" เดอ ทูคอมส์" คือชื่ออะคามีเดียของอาแจ็กซ์ โดยแปลว่า "เดอะ ฟิวเจอร์ " ในภาษาอังกษ หรือ
อนาคตนั้นเอง สถานที่ประกอบด้วยสนาม 8 สนาม 2 ตึก มีท้้งห้องเรียน,ยิม, ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร และออฟฟิต สำหรับบรรดาโค้ชและนักวิทยาศาสตร์การกีฬา เสนอ่ห์ที่ดึงดูดบรรดาแข็งแยาชนทั่วโลกมาฝึกฝนที่นี้เพราะปรัชญา "โททอล ฟุตบอล" ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่นที่มีมชาติฮอลแลนด์ใช้ในทศวรษที่ ุ0 การผ่านบอลและการเปลี่ยนเกมรับเป็นรุกที่รวมเร็ว ผุ้เล่นเคลื่อนที่ในสนามอย่างอิสระ
แต่จากกระแสโลแาภิวัฒน์ ซึ่งทำให้นักฟุตบอลร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาลจากการไปเล่นลีกใหญ่ในยุโรป อังกฤษ เยอมรัน และสเปน ทำให้จุดมุ่งหมายของสภาบัน นั้นเปลี่ยนแปลงไป ไม่มช่กาปั้นนักเตะขึ้มาเพื่อเข้าสู่ทีมอย่างเดียว แต่เป็นการผลิตนักฟุตบอลเพื่อส่งออกไปขายทอดตลาดในลีกชั้นนำของยุโรปด้วย เปรียบดัง "โรงงานผลิตนักฟุตบอล"
คัมภีร์ลูกหนัง แนวทางการฝึกของอาแจ็กซืนั้น ปะกอบได้ด้วย 8 ด้าน มีการฝึการจัดระเบียบร่างกาย, การเตะ การผ่านบอล การทุ่ม การเคลื่อนที่เพื่อเอชนะคู่แข่ง การโหม่ง การจบสกอร์ การยืน ตำแหน่ง การยืนต่ำแหน่งแบบมีบอล และการเล่นโต็ะเล็ก ทำให้การคัดเลื่อกเยาชนเข้ามาฝึกฝนจึงต้อง่งแมวมองไปติตามเด็กหลายเดือนหรือเป็นปี ก่อนจะส่งจดหมายเชิญไปที่ผุ้ปกครอง เมื่อได้เข้ามาใในอคาเดมีแล้ว จะมีการแข่งขันภายในเพื่อคัดเกรด หรือปรับตก ไม่ต่างกับการเรียนหนังสือ ดังน้นเมื่อนานวัผ่านไปนักเตะจะเติโตแข็งกแกร่งขึุ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
โดยแนวคิดระบบการฝึกฟุตบอของอาแจกซ์ ทั้งหมาดนี้ถูกเรียกว่า "TIPS Model" ประกอบด้วย ที่ เทคนิค ไอ คือความเข้าถึงอย่างถ่องแท้ พี คือ บุคลิกภาพ และ เอส คือ สปีด ซึ่ง พีกับ เอส นั้นมีติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ ไอกับ เอส นั้นสามารถฝึกนสร้างขึ้นได้ จากความสำเร็จได้มีการขยายสาขาไปทั้งโลก และยัเคยเปิดสาขาที่สหรัฐอเมริกา แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงต้องยกเลิกไป ปัจจุบันมีอคาเดมี กว่า 15 แห่งกระจายในกรีซและไซปรัส
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีระบบพัฒนาเยาชนที่เป็นเลิสแต่ผลงานในสนามของอาแจ๊กซ์มักขาดความต่อเนือง สาเหตุมาจากสตาร์ของทีมทีเร่ิมฉายแสงมักถูกยักษ์ใหญ่ในยุโรปดึงตัวไปเล่นหลายคจต้องผ่าตัดทีมบ่อย อีกทั้งแนวคิดพัฒนาเยาชนของอาแจกซ์ หรือแม้กระทั้งประเทศเนเธอแลนด์ ก็กำลัสั่นคลอนเพราะผลงานทีมอัศวินสีส้มกำลังย่ำแย่ ตั้งแต่ไม่ได้ร่วมเล่นยูโร 2016 จนตอนนี้ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกก็สภานการณ์ไม่สู้ดีนัก
ระบบเยาชนอาแจ๊กซ์มัก๔ุกยกให้เป็นภาพสะท้อนของฟุตบอลประเทศเนเธอแลนด์ซึ่งกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก หลายประเทศ นำ "ทีไอพีเอส โมเดล" ไปใช้และพัฒนาขึ้นอีกระับ ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่อาแจกซ์ต้องเร่งคิดคัมภีร์เทวดาฉบับใหม่ขึ้นมาแทน โททอล ฟตุบอล...http://www.komchadluek.net/news/sport/275086
่จากเรื่องอเคมีฝั่งยุโรปไปแล้ว เรามาตอกันที่อคาเดมีไทยกันดีกว่า
ยุคที่ 3 คือยุคอคาเดมีฟุตบอล อย่างแท้จริง โดยมี "ธำรงไทย" และ "ยูคอมแข้งทอง" เป็นแหล่งบุกเบิกนการทำฟุตบอลเยาวชนจาภาคเอกชน
ธำรงไทยสโมน ถือเป็นเอกชนแห่งแรกที่เปิดสอนบอลอย่างเป็รูปแบบชัดเจน แก่เยาชน ตั้งแต่อายุ 10 ปี เป็นต้นไป โดยี อนุักษณ์ ศรีเกิด และอาจพล ระดมเล็ก เป็นสองแข้งดังที่เกิจากที่นี้
ความสำเร็จจากการพัฒนาเยาวชน บวกกับแนวคิดในการดึงนัเกตะต่างชาติ ภายในการสนับสนุนของสปอนเซอร์อย่าง บ.บุญรอดเบเวอรี ส่งผลให้ธำรงไทยสโสร ได้เป็น 1 ใน 18 สโมสรก่อตั้ง ไทยลีก ครั้งที่ 1 ทว่านักเตะส่วนใหญ่ล้วนเป็นเยาชนอายุ 16-18 เท่านั้น จึงไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งได้ และตกชั้น ก่อนจะประสบปัญาหรืเ่องเงินทุนใเวลาต่อมา
"ยูคอนแข้งทอง"โดยสองพี่น้องนักเตะ สุทิน-สุรัก ไชยกิตติ..เน้าการเปิดสอนฟุตบอลเด็กๆ อายุไม่เกิด 15 ปี ตามสามฟุตบอลต่าง โดยเน้นคอนเซปท์ฝึกสอนจากประสบการณ์จริง ยูคอมแข้งทอง มีรุปแบบที่แตกต่างกับ ธำรงไทยสโมสร รงที่เป็นแหล่งฝึกสอนนักฟุตบอลอ่างเดียวแห่งแรก ที่ไม่ได้สร้างนักฟุตบอลเพื่อเตรียมดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ หรือป้อนสโมสร ซึ่งต่อมาก็ซบเซาตามยุคสมัย
ขณะที่ทุกอย่างเดินไปข้าหน้า ทั้งไทยลีกที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น มีอคาเดมีฟุตบอลจากเอกชน รมถึงการสนับสนุนจากภาคัฐ ในการแขงขันฟุตบอลระดับนักเรียน แต่ทว่า สองสถานศึกาาเอกชนอย่าง อัสสัมชัญศรีราชา และอัสสัมชัญธนบุรี กลับเป็นผุ้พลิกเกมส์และเปลี่ยนเทรนด์แห่งยุค
"เจ้าสั่วน้อย" อัสสัมชัญธนบุรี ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นในช่วงเวลาไม่นานนัก โดยมี ผุ้ให้การสนับสนุนทั้งจากโรงเรียนและและภายนอกโรงเรียนและการจับมือกบภาคเอชน ทำให้สถาบันแห่งนี้ กลายเป็นสถาบันขาสั้นในฝันของเด็กรุ่นใหม่ จากช้างเผือกรุ่นแรกๆ และได้โค้ชมือฉมังที่ย้ายมากจากโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ ผลิตนักเตะก่อนที่จะจับมือกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในการส่งป้อนดาวรุ่งและเปรียบเสมือน อคาเดมีของกิเลนผยองไปแล้ว
เฉกเช่นอัสสัมชันศรีราชา เร่ิมต้นส้างความย่ิงใหญ่ภายใต้การสนับสนุนของ ตระกูลคุณปลื้ม มีการเปิดคัดหาช้างเผือกและฝึกสอนอยางเป็นระบบ รุปแบเียวกัน โดยเร่ิมจากการส่ง นักเตุไปยังโรงเรียนเล็กๆ อาทิ โรงเรียนบ้านหัวกุญแจฯ เพื่อปรับสภาพและเตรียมความพร้อม ก่อนส่งมาเรียนต่อทั้งที่ อัสสัมชัญศรีราชา หรือถ่ายไปให้ จุฬาภรณ์ราชวิทยาลย
ชลบุรี คือผุ้เปลี่ยนเกม จากปรัชญาและแนวทางที่สร้าางเด็กขึ้นมา นถึงวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างมันลงล็อก เด็กที่สร้างมา สีห้ารุ่น กบับมาสโมสร แล้วพีคขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้ผลงานทีมดีตามไปด้วย เกิกระแสท้องถ่ินนิยมมา แผนบอลเต็มสนาม รวมถงีการบริหารจัดการอย่างเป็นสโมสรอาชีพแ้จริง" ที่สำคัญนักฟุตบอลพวกนี้ ถูกปลูกฝังให้มีความรัก ภาคภูมิใจในคามเป็น ชลบุรีก่อนแข่งหลายๆ คนมอแค่ว่า ชลบุรี เป็นแค่ม้ามืด แต่หลังจากชนบุรีเป็นแชมป์ ทุกทมต้องมองชบลุรีใหม่ และ้เกิดแรงบันดาลใจแก่ทีมท้องถ่ินว่า ถึงจะเป็นทีมต่างจังหวัดก็ป็นแชมป์ไทยลีกได้....https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C2
วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561
Academy Football
นักฟุตบอลชื่อดัระดับโลกต่างก็ถูกอบรม ปลุกปั้นโดยสโมสรต่างๆ ที่มีระบบพัฒนาเยาชน และอคาเดมี่ประจำทีม การคัดเลือกแข้งวัยเด็กเข้าสู่ทีมมีหากลยวิธี ทั้งกรคคัดเลือกโดยสโมสรเอง แาระเป็พันธมิตรกับทีมต่างๆ รวมไปถึงการคัดเลือกตามแมวมองของทีม แต่การที่แข้งวัญเยาว์จะประสบควมสำเร็จก็ต้องข้อนอยู่กับ ตัวของพวกเขาเอง รวมไปถึง คุณภาพอะคาเดมีของสโมสรด้วย
5 สโมสรฟุตบอล ที่มีระบบ อะคาเดมี ที่ยอดเยี่ยมและเป็นแมแบบที่ดีในการสร้างผุ้เล่นดาวรุ่ง
- สโมสรเซาแธมป์ตัน เดอะ เซนต์ส นักบุญจากแดนไใต้เร่ิมก่อตั้งสโมสรฟุตบอลภยใใต้ชื่อสมคมโลสถ์ เซนต์ แมรี่ ในปี 1885 และเข้าร่วมลีกดิวิชันสามในปี 1919 ซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นของศูนฝึกเยาชนเช่นกัน ในยุคแรกมี เซาแธมป์ตน แคมบริดจ์ เป็นสถานฝึกสอนแยกต่างหาก ก่อนจะรวมกันใเวลาต่อมา อะคาเดมี ของเซาแธมป์ตัน เป็นที่รุ้จักกันมากในยุคปลายทศวรรษที่ ค0
เซาแธมป์ตัน ป็นทีมที่มีนักเตะลูกหม้อเป็นกำลังหลักมานน ผลผลิตจากเยาวชนถูกวางรากฐนไว้อย่างต่อเนื่องโดยทีมงานทุกชุด ผุ้เล่นเาชนของเซาแธมป์ตัน จะได้รับการดูแลเป็นอยางดี เปรียบเสมือนกับนักเตะชุดใหญ่ และกากล้าให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งได้ลงสัผสเกมใหญ่ๆ เพื่อสะสมประสบการณ์พร้อมที่ขึ้นชุดใหญ่ได้ทุกเมื่อ อะคาเดมี เซาแธมปตัน ให้ความสำคัญกับทั้งฟุตบอลในระดับท้องถ่น และทั้งในระดับประเทศ ซึ่งมีศูนยฝึกเยาชนกระจายทั่วเกาะอังกฤษ เซาแธมป์ตัน ขึ้นชื่อในเรื่องของการปั้นนักเตะอยุ่เสมอๆ อาทิ อลัน เชียรเรอร์, แกเร็ธ เบล, ลุค ชอว์, ธีโอ วัลค๊อตต์ และอดัมลัลาน่า
- สโมสรอาแจ็กซื อัมสเตอร์ดัม เดอ ทูคอมสท์ หรือที่แปลว่า อนาคมใน ภาษาอังกฤษ คือ ศูรย์ฝึกเยาชนของ อาเเจ็กซ์ อัมสเตะดัม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาบันลูกหนังที่ดีที่สุดในโลกแห่งหน่ง จากผลงานการสร้างนักฟุตบอลฝีเท้ายอดเยี่ยมออกมาประดับวงการลูกหนังมากมาย ระบบเยาชนของ อาเจ๊กซ์ ถือกำเนิดมาพร้อมกับการก่อตั้งสโมสรในปี 1900 แต่โด่งดังในช่วงทศวรรษ 70 ที่มี ไรนุส มิเชลล์ ตำนนกุซือชาวดัตช์ เจ้าของแผนการเล่น โททอล ฟุตบอล เป็นผุ้วางรากฐานระบบเยาชนให้ทีม หลังจากที่ได้วาระบบเยาชนที่ดี กเกิดลูกหม้อของ อะคาเดมี อาแจ็กซ์ ขึ้นมาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ และมาร์โก ฟาน บาสเท่น จึงทำให้หลายๆ สดมสรนำเอาระบบเยาชนมาปรับใช้ ถือได้ว่า อะคาเดมีของอาแจ็กซ์ อัมสเตตอร์ดัม เป็นต้นแบบในการวงระบบให้กับสโมสรอื่นๆ อีกด้วย โดยการปั้นเยาชนขึ้นมาด้วยการสอนปรัชญาฟุตบอลที่เหมือนกัน และดันขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และยังสามารถทำกำไรจากการขายผุู้เล่นเยาชนได้อีกด้วย
อาแจ็กซ์ เปรียบเสมือนโรงงานผลิตเยาชนขึ้นสู่ลอดลูกหนังโลก นักเตะอายุน้อยทีทำผลงานได้ดีจะถูกเลื่อนขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และเป็นที่จับตาของสโสรยักษ์ใหญ่ทั้งหลายโดยตักเตะที่เคยถูกปลุกปั้นมาจาก อะคาเดมี่ ของอาเจ๊กซ์ อาทิ คริสเตียน อิริเซ่น, โธมัส แผร์มาเลน, ดาลีย์ ละ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์
- สโมสรอันเดตอร์เลชท์ หลังจากท่เบเี่ยม เข้าสู่ยุคมือ สมาคมฟุตบอลเบลเยียม จึบงวางแผนพัฒนาวงการฟุตบอลขึ้นมาใหม่ โยยเร่ิมจากสโมสรยักษืใหญ่ของประเทศมอในเรื่อง ระบบอะคาเดมี เร่ิมพัฒาจากเยชนขึ้นมาก่อน อันเดอร์เลชท์ จงพัฒนาศูนย์ฝึกเยาชนจากที่ก่อตั้งมาให้ปี 1922 ให้ดียิ่งขึ้น เป้าหมายก็คือการนำ เบลเยียม กลับมาสู่ยุคทองอีกครั้ง ศูนย์ฝึกแห่งนี้ก็ได้ประสบวามสำเร็จเป็นอย่างสุง ได้รับอิทธิพลจากากรื้อระบบใหม่โดย่ายเทคนิคของสมาคมฟุตบอล สนับสนุนให้แข็งแยาชนกระายกันไปเล่นยังลีกที่แข็งแกร่งกว่า 3 ส่วนหลักทั้ง สโมสร ทีมชาติ และโค้ชระดับเยาชน ท้้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้นโยบายเดียวกัน นักเตะตั้งแต่ รุ่น 9 ขวบ ขึ้นไปจนถึง ชุดใหญ่ จะต้องเล่นด้วยระบบ 4-3-3 ที่เน้น
ความเร็ว ความยืดหยุ่นสูง ทั้งสามส่วนที่กล่าวมา จะทำงานร่วมกนเพื่อสร้างผุ้เล่นที่มีคุณภาพ และบังคับให้มีจำนวนเกมของผุ้เล่นระดับเยาชนให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อเติมประสบการณ์ให้กระดุก เพื่อการพัฒาขึ้นทีมชุดใหญ่โดยเร็ว
จากกาที่นักมาพัฒนาระบบ อะคาเดมี่ อย่างจริงจัง ทำให้ เบลเยี่ยม ก้าวขึ้นเปฺนเบอร์ 1 ของโลก ในการจัดอันดับ ฟีฟ่า แรงกิ้งส์ ในปี 2015 และยังผลิตซุบตาร์ ขึ้นมาหลายคน อาทิเช่น แวงซองต์ คอมปานี โรเมลู ลูกากู, ยูรี่ เทียเลอมองส์ และ อัดนาน ยานาไซส์
- สโมสรบาร์เซโลน่า ลา มเเซีย เต กาน ปลาเนส หรือที่รุ้จักกันดในชื่อ "ลา มาเซีย" คือศุนย์ฝึกแข้งวัยเยาว์ของบาร์เซโลน่า จุดกำเนิดของศูนย์ฝึกแห่งนี้ เกิดขึ้นในปี 1979 เมื่อ โจเซฟ นูนเณซ ประธานสโมสรขณะั้น เลือกทำตาคำแนะนำของ โยอัน ครัฟฟ์ ที่เสนอให้ทีมรื้อระบบเยาชนทังหมด และสร้าง อะคาเดมี ของสโมสร ขึ้นมาใหม่โดยยึดตามแบบฉบับของ สโมสรอาเจ๊กซื อัมสเตอ์ด
ระบบการเล่นที่สวยงาม ความสมดุลท้งเกมรุก และรับ เกิดจากการหล่อหลอมของปรัญชาการเล่น ผ่าน แบบแผนการฝึกซ้อมที่สืบทอดกนมาอย่างยาวนาน ลา เมาเซย เป็นเหมือนรากฐาน ที่ช่วยให้ทีมเกิดความสำเร็จ โดย ลา มาเซีย จะสอนให้ชุดเยาชน รวมไปถึงผุ้เล่นชุดใหญ่ และทุกๆ ขุด เ่นในระบบเดียวกัน เพื่อให้เข้าใจถึงปรัชญาของทีม จะทำให้นักเตะเยาวชนสามารถเล่นทดอทน ผุ้เล่นขุดใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น ภายใต้ระบบเดียวกันในทีมทุกชุด โดยนักเตะที่เคยผ่านการขัดเกลาจนโด่งดังในยุคปัจจุบันและอดี อาทิ เป็ปกวาร์ดิโอล่า, ซาบี เฮอร์นาเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดตรส อิเนียสต้า, ลิโอเนล เมสซี่ และ เซร์คิโอ โรแบร์โต้.
