูด ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 25 ว่าเป็นภาษาชวาสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงถือว่เป็นภาษาเดียวกับภาษาชวาใหม่
          อักษรชวาแต่เดิมภาษาชวาเขียนด้วยอักษรพืนเมืองคือกอักษรชวา ต่อมาจึงเชียนด้วยอักษรอาหรับและอักษรโรมัน อักษร f q v x และ z ใช้เฉพาะคำยืมมาจากภาาาอาหรับและภาษาในยุโรปเท่านั้น
          ภาษาชวาเป็นภาาาที่ใช้พูดทั่วอินโดนีเซีย ประเทศเพื่อบ้านในเอเชียตะวันออกเแียงใต้ เนเธอร์แลนด์ สุริมาเน นิวคาเลโดเนีย และประเทสอื่นๆ ชุมชนที่ใหญ่ที่สุดของผู้พูดภาาานี้อยู่ในชวา 6 จังหวัดและจัหวัดลัมปุง บนเกาะสุมารตรา จากข้อมุลพ.ศ. 2523 ชาวอินโดนีเซียน 43% ใช้ภาษาชวาในชีิวตประจำวัน โดยมีผุ้พูดภาษาชวาได้ดีมากว่า 60 ล้นคน ในแต่ละจังหวัดของอินโดนีเซียนมีผุ้พุดภาาาชวาได้ดีอย่างย้อน 1 %
          ในชวาตะวันออก มีผู้พูดภาษาชวาในชัิวิตประจำวัน ๅ74.5% ภาษามาดูรา 23% และภาษาอนโดนีเซีย 2.2% ในจังหวัดลัมปุง มีผุ้พดูภาษาชวาในชีวิตประจำวัน 62.4% ภาษาลัมปุง 16.4% ภาษาซุนดา 10.5% และภาษาอินโดนีเซีย 9.4% ส่วนในจาการ์ตา มีจำนวนผุ้พูดภาษาชวาเพ่ิมสูงขึ้นถึง 10 เท่า ในเวลา 25 ปี แต่ในอาเจะห์กฃลับลดจำนวนลง ในบันเต็น ชวาตะวันตก ผุ้สืบทอดมาจากรัฐสุลต่านมะตะรัมในชวากลาง ยังใช้รูปแบบโบราณของภาษาชวา มผุ้พุดภาษาซุนดาและภาษาอินโดนีเซียตามแนวชายแดนติดกับจาการ์ตา
         
จังหวัดชวาตะวันออกยังเป็นบ้านเกิดของผุ้พุดภาษามาดุรา แต่ชาวมาดูรา แต่ชาวมาดุร่าส่วนใหญพูดภาาาชวาได้ด้วย ตั้งแต่พุทะศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมามีการเขียนภาษามาดุราด้วยอักษรชวา ในลัมปุง มีชนพื้นเมืองที่พูดภาษาลัมปุงเพียง 15% ที่เหลือเป็นผู้อพยพมาจากส่วนอื่นๆ ของอินโดนีเซย ซึ่งผู้อพยพเข้ามาส่วนใหญ่เป็นผุ้พูดภาษาชวา ในสุรินาเมซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมของดัตช์ ในอเมริการใจ้ มีผุ้ที่เป็นลูกหลายของชาวชวาและยังพุดภาษาอยุ่ราว เ้จ็ดหมืนห้าพันคน
            ภาษาชวาในปัจจุบัน ไม่ใช่ภาษาประจำชาติ โดยมีสถานะเป็นแค่ภาาาประจำถิ่นในจังหวัดที่มีชาวชวาอยุ่เป็นจำนวนมาก มีการสอนภาษาชวาในโรงเรียน และมีการใช้ในสื่อต่างๆ ไม่มีหนังสือพิมพ์รายวันเป็นภาษาชวาแต่มีนิตยสารภาษาชวา ตั้งแร่ พ.ศ. 2546 สถานีโทรทัศน์ท้องถ่ินของชวาตะวันออกออกอากาศเป็นภาษาชวาด้วยสำเรียงชวากลางและภาษามาดุรด้วย ในพ.ศ. 2548 มีการออกนิตยสารภาษาชวา ในจาการ์ตาth.wikipedia.org/wiki/ภาษาชวา

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

World of Austronesian languages

            มาลายู หรือ บาฮาซา มลายู เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสดตรนีเซียน ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 1 หมื่นปี และเขื่อว่าผู้คนที่พุดภาษานี้ได้เคลื่อนย้ายจากแผ่นดินใหญ่จีนเข้าสู่เกาะไต้หวัน และจตากเกาะไต้หวันสู่เกาะลูซอนฟิลิปปินส์เมื่อประมาณ 5,000-5,200 ปี ก่อน จากนั้นได้ขยายตัวไปสุเกาะบอร์เนียว (บรูไน มาเลเซียตะวันออก และกาลิมันตันของอินโดนีเซีย) หมู่เกาะอินโดนีเซียน และคาบสมุทรามลายู(มาเลเซียและไทย) บางส่วนได้ข้าสุ่ภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม ลาว เขมร (กลายเป็นพวกจามและข่าพวกต่างๆ ) จำนวนไม่น้อยได้เคลื่อนย้ายไปสู่หมู่เกาะใหญ่น้อยในมหาสมุทรปซิฟิกไปจนถึงฮาวาย และทางใต้ไปถึงนิวซีแลนด์ และทางตะวันตกไปถึงเกาะมาดากัสการ์ (ปัจจุบันประเทศสาธารณรัฐมาดากัสการ์ป นอกชายฝั่งประเทศโมซัมบิก อาฟริการตะวันออกเฉียงใต้ ต่อมามีการค้นพบภาาาไต-กะได ซึ่งภาษาไทยจัดอยุ่ในกลุ่มนี้ โดย ดร. พอล เค. เบเนดิกต์ ชาวอเมริกัน ซึ่งทุ่าเทศึกษาด้านภาษาศาสตร์เชิงประวัติ เขายังได้ตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับภาษา "ออสโตรไท" เมื่อ ค.ศ. 1942 แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างภาษาออสโตรนีเซียนกับภาษาไต-กะได บนเกาะไหหลำ(ประเทศจีนป ว่ามีความสัมพันธ์กันโดยสายเลือด เขาได้แยกภาษาไต-กะได(รวมภาษาไทย) ออกจากตระกุลภาษาจีน-ทิเบต ต่อมาโลร็องต์ ซาการ์ ได้ศึกษาภาษาในตระกุลจีน-ทิเบต และออสโตรนีเซียนอย่างลึกซึัง ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ซาการ์ได้ตั้งทฤษฎีตระกุลภาษาจีน-ออสโตรนีเซียน โดยดึงภาษาจีน(รวมภาษาไต-กระได) เข้ามาร่วมกับภาษาตระกูลออสโตนีเซียนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
       
 ดร. พอล เค เบเนดิคท์ ได้ศึกษาภาาาในกลุ่มไต-กะได เขาเชื่อว่า ภษาไต-กะไดมีความสัมพันธ์กับภาษาออสโตรนีเซียนอย่างใกล้ชิดเขาได้เสนอทฤษฎีภาษาอสโตร-ไท ในหนังสือชื่อ ซึ่งจักพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Hraf-Tai ในหนังสือชื่อออสโตร-ไทย-แลงเกวจ แอนด์ คุลเทอร์, วิท อะ กอสซารี้ ออฟ รูท ซึ่งจัดพิมพ์ในปี 1975 ทำให้สะเทือนไปทั่ววงการภาาาศาสตร์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ภาษาไทยหรือภาษาไต-กะได จัดอยุ่ในตระกูลภาษาจีน-ทิเบต แต่เขาจัดภาษาไทยหรือภาษาไท-กะได ให้อยุ่ในตระกูลภาาาออสโตนีเซียน หรือที่เดิม เรียกว่ ตระกุลภาษามาลาโย-โพลีนีเซียน การจัดภาษาไทยหรือภาษาไต-กะได อันเป็นภาาาที่มีเสียงวรรณยุกต์ มาอยุ่ในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียนซึ่งเป็นตระกุลภาษาที่ไม่มีเสียงวรรณยุกต์ ทำให้ทฤษำีของเบเนดิกต์ในระยะแรกไม่ค่อยมีคนเชื่อถือนัก แม้ว่าเขาจะเพียรอธิบายว่า เสียงวรรณยุกต์ในภาาาไทยหรือไต-กะได เป็นผลจากากรสัมผัสกับภาษาจีนอย่างหนักน่วงมานับพันปี ทำให้ภาาาไทยหรือภาษาไต-กะได เกิดมีเสียงวรรณยุกต์ตามไปด้วย เฉกเช่นเดียวกับที่ภาษาเขมร(ในบางท้องที่) ซึ่งเป็นภาษาที่ไม่มีเสียงวรรฯยุกต์ เร่ิมทีเสียงวรรณยุกต์จากการได้สัมผัสกับภาาาเวียดนาม ซึ่งเป็นภาษาที่มีเสียงวรรณยุกต์ หรือแม้แตจ่ภาาาเวียดนามเอง ซึ่งจดอยู่ในตระกุลภาาาออสโตรเอเ๙ียติก กลุ่มภาษามอญ-เขมร ซึ่งไม่มีเสียงวรรณยุกต์ แต่ภาาาเวียดนามกลับมีเสียงวรรณยุกต์ ดังนี้เป็นต้น
           จากทฤษฎี ออสโตร-ไท ตามความเข้าสนใจของเบเนดิคต์ ภาษาไทยจึงจัดอยู่ในตระกุลภาษาเดียวกับภาษามลายู มาเลเซีย ภาษามลายูอินโดนีเซียน ภาษามลายูบรูไน  ภาาามลายูสิงคโปร์ ภาษาตาการล็อก (ภาษาฟิลิปปิโน) ภาษาจาม (ในประเทศเวียดนามและกัมพูชาป ภาษามากาซี (บนเกาะมาดากัสการ์) ภาษาชวา ภาษาบาหลี ภาษาซุนดา ฯลฯ ในปี ค.ศ. 2015 ( พ.ศ. 2558) อาจขจะมีนักภาษา
ศาสตร์นประเทศประชาคมอาเซียนหันมาสนใจศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาษาต่างๆฟ ในประชาคมอาเซียนมากขึ้น เชื่อว่าผลงานของนักวิชาการเหล่านี้จะช่วยไขความกระจ่างในเรื่องนี้ ทำให้ความเข้าใจระหว่างกันระหว่างคนไทยกับมลายุ อาจจะดีขึ้นมากกว่านี้ย้อนยุคภาษามลายุ ภาษามลายุ จัดอยุ่ในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ในกลุ่มภาษานูซันตารา ซึ่งมีภาษาต่างๆ ประมาณ 200-300 ภาษา ทั้งที่ยังใช้งาน ที่สูญหาย และกำลังจะสูญหายไปในไม่ช้า เฉพาะภาษานูซันตาราสาขาตะวันตก ก็มีภาาาสำคัญๆ อาทิเช่น ภาษามาลากาซี (พูดกันในประเทศมาดากัสการ์ ทวีปอาฟริกา) ภาษาอาเจะห์ (พูดกันทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในทัสนะนักภาษาปัจจบัน มีความเชื่อมโยงกับภาษาจามมากเป็นพิเศษ) ภาาามลายู (ภาษาประจำชาติของประเทศมาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, และอินโดนีเซีย) ภาษาชวา ซุนดา บาหลี ดายัก (พูดกันในประทศอินโดนีเซีย) ภาษาตากาล็อก (ภาษาประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์) และภาษาบิสายะ (พูดกันในปรเทศฟิลิปปินส์) ฯลฯ
            ภาษามลายุซึ่งกลายเป็นภาษาประจำชาติของประเทศมาเลเซีย, บรุไน สาะารณรัฐอินโดนีเซียน และหนึ่งในภาษาประจำชาติของประเทศสิงคโปร์ปัจจุบัน รวมกันแล้ว มีผุ้พูดภาษานี้เกือบ 300 ล้านคน ถึงแม้จะเรียกชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อาทิ ภาษามลายุมาเลเซีย ภาษมลายูอินโดนีเซีย ภาษมลายู (บรูไนและสิงคโปร์รียก Bahasa Melayu เฉยๆ) ในจังหวัดทางภาคใต้ตอนล่างโดยเฉาะในจังหวัดปัตตานี้ ยะลา นราธิวาส สงขลาและสตูล ซึ่งมีผุ้พูดภาษานี้ในชีวิตประจำวัน เรียกภาษาที่พุดนี้ว่า ภาษามลายู หรือภาษายาวี
         
