หลังจากการเปิดตลาด เข้าถือครองสโมสร แมนเชนเตอร์ ซิตี้ ทีมดังของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในปี 2550 ของทักษิน ชินวัตร เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นให้บรดาเศณษฐีชาวไทยเร่ิมตื่นตัว หันมาจับจองการเป็นเจ้าของทีมีมลูกหนังมากขึ้น..
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรใน ลีกส์ แต่วงการลูกหนังไทยก็ไดัรับประโยชน์เมื่อทางทีมจากอังกฤษตัดสินใจเซ็นสัญญา กับ 3 นักเตะทีมชาติไทย 3 ปี
วิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท "คิง เพาะอวร์" อีหนึ่งนักธุรกิจจากเมืองไทย ที่ได้ยึดครองทีมลูกนังในประเทศอังกฤษ เจ้าสัววิชัย ได้เข้าไปถือครองสโมสร "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้..ใช้เวบากว่า 4 ปี ในการปรับปรุงโครงสร้างและแนวททางการบริหาร รวมถึงดึงตัว ไนเจบล เพียร์สัน กลับมาคุมทีมอีกครั้ง ซึ่งในทีุ่ด เลสเตอร์ หรือฉายาปัจจุบัน "จิ้งจองสยาม" ก็คว้าแชมป์ลีกแชมเปียนชิพ และขยับขึ้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ฤดุกาล 2014-15 ซึ่งเป้นการกลับมาอยุ่บนลึกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอ 10 ปี
สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา เรดดิง เอฟซี นักธรุกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของ บริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการบริการรับประกันภัยและเป็นผุ้นำเข้ารถยนต์อิสระจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆ ในต่างประเทศอีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นประธานบริหารสโมสร เพื่อตำรวจ ในศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ ลีก เป็นอีกคนที่คลั่งลูกหนังแบบเข้าเส้น
ชื่อของ "เสี่ยบิ๊ก" กลายเป็นที่สนใจในชั่วข้ามคืนหลังเป็นโต๋โผใหญ่ในการระดมทุนจากนักลงทุนกลุ่มต่างๆ อาทิ คุณหญิง ศศิมา ศรีวิกรม์ เจ้าแม่อสังหารริมทรัพย์ และคุณนรินทร์ นิรุตตินานนท์เข้าเทกโอวอร์ สโมสร เรดดิง เอฟซี ทีมดังในแชมเปี่ยส์ชิพ เมื่อ พ.ศ. 2557
"เดอะ รอยัล" นับเป็นสโมสรแดนผู้ดีสโมสรที่ 2 ที่มีนักลงทุนไทยถือครองอยู่ในปัจจุบน ซึ่งการมาของ "เสียบิ๊ก" ก็ได้มียกการยกระดับทีมด้วยการดึงตัวนักเตะอย่าง แอนตัน เฟอร์ดินานด์ อดีตแข็งเวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาร่วมทีม พร้อมทั้งวางเป้าหมายในการขึ้นสู่ลีกสูงสุดตามรอยของ เลสเตอร์ ซิตี้
เดชพล จันศิริ ชื่อของ เตชพล จันศิริ อาจจะไม่เป็นที่รุ้จักในวงการกีฬามากนัก แต่ถ้าเป้นในแวดวงธุรกิจแล้วไม่มีทางเลยที่ใครจะไม่รู้จัก เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในทายาทของไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการ บริษัท ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ "ทียูเอฟ" ผุ้ผลิตและสงออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องระดับแถวหน้าของประเทศ อีกทั้งยังมีบริษัทในเครือรร่วม 24 แห่งทั่วโลก
เมื่อช่วงเดือนมกราคม ต้นปีที่ผ่านมา เตชพล ก็ได้ตัดสินใจควักเงินส่วนตัวราว 30 ล้านปอนด์ (หรือ 1,480 ล้านบาท) เพื่อเปนเจ้าของสโมสร "นกเค้าแมว" เชฟฟิลด์เวนส์เดย์ ในศึกแชมเปียนส์ชิพ พร้อมเป้าหมายที่จะขึ้นสู่ลีกสูงสุดเช่นเดียกันกับอีกหลายสโมสร
บี เตชะอุบล นักธุรกิจผุ้มีชื่อเสียงในวงการตลาดหลักทรัพย์ ผุ้บริหารแห่ง คันทรี กรุ๊ป ดี เวลลอเมนต์ คือนักลงทุนชาวไทยคนล่าสุดที่มีเป้าหมายจุยบึดครองทีมดงของยุโรป และยังเป็นการซื้อทีมในลีก กัลโช เชเรีย อา ลีกลูกหนังสุงสุดของ อิตาลี
ในช่วงเดือนเมษรยนที่ผ่านมาจนถึงตอนนี ชื่อขงอ บี เตชะอุบล กำลังเป็นที่ฮือฮาของแวดวงกีฬาและธุรกิจ หลังจากที่มีข่าวว่าได้บรรลุข้อตกลงซื้อหุ้นสโมสน "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่ของศึก กัลโซ เซเรีย อา ด้วยเงิน 780 ล้านยูโร (ราว31,200 ล้านบาท) พร้อมข้อตกลงกับ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ประธานสโมสรเจ้าของทีมคนปัจจุบัน ่ว่าจะเริ่มถือหุ้น 20% ก่อนเพ่ิมเป็น 65% ภายใน 1 ปี เืพ่อให้กลายเป็นเจ้าของโดยสมบุรณ์
แม้ในช่วงเร่ิมแรกทั้งสองฝ่ายจะมีการไว้เชิงออกมาปฏิเสธ แต่ในตอนนี้ทุกๆ อย่างก็ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังอีกต่อไป เมื่อภาพของทายาทคนโตของ สดาวุธ เตชะอุบล เจ้าของกลุ่มคันทรี กลุ่มอสังหาริมทรัพ์ใหญ่ของเมืองไทย ขณะเดินทางไปเจรจากับ เอซี มิลาน ถึงอิตาลี หลุดออกมาให้แฟนๆ ลูกหนังได้เห็น จนคาดว่าทุกอย่างน่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้
แต่การถือครองทีมดังของทายาทแห่งตระกูลเตชะอุบล ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่านไร้อุปสรรค เพราะ แบร์ลุสโคนี ยังมีตัวเลือกอืนได้แก่ ริชาร์ด ลี นักธรุกิจฮ่องกง ผุ้ก่อตั้งบริษัท "แปซิฟิก เซ้นจูรี ไซเบอร์เวิร์คส์" ตัวแทนกลุ่มลงทุนจากจีน ซึ่งทาง "ลา กัซเซตตา เดลโล สปอร์ต" สื่อดังเมือมะกะโรนี ได้ออกมาเผยว่า มิลานดีกรีแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี่ยนส์ ลีก 7 สมัย เป็นสโมสรที่คอนข้เางได้รับความนิยมในสาธารณรับประชาชนจีน และอาจจะเป็นจุดที่ทำให้ แบร์ลุสโคนี สนใจก็ได้...https://www.thairath.co.th/content/495617
วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561
วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561
football League customers
การบริโภคบริการชมฟุตบอล ผุ้บริโภคจะเกิดความพึงพอใจ หากเกมการแข่งขันดังกล่าวมีความตื่นเต้นสนกเร้าใจผุ้ชม ผุ้บริโภคมีความคาดหวัง
ในปัจจุบัน กีฬาฟุตอบอาชีพ ถูกแปรสภาพให้กลายเป็นสินค้าและบริการ มากขึ้นๆ โดยมีทั้งผุ้ผลิตและผุ้บิรโภคเหมือนสินค้าประเภทอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งจะขอใช้คำว่า "บริการการชฟุตบอล" ผุ้บริโภคสามารถบริโภคเพื่อตอบสนองความพอใจของตัวเองจากการชมเป็นหลัก รูปแบบของการเข้าถึงการบริโภคโดยหลักๆ แล้วแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือการเข้าถึงบริการจากการชมในสนามแข่งขัน และการชมจากโทรสทัศนืโดยอาศัยการถ่ายทอดสดเป็นหลัก
การบริโภคบริการชมฟุตบอล ผุ้บริโภคจะเกิดความพึงพอใจ หากเกมการแข่งขันดังกล่วมีความตื่นเต้นสนุกเร้าใจผุ้ชมทั้งน้ผุ้บริโภคมีความคาดหวังจากการชมในแต่ละนัดไม่เหมือนกัน เราอาจสรุปด้ว่าดีมานด์หรือความต้องการในการชมฟุตบอลของผู้บริโภคแต่ละคนขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกศาสตร์ที่สำคัญ คือ ราคาในการชมแต่ละครั้ง รายได้ รสนิยม ฤดูกาลแขช่งขัน ตลอดจนราคาในการชมของกีฬาประเภทอื่น เป็นต้น ทั้งนี้จากข้อสังเกต รานิยมในการชมฟุตบอลอาชีพของยุโรปมีผลต่อการบริโภคกีฬาฟุตบอลของคนเกื่อบทั่วโลก พิจารณาจากการขายค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสอ ซึ่งคาดว่าสาเหตุหลักเนื่องมาจากฟุตบอล ได้ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ และขยายตัวผ่านการล่าอาณานิคมในช่วงศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา นอกจากนี้กีฬาฟุตบอลอาชีพของยุโรปได้ฝังรากลึกมายาวนานจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันโดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ความนิยมของลีกดังกล่าวทำให้เกดสิ่งที่เรียกว่า Taste หรือรสนิยมในการบริโภคจนทำให้ผุ้บริโภคส่วนใหญ่เกิด แบร์น โลยอตี้ หรือ ความภักดีในการบริโภคสินค้า และความภักดีดังกล่านี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สร้างอำนาจผุกขาดให้กับลีกต่างๆ เหล่านี้
เมื่อพิจารณาถึงด้าน ดีมานส์ และซัพพายส์ จึงของเรียกว่า ผุผลิตกีฬาฟุตบอลอาชีพ ซึ่งอาจพิจารณาได้ใน 2 สวน กล่าวคือ สโสรฟุตบอล ซึ่งเปรียบเสมือน frim ที่มุ่งดำเนินงานโดยหวังกำไรสูงสุด การจะทำให้เกิดกำไรสูงสุดได้ สโมสรต้องพยายามหารายรับให้มากๆ และลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการมีสโมสรฟุตบอลอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการผลิตบริการกีฬาฟุตบอลจำเป็นตองมี ผุ้จัดการแข่งขัน "โปรโมเตอร์ กล่าวคือ ผุ้จัดการแข่งขันในปัจจุบันแวดวลฟุตบอลยุโรปเราต่างรู้จัก รายการ F.A Premiership ซึ่งผุ้จัดการแข่งขัน คือ Football Association (F.A.) ของประเทศอักฤษ นอกจากนี้ยังมีสมาคมฟุตบอลของประเทศต่างๆ ได้ดำเนินการจัดตัง รายการฟุตบอลีกของประเทศตัวเองขึ้นมานอกจากนี้ยังมีการรวมตัวกันของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่า UEFA ซึ่งเป็นผู้จัดการแขงขัน ฟุตบอลระดับลีกที่เรียกว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยังมีรายการ ยูฟ่า คัพ อีด้วย ซึงรายการการแข่งขันทั้งหลายก็เปรียบเสมือน โปรดักส์ ที่ทั้งผุ้จัดการแข่งขันและสโมสรฟุตบอลมีส่วยช่วยกันผลิตลบริการหรือสินค้าดังกล่าวออกมาให้ผุ้บริโภคได้ชม
เมื่อพิจารณาถึงลักษณะของตลาดที่มีการแข่งขันไม่สมบุรณ์และสาเหตุของการผูกขาดแล้วเราจะทำการวิเคราะห์ดุว่าลักษณะของผู้ผลิตในกีฬาฟุตบอลอาชีพยุโรปเข้าข่ายลักาณะใด เมื่อพิจารณเฉพาะ สโมสรฟุตบอล ก่อน เรพบว่า ปัจจุบนสโมสรฟุตบอลของแต่ละประเทศในลีกยุโรปมีมากมายในหลายทีม แต่มีสโมสรฟุตบอลใหญ่ๆ จริงๆ เพียงไม่กี่สโมสร ซึ่งรวมตัวกันเรียกว่า G14 การพิจารราลักษระของธุรกิจใหญ่ๆ ทั้งหบายเหล่านี้ เราไม่สามารถสรุปแน่ชัดว่า สโมสรทั้งหมดจะมีอำนาจในการผุกขาดทังนี้เมื่อเราพิจาณราจากความหลากหลายของสโมสรผ่านทาง ผลงานที่อยุ่ในระดับชั้นนำ ตัวนักเตะและผุ้จัดากรทัม ตลอดจนฐานะทางการเงิน อาจกล่าวได้ว่าสโมสรเหล่านี้ มีความสามารถนการบริหารจัการภายในสโมสรได้ดีมาก ดีกว่าทีมเล็กๆ มีความสามารถในการหาายได้เข้าทีม มีความสามารในการผลิตนักฟุตบอลชั้นดีขายเป็นรายรับ แม้กระทั้งความสามารถในการซื้อมาขายไปของตัวนักฟุตบอลซึ่งถือเป็นสินทรัพย์หนึ่งของสโมสร นอกจาหนี้สโมสรฟุตบอลใหญ่ๆ ทั้งหลายก็น่าจะมีความสามารถในการบริหารจัดการรายจ่ายๆด้ดี โดย
เฉพาะด้านค่าจ้างของนักเตะซึ่งถือเป็นรายจ่ายหลักที่สำคญ ความสามารถทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ทีมระดับยักษ์ใหญ่สามารถีบตัวเองได้ไปไกลกว่าทีมระดับกลางหรือระดับล่างกายในประเทศของตัวเอง ยิงปัจจุบันการมีฟุบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยเลแ้วรายรับที่เพ่ิมขึ้นจะย่ิงเพ่ิมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการดังกล่าวและได้รับการถ่ายทอดสด เราอาจจะเห็นลักาณะที่เรียกว่า Dualism เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลอาชีพยุดรปเป็นความห่างตั้งแต่ระดับตัวสโมสรในด้านฐานะทางการเงินและระดับตัวนักฟุตบอลในด้านต่าจ้าง เมื่อวิเคราะห์จกตัวสโมสรฟุตบอล เราอาจจะไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน และในการถ่ายทอดสดนั้น จะเลือกถ่ายทอดเฉพาะคู่ใหญ่ๆ หรือ คุ่ที่มีทีมใหญ่ๆ ลงแข่งขัน ในฟุตบอลลีก ยุโรป จะมีการแข่งขันกันเกือบทุกวัน ในอาทิตย์หนึ่งจะต้องมีทีมใหญ่ อย่างน้อย หนึ่งทีมถ่ายทอดสด ซึ่งทีมระดับกลางหรือระดับเล็กจะมีโอกาสน้อยมากที่จะถ่ายทอดสด
ผู้จัดการแข่งขัน จะได้รับสิทธิ์ จากสโมสรฟุตบอลให้เป็นผู้ดำเนิการแข่งขัน โดยจะเป็นผุ้กำหนด กฎ กติก โปรแกรมการแข่งขัน หารายได้จากสปอนเซอร์ และหารายได้จาการขายลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด ผุ้จัดการแข่งขัน จะเป็นผุ้นำรายได้เหล่านี้มาแบ่งให้หมู่สมาชิกนันก็คือ สโมสรฟุตบอล http://www.thailandindustry.com/indust_newweb/news_preview.php?cid=1049
รายการแข่งขันฟุตบอลก็เปรียบเสมือน ผลิตภัณฑ์ ยิ่งรายการแข่งขันมีมากขึ้นเท่าไร โอากสที่ผุ้ผลติบริการการชมฟุตบอลจะได้รับรายได้เพ่ิมขึ้นย่ิงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากสปอนเซอร์และจากการขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด แต่ทังนี้เรื่องของคุณภาพของผลิตภันฑ์ก็มีส่วนสำคัญที่ผุ้ผลิตบริการจะต้องคำนึงด้วย ฟุตบอลยุโรปนั้นมีการเปลี่ยนรูปแบบจากระบบ น็อก เอาซ์ เป็นระบบ ลีก หรือ ยูฟ่ายกเลิกไป อาจเป็นเพราะคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้เมื่อพิจารณาจากสถิติการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศจะมีแต่ทีมใหย่ในลีกดังๆ ของยุโรปเป็นหลักมีบางรายการในฟุตบอลยุโรป อย่ง คัพ วินเนอรส์ คัพ ที่ถูกยูฟ่ายกเลิกไป อาจเป็นเรพาะคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไม่เป็นที่พอใจของผู้บริโภคบริการชมฟุตบอลทำให้ผุ้จัดการแข่งขันเห็นว่าผลิตบริการดังกลาวออกมาแล้วไม่คุ้มกับต้นทุนที่เสียไป หากลักษณะ ซัพพายส์ ในส่วนผุ้จัดการแข่งขันเป็นเช่น เราจึงสามารถสรุปได้ว่าผุ้จัดการแข่งขัน เป็นผู้ผูกขาดเพียงรายเดียว อำนาจดังกล่วนี้ทำให้ ผุ้จัดการแข่งขันสามารถกำหนดราคมนการขายค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดได้ มีอนาจในกาควบคุมดูแลเรื่องราคาตั๋วในการเข้าชม หรือราคาของผลิตภัณฑ์ นั่นเอง..
