วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Form Danang Vietnam to Manila Filliippine

           การประชุมความร่วมมือทางเศราฐกจิเอเชีย-แปซิฟิค หรือเอเปค ครั้งที 25 ที่เมือง ดานัง ประเทศเวียดนามได้ปิดฉากลงแล้ว ด้วยการับรองปฏิญญาผุ้นำเอเปค 4 ฉบับง่าด้วยการส่งเสรมความก้าวหน้าในการสร้างโอกาสทางเศราฐกิจ ดดยที่ประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทั้งหดมจาก 11 ประเทศตกลงที่จะเดินหน้าแผนกรอบความร่วมมือทางการต้าเอเปค โดยไม่มีสหรัฐอเมริการเข้าร่วม
           การประชุมความร่วมมือทาเงศราฐกจเอเชีย- แปซิฟิก หรือเอเปคคร้งที่ 25 ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ปิดฉากลงแล้ว ด้วยการรับรองุปฎิญญาผู้นำเขตเศรษบกิจเอเปค 4 ฉบับ ว่าการสงเสริมความก้าวหน้าในการสร้างโอกาสทางเศราฐกิจ ความร่วมมือในการพัฒนาคน ส่งเสริมเอสเอ็มอี และส่งเสริมสตร์ทอัพที่มีนวัตกรรม
           ความร่วมมือของผู้นำเขตเศรษกบิจเอเปค จากสมาชิก 21 เขตเศรษบกิจ ยังเป้นที่จับตาในเวทีโลก ดดยเฉพาะประเด็นความร่วมมือที่ยังไม่สอดคล้องกัน เชน แถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่องประเทศ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนตลาดการต้าที่เสรีและเป็นธรรม การเดนหน้าต่อสู้กับนโยบายปกป้องกันค้า และส่งเสริมบทบาทขององค์การการต้าโลก หรือ WTO ตลอดจนกระตุ้นให้ชาติสมาชิกยึดหลักกฎเกณฑ์การต้าที่ได้ให้คำมั่นร่วมกันไว้
          แถลงการครั้งนี้ออกล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่ระบุไว้ 3 วัน ดดยเป็นผลจากสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการร้อและทบทวนกรอบข้อตกลงการต้าที่จะไม่ทำให้สหรัญฯ เสียดุลและถูกเอารัดเอเาปรียบอีกต่อไป รวมถึงการเน้นยำนธยบายอเมริกัน ต้องมาก่อนและการปกป้องการจ้างงานและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ซึ่งสวนทางกับแนวทางของเอเปกในปัจจุบน และในที่ประชุมระดับรัฐมนตรรีว่าการกระทรวงพาณฑิชย์ทั้งหมดจาก 11 ประเทศ ตกลงที่จะเดินหน้าแผนกรอบความร่วมมือทางการต้าเอเชีย-แปซิฟิก โดยไม่มีสหรัฐอเมริกาเข้า่ร่วม...
       
  ส่วนการกล่าวสุนทรพจนของประธานาธิดบีสีจิ้นผิง ของจีน แสดงจุดยืนที่แตกต่างจากผุ้นสหรัฐฯ อยางเห็นได้ชัด ด้วยกาเน้นย้ำความสำคัญของการต้าเสรีในระดับพหุภาคี ว่าเป็นส่งิที่ควรสนับสนนุส่งเสริม เพราะช่วยให้ประเทศเล็กๆ ไม่เสียเปรียบประเทศที่มีเศรษบกิจขนาดใหญ่ ซึ่งผุ้นำจีนยังได้เรียกรองให้ยกกระดับความรวมมือระหว่าง 21 เศรษฐกิจเอเปกกับชาติสมาชิกในอาเวียนเพื่อมมากขึ้น ดดยจีนจะสนับสนุนเืพ่อสงผลให้เกิดตลาดการต้าเสรีแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และความร่วมมือของประชาคมจีน-อาเซียน ด้วย
       
ขณะที่การพบกันของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับนายวลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิดบีรัสเซียน ยังเป้นที่จับตาอย่างมากตลาอดการประชุม ภายใน 24 ชั่วโมง..สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงที่ต่อสุ้กับแลุ่มไอเอสต่อปจนกว่าจะเอาชนะกลุ่มไอเอส ซึงรัฐบาลรัสเซียน เปิดเผยว่า นีเป้นแถลงการณ์ที่คณะผู้เชียวชาญของทั้งสองฝ่ายเตรียมไว้หลงผุ้นำทั้งสองพบหรารือกันช่วงสั้น ๆ แต่ยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป้นทางการจากทางการสหรัฐอเมริการเกี่ยวกับถลงการณืฉบับนี้
          ผุ้นำไทย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์เรื่องการเติบโตอย่างมีนวัตกรรม การมีส่วนร่วม และการจ้างงานที่ยั่งยืนในยุคดิจิตัง โดยย้ำ ว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรม การมีส่วรร่วม และการจ้างงานที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล โดยย้ำว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้ง 4 จะนำพาเอเปคไปสู่ยุคใหม่ โดยมี "นวัตกรรม" เป็นหัวใจในการขับเคลือนเศราฐกจิและสังคม ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนทุกลุ่มโดยเฉพาะหลุ่มผุ้ด้อยโอกาส สนับสนุนให้เกษตรกรน้อมนำหลักเสณฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาปรับใช้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อนำไปสู่การเป็นเกษตรอัจฉิยะ เชื่อมต่อกับตลาดโลก...http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99/56453/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%84-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-25.html
          แถลงการณ์ ดานัง..
          บ่ายวันที่ 11 พฤศจิการยน ณ ศูนย์การสื่อสารระหว่งประเทศในนครดานัง ปรธานประเทศ เจิ่นด่ายกวางได้เป็นประธานการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยแจ้งให้ทรบเกี่ยวกับผลงานที่โดดเด่น ของการปรุชมผุ้นำเศราฐกิจเอเปกครั้งที่ 25
          ท่าน เจิ่นด่ายกว่างได้ย้ำว่ จากการสานต่อผลสำเร็จในความร่วมมือของเอเปกในหลายปีที่ผ่านมาความเห้นพ้องเป้นเอกฉันท์ในระดับสูงของบรรดาผุ้นำเศรษฐกิจเอเปก ที่ประชุมได้อนมัติแถลงการณ์ดานัง "สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อร่วกันสร้างอนาคตที่ดีงาม" นี่คือผลงานท่สำคัญที่สุดของการประชุมผู้นำเอเปกและของปีเอเปก 2017
            ซึ่งตามนั้น บรรดาผุ้นำเอเปกได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นธำรงความร่วมมือและการเชื่อมโยงในเอเปกในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่งมาก เอเปกผลักดันการต้าเสรีและการลงทุนในภูมิภาค ผลักดันคุณภาพ เน้นยกระดับความสามารถในการเชื่อมโยงด้านเสณาฐกิจระหว่างประเทศให้แก่สมาชิก เพื่อเตรียมพร้อมให้แก่เอเปกในการ่ย่างเข้าสุ่ทศวรรษที่ 4 ของการพัฒนาและเสร็จสิ้นเป้าหมายโบร์กอ บรดาผุ้นำเอเปกไห้เห็นพ้องถึงความจำเป้นเืพ่อธำรงความร่วมมือใหม่ให้แก่เอเปกหลังปี 2020 ประะานประเทศ เจิ่นด่ายกวาง ไ้ย้ำว่า "เพื่อให้เอเปกเป็นพลังขับเคลื่อนผลักดัน
การเชื่อมโยงในภุมิภาค มีสวนร่วมเพื่อให้เอเชียแปซิฟิกเป็นพลังขับเคลือนของการขยายตัวและการเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก ที่ประชุมได้ยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นเสร็จสิ้นเป้าหมายโบกอร์เกี่ยวกับการต้าเสรีและการลงทุน ผลักดันการอำนวยความสะดวกให้แก่การลงทุน การประกอบธุรกิจและการบริการ ผลักดันความร่วมมือด้านเศรษบกิจเทคนิค พยายามมุ่งสุ่การจัดตั้งเขตการต้าเสรีเอเชียแปซิฟิกหรือเอฟทีเอเอพี ที่ประชุมยังื่นชมการนอุมัติกรอบเอเปกเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้แก่การค้าดิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติเืพ่อำนวนความสะดวกให้เอเปกใช้ศักยภาพพัฒนาของเศรษฐกิจอินเตอร์เน็ต เศรษบกิจดิจิตลและห่วงโซ่อุปทานและคุณค่าในโลก"
          ประธานนประเทศเวียดนามเผยว่า บรรดาประเทศเสรษฐกิจเอเปกชื่นชมการจัดตั้งกลุ่มวิสัยทัศน์เอเปกเพื่อสนับสนุเจ้หน้าที่อาวุโสในการำกำหนดแนวทางและอนาคตของเอเปกหลังปี 2020 ซึ่งจะเป็นฟิรั่มที่พึงพาตนเอง มีทักาณะความสาารถในการแก้ไขความท้าทายระดับโลกและปรับตัวเข้ากับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การตัดสินใจดังกล่าวยังสะท้อนความตั้งใจของเศรษบกิจสมาชิกที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ประชาคทเอเชีย แปซิฟิกที่สันตภิภา เสถียรภาพ คล่องตัว เชื่อมโยงและเจริญรุ่งเรื่องโดยประชาชนและสภานประกาบการเป็นศูนย์กลาง
           สุดท้าย ประธานประเทศได้ยืนยันว่าในหลายวันที่ผ่านม ประชาชนเวียดนาม โดยเฉพาะชาวนครดานังและจังหงัดกว่างนามได้ให้การต้อนรับผุ้แทนเอเปกกว่า 1 หมืนคน รวมทั้งผุ้บริหารกลุ่มบริษัทชั้นนำของโลกและภุมิภาค ตัวแทนองค์กรระหว่างประทศที่เข้าร่วสัปดาห์ผุ้นำเอเปก 2017 ดยเฉพาะมีนักข่าว
เกือบ 3 พันคนของเวียดนามและประเทศต่างๆ ได้ได้มาทำข่าวในนครดานังซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้นเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงบทบาทสำคญของเอเปกและสัปดาห์ผุ้นำเอเปก 2017 "ความสำเร็จของปีเอเปกเวียดนาม 2017 และสัปดาห์ผุ้นำเอเปกมีสวนร่วมที่สำคัญจากท่านผุ้มีเกี่รยติ์ทุกท่าน ผมมีความเชื่อมั่นว่า จากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของเอเปก ผุ้แทนทุกท่านไ้มีโอกาสชมทิวทัศน์ที่สวยงามของประเทศเวียดนามที่เปลี่ยนแปลงใหม่ คล่องตัว ปสมปสานและพัฒนา ความเป้นมิตรของคนเวียดนามและนครดานังที่ทันสมัยและอารยธรรม"
          ก่อนหน้านั้น ประธารประเทศเจิ่นด่ายกวาง ซึ่งเป้นประธานการประชุมผุ้นำเอเปกครั้งที่ 25 ได้เป็นประธานพิธีปิดการประชุมผุ้นำเอเปกครั้งที่ 25 และมอบตำแหน่งประธานปีเอเปก 2018 ได้แก่ ปาปัวนิวกินีhttp://vovworld.vn/th-TH/%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%99/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%97-25-%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%87-593504.vov
           