ภาษามลายูจึงนับว่าเป็นภาษาสำคัญที่สุดภาษาหนึ่งในปราคมอาเซียน ดดยภาาามลายุกลางที่ใช้สื่อสารสนปัจจุบันนี้ มีวิวัฒนาการมาจากภาษามลายุถ่ินยะโฮร์-เรียว ซึ่งใช้เป็นภาษากลางในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่โบราณกาล และมีัหลักฐานว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภาษานี้ยังเป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารกับชาติตะวันตก ทั้งในฐานะภาษาพูดและภาษาเขียน(โดยใช้ภาาามลายูอักษรยาวี) ทั้งในระดับประชาชนพลเมืองและระดับราชสำนักของกรุงศรีอยุธยาเอง หลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี แม้ว่าคำว่า "มลายู" จะเป้ฯที่รู้จักมาตั้งแต่ ค.ศ. 1 จากบันทึกของพ่อค้า นักเดินเรือและนักภูมิ-ดาราศาสตร์ชาวกรีก-อียิปต์ เช่น )โตเลมี แต่หลักฐานที่ยันทึกคำว่ามลายู ที่มีอายุให้หลังลงมาเพ่ิงปรากฎในปี ค.ศ. 644 หรือเมื่อกว่า พันสามร้อยปีล่วงมา โดยปรากฎเป็นเอกสารหลักฐานของจีนที่พันทึกถึงราชทุตจากมลายูไปยังราชสำนักจีน อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ยัทึกการใช้ภาษามลายุปรากฎครั้งแรกในศิลาจารึกเกอดุกันบูกิต เมื่อ ค.ศ. 683 หรือในอีก 39 ปีต่อมา ในช่วงนี้ได้มีการค้นพบศิลาจารึกที่ใช้ภาษามลายุรวมทังหมด 4 หลัก
                   - ศิลาจารึกภูเขาเกอดุกัน จารึกเมือ ค.ศ. 683 พบที่ปาเล็มบัง จ.สุมาตราใต้
                   - ศิลาจารึกตาลัง ตุโว จารึกเมือง ค.ศ. 684 พบที่ปาเล็มบัง จ.สุมาตราใต้
                   - ศิลาจารึกโกตา กาปูร จารึกเมือ ค.ศ. 686 พบที่เกาะบังกา จ.เกอปูเลาวัน บังกา เอบลีตุง อินโดนีเซีย
                   - ศิลาจารึกการัง บราฮี จารึกเมือ ค.ศ.686 พบที่ปาเล็มบัง จ.สุมาตราใต้ อินโดนีเซีย ศิลาจารึกซึ่งมีอายุระหว่าง 1,326-1,329 ปีก่อนเป็ฯศิลาจารึกภาษามลายูโบารณ โดยใช้อักษรปัลลาวะ ของอินเดียใต้ ถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นแรกๆ ของภาษามลายูที่บันทุกเป็นลายลักษณ์อักษร โดยมหาราชองค์ใดองค์หนึ่งแห่งมหาอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งรุ่งเรืองอยู่ในระหว่างศตวรรษ?ี่ 7-13 มีศูนย์กลางอยุ่ที่ปาเล็มบัง (อินโดนีเซีย) ลักาสุกะ (ปัตตานีโบราณ) และไชยา สุราษฎร์ธานี (ประเทศไทย) ตามลำดับ อาณาจักรศรีวิชัยเป็นอาณาจักรทีททรงอิทธิพลทางด้านการต้า ภษาและวัฒนธรรมครอบคลุมืนที่ที่กว้างขวางไม่ใช้นอย อาจกล่าวได้ว่า อาณาจักรศรีวิชัยคือภาพแรกสุดของ ประชาคมอาเซียน ในห้วยสหัสวรรษที่แล้วก็ว่าได้ สัญลักษณ์ประชาคมอาเซียน 2015 1-2 ของชาวออสโตรนีเซียนครอบคลุมเอเชีย-แปซิผิกเกือบทั้งหมด 1-3 อาณาจักรศรีวิชัย ประชาคมอาเซียนยุคเร่ิมแรก http://www.phayuha.com/

วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Austronesian languages ิืFamily II

           กลุ่มภาษามาลาโย-โพลีเนเซียกลาง-ตะวันออก เป็นสาขาของกลุ่มภาษาย่อยมาลาโย-โพลิเนเซียศูนย์กลาง ประกอบด้วยภาษาในกลุ่ม 700 ภาษา ประกอบด้วย กลุ่มภาษามาลาโย-โพลิเนเซยกลาง ซึ่งจำแนกออกเป็น กลุ่มภาษาบีมา-ซุมบา, กลุ่มภาษาติมอร์-ฟลอเรส, กลุ่มภาษาดามัรตะวันตก, ภาษาบาบัร, กลุ่มภาษามาลูกูตะวันออกเฉียงใต้, ภาษาเตอร์-กูร์, ภาษาอารู, ภาษาเคโกวีโอ, กลุ่มภาษาบอมเบอไรเหนือ, กลุ่มภาษามูลูกลาง.. กลุ่มภาษามาลาโย-โพลีเนเซียตะวันออก จำแนกออกเป็น กลุ่มภาษาฮัลมาเฮอราใต้-นิวกินีตะวันตก, ภลุ่มภาษามหาสมุทร
           กลุ่มภาษามาลาโย-โพลีเนเซียศูนย์กลาง หรือกลุ่มภาษานิวเคลียร์มาลาโย-โพลีเนเซีย เป็นสาขาของตระกูลภาษาออสโตรนีเซียนซึ่งคาดว่ามีแกล่งกำเนิดอยุ่ที่เกาะซุลาเวซี แยกเป็น 2 สาขา คือ กลุ่มภาษาซุนดา-ซูลาเวซี หรือกลุ่มมาลาโย-โพลีเนเซียตอนใน ซึ่งรวมภาษาในเกาะซุลาเวซีและหมู่เกาะซุนดาใหญ่ และภาษานอกบริเวณนี้เช่น ภาษาชามอร์โรและภาษาปาเลา, กลุ่มภาษามาลาโย-ฑพบีเนเซียตะวันออกตอนกลาง เป็ฯภาษาที่ใช้พุดทางตะวันออกคือบริเวณเกาะซุนดาน้อย เกาะอัลมาเฮอรา หมู่เกาะโมลุกกะ นิวกีนีและหมุ่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
           กลุ่มภาษามาเลย์อิก เป็นภาาาที่จัดอยุ่ในกลุ่มภาษาซุนดา-ซูลาเวซี มีสมาขิก 25 ภาษาแพร่กระจายในเขตสุทารตราตอนกลางรวมทังภาษามลายูและภาษาอินโดนีเซีย, ภาษามีนังกาเบาในสุมาตรากลาง, ภาษาอาเจะฮ์ในอาเจะฮ์, ภาษาจามในเวียดนามและกัมพูชา, ภาษามอเก็นในประเทศไทยและภาษาอีบันในบอร์เนียวเหนือ
           กลุ่มภาษาอักลัน ประกอบด้วยสมาชิกสองภาษาคือภาษาอักลันและภาษาอีบาไฮซึ่งใช้พุดในจังหวัดอักลัน เกาะปาไน ประเทศฟิลิปปินส์ อยุ่นกลุ่มภาษาวิซายันตะวันตก เป็นภาาาหลักของจังหวัดอักลัน รวมทั้งสองภาษามีผุ้พุดเป็นภาษาแม่ 400,000 คน
           กลุ่มภาษาอาเจะฮ์-จาม เป็นกลุ่มของภาษาที่ใกล้เคียงกันซึ่งใช้พุดในบริเวณผ่นดินใหญ่และหมู่เกาะของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยภาษาอาเจะฮ์และกลุ่มภาษจาม การแยกจากกันระหว่างสองกลุ่มนี้เกิดขึ้นนามมากแล้ว จากฐานข้อมูลคำศัพท์พื้นฐานของตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน พบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มภาษาอาเจะฮ์-จามและภาษามอเกลนราว 70%
           กลุ่มภาษาตองงิก เป็นกลุ่มภาษาย่อยในกลุ่มภาษามาลาโย-พอลินีเซียน ประกอบไปด้วย 2 ภาษา คือภาษานีวเวและภาษาตองงาและอาจจะมีภาษานีอูอาโฟโออูเป็นภาษาที่สามในกลุ่มนี้
           ภาษาลาหลี เป็นภาษาท้องถ่ินของเกาะบาหลีรประเทศอินโดนีเซีย ใช้พูดในเกาะชวา เกาะบาหลีและเกาบอมบอก มีผู้พูด 3.8 ล้านคน คิดเป็น 2.1 % ของประชากรอินโดนีเซียทั้งประเทศ โดยที่ชาวบาหลีส่วนใหญ่จะพูดภาษาอินโดนีเซียเป็นภาษาที่สอง เขียนด้วยอักษรบาหลีและอักษรละติน เป็นภาษาตระกูลออสโตรนีเซียน ใกล้เคียงกับภาษาซาซัก และภาษากัมเบอราในเกาะซุมบาวา มีการแบ่งระดับชั้นภายในภาษา ระบบการเขียนสองแบบ คืออักษรบาหลีและอักษรละติน
           กลุ่มภาษาวิชายัน เป็นกล่มภาษาในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มภาษาฟิลิปปินสกลาง กลุ่มภาษานี้ส่วนใหย๋ใช้พูดในบริเวณวิซายา แต่ก็มีผุ้ใช้ในบริเวณบิกอ(โดยเฉพาะซอร์ซอกอนและมัสบาเต) หมุ่เกาะทางใต้ของลูซอน ทงเหนือลแะทางตะวันตกของมินดาเนา และในจังหวัดซูลู ที่อยุ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมินดาเนา ผู้อยุ่ในเมโทรมะนิลาบางส่วนพูดภาษาในกลุ่มนี้ด้วย