- สโมสรสปอร์ต้ิง ลิสบอนn อคาเดเมีย สปอร์ต้ิง เป็นองค์กรกีฬาแห่งแรกในโปรตุเกส ที่ได้การรรับรองคุณภาพ เมื่อปี 2010 ซึ่งช่วยการันตีความยอดเี่ยมของศุรย์ฝึกแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี กระบนการพัฒาเยาชน มีแนวทางคล้ายกับ อาแจ็กซ์ตรงที่กล้าลงทุนเงินก้อนโต กับศุนย์ฝึกเยาชน กรทำงานอย่างกนักของแมววมอ งและโปรแกรมฝึกซ้อมที่ยอดเยียม ทำให้ สปอร์ติ้ง สามารถดึงนักเตะที่มีฝีเื้าดขึ้นทีมชุดใหญ๋ได้ ที่นี้ไม่เพีนวแค่สอนในเรื่องของฟุตบอล แต่ยังสอนด้านการใช้ชีวิตในฐานะักฟุตบอลอาชีพผ่านการอบรม และการศึกษา เพื่อให้ปรับตัวได้อย่างไม่ยากเย็น
จากการสำรวจของ อีซีเอ ระบุว่า ผุ้เล่นทีมชาติโปรตุเกสชชุดใหญ่ จะมีเด็กปั้นจาก อะคาเดมี สปอร์ต้ิง มากถึง 7 คนในแต่ละปี โดยนักเตะที่เคยผ่านการปลุกปั้นมาล้วนแต่เป้นนักเตะที่มีชื่อเสียงของ โปรตุเกสทั้งนั้น อาทิ หลุย ฟิโก้, เจาท์ มูตินโญ่ และคริสเตียนโน่ โรนัลโ้ อีกด้วย...http://sport.trueid.net/detail/77830
สำหรับประเทศไทยระบบอคาเดมี อาจกล่าวเป็นยุคๆ โดยคร่าวๆ ไดังนี้
จุดเร่ิมต้นของการสร้างทีมเยาชน เพื่อรองรับทีมชดใหญ่ เกิดขึ้นจาก 2 ขั้วมหาอำนจฟุตบอลเก่าแก่ของไทย คือ ธ.กรุงเทพ และทหารอาการ ที่ขับเคี่ยวแย่งขิงแชมป์ ถ้วย ก. มาต้งแต่ช่วงต้นปี 1950 และเป็นสองสโมสนรที่เด็กๆ จากทั่วประเทศ อยากร่วมทีมมากที่สุด ทหารอากาศ ใช้จุดแข็งของความเป็นราชการดงดูดนักฟุตบอล ส่วนธ. กรุงเทพ มีจุดเด่นในการบริหารจัดการทีมอย่างเอกชน"
รูปแบบอคาเดมีฟุตบอล ในยุคนั้น ยังไม่ชัดเจนมากนัก จุดม่งหมายกลักๆ คือการทำทีสำรอง เพื่อให้นักฟุตบอลเยาชนที่กำลังจะขึ้นชุดใหญ่ ได้มีสโมสรลงเล่น หรือลงแข่งขันฟุตบอลเยาชนระดับประเทสในรุ่นอายุ 17-19 ที่มีเปิดแข่งเพียงเท่านั้น
อคาเดมียุคแรกๆ ของไทย มีปัจจัยดึงดูดนักเตะแตกต่างกันไป เช่น ทหรอาการจะได้บรรจุเข้ารับราชการยศจ่า หากติดการคัดเลือก ธ กรุงเทพจะมีเงินเดือนเบี่ยเลี้ยง การท่าเรื่อ ซึ่งถือเป็นมหาอำนาจฟุตบอลไทย อันดับที่ 3 ในสมัยนั้น ก็จะมีตำแหน่งบรรจุให้โดยไม่ต้องทำงานพร้อมผลตอบแทน ราชวิธี "ทีมหลวง" ผุ้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าพักประจำในวัง และได้รับการฝึกสอนจาก ปรมจารยที่มดีกรีจากเยอมัน เป็นต้น
จุดเด่นของอคาเดมีไทยในยุคนี้คือ เด็กสามารถหิ้วรองเท้าสตั๊คท์เข้าทีมที่ต้นเองรักได้อย่างหลากหลา
ยุคที่ 2
ในเมื่อไทยยังเหมือนกับ สวิตซ์ฯ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ ท่เน้นการเรียนควบคู่กัฬา ต่างจาก สเปน องกฤษ ที่ชัดเจนว่า คุณตะเลือกเรียนหรือเลือกเป็นนักีฬา
ราชประชา เป็นอีกสโมสรหนึ่งี่เกิดขึ้นในห้วเวลาเดียวกับ ราชวิถี ทั้งสองทีมมีโมเลที่คล้ายคลึงัน คือการสร้างเยาชนขึ้นมาเพื่อผลักดันสู่ทัมชุดใหญ่ ซึ่งราชประชามองการไกล และนำมาซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ อเคนามี ฟุตบอลไทย สู่ยุคที่ 2 ราชประชาได้มองเห็นว่า "การศึกษา" เป็นเื่องสำคญและมีดาวรุ่งมากมายเกิดขึ้นในเวทีลูกหนังเร่ิมต้เป็นทีมแรก ที่ได้ผูกเยาชนไว้กับโรเรียนสามเนวิทยาลัย ที่กำลังก้าวขึ้นท่าทายบรรดาทีมโรเรียนดังๆ สายอาชีวะ อาทิ อำนวยศิลป์ ไพศาลศิปล์ กิติตพาณิชยการ พณิชยการพรนคร รวมถึงปทุมคงคา แม้่าสม้ยนั้น ทีมต่างๆ จะมีการหยิบยืมนักฟุตบอลจากสถาบันเหล่านี้ แต่เป็นครั้ง เป็นคราว ไม่มีใครำปผูกและฝากเลี้ยงอย่างจริงจัง
ราชประชา นำนักฟุตบอลดาวรุ่งในสังกัดเข้าไปเรียน่อที่ สามเสนวิทยาลัย ช่วงเวลาไม่นาจากั้นโรเรียนแห่งนี้ ผงาดขึ้นมาเป็น "เต้ยขาสัน" และดึงดุดเด็ก ๆ ฝีเท้าดีเข้ามาศึกษาต่อ อีกทังราชประชายังได้ประโยชน์ตรงที่ สามารถหยิบจับนักเตะจากสถาบันแก่งนี้าใช้งานอีกด้วย โมเดลนี้ส่ผลให้ราชประชา ยืนระยะความย่ิงใหญ่ต่อมาอีกหลายสิบปี พร้อมความสำเร็จมากมาย..
นับตั้งแต่นั้นป็นต้นมา การฝากนักเตะกับสถานศึกษา กลายเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมจากสโมสร ฟุตบอลในเมืองไทย ในเวลาต่อมา ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80 -90 ซึงเป็นช่วงเบาที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากฟุตบอลทัวร์นาเมต์แบบ ถ้วย ก. มาสู่ระบบลีกอย่าง ไทยลีก ที่กำเนิดขึ้นปีแรกในปี 1996 โดยเฉพาะ 4 โรงเรียนในเครือจตุรมิตรสามัคคีฯ มีการจับมือเป็นพันธมิตรอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับโรงเรียนดังๆ ช่วงเวลานั้น สโมสรเมืองไทย กำลังเตรียมพร้อมสู่การเป็นทีมอาชีพ ใระบบลีก จึงไม่ได้เน้นการสร้างเยาชนด้วยตนเอง ส่วนมากะเนนใช้โรเรียนเป็นด่านคัดกรองแรก ที่นักฟุตบอลจะได้ท้งโอากสทางการศึกษา รวมถึงการได้ลงเล่นให้ทีมเยาขนของสโมสรต่างๆ ตามทวร์นาเมต์ระดับประเทศ
อีกนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของ อคาเดมีแบบไทยๆ คือการกำเนิดของ โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี สถาบันแห่งแรกของประเทศที่สอนเรื่องของกฬาอย่างเต็มรูปแบบ โดยเด็กที่จะเข้ามาเรียนที่นี้ได้ ต้องผ่านการคััดตัวที่เข้มข้น จนได้ผลผลิตชั้นดี ทำให้กระแสของโรงเรียนกีฬา ได้รับความนิยมขึ้นมาในบ้านเรา จนมีกรเปิดตัวโรงเรียนกีฬาขึ้นมาอีกหลายแห่ง เช่นเดียวกับโรงเรยนกรุงเทพมหานคร ที่ได้ วิทยา เลาหกุล มาวางแบบฝึกในช่วงที่ตนเองติดโทษแบน ก็มการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
เหตุผลหลักๆ ที่โมเลนี้ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน คงเป็นเหตุผลด้าน "การศึกษา" ส่วนปํยหาคือ ระบบราชการหากเป็นโรงเรียนของราชการที่หากจะทำเรื่องอะไรแต่ระที่ต้องรอขั้นตอนราชการ อาทิการปรับเปลี่ยน ปรับปลุกสนามซ้อมจะทำให้ทันที่ไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่หลวง หรหือากรเปลี่ยน ผอ. ก็มีผล บางท่านเน้นการเรียนมากกว่ากีฬา หรือบงท่านเน้นกีฬาอื่นมากว่า ฟุตบอลย่อมส่งผลใก้เกิดความไม่ต่อเนื่อง...https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C1
5 สโมสรฟุตบอล ที่มีระบบ อะคาเดมี ที่ยอดเยี่ยมและเป็นแมแบบที่ดีในการสร้างผุ้เล่นดาวรุ่ง
- สโมสรเซาแธมป์ตัน เดอะ เซนต์ส นักบุญจากแดนไใต้เร่ิมก่อตั้งสโมสรฟุตบอลภยใใต้ชื่อสมคมโลสถ์ เซนต์ แมรี่ ในปี 1885 และเข้าร่วมลีกดิวิชันสามในปี 1919 ซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นของศูนฝึกเยาชนเช่นกัน ในยุคแรกมี เซาแธมป์ตน แคมบริดจ์ เป็นสถานฝึกสอนแยกต่างหาก ก่อนจะรวมกันใเวลาต่อมา อะคาเดมี ของเซาแธมป์ตัน เป็นที่รุ้จักกันมากในยุคปลายทศวรรษที่ ค0
เซาแธมป์ตัน ป็นทีมที่มีนักเตะลูกหม้อเป็นกำลังหลักมานน ผลผลิตจากเยาวชนถูกวางรากฐนไว้อย่างต่อเนื่องโดยทีมงานทุกชุด ผุ้เล่นเาชนของเซาแธมป์ตัน จะได้รับการดูแลเป็นอยางดี เปรียบเสมือนกับนักเตะชุดใหญ่ และกากล้าให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งได้ลงสัผสเกมใหญ่ๆ เพื่อสะสมประสบการณ์พร้อมที่ขึ้นชุดใหญ่ได้ทุกเมื่อ อะคาเดมี เซาแธมปตัน ให้ความสำคัญกับทั้งฟุตบอลในระดับท้องถ่น และทั้งในระดับประเทศ ซึ่งมีศูนยฝึกเยาชนกระจายทั่วเกาะอังกฤษ เซาแธมป์ตัน ขึ้นชื่อในเรื่องของการปั้นนักเตะอยุ่เสมอๆ อาทิ อลัน เชียรเรอร์, แกเร็ธ เบล, ลุค ชอว์, ธีโอ วัลค๊อตต์ และอดัมลัลาน่า