ในปัจจุบัน กีฬาฟุตอบอาชีพ ถูกแปรสภาพให้กลายเป็นสินค้าและบริการ มากขึ้นๆ โดยมีทั้งผุ้ผลิตและผุ้บิรโภคเหมือนสินค้าประเภทอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งจะขอใช้คำว่า "บริการการชฟุตบอล" ผุ้บริโภคสามารถบริโภคเพื่อตอบสนองความพอใจของตัวเองจากการชมเป็นหลัก รูปแบบของการเข้าถึงการบริโภคโดยหลักๆ แล้วแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือการเข้าถึงบริการจากการชมในสนามแข่งขัน และการชมจากโทรสทัศนืโดยอาศัยการถ่ายทอดสดเป็นหลัก
การบริโภคบริการชมฟุตบอล ผุ้บริโภคจะเกิดความพึงพอใจ หากเกมการแข่งขันดังกล่วมีความตื่นเต้นสนุกเร้าใจผุ้ชมทั้งน้ผุ้บริโภคมีความคาดหวังจากการชมในแต่ละนัดไม่เหมือนกัน เราอาจสรุปด้ว่าดีมานด์หรือความต้องการในการชมฟุตบอลของผู้บริโภคแต่ละคนขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกศาสตร์ที่สำคัญ คือ ราคาในการชมแต่ละครั้ง รายได้ รสนิยม ฤดูกาลแขช่งขัน ตลอดจนราคาในการชมของกีฬาประเภทอื่น เป็นต้น ทั้งนี้จากข้อสังเกต รานิยมในการชมฟุตบอลอาชีพของยุโรปมีผลต่อการบริโภคกีฬาฟุตบอลของคนเกื่อบทั่วโลก พิจารณาจากการขายค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสอ ซึ่งคาดว่าสาเหตุหลักเนื่องมาจากฟุตบอล ได้ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ และขยายตัวผ่านการล่าอาณานิคมในช่วงศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา นอกจากนี้กีฬาฟุตบอลอาชีพของยุโรปได้ฝังรากลึกมายาวนานจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันโดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ความนิยมของลีกดังกล่าวทำให้เกดสิ่งที่เรียกว่า Taste หรือรสนิยมในการบริโภคจนทำให้ผุ้บริโภคส่วนใหญ่เกิด แบร์น โลยอตี้ หรือ ความภักดีในการบริโภคสินค้า และความภักดีดังกล่านี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สร้างอำนาจผุกขาดให้กับลีกต่างๆ เหล่านี้
เมื่อพิจารณาถึงด้าน ดีมานส์ และซัพพายส์ จึงของเรียกว่า ผุผลิตกีฬาฟุตบอลอาชีพ ซึ่งอาจพิจารณาได้ใน 2 สวน กล่าวคือ สโสรฟุตบอล ซึ่งเปรียบเสมือน frim ที่มุ่งดำเนินงานโดยหวังกำไรสูงสุด การจะทำให้เกิดกำไรสูงสุดได้ สโมสรต้องพยายามหารายรับให้มากๆ และลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการมีสโมสรฟุตบอลอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการผลิตบริการกีฬาฟุตบอลจำเป็นตองมี ผุ้จัดการแข่งขัน "โปรโมเตอร์ กล่าวคือ ผุ้จัดการแข่งขันในปัจจุบันแวดวลฟุตบอลยุโรปเราต่างรู้จัก รายการ F.A Premiership ซึ่งผุ้จัดการแข่งขัน คือ Football Association (F.A.) ของประเทศอักฤษ นอกจากนี้ยังมีสมาคมฟุตบอลของประเทศต่างๆ ได้ดำเนินการจัดตัง รายการฟุตบอลีกของประเทศตัวเองขึ้นมานอกจากนี้ยังมีการรวมตัวกันของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่า UEFA ซึ่งเป็นผู้จัดการแขงขัน ฟุตบอลระดับลีกที่เรียกว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยังมีรายการ ยูฟ่า คัพ อีด้วย ซึงรายการการแข่งขันทั้งหลายก็เปรียบเสมือน โปรดักส์ ที่ทั้งผุ้จัดการแข่งขันและสโมสรฟุตบอลมีส่วยช่วยกันผลิตลบริการหรือสินค้าดังกล่าวออกมาให้ผุ้บริโภคได้ชม
เมื่อพิจารณาถึงลักษณะของตลาดที่มีการแข่งขันไม่สมบุรณ์และสาเหตุของการผูกขาดแล้วเราจะทำการวิเคราะห์ดุว่าลักษณะของผู้ผลิตในกีฬาฟุตบอลอาชีพยุโรปเข้าข่ายลักาณะใด เมื่อพิจารณเฉพาะ สโมสรฟุตบอล ก่อน เรพบว่า ปัจจุบนสโมสรฟุตบอลของแต่ละประเทศในลีกยุโรปมีมากมายในหลายทีม แต่มีสโมสรฟุตบอลใหญ่ๆ จริงๆ เพียงไม่กี่สโมสร ซึ่งรวมตัวกันเรียกว่า G14 การพิจารราลักษระของธุรกิจใหญ่ๆ ทั้งหบายเหล่านี้ เราไม่สามารถสรุปแน่ชัดว่า สโมสรทั้งหมดจะมีอำนาจในการผุกขาดทังนี้เมื่อเราพิจาณราจากความหลากหลายของสโมสรผ่านทาง ผลงานที่อยุ่ในระดับชั้นนำ ตัวนักเตะและผุ้จัดากรทัม ตลอดจนฐานะทางการเงิน อาจกล่าวได้ว่าสโมสรเหล่านี้ มีความสามารถนการบริหารจัการภายในสโมสรได้ดีมาก ดีกว่าทีมเล็กๆ มีความสามารถในการหาายได้เข้าทีม มีความสามารในการผลิตนักฟุตบอลชั้นดีขายเป็นรายรับ แม้กระทั้งความสามารถในการซื้อมาขายไปของตัวนักฟุตบอลซึ่งถือเป็นสินทรัพย์หนึ่งของสโมสร นอกจาหนี้สโมสรฟุตบอลใหญ่ๆ ทั้งหลายก็น่าจะมีความสามารถในการบริหารจัดการรายจ่ายๆด้ดี โดย
เฉพาะด้านค่าจ้างของนักเตะซึ่งถือเป็นรายจ่ายหลักที่สำคญ ความสามารถทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ทีมระดับยักษ์ใหญ่สามารถีบตัวเองได้ไปไกลกว่าทีมระดับกลางหรือระดับล่างกายในประเทศของตัวเอง ยิงปัจจุบันการมีฟุบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยเลแ้วรายรับที่เพ่ิมขึ้นจะย่ิงเพ่ิมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการดังกล่าวและได้รับการถ่ายทอดสด เราอาจจะเห็นลักาณะที่เรียกว่า Dualism เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลอาชีพยุดรปเป็นความห่างตั้งแต่ระดับตัวสโมสรในด้านฐานะทางการเงินและระดับตัวนักฟุตบอลในด้านต่าจ้าง เมื่อวิเคราะห์จกตัวสโมสรฟุตบอล เราอาจจะไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน และในการถ่ายทอดสดนั้น จะเลือกถ่ายทอดเฉพาะคู่ใหญ่ๆ หรือ คุ่ที่มีทีมใหญ่ๆ ลงแข่งขัน ในฟุตบอลลีก ยุโรป จะมีการแข่งขันกันเกือบทุกวัน ในอาทิตย์หนึ่งจะต้องมีทีมใหญ่ อย่างน้อย หนึ่งทีมถ่ายทอดสด ซึ่งทีมระดับกลางหรือระดับเล็กจะมีโอกาสน้อยมากที่จะถ่ายทอดสด
ผู้จัดการแข่งขัน จะได้รับสิทธิ์ จากสโมสรฟุตบอลให้เป็นผู้ดำเนิการแข่งขัน โดยจะเป็นผุ้กำหนด กฎ กติก โปรแกรมการแข่งขัน หารายได้จากสปอนเซอร์ และหารายได้จาการขายลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด ผุ้จัดการแข่งขัน จะเป็นผุ้นำรายได้เหล่านี้มาแบ่งให้หมู่สมาชิกนันก็คือ สโมสรฟุตบอล http://www.thailandindustry.com/indust_newweb/news_preview.php?cid=1049
รายการแข่งขันฟุตบอลก็เปรียบเสมือน ผลิตภัณฑ์ ยิ่งรายการแข่งขันมีมากขึ้นเท่าไร โอากสที่ผุ้ผลติบริการการชมฟุตบอลจะได้รับรายได้เพ่ิมขึ้นย่ิงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากสปอนเซอร์และจากการขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด แต่ทังนี้เรื่องของคุณภาพของผลิตภันฑ์ก็มีส่วนสำคัญที่ผุ้ผลิตบริการจะต้องคำนึงด้วย ฟุตบอลยุโรปนั้นมีการเปลี่ยนรูปแบบจากระบบ น็อก เอาซ์ เป็นระบบ ลีก หรือ ยูฟ่ายกเลิกไป อาจเป็นเพราะคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้เมื่อพิจารณาจากสถิติการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศจะมีแต่ทีมใหย่ในลีกดังๆ ของยุโรปเป็นหลักมีบางรายการในฟุตบอลยุโรป อย่ง คัพ วินเนอรส์ คัพ ที่ถูกยูฟ่ายกเลิกไป อาจเป็นเรพาะคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไม่เป็นที่พอใจของผู้บริโภคบริการชมฟุตบอลทำให้ผุ้จัดการแข่งขันเห็นว่าผลิตบริการดังกลาวออกมาแล้วไม่คุ้มกับต้นทุนที่เสียไป หากลักษณะ ซัพพายส์ ในส่วนผุ้จัดการแข่งขันเป็นเช่น เราจึงสามารถสรุปได้ว่าผุ้จัดการแข่งขัน เป็นผู้ผูกขาดเพียงรายเดียว อำนาจดังกล่วนี้ทำให้ ผุ้จัดการแข่งขันสามารถกำหนดราคมนการขายค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดได้ มีอนาจในกาควบคุมดูแลเรื่องราคาตั๋วในการเข้าชม หรือราคาของผลิตภัณฑ์ นั่นเอง..
วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561
Foot ball Fan club
แฟนคลับ คือกลุ่มคนที่คลั่งไคลหรืออุทิสตนให้กับบุคคล กลุ่มแนวความคิด หรือในบางครั้งกับสิ่งไม่มีชีวิต (เช่น อาคารที่มีชื่อเสียง) แฟนคลับส่วนใหญ่จะทุ่มเทเวลาและสิ่งของเพื่อสนับสนุน ในบางครั้งจะมีการตั้งแฟนคลับอย่างเป็นทางการ โดยดำเนินการร่วมกับกลุ่มหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสิงที่ชื่นชอบโดยตรง แฟนคลับส่วนใหญ่จะเป็นนักแสดง ดารา นักร้อง ทีมฟุตบอบ เป็นต้น..