           สมาชิกของภาษาในกลุ่มนี้มีมากกว่า 30 ภาษา ภาาที่มีผุ้พูดเป็นภาษาแม่มากที่สุดคือภาษาเซบัวโนมี 20 ล้านคน ในบริเวณวิซายากลาง ทางตะวันตกและทางเหนือของมินดาเนา อีก 2 ภาษาในกลุ่มนี้ที่เป็นที่รุ้จักกันดีคือภาษาฮิลิไกนอน มีผู้พูด 7 ล้านคนในวิซายาตะวันตก และภาษาวาไร-วาไร มีผุ้พูด 3 ล้านคนในวิชายาตะวันออก
           ระบบการเรียกชื่อ ผุ้พุกลุ่มภาษาวิซายันเป็นภาษาทั้งภาษาเซบัวโน ภาษาฮิลิไกนอน และภาษาวาไร-วาไรจะเรยกภาาาของตนว่าบีซายา แม้ว่าภาษาที่ต่างกันเหล่านี้จะฟังกันไม่เข้าใจก็ตาม สำหรับผู้พูดกลุ่มภาษานี้นอกวิซายาจะไม่ใบ้คำว่าบีซายาอ้างถึงภาษาเซบัวโน ในขณะที่ชาวเตาซุกที่เป็นมุสลิม คำว่าวิซายาหมายถึงชาวฟิลิปปินส์ที่นับถือศาสนาคริสต์th.wikipedia.org/wiki/กลุ่มภาษาวิซายัน

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Austronesian languages Family

            ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน เป็นตระกูลภาษาที่มีผุ้พูดกระจายไปทั่วหมู่เกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรแปซิฟิก มีจำนวนน้อยบนผืนแผ่นดินของทวีปเอเชีย อยู่ในระดับมาตรฐานเดียวกับตระกูลภาษาอินโด- ยูโรเปียนและตระกูลภาษายูราลิก คือสามารถสืบหาภาษาดั้งเดิมของตระกูลได้
             กล่มภาษาหมู่เกาะฟอร์โมซา เป็นภาษาของชาวพื้นเมืองในไต้หวันซึ่งมีจำนวน 2% ของประชากรบนเกาะไต้หวัน แต่มีจำนวนน้อยกว่านั้นที่ยังพุดภาษาดั้งเดิมของตน จากภาษาพื้นเมืองทั้งหมด 26 ภาษา เป็นภาษาตายแล้ว 10 ภาษาที่เหลืออีก 4-5 ภาาาเป็นภาษาที่ใกล้ตาย ที่เหลือจัดเป็นภาษาที่เสี่ยงที่จะกลายเป็นภาษาตาย
             ภาษาพื้นเมืองของไต้หวันมีค
วามสำคัญมากในทางภาษาศาสตร์ เพราะไต้หวันคล้ายจะเป็นจุดกำเนิดของตระกูลภาษาออสโตรนีเซียนทั้งหมด กลุ่มภาษาเกาะฟอร์โมซามี 9 สาขาจากทั้งหมด 10 สาขาของตระกูลภาาาออสโตรนีเซียน โดยอีกสาขาหนึ่งคือกลุ่มภาาามาลาโย-โพลีเนีเซีย ราว 1,200 ภาษาที่พบนอกเกาะไต้หวัน แม้ว่านักภาษาศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่ได้ยอมรัีบรายละเอียดทั้งหมด แต่ก็ยอมรับร่วมกันว่าตระกุลภาษาออสโตรนีเซียนมีจุดกำเนิดในไต้หวัน และมีการศึกษาทางด้านพันธุศาสตร์มนุษย์ เพิ่มเติมเกี่ยวกับสมมติฐานนี้
           ปัจจุบัน กลุ่มภาษาเกาะฟอร์โมซาทั้งหมดกำลังถูกแทนที่ด้วยภาาาจันกลางหลัีงจากที่รัฐบาลชองสาธารณรัฐจีนเร่ิมจัดการศึกษาให้ชาวพื้นเมืองในไต้หวัน
           การกำหนดขอบเขตของภาษาและสำเนียงโดยทัวไปทำได้ยาก และมัีกมีข้อโต้แย้งเสมอ ซึ่้งพบได้เช่นกันในการศึกษาภาษาในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะภาษาของเผ่าที่คล้ายกัน โดยทั่วไปมีการจัดแบงดังนี้
           ภาษาที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่ กลุ่มภาษาอตายัล ( ภาษาอตายัล, ภาษาซีติกหรือภาษาตรูกู, ภาษาบูนัน) กลุ่มภาษาอามิส( ภาษาอามิส, ภาษาอามิสสนาเตารัน, ภาษากาวาลัน, ภาษาไปวัน, ภาษาปาเซะห์, ภาษาไซซิยัต, ภาษาปูยูมา, ภาษารูไก, ภาษาเตา, ภาษาเทา) กลุ่มภาษาเซา (ภาษาเซา, ภาษาซาอารัว, ภาษากานากานาบู)
           กลุ่มภาษาเซา (ภาษาบาบูซะห์, ภาษาบาซาย, ภาษาเกอตางาลัน, ภาษาเกอตางาลัน, มากาเตา, ภาษามากัตเตา, ปาโปรา, ภาษาโปโปรา, ภาษาซีรายา, ภาษาตริวัน, ภาษาเตากัส)
           กลุ่มภาษาจาม เป็นกลุ่มภาษาจำนวน 10 ภาษาซึ่งใช้พุดในกัมพุชา เวียดนามและเกาไหหลำ อยุ่ในกลุ่มภาษามาเลย์อิก ตระกูลภาาาออสโตรนีเซียน ภาษาจารายและภาษาจาม (ทั้งตะวันตกและตะวันออก) เป็นภาษาที่มีผุ้พูดมากที่สุด ภาษาทซัตเป็นภาษาที่มีผุ้พูดน้อยที่สุด การแบ่งย่อยในกลุ่มนี้ได้แก่ กลุ่มจามเหนือ ภาษาทซัต กลุ่มจามใต้ แบ่งเป็นกลุ่มจามชายฝั่ง ( ภาษาจาม, ภาษาจรู, ภาษารอกลาย, ภาษาจักเกีย) กลุ่มจามที่ราบสูง(ภาษาฮาโรย, ภาษาจาราย, ภาษาราเด)
          กลุ่มภาษาซุนดา-ซูลาเวซี เป็นสาขาของกลุ่มภาษามาลาโย-โพลีเนเซีย ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ได้แก่ภาษาที่ใช้พูดในเกาะซูลาเวซี และเกาะซุนดาใหญ่ เช่นเดียวกับในชามอโรและปาเวา โดยทั่วไป กลุ่มาษามาลาโย-โพลีเนเซียตะวันตกแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มตอนใน (ซุนดา-ซูลาเวซี) และกลุ่มตอนนอก(บอร์เนียว-ฟิลิปปินส์) ซึ่งการแบ่งนี้ใช้หลักทางภุมิศาสตร์เป็นเกณฑ์