ฟิลิปปินส์- ผุ้นำโลกร่วมประชุมอาเซียน ซัมมิท ครั้งที่ 31
            ในปีนี้ฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมขึ้นที่กรงุมะนิลา มีกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 พฆศจิกายน โดยันแรก มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการเปิดบ้านต้อนรับ 9 ผุ้นำ จากกลุ่มประเทศอาเวียน และอีก 11 ผุ้นำโลก ที่เข้าร่วมเป็นคู่เจรจา ซึ่งส่วนใหย่เดินทางต่อมาจาก การหารือนอกรอบ ของการประชุม APEC  ที่ประเทศเวียดนาม ส่วนประเด็นที่จะมีการหารือกัน คาดว่า จะมีประเด้นนอกภุมิภาค ที่คุ่เจรจาจะรวมหารือด้วย โดยประเด็นสำคัญหลักๆ ของการพูดคุย มีดังนี้
           ด้านเศรษฐกิจ อาเซียนมุ่งหวังปฏิรูป รูปแบบประชุาคมเศรษบกิจ ให้มีลักษณะคล้ายกับสหภาพยุโรป คือ ลดอุปสรรค ใการทำการค้าให้มากที่สุด เพื่อให้การจำหน่ายสินค้าและบริากรระหว่งประเทศมีราคาถูกลง นอกจากนี้ยังมีแผนขยายโครงการช่วยเหลือ และเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็ และขนาดกลาว ได้เข้าสู่ตลาดใหญ่ๆ มากขึ้น
          ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ที่ประชุมยังคงกังวลกับปัญหา การขยายอำนาจของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ซึ่งอาจสงผลตอความมัี่นคงในภฦุมิภาค และเป็นอุปสรคต่อการต้าทางทะเลด้วย เพาะยังคงมีรายงนพบ กลุ่มติดอาเวุธ และโจรสลัด ดักปล้นตามเกาะต่างๆ และจำมีการหารือถึงแนวทาง ในการหยุดยั้งโครงการพัฒนาขีปนาวุธ ของเกาหลีเหนือ ที่ถือเป็นภัยคุกคามของอาเวียน ด้วย  ส่วนประเด็นเรื่อง ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้นั้น ยังคงส่งผลตอการต้าทางทะเล ของประเทศนอกภูมิภาคอีกมากมาย โดยจะหารือให้มีการเปิดการเดินเรืออย่างเสรี และลดการผุกขาดน่านน้ำโดยชาติใดชาติหนึ่ง และเน้นสร้างจรรยาบรรณ ใการใช้ประโยชน์จากทะเลร่วมกัน เพื่อไม่ใหเกิดารเบียดเบียนเพื่อนบ้าน
         ขณะที่ประเด็นการแก้ไขปัญหารสิทธิมนุายชน จะเน้นไปที่การแก้วิกฤติชาวโรฮิงญาพลัดถ่ิน ที่ส่งผลให้มีปัญหาการต้ามนุษย์ตามมา นอกจากนี้ คาดว่า จะมีการหยิบยกเรื่องการปราบปรามยาเสพติด มาร่วมหารือด้วย
        ขณะที่ประเด็นการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน จะเน้นไปที่การแก้วิกฤตชาวโรฮิงญาพลัดถ่ิน ที่สงผลให้มีปัญหาการต้ามนุษย์ตามมา นอกจากนี้ คาดว่า จะมีการหยิบยกเรื่องการปราบปรามยาเสพติด มาร่วมหารือด้วย การประชุมอาเซียน มีกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน ส่วนผลการหารือจะได้ข้อสรุปที่น่าสนุใจอย่างไร คงต้งติดตามกันต่อไปhttp://www.krobkruakao.com/abroad/56493
       
           บรรดาผู้นำร่วมพิธีเปิดประชุมอาเซียนที่ฟิลิปปินส์
             
บรรดาผุ้นำประเทศเข้าร่วมพิธีเปิด การประชุมสุดยอดผุ้นำชาติเอชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียนป ครั้งที่ 31 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า (13 พฤศจิกายน 2560) ตามเวลาท้องถิ่น บรรดาผุ้นำชาติอาเซียน และผุ้นำประเทศที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ นายก รัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน และนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญีป่นุ ได้เกินางไปเข้าร่วมพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ของการประชุมสุดยอดผุ้นำชาติเอเชียตะวันออกเฉียใงใต้ หรือ ASEAN Summit ครั้งที่ 13 ซึ่งจัดขึ้นที่กรงุมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
             ทั้งนี้บรรดาผุ้นำได้ยืนจับมือแลถ่ายรูปหมุ่ร่วมกันบนเวที ก่อนที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์แต ของฟิลิปปินส์ จะขึ้นกล่าวเปิดงานในฐานะเจ้าภาพ ส่วนประเด็นที่คาดว่าจะมีการหารือกันในเวทีนี้ คือ ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ข้อพิพาททะเลจนใจ้ รวมถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงและการต้า ดดการประชุมวันนี้จัดขึ้นท่านมกลางมาตรการรัการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด หลังจากก่อนหน้านี้ มีชาวฟิลิปปินส์จำนวนหนึ่งออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านการเยืือนของผุ้นำสหรัฐฯ และบางส่วนประกาศว่าจะชัดชวางไม่ให้การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นได้