- สโมสรอาแจ็กซื อัมสเตอร์ดัม เดอ ทูคอมสท์ หรือที่แปลว่า อนาคมใน ภาษาอังกฤษ คือ ศูรย์ฝึกเยาชนของ อาเเจ็กซ์ อัมสเตะดัม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาบันลูกหนังที่ดีที่สุดในโลกแห่งหน่ง จากผลงานการสร้างนักฟุตบอลฝีเท้ายอดเยี่ยมออกมาประดับวงการลูกหนังมากมาย ระบบเยาชนของ อาเจ๊กซ์ ถือกำเนิดมาพร้อมกับการก่อตั้งสโมสรในปี 1900 แต่โด่งดังในช่วงทศวรรษ 70 ที่มี ไรนุส มิเชลล์ ตำนนกุซือชาวดัตช์ เจ้าของแผนการเล่น โททอล ฟุตบอล เป็นผุ้วางรากฐานระบบเยาชนให้ทีม หลังจากที่ได้วาระบบเยาชนที่ดี กเกิดลูกหม้อของ อะคาเดมี อาแจ็กซ์ ขึ้นมาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ และมาร์โก ฟาน บาสเท่น จึงทำให้หลายๆ สดมสรนำเอาระบบเยาชนมาปรับใช้ ถือได้ว่า อะคาเดมีของอาแจ็กซ์ อัมสเตตอร์ดัม เป็นต้นแบบในการวงระบบให้กับสโมสรอื่นๆ อีกด้วย โดยการปั้นเยาชนขึ้นมาด้วยการสอนปรัชญาฟุตบอลที่เหมือนกัน และดันขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และยังสามารถทำกำไรจากการขายผุู้เล่นเยาชนได้อีกด้วย
อาแจ็กซ์ เปรียบเสมือนโรงงานผลิตเยาชนขึ้นสู่ลอดลูกหนังโลก นักเตะอายุน้อยทีทำผลงานได้ดีจะถูกเลื่อนขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ และเป็นที่จับตาของสโสรยักษ์ใหญ่ทั้งหลายโดยตักเตะที่เคยถูกปลุกปั้นมาจาก อะคาเดมี่ ของอาเจ๊กซ์ อาทิ คริสเตียน อิริเซ่น, โธมัส แผร์มาเลน, ดาลีย์ ละ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์
- สโมสรอันเดตอร์เลชท์ หลังจากท่เบเี่ยม เข้าสู่ยุคมือ สมาคมฟุตบอลเบลเยียม จึบงวางแผนพัฒนาวงการฟุตบอลขึ้นมาใหม่ โยยเร่ิมจากสโมสรยักษืใหญ่ของประเทศมอในเรื่อง ระบบอะคาเดมี เร่ิมพัฒาจากเยชนขึ้นมาก่อน อันเดอร์เลชท์ จงพัฒนาศูนย์ฝึกเยาชนจากที่ก่อตั้งมาให้ปี 1922 ให้ดียิ่งขึ้น เป้าหมายก็คือการนำ เบลเยียม กลับมาสู่ยุคทองอีกครั้ง ศูนย์ฝึกแห่งนี้ก็ได้ประสบวามสำเร็จเป็นอย่างสุง ได้รับอิทธิพลจากากรื้อระบบใหม่โดย่ายเทคนิคของสมาคมฟุตบอล สนับสนุนให้แข็งแยาชนกระายกันไปเล่นยังลีกที่แข็งแกร่งกว่า 3 ส่วนหลักทั้ง สโมสร ทีมชาติ และโค้ชระดับเยาชน ท้้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้นโยบายเดียวกัน นักเตะตั้งแต่ รุ่น 9 ขวบ ขึ้นไปจนถึง ชุดใหญ่ จะต้องเล่นด้วยระบบ 4-3-3 ที่เน้น
ความเร็ว ความยืดหยุ่นสูง ทั้งสามส่วนที่กล่าวมา จะทำงานร่วมกนเพื่อสร้างผุ้เล่นที่มีคุณภาพ และบังคับให้มีจำนวนเกมของผุ้เล่นระดับเยาชนให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อเติมประสบการณ์ให้กระดุก เพื่อการพัฒาขึ้นทีมชุดใหญ่โดยเร็ว
จากกาที่นักมาพัฒนาระบบ อะคาเดมี่ อย่างจริงจัง ทำให้ เบลเยี่ยม ก้าวขึ้นเปฺนเบอร์ 1 ของโลก ในการจัดอันดับ ฟีฟ่า แรงกิ้งส์ ในปี 2015 และยังผลิตซุบตาร์ ขึ้นมาหลายคน อาทิเช่น แวงซองต์ คอมปานี โรเมลู ลูกากู, ยูรี่ เทียเลอมองส์ และ อัดนาน ยานาไซส์
- สโมสรบาร์เซโลน่า ลา มเเซีย เต กาน ปลาเนส หรือที่รุ้จักกันดในชื่อ "ลา มาเซีย" คือศุนย์ฝึกแข้งวัยเยาว์ของบาร์เซโลน่า จุดกำเนิดของศูนย์ฝึกแห่งนี้ เกิดขึ้นในปี 1979 เมื่อ โจเซฟ นูนเณซ ประธานสโมสรขณะั้น เลือกทำตาคำแนะนำของ โยอัน ครัฟฟ์ ที่เสนอให้ทีมรื้อระบบเยาชนทังหมด และสร้าง อะคาเดมี ของสโมสร ขึ้นมาใหม่โดยยึดตามแบบฉบับของ สโมสรอาเจ๊กซื อัมสเตอ์ด
ระบบการเล่นที่สวยงาม ความสมดุลท้งเกมรุก และรับ เกิดจากการหล่อหลอมของปรัญชาการเล่น ผ่าน แบบแผนการฝึกซ้อมที่สืบทอดกนมาอย่างยาวนาน ลา เมาเซย เป็นเหมือนรากฐาน ที่ช่วยให้ทีมเกิดความสำเร็จ โดย ลา มาเซีย จะสอนให้ชุดเยาชน รวมไปถึงผุ้เล่นชุดใหญ่ และทุกๆ ขุด เ่นในระบบเดียวกัน เพื่อให้เข้าใจถึงปรัชญาของทีม จะทำให้นักเตะเยาวชนสามารถเล่นทดอทน ผุ้เล่นขุดใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น ภายใต้ระบบเดียวกันในทีมทุกชุด โดยนักเตะที่เคยผ่านการขัดเกลาจนโด่งดังในยุคปัจจุบันและอดี อาทิ เป็ปกวาร์ดิโอล่า, ซาบี เฮอร์นาเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดตรส อิเนียสต้า, ลิโอเนล เมสซี่ และ เซร์คิโอ โรแบร์โต้.
- สโมสรสปอร์ต้ิง ลิสบอนn อคาเดเมีย สปอร์ต้ิง เป็นองค์กรกีฬาแห่งแรกในโปรตุเกส ที่ได้การรรับรองคุณภาพ เมื่อปี 2010 ซึ่งช่วยการันตีความยอดเี่ยมของศุรย์ฝึกแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี กระบนการพัฒาเยาชน มีแนวทางคล้ายกับ อาแจ็กซ์ตรงที่กล้าลงทุนเงินก้อนโต กับศุนย์ฝึกเยาชน กรทำงานอย่างกนักของแมววมอ งและโปรแกรมฝึกซ้อมที่ยอดเยียม ทำให้ สปอร์ติ้ง สามารถดึงนักเตะที่มีฝีเื้าดขึ้นทีมชุดใหญ๋ได้ ที่นี้ไม่เพีนวแค่สอนในเรื่องของฟุตบอล แต่ยังสอนด้านการใช้ชีวิตในฐานะักฟุตบอลอาชีพผ่านการอบรม และการศึกษา เพื่อให้ปรับตัวได้อย่างไม่ยากเย็น
จากการสำรวจของ อีซีเอ ระบุว่า ผุ้เล่นทีมชาติโปรตุเกสชชุดใหญ่ จะมีเด็กปั้นจาก อะคาเดมี สปอร์ต้ิง มากถึง 7 คนในแต่ละปี โดยนักเตะที่เคยผ่านการปลุกปั้นมาล้วนแต่เป้นนักเตะที่มีชื่อเสียงของ โปรตุเกสทั้งนั้น อาทิ หลุย ฟิโก้, เจาท์ มูตินโญ่ และคริสเตียนโน่ โรนัลโ้ อีกด้วย...http://sport.trueid.net/detail/77830
สำหรับประเทศไทยระบบอคาเดมี อาจกล่าวเป็นยุคๆ โดยคร่าวๆ ไดังนี้
จุดเร่ิมต้นของการสร้างทีมเยาชน เพื่อรองรับทีมชดใหญ่ เกิดขึ้นจาก 2 ขั้วมหาอำนจฟุตบอลเก่าแก่ของไทย คือ ธ.กรุงเทพ และทหารอาการ ที่ขับเคี่ยวแย่งขิงแชมป์ ถ้วย ก. มาต้งแต่ช่วงต้นปี 1950 และเป็นสองสโมสนรที่เด็กๆ จากทั่วประเทศ อยากร่วมทีมมากที่สุด ทหารอากาศ ใช้จุดแข็งของความเป็นราชการดงดูดนักฟุตบอล ส่วนธ. กรุงเทพ มีจุดเด่นในการบริหารจัดการทีมอย่างเอกชน"
รูปแบบอคาเดมีฟุตบอล ในยุคนั้น ยังไม่ชัดเจนมากนัก จุดม่งหมายกลักๆ คือการทำทีสำรอง เพื่อให้นักฟุตบอลเยาชนที่กำลังจะขึ้นชุดใหญ่ ได้มีสโมสรลงเล่น หรือลงแข่งขันฟุตบอลเยาชนระดับประเทสในรุ่นอายุ 17-19 ที่มีเปิดแข่งเพียงเท่านั้น
อคาเดมียุคแรกๆ ของไทย มีปัจจัยดึงดูดนักเตะแตกต่างกันไป เช่น ทหรอาการจะได้บรรจุเข้ารับราชการยศจ่า หากติดการคัดเลือก ธ กรุงเทพจะมีเงินเดือนเบี่ยเลี้ยง การท่าเรื่อ ซึ่งถือเป็นมหาอำนาจฟุตบอลไทย อันดับที่ 3 ในสมัยนั้น ก็จะมีตำแหน่งบรรจุให้โดยไม่ต้องทำงานพร้อมผลตอบแทน ราชวิธี "ทีมหลวง" ผุ้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าพักประจำในวัง และได้รับการฝึกสอนจาก ปรมจารยที่มดีกรีจากเยอมัน เป็นต้น
จุดเด่นของอคาเดมีไทยในยุคนี้คือ เด็กสามารถหิ้วรองเท้าสตั๊คท์เข้าทีมที่ต้นเองรักได้อย่างหลากหลา
ยุคที่ 2
ในเมื่อไทยยังเหมือนกับ สวิตซ์ฯ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ ท่เน้นการเรียนควบคู่กัฬา ต่างจาก สเปน องกฤษ ที่ชัดเจนว่า คุณตะเลือกเรียนหรือเลือกเป็นนักีฬา
ราชประชา เป็นอีกสโมสรหนึ่งี่เกิดขึ้นในห้วเวลาเดียวกับ ราชวิถี ทั้งสองทีมมีโมเลที่คล้ายคลึงัน คือการสร้างเยาชนขึ้นมาเพื่อผลักดันสู่ทัมชุดใหญ่ ซึ่งราชประชามองการไกล และนำมาซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ อเคนามี ฟุตบอลไทย สู่ยุคที่ 2 ราชประชาได้มองเห็นว่า "การศึกษา" เป็นเื่องสำคญและมีดาวรุ่งมากมายเกิดขึ้นในเวทีลูกหนังเร่ิมต้เป็นทีมแรก ที่ได้ผูกเยาชนไว้กับโรเรียนสามเนวิทยาลัย ที่กำลังก้าวขึ้นท่าทายบรรดาทีมโรเรียนดังๆ สายอาชีวะ อาทิ อำนวยศิลป์ ไพศาลศิปล์ กิติตพาณิชยการ พณิชยการพรนคร รวมถึงปทุมคงคา แม้่าสม้ยนั้น ทีมต่างๆ จะมีการหยิบยืมนักฟุตบอลจากสถาบันเหล่านี้ แต่เป็นครั้ง เป็นคราว ไม่มีใครำปผูกและฝากเลี้ยงอย่างจริงจัง
ราชประชา นำนักฟุตบอลดาวรุ่งในสังกัดเข้าไปเรียน่อที่ สามเสนวิทยาลัย ช่วงเวลาไม่นาจากั้นโรเรียนแห่งนี้ ผงาดขึ้นมาเป็น "เต้ยขาสัน" และดึงดุดเด็ก ๆ ฝีเท้าดีเข้ามาศึกษาต่อ อีกทังราชประชายังได้ประโยชน์ตรงที่ สามารถหยิบจับนักเตะจากสถาบันแก่งนี้าใช้งานอีกด้วย โมเดลนี้ส่ผลให้ราชประชา ยืนระยะความย่ิงใหญ่ต่อมาอีกหลายสิบปี พร้อมความสำเร็จมากมาย..