           ภาษาในกลุ่มซุนดา-ซูลาเวซีแบ่งเป็นกลุ่มตามความใกล้ชิดได้อลายกลุ่มแต่ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มยังไม่ชัดเจน ภาษาในเกาะซูลาเวซีเหนือ 20 ภาษา รวมทั้งภาษาในเหาะทางเหนือ (กลุ่มภาษาซังฆีริก เช่น ภาษาบันติก กลุ่มภาษามีนาาฮาซัน และกลุ่มภาาาโมนโคนโคว-โคโรนตาดล) ไม่ไดอยุ่ในกลุ่มซุนดา- ซูลาเวซีแต่อยู่ในกลุ่มภาษาบอร์เนียว-ฟิลิปปินส์ ภาษที่จัดอยู่ในกลุ่มได้แก่ กลุ่มภาษาโตมีนี, กลุ่มภาษาซาลวน, กลุ่มภาษาไกลี, กลุ่มภาษาซูลาเวซี, กลุ่มภาษาบังกู-โตกาลี,กลุ่มภาษาโวตู-โวลิโอ, กลุ่มภาษามุนา-บูโตน, ภาษากาโย, กลุ่มภาษาสุมาตรา, กลุ่มภาษามาเลย์อิก, กลุ่มภาษาลัมปูติก, ภาษาซุนดา(ในชวาตะวันตก), ภาษาชวา, ภาษามาดูรา, กลุ่มภาษาลาหลี-ซาซัก, ซุมบาวา, ภาษาปาเลาและภาาาชามอร์โรในหมู่กาะมาเรียนรวมทั้งเกาะกวม
           กลุ่มภาษาบอร์เนียว-ฟิลิปปินส์ หรือกลุ่มภาษาเอสเปโรนีเซีย หรือกลุ่มภาาามาลาโย-โพลีเนเซียตะวันตกนอก เป็นภาษาตระกูลออสโตรนีเซียนมีรวมภาษาของฟิลิปปินส์ เกาะบอร์เนียว คาบสมุทรทงเหนือของเกาะซูลาเวซีและเกาะมาดากัสการ์ ภายในกลุ่มมาลาโย-โพลีเนเซียตะวันตกแบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือกลุ่มนอก(บอร์เนียว-ฟิลปปินส์)และกลุ่มใน (ซุนดา-ซูลาเวซี) การแบ่งแบบนี้ถือเป็นการแบ่งตามภุมิศาสตร์
           ภาษาในกลุ่มนี้มีจำนวนมาก แบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ มากมาย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างกันยังไม่แน่นอน
           กลุ่มฟิลิปปินส์เหนือ
           กลุ่มภาษาบาชิอิก มี 4 ภาษาระหวางเกาะลูซอนกับเกาะฟอร์โมซา รวมทั้งภาษาอีวาตันในฟิลิปปินส์ และภาษายามิในไต้หวัน, กลุ่มภาษาลูซอนเหนือ ได้แก่ ภาษาอีโลกาโน, กลุ่มภาษาอร์ดิลเยราเหนือ มี15 ภาษาในกอร์ดิลเยราและชายฝั่งตะวันออกขอวลูซอน รวมภาษาอีบานักและภาษาอักตา, กลุ่มภาาากอร์ดิลเยรากลาง-ใต้ มี 25 ภาษาในเขตภูเขาของลูซอนเหนือ รวมทั้งภาษาปางาซินันและภาษาอีโกโรต, ภาษาอาร์ตาในบริเวณปางาซินัน,ฅ กลุ่มภาษาลูซอนกลาง มี 5 ภาษาใกล้ภูเขาไฟปีนาตูโล รวมทั้งภาษาปัมปางัน, กลุ่มภาษาซัมบาลัิก รวมภาาาซัมบัลและภาษาโบลิเนา, กลุ่มภาษามินโดโรเหนือ หรือมังยันเหนือมี 3 ภาษา
            กลุ่มภาษาวิซายัสและลูซอนใต้ ได้แก่ กลุ่มภาษามังยันใต้ มี 3 ภาษาในเขตมินโดโร รวมทั้งภาษาบูฮิดและภาษาฮานูโนโอ, กลุ่มภาษากาลาเมียน มี 2 ภาษาระหว่างมินโดโรกับปาลาวัน รวมทั้งภาษาตักบันวา, กลุ่มภาษาปลาลาวาโน มี 5 ภาษาในเกาะปาลาวาโนส, กลุ่มภาาาฟิลิปปินส์กลาง ได้แก่ ภาษาตากาล็อกหรือภาษาฟิลิปิโน,กลุ่มภาาาบิกอล มี 3 ภาษาในลูซอนใต้ เรียกรวมกันว่าบิกอล,กลุ่มภาษาวิชายัน มี 20 ภาษาในและรอบๆ ทะเลวิซายันรวมทั้งมินดาเนาเหนือ ภาษาหลักได้แก่ ภาาาเซบัวโน ภาษาฮิลิกายนอน ภาษาวาราย-วาราย ภาษากินารายอา ภาษาเตาซุก ภาษามามันวา ทางเหนือของมินดาเนา กลุ่มภาษามันซากัน มี 8 ภาษาในบริเวณดาเวารวมมั้งภาษาดาวาเวนโย
       
 กลุ่มมินดาเนา กลุ่มภาษาฟิลิปปินส์ใต้ ได้แก่ กลุ่มภาษามาโนโบ มี 15 ภาษาในมินดาเนากลาง รวมภาษาตาซาดาย, กลุ่มภาษามาโนโบ มี 15 ภาษาในมินดาเนากลาง รวมภาษาตาซาดาย, กลุ่มภาษาดาเนามี 3 ภาษาในมินดาเนาตะวันออก รวมทั้งภาาามากินดาเนา และภาษามาราเนา, กลุ่มภาษาซูบานุน มี 5 ภาษาในคาบสมุทรทงตะวันตกของมินดาเนา, กลุ่มภาษามินดาเนาใต้ มี 5 ภาษาทางชายฝั่งตอนใต้รวมทังภาษาตโบลี, กลุ่มภาษาซามา-บาเจา มี 10 ภาษาในเกาะซุลูและบีลีรัน
           กลุ่มบอร์เนียว กลุ่มภาาบารีดต มี 12 ภาษาในบอร์เนียวใต้ และมาดากัสการ์รวมทั้งภาษารายู ดยัค และภาษามาลากาซี, กลุ่มภาษากายัน มี 18 ภาษาในบอรเ์เกนียวกล่าง รวมทั้งภาษากายัน, ภาษาเปนันฅ กลุ่มภาษากายัน, ภาษาเปนัน, กลุ่มภาษดยัคบก มี 12 ภาษาในบอร์เนียวตะวันตก เช่น ภาษาลารา, กลุ่มภาษาเมลาเนา-กาจัง แบ่งเป็นภาษาเมลาเนา กับภาษากาจัง, กลุ่มภาาาเบอราวัน-บารัมดต, กลุ่มนันตุลูล กลุ่มภาษาไดยัก เป็นภาาาในบริเวณชายแดนของรัฐซาบะฮ์กับกาลิมัตัน แบ่งเป็น กลุ่มภาษาเกลาบิติก มี 5 ภาษา รวมทั้งภาษาเกลาบิต, กลุ่มภาษามูรุติก มี 12 ภาษารวมทั้งภาษาโตโกล มูรุต, กลุ่มภาาาเกนยะห์ มี 11 ภาษาในบอร์เนียวกลาง เรียกเกนยะห์, กลุ่มภาษารีจัง - เวเจา, กลุ่มภาาาซาบะฮ์ แบ่งเป็น กลุ่มภาษาดูซูนิก มี 19 ภาษา รวมทังภาษากาดาซัน-ดูซุน, ภาษาอีดาอัน, กลุ่มภาษาไปตานิก มี 5 ภาษา รวมทั้งภาษาตัมบาเนา
           กลุ่มภาษาซูลาเวซีเหนือ กลุ่มภาษาซัมกีริกมี 4 ภาษา ในทางเหนือสุด รวมทั้งกลุ่มภาษาบนติก, กลุ่มภาษามีนามาซัน มี 5 ภาษาเรียกภาษามีนาอาซาฅ กฃุ่มภาาาดมนโกนโดว-โกรอนตาโล มี 9 ภาษา ในโก-รนตาโรและจังหวัดซูลาเวซีเหนือ รวมภาษาโบลาอัง โมโกนโดว
           กลุ่มภาษาบาตานิก เป็นกลุ่มของภาาาในกลุ่มภาาามาลาโย-โพลีเนเซีย ตระกุลภาษาออสโตรนีเซียน มี 3 กลุ่มคือ ภาษาอีวาตัน ภาษาบาบูยัน และภาษาอิตบายัต ใช้พุดในบาตานและหมุ่เกาะบลาตาเนส ซึ่งเป็นหมุ่เกาะทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ อยุ่ระหว่งไต้หวันกับเกาะลูซอน อีกกลุ่มหนึ่งคือ ภาษายามิ ใช้พูดบนเกาะกล้วยไม้ใกล้กับไต้หวัน
         กลุ่มภาษาฟิลิปปินส์กลาง เป็นภาาาที่ใช้พุดในฟิลิปปินส์ กระจายทั่วไปในเกาลูซอนตอนใต้ หมุ่เกาะลูซอนตอนใต้ หมู่เกาะวิซายัส เกาะมินดาเนา และหมุ่เกาะซูลู ดัวอยางภาษาในกลุ่มนี้ได้แก่ ภาาาตากาล็อก ภาษาเซบัวโน ภาษาฮิลิไกนอน ภาษาบิโกล ภาษาวาไร-วาไร ภาษากินาโรอา ภาษาเตาซุกและอื่นๆ
         กลุ่มภาษามาลาโย-โพลีเนเซีย กลุ่มภาษามาลาโย-โพลีเนเซีย เป็นกลุ่มย่อยของภาาาตระกุลออสโตรนีเซียน มีผู้พูดทั้งหมดราว 351 ล้านคน แพร่กระจายในบริเวณหมุ่เกาะตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงหมู่เกาะแปซิฟิก และมีจำนวนเล็กน้อยในผืนแผ่นดินของทวีปเอเชย ภาาามาลากาซีเป็นภาษาในกลุ่มนี้ที่อยุ่ห่างไกลที่สุดใช้พุดบนเกาะมาดากัสการ์ในมหาสมุทรอินเดีย