       ส่วนเจ้าภาพอย่างประธานาธิดบีโรดริโก ดุแตร์เต ของฟิลิปปินส์ ได้จัดงานเลี้ยงอาหาค่ำ ต้อนรับเหล่าผุ้นำที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ที่เมืองปาโซ โดย มีการจัดชุด "บารอง ตากกาล็อก" ซึ่งเป็นชุดประจำชาติฟิลิปปินส์ให้บรรดาผุ้นำได้ใส่เข้าร่วมงาน ระหว่างงานเลี้ยง นายดูแตร์เตังได้โชว์ลีลาร้องเพลงคุ่กับ ฟิลิตา กอร์ ราเรส นักร้องเพลงป๊อปชื่อดังของฟิลิปปินส์ โดยหลังจากร้องเพลงจบ นายดุแตร์เตก็บอกว่า เพลงนี้ จัดให้ตามคคำของของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมปื ของสหรัฐฯ


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/69520

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ASEAN Identity

            แนวทางการสร้างอัตลักษณ์ของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
            หนึ่งในคุณลักษณะของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนคือการสร้างอัตลักษณ์อาเซียน ซึ่งได้ระบุไว้ในแผนงานการจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) ว่า "อัตลักษณ์อาเซียน เป็นพื้นฐานด้านผลประโยชน์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเแียงใต้ โดยเป็นตัวตนร่วมกัน จาีด ค่านิยม และท่ามกลางความแตกต่างในทุกขั้นของสังคม
           1. อัตลักษณ์ หมายถึง คุณลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ของลักษณะเฉพาะของบุคคล สังคม ชุมชน หรือประเทศ เช่น เชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม ท้องถ่ิน และศาสนา เป็นต้น
         
 2. จารีต หมายถึง แบบแผนการประพฟติปฎิบัตที่สืบต่อกันมนาน มักถือเะป็นกฎหรือระเบียบของสังัตมและเกี่ยวข้องกัยศีลธรรม ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะถูกสังคมตั้งข้อรังเกี่ยจหรือมบทลงโทษ เช่น เรื่องของความซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง เป็นต้น
            3. ค่านิยม หมายถึง แนวคิดที่บุคคลในสังคมยึดถือเป็นเครื่องตัดสินใจและกำหนดการกระทำของตนเอง เช่น ความมีระเบียบวินัย เป็นต้น
            4. ความเชื่อ หมายถึง ความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมที่ยึดมั่นและยอมรับในส่ิงดสิ่งหนึ่ง ดยจะเป้นสิ่งที่มีเหตุผลหรือไม่ก็ได้ เช่น ความเชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ เป็นต้น
            จากความหมายและตัวอย่างที่กล่าวมาทำให้พอจะเข้าใจต่อไปได้ว่า การสร้างอัตลักาณ์อาเซียน คือ การแสดงถึงความแตกต่างของอาเซียนกับประชาคมอื่นในส่วนที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรมท้องเถิ่น ศาสนราและอื่นๆ ข้อปฏิบัติของสังคม ค่านิยมที่เป็นลักษณะเฉพาะ รวมถึงการแสดงความรู้สึกนึกคิดที่สะท้อนถึงความเป็นประชาชนอาเซียน
         
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกำลัีงสนใจเฉพาะเสาของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในที่นี้จึงเน้นการกล่าวถึงการสร้างอัตลักาณ์ในส่วนของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเวียนเ็นสำคัีญ เพื่อให้การสร้างอัตลักษณ์ของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเว๊ยนมีความเป้นไปได้ยิ่งขึ้น อาจเร่ิงจาการสำรวจจารคด ค่านิยม และความเชื่อใดที่สอดคล้องต้องกันในหลายๆ ประเทศบ้าง มีจารีต ค่านิยม และความเชื่อใดที่ขัดแย้งกันในแต่ละประเทศบ้าง รวมถึงมีจารีต ค่านิยม และความเชื่อใดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในแต่ละประเทศบ้าง ซึงผลการสำรวจนี้จะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าอัตลักษณ์ร่วมของประชาคมสังคมและวัฒนะรรมอาเซียนมีอะไรบ้าง ขัดแย้งกัน และแตกต่างกันในเรื่องใดบ้าง ดดยในส่วนที่เป็นอัตลักษณ์ร่วมกันนั้นย่อมเป็นอัตลักาณ์ของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเวียนด้วยเช่นกัน
           ในส่วนที่สำรวจแล้วพบว่ามีความแตกต่างกัน ประชาคมอาจจะเลือกความแตกต่างทางจารีต ค่านิยม และความเชื่อบางประการของประเทศในด้านที่ดีและมีประโยชน์มาเผยแพร่ให้ทั่วถึงกันใน
ประชาคมเพื่อให้กลายเป็นอัตลักษณ์ร่วมกันต่อไป เช่น เผยแพร่และสงเสริมค่านิยมเรื่องการตรงต่อเวลาซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของบางประเทศให้กับประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับเรืองนี้ให้ทุกประเทศใประชาคมเห็นประโยชน์และความำจเป็นของการตรงต่อเวลาและนำไปปฏิบัติร่วมกันทั้งประชาคม เป็นต้น และในที่สุดการตรงต่อเวลาก็จเป็นอีหนึ่งอัตลักษณ์ของประชาคมไปได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยกันหาหนทางจำกัดจารีต ค่านิยม และความเชื่อที่ขัดเเย้งกันในส่วนที่ไม่เกิดประโยชน์ไม่ให้แพร่กระจายไปในประเทศสมาชิกเพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นอัตลักษณ์ที่ไม่พคึงประสงค์ของประชาคมอาเซียนต่อไป
       
นอกจากนี้ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนอาจร่วมมือกันสร้างพื้นที่ให้ประชาชนอาเว๊ยนมีส่วนร่วมในการสร้างอัตลักษณ์ไปด้วยกัน เช่น ร่วมกันจัดตั้งสถาบันเสริมสร้างอัตลักษณ์ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนจากทุกประเทศได้ใช้ชีวิตร่วมกันในสถาบันและความเชื่อเท่านั้น แต่รวมถึงทุกด้านที่เีก่ยวกับมิติทางสังคมและวัฒนธรรม  ซึ่งการสร้างพื้นที่ในลักาณนี้จะช่วยให้ประชาชนจากประเทศต่างๆ มีประชาชนจากหลายๆ ประเทศที่จะพัฒนาต่อยอดไปเป็นอัตลักษณ์ใหม่ๆ ของประชาคมไ้ด้อีกด้วย
          ที่กล่าวมาเป็ฯอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างอัตลักษณ์ของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ซึงจะเป้ฯส่วนสนับสนุนให้ประชาคมอาเซียนบรรลุการมีหนึ่งอัตลักษณ์ ตามคำขวัญอาเซียน ที่ว่า หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งอัตลักษณ์ หนึ่งประชาคม ได้มากยิ่งขึ้น...http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=4502&filename=index

วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Danang Vietnam

               ดานัง เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้จึงเป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนาม ละติจูด 15 องศา 55 ลิปดา เหนือ ถึง 16 องศา  14 ลิปดา เหนือ , ลองจิจูด 107 องศา 18 ลิปดา - 108 องศา 20 ลิปดาตะวันออก ทิศเหนือติดกับเมืองเว ศึ่งเป็มเืองลวงเก่าของเวียดนาม ทิศตะวันตกและทิศใต้ติดกับจังหวัดกว่างนาม ทิศตะวันออกติดกับทะเลจีนใต้ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ 764 กิโลิมตร และห่างจากโฮจิมินห์ซิตี้ ไปทางเหนือ 964 กิโลเมตร
             