ด้านดีของแฟนคลับ คือ ช่วยให้มีเืพ่อมีสังคมใหม่ ที่ข่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วยในกปลดปล่อยอารมณ์ และช่วยนำไปสู่การทำกิจกรรมดีๆ สร้างสรรค์สังคม เป้ฯการใช้เวลาที่คุ้มค่า ส่วนในด้ารลบ เช่น การจัดสรรเวลาไม่เหมาะสม เสียการเรียน การงาน ใช้จ่ายเกินตัว อาจมีการวมตัวเป็นกลุ่มศัตรู คู่แข่งจำนไปสู่การทะเละวิวาท
คำว่า "แฟน" (fan) น้้นเรียกกันกว้างๆ ว่าแฟนศึกษา (fan studies) ซึ่่งงานศึกษาใจนลักษณะดังกล่าวจำนวนหนึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะบลตราบาปที่แต่เดิม คำว่า "แฟน" มักจะถูกมองว่าเป็นพวกคลั่งไคล้-ไร้เหตุผล เดิมคำว่า fan มาจากคำว่า fanatic ซึ่งมีรากมาจากภาษาลาตินว่า fanaticus ซึ่งหมายถึงการเป็นส่วนหนึ่งของวัด ผุ้อุทิศตนให้กับวัด หรือสาวก ทำให้คำนี้ถูกตีความไปในแง่ลยว่าเป็นผุ้ที่ถูกชักจูงไปโดยพิธีกรรมอันเกี่ยวกับความมัวเมาลุ่มหลงและความสรัทธาอยางบ้าคลั่ง คำว่า "แฟน" ถึกนำมาใช้ครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จากนักข่าวที่กล่าวถึงกลุ่มผุ้คลังไคล้ในทีมกีฬาต่าง ๆ โดยเฉพาะเบสบอลอาชีพ ในช่วงที่มีความเปลี่ยนแปลงจากแฟนที่เคยเป็นผู้ที่มีส่่วนร่วมและมีอิทะิพลกับสโใสรได้กลายเป็นเพียงแค่ผู้ชมที่ถูกมองว่าไม่มีส่วนร่วม
มีผุ้เสนอว่า "แฟน" เป็นเครื่องสะท้อนการบริโภคและวัฒนธรรมสมัยนิยม ลักาณะประการหนึ่งของแฟนที่สำคัญ คือมิติของการเป็นผุ้บริโภค ในการศึกาามิติทางการบริโภคของแฟนนั้น
ในปี 1992 มีผุ้พัฒนาการศึกษามนุษย์ในฐานะผุ้ปฏิบัติการตามแนวคิด เรื่อง "การฉกฉวย" แนวคิดนี้เสนอให้มองความสัมพันะ์เชิงอำนาจระหวางผู้เขียน-ผุ้อ่าน ที่อำนาจของผุ้เขียนไม่สามารถควบคุมลักษระและความหมายในการอ่านของผุ้อ่านได้ทั้งหมด แต่การตีความและการทำความเข้าใจต่อตัวบทนั้นได้ให้อำนาจส่วนหนึ่งแก่ผุ้อ่นมาด้วย ซึ่งมีผุ้พัฒนาต่อไปอีกว่า เพียงแค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อการศึกษา "แฟน" ผุ้รับสื่อ เพราะอำนาจในการตีความของผุ้อ่านและอำนาจของผู้เขียนนั้น เป็นอำนาจในคนละแบบกัน เขาเสนอว่า ให้มองในลักษณะเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่าวชาวนา กับเจ้าที่ดิน ซึ่งชาวนามีเครื่องมือต่อรองสำคัญต่อเจ้าที่ดินคือการรวมกลุ่มทำให้มีอำนาจต่อรองมากขึ้นกว่าแค่การตีความ ในแง่นี้แล้วก็คือ การมองถึงศักยภาพมนการตีความของ "แฟน" ที่มีต่อตัวบท และศักยภาพของแฟนในการรวมกลุ่มกัน เป็น "ชุมชนแฟน" มีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิต ซึ่งชี้ให้เห็นการบริโภค ที่ชี้ให้เห็นว่่า "การบริโภคสินค้าดั้งเดิม นั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเร่ิมต้นในกระบวนการบริโภค" และการใส่ใจพิจารณากระบวนการบริโภคนี้สามารถที่จะทำให้เห็นบทบาทอื่นๆ ของแฟนนอกจากการเป็นผุ้บริโภคเพียงอย่างเดียว รวมไปถึงรูปแบบการบริโภคใหม่ๆ นอกจากตคัวสินค้าดั้งเดิมได้...บางส่วนจาก "แฟนบอลมันมีอะไรมากกว่าดูบอล : ปฏิบัติการสร้างวัฒนธรรมของการมีส่วนร่วมของแฟนสโมสรฟุตบอลไทย. โดย อาจินต์ ทองอยู่คง.
ต่อไปนี้เป็น 5 อันดับทีมสโมสรยุโรปที่มีแฟนบอลมากที่สุด (พ.ศ.2559)
อันดับ 5 อาร์เซนอล
ยอดผุ้ติดตามสื่อออนไลน์ 41.5 ล้าน (facebook&twitter)
ยอดผุ้ชมผ่านทีวี ประมาณ 29 ล้านต่อฤดูกาล (นับเฉพาะในอังกฤษเท่านั้น)
ยอดขายเสื้อบอล ขายได้ 850,000 ตัว ในปี 2015
สปอนเซอร์ Puma 30 ล้านปอนด์ต่อปี Fly Emirates 30 ล้านปอนด์ต่อปี (รวมถึงสิทธิตั้งชือสนาม)
อาร์เซนอลเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพภายใต้การคุมทีมของเวนเกอร์ และพวกเขาเหมือนจะได้แชมป์มาตลอด 10 ปี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ ยอดผู้ติดตามในโลกออนไลน์ของอาร์เซนอล นับได้ได้ประมาณ 42 ล้านซึ่งเป็นจำนวนที่ดีมาก พวกเขาเป็นรองแต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้น
อันดับ 4 เชลซี
ยอดผู้ติดตามสือออนไลน์ 50 ล้าน (เฟสบุคและทวิตเตอร์)
ยอดขายเสื้อ 900,000 ตัวในปี 2015
สปอนเซอร์ อาดิดาส 30 ล้านปอนด์ต่อปี โยโกฮาม่า ทีรส 40 ล้านปอนด์ต่อปี และยังมีสปอนเซอร์จากรัสเซียและเอเชียอีกมากมาย
ใน 10-12 ปีมานี้ นับตั้งแต่โรมัน อับราโมวิช ได้เข้ามาซื้อเชลซี ทีมของเขาก็ได้เติบโตเป็นทีมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษตั้งแต่ปี 2004 เชลซีได้คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 3 ครั้ง รวมถึงถ้วยแชมป์เปียนส์ลีก ยูโรป้า ลีก และถ้วยในประเทศอีกด้วย ความนิยมของพวกเขาก็เพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ
อันดับ 3 เอฟซี บาร์เซโลน่า
ผู้ติดตามสื่อออนไลน์ 100 ล้าน (เฟสบุคและทวิตเตอร์)
ยอดผู้ชม่ผ่านที่วี บาร์เซโลน่ามีช่องทีวีเป็นของตนเอง ซึ่งถ่ายทอดทั่วโลก
ยอดขายเสื้อบอล ประมาณ 1 ล้านตัวในปี 2015
สปอนเซอร์ ไนกี้ 28 ล้านปอนด์ต่อปี ควอต้า แอร์ไลน์ 27 ล้านปอนด์ต่อปี และสปอนเซอร์อื่นๆ อีกมากมาย บาร์เซโลน่าเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน 10 ปีที่ผ่านมา คว้าแชมป์ีลีกมา 3 ครั้งและครองตำแหน่งเต็งใน ลาลีก้า ลีก มาตลอด ในปีที่ผ่านมาเขาสามารถคว้าแขมป์ถ้วยแชมป์ เปียนส์ลีก, ลาลีก้า สเปน และโคป้า เอ เลย์ มาครองได้ รวมถึงยูฟ่า ซูเปอร์คัฟ ด้วย
บาเซโลน่าเป็นที่มีที่ยอดตามในดลออกนไลน์ที่มากกว่า 100 ล้านคน แมทช์แข่งขันเรอัลมาดริค ปะทะ บาร์เซโลน่า 8 ครั้ง ได้ติดอันดบ 10 อันดับแมทซ์ที่มีผุ้ชมเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ยอดขายเสื้อนั้นน้อยกว่า แมดริค และแมนยู
อันดับ 2 เรอัล มาดริค
ยอดผุ้ติดตามสือออนไลน์ 100 ล้านคน (เฟสบุคและทวิตเตอร์)
ยอดผู้ชมผ่านทีวี มีช่องเป็นของตัวเอง
ยอดขายเสื้อ ประมาณ 1 ล้านตัวต่อปี
สปอนเซอร์ อาดิดาส 34 ล้านปอนด์ ต่อปี ฟลาย อีมิเลส 20 ล้านปอนด์ต่อปี และสปอนเซอร์อื่นๆ อีกมากมาย เรอัล มาดริคเป็นทีมที่รวมมาก เนื่องด้วยความสำเร็จของพวกเขาเองที่คว้าแชมป์มาแล้ว 63 รางวัล รวมถึง 10 แชมป์ยุโรปและเป็นแชมป์ลีกมากที่สุด เรอัล มาตริดกลายเป็นทีมรวยที่สุดแทนที่แมนเชสเตอร์ยู่ไนเต็ด
อันดับ 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ยอดผู้ติดตามสื่ออนไลน์ 75 ล้านคน
ผุ้ชมผ่านทีวี 52%ของยอดผู้ชมพรีเมียร์ ลีกทัี่วโลก
ยอดขายเสื้อ ประมาณ 1.2-1.6 ล้านตัวต่อปี (ในรอบ 5 ปี)
สปอนเซอร์ อาดิดาส 75 ล้านปอนด์ต่อปี, เชฟโรเลต 53 ล้านปอนด์ต่อปี และสปอนเซอร์อีกมากมายทั่วดลกแม้ว่าเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่าเร่ิมเบียดแมนยูฯ มาใกล้เรื่อยๆ แล้ว แต่แมยูยังคงครองโลกของฟุตบอลสโมสรอยู่ แน่นอนว่าเป็นเพียงตัวเลขคร่าวๆ แต่ถ้าเป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการ พวกเขามีแฟนคลับมากกว่า เรอัล มาดริคกับบาณ์เซโลน่่าถึงสองเท่า
https://pepperrr.net/th/articles/473
ด้านดีของแฟนคลับ คือ ช่วยให้มีเืพ่อมีสังคมใหม่ ที่ข่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วยในกปลดปล่อยอารมณ์ และช่วยนำไปสู่การทำกิจกรรมดีๆ สร้างสรรค์สังคม เป้ฯการใช้เวลาที่คุ้มค่า ส่วนในด้ารลบ เช่น การจัดสรรเวลาไม่เหมาะสม เสียการเรียน การงาน ใช้จ่ายเกินตัว อาจมีการวมตัวเป็นกลุ่มศัตรู คู่แข่งจำนไปสู่การทะเละวิวาท
คำว่า "แฟน" (fan) น้้นเรียกกันกว้างๆ ว่าแฟนศึกษา (fan studies) ซึ่่งงานศึกษาใจนลักษณะดังกล่าวจำนวนหนึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะบลตราบาปที่แต่เดิม คำว่า "แฟน" มักจะถูกมองว่าเป็นพวกคลั่งไคล้-ไร้เหตุผล เดิมคำว่า fan มาจากคำว่า fanatic ซึ่งมีรากมาจากภาษาลาตินว่า fanaticus ซึ่งหมายถึงการเป็นส่วนหนึ่งของวัด ผุ้อุทิศตนให้กับวัด หรือสาวก ทำให้คำนี้ถูกตีความไปในแง่ลยว่าเป็นผุ้ที่ถูกชักจูงไปโดยพิธีกรรมอันเกี่ยวกับความมัวเมาลุ่มหลงและความสรัทธาอยางบ้าคลั่ง คำว่า "แฟน" ถึกนำมาใช้ครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จากนักข่าวที่กล่าวถึงกลุ่มผุ้คลังไคล้ในทีมกีฬาต่าง ๆ โดยเฉพาะเบสบอลอาชีพ ในช่วงที่มีความเปลี่ยนแปลงจากแฟนที่เคยเป็นผู้ที่มีส่่วนร่วมและมีอิทะิพลกับสโใสรได้กลายเป็นเพียงแค่ผู้ชมที่ถูกมองว่าไม่มีส่วนร่วม
มีผุ้เสนอว่า "แฟน" เป็นเครื่องสะท้อนการบริโภคและวัฒนธรรมสมัยนิยม ลักาณะประการหนึ่งของแฟนที่สำคัญ คือมิติของการเป็นผุ้บริโภค ในการศึกาามิติทางการบริโภคของแฟนนั้น
ในปี 1992 มีผุ้พัฒนาการศึกษามนุษย์ในฐานะผุ้ปฏิบัติการตามแนวคิด เรื่อง "การฉกฉวย" แนวคิดนี้เสนอให้มองความสัมพันะ์เชิงอำนาจระหวางผู้เขียน-ผุ้อ่าน ที่อำนาจของผุ้เขียนไม่สามารถควบคุมลักษระและความหมายในการอ่านของผุ้อ่านได้ทั้งหมด แต่การตีความและการทำความเข้าใจต่อตัวบทนั้นได้ให้อำนาจส่วนหนึ่งแก่ผุ้อ่นมาด้วย ซึ่งมีผุ้พัฒนาต่อไปอีกว่า เพียงแค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อการศึกษา "แฟน" ผุ้รับสื่อ เพราะอำนาจในการตีความของผุ้อ่านและอำนาจของผู้เขียนนั้น เป็นอำนาจในคนละแบบกัน เขาเสนอว่า ให้มองในลักษณะเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่าวชาวนา กับเจ้าที่ดิน ซึ่งชาวนามีเครื่องมือต่อรองสำคัญต่อเจ้าที่ดินคือการรวมกลุ่มทำให้มีอำนาจต่อรองมากขึ้นกว่าแค่การตีความ ในแง่นี้แล้วก็คือ การมองถึงศักยภาพมนการตีความของ "แฟน" ที่มีต่อตัวบท และศักยภาพของแฟนในการรวมกลุ่มกัน เป็น "ชุมชนแฟน" มีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิต ซึ่งชี้ให้เห็นการบริโภค ที่ชี้ให้เห็นว่่า "การบริโภคสินค้าดั้งเดิม นั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเร่ิมต้นในกระบวนการบริโภค" และการใส่ใจพิจารณากระบวนการบริโภคนี้สามารถที่จะทำให้เห็นบทบาทอื่นๆ ของแฟนนอกจากการเป็นผุ้บริโภคเพียงอย่างเดียว รวมไปถึงรูปแบบการบริโภคใหม่ๆ นอกจากตคัวสินค้าดั้งเดิมได้...บางส่วนจาก "แฟนบอลมันมีอะไรมากกว่าดูบอล : ปฏิบัติการสร้างวัฒนธรรมของการมีส่วนร่วมของแฟนสโมสรฟุตบอลไทย. โดย อาจินต์ ทองอยู่คง.