           ลักษณะเฉพาะของกลุ่มภาษานี้คือมีแนวโน้มใช้การซ้ำคำทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อแสดงรูปพหูพจน์ การออกเสียงเป็นแบบง่ายๆ ไม่ค่อยพบกลุ่มของพยัญชนะ เช่น str หรือ mpt ในภาษาอังกฤษ มีเสียงสระใช้น้อยส่วนมากมีห้าเสียง
           หลายทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มภาษามาลาดย-โพลีเนเซียถูแบ่งเป็นกลุ่มตะวันตกและกลุ่มกลาง-ตะวันออกการแบ่งของกลุ่มตะวันตกเป็นการแบงดดยใช้ลักษระทงภูมิศาสตร์โดยไม่มีความเกี่ยวพันกับหน่วยทางภาษาศาสตร์ ในปัจจุบันกลุ่มตะวันตกนี้จึงแบ่งเป็นกลุ่มนอกและกลุ่มในที่กลายเป็นสาขาย่อยของกลุ่มภาษามาลาดย-โพลีเนเซียศูนย์กลาง กลุ่มในเรียกวา กลุ่มภาาาอบร์เนียว - ฟิลิปปินส์ กลุ่มนอกเรียกว่ากลุ่มภาษาซุนดา-สุลาเวสี
             กลุ่มภาษามาลาโย-โพลีเนเซียกลาง เป็นสาขาของภาษาตระกุลออสโตรนีเซียน มีผุ้พุดในหู่เกาะซุนดาน้อยและหมู่เกาะโมลุกกะในทะเลยันดา ใกล้เคียงกับจังหวัดนูซาเต็งการาตะวันออก จังหวัดมาลูกุ ประเทสอินโดนีเซีย และประเทศติมอร์-เลสเต (ยกเว้นกลุ่มภาษาปาปัวของติมอร์และเกาะใกล้เคียง) โดยมีกลุ่มภาาาบีมาที่แรพ่กระจายในจังหวัดนูซา เต็งการาตะวันตก และภาคตะวันออกของเกาะซุมบาวา และกลุ่มภาษาซูลาทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดมาลูกูตอนเหนือ เกาะหลักๆ ของบริเวณนี้ได้แก่ เกาะซุมบาวา เกาะซุมบา เกาะฟลอเรส เกาะติมอร์ เกาะบูรู และเกาะเซรัม ภาษาที่สำคัญได้แก่ ภาาามัวฆาไร ของเกาะฟลอเรสตะวันตกและภาาาเตตุมที่เป็นภาษาประจำชาติของติมอร์-เลสเตร
            การจำแนกแบ่งกลุ่มภาาานีมีหลักฐานอ่อน โดยเแพาะข้อด้อยที่ไม่มีลักษระร่วมของภาษาในเขตภูมิศาตร์เดียวกัน นักภาาาศาสตร์บางคนจัดให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มภาษามาลาโย-โพลีเนเซียกลาง-ตะวันออก ที่ต่างจากกลุ่มภาษามาลาดย-โพลีนีเซียตะวันออก ภาษาจำนวนมากางตะวันออกของเกาะฟลอเรสและเกาะใกล้เคยงโดยเฉพาะเกาซาวู มีศัพท์พื้นฐานที่ไม่อยุ่ในตระกูลออสโตรนีเซียนมา และอาจจะต้องพิสูจน์ต่อไปว่าเป็นภาษาในตระกูลออสโตรนีเซียนแน่นอนหรือไม่th.wikipedia.org/wiki/หมวดหมู่:ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน
         

วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Austronesian languages

           ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน เป็นตระกูลภาษาที่มีผู้พูดกระจายไปทั่วหมุ่เกาะในเอชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรแปซิฟิก มีจำนวนน้อยบนผืนแผ่นดินของทวีปเอเชีย อยุ่ในระดับมาตรฐานเดียวกับ ตระกูลภาาาอินโด-ยุโรเปียนและตระกุลภาษายูราลักคือสามารถสืบหาภาษาดั้งเดิมของตระกุลได้
           คำว่าออสโตรนีเซียนมาจากภาษาละติน astro (ลมใต้ป รวมกับคำภาษาอรีก nesos ตระกูฃภษานี้ได้ชื่อนี้ เพราะสวนมากใช้พุดในบริเวณหมุ่เกาะ มีเพียงไม่กี่ภาษา เช่น ภาษามลายู และภาษาจามที่สช้พุดบนผืนแผ่นดิน สมาชิกของตระกูลนี้มีถึง 1,268 ภาษา หรือประมาณ 1 ใน 5 ของภาษาที่รู้จักกันทั่วดโลก การแพร่กระจายจากแหล่งกำเนิดของภาษาถือว่ากว้างไกล เร่ิมต้้งแต่เกาะมาดากัสการ์ ไปจนถึงเกาะทางตะวนออกของมหาสมุ รแปซิฟิก ภษาราปานูอี ภาษามาลากาซี และภาษาฮาวาย เป็นภาษาที่่ใช้พุดตามรอบนอกของขอบเขตที่มีการใช้ภาษาตระกุลนี้ ภาษาตระกุลนี้มีสาขามากมาย ส่วนมากพบในไต้หวัน ภาาากลุ่มเกาะฟอร์โมซา ในไต้หวันเป้นสาขาหลักของภาษาในตระกูลนี้ มีถึง 9 สาขา ภษาาที่ใช้พุดนอกเกาะฟอร์โมซาทั้งหมดอยู่ในภาษากลุ่มมาลาโย-โพลีเซยียน ซึ่งบางคร้้งเรียกวาภาษานอกเาะฟอร์โมซา
         ประวัติศาสรเร่ิมต้นของกลุ่มชนที่พุดภาษาออสโตรนีเซียนย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเป็นภาษาออสโตรนีเซียนดั้งเดิม จุดเร่ิมต้นของภาษานี้อยู่ในไต้หวัน เพราะบนเกาะนี้มีความแตกต่่างของภาาาตระกุลนี้มา ดยมีถึง 9 จากทั้งหมด 10 สาขา ทั้งนี้นักภาษาศาสตร์ถือว่า จุดกำเนิดของภาษาจะอยุ่ในที่ๆ มีความแตกต่างของภาษากลุ่มนั้นๆ มาก
       
การศึกษาจุดเริ่มต้นของกลุ่มชนที่พุดภาษาตระกูลออสโตรนีเซียนโดยใช้หลักฐานทางพันธุศาสตร์พบวา่จุดกำเนิดนั้นน่าจะอยู่ในผืนแผ่นดินของทวีปเอเชีย หลักฐานทางโบราณคดีระบุว่า ผุ้พูดภาษานี้อพยพไปจากจีนตอนใต้ ไปสู่ไต้หวันเมื่อราว 8,000 ปีมาแล้ว จากนั้นจึงอพยพออกทางเรือไปยังหมุ่เกาะต่างๆ เมื่อราว 6,000 ปีมาแล้ว กระนั้นก็ตาม ยังมีช่องว่างในช่วงเวลาดังกล่าวอยุ่เพราะนักภาาาศาสตร์พบว่าข้อมูลเกี่ยวกับภาษาออสโตรนีเซียนดังเดิมยุติแค่ชายฝั่งตะวันตกของไต้หวัน แต่ไม่มีความเช ่อมโยงกบภาาบนแผ่นดินใหญ่ยกเว้นภาษากลุ่มจาม แต่มีหลักฐานว่าเป็นภาษาของผุ้อพยพเข้าไปใหม่
           ได้มีการศึกษาเพื่อเชื่อมโยงตระกูลภาษาออสโตรนีเซียนเข้ากับภาษาตระกุลอืนๆ ในเอเชียตะวันออกเแียงใต้ สมมติดฐานที่ดุสอดคล้องที่สุดคือ สมมติฐานออสโตร-ไท ซึ่งเชื่อมโยงตระกูลภาษาไท-กะไดอาจเป็นสาขาของภาษากลุ่มบอร์เนียวฟิลิปปินส์ แต่ยังไม่ได้รับการสนับสนุจากนักภาษาศาสตร์มากนัก
            นอกจากนนียังมีข้อเสนอว่าภาษาญี่ปุ่นอาจมีความเกี่ยวพันกับภาษาตระกูลออโตรนีเซียน โดยได้รับอิทธิพลจากภาษาตระกูลนี้ ดดยผุ้ที่เสนอทฤษฎีนี้เกล่าวว่าภาษาตระกูลออสโตรนีเซยนเคยครอบคลุมทางเหนือของเกาฟิร์โมซา (ทางตะวันตำของญี่ปุ่น เช่นหมู่เกาะริวกิว และคิวชู) เช่นเดี่ยวกับทางใต้ ไม่มีหลักฐานทางพันธุศาสตร์แสดงถึงความเกี่ยวพันระหว่างผุ้พูดภาษาญี่ป่นุโบราณกับผุ้พูดภาษาออสโตรนีเซียนดั้งเดิม ซึ่งน่่าจะเป็นการติดต่อสัมพันธ์กันธรรมดาที่ไม่มีผลต่อการหลอมรวมทางวัฒนธรร การวิเคราะห์ทางพันธุศาสตร์ของชาวริวกิว เทียบกับชาวญี่ปุ่และชาวพื้นเมืองของไต้หวัน พบว่าใกล้เคียงกับชาวญี่ป่นุมากว่า ดังนั้น หากจะมีการเาี่ยวข้องกันจริง จะต้องเกิดในจีนแผ่นดินใหญ่ก่อนที่ผุ้พูดภาษาออสโตรนีเซียนจะอพยพไปได้หวัน และผู้พูดภาษาญี่ปุ่่นจะอพยพไปญี่ปุ่น
             การกำหนดลักษณะทั่วไปของตระกุลภาษาออสโตรนีเซียนทำได้ยากเพราะเป็นตระกูลทื่กว้างมาก และมีความหลากหลาย โดยทั่วไปแบ่งได้เป็นสามกลุมย่อยคือ
             - ภาษาแบบฟิลิปปินส์ เรียงประโยคโดยให้คำกริยามาก่อน และมีการกำหนดจุดเน้ของกริยา
             - ภาษาแบบอินโดนีเซีย
             - ภาษาแบบหลัีงอินโดนีเซีย
             ภาษาตระกูลนี้มีแนวโ้น้มจะใช้การซ้ำคำ เป็นภาษารูปคำติดต่อ พยางค์เป็นแบบพยัญชนะ-สระ
             ภาษาหลัก ในตระกุลนี้มีผุ้พูดมากว่า 4 ล้านคนได้แก่ ภาษาชวา ภาษามลายุ ภาษาซุนดา ภาษาตากาล็อก ภาษาเซบัวดน ภาษามาลากาซี ภาษามาดูรา ภาษาอีดฃลกาโน ภาษาฮิลิกายนอน ภาาามินังกาเบา ภาษาบาตัก ภาษาบิโกล ภาษาบันจาร์ ภาษาบาหลี
            ภาษาในกลุ่มนี้ที่เป็นภาษาราชการได้แก่ ภาษาอินโดนีเซีย ภาษาตากาล็อก(หรือภาษาฟิลิปิโน ประเทศฟิลิปปินส์) ภาษามลายู (มาเลเซย สิงคโปร์ บรูไน) ภาษามาลากาซี (มาดากัสการ์) ภาษาเตตุม (ติมอร์-เลสเต) ภาษาฟิจิ (ฟิจิ) ภาษาซามัว (ซามัว) ภาษาตาฮีตี (เฟรนช์โปลินีเซียน) ภาษาตองกา (ตองกา) ภาษากิลเบิร์ต (คิริบาส) ภาษามาวรี (นิวซีแลนด์) ภาษาชอมอร์โร (กวมและหมู่เกาะนอร์เกาะนอร์เทิร์นมาเรียน) ภาษามาร์แชลล์ (หมู่เกาะมาร์แชลล์) ภาษานาอูฐ (นาอูฐ) ภาษาฮาวาย (รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา)th.wikipedia.org/wiki/ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