 ปี พ.ศ.2390 เรื่อรบฝรี่วเศสได้ระดมยิงโจมตีเมืองดานังเพื่อตอบโต้ที่กลุ่มมิชชันนารีคาทอลิคถูกประหารชีวิต
                สิงหาคม พงศ. 2401 กองทหารฝรั่งเศสยกพลขึ้นบกที่ดานัง ตามพระบัญชาของพระเจ้านโปเลียนที่ 3 เพื่อประกาศพื้นที่นี้เป็นอาณานิคมภายใต้อาณัติของฝรั่่งเศส และถุกเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อภาษาฝรั่งเศสว่า ตูราน ขณะนั้นเป้ 1 ใน 5 เมืองสำคัญบนคาบสมุทรอินโดจีน ในระหว่างสงครามเวียดนาม เมืองนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศหลักของกองทัพสหรัฐอเมริกา ครั้งนั้นจำนวนประชากรในเมืองได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 1 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ลี้ภัยสงคราม
               ก่อนปี พ.ศ. 2440 ดานังยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดกว่างนาน-ดานัง จนกระทั่งวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2540 ดานังได้ถูกแยกออกจากจังหวัดกวางนาม และเป็นเขตการปกครองส่วนท้องถ่ินแห่งที่ 4 ของเวียดนาม มีมหาวิทยาลัย 2 แห่ง คือ มหาวิทยลัย ดานัง และ มหาวิทยาลัย Duy Tan ดานังจัดเป็นพื้นทีุ่อุตสาหกรรม และมีท่าเรือที่รองรับการขนส่งสินค้า มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ตั้งอยุ่ในเมืองจำนวนหนึ่ง สินค้าเศราฐกิจของเมืองได้แก่ อาหารทะเล เครื่องเรือนหวาย เครื่องใ่ช้ภายในบานทั่วไป เครื่องนุ่งห่ม มีโรงงานอุตสหกรรมตั้งอยู่ราว 4,900 แห่ง ในปี พ.ศ. 2540 ดานังมีสินค้าส่งออกคิดเป็นมูลค่าราว 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดานังตั้งอยู่ปลายสุดของ"แนวพื้นที่เศราฐกิจตะวันออก-ตะวันตก EWEC  ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างเวียดนาม ลาว ไทย และพม่า
              https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87
ท่าอากาศยานนานาชติดานังตั้งอยู่ใจกลางเมืองดานัง เป็นท่าอากาศยานนานาชาติลำดับที่สาของเวียดนาม เป็นช่องทางสำคัญในการเดินทางเข้าสูเวียนามตอนกลาง เมื่อก่อนปี พ.ศ.2515 ที่นีเคยเป็นท่าอากาศยานที่มีเครื่องบินขึ้นและลงากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เนื่องจกามีกิจกรรมทางทหารอยู่บ่อยครั้ง ปัจจุบันรองรับเที่ยวบินภายในประเทศระหว่างเมืองสำคัญต่างๆ ภายในเวียดนาม เช่น ฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ กุยเยิน และเที่ยวบินระหว่งประเทศไปยังกรุงเทพมหานครและสิงคโปร์
            ความร่วุมือทองเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก)  เป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศราฐกิจ ระหว่างเขตเศราฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
            เอเปกก่อตั้งปี พ.ศ. 2532 โดยมีจุดประสงค์ มุ่งเน้นความเจริญเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนของภุมิภาค และผลักดันให้การเจรจาการต้าหลายฝ่ายรอบอรุกวัย ประสบผลสำเร็จ ขณะเดียวกัน เอเปคก็ต้องการถ่วงดุลอำนาจทางเศราฐกิจของกลุ่มเศราฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุฑรป อีกด้วย
            สิทธิประดยชน์ที่สมาชิกเอเปคให้แก่กัน จะมีผลต่อผุ้ที่มิได้เป็นสมาชิกเอเปคด้วย วันนี้ (10
/11/2017) โรลนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางมาที่่เวียดนามเพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำประเทศเอเชียแปซิฟิค ที่ดานัง เมืองท่าที่เติบโตแบบก้าวกระโดดกลายเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ของเวียดนามและอาเซียน
            21 สมาชิกของเอเปคส่วนหนึ่งคือมหาอำนาจทั้ง สหรับฯ จีน รัสเซีย ศญี่ปุ่น ชาติอาเซีนย ส่วนไทยเราเป็นสมาชิกก่อตั้งเอเปค มีประชากรวมกันค่อนโลก 3,000 ล้านคน นับเป็นความร่วมมือการค้าสำคัญที่มีมูลค่าประมาณร้อยละ 60 ของจีดีพีโลก
             ในวันนี้ ทรัมป์ จะขึ้นแถลงเวลาประมาณ 13.30 น. ตาาเวลาประเทศไทย จากนั้นก็จะเป็นประะานาธิบดีสีจิ้นผิง สำหรับในส่วนของการเข้าร่วมประชุมเอเปคในวันนี เป้ฯที่คาดกันว่า ผุ้นำสหรัฐฯน้าจะแสดงจุดยืนของประเทศในการผลักดันให้เศรษบกิจและการค้ามีการขยายตัว นอกเนหือจากการเรียกร้อง ความร่วมมือจาก 21 ชาติที่เข้าร่วมประชุมเอเปคในการับมือกับภัยคุกคาต่างๆ
             http://www.krobkruakao.com/abroad/56368
นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าทรัมป์จะหารือนอกรอบกับประธานนาธิบดีวลาดมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ระหว่างการประชุมเอเปกที่เวียดนามในวันนี้ และหนึ่งในประเด็นที่คาดว่า ผุ้นำทั้งสองชาติจะหยิบยกขึ้นมาคุยกันก็คือ ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
              ไทยในเอเปค : จากการแข่งขันสุ่ความั่นคงทางนโยบายเศราฐกิจ โลกจับตาดุการประชุมผุ้นำกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เพราะเป็นเวทีที่รวมผุ้นำ 21 เขตเศรษบกิจ และเป็นเวทีสำคัญที่ไทยจะแสดงศักยภาพของประเทศ ดึงดุดนักลงทุนและต่อรองผลประดยชน์นานาด้วย
             แต่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าไทยจะตกขบวนการพัฒนานี้ จนล้ำหลังกว่าเวียดนามซึ่งดูจะ "อกหวน" อยู่ในขณะนี้เหรือไม่
             "ฝากดูแลประเทศด้วย" คือคำพูดของ พล.อ. ประยุทธ์ จันท์โอชา นายกรัฐมนตรี กับนักข่าวก่อนจะขึ้นเครื่องบิน เช้าวันนี้ (10 พ.ย. 2560 เพื่อไปเข้าร่วมประชุมผุ้นำเขตคเศรษฐกิจเอเปค คร้งี่ 25 ระหว่งวันที่ 10-12 พ.ย. 2560 ณ นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามhttp://www.bbc.com/thai/thailand-41939036
              นายกฯ เสนอมุมมองของไทย 3 ประเด็นที่เอเปคควรให้ความสำคัญ
              นายกรัฐมนตีเสนอแนวทางพลังขับเคลือนใหม่ทางการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงในภุมิภาคต่อผุ้นำเอเปคในการปรุชมช่วงที่ 2  ภายใต้หัวข้อพลังชับเคลือนใหม่ทางการค้า การลงทุน แฃละการเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยภายหลังการประชุม พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตร กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้
           
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความพยายามของเอเปคที่ร่วมผนึกกำลังเพื่อรับมือกับส่งิท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เพราะ "นวติกรรม" และ "เทคโนโลนีดิจิทัล" ไ้กลายมาเป็นพลังขับเคลือนที่สำคัญของะบบเศราฐกิจในยุคปัจจุบัน โอากสนี นายกรัฐมนตรีได้นำเสนอมุมองของไทยใน 3 ประเด็นที่เอเปคควารให้ความสำคัญและดำเนินการอย่งต่อเนื่องเพื่อรักาแรงผลักดัน ของเอเปคในเวทีระหว่างประเทศในห้วยเวลาแห่งความท้าทายนี้
            ประการแรก การปฏิรูปดครงสร้างภายในเพื่อสร้างความแข้งแกร่งของแต่ละเขชตเศรษฐกิจควบคู่ไปกับกาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นส่ิงจำเป็นสำหรับการเตรยมตัวเข้าสุยุคดิจิทัล ไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญในข้อนี้ โดยรัฐบาลไทยมีนโยบาย ประเทศไทย 4.0 เพื่อปรับโครงสร้างทางเศราฐกจิผ่านการสร้างมุลค่าสินค้สและการผลิตด้วยนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก พร้อมกับมุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภายใต้แผนปฎิรูประเทศด้วย ในขณะเดียวกัน การอำนวยความสะดวกทางการค้าแลการลงทุนมีบทบาทสำคญในการขับเคลื่อนเศรษบกิจให้เติบโตมาดดยตลอด ซึงการผลักดัน ในเอเปค สะท้อนพัฒนากรที่ก้าวหน้าของเอเปคในเรื่องนี้ได้ดี
         