ต่อไปนี้เป็น 5 อันดับทีมสโมสรยุโรปที่มีแฟนบอลมากที่สุด (พ.ศ.2559)
อันดับ 5 อาร์เซนอล
ยอดผุ้ติดตามสื่อออนไลน์ 41.5 ล้าน (facebook&twitter)
ยอดผุ้ชมผ่านทีวี ประมาณ 29 ล้านต่อฤดูกาล (นับเฉพาะในอังกฤษเท่านั้น)
ยอดขายเสื้อบอล ขายได้ 850,000 ตัว ในปี 2015
สปอนเซอร์ Puma 30 ล้านปอนด์ต่อปี Fly Emirates 30 ล้านปอนด์ต่อปี (รวมถึงสิทธิตั้งชือสนาม)
อาร์เซนอลเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพภายใต้การคุมทีมของเวนเกอร์ และพวกเขาเหมือนจะได้แชมป์มาตลอด 10 ปี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ ยอดผู้ติดตามในโลกออนไลน์ของอาร์เซนอล นับได้ได้ประมาณ 42 ล้านซึ่งเป็นจำนวนที่ดีมาก พวกเขาเป็นรองแต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้น
อันดับ 4 เชลซี
ยอดผู้ติดตามสือออนไลน์ 50 ล้าน (เฟสบุคและทวิตเตอร์)
ยอดขายเสื้อ 900,000 ตัวในปี 2015
สปอนเซอร์ อาดิดาส 30 ล้านปอนด์ต่อปี โยโกฮาม่า ทีรส 40 ล้านปอนด์ต่อปี และยังมีสปอนเซอร์จากรัสเซียและเอเชียอีกมากมาย
ใน 10-12 ปีมานี้ นับตั้งแต่โรมัน อับราโมวิช ได้เข้ามาซื้อเชลซี ทีมของเขาก็ได้เติบโตเป็นทีมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษตั้งแต่ปี 2004 เชลซีได้คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 3 ครั้ง รวมถึงถ้วยแชมป์เปียนส์ลีก ยูโรป้า ลีก และถ้วยในประเทศอีกด้วย ความนิยมของพวกเขาก็เพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ
อันดับ 3 เอฟซี บาร์เซโลน่า
ผู้ติดตามสื่อออนไลน์ 100 ล้าน (เฟสบุคและทวิตเตอร์)
ยอดผู้ชม่ผ่านที่วี บาร์เซโลน่ามีช่องทีวีเป็นของตนเอง ซึ่งถ่ายทอดทั่วโลก
ยอดขายเสื้อบอล ประมาณ 1 ล้านตัวในปี 2015
สปอนเซอร์ ไนกี้ 28 ล้านปอนด์ต่อปี ควอต้า แอร์ไลน์ 27 ล้านปอนด์ต่อปี และสปอนเซอร์อื่นๆ อีกมากมาย บาร์เซโลน่าเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน 10 ปีที่ผ่านมา คว้าแชมป์ีลีกมา 3 ครั้งและครองตำแหน่งเต็งใน ลาลีก้า ลีก มาตลอด ในปีที่ผ่านมาเขาสามารถคว้าแขมป์ถ้วยแชมป์ เปียนส์ลีก, ลาลีก้า สเปน และโคป้า เอ เลย์ มาครองได้ รวมถึงยูฟ่า ซูเปอร์คัฟ ด้วย
บาเซโลน่าเป็นที่มีที่ยอดตามในดลออกนไลน์ที่มากกว่า 100 ล้านคน แมทช์แข่งขันเรอัลมาดริค ปะทะ บาร์เซโลน่า 8 ครั้ง ได้ติดอันดบ 10 อันดับแมทซ์ที่มีผุ้ชมเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ยอดขายเสื้อนั้นน้อยกว่า แมดริค และแมนยู
อันดับ 2 เรอัล มาดริค
ยอดผุ้ติดตามสือออนไลน์ 100 ล้านคน (เฟสบุคและทวิตเตอร์)
ยอดผู้ชมผ่านทีวี มีช่องเป็นของตัวเอง
ยอดขายเสื้อ ประมาณ 1 ล้านตัวต่อปี
สปอนเซอร์ อาดิดาส 34 ล้านปอนด์ ต่อปี ฟลาย อีมิเลส 20 ล้านปอนด์ต่อปี และสปอนเซอร์อื่นๆ อีกมากมาย เรอัล มาดริคเป็นทีมที่รวมมาก เนื่องด้วยความสำเร็จของพวกเขาเองที่คว้าแชมป์มาแล้ว 63 รางวัล รวมถึง 10 แชมป์ยุโรปและเป็นแชมป์ลีกมากที่สุด เรอัล มาตริดกลายเป็นทีมรวยที่สุดแทนที่แมนเชสเตอร์ยู่ไนเต็ด
อันดับ 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ยอดผู้ติดตามสื่ออนไลน์ 75 ล้านคน
ผุ้ชมผ่านทีวี 52%ของยอดผู้ชมพรีเมียร์ ลีกทัี่วโลก
ยอดขายเสื้อ ประมาณ 1.2-1.6 ล้านตัวต่อปี (ในรอบ 5 ปี)
สปอนเซอร์ อาดิดาส 75 ล้านปอนด์ต่อปี, เชฟโรเลต 53 ล้านปอนด์ต่อปี และสปอนเซอร์อีกมากมายทั่วดลกแม้ว่าเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่าเร่ิมเบียดแมนยูฯ มาใกล้เรื่อยๆ แล้ว แต่แมยูยังคงครองโลกของฟุตบอลสโมสรอยู่ แน่นอนว่าเป็นเพียงตัวเลขคร่าวๆ แต่ถ้าเป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการ พวกเขามีแฟนคลับมากกว่า เรอัล มาดริคกับบาณ์เซโลน่่าถึงสองเท่า
https://pepperrr.net/th/articles/473
วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561
Industry Football League
ผลแพ้ชนะอาจจะไม่ใช่แค่ผลจากการทุ่มเทของนักกีฬาทั้งสองทีมและการวางแผนเล่นอย่างชาญฉลาด เพราะถ้าหากรวมนวัตกรรมและศาสตร์การบริหารที่รอบด้าแล้ว "ฟุตบอล" ก็สามารถกลายเป็น
อุตสาหกรรมพิเศษที่นอกจากจะมีมูลค่ามหาศาล ยังสามารถทำให้คนบัลล้านหัวเราะหรือหลังน้ำตาได้ในเวลาเดียวกัน ครั้งหนึ่งที่ลูกหนงทรงกลมสีน้ำตาลเคยทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการออกกำลัีงของทหารจีน และเป็นเกมการเล่นเพื่อความบันเทิงของชาวกรีก ก่อนที่จะุถุกถ่ยทอดไปยังจักรวรรดิโรมันและเผยแพระเกมการเล่นนี้ไปทั่วยุโรปจนะเป็นกำเนิดฟุตบอลสมัยใหม่ ซึ่งได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นกีฬาที่เป็นกีฬาทีมีผู้เล่นมากที่สุดในโลก
อาชีพนักฟุตบอลเร่ิมเป็นรูปเป็นร่างชึ้นในประเทศอังกฤษจนมีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด ฟุตบอล คลับ ขึ้นในปี 1857 และการตั้งสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ซึงนำไปสู่เกมการแข่งขันที่มีกติการและการจ่ายค่าตัวให้กับผุ้เล่น รวมไปถึงการเกิดขึ้นของความสัมพันธ์อันแบแน่นระหว่างสโมสรและแฟนบอลในท้องถ่ิน จนเมื่อเทคโนโลยีการถ่ายทอดผ่านื่อสุกงอมพอที่จะทำให้คนทั้งโลกได้ชมการแข่งขันฟุตบอลพร้อมกัน ความแนพแน่นเหล่านี้ก็ถูกขยายไปยังคนนอกพื้นที่มากขึ้น และกลายเป็นจุดเร่ิมต้นของธรุกิจ
ความหลงไหลที่มีต่อเกมกาแข่งขันและทัีมบอลทำให้สโมสรมีรายได้จาการขายตั๋วที่แนนอนและสามารถขยายธุรกิจไปสู่การขายสินค้าที่ระชึก รวมถึงการสร้างรายได้จากการถ่ายทอดสด วึ่งเป้นปหล่งรายได้ที่
สำคัญของสโมสรชั้นนำทีทำเงินสูงสุด 3 อันดับแรก คื อเรอัล มาดริค, เอฟซี บาร์เซโลนา, และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้รายงานของมินเท็ล บริษัทวิจัยที่มีชื่อสเียงดังกล่ววยังคาดการณ์ด้วยว่า ตลาดฟุตบอลของอังกฤษจะมีมูลค่าเกิน 3 พันล้านยูโร (120 พันล้านบาท) ในอีก 18 เดือนข้างหน้า ภายหลังจากที่มีอัตราการเติบโตของรายรับเกินร้อยละ 50 มาตั้งแต่ปี 2005 เพราะผลจากใช้จ่ายต่อหัวที่เพ่ิมขึ้นในวันแข่ง กิจกรรมเชิงพาณิชย์ และรายได้จากลิขสิทธิ์ของการถ่ายทอดที่เพ่ิมมากขึ้นจากทั้งในและต่างประเทศ
นักวิเคราะห์ส่วนใหย่เห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า "เดวิด เบ็กแฮม" เป็นปรากฎการณ์ทางการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในต้นศตวรรษที่ 21 เขาเป็นคนแรกที่สร้างเทรนด์ใหม่ให้กับนักกีฬาที่มีภาพลักษณของการใส่ใจตัวเองใหดุดีตั้งแต่สื้อผ้าและทรงผม" รายงานจากศูนย์วิจัยด้านการบริหาร ระบุในรายงานกรณีศึกษาเรื่อง "เดอะ เดวิด เบ็กแฮม แบรนด์" และนั่นคึงเป้นเหตุผลว่านหนึ่งที่บรรดาโฆษณาสินค้าซึ่งเคยจำเสนอแต่ภาพนักเตะในชุดเสื้อทีมกับสินค้าด้านกีฬาและเครื่องดื่มจึงเบนไปสู่สินค้าที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นมากขึ้น..http://www.tcdc.or.th/creativethailand/article/CoverStory/20160
ในขณะเดียวกัน กิจกรรมที่ก่อให้เกดรายได้ของสโมสรเหล่านี้ยังเป็นเสมือนเครื่องมือในการักษและขยายฐานแฟนบอลทั้งที่มีความหลงไหลอย่างจริงจัง และแฟนๆ ที่เร่ิมให้ความสนใจในกีฬาฟุตบอลที่เพ่ิมจำนวนมากขึ้น ทังจากการถ่ายทอดสดการแข่งขันที่ครอบคลุมหลายประเทศและการขายของที่ระลึกซึ่งล้วนเป้นการสร้างความรู้สึกใการเป็นส่วนหนึ่งของทีัมจากการได้ติดตามชมการแข่งขัน และครอบครองสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ เสื้อทีม รวมถึงการได้ไปเหยียบย่างในสนามแข่งของสโมสร และที่ขาดไม่ได้คือการได้พบกับนักเตะคนสำคัญในการเดินสายโชว์ตัว
อุตสาหกรรมพิเศษที่นอกจากจะมีมูลค่ามหาศาล ยังสามารถทำให้คนบัลล้านหัวเราะหรือหลังน้ำตาได้ในเวลาเดียวกัน ครั้งหนึ่งที่ลูกหนงทรงกลมสีน้ำตาลเคยทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการออกกำลัีงของทหารจีน และเป็นเกมการเล่นเพื่อความบันเทิงของชาวกรีก ก่อนที่จะุถุกถ่ยทอดไปยังจักรวรรดิโรมันและเผยแพระเกมการเล่นนี้ไปทั่วยุโรปจนะเป็นกำเนิดฟุตบอลสมัยใหม่ ซึ่งได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นกีฬาที่เป็นกีฬาทีมีผู้เล่นมากที่สุดในโลก
อาชีพนักฟุตบอลเร่ิมเป็นรูปเป็นร่างชึ้นในประเทศอังกฤษจนมีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด ฟุตบอล คลับ ขึ้นในปี 1857 และการตั้งสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ซึงนำไปสู่เกมการแข่งขันที่มีกติการและการจ่ายค่าตัวให้กับผุ้เล่น รวมไปถึงการเกิดขึ้นของความสัมพันธ์อันแบแน่นระหว่างสโมสรและแฟนบอลในท้องถ่ิน จนเมื่อเทคโนโลยีการถ่ายทอดผ่านื่อสุกงอมพอที่จะทำให้คนทั้งโลกได้ชมการแข่งขันฟุตบอลพร้อมกัน ความแนพแน่นเหล่านี้ก็ถูกขยายไปยังคนนอกพื้นที่มากขึ้น และกลายเป็นจุดเร่ิมต้นของธรุกิจ
ความหลงไหลที่มีต่อเกมกาแข่งขันและทัีมบอลทำให้สโมสรมีรายได้จาการขายตั๋วที่แนนอนและสามารถขยายธุรกิจไปสู่การขายสินค้าที่ระชึก รวมถึงการสร้างรายได้จากการถ่ายทอดสด วึ่งเป้นปหล่งรายได้ที่
สำคัญของสโมสรชั้นนำทีทำเงินสูงสุด 3 อันดับแรก คื อเรอัล มาดริค, เอฟซี บาร์เซโลนา, และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้รายงานของมินเท็ล บริษัทวิจัยที่มีชื่อสเียงดังกล่ววยังคาดการณ์ด้วยว่า ตลาดฟุตบอลของอังกฤษจะมีมูลค่าเกิน 3 พันล้านยูโร (120 พันล้านบาท) ในอีก 18 เดือนข้างหน้า ภายหลังจากที่มีอัตราการเติบโตของรายรับเกินร้อยละ 50 มาตั้งแต่ปี 2005 เพราะผลจากใช้จ่ายต่อหัวที่เพ่ิมขึ้นในวันแข่ง กิจกรรมเชิงพาณิชย์ และรายได้จากลิขสิทธิ์ของการถ่ายทอดที่เพ่ิมมากขึ้นจากทั้งในและต่างประเทศ
นักวิเคราะห์ส่วนใหย่เห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า "เดวิด เบ็กแฮม" เป็นปรากฎการณ์ทางการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในต้นศตวรรษที่ 21 เขาเป็นคนแรกที่สร้างเทรนด์ใหม่ให้กับนักกีฬาที่มีภาพลักษณของการใส่ใจตัวเองใหดุดีตั้งแต่สื้อผ้าและทรงผม" รายงานจากศูนย์วิจัยด้านการบริหาร ระบุในรายงานกรณีศึกษาเรื่อง "เดอะ เดวิด เบ็กแฮม แบรนด์" และนั่นคึงเป้นเหตุผลว่านหนึ่งที่บรรดาโฆษณาสินค้าซึ่งเคยจำเสนอแต่ภาพนักเตะในชุดเสื้อทีมกับสินค้าด้านกีฬาและเครื่องดื่มจึงเบนไปสู่สินค้าที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นมากขึ้น..http://www.tcdc.or.th/creativethailand/article/CoverStory/20160