anthropology

              การศึกษากลุ่มคนตระกูลภาษามอญ-เขมร แนวคิดเกี่ยวกับชาติพันธุ์วรรณนา ชาติพันธุ์และเชื้อชาติ และวิธีแนวชาติพันธุ์วรรณา ซึ่งเป็นทฤษฎีหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาทางมนุษยวิทยา ประกอบด้วย
              - การจำแนกชาติพันธ์ ด้วยรูปลักษระที่รเาสามารถมองเห็นได้ด้วยตาอย่างชัดเจนมีการจำแนาติพันธุ์มนุษย์ออกเป็นกลุ่มๆ ตามลักษณะสีผิว โดยพอจะสรุปได้ดังนี้
               ความพยายามจำแนกชาติพันู์ของมนุษย์เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ปี 1350 ก่อนคริสต์ศักราชชาวอียิปต์โบราณแบ่งแยกคนออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ชาวอียิปต์ มีผิวสีแดง ผิวเหลืองเป็นชาวตะวันออก ผิวขาวเป็นของคนจกทางเหนือ และทางทิศใต้ประกอบด้วยคนผิวสีดำ และจากกการประชุมขององค์การการศึกษาวิทยาศาสต์และวัฒนธรรม ของสหประชาชาติหรือยูเนสโก ได้จัดประชุมนักมานุษยวิทยากายภาพที่กรุงปารีส ในปี 1951 ได้เห็นพ้องต้องกันว่ากลุ่มชาติพันู์ของมนุษย์ในโลกนี้แบงออกเป็นกลุ่มใหญ่ 3 กลุ่ม
                 กลุ่มชาติพันธุ์ผิวขาว หรือพวกคอเคซอยด์ ส่วนใหญ่อาศัยอยุ่ในทวีปยุโรป ทำให้มีการกล่าวกันว่าเป็นชาวยุโรป ประกอบด้วย ชาวอารยัน เช่น พวกกรีก อินเดียตอนเหนือ, แฮมิตริก เช่น อียิปต์โบราณ, เซมิตริก เช่น บาบิโรน อาสซิเรีย อาจแบ่งย่อยเป็น กลุ่มนอร์ดิก กลุ่มแอลป์ และกลุ่มเมติเตอเรเนีย
                 กลุ่มชาติพันธุ์ผิวเหลือง ผิวเหนื้อของพวกนี้จะมสีเหลืองไปจนถึงคล้ำ ใบหน้าแบนกว้าง ดวงตาดำ บ้างก็มีตาสองชั้น บ้างก็ตาชั้นเดียว กลุ่มย่อยของพวกผิวเหลือง ได้แก่ มองโกลอยด์ อยู่ทางทิศตะวันออกเแียงเหนือ เช่น จีน ธิเบต มองโกเลีย, อินเดียแดง อยู่แถบทวีปอเมริกาทั้งตอนเหนือและตอใต้, เอสกิโม อยุ่แถบเหนือสุดของทวีปอเมริกา รัฐอลาสก้า และตอนเหนือของแคนาดา, มาลายัยน อยู่แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มลายู ไทย บาหลี
                 กลุ่มชาติพันธ์ผิวดำ ผิวเหนื้อของคนกลุ่มนี้มีสีน้ำตาลแก่ไปจนถึงคำคล้ำจมูกแบน ผมหยิก ริมฝีปากหนา โหนกค้ิวยื่นออกมา คางสั้น กลุ่มย่อยของพวกผิวดำ ได้แก่ แอฟริกา, ปิกมี่และคำผิวดำที่อาศัยตามเกาะต่างๆ มหาสุทรแปซิฟิก เช่น พวก ปาปัว นิวกีนีและเกาะมาเลนีเซีย
               ชาติพันธ์มนุษย์ การศึกษาเกี่ยวกับชาติพันธ์ุของมนุษย์ เช่นเรื่องที่เกี่ยวกับสีผิว มีสมมติฐานมากมายอาทิ การที่คนมีสีผิวต่างกันเป็นเพราะระดับของการปกป้องจากธรรมชาติไม่เท่ากัน และเสนอว่าการศึกษาวิิคราะห์โครงสร้างรวม คือการศึกษาวัฒนธรรมของสังคมไดๆ โดยนำโครงสร้างทุกส่วนมาวิเคราะห์ร่วมกันในทางเดียวกัน เพ่อความเข้าใจวัฒนธรรม สำหรับการศึกษาเชิงเปรียบเที่ยบ ถือเป็นศาสตร์ทางด้านการปฏิบัติโดยเชื่อว่าวัฒนธรรมถูกกำหนดให้มีรูปแบบต่างๆ กัน โดยชาติพันธุ์ ภููมิประเทศ ภูมิอากาศ และระบบการทำมาหากิน หรือ ระับของสัผิวมักสัมพันธ์โดยตรงกับภุมิอากาศรอบข้าง ดังจะเห็นได้ว่า คนผิวดำมักพบว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเขตร้อน และเขตที่มีความช ื้นสูงหรือบริเวณรัศมี 20 องศาเหนือจากเส้นศูนย์สูตรทั้งนี้เพราะผิวสีดำสามารถดูดซับควมร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ดีกว่าอย่างไรก็ตามยังหาข้อยุติไม่ได้เพราะมีข้อดต้แย้งมากมาย
             
- ชาติพันธุ์วรรณาและการวิจัยแนวชาติพันธุ์วรรณนา  ชาติพันธุ์วรรณาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี วิถีชีวิตของกลุ่มคนในสังคม โดยราชบัณฑิตสภาน ให้ความหมายว่า ชาติพันธุ์วรรณนา หมายถึง สาขาหนึ่งของมานุษยวิทยาวัฒนธรรม ที่มุ่งพินิจศึกษาวัฒนธรรมต่างๆ เชิงพรรณนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมของชนในระดับดั้งเดิม
                 ชาติพันธุ์วรรณนาเป็นวิธีวิจัยเชิงคุณภาพที่มุ่งการพรรณนา การตีความหมายของกลุ่มคนรวมถึงระบบางสังคม หรือทางวัฒนะรรม ที่ผู้ศึกษามีจุดมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจแบบแผนพฤติกรรมทางสังคม วัฒนธรรม ขนบประเพณี รวมไปถึงวิถีชิวิตของกลุ่มคนในสังคมนั้นถ้าจะกล่าวถึงลักษระทั่วไปของการวิจัยแนวชาติพันธุ์วรรณนา  วิธีการวิจัยแนวชาติพันู์วรรณนา มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มคนที่สามารถนำไปใช้หลายสาขาวิชา เช่น ศึกษาศาสตร์ สังคมวิทยา สุขภาพอนามัย เศรษฐศาสตร์ ค่านิยม ความเชื่อ ชนบประเพณีต่างๆ ผู้วิจัยจะใช้ประโยชน์จากข้อมุลทางวัฒนธรรม ในการอธิบายและตีความผลของการวิจัย ใช้การสังเกตแบบมีส่วนร่วม โยมีตัวผุ้วิจัยเป็นเครื่องมือหลักสำคัญในการเก็บข้อมูลและยังสมารถเก็บข้อมุลได้หลายแบบ เพื่อสร้างความถูกต้ง ความตรงประเด็นในเรื่องที่ศึกษา และความนาเชื่อถือของผลการศึกษา..
              - นิเวศวิทยาวัฒนธรรม ของ จูเลี่ยน สจ๊วต เป็นแนวคิดที่ ได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดของอัลเฟรด โครเบอร์ ในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้แมที่มีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของวัฒนธรรม สจ๊วต ได้ให้ความหมายของวัฒนธรรมว่า เป็นการศึกษาการปรับตัวหรือหาความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมกัยส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติเป็นการวิเคราะห์ระบบนิเวศวิทยากับสังคม เพ่อค้นหาลักษระเฉพาะของวัฒนธรรมแต่ละแห่งและได้เนนถึงความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมแต่ละแห่งด้วย และจากการศึกษาพบว่าสิ่งแวดล้อมมีผลต่อความแตกต่างในการปรับตัวของวัฒนธรรม วัมนธรรมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางปัจจัยหรือตัวแปรภายนอกมากมาย ซึ่งได้แก่สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาตินั่นเอง
              และได้เสนอว่า ปัจจัยต่างๆ มีกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่การปรับตัวทางวัฒนธรรมสภาพแวดล้อมนั้นๆ ผลจากการที่มีวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม เป็นตัวขับเคลื่อนให้มีการปรับตัวของสิ่งแวดล้อมโดยที่สิ่งแวดล้อมจะเป็นตัวก่อรูปให้เกดวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมซึ่งหมายความว่า ส่ิงมีชีวิตทั้งหมดในโลกไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ชนิดต่างๆ จะมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันถือว่าเป็นลักษระทางกายภาพที่แต่ละส่วนจะมีความสัมพันธ์ต่อกัน ลักษระหล่านี้ถือเป้นสวยของหน่วยสงคมนั้น ๆและใช้วิธีการศึกษาทางนเวศวิทยาด้วยการค้นพบการปรับตัวของวัฒนธรรมมากกว่าการจัดการของมนุษย์ต่อปัจจัยต่างๆ ที่อยุ่ในระบบนิเวศและได้ให้ความสนใจต่อมุมองที่ว่า ถ้าหากหันมาศึกษาดุว่าวัฒนธรรมเป็นผลจากการปรับตัวทงสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรนั้นเป็นเพราะมีส่ิงที่อยุ่เหนือธรรมชาติที่มีอยุ่ในระบบนิเวศหรือไม่ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่า ปรกากฎการที่เหนือธรรมชาตินั้นเป็นผลมาจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งมีชีิวิตที่แตกต่างกันนันจะเป้นแค่ลักษณะทางกายภาพ" เขาได้อธิบายถึงปัจจัยที่อยุ่เหนือะรรมชาติในแง่ของวัฒนธรรมว่ายังมีผลต่อทุกๆ สิ่งที่มีชีวิตที่อยู่ บนโลกและมีความสัมพันธ์ต่อกันเป็นเสมือนใยข่าย และได้ขยายความถึงส่ิงมีชีวิตที่ต่างไปจากมนุษย์ว่ามีเส้นทางในการปฏิสัมพันธ์กันเป็นใยข่ายในลักาณะสำคัญอยู่ 2 ลักษะ คือ
         