นายกรัญมนตรีกล่าวชืนชมการจัดทำกรอบควาร่วมมือเอเปคว่าด้วยการอำนวยความสะดวก อี -คอมเมิร์ช ข้ามพรมแดน ซึ่ง อี-คอมเมิร์ช ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญทางการต้าให้ผุ้ประกอบการทุกขนาด โดยเฉาพวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย และสตาร์ทอัพให้สามารถเข้าถึงตลาดโลกได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ตำ่และสามารถมีสวนร่วในห่งโว๋อุปทานของโลกไ้โดยตรงวึ่งสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นเศรษบกิจระดับฐานราก และลดความเหลื่อมล้ำ
           ประการที่สอง ความเชื่อมดยงอย่งรอบด้านในทุกมิติเป้นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม และยังยืน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล ถือเป้ฯการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สงผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป้นอยุ่ของประชาชนในวงกว้าง ไทยจึงได้เตรียมความพร้อมในด้านความเชื่อมโยงทางดิจิทัล โดยได้ยกระดับ
โครงสร้างพื้นฐานดทรคมนาคมผ่านโครงการเน็ตประชารัฐด้วยการขายอินเตอร์เน็ตความเร้ซสูงในหมู่บ้านทัี่วประเทศในปีนี พร้อมลงทุนสร้างเคเบิลใจ้น้ำระหว่งประเทศ ระบบ เอเชีย-แอฟริกา-ยุโรป-1 AAE-1 ความยาว 25,000 กิโลเมตร เพื่อพัฒนาโครงข่ายระวห่างประเทศเชื่อมไทยสู่ทั่วดลก ไทยขอยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมอืกับสมาชิกเอเปคในการสงเสริมควมเชื่อมโยงทางดิจิทัลเพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนทุกภรคส่วนสามารถขเ้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและสามารถใช้ประดยน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ
           
นอกจากนี้ ไทยได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพภายในประเทศทั้งทางบก น้ำและอากาศ  เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนสงในภุมิภาค รวมทั้งสนับสนุนการเชื่อมโยงทางเศรษบกิจภายใต้นโยบาย ไทยแลนด์ + 1 เพื่อกระตุ้นและดึงดูดการลงทุนจากนักลงุทนต่างชาติให้ขยายไปยังเืพ่อบ้านในภุมิภาค ซึ่งจะเป้นไอย่างราบรื่นก็ต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนการเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบซึ่งไทยได้เรียรุ้จากเอเปค เช่น การพัฒนา ซิงเกิล วินโดว์ และการกำหนดมาตฐานรับรองสินค้าให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
             สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกประการหนึ่งคื อการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนสู่ประชาชนในเอเปค รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะต่อยอดโครงการบัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปค โดยพัฒนาลัตรในลักาณเดียวกันให้แก่กลุ่มนักศึกษาและนักวิจัย ซึ่งสอดรับกับแผนแม่บทความเชื่อมโยงในเอเปค ที่มุ่งให้เกิดการเชื่อมโยงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อย่างแท้จริงในปี 2568
             ประการที่สาม ทามกลางกระแสการปกป้องทงการต้าและกรต่อต้านดลกาภิวัตน์ ไทยเห้นวาเอเปคควรแสดงบทบาทนำในการเรียกความชเื่อมั่นต่อระบอบการค้าเสรี สื่อสารผลประโยชน์ของการค้เาเสรีให้แก่สาธารณชนอย่างต่อเนื่องเ พื่อสร้างความรู้ควมเข้าใจที่๔ุกต้อง หนึ่งในพัมฯาการของเอเปคที่นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าหลายฝ่ายกำลังจับตามองคือการจัดตั้งเขตการต้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า "เป็นสิ่งท้าทายของภุมิภค" ในการพัฒนาต้นแบบความตกลงการจัดตั้งเขตการค้าเสรีในภูมิภาคที่มีคุณภาพ และครอบคลุม อีกทั้งเป็นการต่อยอดจาก FTAs และ RTAs ที่มีอยู่แล้วพัฒนาให้ก้าวหน้าและมีคุณภาพยิงๆ ขึ้นไป
           
 นายกรัญมนนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยขอร่วมกับสมาชิกเอเปคอื่นๆ ที่หวังจะเห็นความคืบหน้าในการเจรจาการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก ครั้งที่ 11 และยินดีที่ควาตกลงการอำนวยความสะดวกทงการค้า ภายใต้กรอบองค์การการค้าดลกมีผลบงคับใช้ และขอสนับสนุนให้บรรดาเขตเศรษบกิจต่างๆ นำความตกลงนี้ไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปะรรม อย่างไรก็ดี การดำเนินความีวมมือใดๆ ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของระดบการพัฒนาของแต่ละเขตเศรษฐกิจด้วย
           ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงควายิดีที่บรรดาผุ้นำเขตเศรษบกิจเอเปคมีวิสัยทัศน์อันยาวไกล และได้เร่ิมคิดวางแผนแนวทางกำหนดวิสัยทัศน์เอเปคหลังปี 2563 (ค.ศ. 2020) ซึ่งไทยเห็นว่าควรเน้นการสงเสริมการค้าเสรีและธรรมาภิบาลโลกที่เป้นธรรม ควบคุ่ไปกับการพัฒนาที่มีคุณภาพและครอบคลุม เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งบยืนเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในภูมิภาคและโลกต่อไปhttp://www.thansettakij.com/content/230173
               ภาพจาก http://thaifootprint.com/2016/10/06/9-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2/
           