ในขณะเดียวกัน กิจกรรมที่ก่อให้เกดรายได้ของสโมสรเหล่านี้ยังเป็นเสมือนเครื่องมือในการักษและขยายฐานแฟนบอลทั้งที่มีความหลงไหลอย่างจริงจัง และแฟนๆ ที่เร่ิมให้ความสนใจในกีฬาฟุตบอลที่เพ่ิมจำนวนมากขึ้น ทังจากการถ่ายทอดสดการแข่งขันที่ครอบคลุมหลายประเทศและการขายของที่ระลึกซึ่งล้วนเป้นการสร้างความรู้สึกใการเป็นส่วนหนึ่งของทีัมจากการได้ติดตามชมการแข่งขัน และครอบครองสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ เสื้อทีม รวมถึงการได้ไปเหยียบย่างในสนามแข่งของสโมสร และที่ขาดไม่ได้คือการได้พบกับนักเตะคนสำคัญในการเดินสายโชว์ตัว
วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561
Politics Football
เหตุผลที่ความนิยมฟุตบอลกระจุกอยู่ที่ฟุตบอลยุโรป คือนักเตะเก่งๆ จากทวีปอื่นอื่นก้ฒาเล่นในลีกยุโรป จึงไม่ต้องดูที่ือน ประกอบกับ พลังอื่นๆ ที่คอยส่งเสริมกันไป เช่น ภาษา เวลา สือผลักดัน และวัฒนธรรม คือการมีสังคมคนดูฟุตบอล และมันคือีอนเน็กช้นในการพูดคุย
รูปแบบการเล่นของแต่ละทีมสะท้อนวิธีชีวิตของแต่ลชาติค่อนข้างชัดเจน อาทิ
อิตาลี เป็นศิลปิน มีลีลา ค่อนข้างขีเกียจ อยากเล่นก็เล่นไม่อยากเล่นก็เล่น
สเปน สนุกสนานร่าเริง ชิล ไม่ค่อยมีวินัยมัวัฒนธรรมการนอนกลางวัน แต่ชอบทำอะไรให้คนเห็นว่าเจ๋ง จะเห็นว่าฟุตบอลสเปนมีเทคนิค มีความแม่นยำ ยึดมั่นกับฟุตบอลพาสซิ่งเกมมาตลอด
เยรมัน มีวินัย นับผิดชอบ แข็งแร่ง อาจจะมไ่สวยงาน แต่หวังผลได้ ไม่ยอมแพ้คำว่าเครื่องจักรอิบายความเยอรมันได้ดี
ฝรั่งเศส โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า "แม้ฝรั่งเศสจะมีความยูนีคมาก แต่ทีมบอลวฝรั่งเศสเล่นแบบปั้นเทพเจ้าขึ้นมา เป็นศูนย์รวมของทีม และนักเตะทั้งทีมมีหน้าที่ ซัพพอร์ตเทพเจ้า
https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1466362099
"ตอนทีมฮอลแลนด์แพ้ คนฮอลแลนด์บอกว่ามันสะท้อนวิถีชีวิต คนเยอรมันตึงตลอด ขณะที่ฮอลแลนด์ชิล การที่ฮอลแลนด์ชนะมันสะท้อนว่า สบายๆ แบบฮอลแลนด์ก็ชนะเยอมนได้ ในขณะเดียวกันเยอรมันบอกว่าดัตช์เหลาะแหละส่วนชาติที่ชนะเยรมันตอลดคือ อิตาลี ฉะนั้นคนอิตาลีจึงภุมิใจว่าไม่ต้องตึงตลอดเวลาเหมือนเยอรมันก็ชนะได้ถ้ามีความคิดสร้างสรรค์"
ยูโร 2016 วุ่น สะท้อนการเมือง-สังคมอียู วิกฤต
ในขณะที่อังกฤษกำลังยุ่งกับการประชามติ "บรีซิสท์" ชาวอังกฤษอีกส่วนก็เข้าไปสร้างความวุ่นวายในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มหกรรมบอลยูโรมีแต่เหตุแฟนบอลตีกัน เรื่องนี้สะท้อนสภาพการเมืองและสังคนยุโรปอย่างไร
บรรยากาศการแข่งขันแม้ผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ก็เป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก แต่แทนที่ปัญหาจะเกิดจาปัจจัยที่รัฐบาลกังวลอย่างเหตุก่อการร้าย น้ำท่วม หรือการประท้วงจากสหภาพแรงงาน เรื่องที่กลายเป็นพาดหัวข่าวไปทั่วโลกกับกลายเป็นการปะทะกันอย่างต่อเนื่องและรุนแรงระหว่างแฟนบอล โดยเฉพาะอังกฤษกับรัสเซีย ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองมาร์กเซย และเมืองลีลล์ 2 ใน 10 เมืองที่ใช้เป็นสถานที่แข่งขันฟุตบอลยูโร
แน่นอนว่าสาเหตุที่แฟนบอลอังกฤษกับรัสเซียมีปัญหามากว่าชาติอื่นๆ เป็รนเพราะทั้ง 2 ปผระเทศขึ้นชื่อยู่แล้วในเรื่องการมีแฟนบอลหัวรุนแรงชาตินิยมสุดโต่ง ฝั่งอังกฤษก็คือกลุ่มแฟนบอลที่ถุกขนานนามว่า "ฮูลิแกน" ส่วนฝั่งรัสเซีย ก็มีแฟนบอลกลุ่มอัลตรา ที่ดุดันและนิยมใช้ความรุนแรงไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ แฟนบอลอังกฤษยังเข้ามาชมการแข่งขันบอลยูดรปีนี้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากทั้งมา์กเซย และลีลล์อยู่ไม่ไกลจากขายแดนอังกฤษมากนัก เดินทางได้สะดวกง่ายดายเพียงข้ามช่องแคบอังกฤษจึงไม่แปลกที่เมือมีแฟนบอลหัวรุนแรงแออัดหนาแน่นกันอยู่ในสอบเมืองเล็กๆ การปะทะกันถึงขึ้นจลาจลจึงพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุขณะ
แต่ปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ในเหตุรุนแรงและการทำร้ายกันของแฟนบอล ก็คือการเมืองและสภาพสังคมที่ตึงเครยดของยุโรป สถานกาณณ์ระหว่างอังกฤษกับอียูไม่ดีนักอยู่แล้วจากการทำประชติ บริทริซท์ ที่อังกฤษจะตัดสินใจอยู่หรือไปจากอียู การถกเถียงกัีนในเรื่องนี้ปลุกเร้ากระแสต่อต้านยุโรปและชาตินิยมสุดโต่งให้เข้มข้นรุนแรงขึ้นในอังกฤษ เมื่อมาเจอกับแฟนบอลรัศเวีย ที่มีความชาตินิยมสูงมาก และมีประเด็นการเมืองขัดแย้งกับสหภาพยุโรปอยู่แล้งจขากการถูกคว่ำบาตในกรณีการผนวกรวมยูเครนโดยไม่ชอบธรรม การกระทบกระทั่งกันจึงเกิดขึ้นและบานปลายได้ง่าย
นอกจากอังกฤษและรัสเซีย สถานการณ์ทั่วไปในชาติอื่นๆ ของยุโรปก็ไม่ได้ดีกว่ากันนัก
ฝรั่งเศสและเยอรมนี ต่างก็เผชิญกับกระแสขวาสุดโต่งที่โหมกระฟือขึนมาจากวิกฤตผู้อพยพลี้ภัยและความหวาดกลัวภัยก่อการร้าย ยังไม่นับสภาพเศราฐกิจที่ยังตกต่ำเรื้อรัง ทำให้ความตงเครียดในสังคมที่สูง ความหวาดระแวงชาวต่างชาติเพ่มิขึ้น และความอดทนต่อความแตกต่างทางวัฒนธรรมก็ลดน้อยลงอย่างมาก
เหตุวุ่นวาย ที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถุากมอางว่าเป็นภาพสะท้อนของสังคมยุโรปปัจจุบัน ที่คุณค่าประชาธิไตยและการเคาพรสิทธิเสรีภาพ ถูกท้าทายด้วยความเกลียดกลัวภัยคุกคามต่าง ๆจนนาสงสัยว่าในอนาคตอันใกล้ โฉมหน้าของยุโรปจะกลายเป็นเมืองจลาลจแบบมาร์กเซยและลีลล์ในช่วงบอลยูโรหรือไม่...https://www.voicetv.co.th/read/378165
รูปแบบการเล่นของแต่ละทีมสะท้อนวิธีชีวิตของแต่ลชาติค่อนข้างชัดเจน อาทิ
อิตาลี เป็นศิลปิน มีลีลา ค่อนข้างขีเกียจ อยากเล่นก็เล่นไม่อยากเล่นก็เล่น
สเปน สนุกสนานร่าเริง ชิล ไม่ค่อยมีวินัยมัวัฒนธรรมการนอนกลางวัน แต่ชอบทำอะไรให้คนเห็นว่าเจ๋ง จะเห็นว่าฟุตบอลสเปนมีเทคนิค มีความแม่นยำ ยึดมั่นกับฟุตบอลพาสซิ่งเกมมาตลอด
เยรมัน มีวินัย นับผิดชอบ แข็งแร่ง อาจจะมไ่สวยงาน แต่หวังผลได้ ไม่ยอมแพ้คำว่าเครื่องจักรอิบายความเยอรมันได้ดี
ฝรั่งเศส โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า "แม้ฝรั่งเศสจะมีความยูนีคมาก แต่ทีมบอลวฝรั่งเศสเล่นแบบปั้นเทพเจ้าขึ้นมา เป็นศูนย์รวมของทีม และนักเตะทั้งทีมมีหน้าที่ ซัพพอร์ตเทพเจ้า
https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1466362099
"ตอนทีมฮอลแลนด์แพ้ คนฮอลแลนด์บอกว่ามันสะท้อนวิถีชีวิต คนเยอรมันตึงตลอด ขณะที่ฮอลแลนด์ชิล การที่ฮอลแลนด์ชนะมันสะท้อนว่า สบายๆ แบบฮอลแลนด์ก็ชนะเยอมนได้ ในขณะเดียวกันเยอรมันบอกว่าดัตช์เหลาะแหละส่วนชาติที่ชนะเยรมันตอลดคือ อิตาลี ฉะนั้นคนอิตาลีจึงภุมิใจว่าไม่ต้องตึงตลอดเวลาเหมือนเยอรมันก็ชนะได้ถ้ามีความคิดสร้างสรรค์"
ยูโร 2016 วุ่น สะท้อนการเมือง-สังคมอียู วิกฤต
ในขณะที่อังกฤษกำลังยุ่งกับการประชามติ "บรีซิสท์" ชาวอังกฤษอีกส่วนก็เข้าไปสร้างความวุ่นวายในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มหกรรมบอลยูโรมีแต่เหตุแฟนบอลตีกัน เรื่องนี้สะท้อนสภาพการเมืองและสังคนยุโรปอย่างไร
บรรยากาศการแข่งขันแม้ผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ก็เป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก แต่แทนที่ปัญหาจะเกิดจาปัจจัยที่รัฐบาลกังวลอย่างเหตุก่อการร้าย น้ำท่วม หรือการประท้วงจากสหภาพแรงงาน เรื่องที่กลายเป็นพาดหัวข่าวไปทั่วโลกกับกลายเป็นการปะทะกันอย่างต่อเนื่องและรุนแรงระหว่างแฟนบอล โดยเฉพาะอังกฤษกับรัสเซีย ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองมาร์กเซย และเมืองลีลล์ 2 ใน 10 เมืองที่ใช้เป็นสถานที่แข่งขันฟุตบอลยูโร
แน่นอนว่าสาเหตุที่แฟนบอลอังกฤษกับรัสเซียมีปัญหามากว่าชาติอื่นๆ เป็รนเพราะทั้ง 2 ปผระเทศขึ้นชื่อยู่แล้วในเรื่องการมีแฟนบอลหัวรุนแรงชาตินิยมสุดโต่ง ฝั่งอังกฤษก็คือกลุ่มแฟนบอลที่ถุกขนานนามว่า "ฮูลิแกน" ส่วนฝั่งรัสเซีย ก็มีแฟนบอลกลุ่มอัลตรา ที่ดุดันและนิยมใช้ความรุนแรงไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ แฟนบอลอังกฤษยังเข้ามาชมการแข่งขันบอลยูดรปีนี้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากทั้งมา์กเซย และลีลล์อยู่ไม่ไกลจากขายแดนอังกฤษมากนัก เดินทางได้สะดวกง่ายดายเพียงข้ามช่องแคบอังกฤษจึงไม่แปลกที่เมือมีแฟนบอลหัวรุนแรงแออัดหนาแน่นกันอยู่ในสอบเมืองเล็กๆ การปะทะกันถึงขึ้นจลาจลจึงพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุขณะ
แต่ปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ในเหตุรุนแรงและการทำร้ายกันของแฟนบอล ก็คือการเมืองและสภาพสังคมที่ตึงเครยดของยุโรป สถานกาณณ์ระหว่างอังกฤษกับอียูไม่ดีนักอยู่แล้วจากการทำประชติ บริทริซท์ ที่อังกฤษจะตัดสินใจอยู่หรือไปจากอียู การถกเถียงกัีนในเรื่องนี้ปลุกเร้ากระแสต่อต้านยุโรปและชาตินิยมสุดโต่งให้เข้มข้นรุนแรงขึ้นในอังกฤษ เมื่อมาเจอกับแฟนบอลรัศเวีย ที่มีความชาตินิยมสูงมาก และมีประเด็นการเมืองขัดแย้งกับสหภาพยุโรปอยู่แล้งจขากการถูกคว่ำบาตในกรณีการผนวกรวมยูเครนโดยไม่ชอบธรรม การกระทบกระทั่งกันจึงเกิดขึ้นและบานปลายได้ง่าย
ฝรั่งเศสและเยอรมนี ต่างก็เผชิญกับกระแสขวาสุดโต่งที่โหมกระฟือขึนมาจากวิกฤตผู้อพยพลี้ภัยและความหวาดกลัวภัยก่อการร้าย ยังไม่นับสภาพเศราฐกิจที่ยังตกต่ำเรื้อรัง ทำให้ความตงเครียดในสังคมที่สูง ความหวาดระแวงชาวต่างชาติเพ่มิขึ้น และความอดทนต่อความแตกต่างทางวัฒนธรรมก็ลดน้อยลงอย่างมาก
เหตุวุ่นวาย ที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถุากมอางว่าเป็นภาพสะท้อนของสังคมยุโรปปัจจุบัน ที่คุณค่าประชาธิไตยและการเคาพรสิทธิเสรีภาพ ถูกท้าทายด้วยความเกลียดกลัวภัยคุกคามต่าง ๆจนนาสงสัยว่าในอนาคตอันใกล้ โฉมหน้าของยุโรปจะกลายเป็นเมืองจลาลจแบบมาร์กเซยและลีลล์ในช่วงบอลยูโรหรือไม่...https://www.voicetv.co.th/read/378165
วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561
Football culture
ฟุตบอลแยกไม่ออกจาเรื่องวัฒนธรรม เศราฐกิจ และการเมือง ในเชิงสังคม อังกฤษเป็บ้านเกิดของสิ่งทีเรียกว่าฟุตบอลสมัยใหม่ หรือ "โมเดิร์นฟุตบอล" ฟุตบอลเคยเป็นกีฬาที่มีความดิบและเถื่อนกว่าที่เห็นทุกวันนี้มาก