นับตั้งแต่นั้นป็นต้นมา การฝากนักเตะกับสถานศึกษา กลายเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมจากสโมสร ฟุตบอลในเมืองไทย ในเวลาต่อมา ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80 -90 ซึงเป็นช่วงเบาที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากฟุตบอลทัวร์นาเมต์แบบ ถ้วย ก. มาสู่ระบบลีกอย่าง ไทยลีก ที่กำเนิดขึ้นปีแรกในปี 1996 โดยเฉพาะ 4 โรงเรียนในเครือจตุรมิตรสามัคคีฯ มีการจับมือเป็นพันธมิตรอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับโรงเรียนดังๆ ช่วงเวลานั้น สโมสรเมืองไทย กำลังเตรียมพร้อมสู่การเป็นทีมอาชีพ ใระบบลีก จึงไม่ได้เน้นการสร้างเยาชนด้วยตนเอง ส่วนมากะเนนใช้โรเรียนเป็นด่านคัดกรองแรก ที่นักฟุตบอลจะได้ท้งโอากสทางการศึกษา รวมถึงการได้ลงเล่นให้ทีมเยาขนของสโมสรต่างๆ ตามทวร์นาเมต์ระดับประเทศ
อีกนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของ อคาเดมีแบบไทยๆ คือการกำเนิดของ โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี สถาบันแห่งแรกของประเทศที่สอนเรื่องของกฬาอย่างเต็มรูปแบบ โดยเด็กที่จะเข้ามาเรียนที่นี้ได้ ต้องผ่านการคััดตัวที่เข้มข้น จนได้ผลผลิตชั้นดี ทำให้กระแสของโรงเรียนกีฬา ได้รับความนิยมขึ้นมาในบ้านเรา จนมีกรเปิดตัวโรงเรียนกีฬาขึ้นมาอีกหลายแห่ง เช่นเดียวกับโรงเรยนกรุงเทพมหานคร ที่ได้ วิทยา เลาหกุล มาวางแบบฝึกในช่วงที่ตนเองติดโทษแบน ก็มการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
เหตุผลหลักๆ ที่โมเลนี้ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน คงเป็นเหตุผลด้าน "การศึกษา" ส่วนปํยหาคือ ระบบราชการหากเป็นโรงเรียนของราชการที่หากจะทำเรื่องอะไรแต่ระที่ต้องรอขั้นตอนราชการ อาทิการปรับเปลี่ยน ปรับปลุกสนามซ้อมจะทำให้ทันที่ไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่หลวง หรหือากรเปลี่ยน ผอ. ก็มีผล บางท่านเน้นการเรียนมากกว่ากีฬา หรือบงท่านเน้นกีฬาอื่นมากว่า ฟุตบอลย่อมส่งผลใก้เกิดความไม่ต่อเนื่อง...https://www.fourfourtwo.com/th/features/cchaakdiitcchnthuengpacchcchuban-lamdab-5-yukhwiwathnaakaarkhaaedmiifutblemuuengaithy?page=0%2C1
วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2561
Soccolony
Soccer+colony = อานานิคมฟุตบอล เปรียบเสมือนเจ้าอาณานิคม หรือประเทศใหญ่ๆ ในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นเจ้าอานานิคม และประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่เป็นอานานิคมของประเทศในยุโรป
จะกล่าวถึงบทความที่เกียวกับฟุตบอลใน 'วาระแห่งชาติ(ยุโรป)
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งแรกจัดขึ้นในปี 1960 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีทีมชาติเข้าร่วมรอบคัดเลือกเพียง 16 ทีม และไม่มีประเทศในเครือจักรภพอังกฤษเข้าร่วมแลยสักทัมเดียว ทั้งที่มีมชาติอังกฤษเป็หนึ่งในทีมที่คนเฝ้ารอในยุคนี้ และยังนับได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของกีฬาประเภทนี้ ฟุตบอลเร่ิมต้นอย่างเป็นทางการโดยสโมสรของวิทยาลัยในลอนดอนในป 1863 จนถึงตอนนี้วัฒธรรมลูกหนังได้ฝังรากงึกในหลยประเทศจนกลายเป็นวาระระดับชาติของหลายประเทศ
สิ่งหนึ่งที่ผลักดันฟุตบอลให้ยิ่งใหญ่คือลัทธิชาตินิยม เพราะมันคือภาพแทนของสงครา เพียงแต่เกมส์นี้ไม่อาจตัดสินกันด้วยแสนยานุภาพทางกรรบ ทำให้ประเทศเล็กๆ ก็มโอากสคว้าชัยชนะ เมื่อศักด์ศรีของชาติไม่ได้วัดกันที่การเมือง เศราฐกิจ สังคมเพียงอย่างเดียว จึงไม่แปลกที่ผุ้คนจะถวายหัวใจสำหรับ ชาติ ให้กับเกมส์การแข่งขันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าฟุตบอลจะเป็นคนละเรื่องกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ฟุตบอลเคยก่อ
สงครามระหว่างประเทศ เอลซัลวาดอร์กับฮอนดูรัสในเวิร์ลคัพปี 1969 ขณะเดียวกันก็เคยสร้างสันติภาพ เมื่อชัยขนะของ Didier Drogba ในปี
2006 หยุดสงครามกลางเมืองฃในไอวอรี โคสต์ได้ ฟุตบอลยงเคยเป็นเครื่องมือทางการเมือง เช่น เวิร์ลคัพปี 1978 ผู้นำอานรเจนตินาใช้ฟุตบอลเพื่อแสดงออกว่าประเทสยังคงมีความสามัคคีกันได้แม้จะอยุ่ในการปกครองแบบเผด็จการก็ตาม
ในยุโรปเองฟุตบอลก็ยัคงเป็นตัวแทนของลัทธิล่าอาณานิคม โดยคอลัมนิสต์ชาวอเมริกัน ุ้ที่ใช้คำเรียกฟุตบอลว่า "ซอคเกอร อิมพีเรียลิซึม" เขามองว่าพวกยุโรปใช้ฟุรบอลเพื่อครอบงำชาติอื่น อย่างที่พวกฟาสซิสต์เคยส่งต่อแนวคิดผ่านความบันเทิงและการกีฬาในยุคสงครมเย็น
และไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจของชาติยโรปอย่าที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ แต่สิ่งที่แน่นอนคือชาวยุโรปไม่น้อยรักฟุตบอลยิ่งชีพ เห็นได้จากคพพูดของ บิล แชคกี้ นักฟุตบอลและผุ้จัดการทีมชาวอังกฤษท่บอกว่า "บางคนคิดว่าฟุตบอลเป็นเรื่องของชีวิตและความตาย ผมไม่ชอบความคิดนั้น ผมมองว่มันสำคัญกว่านั้นอีก"
ความคิดเข้มเข้มอย่างนี้เอง ที่อาจเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ยุโรปยังคงเป็นเจ้าแห่งกีฬาฟุตบอลอย่างยากจะให้ใครเที่ยงได้ไปอีกยาวนาน แม้วันที่พวกเขาไม่เหลือเคล้าของประเทศมหาอำนาจแล้วก็ตาม ....https://minimore.com/f/core-his-39-884
ฟุตบอลในแง่อิทธิพลจากยุคอาณานิคม นายชาญ พนารัตน์ นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยลัยซิดนีด์กล่าวถึงเรื่องฟุตบอลกับอาณานิคมของอังกฤษในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 และพบว่าเจ้าอาณานิคมประสบความสำเร็จในแง่การกระตุ้นให้คนเลี่ยนแบบคุณคาของตังเแง แต่ก็มีางนิคมในช่องแคบซึ่งฟุตบอลไม่เป็นที่รู้จัก อย่างเช่น ชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีนและ มาเลย์ที่ไม่ได้รำ่รวยซึ่งยังคงครอบงำไม่ได้แลพวกเขาเมินเฉยด้วยกาหันไปทำการตค้าแต่อาณานิคมยังครอบงำในแง่ทางกายภาพด้วยความเชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพเหนือกว่า
ขณะที่ในแอฟริกาฟุตบอลเป็นเรื่องการเรียนรู้ของพวกกรพฎุมพีน้อยให้ซึบซับคำสังระเบียบของเจ้าอาณานิคมส่วนพม่าก็มีฟุตบอลที่แพร่หลายในพื้นเมืองกลายเป็นพท้นท่ที่เป็นความพยายามลงเล่นเพื่อเอาชนะอำนาจของจักวรรดิรวมถึงภาพของเจ้าอณานิคมที่พยายามป้ายให้พวกเขาดูอ่อนแอ ส่วนพื้นที่ที่ไม่ได้ขึ้นกับอาณานิคมอย่างอาร์เจนติน่าหรือฟุตบอลที่แพร่กลายในชาวสเปนหรืออิตาเลียนข่วงเปลี่ยนผ่านของคริสศตวรรษที่ 20 ฟุตบอลกลายเป็นพื้นที่ของความขัดแย้งซึ่งแต่ละกลุ่มให้คุณค่าฟุตบอลแตกต่างกัน เมืองมองแล้ว ฟุตบอลอาร์เจนตินา มีควมแพร่หลายมากเมืองเที่ยวกับในไทยในสมัยนั้น ขณะที่ไทยยังไม่มสโสรเป็นรูปร่างจริงจัง
สำหรับไทยไม่ได้เป็นอาณนิคมโดยตรงแต่ถูกครอบงำทางเศราฐกิจชาวยุโรปนำฟุตบอลมาเล่นในสยามตังแต่รัชกาลที่ 4 ตั้งแต่นั้จนถึงต้น พงศ. 2430 ฟุตบอลไทเป้นท่นิยมในสยามผุ้ดีนิยมเตะตะกร้อหวยเพราะไม่มีลูกฟุตบอลหนังในทศวรรษถัดมาเป็นศวรรษแรกที่รัฐไทยเอาฟุตบอลมาเผยแพร่ในโรงเรียน เป็นช่วงท่บอลเริ่มเผยแพร่ จนในทศวรษต่อมา ฟุตบอลถูกนำมาเล่นในโรงเรียน กีฬอังกฤษถูกใช้เป็เครื่องมือในสยาม ขณะที่ชวอังกฤษก็ยังมอิทธิพลน้อย
สายชน ปัญญชิต จากสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ ม.จุฬาลกรณ์ พูดถึงกีฬากับวัฒนธรรมสมยนิยมซึ่งมีหลายมุมอง แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องวัฒนธรมแฟนกีฬา ฟุตบอลเป็นกิจกรมข้ามพรมแดน มีเรื่องการถ่ายทอดสดการแข่งเข้ามา มีการสงออกทางีวามคิดผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ริสแบนด์รณรงค์ หรือเสื้อต่อต้นความรุนแรง ซึ่งประเด็นนี้เริ่มเกี่ยวข้องกับไทย คือเรื่องชาตินิยมและท้องถ่ินกับกีฬา อย่างกรณี การก่อการร้ายที่มิวนิก "แบล็ค เซบเทมเบอร์" หรือ โอลด์ เฟิรฒ ดาาณ์บี้ แมตช์ ในสกอตแลนด์ ซึ่งมีเรื่องศาสสาเข้ามาเกี่ยวข้อง ระหว่างการแข่งก็มประวัติศาสตร์ทางความคิดต่างๆ.. ถ้ามองในมุมประเทศไทยก็คือการปะทะกันทางความคิดทำนองว่า มาเลฯ หรือไทย ใครเล่นตะกร้อก่อนกัน..http://m.matichon.co.th/readnews.php?newsid=1405841673
จะกล่าวถึงบทความที่เกียวกับฟุตบอลใน 'วาระแห่งชาติ(ยุโรป)
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งแรกจัดขึ้นในปี 1960 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีทีมชาติเข้าร่วมรอบคัดเลือกเพียง 16 ทีม และไม่มีประเทศในเครือจักรภพอังกฤษเข้าร่วมแลยสักทัมเดียว ทั้งที่มีมชาติอังกฤษเป็หนึ่งในทีมที่คนเฝ้ารอในยุคนี้ และยังนับได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของกีฬาประเภทนี้ ฟุตบอลเร่ิมต้นอย่างเป็นทางการโดยสโมสรของวิทยาลัยในลอนดอนในป 1863 จนถึงตอนนี้วัฒธรรมลูกหนังได้ฝังรากงึกในหลยประเทศจนกลายเป็นวาระระดับชาติของหลายประเทศ
สิ่งหนึ่งที่ผลักดันฟุตบอลให้ยิ่งใหญ่คือลัทธิชาตินิยม เพราะมันคือภาพแทนของสงครา เพียงแต่เกมส์นี้ไม่อาจตัดสินกันด้วยแสนยานุภาพทางกรรบ ทำให้ประเทศเล็กๆ ก็มโอากสคว้าชัยชนะ เมื่อศักด์ศรีของชาติไม่ได้วัดกันที่การเมือง เศราฐกิจ สังคมเพียงอย่างเดียว จึงไม่แปลกที่ผุ้คนจะถวายหัวใจสำหรับ ชาติ ให้กับเกมส์การแข่งขันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าฟุตบอลจะเป็นคนละเรื่องกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ฟุตบอลเคยก่อ
สงครามระหว่างประเทศ เอลซัลวาดอร์กับฮอนดูรัสในเวิร์ลคัพปี 1969 ขณะเดียวกันก็เคยสร้างสันติภาพ เมื่อชัยขนะของ Didier Drogba ในปี
ในยุโรปเองฟุตบอลก็ยัคงเป็นตัวแทนของลัทธิล่าอาณานิคม โดยคอลัมนิสต์ชาวอเมริกัน ุ้ที่ใช้คำเรียกฟุตบอลว่า "ซอคเกอร อิมพีเรียลิซึม" เขามองว่าพวกยุโรปใช้ฟุรบอลเพื่อครอบงำชาติอื่น อย่างที่พวกฟาสซิสต์เคยส่งต่อแนวคิดผ่านความบันเทิงและการกีฬาในยุคสงครมเย็น
ความคิดเข้มเข้มอย่างนี้เอง ที่อาจเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ยุโรปยังคงเป็นเจ้าแห่งกีฬาฟุตบอลอย่างยากจะให้ใครเที่ยงได้ไปอีกยาวนาน แม้วันที่พวกเขาไม่เหลือเคล้าของประเทศมหาอำนาจแล้วก็ตาม ....https://minimore.com/f/core-his-39-884
ฟุตบอลในแง่อิทธิพลจากยุคอาณานิคม นายชาญ พนารัตน์ นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยลัยซิดนีด์กล่าวถึงเรื่องฟุตบอลกับอาณานิคมของอังกฤษในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 และพบว่าเจ้าอาณานิคมประสบความสำเร็จในแง่การกระตุ้นให้คนเลี่ยนแบบคุณคาของตังเแง แต่ก็มีางนิคมในช่องแคบซึ่งฟุตบอลไม่เป็นที่รู้จัก อย่างเช่น ชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีนและ มาเลย์ที่ไม่ได้รำ่รวยซึ่งยังคงครอบงำไม่ได้แลพวกเขาเมินเฉยด้วยกาหันไปทำการตค้าแต่อาณานิคมยังครอบงำในแง่ทางกายภาพด้วยความเชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพเหนือกว่า