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Backpacker

         
แบกแพ็กเกอร์ ถ้าแยดตามคำ ตามความหมายด็หมายถึง คนที่บรรจุสิ่งของไวดานหลังซึ่งก็คือ กาแบกกระเป๋า หรือเป้นั่นเอง ดั้งเดิมริเร่ิมมาจากชาวต่างชาติเดินทางแบลกเป้ออกท่องเที่ยวแนวนี้ว่า "แบ็คแพ็คเกอร์" มาจนถึงปัจจุบัน สำหรับในเมืองไทย ก็ถือได้ว่าเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแบบ "แบ็กแพ็คเกอร์" เพราะเมืองไทยนั้นมีความปลอภัยสูง และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั่วไปสามารถพูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษซึ่งถือเป็นภาษาสากลได้คล่องแคล่ว จึงเป็นที่นิยมในการเดินทางมาของชาวต่างชาติ และในปัจจุบันวัยรุ่นชาวไทยนั้นได้เริ่มนิยมเดินทางแบบนี้กันมากขึ้น ด้วยเหตุผลทางด้านความเป็นส่วนตัวและความประหยัด
              จึงเป็นภาพที่เราได้เห็นนักท่องเที่ยวสะพายเป้ หรือที่เราเรียกว่า เป็นจำนวนมากขึ้น ตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วเมืองไทย โดยนักท่องเทียวกลุ่มนี้ไม่ต้องการความสะดวกสบายนัก ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัว อย่างสิ้นเชิง
             แบ็กแพ็คเกอร์ยังแบ่งออกเป็น
             - กลุ่มนักท่องเที่ยวสะพายเป้ ที่เดินทางเพื่อค้นหาสถานที่ ท่องเที่ยวใหม่ๆ ด้วยตนเอง จะไม่ใช่คู้มือเดินทางท่องเที่ยว ในการเดินทางไม่มีการ เตรียมข้อมูลก่อนการเดินทาง และไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและงบประมาณเพราะจะทำงานระหว่างเดนทาง เพื่อทำเงนิมาใช้ใน การท่องเที่ยว
             - กลุ่มนักท่องเที่ยวสะพายเป้ที่เดินทาง ดดยยึดคู่มือเดินทางท่องเที่ยว เป้ฯหลัก มีการศึกษาข้อมูลแต่ละประเทศลวงหน้า เลือกท่องเที่ยวไปยังสถานที่มีชื่อเสียงให้ได้มากที่สุด มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ และเวลาดดยสามารถเดินทางได้ไม่เกิน 3 เดือน หรือ 1 ปี
             - กลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปที่เดินทางด้วยตนเอง ไม่พึ่งพา บริษัทนำเที่ยว มักมีการเตรียมแผนการเดินทางล่วงหน้า และมีระยะเวลาเดินทางจำกัด 2-3 สัปดาห์
             จุดเด่นของการท่องเที่ยว ในประเทศไทย เมื่อเปรียบเที่ยบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียมีกลุ่มนักท่องเที่ยวสะพายเป้ประทับใจ นอกจากจะเป้นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว อาหารไทยยังเป็นส่ิงที่นักท่อง
เที่ยว กลุ่มนี้มองว่ เป้นประสบการณ์แปลกใหม่ ที่เพิ่่มสีสันในการเดินทาง
             หลังจากตัดสินใจเลือกที่หมายได้แล้ว เบื้องตนก็เป็นการจัดเตรียมกระเป๋าสัมภาระการจักระเป๋าสำคัญไม่น้อย แม้จะไม่สำคัญเท่าชีวิต แต่มันก็เป็นครึ่งบีวิตในการเดินทางhttps://pantip.com/topic/30599675
          ถนนข้าวสาร เป็นถนนในท่องทเี่แขวงตลาดยอดเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร มีระยะทางตั้งแต่ถนนจักรพงษ์ หน้าวัดชนะสงคราม ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต จนถึงถนนตะนาวใกล้สีแยกคอกวัว
              อเล็กซื การ์แลนด์ เจ้าของบทประพันธ์ เรื่อง "เดอะ บีช" เคยให้คำนิยามถนนสายนี้ ในรายการ บีบีซี- เรดิโอ วัน ไว้อย่างน่าสนใจว่า ไจะมีที่ไหนหนอที่มี คนสารพันชาติมารวมตัวกันที่นี้ ที่ถนนข้าสาร ถนนที่เพียบไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อ เพราะที่นี่่คุณจะหาเทปผีจากวงดังวงไหนก็ได้ในโลก มีที่พักราคาถูก
              สำหรับเกสเฮ้าส์ ที่มีชื่อเสียงมาช้านานและเป็นที่รุ้จักของนักท่องเที่ยวประเภท "แบ็กแพ็คเกอร์"ต่างประเทศเป็นอย่งดีจะมีอยู่ไม่กี่แห่ง ได้แก่ "ท็อป เกสท์ เฮาซส์" ที่ตั้งอยู่ข้างตรอกสวัสดี และ บอนนี่ เกสท์ เฮาส์ ซึ่งเป็นเกสเฮ้าส์แห่งแรกของถนนข้าวสารที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นที่รุ้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดียว ราคาค่าเช่าห้องค้าคือนตามเกสเฮ้าส์ต่างๆ จะถูกมาก ถูกกว่าไป
พักตามโรงแรมหรูๆ คือ ราคาค่าห้องเริ่มตั้งแต่ 100 บาทไปจนถึง 500-600 บาทต่อวัน แต่ก็จะอยุ่กันเป็นเดือนๆ แต่คิดค่าเช่าเป็นรายวัน ราคาที่ว่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละสถานที่ที่เปิดให้บริการ อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันมีโรงแรมขนาดกลางมาเปิดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งค่าห้องจะมีราคาสูงกว่า
           ถนนข้าวสารเป็นย่านการต้าทั้งกลางวันและกลางคืนที่มีสินค้ามากมายเช่น ร้านขายอาหารพร้อมกิน ตั้งแต่ อาหารฝรั่งเศส อาหารอินเดีย อาหารอิตาลี และอาหารไทยยอดนิยมอย่างผัดไทย และปอเปี็ยะ
  กิจกรรมบริการที่พักจะหนีไม่พ้น ร้านอาหาร โทรศัพท์ทางไกล ไปจนถึงการให้บริการรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ แม้ว่าบรรดาเกสต์เฮ้าส์ทั้งหลาน จะมีบริการครบวงจรให้ลูกค้า แต่ก็ยังมีร้านอนิเทอร์เหน็ตราคาถูก 50 สตางค์ต่อนาที หรือแม้แต่บาร์เบียร์ โดยมีร้านเช่า-ขายหนังสือมือสอง ร้านเสื้อผ้า รับปริการถักผม และร้านขายของพื้นเมือง
             ร้านเสื้อผ้าที่ข้าสสารนี้ก็มีให้เลือกหา ตั้งแต่ร้านผ้าไหมชั้นดีไปจนถึงเสื้อยืดคอกลมตราห่านราคาประหยัด เสื้อผ้ายอดนิยมที่เป็นวางขายกันมากที่สุด ก้เป็นเสื้อผ้าเนื้อบางประเภท กางเกงเล ผ้าบาติก เสื้อผ้าฝ้าย มีกางเกงนักมวยและผ้าถงแบบสำเร็จรูปให้เลือกสารพัดสี...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3
             การท่องเที่ยวในแบบ "แพ็คแพ็คเกอร์"ในอาเซียน ที่น่าเที่ยวดังนี้
             ประเทศไทย (ภาคเหนือ ) แม้ประเทศไทยตอนนี้จะเน้นการท่องเที่ยแบบหรุหรา แต่ความเป็นสวรรค์ของเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ก็มิได้ลดน้อยลงไป เพียงแค่เปลี่ยนความคิด ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลง เช่นการนั่งรถไฟชิลล์ จากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ราคาค่าตั๋วรถไฟอยู่ประมาณ 12 เหรียญ และห้องพักธรรมดาๆ ราคาต่อคือ 3 เหรียญ หรือถ้าอยากได้ห้องส่วนตัวก็เริ้มต้นที่ 6 เหรียญ  ปล. ควรจะเที่ยวในช่วงหน้าหนาวของประเทศไทย..
            อินโดนีเซีย อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่สามารถไปเที่ยวชิลล์ได้ ไม่ถงกับแอดเวนเจอร์มากนัก นักท่องเที่ยวหลายคนคงจะรู้จัก บาหลี สถานที่ท่องเที่ยวหลักของที่นีอยู่แล้วเป็นอย่างดี บาหลีเป็นเกาะที่มีชายหาดสวยๆ ชือดังของอินโดนีเซีย ถ้าคุณยึดติดอยู่กับหาด Kuta และ Legion ชายหาดสวยที่อยู่ใกล้ดับสนามบินของบาหลีแล้วละก็ คุณจะต้องอึ่งไปเหมือนกันเพราะที่นี่ราคาไใช้จ่ายในการท่องทเี่ยวค่อนข้างสูงไม่ต่างจากประเทศทางฝั่งตะวันอตกเลยที่เดียว มีทั้งไนต์คลับ เซิร์ฟ และรีสอร์ทหรู่ราคาแพง กลับกันแค่นิดเดียว เข้ามาในตัวเมืองหน่อยที่อาจจะไม่ติดหาด ราคาจะถูกลงเปลี่ยนจากหน้ามอเป็นหลังมือเลยที่เดียว
       
 ที่พักถัดเข้ามนในเมืองแม้จะไม่หรุหรามาก แต่ก็มีเตียงระดับคิงไซส์ล ระเบียงส่วนตัว. ห้องอาบน้ำที่กว้างมากๆ ในราคาเพียง 10 เหรียญ เพราะฉะนั้นบาหลีก็ไม่ใช่ที่เที่ยวที่แพงมากอย่างที่คิดอีแล้ว นอกจากบาหลี อินโดนีเซียยังมีที่เที่ยวเกาะอื่นๆ ที่น่าสนใจ ทั้ง ลอมบุก และ สุมาตรา แน่นอนว่ายิ่งไกลออกไปการผจญภัยในอินโดนีเซียก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ  อาหารท่องเถิ่นก็น่าลอง ราคาอยุที่ประมาณ 2 เหรียญ คุณจะได้ทั้งข้าว ผัก ไก่ และไข่ แน่นอนว่าที่นีคุณจุมีความสุขกับการดินทางและราคาระดับท้องถิ่นอีกด้วย
           กัมพูชา
           เป็นประเทศที่ใช้เงินน้อยที่สุดในเอเชียตะวันออกเแียงใต้ และจะเป็นประเทศที่ยากจนมากทำให้การเดินทางค่อนข้างไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นัก คุณอาจจะไ้นั่งรบัสหรือรถตู้เล็กๆ เก่าๆ ในการเดินทาง จึงไม่ค่อยเพลิดเพลินนัก สำหรับที่ท่องเที่ยวที่ต้องไม่พลาดของที่นีก็คือ นครวัด โบราณสถานที่ควรค่าแกการไปเยือน และุ้าอยากไปชิลล์ตามชายหาดก็ที่ Sihanouksvile ก็เหมาะมากที่เดียว
           คุณจะสามารถหาห้องพักราคาถูกได้ง่ายๆ ทีเมืองหลวงอย่างพนมเปญ หรือเสียมเรียบ ซึ่งอยู่ใกล้กับนครวัดในราคาเพียง 3-5 เหรียญเท่านั้น และห้องพักที่ค่อนข้งส่วนตัวขึ้นมาหน่อยจะอยู่ที่ 10 เหรียญซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก สำหรับอาหารในกัมพุชานั้นก็มีรสชาติเฉพาะ แต่จะไม่เหมือนกับประเทศไทย และเวียดนาม ถ้าคุณอย่ากได้อาหารมือ้พิเศษที่ดีกว่าเดิมขึ้นมาอีหน่อย ก็แค่เพ่ิมเงินเท่านั้น กัมพุชายังมี นครวัด และปราสทบายน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใน 10  ที่เที่ยว สัญลักษณ์ของเอเชียอีกด้วยhttp://travel.trueid.net/detail/41108