"ฟุตบอลในอดีตมีมานานแล้วในยุโรป ประมษร ศตวรรษที่ 13-14 แตว่าเป็น folk football ซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้านเป็นการแข่งระหว่างหมู่บ้าน วิธีเอาชนะคือนำลูกบอลจากหมู่บ้านตนไปวางกลางหมู่บ้านคู่ต่อสู้ให้ได้ ด้วยวิะีการใดก็ตาม ถ้าคุณแพ้ หมู่บ้านคุณก็แพ้ด้วย จึงเป็นกีฬาที่มีความรุนแรงกระทั้งอังกฤษต้องออกกฎห้ามเล่น folk football "
"ส่วนฟุตบอบลสมัยใหม่เกิดขึ้นมาช่วงกลางๆ ศตวรรษที่ 19 ประมาณ 1860 โรงเรียนเอกชนที่ช่นช้นสูงส่งลกมาเ่รียนโรงเรยนพวกนี้มองว่าเด็มีอำนาจ สปอยล์ พวกบ้านรวย เอาแต่ใจตัวเอง เพื่อท่จะดัสันดานเด็กพวกนี้ ฟุตบอลก็ถูกนำขึ้นมา ตั้งกฎกติกา ให้เล่นอย่างสุภาพบุรุษ "
หลังลูกหลายผู้ดีเรียนจบ สิ่งที่ติดตัวไปมีมากกว่าความรุ้ กีฬาฟุตบอลถูกถ่ยทอดสู่ working class และเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการรวมกลุ่มชนชั้นแรงงาน ที่เรียกร้องหใ้มีวันหยุด และเมื่อมีวันหยุด ชีวิตของพวกเขาก็คือ "ฟุตบอล"
"ชนชั้นสูงจึงแยกกีฬาอีกชนิดหนึ่งออกมา คล้ายๆ กับฟุตบอล รักบี้กับฟุตบอลก็มีที่มาไม่ต่างกัน ชนชั้นสูงจะเล่นกีฬารักบี้
ในฝรั่งเศสมีแง่มุมที่แตกต่าง เพราะมีเรื่อง "เชื้อชาติ" และสีผิว" เข้ามาเกี่ยวบ้อง หลังจากสงครามปลดปล่อยอาณานิคมต่างๆ ในสงครามพวนีจะมีการยอมรับคนในเมืองขึ้นที่ยังอยากเป็นคนฝรั่งเศสอยู่ ซึ่งตาม ไทม์ไลน์ มันคือยุคที่ลูกหลายของคนอพยพได้สัญชาติวรั่งเสส หรือไม่ก็เป็นคนฝรั่งเศสโดยกำเนิดแต่ว่าพ่อแม่มาจากผู้อพยพ ก็เข้าโรงเรียนฟุตบอล และแน่นอนว่าเมื่อคัดทีมชาติ เขาก็ต้องเลือกจากคนเก่งที่สุด แล้วฝรั่งเศสก็มีคำขวัญประจำประเทศ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ดังนั้นคุนเกิดมาจากไหนไม่รู้ คุณเตะบอลเก่งคุณก็ต้องติดทีัมชาติ มันก็ทให้ในที่สุดทีมชติฝรั่งเศสก็แทบไม่มีฝรั่งเศสจริงๆ เหลืออยู่เลย แต่อย่างไรก็ตาม คนฝรังเศสก็เหมือนคนที่ไหนๆ ในโลก คือ พอชนะก็เฮด้วย พ่อจะเป็นเซเนกัล เป็นอัลจีเรีย เป็นใครก็ตาม แต่สุดท้ายธงที่ไปโบกตอนรับเหรียญแชมป์โลกมันก็คือธงชาติฝรั่งเศส
ในอังกฤษ ฟุตบอลเป็นกีฬาของ working class และก็เป็นคนขาว บนอัฒจันทร์ฟุตบอลส่วนหนึ่งเจึงเป็นคนขาว ทำให้วัฒนธรรมแฟนบอลกลายเป็นพื้นที่ของคนผิวขาว ที่เลี่ยงไม่ได้ว่าต้องมีกลุ่มเหยียดผิวปะปนอยู่ โดยมีเรื่องย้อนแย้ง คือ "จาหังสือเล่มหนึ่ง เป็นคนดำทีเ่ป็นแฟนบอล อยากดุบอล ก็ไปดุบอล ก็เข้าไในกลุ่มฮุฃิแกน แล้วคนดำก็ถูกผลักถูกดันเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยความอยากอยู่ เขาก็ทนได้ แล้ววันหนึ่งเขาก็กลายเป็นพวกเดียวกับพวก racism พวกนั้น แล้วก็ไป แรคซิม คนผิวสี คนอื่น คือคุณเป็นคนที่ถุกเหลียด แต่พอเข้าไปสังคนนี้แล้ว คุณก็กลายเป็นคนแบบเดียวกัน คือกลายเป็นพวกเหยียดคนอีกกลุ่ม"
แม้จะก้าวผ่านจุดสุโต่งไปมาก แต่ แรคซึม ยังอยู่คุ่กับวัฒนธรรมฟุตบอล จนปัจจุบัน เมื่อผูอพยพกลายเป็นปัญหาระดับโลก นักฟุตบอลคือกลุ่มคนแรกๆ ที่ตื่นตัว และยื่นมือเข้าช่วย เรพาะวงการฟุตบอลเต็มไปด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติ ...
กลุ่มทุน และแฟนบอล
วิวัฒนาการของฟุตบอลต่างประเทศในระดับสโมสรคือ ชุมชนต้องมาก่อน นั่นคือความเป็นทีมทั้องถ่ิน กระดูกสันหลังของทุกทีมคือแฟนบอล คนในชุมชน แต่เวลาผ่านไป เมื่อกลุ่มทุนเข้ามามีอำนาจ ทีมถูก เทคโอเวอร์ ด้วยชาวต่างชาติมองในอีกมุมหนึ่ง กล้าตั้งสมมุติฐานว่า ทุนอาจจะเป็นกลไกที่ทำให้ทีมฟุตบอบยังยืนก็ได้
"ถ้านายทุนไม่ท้อง คนท้องถ่ินเชียร์ คนมีเงินทาทำทีมแล้วไม่ท้อง มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนท้องถิ่นเขาจะท้ิงทีมแล้วดีไม่ดี ยังจะทำให้ทีมนั้นพ้นความเป็นท้องถิ่นไปด้วย
"เมื่อการเข้ามาของกลุ่มทุนกลายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นอุตสาหกรรม เป็นธุรกิจที่ทำเงินมหาศาลกลบไม่ใช่การทำกำไรทางตรงจากสโมสร แต่มาจากนวัตกรรมสคำคัญของโลก คือการ "ถ่ายทอดสด"
การถ่ายทอดสดคือนวัตกรรมที่สุดยอดที่มีขึ้นมาในกีฬา ถ้าคุณผลิตสินค้าแบบทุนนิยม ส่ิงที่คุณต้องทำคือผลิตสินค้าแบบเดินจำนวนมากๆ ขึ้นมา แต่กีฬาเป็นอุตาสหกรรมรายได้ เพราะคุณผลิตซ้ำได้ดวยต้นทุนที่คุณถ่ายเพียงครั้งเดียว ซึ่งคนทีรับสัญญาณถ่ายทอดสดมีมากเท่าไหร่คุณก็ผลิตซ้ำด้มาเท่านั้น คือส่ิงที่ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นอุตสาหกรรม
ฟุตบอลพัฒนาจากกีฬาของ เวิร์คกิ้ง คลาส สู่โลกธุรกิจเต็มตัว ฟุตบอลกลายเป็นแหล่งรวมของกลุ่มทุนต่างชาติ ที่ตัวเงินมีค่ามาก่าความสนุกของกาเรป็นกีฬา จนฟุตบอลในสนามจึงกลายเป็นกิจกรรรมของชันชั้นกลาง เป็นกิจกรรมของนักท่องเที่ยว ในเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างลอนดอนมีทีมใหเ้เชียร์มากมาย
ฟุตบอลเป็นสินคาที่ราคาแพง คุณไปดูในสนามไม่ได้ จะมคำว่า ฟุตบอล สำหรับแฟนบอล ไม่ใช่เพื่อการค้า นี่คือสเ้นทางของแฟนบอลแท้ๆ แบบเดนตาย คือคุณไม่มีเงินซื้อตั๋วดุในสนาม เพราะในสนามมันแพง ทีมใหญ่ๆ ลิเวอร์พูล แมนยูอาร์เซนอล สเปอร์ส คุณไม่มีเงิน คุณไปดุในผับ"
ที่ประเทศไทย เมื่อเริมมีการแข่งฟุตลอลอาลีพ วัฒนธรรมใหม่บางอย่างก็เกิดขึ้นเช่น ักน แม้มจุดเร่ิมต้นไม่เหมือนยุโรป เพราะคนไทยเร่ิมดุบอลจากชนชั้นกลางที่มีเงินจ่ายค่าเคเบิลทีวี รบชมผ่นหน้าจอ แต่ปัจจุบัน ชนชั้นใหม่อย่างชนชั้นกลางกลุ่มล่างได้เขามามีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมการดุฟุตบอลใหม่ของไทยขึ้นมา
"ถ้าใครเป็นคอการเมืองจะห็นว่ามีคำใหม่เกิดขึ้นมา เป็นชนชั้นกลางใหม่ ชนชั้นกลางระดับล่ง คุณฯจะพบเขาที่สนามฟุตบอล เป็นวิถีชีวิตของคนกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นมา คือพลวัตรของความเปลี่ยนแลวงในไทยเป็นทำนองนี้ จากชนชั้นสูง สุ่ชนชั้นกลาง ทุกวันนี้ชนชั้นกลางระดับล่างเร่ิมเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น"
ปัจจับสำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมชชั้นใมห่และฟุตบอลไทยเกิดขึ้นมา คือความเป็นท้องถิ่น ที่แฟนบอลในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมได้ง่าย มันเกิดสิ่งที่ว่า ทีมที่ "เชียร์ไม่ได้" เช่น ถ้าบ้านอยู่ลำปาง เราไม่สามารถเชียร์แมืองทองฯที่แจ้งวัฒนะได้ เราจึงต้องเชียร์ลำปางเอฟซี "คือมันไกล ไปทีี่อื่นไม่ได้ คุณก็ต้องมี โลคอล ทีม เหมือนที่ยุโรปเคยมี และมีมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คนไทยเชียร์ฟุตบอลต่างประเทศ คุณอยากเชียร์ทีัมแบบไหนที่พุกใจคุณ พุดให้มัมือหม่นกว่านั้นคือ คุณถุกสื่อบังคับให้เชียร์ทีม่..อาทิ แมนยูฯ ลิเวอร์พูล..อาร์เซนอล แต่หากคุณมีทีมในบ้านเกิดแล้ว คุณเลื่อไม่ได้เท่าไหร่ คุณจำเป็นต้องสนุกกับมัน มันจะเกิดวัฒนธรรมการดุฟุตบอลขึ้นมา เพราะไม่ใช่กิจกรรมที่ดูเพียงอย่างเีดยว คุณเข้าไปในสนาม ร้องเพลงคุณไปรอบๆ สนามบอล โบกธง จับกลุ่มพูดคุยกัน มันเกิดไลฟ์สไตล์ มัเกิดวัฒนธรรมบางอบย่างขึ้นมา" https://waymagazine.org/euro-2016-event/
"ฟุตบอลในอดีตมีมานานแล้วในยุโรป ประมษร ศตวรรษที่ 13-14 แตว่าเป็น folk football ซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้านเป็นการแข่งระหว่างหมู่บ้าน วิธีเอาชนะคือนำลูกบอลจากหมู่บ้านตนไปวางกลางหมู่บ้านคู่ต่อสู้ให้ได้ ด้วยวิะีการใดก็ตาม ถ้าคุณแพ้ หมู่บ้านคุณก็แพ้ด้วย จึงเป็นกีฬาที่มีความรุนแรงกระทั้งอังกฤษต้องออกกฎห้ามเล่น folk football "
"ส่วนฟุตบอบลสมัยใหม่เกิดขึ้นมาช่วงกลางๆ ศตวรรษที่ 19 ประมาณ 1860 โรงเรียนเอกชนที่ช่นช้นสูงส่งลกมาเ่รียนโรงเรยนพวกนี้มองว่าเด็มีอำนาจ สปอยล์ พวกบ้านรวย เอาแต่ใจตัวเอง เพื่อท่จะดัสันดานเด็กพวกนี้ ฟุตบอลก็ถูกนำขึ้นมา ตั้งกฎกติกา ให้เล่นอย่างสุภาพบุรุษ "
หลังลูกหลายผู้ดีเรียนจบ สิ่งที่ติดตัวไปมีมากกว่าความรุ้ กีฬาฟุตบอลถูกถ่ยทอดสู่ working class และเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการรวมกลุ่มชนชั้นแรงงาน ที่เรียกร้องหใ้มีวันหยุด และเมื่อมีวันหยุด ชีวิตของพวกเขาก็คือ "ฟุตบอล"
"ชนชั้นสูงจึงแยกกีฬาอีกชนิดหนึ่งออกมา คล้ายๆ กับฟุตบอล รักบี้กับฟุตบอลก็มีที่มาไม่ต่างกัน ชนชั้นสูงจะเล่นกีฬารักบี้
ในฝรั่งเศสมีแง่มุมที่แตกต่าง เพราะมีเรื่อง "เชื้อชาติ" และสีผิว" เข้ามาเกี่ยวบ้อง หลังจากสงครามปลดปล่อยอาณานิคมต่างๆ ในสงครามพวนีจะมีการยอมรับคนในเมืองขึ้นที่ยังอยากเป็นคนฝรั่งเศสอยู่ ซึ่งตาม ไทม์ไลน์ มันคือยุคที่ลูกหลายของคนอพยพได้สัญชาติวรั่งเสส หรือไม่ก็เป็นคนฝรั่งเศสโดยกำเนิดแต่ว่าพ่อแม่มาจากผู้อพยพ ก็เข้าโรงเรียนฟุตบอล และแน่นอนว่าเมื่อคัดทีมชาติ เขาก็ต้องเลือกจากคนเก่งที่สุด แล้วฝรั่งเศสก็มีคำขวัญประจำประเทศ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ดังนั้นคุนเกิดมาจากไหนไม่รู้ คุณเตะบอลเก่งคุณก็ต้องติดทีัมชาติ มันก็ทให้ในที่สุดทีมชติฝรั่งเศสก็แทบไม่มีฝรั่งเศสจริงๆ เหลืออยู่เลย แต่อย่างไรก็ตาม คนฝรังเศสก็เหมือนคนที่ไหนๆ ในโลก คือ พอชนะก็เฮด้วย พ่อจะเป็นเซเนกัล เป็นอัลจีเรีย เป็นใครก็ตาม แต่สุดท้ายธงที่ไปโบกตอนรับเหรียญแชมป์โลกมันก็คือธงชาติฝรั่งเศส
ในอังกฤษ ฟุตบอลเป็นกีฬาของ working class และก็เป็นคนขาว บนอัฒจันทร์ฟุตบอลส่วนหนึ่งเจึงเป็นคนขาว ทำให้วัฒนธรรมแฟนบอลกลายเป็นพื้นที่ของคนผิวขาว ที่เลี่ยงไม่ได้ว่าต้องมีกลุ่มเหยียดผิวปะปนอยู่ โดยมีเรื่องย้อนแย้ง คือ "จาหังสือเล่มหนึ่ง เป็นคนดำทีเ่ป็นแฟนบอล อยากดุบอล ก็ไปดุบอล ก็เข้าไในกลุ่มฮุฃิแกน แล้วคนดำก็ถูกผลักถูกดันเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยความอยากอยู่ เขาก็ทนได้ แล้ววันหนึ่งเขาก็กลายเป็นพวกเดียวกับพวก racism พวกนั้น แล้วก็ไป แรคซิม คนผิวสี คนอื่น คือคุณเป็นคนที่ถุกเหลียด แต่พอเข้าไปสังคนนี้แล้ว คุณก็กลายเป็นคนแบบเดียวกัน คือกลายเป็นพวกเหยียดคนอีกกลุ่ม"
แม้จะก้าวผ่านจุดสุโต่งไปมาก แต่ แรคซึม ยังอยู่คุ่กับวัฒนธรรมฟุตบอล จนปัจจุบัน เมื่อผูอพยพกลายเป็นปัญหาระดับโลก นักฟุตบอลคือกลุ่มคนแรกๆ ที่ตื่นตัว และยื่นมือเข้าช่วย เรพาะวงการฟุตบอลเต็มไปด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติ ...