 1. มนุษย์มีการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม ดดยผ่านทางมิติทางวัฒนธรรมที่เป็นสิ่งเหนือะรรมชาติมากกว่าการปรับตัวผ่านทางพันธุุกรรม
             2. ใยข่ายสิ่งมีชีวิตเป็นส่วนที่มนุษย์มักเป็นผุ้แผ่ขยายใยข่ายภายในระบบหรือหน่วยทางสังคม
             นิเวศวิทยาวัฒนธรรมชี้ห้เห็นสองประเด็น คือ ปัญหาและวิะีการ คือปัญหาที่เกิดจากการปรับตัวของมนุษย์ในสังคม อันเป็นสวนหนึ่งทีทำให้ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมเกิดปัญหาตามมาภายหลังและเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม หรืออาจยอมให้มีพฤติกรรมต่างๆ แสดงออกมาในลักษณะใด ลักษระหนึ่ง ปัญหาจากนิเวศวัฒนธรรมมัจะเป็นผลที่ตามมาภายหลัง ดดยที่ทุกสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมจะแสดงหน้าที่ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันทั้งในระดับ และชนิดของความสัมพันธ์ท่เกี่ยวโยงกันและจะไม่เป็นลักษระเดียวกันความสัมพันธ์ของสิ่งทั้งหลายจะมีความแตกต่างกันออกไปด้วย
              - ประวัติศาสตร์ เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาทางมานุษยวิทยา ดดยได้มีการศึกษาทฤษฎีวิวัฒนากาาของมนุษยวิทยา ซึ่งพัมนามาจากแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางชีวภาพของมนุษย์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งศึกษาโดย ชาร์ล ดาร์วิน เนื่องจากมีความรุ้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์มาก่อน จึงมีความสนใจที่จะศึกษาค้นหาข้อเท็จจริงและการพิสูจน์ดดยไม่มีการสรุปเป็นกฎเกณฑ์ ต่อมาโบแอส ได้ศึกษาทางมานุษยวิทยาด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์สืบย้อนหลังเป็นส่วนใหญ่ เน้นวิวัฒนการผสมผสานกับการพิสุจน์ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ การศึกษาจึงเป็นการศึกษาโครงสร้างเนื้อหาสัมพันธ์รวมทั้งระบที่เรียกส่า Holitic
             
การศึกษาวัฒนธรรมหรือพฤติกรรมของมนุษย์หลีกไม่พ้นการสืบสวนย้อนหลังไปถึงในอดีต ในทุกสมัยมนุษย์ได้ผ่านขึ้นตอนและได้ละท้องผลแห่งการกระทำไว้ในอดีต การศึกษาอดีตสามารถนำมาอธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ในสมัยปัจจุบันได้เป็นอย่างดี การศึกษาวัฒนธรรมโดยใช้วิะีทางประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นการมองปัญหาย้อนหลัง เกี่ยวข้องกับกาลเวลาอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ การที่จะเข้าใจเหตุการณ์ในปัจจุบันนันจำเป็นต้องสืบสาวเหตุการณ์ย้อนไปข้างหลัง ย่ิ่งสืบย้อนหลังไประยะเวลาไกลจากปัจจุบันได้มากเท่าไรยิ่งจะเข้าใจปัจจุบันมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเข้าใจปัจจุบันได้อย่งทะลุปรุโปร่งก็จะเป็นประดยชน์ต่อการวางแผนการล่วงหน้าได้สำหรับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งเป็นการศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ของเหตุการณ์และเวลา มิติของเวลาที่เกี่ยวข้องกับการึกษาวัฒนธรรม ได้แก่การศึกษาเหตุการณ์ในช่วงเวลาเดียวกัน และในหลายช่วงเวลา
               วิธีการทางประวัติศาสตร์นั้น ศึกษาความเจริญเติบโตของวัฒนธรรมทั้งโดยตัวของมันเองประกอบกับสิ่งแวดล้อมที่มาจัดรุปแบบของวัฒนธรรมให้พัมนาและแตกต่างกันไปตามลักษระของท้องถ่ินและกาลเวลา การศึกษาประวัติศาสตร์จะทำให้รู้ว่าวัฒนธรรมของสังคมหนึ่ง เกิดมาจากในสังคมนั่นเอง หรือถูกหยิบยืมมาจากภายนอก และทำให้เข้าใจว่าวัฒนธรรมจะเป็นรูปแบบใดขึ้อยุ่กับมนุษย์และสิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์กำหนดเพียงปัจจัยเดียวไม่ถูกต้องและเห็นว่าวัฒนธรรมของคนแต่ละเผา ต่างภาษาจะทำให้วัฒนธรรมหลากหลายมากขึ้น และวิีการที่จะศึกษาความเป็นมาของวัฒนธรรมนั้นจะต้องใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์เท่านั้น
             - การแพร่กระจายทางวัฒนธรรม โดยอัลเฟรดคอร์เชอร์คอเบอร์ เสนอว่า วัฒนธรรมจะแพร่กระจายจากนุดศุนยกลางไปตามพื้นที่เท่าที่มันจะเป็นไปได้ในเขตภูมิศาสตร์เดี่ยวกัน และยุคสมัยใกล้เคียงกน จากแนวคิดนี้จะเห็นภาพของเขตวัฒนะรรมเป็นกลุ่มๆ ไป และแพร่กระจายไปถึงทุกที่ที่ไม่สามารถจะเดินทางไปได้ ดังนั้นรูปแบบการแพร่กระจายของสำนักอเมริกันจึงไม่ใช้เป็นรูปแบบวงกลมหลายวง วัฒนธรรมหนึ่งๆ จะแพร่กระจายไปยังงแหล่งอื่นๆ ได้ต้องยึดหลักว่ วัฒนะรรม คือ ความคิดและพฤติกรรม(ผลของความคิด) ที่ติดตัวบุคคล บุคคลไปถึงไหนวัฒนธรรมก็
ไปถึงนั่นดังนั้นกาแพร่กระจายของวัฒนธรรมจะขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังนี้ หลักภูมิศาสตร์ ปัจจัยทางเศราฐกิจ ปัจจัยทางสังคม การคมนาคมขนส่งที่ดี การแพร่กระจายทางวัฒนธรรมตามแนวคิดของเขา จะเป็นไปได้มากว่าเท่าที่เป็นอยุ หรือการแพร่กระจายวัฒนะรรมจะเป็นไปได้มากก็ต่อเมื่อ เกิดในพื้นที่ต่อเนื่องกัน ไม่มีอุปสรรคทางภุมิศาสตร์ขวางกั้น มีปัจจัยอื่นๆ มาสนับสนุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเศราฐกิจ เพราะวัฒนธรรมคือพฤติกรรมที่ติดอยุ่กับตัวบุคคล บุคคลที่มีกำลังทางเศราฐกิจ และบุคคลที่มีความจำเป็นหรือมีเป้าหมายทางเศราฐกิจเท่าน้นจะสามารถเดินทางจากสถานที่ที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งได้
         
จากแนวคิดดังกล่าวเราจะเห็นเขตวัฒนะรรมของโลกเป็นกลุ่มๆ เช่น เขตวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉีีงใต้ เขตวัฒนธรรมเอเชียใต้ สรุปคือ วิะีการศึกษาการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมของ คอเบอร์ มีดังนี้ ใช้หลักภูมิศาสตร์ สืบย้อนด้วยประวัติศาสตร์ การขุดค้นทางโบราณคดี ดูวิวัฒนการของวัฒนธรรม เป็นการศึกษาเพ่อโุว่าวัฒนธรรมเติบโตมาอย่างไร...
         
             ( "ความสุขของผู้สุงอายุในบุญประเพณี 12 เดือน ของกลุ่มคนตระกุลภาษามอญ-เขมรในราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา". ดวงนภา ประเสริฐเมือง, วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัฒฑิต สาขาวิชายุทะศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค(อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง), มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์, พ.ศ. 2556.)
       
       

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Austro-Asiatic languages : MON-KHMER II