             

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Nihao Maketing Part 2

           "หนีห่าว าร์เก็ตติ้ง" เคล็ดลับมัดใจนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่
            "นักท่องเที่ยวจีน" ถือเป็นขุนทรัพย์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั่วดลก รวมทั้งประเทศไทย แต่เทรนด์การท่องเที่ยวของชาวจีนรุ่นใหม่ไม่ใช่กรเที่ยวแบบ "ทัวร์จีน" ที่เห็นมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แต่นิยมท่องเที่ยวสไตล์ FIT หรือ กลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ โดยปีที่ผ่านมาสัดส่วนนักท่องเที่ยวแบบ FIT สูงถึง 60% ขณะที่ท่องเที่ยวแบบทัวร์อยู่ที่ 40% วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยอหิดล เป็นงานวิจัย "หนีห่าว มาร์เก็ตติ้ง" เคล็ดลับมัดใจนักท่องเที่ยวจีนสไตล์ FIT โดยพบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระมีกำลังซื้อสูง ใช้จ่ายเฉลี่ยครละ 25,000-50,000 บาทต่อทริป (5-7 วัน) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นประจำ มีความรนุ้ และค้นหาข้อมูลหใหม่อยุ่เสอม โดยเฉพาะข้อมูลการท่องเทียวเน็ตเป็นประจำ มีความรุ้ และค้นหาข้อมูลใหม่อยู่เสมอโยเฉพาะข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่เป้ฯจุดหมายปลยทางอันดับ + ของนักท่องเที่ยว FIT
         
โดยข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุว่า ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยราว 33.73-34.39 ล้านคน เติบโต 3.75-5.78% จากปีก่อน ซึ่งในปีที่ผ่านมา 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวจีน" และเป็นกลุ่มที่ท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากถึง 60% และสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย 445,000 ล้านบาท ดังนั้นการเรียรุ้เคล็ดลับมัดใจนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT จึงเป็นสิงสำคัญ ซึ่งกุญแจสู่ความสำเร็จ คือ " T-H-A-I" ดังนี้ T : Trust รักษามาตฐานสินค้าและบริการของไทย ส่งผลให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ
            H : Hospility ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความจริงใจ สร้างความไว้วางในและรักษาความสัมพันะธ์ต่อเนื่อง A : Awareness สร้างการรับรุ้กระตุ้นจุดสนใจ ดึงดุดด้วยภาษาจีน สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และ I : Identity สร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจน ให้มีคุณค่าและสร้างคามประทับใจต่อนักท่องเที่ยวจีน
            "ณชา จึงกานต์กุล" กรรมการผุ้จัดการ บริษัท คันนา โกรเซอรีส์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปเพื่อสุขพ ที่ประสบความสำเร็จในการเจาะกลุ่มลูกค้นักท่องเที่ยจีน กล่าวว่า "นักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม FIT ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นมีการศึกษา การมัดใจกลุ่มน้ไ้ต้องปรับทัศนคติของเราต่อเขชา ต้องเข้าใจพฤติกรรมว่าที่จริงแล้วไม่ได้ชอบซื้อของถูก แต่ชอบซื้อของที่คุ้มค่าท้้งราคาและปริมาณ ยิ่งถ้าผลิตภัณฑ์ซื้อฝากได้อย่างไม่อาย นับว่าเป้นความภาคภูมิใจของคนจีน"
             ปัจจัยการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์ไทย คือ 1) คำอธิบายคุณสมบัติและแหล่งที่มา ควรมีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนชัดเจน 2) คำบรรยายผลิตภัฒฑ์ภาษาจีนที่ไม่มากเกินไป เช่น ไม่ควรเกิน 50-60% ของพื้นท่บรรจุภัณฑ์ แบรนด์ไทยปัจจุบันบังตีโจทย์ข้อนี้ผิด การที่ผลิตภัณฑ์มีคำบรรยายภาษาจีนมากเกินไป ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลัว เพราะคิดว่าเป้นสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีน
         
 3) Product of Thailandสำคัญมาก ผลุตภัณฑ์ความีการระบุชัดจนว่าเป็นผลิตภัฒฑ์จากประเทศไทย 4) เอกลักษณ์ไทย นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้ชื่นชอบลวดลายไทย หากสินค้าหรือที่พัก ที่ตกแต่งด้วยลวดลายหรือสีสันที่แสดงความเป็นจีนมากกว่าไทยจะไม่ชอบ และ 5) แพ็กเกจจิ้ง ถือว่าสำคัญมาก กลุ่ม FITชอบที่จะมองเห็นสินค้าข้างในเพื่อดูปริมาณและขนาดว่าคุ้มค่ากับราคาหรือไม่ทั้งยังชอโปรโมชั่นลด 50% มากกว่า ซื้อ 1 แถม 1
           งานวิจัยยังพบว่า นักท่องเที่ยวจีนสไตล์ FIT ชอบที่จะพักใน "เกสต์เฮาส์" มากกว่าดรงแรม ซึ่งต่างกับกลุ่มทั้วร์จีน เพราะเชื่อว่าเกสต์เฮาส์นอกจากจะมีราคาที่ถูกกว่า ยังเข้าถึงความเป็นไทยมากกว่า ตัวอย่าง เกสต์เฮาส์นอกจากจะมีราคาที่ถูกกว่า ยังเข้าถึงความเป็นไทยมากกว่า เช่น เกสต์เฮาส์ในเชืยงใหม่ครองใจนักท่องเที่ยจีน  FIT พบว่า กว่ 40% ของผุ้ที่เคยมาพักจะกลับมาใช้บริการอีกครั้ง ความโดดเด่นของที่นี้ค้อ สามารถเปิดจองห้องพักผ่านสื่อโซเชียลขงอจีน ทั้งยังสามารถเลือกชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ได้ เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีน FIT จะเลือกใช้จ่ายเงิน ผ่าน Alipay  และ Wechat Pay มากกว่าเงินสด
            "จาง อี้" ผุ้อำนวยการฝ่ายขาย "ไบดู แอคเซส" ระบุที่พักหรือร้านค้าที่สามาถชำระเงินออนไลน์ได้ จะเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวสไตล์ FIT แต่ประเด็นที่อย่างสะท้อนให้ไทยปรับตัว หากต้องการเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวจีน ก็คื อความง่ายต่อการเข้าถึงข้อมุลเป้นภาษาจีน เนื่องจากคนจีนบางกลุ่มไม่สามารถเข้ใจภาษาอังกฤษได้ ประเทศไทยควรจะเรียนรู้โซเชียลของคนจีนมากขึ้น เช่น การซัพพอร์ตข้อมุลใน "ไบดู" ที่ทำหน้าที่เสมือน "กูเกิ้ล" และแอป "วีแชท" ที่ใช่งานได้หมือน "ไลน์" หรือมแม้แต่ "ยูคุ" ก็คือ "ยูทูป"ที่คนไทยนิยม เพราะการพาตัวเองไปให้คนจีนรู้จักถือเป็นช่องทางโอกาสมัดใจกลุ่ม FIT ได้ดีที่สุด...https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1494674177