ขณะที่ในแอฟริกาฟุตบอลเป็นเรื่องการเรียนรู้ของพวกกรพฎุมพีน้อยให้ซึบซับคำสังระเบียบของเจ้าอาณานิคมส่วนพม่าก็มีฟุตบอลที่แพร่หลายในพื้นเมืองกลายเป็นพท้นท่ที่เป็นความพยายามลงเล่นเพื่อเอาชนะอำนาจของจักวรรดิรวมถึงภาพของเจ้าอณานิคมที่พยายามป้ายให้พวกเขาดูอ่อนแอ ส่วนพื้นที่ที่ไม่ได้ขึ้นกับอาณานิคมอย่างอาร์เจนติน่าหรือฟุตบอลที่แพร่กลายในชาวสเปนหรืออิตาเลียนข่วงเปลี่ยนผ่านของคริสศตวรรษที่ 20 ฟุตบอลกลายเป็นพื้นที่ของความขัดแย้งซึ่งแต่ละกลุ่มให้คุณค่าฟุตบอลแตกต่างกัน เมืองมองแล้ว ฟุตบอลอาร์เจนตินา มีควมแพร่หลายมากเมืองเที่ยวกับในไทยในสมัยนั้น ขณะที่ไทยยังไม่มสโสรเป็นรูปร่างจริงจัง
สำหรับไทยไม่ได้เป็นอาณนิคมโดยตรงแต่ถูกครอบงำทางเศราฐกิจชาวยุโรปนำฟุตบอลมาเล่นในสยามตังแต่รัชกาลที่ 4 ตั้งแต่นั้จนถึงต้น พงศ. 2430 ฟุตบอลไทเป้นท่นิยมในสยามผุ้ดีนิยมเตะตะกร้อหวยเพราะไม่มีลูกฟุตบอลหนังในทศวรรษถัดมาเป็นศวรรษแรกที่รัฐไทยเอาฟุตบอลมาเผยแพร่ในโรงเรียน เป็นช่วงท่บอลเริ่มเผยแพร่ จนในทศวรษต่อมา ฟุตบอลถูกนำมาเล่นในโรงเรียน กีฬอังกฤษถูกใช้เป็เครื่องมือในสยาม ขณะที่ชวอังกฤษก็ยังมอิทธิพลน้อย
สายชน ปัญญชิต จากสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ ม.จุฬาลกรณ์ พูดถึงกีฬากับวัฒนธรรมสมยนิยมซึ่งมีหลายมุมอง แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องวัฒนธรมแฟนกีฬา ฟุตบอลเป็นกิจกรมข้ามพรมแดน มีเรื่องการถ่ายทอดสดการแข่งเข้ามา มีการสงออกทางีวามคิดผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ริสแบนด์รณรงค์ หรือเสื้อต่อต้นความรุนแรง ซึ่งประเด็นนี้เริ่มเกี่ยวข้องกับไทย คือเรื่องชาตินิยมและท้องถ่ินกับกีฬา อย่างกรณี การก่อการร้ายที่มิวนิก "แบล็ค เซบเทมเบอร์" หรือ โอลด์ เฟิรฒ ดาาณ์บี้ แมตช์ ในสกอตแลนด์ ซึ่งมีเรื่องศาสสาเข้ามาเกี่ยวข้อง ระหว่างการแข่งก็มประวัติศาสตร์ทางความคิดต่างๆ.. ถ้ามองในมุมประเทศไทยก็คือการปะทะกันทางความคิดทำนองว่า มาเลฯ หรือไทย ใครเล่นตะกร้อก่อนกัน..http://m.matichon.co.th/readnews.php?newsid=1405841673
What's going wrong
การล้มบอล และการเล่นผิดฟอร์มนั้นบางทีก็แทบจะแยกกันไม่ออก หากไม่มีข้อมูลภายในที่เปิดเผยถึงหลักฐานสำคัญ หรือคำยอมรับจากผู้ที่ถูกติดสินบน อย่างไรก็ตาม การเล่นผิดฟอร์ม หรือเล่นไม่ได้มาตรฐานของทีม ก็อาจเกิดได้บ่อยๆ แม้ในการแข่งขันระดับโลก ต่อไปนี้จะนำผลงานยอดแย่ของอังกฤษที่เล่นผิดฟอร์ม ขนาดที่กล่าวได้ว่าเป็นความอัปยศของทีมชาติอังกฤษก็ว่าได้ ด้งนี้
แพ้สหรัฐอเมริกา 0-1 ฟุตบอลโลก 1950 อังกฤษวันนั้นเต็มไปด้วยสตาร์อย่าง สแตนลีย์ แมททิวส์, ทอมฟินนี่์, บิลลี่ ไรท์ ขณะที่แข้งอเมริกันเป็นนักเตะรดับสมัครเล่นล้วนๆ บุรุษไปรษณีย์ สัปเหรือ และหลากหลายอาชีพ แต่อังกฤษทำใด้แคครองบอลมากว่า ยิงชนเสา ซัดชนคาม ก่อนจะโดน โจ เกตเจนส์ นักเตะที่เกิดในเฮติแต่ย้ายมาเล่นฟุตบอลในสหัฐฯ ซัดประตูโทนเป็นประตู่ชัยเข้าให้ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นความเจ็บปวดของชาวเมืองผุ้ดีอยู่พักใหญ่ เพราะทำเอากังกฤษตกรอบแรกไปโดยปริยาย
แพ้ฮังการี 3-6 แมตซ์อุ่นเครื่อง ปี 1953 สิงโตคำรามในยุคนั้นไม่เคยแพ้ทีมนอกสหราชอาณาจักรในการเล่นในประเทศตัวเองมาก่อนในประวัติศาสตร์ และต้องมาพบกับฮังการี ในยุคทองที่มี เฟเรนซ์ ปุสกัน และนานดอร์ ฮิเดกดูติ สองกองหน้าตำนานของประเทศเล่นอยู่ และความพ่ายแพ้คาบ้านกับทีมนอกสหราชอาณาจักร ก็เกิดขึ้น อิเดกดูติซัดแฮตทริก ฮังการีถล่มยับ 6-3 ก่อนจะบุกไปพ่านทีมของปัสกัสบ้างในปีถัดมาที่บูดาเปสต์ สกอร์ก็เบาๆ ฮังการีชนะ 7-1
แพ้นอร์เวย์ 1-2 ฟุตบอลโลก 1982 รอบคัดเลือก ออกไปแพ้นอร์เวย์ที่กรุงออสโลแบบสุดช็อก 1-2 ทั้งๆ ที่ทีมจากสแกนดิเนเวียจบบ๊วยของกลุ่ม และถ้าดุชื่อชั้นักเตะอังกฤษในวันนั้น ไบรอัน ร๊อบสัน, เควิน คีแกน, เกล็น ฮอดเดิ้ล จากความเจ๋งของฝีเท้าแล้ว ย่อมเป็นอะไรที่เสียหน้าเป็นอย่างมาก
แพ้ ไอร์แลนด์ 0-1 ยูโร 1988 บ๊อบบี้ รอบสัน นำทัพนักเตะอังกฤษไปลุยยูโรอย่าางมั่นใจ ปีเตอร์ ชิลตัน ประตูมือหนึ่ง แกรี ลินิเกอร์ ยืนคู้หน้ากับ ปีเตอร เบียดสลีย์ ตรงกลาง มีจอห์น บาร์นส์ และ คริส วอดเดเติ้ล แต่ประเดิมแพ้ไอรแลน์ 0-1 ด้วยผลงานของ เรย์ เฮาตัน เปิดหัวยูโรได้อย่างเจ็บปวด ก่อนจะแพ้เนเธอร์แลนด์ 1-3 ฟ่าย โซเวียต 1-3 ตกรอบแตรแบบแพ้รวด
แพ้โครเอเชีย 2-3 ยูโร 2008 รอบคัดเลือก ค่ำคืนท่เวมบลย์ ืนท่อังกฤษต้องคว้าชัยชนะเพื่อผ่านเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2008 ให้ได้ เพราะก่อนหน้านี้แพ้โครเอชียและ รัสเซีย ในเกมเยือนมาแล้ว แถมทำได้แค่เสมอ มาซิโดเนีย ทีมรองบ่อนอย่างไร้สกอร์ นิโก้ ครันจ์การ์ และ อิวิก้า โอลิซ ยิงให้โครเอเชียนำ 2-0 ตั้งแต่ 15 นาทีแรก แม้ว่า แฟรก์ แลมพาร์ด และ ปีเตอร์ เคร้าช์ จะยิงตีเสมอ 2-2 ได้ แตกลับมาโดน มลาเคนเปทริช ยิงประตู่ชัยท้ายเกมให้ทีมตาหมากรุกชนะไป 3-2 สิงโตไม่้ไปคำรามในยูโร 2008 ปีนั้นเป็นปีที่ยู่โรเงียบเหงาไปไม่น้อยเลยที่เดียว...
https://www.matichon.co.th/news/193121
แพ้สหรัฐอเมริกา 0-1 ฟุตบอลโลก 1950 อังกฤษวันนั้นเต็มไปด้วยสตาร์อย่าง สแตนลีย์ แมททิวส์, ทอมฟินนี่์, บิลลี่ ไรท์ ขณะที่แข้งอเมริกันเป็นนักเตะรดับสมัครเล่นล้วนๆ บุรุษไปรษณีย์ สัปเหรือ และหลากหลายอาชีพ แต่อังกฤษทำใด้แคครองบอลมากว่า ยิงชนเสา ซัดชนคาม ก่อนจะโดน โจ เกตเจนส์ นักเตะที่เกิดในเฮติแต่ย้ายมาเล่นฟุตบอลในสหัฐฯ ซัดประตูโทนเป็นประตู่ชัยเข้าให้ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นความเจ็บปวดของชาวเมืองผุ้ดีอยู่พักใหญ่ เพราะทำเอากังกฤษตกรอบแรกไปโดยปริยาย
แพ้ฮังการี 3-6 แมตซ์อุ่นเครื่อง ปี 1953 สิงโตคำรามในยุคนั้นไม่เคยแพ้ทีมนอกสหราชอาณาจักรในการเล่นในประเทศตัวเองมาก่อนในประวัติศาสตร์ และต้องมาพบกับฮังการี ในยุคทองที่มี เฟเรนซ์ ปุสกัน และนานดอร์ ฮิเดกดูติ สองกองหน้าตำนานของประเทศเล่นอยู่ และความพ่ายแพ้คาบ้านกับทีมนอกสหราชอาณาจักร ก็เกิดขึ้น อิเดกดูติซัดแฮตทริก ฮังการีถล่มยับ 6-3 ก่อนจะบุกไปพ่านทีมของปัสกัสบ้างในปีถัดมาที่บูดาเปสต์ สกอร์ก็เบาๆ ฮังการีชนะ 7-1
แพ้นอร์เวย์ 1-2 ฟุตบอลโลก 1982 รอบคัดเลือก ออกไปแพ้นอร์เวย์ที่กรุงออสโลแบบสุดช็อก 1-2 ทั้งๆ ที่ทีมจากสแกนดิเนเวียจบบ๊วยของกลุ่ม และถ้าดุชื่อชั้นักเตะอังกฤษในวันนั้น ไบรอัน ร๊อบสัน, เควิน คีแกน, เกล็น ฮอดเดิ้ล จากความเจ๋งของฝีเท้าแล้ว ย่อมเป็นอะไรที่เสียหน้าเป็นอย่างมาก
แพ้ ไอร์แลนด์ 0-1 ยูโร 1988 บ๊อบบี้ รอบสัน นำทัพนักเตะอังกฤษไปลุยยูโรอย่าางมั่นใจ ปีเตอร์ ชิลตัน ประตูมือหนึ่ง แกรี ลินิเกอร์ ยืนคู้หน้ากับ ปีเตอร เบียดสลีย์ ตรงกลาง มีจอห์น บาร์นส์ และ คริส วอดเดเติ้ล แต่ประเดิมแพ้ไอรแลน์ 0-1 ด้วยผลงานของ เรย์ เฮาตัน เปิดหัวยูโรได้อย่างเจ็บปวด ก่อนจะแพ้เนเธอร์แลนด์ 1-3 ฟ่าย โซเวียต 1-3 ตกรอบแตรแบบแพ้รวด
แพ้โครเอเชีย 2-3 ยูโร 2008 รอบคัดเลือก ค่ำคืนท่เวมบลย์ ืนท่อังกฤษต้องคว้าชัยชนะเพื่อผ่านเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2008 ให้ได้ เพราะก่อนหน้านี้แพ้โครเอชียและ รัสเซีย ในเกมเยือนมาแล้ว แถมทำได้แค่เสมอ มาซิโดเนีย ทีมรองบ่อนอย่างไร้สกอร์ นิโก้ ครันจ์การ์ และ อิวิก้า โอลิซ ยิงให้โครเอเชียนำ 2-0 ตั้งแต่ 15 นาทีแรก แม้ว่า แฟรก์ แลมพาร์ด และ ปีเตอร์ เคร้าช์ จะยิงตีเสมอ 2-2 ได้ แตกลับมาโดน มลาเคนเปทริช ยิงประตู่ชัยท้ายเกมให้ทีมตาหมากรุกชนะไป 3-2 สิงโตไม่้ไปคำรามในยูโร 2008 ปีนั้นเป็นปีที่ยู่โรเงียบเหงาไปไม่น้อยเลยที่เดียว...
https://www.matichon.co.th/news/193121
วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2561
Switzerland Tackle
สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีนโยบายเป็นกลางในทุกๆ ด้านั้น กลายเป็นฐานที่มั กายเป็นเกราะป้งกัน สำหรับบรรดา ไทุรชน" ใวงการกีฒาระดัโลก ในอีกด้านหนึงอย่างคาดไม่ถึง
เพราะสิวตเชอร์แลน เป็ฯสูนย์กลางที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสหพันธ์กีฬโลก องค์กรกีฬาระดับโลก จำนวนมาก ทำให้กฎหมายสวิส กลายเป็น "กฎหมาย" สำหรับสหพันธ์กีฬาโลก และองค์กรกีฬาระดับโลกดังกล่าว จึงทำให้ต้องทบทวนตัวเอง เพื่อปรับปรุง แก้ไขกฎหมายต่างๆ ของตนเองให้มีความทนสมัย และคล่อตัวมากขึ้น สำหรับการร่วมมือในการป้องกัน ปาบปรามการทุจริตและปรพฤ๖ิมิชอบในวงการกีฬาระดับโลก
ท่ามกลางข่าวคราวอื้อฉาวของวงการกีฬโลก เกี่ยวกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ การฉ้อฉลและฉ้อโกง การติดสินบน การสมยมอในกาแข่งขันฯ โดยเฉพาะกรณีความไม่ชอบมาพากลอง สหพันธ์กีฬาโลก หรือองค์กรกีฬาระดับโลก ที่ยังไมีมีกำหมายสากลใดๆ สามารถเข้าไปจัดการขั้นเด็ดขาดได้อย่างเป้นรูปธรรม เพราะมีเงื่องำของธรรมนูญ ข้อบังคับ หรือกติกาแห่งองค์กรนั้นไ เป็นเหราะป้องกัน รวมทั้งข้ออ้างอันศักดิ์สิทธิที่ว่า "กีฬา..ต้องเป็นอิสระจากการเมือง" หรือ "การเมือง..ต้องไปม่แทรกแซงกีฬา" ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา
จากเงื่อนไขดังกล่าว จึงถูกกพดันจากหนวงงานภาครัฐระดับชาติและระดับนานาชาติมากขึ้จตามลำดบ เพื่อให้มีการใช้ กฎหมายสากล เข้าไปดำเนินการให้เกิดความกระจ่าง และอไนวยความยุติธรรม ให้กับทุกฝ่ายที่เีก่ยวข้องไดอย่างเป็นรูปธรรม แท้จริงมากขึ้น กฎหมายที่ว่าคื อกำฆมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอาญา กฎหมายพิเศษเฉพาะตลอดจนสนธิสัญญา หือขอ้อตกลงร่วม อนมีสถานเสมือกนึ่งเป็น "กฎหมาย" ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติอย่างเป็นทางการ นอกจานี้ รัฐสภายุโรป (อีพี) ของ อียู ที่เคลื่อนไหวอย่่างจริงจัง ในการขอร้องแกมบังคับ ถึงขึ้นลงมติให้ชาติสมาชิกทุกประเทศ ออกกฎหมายเพื่อป้องกันและปาบปราม การประพฤติมิชอบในวงการกีฬาทุกรุปแบบ ทุกแขนง และทุกชชนิด
รัฐบาลกลาง "สวิตเซอร์แลนด์" มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมาย ขข้อบังคัย และวิธีการปฏิบัติของภาครัฐ เพ่อให้ใช้กฎหมายสากล เข้าไปจัดการกับการประพฤติมิชอบด้านกีฬาต่างๆ เป็นการใช้กฏหมายทุกฉบับ ทุกชนิด ของสวิตซ์ ที่มีเขตอำนาจอย่างชอบธรรม เพื่อให้องค์กรกีฬาทุกแห่ง ซึ่งมีถ่ินฐานและสนักงานอยู่ใน สวิตเซอร์แลนด์ ต้องยอมรับและปฏิบัติตามโดยไม่มข้อยกเว้น ไม่มีสิทธิ์พิเศษใดๆ อีกต่อไป
ที่ผ่านมา สวิตเชอร์แลนด์ เป็นดินแดนในฝันขององค์กรกีฬาระดับโลก เพราะเป็นถ่ินฐานที่อยู่ที่มีสิทธิทางกฎหมาย สิทธิทางการเงิน การคลัง และสิทะิทางภาษี เือ้ประโยชน์ให้เป็นกรณีพิเศษ อย่างเป็ฯรูปธรรมยิ่งนัก โดยเฉพาะสิทธิทางกฎหมายนั้น องค์กรกีฬาทุกแห่งสามารถใช้ข้อบังคัยของตัวเองเป็นหลักในการแก้ปัญหา หรือความขัดแย้งต่างๆ ได้เอง โดยไม่ต้องใช้กฎหมาของสวิสซืเข้าไปดำเนินการแต่อย่างใด
นอกจากนี้ แต่ละเขตปกครองของ สวิตซ์ ยังมีกฎหมายท้องถ่ินของตนเองเป็นการเฉพาะอีกด้วย เอื้อประโยชน์ให้กับองค์กรกีฬาระดับโลก่างๆ เพ่ิมขึ้นอีส่วนนหนึ่ง สวิตซ์ จึงกลายเป็ฯศูนย์กลางกีฬาโลก เพราะกลายเป็นที่ต้งสำนักงานใหญ่ขององค์กรกีฬขั้นนำระดับโลกมากมายหลายสิบแห่ง ด้วยเหตุผลดังกล่าว
