ทีวร์ศุนย์เหรียญก่อกำเนิดขึ้นมานับตั้งแต่จีนเร่ิมเปิดประเทศ และอนุญาติให้คนจีนเดนทางออกไปยังต่างประเทศในปี 2536 ในปีนั้นมีคนจีนออกไปท่องเที่ยวจ่างประเทศเพียงน้อยนิดแค่ 6 ล้านคน แต่เวลาผ่านไป 22 ปี จำนวนคนจีนที่ออกไปเที่ยวบังต่างประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 127 ล้านคนในปี 2558 การที่นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประชากรจนมีมากกว่า 1,350 ล้านคน เมื่อมีการเปิดประเทศจึงมีความต้องการออกไปเที่ยวมาก ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการดำเนินธุรกิจทัวร์ในลักษณะทีขายแพ็กเกจราคาทัวร์ต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง จากนั้นไปเอาทุนคืนและทำกำไรด้วยการบีบบังคับให้ลูกทัวร์ซื้อสินค้าในร้านค้าที่เป็นเครือข่ายของตนเองในระคาที่สูงเกินจริงรวมถึงการขายแพ็กเกจเสริมอื่นๆ ที่อยุ่นอกโปรแกรมทัวร์ รหือท่เรียกกันว่า "ทัวร์ศุนย์เหรียญ"
การดำเนินธุรกิจแบบ "ทัวร์ศุนย์เหรียญ" หากมองเผินๆ อาจเห็นว่าไม่เห็นเป็นอะไร ดีซะอีกจะได้มีคนจีนเข้ามาใช้จ่ายในประเทศมากๆ แต่หากมองให้ลึกลงไป การใช้จายของนักท่องเที่ยวจีนกลับไม่ได้เข้าสู่ประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเนื่องจากเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญนี้ส่วนใหญ่ผุ้ประกอบการจีนเป็นผุ้ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนของการช็อปปิ้งและการขายแพ็กเกจทัวร์เสริมอื่นๆ จากนั้นก็หอบเงินกลับประเทศทั้งหมด เรียกได้ว่ "คนไทยได้น้อย แต่กลับสุญเสียทรัพยากรการท่องเที่ยวของประเทศจากการที่คนจีนเข้ามาใช้เป็นจำนวนมากและทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยลดลง"
ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐจึงจัดการปัญหาไม่ให้โครงสร้างการทำธุรกิจทัวร์ในประเทศบิดเบี้ยวบานปลายไปจนแก้ไขได้ยากด้วยการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญในประเทศอย่างจริงจัง อันที่จริงย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม 2556 ทางการจีนได้เล็งเห็นถึงปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญที่ทำให้ภาพลักษณ์คนจีนในสายตาชาวโลกดุไม่ดี และในขณะเดียกันคนจีนที่ออกไปเที่ยวต่างประเทศก็ถูกเอารัดเอาเปรียบบังคับซื้อสินค้าที่สูงกว่าต้นทุนที่แท้จริงมาก จนต้องออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมทัวร์ศูนย์เหรียญ ถือเป็นการจัดการบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญที่ต้นทางไปแล้ว แต่บริษัททัวร์ปลายทางในเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญก็ยังมีการลักลอบกันทำอยู่ ประเทศไทยถือเป็นผู้กล้า "รายแรกๆ ที่ปราบปรามทัวร์สูนย์เหรียญที่ปลายทาง" ซึงแน่นอนว่ามีความเสี่ยงที่ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนจะลดลงอย่างมาก โดยรัฐคาดหวังว่าการปราบปรามครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการแข่งขันธุรกิจทัวร์ในประเทศอย่างเป็นธรรมได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ทัวถึคงอย่งเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงคนจีนที่มาเทียวเมืองไทยเกิดควมประทับใจเมื่อมาเที่ยวไทย เพราะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ทำให้มาเทียวซ้ำ และชวยเพื่อฝุง ญาติ พี่น้อง เข้มาเที่ยวไทยอีกในอนาคต