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Nihao Maketing Part 1

          ประเมินผลกระทบทัวร์ศุนย์เหรียญ "ยอมเจ็บ...เพื่อจะจบ"
           ทีวร์ศุนย์เหรียญก่อกำเนิดขึ้นมานับตั้งแต่จีนเร่ิมเปิดประเทศ และอนุญาติให้คนจีนเดนทางออกไปยังต่างประเทศในปี 2536 ในปีนั้นมีคนจีนออกไปท่องเที่ยวจ่างประเทศเพียงน้อยนิดแค่ 6 ล้านคน แต่เวลาผ่านไป 22 ปี จำนวนคนจีนที่ออกไปเที่ยวบังต่างประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 127 ล้านคนในปี 2558 การที่นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประชากรจนมีมากกว่า 1,350  ล้านคน เมื่อมีการเปิดประเทศจึงมีความต้องการออกไปเที่ยวมาก ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการดำเนินธุรกิจทัวร์ในลักษณะทีขายแพ็กเกจราคาทัวร์ต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง จากนั้นไปเอาทุนคืนและทำกำไรด้วยการบีบบังคับให้ลูกทัวร์ซื้อสินค้าในร้านค้าที่เป็นเครือข่ายของตนเองในระคาที่สูงเกินจริงรวมถึงการขายแพ็กเกจเสริมอื่นๆ ที่อยุ่นอกโปรแกรมทัวร์ รหือท่เรียกกันว่า "ทัวร์ศุนย์เหรียญ"
           การดำเนินธุรกิจแบบ "ทัวร์ศุนย์เหรียญ" หากมองเผินๆ อาจเห็นว่าไม่เห็นเป็นอะไร ดีซะอีกจะได้มีคนจีนเข้ามาใช้จ่ายในประเทศมากๆ แต่หากมองให้ลึกลงไป การใช้จายของนักท่องเที่ยวจีนกลับไม่ได้เข้าสู่ประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเนื่องจากเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญนี้ส่วนใหญ่ผุ้ประกอบการจีนเป็นผุ้ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนของการช็อปปิ้งและการขายแพ็กเกจทัวร์เสริมอื่นๆ จากนั้นก็หอบเงินกลับประเทศทั้งหมด เรียกได้ว่ "คนไทยได้น้อย แต่กลับสุญเสียทรัพยากรการท่องเที่ยวของประเทศจากการที่คนจีนเข้ามาใช้เป็นจำนวนมากและทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยลดลง"
          ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐจึงจัดการปัญหาไม่ให้โครงสร้างการทำธุรกิจทัวร์ในประเทศบิดเบี้ยวบานปลายไปจนแก้ไขได้ยากด้วยการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญในประเทศอย่างจริงจัง อันที่จริงย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม 2556 ทางการจีนได้เล็งเห็นถึงปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญที่ทำให้ภาพลักษณ์คนจีนในสายตาชาวโลกดุไม่ดี และในขณะเดียกันคนจีนที่ออกไปเที่ยวต่างประเทศก็ถูกเอารัดเอาเปรียบบังคับซื้อสินค้าที่สูงกว่าต้นทุนที่แท้จริงมาก จนต้องออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมทัวร์ศูนย์เหรียญ ถือเป็นการจัดการบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญที่ต้นทางไปแล้ว แต่บริษัททัวร์ปลายทางในเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญก็ยังมีการลักลอบกันทำอยู่ ประเทศไทยถือเป็นผู้กล้า "รายแรกๆ ที่ปราบปรามทัวร์สูนย์เหรียญที่ปลายทาง" ซึงแน่นอนว่ามีความเสี่ยงที่ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนจะลดลงอย่างมาก โดยรัฐคาดหวังว่าการปราบปรามครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการแข่งขันธุรกิจทัวร์ในประเทศอย่างเป็นธรรมได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ทัวถึคงอย่งเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงคนจีนที่มาเทียวเมืองไทยเกิดควมประทับใจเมื่อมาเที่ยวไทย เพราะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ทำให้มาเทียวซ้ำ และชวยเพื่อฝุง ญาติ พี่น้อง เข้มาเที่ยวไทยอีกในอนาคต
           ศุนย์วิเคราะห์เศรษบกิจ ทีเอ็มบี คาดว่า ผลของการปราบปรามทัวร์ศุนย์เหรียญจะกระทบเศรษฐกิจเพียงในระยะสั้นโดยประเมินว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไปในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2559 ประมาณ 4.75 แสนคนหรือคิดเป็นประมาณ 5% ของนักท่องเทียวจีนรวม ทำให้ทั้งปี 2559 นักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 9 ล้านคน และเมื่อพิจารณารายได้ที่สูญเสียไปจะอยู่ที่ 7,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 2% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนรรวม ซึ่งจะทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนทั้งปีจะอยุ่ในระดับ 4 แสนล้านบาท โดยรายได้ที่หายไปคำนวณจากเม็ดเงินที่เข้าสูระบบเศราฐกิจที่แท้จริง ได้แก่ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทง และคาไกด์ ไม่รวมค่าซื้อสินค้าและการจัดแพ็กเกจทัวร์เสริมที่เครือขายทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นผู้ไได้รับไปเต็มๆ 
             
ส่วนในปี 2560 คาดว่าจำนวนนักท่องเทียวจีนจะทรงตัวอยุ่ที่ประมาณ 9 ล้านคน ซึ่งแม้ว่าผลของการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 20% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดลดลงไป แต่นักท่องเที่ยวจีนที่เหลืออีกประมาณ 80% ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดนทางมาเอง 60% กับกลุ่มที่มากับบริษัททัวร์แต่ไม่ใช่ทัวร์ศุนย์เหรียญอีก 20% ยังคงชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวไทย โดยนักท่องเที่ยวทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพ จึงคาดว่าการเติบโตนี้จะสามารถเข้ามาชดเชยกลุ่มนักท่องเที่ยวทัวร์ศูนย์เหรียญที่หายไปได้บ้าง
             ทั้งนี้ ผุ้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามททัวร์ศุย์เหรียญบางส่วนที่เน้นทำตลาดนักท่องเที่ยวจีนอาจจะยังปรับตัวไม่ทัีน เนื่องจากไม่กล้าทำทัวร์จีนต่อเพราะยังสับสนว่าการดำเนินธุรกิจของตนเข้าข่ายการดำเนินธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการที่ภาครัฐได้ให้ความเชื่อมั่นว่า หากการดำเนินธุรกิจของผุ้ประกอบการเป็นไปโดยสุจริต ไม่ทำผิดกฎหมาย มีกายื่นเสียภาษีเป็ฯประจำทุกปี ก็ไม่ต้องกังวล รอเพียงความชัเจนของภาครัฐในการกำหนดกฎเกณฑ์ราคาแพ็กเจทัวร์ในประเทศขั้นต่ำ จากนี้ผุ้ประกอบการก็สามารถนำราคาดังกล่าวไปกำหนดราคาแพ็กเกจทัวร์และดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จะห็นว่าการปราบปรามทัวร์ศุนย์เหรียญของภาครัฐให้อยู่ในกฎระเบียบและสร้างความเป็ฯธรรมในการแข่งขัน อาจทำให้นักท่องเทียวจีนหายไปในระยะสั้น แต่หากมองในระยะปานกลางถึงยาว ความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนที่จะข้ามาในไทยยังมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของคนจีนในหลายด้านไม่ว่าจะเป้ฯกมีแหล่งทรัพยากรท่องเที่ยวที่หลากหลายอาหารถูกปาก คาครองชีพไม่สูงนัก รวมทั้งการเดินทางมาไทยก็สะดวก ทำให้โอกาสที่ผุ้ประกอบการไทยจะทำเงินจากนักท่องเที่ยวจีนยังมีอีกมาก
             ดังนั้น ในระยะต่อไป เืพ่อให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ผุ้ประกอบการควรปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทงของภาครัฐที่ต้องกายกระดับการท่องเทียวให้มีคุณภาพ ด้วยการจัดแพ็กเกจทัวร์ที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายภายใต้ระดับราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อดึงดุดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเข้ามาในไทย นอกจากนี้ ผุ้ประกอบการก็ควรมองหาตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง หากการปราบปรามของภาครัฐในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของธุรกิจท่องเที่ยไทยในระยะยาว การดำเนินการทุกสิ่งอย่างย่อมมีต้นทุนเสมอ ดังนั้น "การยอมเจ็ฐ เพื่อจะจบ" อาจเป็นสิ่งที่ควรทำ.http://www.thansettakij.com/content/103691

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...