ด้วยสิทะิพิเศษดังกล่าวเมื่องค์กรกีฬาหรือสหพันะ์กีฬาที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เกิดปัญหาคอรัปชั้นระดับดลก ขึ้นมา กฎหมายสวิตซ์ จะไม่สามารถเข้าไปจัดการได้เลย จนกว่าองค์กรหรือสหพันะ์เหล่านั้น จะเป็นฝ่ายนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลสวิตซ์ เท่านั้นเอง
ความอื้แาวของการทุจริตใ "ฟีฟ่า" และความเลวร้ายของการติดสินบน "ล้มบอล" ที่มีแก๊งค์อาชญากรรระับโลกเกี่ยวข้องและบงการอยู่เบื้องหลังจั้น จึงทำให้สวิตซื ถูกท้าทายทางจริยธรรม คุณธรม และอำนาจตามกฎหมายสกลมากขึ้นทุกที อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน เพราะมไ่มีใครหรืองค์กรใดๆ หรือรัฐบาลชาติใดๆ ที่สามารถทำให้ "ฟีฟ่า" ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกรณี "ล้มอบไ และกรณีทุจริตอื้อฉาวต่างๆ ออกมาสู่สาธารณชน เพื่อขยายผลไปสู่การกวาดล้างตามกฎหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม แท้จริง จึงเป็นที่มาของ มาตรการ "รุกฆาต" ทางด้านกฎหมายของรัฐบาลกลางแห่ง สวิตเซรอืแลนด์ในที่สุด
...http://www.sportclassic.in.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2-9/
เพราะสิวตเชอร์แลน เป็ฯสูนย์กลางที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสหพันธ์กีฬโลก องค์กรกีฬาระดับโลก จำนวนมาก ทำให้กฎหมายสวิส กลายเป็น "กฎหมาย" สำหรับสหพันธ์กีฬาโลก และองค์กรกีฬาระดับโลกดังกล่าว จึงทำให้ต้องทบทวนตัวเอง เพื่อปรับปรุง แก้ไขกฎหมายต่างๆ ของตนเองให้มีความทนสมัย และคล่อตัวมากขึ้น สำหรับการร่วมมือในการป้องกัน ปาบปรามการทุจริตและปรพฤ๖ิมิชอบในวงการกีฬาระดับโลก
ท่ามกลางข่าวคราวอื้อฉาวของวงการกีฬโลก เกี่ยวกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ การฉ้อฉลและฉ้อโกง การติดสินบน การสมยมอในกาแข่งขันฯ โดยเฉพาะกรณีความไม่ชอบมาพากลอง สหพันธ์กีฬาโลก หรือองค์กรกีฬาระดับโลก ที่ยังไมีมีกำหมายสากลใดๆ สามารถเข้าไปจัดการขั้นเด็ดขาดได้อย่างเป้นรูปธรรม เพราะมีเงื่องำของธรรมนูญ ข้อบังคับ หรือกติกาแห่งองค์กรนั้นไ เป็นเหราะป้องกัน รวมทั้งข้ออ้างอันศักดิ์สิทธิที่ว่า "กีฬา..ต้องเป็นอิสระจากการเมือง" หรือ "การเมือง..ต้องไปม่แทรกแซงกีฬา" ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา
จากเงื่อนไขดังกล่าว จึงถูกกพดันจากหนวงงานภาครัฐระดับชาติและระดับนานาชาติมากขึ้จตามลำดบ เพื่อให้มีการใช้ กฎหมายสากล เข้าไปดำเนินการให้เกิดความกระจ่าง และอไนวยความยุติธรรม ให้กับทุกฝ่ายที่เีก่ยวข้องไดอย่างเป็นรูปธรรม แท้จริงมากขึ้น กฎหมายที่ว่าคื อกำฆมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอาญา กฎหมายพิเศษเฉพาะตลอดจนสนธิสัญญา หือขอ้อตกลงร่วม อนมีสถานเสมือกนึ่งเป็น "กฎหมาย" ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติอย่างเป็นทางการ นอกจานี้ รัฐสภายุโรป (อีพี) ของ อียู ที่เคลื่อนไหวอย่่างจริงจัง ในการขอร้องแกมบังคับ ถึงขึ้นลงมติให้ชาติสมาชิกทุกประเทศ ออกกฎหมายเพื่อป้องกันและปาบปราม การประพฤติมิชอบในวงการกีฬาทุกรุปแบบ ทุกแขนง และทุกชชนิด
รัฐบาลกลาง "สวิตเซอร์แลนด์" มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมาย ขข้อบังคัย และวิธีการปฏิบัติของภาครัฐ เพ่อให้ใช้กฎหมายสากล เข้าไปจัดการกับการประพฤติมิชอบด้านกีฬาต่างๆ เป็นการใช้กฏหมายทุกฉบับ ทุกชนิด ของสวิตซ์ ที่มีเขตอำนาจอย่างชอบธรรม เพื่อให้องค์กรกีฬาทุกแห่ง ซึ่งมีถ่ินฐานและสนักงานอยู่ใน สวิตเซอร์แลนด์ ต้องยอมรับและปฏิบัติตามโดยไม่มข้อยกเว้น ไม่มีสิทธิ์พิเศษใดๆ อีกต่อไป
ที่ผ่านมา สวิตเชอร์แลนด์ เป็นดินแดนในฝันขององค์กรกีฬาระดับโลก เพราะเป็นถ่ินฐานที่อยู่ที่มีสิทธิทางกฎหมาย สิทธิทางการเงิน การคลัง และสิทะิทางภาษี เือ้ประโยชน์ให้เป็นกรณีพิเศษ อย่างเป็ฯรูปธรรมยิ่งนัก โดยเฉพาะสิทธิทางกฎหมายนั้น องค์กรกีฬาทุกแห่งสามารถใช้ข้อบังคัยของตัวเองเป็นหลักในการแก้ปัญหา หรือความขัดแย้งต่างๆ ได้เอง โดยไม่ต้องใช้กฎหมาของสวิสซืเข้าไปดำเนินการแต่อย่างใด
นอกจากนี้ แต่ละเขตปกครองของ สวิตซ์ ยังมีกฎหมายท้องถ่ินของตนเองเป็นการเฉพาะอีกด้วย เอื้อประโยชน์ให้กับองค์กรกีฬาระดับโลก่างๆ เพ่ิมขึ้นอีส่วนนหนึ่ง สวิตซ์ จึงกลายเป็ฯศูนย์กลางกีฬาโลก เพราะกลายเป็นที่ต้งสำนักงานใหญ่ขององค์กรกีฬขั้นนำระดับโลกมากมายหลายสิบแห่ง ด้วยเหตุผลดังกล่าว
ด้วยสิทะิพิเศษดังกล่าวเมื่องค์กรกีฬาหรือสหพันะ์กีฬาที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เกิดปัญหาคอรัปชั้นระดับดลก ขึ้นมา กฎหมายสวิตซ์ จะไม่สามารถเข้าไปจัดการได้เลย จนกว่าองค์กรหรือสหพันะ์เหล่านั้น จะเป็นฝ่ายนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลสวิตซ์ เท่านั้นเอง
ความอื้แาวของการทุจริตใ "ฟีฟ่า" และความเลวร้ายของการติดสินบน "ล้มบอล" ที่มีแก๊งค์อาชญากรรระับโลกเกี่ยวข้องและบงการอยู่เบื้องหลังจั้น จึงทำให้สวิตซื ถูกท้าทายทางจริยธรรม คุณธรม และอำนาจตามกฎหมายสกลมากขึ้นทุกที อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน เพราะมไ่มีใครหรืองค์กรใดๆ หรือรัฐบาลชาติใดๆ ที่สามารถทำให้ "ฟีฟ่า" ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกรณี "ล้มอบไ และกรณีทุจริตอื้อฉาวต่างๆ ออกมาสู่สาธารณชน เพื่อขยายผลไปสู่การกวาดล้างตามกฎหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม แท้จริง จึงเป็นที่มาของ มาตรการ "รุกฆาต" ทางด้านกฎหมายของรัฐบาลกลางแห่ง สวิตเซรอืแลนด์ในที่สุด
...http://www.sportclassic.in.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2-9/
วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561
Italy Intercept..
ฟีฟ่า เผย มีแก๊งมาเฟียตั้งบริษัท บังหน้าทำธุรกิจล้บอลกว่า 80 ประเทศทั่วโลก เผยมี 1 สโมสรใหญ่เข้าข่าย
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้จัการสัมมนาฟุตบอลระดับโฃลก "ช็อกเก้อร์-เอ็กซ์" ที่เมืองแมนเชสเตอร์ อังกฤษ โดยมีการเปิดประเด็น้อนแรงของขบวนการ ล้มบอล สะท้อนโลกอย่างเป็นทางการ โดยนย จอห์น แอ็บบ็อท ตัวแทนจากตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีหลักฐานยืนยันตามกฎหมายเป็นทางการแล้วว่า ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีการว่าจ้าง ล้มบอล เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลกว่า 60-80 ประเทศ ทั่วดลก อดีตตำรวจสากลกล่าวต่อว่า จากการสืบสวนและจับกุมภายใต้โครงการกวาดล้างการล้มบอลชองฟีฟ่า และอินเตอร์โพลั้น พบว่า มีชบวนการอาชญากรรมข้ามชาติระดับโลก หรือแก็งมาเฟีย 5 ขบวนการใหญ่ระดับโลกจาก สาธารณรัฐประชนจีน, รัสเซีย, กลุ่มบอลข่าน, สหรัฐอเมริกา และอิตาลี ลงุทนทำธุรกิจมืดในวงการกีฬา โดยเแพาะวงการฟุตบอล ด้วยการว่าจ้างติดสินบน เพื่อให้มีการล้มบอลเกิดขึ้น ซึ่งมีเงินหมุนเวียนมากมายมหาศาล
http://www.now26.tv/mobile/view/21728/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5.html
นอกจากนี้ อินเตอร์โพล ยังมีหลักฐนยืนยันชัดเจนว่า แก๊งอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ ก้าวหน้าถึงชั้นตั้งบริษัทบังหน้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลอาชีพ เพื่อทำธุรกิจมด เพื่อจัดการล้มบอลได้อย่างแนบเนียนมากขึ้น ถึงจะมีหลักฐานชัดเจนว่า แก๊งอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ ก้าวหน้าถึงขั้นตั้งบริษัทบังหน้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลอาชีพ เพื่อทำธุรกิจมืด เพื่อจัดการล้มบอลได้อย่างแนบเนียนมากขึ้น ถึงจะมีหลลักฐานชัดเจนแต่ก็ยังเปิดเผยไม่ได้ว่า เป็นสโมสรฟุตบอบใด ในชาติใด เพรียงแตยืนยันได้แน่นอนว่ มีอย่างน้อย 1 สโมสรหใหญ่แล้ว..
ฟุตบอลลีก อิตาลี ต้นฉบับอื้อฉาวล้มบอลในวงการลูกหนัง การล้มบอล หรือล็อคผลการแข่งขันในวงการลูกหนัง อดีตที่ผานมามีหลายคนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด และรับโทษไปในที่สุดโดยลีกที่มีเรื่องฉาวอย่างต่อเนื่องต้องยกให้ฟุตบอลลีของอิตาลี ซึ่งมีทัั้งลีกสูงสุดของประเทศอย่างกัลโซ่ ซีเรียอา และลีกชั้นรองลงมา ไม่ว่าจะเป็นสโมสรใหญ่เล็กต่างล้วนมีเรื่องการล้มบอลมาเกี่ยวข้องจนเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลก
ยุเวนตุส ยักษ์ใหญ่ของศึกกัลโช่ เยถูกลงโทษปรับตกชั้นพร้อมกับริบแชมป์ 2 ฤดูกาลเมื่อปี 2006 เนื่องจากลูชาโน มอจจี้ บอสใหญ่ของทีมถูกพบว่าพัวพันกับการล้มบอ สุดท้ายศลสังจำคุกไป 5 ปี 4 เพือน ทั้งที่อิตาลีเป็นประเทศท่มีกฎหมายรองรับการล้มบอล และมีโทษหนักแต่กลับมีการล้มบอลลายคดี
อีกกรณีที่ได้รับโทษจากการล๊อคผลการแข่งขันคือ อันโตนิโอ คอนต์ กุนซือทีมยูเวนตุส ซ่งในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีสั่งห้ามคุมทัมเป็ฯเวลา 10 เดือน หลังกจากการสบสวนมายาวนาน และถูกตัดสินในที่สุดว่า มีความผิดสมัยคุมทีม เซียน่า ในซีเรีย โดยคอนเต้พัวพันกับการล้มบอลถึง 2 นัด กรณีของคอนเต้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีหลักฐานเป็นใบเสร็จก็จริง แตเหตุที่เขาถูกตัดสินว่ามีความผิด เพราะไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมจึงมีความพยายามเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันhttps://news.thaipbs.or.th/content/137463
หลังจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) แถลงข่าาวร่วมมือกับ ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) อย่างเป็นทางการเมือต้นเดือนพฤษภาม 2011 เป็นการยืนยันปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการล้มบอลระดับโลก ทั่วโลก เป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาว 10 ปี โดย "ฟีฟ่า" ให้การสนับสนุนงบประมาณ เบื้องต้น 20 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ตุลาคม 2011 "อิตาลี" เป็นชาติแรกของโลก ที่ประกาศตัวเซ็นสัญญาร่วมฝดครงการปราบปรามการล้มบอลกับ "ฟีฟ่า และตำรวจสากล" อย่างเป็นทางการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอิตาลี เป็นประธานและสักขีพยาน การเซ็นสัญญาร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามการล้มบอล ระหว่าง อธิบดีตำรวจของอิตาลีกับ เลาธิการตำรวจสากล
"...การล้มบอลกลายเป็นอาชญากรรมข้ามขาติระดับโลกไปอย่างสมบูรณืแบบแล้วในขณะนี้เครื่อข่ายอาชญากรจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังโจมตียูโรปอย่างหนักหน่วง ต่อเนื่องด้วยการใช้ธุรกิจการพนันนอกกฎหมายเป็นเครื่องมือ"
"..นี่ไม่เีพียงจะทำลายวงการกีฬาของโลกดดยส่วนรวมเท่านั้น แต่ถึงมีผลร้ายแรงถึงขันการทำร้ายสังคมและมนุษยชาติอย่างเลวรายโดยตรงอีกด้วย"
".. อิตาลีจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการกวาดล้างอาชญากรรมล้มบอลระดบโลกกับตำรวจสกลและฟีฟ่า อย่าางเต็มรูปแบบ ทุกๆ ด้าน และเราดีใจที่เป็นชาตแเรกของโลกท่ตัดสินใเช่นนี้" นั้นคือคำกว่าวของนายมาโรนี่ รมว. มหาไทยของอิตาลีขณะนั้น.