กลุ่มทุน และแฟนบอล
วิวัฒนาการของฟุตบอลต่างประเทศในระดับสโมสรคือ ชุมชนต้องมาก่อน นั่นคือความเป็นทีมทั้องถ่ิน กระดูกสันหลังของทุกทีมคือแฟนบอล คนในชุมชน แต่เวลาผ่านไป เมื่อกลุ่มทุนเข้ามามีอำนาจ ทีมถูก เทคโอเวอร์ ด้วยชาวต่างชาติมองในอีกมุมหนึ่ง กล้าตั้งสมมุติฐานว่า ทุนอาจจะเป็นกลไกที่ทำให้ทีมฟุตบอบยังยืนก็ได้
"ถ้านายทุนไม่ท้อง คนท้องถ่ินเชียร์ คนมีเงินทาทำทีมแล้วไม่ท้อง มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนท้องถิ่นเขาจะท้ิงทีมแล้วดีไม่ดี ยังจะทำให้ทีมนั้นพ้นความเป็นท้องถิ่นไปด้วย
"เมื่อการเข้ามาของกลุ่มทุนกลายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นอุตสาหกรรม เป็นธุรกิจที่ทำเงินมหาศาลกลบไม่ใช่การทำกำไรทางตรงจากสโมสร แต่มาจากนวัตกรรมสคำคัญของโลก คือการ "ถ่ายทอดสด"
การถ่ายทอดสดคือนวัตกรรมที่สุดยอดที่มีขึ้นมาในกีฬา ถ้าคุณผลิตสินค้าแบบทุนนิยม ส่ิงที่คุณต้องทำคือผลิตสินค้าแบบเดินจำนวนมากๆ ขึ้นมา แต่กีฬาเป็นอุตาสหกรรมรายได้ เพราะคุณผลิตซ้ำได้ดวยต้นทุนที่คุณถ่ายเพียงครั้งเดียว ซึ่งคนทีรับสัญญาณถ่ายทอดสดมีมากเท่าไหร่คุณก็ผลิตซ้ำด้มาเท่านั้น คือส่ิงที่ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นอุตสาหกรรม
ฟุตบอลพัฒนาจากกีฬาของ เวิร์คกิ้ง คลาส สู่โลกธุรกิจเต็มตัว ฟุตบอลกลายเป็นแหล่งรวมของกลุ่มทุนต่างชาติ ที่ตัวเงินมีค่ามาก่าความสนุกของกาเรป็นกีฬา จนฟุตบอลในสนามจึงกลายเป็นกิจกรรรมของชันชั้นกลาง เป็นกิจกรรมของนักท่องเที่ยว ในเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างลอนดอนมีทีมใหเ้เชียร์มากมาย
ฟุตบอลเป็นสินคาที่ราคาแพง คุณไปดูในสนามไม่ได้ จะมคำว่า ฟุตบอล สำหรับแฟนบอล ไม่ใช่เพื่อการค้า นี่คือสเ้นทางของแฟนบอลแท้ๆ แบบเดนตาย คือคุณไม่มีเงินซื้อตั๋วดุในสนาม เพราะในสนามมันแพง ทีมใหญ่ๆ ลิเวอร์พูล แมนยูอาร์เซนอล สเปอร์ส คุณไม่มีเงิน คุณไปดุในผับ"
ที่ประเทศไทย เมื่อเริมมีการแข่งฟุตลอลอาลีพ วัฒนธรรมใหม่บางอย่างก็เกิดขึ้นเช่น ักน แม้มจุดเร่ิมต้นไม่เหมือนยุโรป เพราะคนไทยเร่ิมดุบอลจากชนชั้นกลางที่มีเงินจ่ายค่าเคเบิลทีวี รบชมผ่นหน้าจอ แต่ปัจจุบัน ชนชั้นใหม่อย่างชนชั้นกลางกลุ่มล่างได้เขามามีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมการดุฟุตบอลใหม่ของไทยขึ้นมา
"ถ้าใครเป็นคอการเมืองจะห็นว่ามีคำใหม่เกิดขึ้นมา เป็นชนชั้นกลางใหม่ ชนชั้นกลางระดับล่ง คุณฯจะพบเขาที่สนามฟุตบอล เป็นวิถีชีวิตของคนกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นมา คือพลวัตรของความเปลี่ยนแลวงในไทยเป็นทำนองนี้ จากชนชั้นสูง สุ่ชนชั้นกลาง ทุกวันนี้ชนชั้นกลางระดับล่างเร่ิมเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น"
ปัจจับสำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมชชั้นใมห่และฟุตบอลไทยเกิดขึ้นมา คือความเป็นท้องถิ่น ที่แฟนบอลในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมได้ง่าย มันเกิดสิ่งที่ว่า ทีมที่ "เชียร์ไม่ได้" เช่น ถ้าบ้านอยู่ลำปาง เราไม่สามารถเชียร์แมืองทองฯที่แจ้งวัฒนะได้ เราจึงต้องเชียร์ลำปางเอฟซี "คือมันไกล ไปทีี่อื่นไม่ได้ คุณก็ต้องมี โลคอล ทีม เหมือนที่ยุโรปเคยมี และมีมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คนไทยเชียร์ฟุตบอลต่างประเทศ คุณอยากเชียร์ทีัมแบบไหนที่พุกใจคุณ พุดให้มัมือหม่นกว่านั้นคือ คุณถุกสื่อบังคับให้เชียร์ทีม่..อาทิ แมนยูฯ ลิเวอร์พูล..อาร์เซนอล แต่หากคุณมีทีมในบ้านเกิดแล้ว คุณเลื่อไม่ได้เท่าไหร่ คุณจำเป็นต้องสนุกกับมัน มันจะเกิดวัฒนธรรมการดุฟุตบอลขึ้นมา เพราะไม่ใช่กิจกรรมที่ดูเพียงอย่างเีดยว คุณเข้าไปในสนาม ร้องเพลงคุณไปรอบๆ สนามบอล โบกธง จับกลุ่มพูดคุยกัน มันเกิดไลฟ์สไตล์ มัเกิดวัฒนธรรมบางอบย่างขึ้นมา" https://waymagazine.org/euro-2016-event/
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561
Football
ฟุตบอลมีประวัติความเป็นมายาวนานและเชื่อกันว่าประทเสอังกฤษเป็นผุ้ในกำเนินและวาง
รากฐานกติกากฎเกณฑ์การเล่นให้ป็นมาตรฐานเกียวกัน กล่าวกันว่าการแข่งขันฟุตบอลในแซรฟ ทิวสเดย์ ซึ่งเป็นการแข่งขันของคนทั้งหมู่บ้าน มีกติกาของแต่ละท้องถ่ิน ผุ้แข่งขันอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ มีบันทึกหลักฐานว่าเริ่มแข่งขันในระยะแรกเป้นการต่อสู่ทีใช้ทั้งมือและเท้าได้โดยมีการปกป้องรรักษาแดนของตตน และเคลื่อนย้ายลูกเข้าไปในประตูของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในสมัยโบราณหลักประตูอาจเป็นเพียงเขตปักปันห่างกันนับร้อยหลา มีหลักฐนปรากฎว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 มีพระบรมราชโองการสั่งห้ามแล่นฟุตบอลในท้องถนน ผุ้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก เนืองจากหวั่นเกรงว่าชาวอังกฤษจะทอดท้องการฝึคกปรือการยิงธนู แต่ประกาศดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการเล่นฟุตบอลสามารถเล่นในพ้ืนที่ที่กว้ารงพอเช่นถนน และแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลมีลักษระเป็นโอกาสให้คนได้เล่นในที่สามาธารณะ และมีบางคนกล่าวว่า "กีฬาฟุตบอลช่วยเสริ่มสร้างกล้ามเนื้อทั่วเรื่อนร่าง และเป็นเวชบำชัดในการขับก้อนนิ่วออกจากกระเพาะปัสสาวะและไตได้เอย่างชะงัด" จนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 กษัตริย์อังกฤษได้มีพระบรมราชโองการยกเลิกข้อห้ามการเล่นฟุตบอลในเวลาต่อมา
กติการการเล่นฟุตบอลได้พัฒนาพร้อมกับการเล่นฟุตบอลในโรงเรียนในประเทศอังกฤษ กล่าวคือ ในพ.ศ. 2381 มีการกำหนดกรอบการแข่งชัยและกติกาการเล่นเรียกว่า "กติกาเคมบริดกฺ" และเร่ิมใช้กันแพร่หลายจนกระทั่ง พ.ศ. 2406 สมาคมฟุตบอลลฃอนดอนและสมาคมเชฟฟิลด์ได้ร่างกฎกติกาขึ้นมาใช้เพ่ิมเติมเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเล่นลูกฟุตบอลได้มากขึ้น ต่อมาไ้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกติกาการเล่นเรื่อยมา การขยายตวของการเล่นฟุตบอลในอังกฤษเกิดขึ้นจากการเติบโตของระบบการศึกษาในโรงเรยนในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมา การเล่นฟุตบอลในระบบโรงเรียนของอังกฤษเป็นสวนหนึ่งของกิจกรรมของนักเรียนที่จะมีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมการเล่นฟุตบอลของอังกฤษในสมัยต่อมา
ช่วง พ.ศ. 2406 มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลและต่อมาใน พ.ศ. 2413 ได้ก่อตั้งสหภาพรักบี้ในลำดับถัดมา ทั้งนี้มีจุดมุ่งหมายต้องการแยการเล่นกีฬาที่ใช้มืออกจากการใช้เท้าเล่น การก่อตั้งสโมสรฟุตบอลใอังกฤษในระยะแรกได้รวมตัวกันเป็นสหพันะ์สโมสรฟุตบอล ในช่วงทศวรรษที่ 2440 โดยมีสโมสรปุ้ก่อตั้งประกอบด้วย แอสตันวิลล่า, โบลตั้น วันเดอเรอร์, วูล์ฟแฮมตั้น วันเดอเรอร์, เปรสตัน นอร์เอน, เวสบรอมวิช อัลเบียน, สโต้คซิตี้, และแลคเบิร์น โรเวอร์ เป็นต้น บรรดาทีมเหล่านี้ตั้งขึ้นมาจากกลุ่มคนในโบสถ์ของศาสนาคริสต์ทั้งสิ้นซึ่งส่วนใหย่เป็นครระดับเสมียน และต่อมาก็มีกลุ่มผุ้เล่นจากโรงงานและบริษัทก่อตั้งทีมฟุตบอลตามมา และมีการนำฟุตบอลไปเผยแพร่ในยุโรปโดยผุ้ประกอบการอิสระและทหารประจำกการในที่ต่างๆ จนกระทั้ง พ.สง 2451 ฟุตบอลได้รับการบรรจุในรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเป็นครั้งแรก
ฟุตบอลได้รับการพัฒนาห้กลายเป็นกีฬอาชีพตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2410 เมื่อผุ้ชมต้องจ่ายเงินค่าผ่านประตูเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลในเมืองางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศอังกฤษและได้รับความนิยมจากคนงานโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษ ซึ่งใเรื่องนี้ อีตริค ฮอบสบอว์ม นักประวัติศาสรต์อังกฤษเคยกล่าว่า ปฏิบัติการทางสังคมที่สำคัญในโลกสมัยใหม่คอ "กีฬา" โดยมีการนำกีฬามาใช้เป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิตในโลกสมัียให่และกีฬามีลักษระของการพัฒนาเป็นสาถบันหนึ่งทางสังคมในโลกตะวันตก ก๊มาฟุตบอลเป็นการเล่นกีฬาแบบมวลชน และกลายเป็นวัฒนธรรมของชนชั้นกรรมาชีพมวลชน ในสมัต้นพุทธศตวรรษที่ 25 เขาได้ตั้งข้อสังเกตประการสำคัญว่า นักกีใาฟุตบอลจะต้องเป็นชนชั้นแรงงานที่มี "ต้นทุนทางวัฒนธรรม ไในฐานะผุ้ที่มีทักษณะแลความชำนาญ มากกว่าการเป็นแรงงานที่ไร้ฝีมือแต่เป็นเรื่งอของการใช้กำลังเช่น นักมวย
เมื่อล่วงเข้าสุ่กลางทศวรรษที่ 2450 ฟุตบอลเร่ิมได้รับความนิยมและมีทิศทางการเติบโตในสองแนวทางในประเทศอังกฤษ ประการแรก กติกาการแข่งขันมีความชัดเจนขึ้นเมื่อฟุตบอลกลายเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย และได้สร้างบรรทัดฐานให้กับผู้เล่นให้มีลักษระของการเล่นที่
เป้ฯของสุภาพบุรุษ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องที่เรามักเรียกฟุตบอลของอังกฤาในอดีตว่าฟุตบอลผุ้ดีอังกฤษ และสามารถผลักดันให้ฟุตบอลกลายเป็นหนึ่งของรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ประการที่สอง การเล่น
และแข่งขันในนามของสดมสนของโบสถ์ของเมือง ของโรงงานและบริัทได้ทำให้การเล่นฟุตบอลและการเข้าชมกลายเป็นต้นทุนทางเศราฐกิขอย่างหนึ่งที่ผุ้ชมยินดีจ่ายเป็นค่าเข้าชม และัฒนาเป็นผุตลอลอาชีพในเวลาต่อมาเป็นที่น่าสังเกตุว่าความนิยมต่อฟุตบอลของอังกฤษเร่ิมต้นจากเมืองรอบนอกในเขตตอนเหนือและตอนกลางของเกาะมากกว่ามนเมืองหลว และแสดงให้เห็นการแพร่หลายของกีฬานี้ได้เป็นอย่างดี การแยกรักบี้ออกจากฟุตบอลใน พงศ. 2413 เพื่อแยกกีฬาที่ใช้เท้าแลมืออกจากกันแสดงให้เห็นนัยยะทางวัฒนธรรมของการเล่นกีฬาที่แตกต่งกันทางทักาษะของผู้เลนแต่มีกติกาและกฎเกณฑ์อย่างเดียวกันคือการบุกเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้และทำประตูด้วยการนำลูกเข้าในเขตที่เรียกว่าประตูของคู่ต่อสู้
สนามฟุตบอลเป็นเรื่องจำเป็นที่เกิดขึ้นตามมาเมือผู้ชมมีความต้องการจะชมฟุตบอลอย่างใหล้ชิด ในช่วง พ.ศ. 2435 สโมสรฟุตบอลเอเวอร์ตันและสโมสรฟุตบอลเชลติก เป็นสโมสรแรกที่ก่อสร้างสนามฟุตบอลขึ้นมาโดยเฉพาะ ต่อมาก็มีสโมสรฟุตบอลอื่นๆ ในอังกฤษ และในสก๊อตแลนด์ก่อสร้างสนามฟุตบอลต่อเนื่องกันม สนามฟุตบอลในสมัยแรกจะมีการก่อสร้างแถวที่นั่งสำหรับผู้ชมเพียงด้านเดียว ด้านที่เลหือจะสร้างเป็นชาน หร้พมอบันไดล้อมรอบสนามเอาไว้ แลเพิ่มเติมหลังคาและติดตั้งเสาไฟส่องสนามในเวลาต่อมา การก่อสร้างสนามฟุตบอลพร้อมอัฒจันทร์ที่นั่ง นักสังคมวิทยาชาวอังกฤษ เอฟ อิงกลิส ได้ตั้งช้อสังเกตว่า "สนามฟุตลอลมองดูแล้วคล้ายกับโรงงานอุตาสาหกรรม ประตูทางเข้าที่ทำเป็นช่องให้ฝูงชนในเมื่องไม่ว่าเล็กหรหือใหญ่เดินเข้ามาเหนือนกับแรงงานกำลังเดินเข้าสู่ประตูโรงงาน
การเติบโรและขยายตัวของสนามฟุตบอลขึ้นอยุ่กับจำนวนผุ้ชมที่เพ่ิมขชึนเรื่อยๆ ราคาบัตรเข้าชมฟุตบอลในช่วงทศวรรษที่ 2410-2420 อยู่ระหว่าง 3-6 เพนนี ซึ่งถือว่าต่ำมากทั้งนี้เพราะผุ้ซื้อบัตรเข้าชมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผุ้ใช้แรงงาน รายได้จากค่าบัตรผ่านประตูเพื่อเข้าชมการแข่งขันฟุตบลอลในอังกฤษเร่ิมีมูลค่าเพ่ิมขึ้นจากจำนวนผุชมและสโมสรฟุตลอลที่เพ่ิมปริมาณมากขึ้น ในช่วง พ.ศ. 2444 มีหลักฐานของมาคมฟุตบอลอังกฤษรายงานว่ามีเงินทุนประมาณ 4 ล้านปอนด์หมุนเวียนอยู่ในสโมสรฟุตบอลต่งๆ ในสังกัดของสมาคมฯ ซึ่งหมายความว่า ฟุตบอลกลายเป็นช่องทางของการแสวงหากำไรจากวัฒนธรรมฟุตบอลในเวลาต่อมา และชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของอังกฤษในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
- บางส่วนจาก วิทยานิพนธ์ เรื่อง "พัฒนาการของวัฒนธณรมฟุตบอลต่างประเทศในสังคมไทย พ.ศ. 2509-2544 โดย เนตรนภา ประกอบกิจ.
