วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

THE DEATH OF BALDUR

             
ระหว่างที่เสียงร่ำไห้ระงมทั่วแอสการ์ด เฮอร์มอดก็เข้าใกล้นิฟส์ไฮล์มเข้าไปทุกที เขาขี้ม้าแปดขาข้ามสะพานจิอัลลา สะพานที่ทอดข้าม จิอัล แม่น้ำแห่งความตาย ม้าพาคนที่กระโดดไกลเข้าประตูนรกไปสู่วังของเฮลกลางใจแผ่นดินนิฟล์ไฮล์มอย่างรวดเร็ว
              ในการเข้าถึงโลงเลี้ยงอาหารของเฮลนี้เอง เฮอร์มอดเห้นบาลเดอร์และนันนานั่งอยู่บนเก้าอี้ อาหารเบื้องหน้าไม่ได้รับการแตะต้อง เช่นเดียวกับเหล้าที่วางไว้เคียงกัน วิญาณของสองเทพดูจะตายเช่นเดียวกัยร่าง เฮอร์มอดพยายามให้กำลังใจผลักดันบาลเดอร์ว่าเขาควรกลับไปอยู่แดนของสิ่งมีชีวิต แต่วิญญาณของเทพตอบด้วยความเศณ้ษว่า มันเป็นไปไม่ได้อีแล้ว
             เฮอร์มอดพบเฮล บอกคำอ้อนวอนของพระนางฟริกก้า เฮลจ้องหน้าเทพด้วยดวงตาเย็นชา นางตอบว่า หากทุกสิ่งทุกอย่างในโลกทั้ง ต ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ร้องไห้ให้กับการจากไปของบาลเดอร์ นางจะยอมปล่อยให้เทพกลับไปมีชีิวิตอีกครั้ง แค่เพียงนี้ก็เป็นการต่อรองที่ดูจะมีหวัง เฮอร์มอดรีบกลับแอสการ์ด แจ้งเรื่องที่เฮลบอกให้โอดินทราบ
           
ข่าวของเทพบุตรหนุ่มสร้างความหวังริบหรี่ให้โอดิน เขาส่งทูตทั้งสี่ออกไปบอกข่าวแก่สิ่งต่างๆ ในโลกชนิดปูพรมแน่ใจว่า บาลเดอร์เป็นที่รักของทุกคนและทุกสิ่ง ไม่ยากเลยที่คนเหล่านั้นหรือสิ่งเหล่านั้นจะร่ำไห้ และทูตก็ทำงาน ได้ดี กระทั้งฝุ่นและหินก็ยังหลั่งน้ำตาของมันแก่เทพผุ้ล้มลงตาย ทูตทั้งสี่กลับแอสการ์ ระว่างทางกลับนั้น พวกเขาบังเอญเห็นถ้ำแห่งหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทูตสวรรค์ก็เลยลองเดินไปข้างใน พบนางยักษ์ธรอค
จึงแจ้งข่าวการตายของบาลเดอร์แก่นาง แต่นางยักษ์ฟังแล้วก็นิ่งเฉย ทูตถามย้ำว่าไม่เสียใจเรื่องความตายของเทพแห่งแสงสว่างบ้างเลยเชียวหรือ ยักษ์"ธรอค"มองหน้าทูตแล้วว่า นางไม่รุ้สึกอะไรเลย คำตอบของยักษ์ตนนี้คนเดียวเท่าน้น ทำให้บาลเดอร์ตกอยู่ในเงื้อมมือของเฮลตลอดไป
             ทูตสวรรค์กลับแอสการ์ดพร้อมกับข่าวร้าย แจ้งแก่เทพว่าทุกสิ่งทุกอย่างร่ำไห้แก่บาลเดอร์ ยาเหว้นสิ่งเดียวคือยักษ์ธรอค ยักษ์ที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อน ความน่ิงเฉยของยักษ์ตนนี้ทำให้
บาสเดอร์ไม่มีทางฟ้นกลับมาสู่สวรรค์อีกแล้ว ท้องพระโรงแอสการ์ดเต็มไปด้วยความเศ็าอีกครั้ง ไม่มีใครทันสังเกตแววตาสะใจวะวับของโลกิ ที่ยัะงคงแกล้งทำเป็นเสียใจ มันเป็นแววตาเดียวกับนางยัษ์ผุ้ม่ร่ำไห้...ยักษ์คิณีตนนั้นก็คือโลกินั้นเอง
            ความตายของบาลเดอร์นับเป็นต้นเหตุแห่งความเกลียดชังสำคัญระหวางเทพและโลก แต่คนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องนี้ คงเป็นโฮเดอร์ ผุ้ซึ่งถูกโลกิยืมมือให้ฆ่าแฝดผู้น้องโดยไม่รู้เรื่องรุ้ราว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลายเป็นเทพผุ้ถูกชังมากเข้าไปอีก...writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=10