จากโครงการการร่วมือดังกล่าวนี้ ตำรวจสากล จะขยายเครือข่ายไปถึง อิตาลี เพื่อใช้เป็นฐานบัญชาการและศูนย์กลางปฏิบัติงานในทวีปยุโรป ตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 2011 เป็นต้นไป แลขาธิการตำรวจสากลแถลงว่า การได้ อิตาลี มาร่วมมือย่างเต็มูปแบบเช่นนี้ จะทำให้โครงการปราบปรามการล้มบอลของ "ฟีฟ่าและตำรวจสากล" มีความเข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ความเคลื่อนไหวของ อิตาลี ในการ่่วมมือกับ "ฟีฟ่าและตำรวจสากล" ครั้งนี้ นอกเหนือความคาดหมายของผุ้สังเกตุการณ์พอสมควร เพราะส่วนใหญ่แล้ว ไม่นึกว่า "อิตาลี" จะกล้าร่วมมืออย่างเต็มตัวขนาดนี้ ถึงขนาดเป็นวาระแห่งชาติ ที่เห็นพ้องกันทุกระดับขกฝ่ายการเมือง ทั้งระดับชาติ ระดับท้องถ่ินได้เป็นอันหนึงอันเดียวกันเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ เป็นที่รู้กันดีในแวดวงตำรวจ และกีฬา โดยเฉาพะวงการฟุตบอลระดับโลกโดยทั่วไปว่า อิตาลี นั้น คือเมืองหลวงแห่งการพนันฟุตบอล และการล้มบอบของทวีปยุโรปมาโดยตลอด
อิตาลี คือ ฐานที่มั่นและแหล่งกำเนิดของ "มาเฟีย" ระดับโลกขนานแท้ "มาเฟีย" เผ่าพันธุ์อิตาเลียน ไม่ว่าจะมาจากถ่ินกำเนินเมืองใด เกาะไหนๆ ก็ตาม ล้วนแตทำธุรกิจผิดกำฆมายที่เกี่ยวข้องกับการพันทุกรูปแบบ เป็นด้านหลักเสมอ
4-5 ทศวรรษก่อนนั้น ฟุตบอลลีกของอิตาเลียนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวว่า มีการติดสินบนว่าจ้างให้มีการล้มบอลกันอย่างใหญ่โต โดยมีขบวนการ "มาเฟีย" ชิชิเลี่ยน จากเกาะชิชิบีเป็นองค์กรบงการ
3 ทศวรรษก่อนนั้น การว่าจ้างล้มบอลยังเป็นเรื่องประจำของฟุตบอลลีกในอิตาลี และมีการขยายขอบเขตไปถึงขั้น ติดสินบนว่าจ้างให้ทีมสโมสรฟุตบอลของอิตาลี ในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์ยุโรป ฯลฯ ถึงขั้น "ซื้อ" แชมป์ยุโรป..
2 ทศวรรษล่าสุดนั้น การว่าจ้างล้มอบในอิตาลี ยังเข้มข้น ดุเดือนและดุดนมากย่ิงขึ้น ถึงขั้นมีการเรียกค่าไถ่นักฟุตบอล ผู้ตัดสินไปจนถึงการฆาตกรรมนักฟุตบอลบางคน เป็นการเซ่นสังเวยอำนาจมืดอีกด้วย..http://www.sportclassic.in.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2-5/
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้จัการสัมมนาฟุตบอลระดับโฃลก "ช็อกเก้อร์-เอ็กซ์" ที่เมืองแมนเชสเตอร์ อังกฤษ โดยมีการเปิดประเด็น้อนแรงของขบวนการ ล้มบอล สะท้อนโลกอย่างเป็นทางการ โดยนย จอห์น แอ็บบ็อท ตัวแทนจากตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีหลักฐานยืนยันตามกฎหมายเป็นทางการแล้วว่า ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีการว่าจ้าง ล้มบอล เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลกว่า 60-80 ประเทศ ทั่วดลก อดีตตำรวจสากลกล่าวต่อว่า จากการสืบสวนและจับกุมภายใต้โครงการกวาดล้างการล้มบอลชองฟีฟ่า และอินเตอร์โพลั้น พบว่า มีชบวนการอาชญากรรมข้ามชาติระดับโลก หรือแก็งมาเฟีย 5 ขบวนการใหญ่ระดับโลกจาก สาธารณรัฐประชนจีน, รัสเซีย, กลุ่มบอลข่าน, สหรัฐอเมริกา และอิตาลี ลงุทนทำธุรกิจมืดในวงการกีฬา โดยเแพาะวงการฟุตบอล ด้วยการว่าจ้างติดสินบน เพื่อให้มีการล้มบอลเกิดขึ้น ซึ่งมีเงินหมุนเวียนมากมายมหาศาล
http://www.now26.tv/mobile/view/21728/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5.html
นอกจากนี้ อินเตอร์โพล ยังมีหลักฐนยืนยันชัดเจนว่า แก๊งอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ ก้าวหน้าถึงชั้นตั้งบริษัทบังหน้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลอาชีพ เพื่อทำธุรกิจมด เพื่อจัดการล้มบอลได้อย่างแนบเนียนมากขึ้น ถึงจะมีหลักฐานชัดเจนว่า แก๊งอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ ก้าวหน้าถึงขั้นตั้งบริษัทบังหน้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลอาชีพ เพื่อทำธุรกิจมืด เพื่อจัดการล้มบอลได้อย่างแนบเนียนมากขึ้น ถึงจะมีหลลักฐานชัดเจนแต่ก็ยังเปิดเผยไม่ได้ว่า เป็นสโมสรฟุตบอบใด ในชาติใด เพรียงแตยืนยันได้แน่นอนว่ มีอย่างน้อย 1 สโมสรหใหญ่แล้ว..
ฟุตบอลลีก อิตาลี ต้นฉบับอื้อฉาวล้มบอลในวงการลูกหนัง การล้มบอล หรือล็อคผลการแข่งขันในวงการลูกหนัง อดีตที่ผานมามีหลายคนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด และรับโทษไปในที่สุดโดยลีกที่มีเรื่องฉาวอย่างต่อเนื่องต้องยกให้ฟุตบอลลีของอิตาลี ซึ่งมีทัั้งลีกสูงสุดของประเทศอย่างกัลโซ่ ซีเรียอา และลีกชั้นรองลงมา ไม่ว่าจะเป็นสโมสรใหญ่เล็กต่างล้วนมีเรื่องการล้มบอลมาเกี่ยวข้องจนเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลก
ยุเวนตุส ยักษ์ใหญ่ของศึกกัลโช่ เยถูกลงโทษปรับตกชั้นพร้อมกับริบแชมป์ 2 ฤดูกาลเมื่อปี 2006 เนื่องจากลูชาโน มอจจี้ บอสใหญ่ของทีมถูกพบว่าพัวพันกับการล้มบอ สุดท้ายศลสังจำคุกไป 5 ปี 4 เพือน ทั้งที่อิตาลีเป็นประเทศท่มีกฎหมายรองรับการล้มบอล และมีโทษหนักแต่กลับมีการล้มบอลลายคดี
อีกกรณีที่ได้รับโทษจากการล๊อคผลการแข่งขันคือ อันโตนิโอ คอนต์ กุนซือทีมยูเวนตุส ซ่งในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีสั่งห้ามคุมทัมเป็ฯเวลา 10 เดือน หลังกจากการสบสวนมายาวนาน และถูกตัดสินในที่สุดว่า มีความผิดสมัยคุมทีม เซียน่า ในซีเรีย โดยคอนเต้พัวพันกับการล้มบอลถึง 2 นัด กรณีของคอนเต้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีหลักฐานเป็นใบเสร็จก็จริง แตเหตุที่เขาถูกตัดสินว่ามีความผิด เพราะไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมจึงมีความพยายามเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันhttps://news.thaipbs.or.th/content/137463
หลังจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) แถลงข่าาวร่วมมือกับ ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) อย่างเป็นทางการเมือต้นเดือนพฤษภาม 2011 เป็นการยืนยันปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการล้มบอลระดับโลก ทั่วโลก เป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาว 10 ปี โดย "ฟีฟ่า" ให้การสนับสนุนงบประมาณ เบื้องต้น 20 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ตุลาคม 2011 "อิตาลี" เป็นชาติแรกของโลก ที่ประกาศตัวเซ็นสัญญาร่วมฝดครงการปราบปรามการล้มบอลกับ "ฟีฟ่า และตำรวจสากล" อย่างเป็นทางการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอิตาลี เป็นประธานและสักขีพยาน การเซ็นสัญญาร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามการล้มบอล ระหว่าง อธิบดีตำรวจของอิตาลีกับ เลาธิการตำรวจสากล
"...การล้มบอลกลายเป็นอาชญากรรมข้ามขาติระดับโลกไปอย่างสมบูรณืแบบแล้วในขณะนี้เครื่อข่ายอาชญากรจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังโจมตียูโรปอย่างหนักหน่วง ต่อเนื่องด้วยการใช้ธุรกิจการพนันนอกกฎหมายเป็นเครื่องมือ"
"..นี่ไม่เีพียงจะทำลายวงการกีฬาของโลกดดยส่วนรวมเท่านั้น แต่ถึงมีผลร้ายแรงถึงขันการทำร้ายสังคมและมนุษยชาติอย่างเลวรายโดยตรงอีกด้วย"
".. อิตาลีจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการกวาดล้างอาชญากรรมล้มบอลระดบโลกกับตำรวจสกลและฟีฟ่า อย่าางเต็มรูปแบบ ทุกๆ ด้าน และเราดีใจที่เป็นชาตแเรกของโลกท่ตัดสินใเช่นนี้" นั้นคือคำกว่าวของนายมาโรนี่ รมว. มหาไทยของอิตาลีขณะนั้น.
จากโครงการการร่วมือดังกล่าวนี้ ตำรวจสากล จะขยายเครือข่ายไปถึง อิตาลี เพื่อใช้เป็นฐานบัญชาการและศูนย์กลางปฏิบัติงานในทวีปยุโรป ตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 2011 เป็นต้นไป แลขาธิการตำรวจสากลแถลงว่า การได้ อิตาลี มาร่วมมือย่างเต็มูปแบบเช่นนี้ จะทำให้โครงการปราบปรามการล้มบอลของ "ฟีฟ่าและตำรวจสากล" มีความเข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ความเคลื่อนไหวของ อิตาลี ในการ่่วมมือกับ "ฟีฟ่าและตำรวจสากล" ครั้งนี้ นอกเหนือความคาดหมายของผุ้สังเกตุการณ์พอสมควร เพราะส่วนใหญ่แล้ว ไม่นึกว่า "อิตาลี" จะกล้าร่วมมืออย่างเต็มตัวขนาดนี้ ถึงขนาดเป็นวาระแห่งชาติ ที่เห็นพ้องกันทุกระดับขกฝ่ายการเมือง ทั้งระดับชาติ ระดับท้องถ่ินได้เป็นอันหนึงอันเดียวกันเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ เป็นที่รู้กันดีในแวดวงตำรวจ และกีฬา โดยเฉาพะวงการฟุตบอลระดับโลกโดยทั่วไปว่า อิตาลี นั้น คือเมืองหลวงแห่งการพนันฟุตบอล และการล้มบอบของทวีปยุโรปมาโดยตลอด
อิตาลี คือ ฐานที่มั่นและแหล่งกำเนิดของ "มาเฟีย" ระดับโลกขนานแท้ "มาเฟีย" เผ่าพันธุ์อิตาเลียน ไม่ว่าจะมาจากถ่ินกำเนินเมืองใด เกาะไหนๆ ก็ตาม ล้วนแตทำธุรกิจผิดกำฆมายที่เกี่ยวข้องกับการพันทุกรูปแบบ เป็นด้านหลักเสมอ
4-5 ทศวรรษก่อนนั้น ฟุตบอลลีกของอิตาเลียนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวว่า มีการติดสินบนว่าจ้างให้มีการล้มบอลกันอย่างใหญ่โต โดยมีขบวนการ "มาเฟีย" ชิชิเลี่ยน จากเกาะชิชิบีเป็นองค์กรบงการ
3 ทศวรรษก่อนนั้น การว่าจ้างล้มบอลยังเป็นเรื่องประจำของฟุตบอลลีกในอิตาลี และมีการขยายขอบเขตไปถึงขั้น ติดสินบนว่าจ้างให้ทีมสโมสรฟุตบอลของอิตาลี ในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์ยุโรป ฯลฯ ถึงขั้น "ซื้อ" แชมป์ยุโรป..
2 ทศวรรษล่าสุดนั้น การว่าจ้างล้มอบในอิตาลี ยังเข้มข้น ดุเดือนและดุดนมากย่ิงขึ้น ถึงขั้นมีการเรียกค่าไถ่นักฟุตบอล ผู้ตัดสินไปจนถึงการฆาตกรรมนักฟุตบอลบางคน เป็นการเซ่นสังเวยอำนาจมืดอีกด้วย..http://www.sportclassic.in.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2-5/
วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561
UEFA Attacking
ค.ศ.2011 จากผลงานอันโดดเด่นดดยเฉพาะรเื่อการกวาดล้าง "สินบนและล้มบอล" ดงกล่าว ทำให้พลาตินี่ ได้รับการเลื่อกตั้งเป็นปรธานยูฟ่าสมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดยไม่มีคู่แข่งขัน พลาตินี่่และยูฟ่า กดดันและผลักดันให้ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ต้องออกโรงมาร่วมวงอย่างเต็มตัวในทีุ่สุด
สหภาพยุโรป (อียู) ตกลงให้ความรวมมือกัน "ยูฟ่า" ในกระบนการสร้างสรรวงการฟุตบอลยุโรปให้ดกว่าเดิมอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีนโยบายหลัก 5 ข้อใหญ่ ซึ่งมีเรื่องของมาตรการ้องกัน ปราบปราม การพนันผิดกฎหมายและการล้มยอ รวมอยู่ด้ย ล่าสุด "ยูฟ่า" กำหนดเป็นข้อบังคั สำหรับผุ้เกี่ยวข้องทุกระดับ ของสโมสรฟุตบอลทุกแห่งทุกขาติที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล แชมเปี่ยนส์ ลัก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ไว้ว่า "ต้อง" ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตาม มาตรการป้องกันและปราบปรามประเพณีมิชอบ โดยเฉาพะเรื่อง "สินบนและล้มบอล" อย่างเคร่งครัด จากมาตรการอันจริงจัง ต่อเนื่องของ พลาตินี่ ในฐานะผู้นำองค์กรลูกหนังยุโรปดังกล่าว จึงมีความคืบหน้าต่อเนื่อง เป็นูปธรรมมากขึ้นตามลำดับ
28 กันยายน ค.ศ. 2011 กลายเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของวงการฟุตบอลยุโรป และทวีปยุโรป อย่างเป็นทางการเมื่อท่่ประชุมรัฐสภายุโรป ในเมืองสตราส์บูร์กของฝรั่งเศส ดดยรัฐมนตรีจาก 47 ประเทศของทวีปยุโรป ลงมติให้สัตยาบันร่วมกัน เพื่อยกระดับความร่วมมือของ "มาตรการป้องกันและปราบปราม การล้มบอล รวมทั้งการสมยอมทางการกีฬา"ทุกชนิด ทุกรูปแบบ ให้เป็นแนวทางกฎหมายระดับชาติ และระดับทวีป อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อไป
เป็นการผลักดันให้ทุกประเทศในทวีปยุโรป ออกกฎหมายใหม่เฉพาะคือ กฎหมายล้มบอล และหรือ กฎหมายสมยอมทางการกีฬา ออกมาบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
จากแนวทางดังกล่าว ถือเสมือนว่า การล้มบอล และ/หรือ การสมยอมทางการกีฬา นั้น เป็นการทำผิดกฎหมายอาญา และเป็นอาชญากรรมอีกแขนงหนึ่ง ดังนั้น จึงมีคำเสนอแนะในแง่มุมต่างๆ อย่างครบวงจร เพื่อประกอบการบังคัใช้กฎหมาย และการปฏิบัติที่เกี่นวข้องด้านต่างๆ ตอไป
มิเชล พลาตินี่ แถลงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐสภายุโรป ที่เมืองสตารส์บูร์ก ฝรั่งเศส
"..ผมขอบพระคุณฝ่ายการเมือง และนักการเมืองุกท่าน ที่เข้าใจและตระกนักในความสำคัญของเรื่องนี้ และเล็งเห็นภัยของการล้มบอล หรือการสมยอมทางการกีฬาทุกชนิดว่า เป็นมหนัตภัยอันร้ายแรงของวงการกีฬายุโรป และทวีปยุโรปในขณะนี้"
นั่นเป็นคำกล่าวเร่ิมต้นของพลาตินี่ ที่ยกตัวเลขประกอบความน่าสะพรึงกลัวให้ทุกคนตระหนักอีกครั้งหนึ่ง ว่า
ยูฟ่า มีสมาชิกทั้งหมด 51 ประเทศ มีการแข่งขันฟุตบอลลีกของทุกชาติ รวมกันแล้ว เฉลี่ยปีละ 29,000 นัด ขึ้นไป มีการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับทวีปยุโรปอีก รวมกันแล้วเฉี่ยปีละ 1,800 นัดขึ้นไป การแข่งขันฟุตบอลลีกของทุกขาตินั้น ปรากฎว่า ในกระดับรองหรือต่ำลงไปนั้น มีการล้มยอลเกิดขึ้นทุกลคก ไม่น้อยกว่า 55% ของการแข่งขัน
ถึงวันนี้ ปรากฎหลักฐานยืนยันว่า มีลีกสูงสุดหรือดิวิชั่น 1 ของ 3 ชาติเป็นอย่างน้อย ที่มีการล้มบอลเกิดขึ้นมากกว่า 75% แล้ว
" การล้มบอลแพร่หลายอย่างรวดเร็ว มีการพนันออนไลน์เป็นเครื่องมือสนับสนุนและส่งเสริมอันร้ายกาจ จนยากจะหาวิธีการใดๆ มายับยั้งได้โดยง่ายอีกต่อไปแล้ว" พลาตินี่ยืนยันว่า ทุกวันนี้ ไม่มีฟุตบอลลีกของชาติใดในทวีปยุโรป ที่ไม่มีการล้มบอลอีกต่อไปแล้ว และเป้าหมายสูงสุดของขบวนการล้มบอล นขณะนี้คือ ..ลีกสูงสุดของทุกขาติในทวีปยุโรป ดดยเฉาพะลีกยุดรปที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก!!