รากฐานกติกากฎเกณฑ์การเล่นให้ป็นมาตรฐานเกียวกัน กล่าวกันว่าการแข่งขันฟุตบอลในแซรฟ ทิวสเดย์ ซึ่งเป็นการแข่งขันของคนทั้งหมู่บ้าน มีกติกาของแต่ละท้องถ่ิน ผุ้แข่งขันอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ มีบันทึกหลักฐานว่าเริ่มแข่งขันในระยะแรกเป้นการต่อสู่ทีใช้ทั้งมือและเท้าได้โดยมีการปกป้องรรักษาแดนของตตน และเคลื่อนย้ายลูกเข้าไปในประตูของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในสมัยโบราณหลักประตูอาจเป็นเพียงเขตปักปันห่างกันนับร้อยหลา มีหลักฐนปรากฎว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 มีพระบรมราชโองการสั่งห้ามแล่นฟุตบอลในท้องถนน ผุ้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก เนืองจากหวั่นเกรงว่าชาวอังกฤษจะทอดท้องการฝึคกปรือการยิงธนู แต่ประกาศดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการเล่นฟุตบอลสามารถเล่นในพ้ืนที่ที่กว้ารงพอเช่นถนน และแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลมีลักษระเป็นโอกาสให้คนได้เล่นในที่สามาธารณะ และมีบางคนกล่าวว่า "กีฬาฟุตบอลช่วยเสริ่มสร้างกล้ามเนื้อทั่วเรื่อนร่าง และเป็นเวชบำชัดในการขับก้อนนิ่วออกจากกระเพาะปัสสาวะและไตได้เอย่างชะงัด" จนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 กษัตริย์อังกฤษได้มีพระบรมราชโองการยกเลิกข้อห้ามการเล่นฟุตบอลในเวลาต่อมา
กติการการเล่นฟุตบอลได้พัฒนาพร้อมกับการเล่นฟุตบอลในโรงเรียนในประเทศอังกฤษ กล่าวคือ ในพ.ศ. 2381 มีการกำหนดกรอบการแข่งชัยและกติกาการเล่นเรียกว่า "กติกาเคมบริดกฺ" และเร่ิมใช้กันแพร่หลายจนกระทั่ง พ.ศ. 2406 สมาคมฟุตบอลลฃอนดอนและสมาคมเชฟฟิลด์ได้ร่างกฎกติกาขึ้นมาใช้เพ่ิมเติมเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเล่นลูกฟุตบอลได้มากขึ้น ต่อมาไ้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกติกาการเล่นเรื่อยมา การขยายตวของการเล่นฟุตบอลในอังกฤษเกิดขึ้นจากการเติบโตของระบบการศึกษาในโรงเรยนในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมา การเล่นฟุตบอลในระบบโรงเรียนของอังกฤษเป็นสวนหนึ่งของกิจกรรมของนักเรียนที่จะมีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมการเล่นฟุตบอลของอังกฤษในสมัยต่อมา
ช่วง พ.ศ. 2406 มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลและต่อมาใน พ.ศ. 2413 ได้ก่อตั้งสหภาพรักบี้ในลำดับถัดมา ทั้งนี้มีจุดมุ่งหมายต้องการแยการเล่นกีฬาที่ใช้มืออกจากการใช้เท้าเล่น การก่อตั้งสโมสรฟุตบอลใอังกฤษในระยะแรกได้รวมตัวกันเป็นสหพันะ์สโมสรฟุตบอล ในช่วงทศวรรษที่ 2440 โดยมีสโมสรปุ้ก่อตั้งประกอบด้วย แอสตันวิลล่า, โบลตั้น วันเดอเรอร์, วูล์ฟแฮมตั้น วันเดอเรอร์, เปรสตัน นอร์เอน, เวสบรอมวิช อัลเบียน, สโต้คซิตี้, และแลคเบิร์น โรเวอร์ เป็นต้น บรรดาทีมเหล่านี้ตั้งขึ้นมาจากกลุ่มคนในโบสถ์ของศาสนาคริสต์ทั้งสิ้นซึ่งส่วนใหย่เป็นครระดับเสมียน และต่อมาก็มีกลุ่มผุ้เล่นจากโรงงานและบริษัทก่อตั้งทีมฟุตบอลตามมา และมีการนำฟุตบอลไปเผยแพร่ในยุโรปโดยผุ้ประกอบการอิสระและทหารประจำกการในที่ต่างๆ จนกระทั้ง พ.สง 2451 ฟุตบอลได้รับการบรรจุในรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเป็นครั้งแรก
ฟุตบอลได้รับการพัฒนาห้กลายเป็นกีฬอาชีพตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2410 เมื่อผุ้ชมต้องจ่ายเงินค่าผ่านประตูเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลในเมืองางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศอังกฤษและได้รับความนิยมจากคนงานโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษ ซึ่งใเรื่องนี้ อีตริค ฮอบสบอว์ม นักประวัติศาสรต์อังกฤษเคยกล่าว่า ปฏิบัติการทางสังคมที่สำคัญในโลกสมัยใหม่คอ "กีฬา" โดยมีการนำกีฬามาใช้เป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิตในโลกสมัียให่และกีฬามีลักษระของการพัฒนาเป็นสาถบันหนึ่งทางสังคมในโลกตะวันตก ก๊มาฟุตบอลเป็นการเล่นกีฬาแบบมวลชน และกลายเป็นวัฒนธรรมของชนชั้นกรรมาชีพมวลชน ในสมัต้นพุทธศตวรรษที่ 25 เขาได้ตั้งข้อสังเกตประการสำคัญว่า นักกีใาฟุตบอลจะต้องเป็นชนชั้นแรงงานที่มี "ต้นทุนทางวัฒนธรรม ไในฐานะผุ้ที่มีทักษณะแลความชำนาญ มากกว่าการเป็นแรงงานที่ไร้ฝีมือแต่เป็นเรื่งอของการใช้กำลังเช่น นักมวย
เมื่อล่วงเข้าสุ่กลางทศวรรษที่ 2450 ฟุตบอลเร่ิมได้รับความนิยมและมีทิศทางการเติบโตในสองแนวทางในประเทศอังกฤษ ประการแรก กติกาการแข่งขันมีความชัดเจนขึ้นเมื่อฟุตบอลกลายเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย และได้สร้างบรรทัดฐานให้กับผู้เล่นให้มีลักษระของการเล่นที่
เป้ฯของสุภาพบุรุษ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องที่เรามักเรียกฟุตบอลของอังกฤาในอดีตว่าฟุตบอลผุ้ดีอังกฤษ และสามารถผลักดันให้ฟุตบอลกลายเป็นหนึ่งของรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ประการที่สอง การเล่น
และแข่งขันในนามของสดมสนของโบสถ์ของเมือง ของโรงงานและบริัทได้ทำให้การเล่นฟุตบอลและการเข้าชมกลายเป็นต้นทุนทางเศราฐกิขอย่างหนึ่งที่ผุ้ชมยินดีจ่ายเป็นค่าเข้าชม และัฒนาเป็นผุตลอลอาชีพในเวลาต่อมาเป็นที่น่าสังเกตุว่าความนิยมต่อฟุตบอลของอังกฤษเร่ิมต้นจากเมืองรอบนอกในเขตตอนเหนือและตอนกลางของเกาะมากกว่ามนเมืองหลว และแสดงให้เห็นการแพร่หลายของกีฬานี้ได้เป็นอย่างดี การแยกรักบี้ออกจากฟุตบอลใน พงศ. 2413 เพื่อแยกกีฬาที่ใช้เท้าแลมืออกจากกันแสดงให้เห็นนัยยะทางวัฒนธรรมของการเล่นกีฬาที่แตกต่งกันทางทักาษะของผู้เลนแต่มีกติกาและกฎเกณฑ์อย่างเดียวกันคือการบุกเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้และทำประตูด้วยการนำลูกเข้าในเขตที่เรียกว่าประตูของคู่ต่อสู้
สนามฟุตบอลเป็นเรื่องจำเป็นที่เกิดขึ้นตามมาเมือผู้ชมมีความต้องการจะชมฟุตบอลอย่างใหล้ชิด ในช่วง พ.ศ. 2435 สโมสรฟุตบอลเอเวอร์ตันและสโมสรฟุตบอลเชลติก เป็นสโมสรแรกที่ก่อสร้างสนามฟุตบอลขึ้นมาโดยเฉพาะ ต่อมาก็มีสโมสรฟุตบอลอื่นๆ ในอังกฤษ และในสก๊อตแลนด์ก่อสร้างสนามฟุตบอลต่อเนื่องกันม สนามฟุตบอลในสมัยแรกจะมีการก่อสร้างแถวที่นั่งสำหรับผู้ชมเพียงด้านเดียว ด้านที่เลหือจะสร้างเป็นชาน หร้พมอบันไดล้อมรอบสนามเอาไว้ แลเพิ่มเติมหลังคาและติดตั้งเสาไฟส่องสนามในเวลาต่อมา การก่อสร้างสนามฟุตบอลพร้อมอัฒจันทร์ที่นั่ง นักสังคมวิทยาชาวอังกฤษ เอฟ อิงกลิส ได้ตั้งช้อสังเกตว่า "สนามฟุตลอลมองดูแล้วคล้ายกับโรงงานอุตาสาหกรรม ประตูทางเข้าที่ทำเป็นช่องให้ฝูงชนในเมื่องไม่ว่าเล็กหรหือใหญ่เดินเข้ามาเหนือนกับแรงงานกำลังเดินเข้าสู่ประตูโรงงาน
การเติบโรและขยายตัวของสนามฟุตบอลขึ้นอยุ่กับจำนวนผุ้ชมที่เพ่ิมขชึนเรื่อยๆ ราคาบัตรเข้าชมฟุตบอลในช่วงทศวรรษที่ 2410-2420 อยู่ระหว่าง 3-6 เพนนี ซึ่งถือว่าต่ำมากทั้งนี้เพราะผุ้ซื้อบัตรเข้าชมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผุ้ใช้แรงงาน รายได้จากค่าบัตรผ่านประตูเพื่อเข้าชมการแข่งขันฟุตบลอลในอังกฤษเร่ิมีมูลค่าเพ่ิมขึ้นจากจำนวนผุชมและสโมสรฟุตลอลที่เพ่ิมปริมาณมากขึ้น ในช่วง พ.ศ. 2444 มีหลักฐานของมาคมฟุตบอลอังกฤษรายงานว่ามีเงินทุนประมาณ 4 ล้านปอนด์หมุนเวียนอยู่ในสโมสรฟุตบอลต่งๆ ในสังกัดของสมาคมฯ ซึ่งหมายความว่า ฟุตบอลกลายเป็นช่องทางของการแสวงหากำไรจากวัฒนธรรมฟุตบอลในเวลาต่อมา และชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของอังกฤษในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
- บางส่วนจาก วิทยานิพนธ์ เรื่อง "พัฒนาการของวัฒนธณรมฟุตบอลต่างประเทศในสังคมไทย พ.ศ. 2509-2544 โดย เนตรนภา ประกอบกิจ.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...