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Baldur and Hodur II

           ..... โลกิมองหาคนที่จะยืมมือได้ ทันที่เขาเห็นโฮเดอร์เทพตาบอดซึ่งถูกกีดกันจากเทพด้วยกันเองเสมอๆ ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง กำลังคลำงุ่มง่ามเปะปะไปตามผนัง เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมส์ ขว้างปาบาลเดอร์เพราะมองไม่เห็น โลกิ เกินเข้าไปโอบไหลโฮเดอร์ ทำเป็นมีเมตตา แล้วเร่ิมกล่อม
           " ทำไมเจ้าไม่หาอะไรมาข้างปาร่วมงานฉลองกับเขาบ้างเล่า" โลกิเอ่ย  "ก็ข้า..ข้ามองไม่เห็น แล้วก็ไม่รู้จะเอาของอะไรที่ไหนด้วย" โฮเดอร์ว่า โลกิเอาลูกศรไม้มิสเซิบโทใส่มือบาลเดอร์ และกล่าวว่า "เอาของข้าก่อนก็ได้ " โฮเดอร์จึงตอบว่า "แต่ข้าก็ม่เห็นอยุ่ดี" โลกิจึงตอบว่า "ไม่เป็นไร ข้าช่วย" โลกิจูงโฮเดอร์มาต่อแถว จับมือเทพตาบอดให้ถือศรเล็งตรงทาง "เอาละ ขว้าง"
            ไม้มิสเซิลโทวิ่งตรงแทงเข้าไปในอกบาลเดอร์ เขาชะงักค้าง ตาเหลือก ส่งเสียงกรนยาวออกมาแค่ครั้งเดียวก็ล้มลงกับพื้นสิ้นใจ..
             ทั่วทั้งท้องพระโรงงงงัน เงียบเสียงในทันใด ต่างคตนต่างช็อกกับภาพตรงหน้า แต่วินาที่น้นหลายคนหันไปทางตำแหน่งที่โฮเดอร์ยืน ทันได้เห็นโลกิยือนอยู่เบื้องหลังเทพตาบอด มือของเขาที่จับมือโฮเดอร์ช่วยเล็งยังค้างอยู่ เทพอีเซอร์รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นความแค้น รุมเข้ามาที่โลกิราวกับจะฉีกเนื้อ โลกิปลอ่ยเทพตาบอดแล้วหนีไปด้วยความกลัว
           
ตอนนั้นคึวามโทมนัสแผ่เข้าแทนที่ความรื่นเริง ไม่ว่าเทวาองค์ไนก็ไม่สามารถเก็บความเศร้าไว้ได้ เสียงแห่งการเฉลิมฉลองเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นเสียงระงมแห่งความโศกเศร้า แต่ความเศร้าใดๆ ของใคร ก็ไม่อาจเปรียบเที่ยบได้กับความเศร้าของ โอดิน นอกจากบาลเดอร์จะจากไปเ ขาเป็นคนเดียวที่รุ้ล่วงหน้าแล้วว่ เมื่อไร ก็ตามที่แสงส่วงและสัจจธรรมหายไปจากโลก เวลาแร็กนาร็อคก็ใกล้เข้ามา ต่อแต่นี้ ความชั่วและความตายจะมีพลังมากจนสั่นสะเื่อนความมั่นคงของจักรวาล โลกทั้งเก้าจะถูกทำลายราบเหลือเพียงกอเถ้าถ่าน
             ท่ามกลาวความโศรกเศร้านั้น ฟริกก้าพยายามหาทางแก้ไข พระนางถามหาผุ้กล้าที่สุดที่จะลงไปยังนรกไปนำวิญญาณบาลเดอร์กลับขึ้นมาสู่โลกแห่งชีวิต ปรากฎว่าเฮอร์มอด ลูกของนางอีกคนอาสา โอดินจึงให้นำม้าแปดขาของพระองค์ไปใช้
            ทันที่ที่เสียงฝีเท้าม้าจากไ โอดินสั่งให้เตรียมงานศพ ร่างของบาลเดอร์ถูกนำไปชำระล้างยังเบรดดาลิควังของตนขณะเดียวกันต้นไม้จำนวนมากถูกโค่นสำหรับเผาบาลเดอร์ ไม้ฝืนเหล่านี้เอาไปกองเรียงกันไว้บนดาคฟ้าเรื่องริงฮอร์น เรือหัวมังกรของเขาเอง จากนั้นร่างของเทพแห่งแสงส่างก็ไดรับการแต่งตัวในชุดสงคราม ถูกนำไปวางไว้บนกองฟืนกองนั้นเทพต่างๆ ช่วยกันนำของมีค่าและสิ่งสวยงามของตน วางไว้ข้างศพบาลเดอร์ในเรื่อเพื่อเป็นการเคารพครั้งสุดท้าย..โอดินวางแหวนเดราป์เนียร์ แหวนแห่งพิภพไว้บนอกบูกชาย (แหวนวงนี้กลับมาอีกครั้งเมื่อบาลเดอร์ฟื้นหลังช่วงแร็กนาล็อก) ก้มลงกระซิบบางอย่างข้างหูศพ กระทั่งทุกวันนี้ไม่มีใครรุ้ว่าจอมเทพกระซิบอะไร..แต่คาดว่าเป็นคำศักดิ์สิทธิสั่งในห้บาลเดอร์คืนชีพ โอดินเป็นเดียวที่รุ้ว่าลูกชายของตนจะกลับมาอีกคร้งหลังแร็คนาล็อก
               