พลาตินี่บอกว่า วงเงินหมุนเวียนของ การล้มบอล ในทวีปยุโรปขณะนี้ มากมายเกินกว่าจะประเมินได้จริงๆ พลาตินี่ประกาศว่า รัฐบาบของ 6 ชาติประกอบด้วย อิตาลี, โปรตุเกส, สเปน, เครือจักรภพ, อังกฤษ, บับแกเรีย, โปแลนด์ ดำเนินมาตาการตามกระบวนการยุติธรรม ด้วยการประกาศกฎหมายล้มบอล ออกมาบังคับใช้โดยตรงแล้ว ขณะที่อีกหลายชาติก็ออกกฎหมายคล้ายกัน คือ กฎหมายสมยอมทางการกีา ออกมาบังคับใช้แล้วอีกด้วย
เป็นความเคลื่อนไหว ที่สอดคล้องต่อเนื่องหลังจากที่ประชุม รัฐสภาเยอมนี ลงมติเมื่อเดือน สิงหาคม 2011 ให้คณะกรรมาธิการการกีฬา รัฐสภาเยอรมนีดำเนินการกำหนดมาตการและวิธีการทุกอย่างในระดับนธยบาย และระดับปฏิบัติการทั้งปวง เพื่อป้องกันและปราบปรามการล้มบอล รวมท้ง การคอรัปี่น หรือการทุจริต ฉ้อฉลในวงการกีฬาอย่างเป็นทางการให้ถีงที่สุดต่อไป
นี่คือ ผลงานตอยอดของทางการ เยอรมนี หลังจากสมารถจัดการเด็ดขั้ว ขบวนการล้มบอลของทวีปยุโรปได้เป็นประเดิมาแล้วเปลาะหนึ่ง
จากนั้น เยอรมนี ก็ผลักดันมาตรการกฎหมายทุกอย่าง เพื่อกวาดล้าง การล้มบอล และการสมยอมทางการกีฬา อย่างเด็ขาด รวมทั้งการขยายขอบเขตไปสู่การปกิบัติการใหม่ เพื่อกดดัน และผลักดันให้ "องค์กรกีฬา" ระดับชาติ ระดับนานาชาติ และระดับโลก ให้มีธรรมาภิบาล โปร่งใส และยุติธรรม ปราศจากการทุจริตฉ้อฉล ชนิดที่สามารถพิสูจน์ได้โดยง่ายต่อสาธารณชน
นี่คือปฐมบทแบบเป้นทางการของ ทวีปยุโรป ก่อนจะผลิตออกผลมาเป็นปฏิบัติการ "วีโต้" ของตำรวจสหภาพยุโรป หรือ "ยูโรโพล" ที่ส่งผลสะท้อนไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
ปฎิบัติการ "วีโต้" ดังกล่าว ใช้เวลา 18 เดือน จากเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011- มกราคม 2013
ค.ศ.2013 ปฏิบัติการดังกล่าวขยายขอบเขตไปสู่ภาคปฏิบัติกันอย่างเป็นรูปธรรม จริงจัง ต่อเนื่อง ล่าสุด คือ การร่วมมือของ "ยูฟ่า" กับ ตำรวจยุโรป (ยูโรโพล) ที่ผลิดอกออกผลมาจนสะท้านไปทั้งโลก เมื่อ "ยูโรโพลล" แถลงข่าวเป็นทางการที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนและสอบสวนในรอบ 18 เพือน มีหลักฐานเป็นรูปธรรมว่า มีกรณีและคดี "ล้มบอล" เกิดขึ้น ทั้งหมด 680 นัด แยกเป็น 380 นัดในทวีปยุโรป และอีก 300 นัดกระจายไปในทวีปเอเชีย แอฟริกา อเมริกากลาง อเมริกาใต้
เฉพาะในทวีปยุโรปนั้น มี "ล้มบอล" ในฟุตบอลลีกระดับชาติ รวมทั้งฟุตบอลลีกของ "ยูฟ่า" ตลอดจนฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ ทวีปยุโรป และฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในพื้นที่ 15 ประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้ 425 คน ซึ่งประกอบด้ยนักฟุตบอล ผุ้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน เจ้าหน้าที่ทีม ผุ้บริหารสโมสร และอาชญากร ฯลฯ..http://www.sportclassic.in.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2-4/
สหภาพยุโรป (อียู) ตกลงให้ความรวมมือกัน "ยูฟ่า" ในกระบนการสร้างสรรวงการฟุตบอลยุโรปให้ดกว่าเดิมอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีนโยบายหลัก 5 ข้อใหญ่ ซึ่งมีเรื่องของมาตรการ้องกัน ปราบปราม การพนันผิดกฎหมายและการล้มยอ รวมอยู่ด้ย ล่าสุด "ยูฟ่า" กำหนดเป็นข้อบังคั สำหรับผุ้เกี่ยวข้องทุกระดับ ของสโมสรฟุตบอลทุกแห่งทุกขาติที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล แชมเปี่ยนส์ ลัก ฟุตบอลยูโรป้า ลีก ไว้ว่า "ต้อง" ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตาม มาตรการป้องกันและปราบปรามประเพณีมิชอบ โดยเฉาพะเรื่อง "สินบนและล้มบอล" อย่างเคร่งครัด จากมาตรการอันจริงจัง ต่อเนื่องของ พลาตินี่ ในฐานะผู้นำองค์กรลูกหนังยุโรปดังกล่าว จึงมีความคืบหน้าต่อเนื่อง เป็นูปธรรมมากขึ้นตามลำดับ
28 กันยายน ค.ศ. 2011 กลายเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของวงการฟุตบอลยุโรป และทวีปยุโรป อย่างเป็นทางการเมื่อท่่ประชุมรัฐสภายุโรป ในเมืองสตราส์บูร์กของฝรั่งเศส ดดยรัฐมนตรีจาก 47 ประเทศของทวีปยุโรป ลงมติให้สัตยาบันร่วมกัน เพื่อยกระดับความร่วมมือของ "มาตรการป้องกันและปราบปราม การล้มบอล รวมทั้งการสมยอมทางการกีฬา"ทุกชนิด ทุกรูปแบบ ให้เป็นแนวทางกฎหมายระดับชาติ และระดับทวีป อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อไป
เป็นการผลักดันให้ทุกประเทศในทวีปยุโรป ออกกฎหมายใหม่เฉพาะคือ กฎหมายล้มบอล และหรือ กฎหมายสมยอมทางการกีฬา ออกมาบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
จากแนวทางดังกล่าว ถือเสมือนว่า การล้มบอล และ/หรือ การสมยอมทางการกีฬา นั้น เป็นการทำผิดกฎหมายอาญา และเป็นอาชญากรรมอีกแขนงหนึ่ง ดังนั้น จึงมีคำเสนอแนะในแง่มุมต่างๆ อย่างครบวงจร เพื่อประกอบการบังคัใช้กฎหมาย และการปฏิบัติที่เกี่นวข้องด้านต่างๆ ตอไป
มิเชล พลาตินี่ แถลงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐสภายุโรป ที่เมืองสตารส์บูร์ก ฝรั่งเศส
"..ผมขอบพระคุณฝ่ายการเมือง และนักการเมืองุกท่าน ที่เข้าใจและตระกนักในความสำคัญของเรื่องนี้ และเล็งเห็นภัยของการล้มบอล หรือการสมยอมทางการกีฬาทุกชนิดว่า เป็นมหนัตภัยอันร้ายแรงของวงการกีฬายุโรป และทวีปยุโรปในขณะนี้"
นั่นเป็นคำกล่าวเร่ิมต้นของพลาตินี่ ที่ยกตัวเลขประกอบความน่าสะพรึงกลัวให้ทุกคนตระหนักอีกครั้งหนึ่ง ว่า
ยูฟ่า มีสมาชิกทั้งหมด 51 ประเทศ มีการแข่งขันฟุตบอลลีกของทุกชาติ รวมกันแล้ว เฉลี่ยปีละ 29,000 นัด ขึ้นไป มีการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับทวีปยุโรปอีก รวมกันแล้วเฉี่ยปีละ 1,800 นัดขึ้นไป การแข่งขันฟุตบอลลีกของทุกขาตินั้น ปรากฎว่า ในกระดับรองหรือต่ำลงไปนั้น มีการล้มยอลเกิดขึ้นทุกลคก ไม่น้อยกว่า 55% ของการแข่งขัน
ถึงวันนี้ ปรากฎหลักฐานยืนยันว่า มีลีกสูงสุดหรือดิวิชั่น 1 ของ 3 ชาติเป็นอย่างน้อย ที่มีการล้มบอลเกิดขึ้นมากกว่า 75% แล้ว
" การล้มบอลแพร่หลายอย่างรวดเร็ว มีการพนันออนไลน์เป็นเครื่องมือสนับสนุนและส่งเสริมอันร้ายกาจ จนยากจะหาวิธีการใดๆ มายับยั้งได้โดยง่ายอีกต่อไปแล้ว" พลาตินี่ยืนยันว่า ทุกวันนี้ ไม่มีฟุตบอลลีกของชาติใดในทวีปยุโรป ที่ไม่มีการล้มบอลอีกต่อไปแล้ว และเป้าหมายสูงสุดของขบวนการล้มบอล นขณะนี้คือ ..ลีกสูงสุดของทุกขาติในทวีปยุโรป ดดยเฉาพะลีกยุดรปที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก!!
พลาตินี่บอกว่า วงเงินหมุนเวียนของ การล้มบอล ในทวีปยุโรปขณะนี้ มากมายเกินกว่าจะประเมินได้จริงๆ พลาตินี่ประกาศว่า รัฐบาบของ 6 ชาติประกอบด้วย อิตาลี, โปรตุเกส, สเปน, เครือจักรภพ, อังกฤษ, บับแกเรีย, โปแลนด์ ดำเนินมาตาการตามกระบวนการยุติธรรม ด้วยการประกาศกฎหมายล้มบอล ออกมาบังคับใช้โดยตรงแล้ว ขณะที่อีกหลายชาติก็ออกกฎหมายคล้ายกัน คือ กฎหมายสมยอมทางการกีา ออกมาบังคับใช้แล้วอีกด้วย
เป็นความเคลื่อนไหว ที่สอดคล้องต่อเนื่องหลังจากที่ประชุม รัฐสภาเยอมนี ลงมติเมื่อเดือน สิงหาคม 2011 ให้คณะกรรมาธิการการกีฬา รัฐสภาเยอรมนีดำเนินการกำหนดมาตการและวิธีการทุกอย่างในระดับนธยบาย และระดับปฏิบัติการทั้งปวง เพื่อป้องกันและปราบปรามการล้มบอล รวมท้ง การคอรัปี่น หรือการทุจริต ฉ้อฉลในวงการกีฬาอย่างเป็นทางการให้ถีงที่สุดต่อไป
นี่คือ ผลงานตอยอดของทางการ เยอรมนี หลังจากสมารถจัดการเด็ดขั้ว ขบวนการล้มบอลของทวีปยุโรปได้เป็นประเดิมาแล้วเปลาะหนึ่ง
จากนั้น เยอรมนี ก็ผลักดันมาตรการกฎหมายทุกอย่าง เพื่อกวาดล้าง การล้มบอล และการสมยอมทางการกีฬา อย่างเด็ขาด รวมทั้งการขยายขอบเขตไปสู่การปกิบัติการใหม่ เพื่อกดดัน และผลักดันให้ "องค์กรกีฬา" ระดับชาติ ระดับนานาชาติ และระดับโลก ให้มีธรรมาภิบาล โปร่งใส และยุติธรรม ปราศจากการทุจริตฉ้อฉล ชนิดที่สามารถพิสูจน์ได้โดยง่ายต่อสาธารณชน
นี่คือปฐมบทแบบเป้นทางการของ ทวีปยุโรป ก่อนจะผลิตออกผลมาเป็นปฏิบัติการ "วีโต้" ของตำรวจสหภาพยุโรป หรือ "ยูโรโพล" ที่ส่งผลสะท้อนไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
ปฎิบัติการ "วีโต้" ดังกล่าว ใช้เวลา 18 เดือน จากเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011- มกราคม 2013
ค.ศ.2013 ปฏิบัติการดังกล่าวขยายขอบเขตไปสู่ภาคปฏิบัติกันอย่างเป็นรูปธรรม จริงจัง ต่อเนื่อง ล่าสุด คือ การร่วมมือของ "ยูฟ่า" กับ ตำรวจยุโรป (ยูโรโพล) ที่ผลิดอกออกผลมาจนสะท้านไปทั้งโลก เมื่อ "ยูโรโพลล" แถลงข่าวเป็นทางการที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนและสอบสวนในรอบ 18 เพือน มีหลักฐานเป็นรูปธรรมว่า มีกรณีและคดี "ล้มบอล" เกิดขึ้น ทั้งหมด 680 นัด แยกเป็น 380 นัดในทวีปยุโรป และอีก 300 นัดกระจายไปในทวีปเอเชีย แอฟริกา อเมริกากลาง อเมริกาใต้
เฉพาะในทวีปยุโรปนั้น มี "ล้มบอล" ในฟุตบอลลีกระดับชาติ รวมทั้งฟุตบอลลีกของ "ยูฟ่า" ตลอดจนฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ ทวีปยุโรป และฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในพื้นที่ 15 ประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้ 425 คน ซึ่งประกอบด้ยนักฟุตบอล ผุ้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน เจ้าหน้าที่ทีม ผุ้บริหารสโมสร และอาชญากร ฯลฯ..http://www.sportclassic.in.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2-4/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...