            กลุ่มเหนือ...
            ภาษากาสี เป็นภาษากลุ่มออสโตรเอเชียติกใช้พูดในรัฐ เมฆาลัย ประเทศอินเดีย อยู่ในสาขามอญ-เขมร และใกล้เคียงกับภาษากลุ่มมุนดาทีเป็นภาษาตระกูลออสโตรเชียติกที่มีผู้พูดในอินเดียกลาง มีผู้พูด กว่าเก้าแสนคน ในรัฐเมฆาลัย ซึ่งคือหนึ่งในรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย มีเขตติดต่อกับประเทศบังคลาเทศทางทิศใต้และตะวันตก และรัฐอัสสัมทางทิศเหนือและตะวันออก ในปัจจุบันหนึ่งในสามของรัฐบังคงปกคลุมไปด้วยป่าไม้ นอกจานี้แล้ว รัฐเมฆาลัยยังถือเป็นสถานที่ๆ ฝนตกชุกที่สุดในโลกและเปนสถานที ๆ ชื้นแฉะที่สุดในโลกด้วย
          มีผุ้พูดบางส่วนในหุบเขาตามแนวชายแดนอินเดีย ภาษากาสีมีเรื่องเล่าพื้นบ้านมากมักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาของชื่อต่างๆ ของภูเขาแม่น้ำ สัตว์และอื่นๆ
          ระบบการเขียนในอดีตภาษากาสีไม่มีระบบการเขียนเป็นของตนเอง วิลเลี่ยม แครี่ ดัดแปลงอักษระบงกาลีมาใช้เขียนเมื่อ พ.ศ. 2356-2381 มีหนังสือที่เขียนด้วยอักษรนี้จำนวนมาก โทมัส โจนส์ มิชชันนารีชาวเวลส์ เขียนภาษานีด้วยอักษรละติน เมื่อ พ.ศ. 2384 โดยการออกเสียงใกล้เคียงกับภาษาเวลส์ จากจุดนี้จึวมีการพัฒนาอักษรละตินสำหรับภาษากาสีเองขึ้นมา th.wikipedia.org/wiki/ภาษากาสี
          ปะหล่อง เป็นชนกลุ่มน้อยพวกหนึ่งนับเป็นหนึ่งใน 56 กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศจีนนอกจานี้ยังมีชาวปะหล่องอาศัยอยู่ในประเทศพมาและบางส่วนที่อพยพเข้ามาประเทศไทย ชาวปะหล่อง พูดภาษาปะหล่อง ซึ่งแบ่งแยกย่อยออกไปอีก อาทิ
                     - ปะหล่องรูไม หรือภาษาปะหล่องเงิน มีผุ้พูดกว่าแสนสามหมื่นคน พบในพม่าและชายแดนจีนพม่า ทางตะวนตกของยูนนาน ในเขตปกครองตนเองเต๋อหง และตามแนวชายแดนพม่า
                     - ปะหล่องปาเล หรือประหล่องเงินมีผู้พูดกว่าสองแสนห้าหมื่นคนทางตอนใต้ของรัฐแาน และในจีน ห้าพันคน ในยูนนานตะวันตก ส่วนใหญ่พูดภาษาไทลื้อ ภาษาจิ่งโปหรือภาษาจีนได้ด้วย ในไทยพบ ห้าพนคนใกล้เคียงกับภาษาปะหล่องชเว ภาษาปะหล่องรูไม
                      - ปะหล่องชเว หรือภาษาปะหล่องทองพบในพม่า กว่าหนึ่งแสนสี่หมื่นคนทงภาคเหนือของรัฐฉาน และในจีน สองพันคน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของยูนนาน th.wikipedia.org/wiki/ปะหล่อง
             กลุ่มภาษาขมุ หรือ ภาษากำมุ มีผุ้พูดกว่าห้าแสนคน พบในลาง สามแสนแปดหมื่นคน กระจายอยู่ทางเหนือของหลวงพระบาง ห้วพัน พงสาลี เวียงจันทน์ สายะบุรี น้ำทา ปากแบง และหวยทราย สำเนียงในแต่ละท้องถิ่นจะต่างกัน พบในจีน หนึ่งพันหกร้อยคน ในสิบสองปันนา ในประเทศไทย สามหมื่อนกว่าคน ที่จ. เชียงราย น่าน พะเยา ละกระจายตัวอยู่ในจังหวัดอื่นๆ ในภาคตะวันตก ภาคกลางและภาคอีสานพบในเวียดนามห้าหมื่นหกพันคน และอาจจะมีในพม่า
                    ระบบเสียง มีพยัญชนะ 17 เป็นตัวสะกดได้ 15 เสียง สระ 22 เสียง เป็นสระเี่ยว 19 เสียง สระประสม 3 เสียง มีความแตกต่างระหว่างสระเสียงสั้นและสระเสียงยาวไม่มีเสียงวรรณยุกต์แต่มีลักษระน้ำเสียง 2 แบบ คือ เสียงทุ้มใหญ่กับเสียงเบาแหลม
                    ไวยกรณื เป็นภาษาที่มีแนวโน้มเป็นภาาที่มีพยางค์เดียวมากขึ้นเช่นเดียวกับภาษาเวียดนาม คำกริยาไม่ผันตามกลาล โดยทั่วไปไม่มีการเปลี่ยนรูปคำเพื่อแสดงเพศหรือ พหูพจน์ ยกเว้นคำสรรพนาม มีการลงอุปสรรค(คำหน้า) และอาคม (คำกลาง) บ้างแต่จัดเป็นระบบไม่ได้ชัดเจนนัก การเรียงประโยคเป็นปบบ ประธาน-กริยา-กรรม
               
  คำสรรพนามแทนบุคคลมีรูปเป็นเอกพจน์ ทวิพจน์ และพหูพจน์ คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยค ซึ่งตรงกับคำว่า อันที่ คนที่ ตัวที่ ในภาษาไทย ภาาขมุจะใช้ว่ากัมหนือนัม มีการใช้คำสันธานน้อย ดดยมากใช้ประโยคเรียงต่อกันเฉยๆ คำบุพบทมีไม่กี่คำ ที่ใช้มากคือ ตา หมายถึง ด้าน ที่จาก ข้างใน และคำว่า ลองที่หมายถึงแถง บริเวณ
                  ระบบเขียน ภาษาขมุไม่มีระบบการเขียนเป็นของตนเอง ในวงวิชาการใช้สัทอักษร ในประเทศไทยมีการนำอักษรไทยไปเขียนภาษาขมุ เขียนด้วยอักษรด้วตาในจีนth.wikipedia.org/wiki/ภาษาขมุ
           ภาษาม้ง อยุ่ในตระกูลแม้ว เย้า หรือม้ง-เมี่ยน ใช้กันในชาวม้งในเเชียตะวันออกเฉียงใต้และบางส่วนของจีนจัดเป็นภาษาคำโดด โดยหนึ่งคำมีเสียงพยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์ ไม่มีเสียงตัวสะกด มีวรรณยุกต์สนธิหรือการปสมกันของเสียงวรรณยุต์เมื่อนำคำมาเรียงต่อกันเป็นประโยค ในประเทศไทยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ภาษาม้งเขียว หรือ ม้งจั๊ว ภาษาม้งขาว หรือ ม้งเด๊อว
           ไวยากรณ์ การเรียงคำเป็นแบบประธาน-กริยา กรรม เช่น เด๋เตาะหม่(หมากัดแมว) ไม่มีการเปลี่ยนรูปคำเพื่อแสดงกาล แต่ใช้การเติมคำบอกกาลเช่นเดียวกับภาษาไทย อดีตเติมคำว่าเหลอะไว้ท้ายประโยค เช่น เด๋เตาะหมีเหลอะ (หมาจะกัดแมว) ประโยคคำถามเติมคำว่าปั่วหรือหลอเข้าในประโยค คำว่าหลอนิยมวางไว้ท้ายประโยค ส่วนคำว่าปั่วนิยมวางไว้หน้ากริยา เช่นเด๋เตาะหมีหลอ หรือ เ่๋ปั่วเตาะหมี (หมากัดแมวหรือ)
           ภาษาม้งมีการฝช้คำลัษณะนาใโดยจะเรียงคำแบบ จำนวนนับ-ลักษณนาม-นาม เช่น อ๊อตู่แหน่ง (สอง-ตัว-ม้า) คำลักษณะนามที่ำคัญคื อตู่ใช้กับส่ิงมีชีวติทั้งสัตว์และต้นไม้ ส่วนคนนั้นใช้ เล่ง เช่น อ๊อเล่ง (คนสองคน) ตร๊า ใช้กับเครื่องมือ เครื่องใช้ อาวุธ ได ใช้กับส่ิงที่มีลักษณะเป็นแผ่นแบนๆ แส้ฮ ใช้กับส่ิงที่เป็นเส้นยาวหรือเวลานนานๆ ลู้ใช้กับคำนามทั้วไป จ๋อใช้กับคำนามที่มีมากว่าหนึ่ง เช่น จ๋อแหน่ง (ม้าหลายตัว)
          ระบบเขียนไม่มีอักษรเป็นของตนเอง มีผุ้สนใจภษาม้งพยายามประดิษฐ์อักษรขึ้นใช้เขียน เช่น อักษรม้งอักษรพอลลาร์ด เมียว ที่เป็นที่นิยมแพร่หลายคืออักษรละตินใประเทสไทยบางคร้งเขียนด้วยอักษาไทย สำหรับการเขียนด้วยอักษรละตินมีพยัญชนะที่ใช้ทั้งหมด 26 ตัว วรรณยุกต์ มี 8 และสระมี 14 ตัว th.wikipedia.org/wiki/ภาษาม้ง
             กลุ่มใต้..
             ภาษามอญในพม่าและไทย เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษามอญ-เขมร 12 สาย พูดโดยชาวมอญที่อาศัยอยุ่ในพม่าและไทย อักษรมอญ ที่เก่าแก่ที่สุดนั้น ค้นพบในประเทศไทย หลักฐานที่พบคือ จารึกวัดโพธิ์ร้าง พ.ศ. 1143 เป็นอักษรมอญโบราณที่เก่าแก่ที่สุด ในบรรดาจารึกภาษามอญที่ได้ค้นพบ ในแถบอเชียอาคเนย์ เป็นจารึกที่เขียนด้วยตัวออักษรปัลลวะ มี่ยังไม่ได้ดัแปลงให้เป็นอักษรมอญและได้พบลอักษรที่มอญประดิษฐ์เพิ่มขึ้น เพื่อให้พอกับเสียงในภษามอญ ในจารึกเสาแปดเหลี่ยมที่ศาลสุง เมืองลพบุรี ข้อคามที่จารึกเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาสันนิษฐานวา จารึกในพุทธศตวรรษที่ 13 ราว พ.ศ. 1314 อักษรจารึกในศิลาหลักนี้เรียกว่า ตัวอักษรหลังปัลลวะ
            ภาษามอญ ในจารึกสมัยกลางเป็นทั้งภาษามอญและอักษรมอญ ประมาณ พ.ศ. 1600 เป็นต้นมา พม่ารับอักษรมอญมาใช้เขียนภาษาพม่า เป็นครั้งแรกประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ตัวอักษรได้คลี่คลายจากตัวอักษรปัลลวะ มาเป็นตัวอักษรสี่เหลี่ยม คือ ตัวอักษรที่เรียกว่า อักษรมอญโบราณ และเปลี่ยนแปลงขนาดเล็ลงในระยะต่อมา ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 21 ก็ได้แลายเป็นอักษรมอญปัจจุบัน ซึ่งมัลักษณะกลม เกิดจากอิทธิพลของการจารหนังสือโดยใช้เหล็กจารลงยนใบลาน
           ภาษามอญปัจจุบัน เป็นภาษาในระยะพุทธศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลาประมาณ 400 ปีเศษ ในยุคนี้เป็นจารึกในใบลาน มีฃลักษระกลม ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของการจารหนังสือโดยใช้เหล็กจารลงบนใบลาน..../th.wikipedia.org/wiki/ภาษามอญ
          กลุ่มภาษาอัสเลี่ยน ในภาคใต้ของไทยและมาเลเซีย อาทิ ภาษานามิ ของชาวซาไก, แต็นแอ็น ซึ่งจัดว่าเป็นภาษาที่ใกล้สูญพันธ์
          กลุ่มภาษานิโคบาร์ หมู่เกาะนิโคบาร์
          กลุ่มที่จำแนกไม่ได้.. ได้แก่ภาษาบูกัน บูซินซัว เอเมียฮัวและกวยอัวในจีน...
          

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...