ศุนย์วิเคราะห์เศรษบกิจ ทีเอ็มบี คาดว่า ผลของการปราบปรามทัวร์ศุนย์เหรียญจะกระทบเศรษฐกิจเพียงในระยะสั้นโดยประเมินว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไปในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2559 ประมาณ 4.75 แสนคนหรือคิดเป็นประมาณ 5% ของนักท่องเทียวจีนรวม ทำให้ทั้งปี 2559 นักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 9 ล้านคน และเมื่อพิจารณารายได้ที่สูญเสียไปจะอยู่ที่ 7,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 2% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนรรวม ซึ่งจะทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนทั้งปีจะอยุ่ในระดับ 4 แสนล้านบาท โดยรายได้ที่หายไปคำนวณจากเม็ดเงินที่เข้าสูระบบเศราฐกิจที่แท้จริง ได้แก่ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทง และคาไกด์ ไม่รวมค่าซื้อสินค้าและการจัดแพ็กเกจทัวร์เสริมที่เครือขายทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นผู้ไได้รับไปเต็มๆ
ส่วนในปี 2560 คาดว่าจำนวนนักท่องเทียวจีนจะทรงตัวอยุ่ที่ประมาณ 9 ล้านคน ซึ่งแม้ว่าผลของการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 20% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดลดลงไป แต่นักท่องเที่ยวจีนที่เหลืออีกประมาณ 80% ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดนทางมาเอง 60% กับกลุ่มที่มากับบริษัททัวร์แต่ไม่ใช่ทัวร์ศุนย์เหรียญอีก 20% ยังคงชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวไทย โดยนักท่องเที่ยวทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพ จึงคาดว่าการเติบโตนี้จะสามารถเข้ามาชดเชยกลุ่มนักท่องเที่ยวทัวร์ศูนย์เหรียญที่หายไปได้บ้าง
ทั้งนี้ ผุ้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามททัวร์ศุย์เหรียญบางส่วนที่เน้นทำตลาดนักท่องเที่ยวจีนอาจจะยังปรับตัวไม่ทัีน เนื่องจากไม่กล้าทำทัวร์จีนต่อเพราะยังสับสนว่าการดำเนินธุรกิจของตนเข้าข่ายการดำเนินธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการที่ภาครัฐได้ให้ความเชื่อมั่นว่า หากการดำเนินธุรกิจของผุ้ประกอบการเป็นไปโดยสุจริต ไม่ทำผิดกฎหมาย มีกายื่นเสียภาษีเป็ฯประจำทุกปี ก็ไม่ต้องกังวล รอเพียงความชัเจนของภาครัฐในการกำหนดกฎเกณฑ์ราคาแพ็กเจทัวร์ในประเทศขั้นต่ำ จากนี้ผุ้ประกอบการก็สามารถนำราคาดังกล่าวไปกำหนดราคาแพ็กเกจทัวร์และดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จะห็นว่าการปราบปรามทัวร์ศุนย์เหรียญของภาครัฐให้อยู่ในกฎระเบียบและสร้างความเป็ฯธรรมในการแข่งขัน อาจทำให้นักท่องเทียวจีนหายไปในระยะสั้น แต่หากมองในระยะปานกลางถึงยาว ความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนที่จะข้ามาในไทยยังมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของคนจีนในหลายด้านไม่ว่าจะเป้ฯกมีแหล่งทรัพยากรท่องเที่ยวที่หลากหลายอาหารถูกปาก คาครองชีพไม่สูงนัก รวมทั้งการเดินทางมาไทยก็สะดวก ทำให้โอกาสที่ผุ้ประกอบการไทยจะทำเงินจากนักท่องเที่ยวจีนยังมีอีกมาก
ดังนั้น ในระยะต่อไป เืพ่อให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ผุ้ประกอบการควรปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทงของภาครัฐที่ต้องกายกระดับการท่องเทียวให้มีคุณภาพ ด้วยการจัดแพ็กเกจทัวร์ที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายภายใต้ระดับราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อดึงดุดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเข้ามาในไทย นอกจากนี้ ผุ้ประกอบการก็ควรมองหาตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง หากการปราบปรามของภาครัฐในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของธุรกิจท่องเที่ยไทยในระยะยาว การดำเนินการทุกสิ่งอย่างย่อมมีต้นทุนเสมอ ดังนั้น "การยอมเจ็ฐ เพื่อจะจบ" อาจเป็นสิ่งที่ควรทำ.http://www.thansettakij.com/content/103691
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น