นันนาเป็นคนสุดท้ายที่มาจูบลาสามีของหล่อน ความโศกศร้าแล่นขึ้นมาจับหัวใจเธออีกครั้งหลังจากที่ร้องไห้คร่ำครวญจนเป็นมไปหลายครั้ง แต่คราวนี้ความเสียงใจที่พลุ่งขึ้นมาทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย นันนาล้มลงขาดใจตายข้าศพสามี ร่างของเธอจึงถูกยกวางไ้ข้างเขาเพื่อจะทำพิธีเผาไปด้วยกัน
                เมื่อทุกอย่างตระเกรียมเสร็จสิ้น ขั้นตอนที่เศร้าที่สุดคือปล่อยเรือลงน้ำ แต่ว่าในขณะนั้นน้ำหนักของฟืนและน้ำหนักของสมบัติหนักจนเรือขยับไม่ได้ โอดินสั่งคนสื่สารไปโจตัสไฮล์มขอความช่วยเหลือจาก ยักษ๊ภเขา นาม https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=10
เฮอร์โรคิน มาช่ยนำเรือลงน้ำ เมื่อปรากฎตัวของนางทำเอาชาวแอสการ์ขวัญหนี้ดีฝ่อ เนื่องจากควาใหญ่โตมโหฬารของนางยักษ์แล้ว นางยังขี้หลังหมาป่ายักยักษ์เดินทางสมาด้วย สายบังเหนียนเป็นงูพันกันดูน่ากลัว..เฮอร์โรคินใช้มือดันเรืองออกจาท่า เสียงเรืองริงฮอร์นลั่นเอี๊ยดอ๊าดเสียดประสาทหูไปทั่วทั้ง 9 ภิภพ กองไฟถูกจดขึ้น ธอร์กระโดดขันบนดานฟ้ายกค้อนจอลเนียร์ขึ้นสูงแล้ว ร่ายเวทนย์ป้องกันให้บาลเดอร์เดินทางสู่นิฟล์ไฮล์ม เรื่องริงฮอร์นลอยไปสู่ขอบฟ้า เพลิงที่จุดกลางลำเรือเผาทั้งศพของบาลเดอร์และนันนาไปกับตัวเรือ ซากที่เหลือไมามากจมลงใต้ท้องทะเลเวลาเดียวกัยที่อาทิตย์ตก การจากไปของเทพทั้งสองทำให้ภาพตะวันตกดินเป็นภาพงามที่เศร้าที่สุดที่ชาวแอสการ์ดเคยเห็น...

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Baldur and Hodur

           
บัลเดอร์ เทพแห่งรุ่งอรุณผู้มีรูปโฉมงดงามกว่าใคร เชียวชาญการใช้สมุนไพร เป็นลูกของโอดินกับปรกก้า เขาเป็นผุ้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพรูปงามที่สุดในบรรดาทวยเทพทั้งหมดของแอสการ์ด บาลเดอร์มีผมสีบรอนด์ทอง ซึ่งเปรียบได้ดั้งรังสีแห่งดวงอาทิตย์ เป็นผู้ทรงภูมิความรุ้มากองค์หนึ่ง เขารุ้เรื่องอังษรรูนและเรื่องสมุนไพรเยียวยาความป่วยไข้ ทำให้เขากลายเป็นเทพหลักของมนุษย์ในช่วงที่มีโรคภัยเบียดเบียนมิการ์ด..บาเดอร์เป็นเทพที่เป็นที่รักของเหล่าเทพในมิการ์ดยกเว้นเพียง..โลกิ
           โอเดอร์ คือน้องชายฝาแฝด ซึ่งเป็นเช่นด้านตรงข้ามของบัลเดอร์ หากบาลเดอร์เป็นเทพแห่งแสงสว่าง โฮเดอร์ก็คือเทพแห่งความมืด หากบาลเดอร์เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ โฮเดอร์ ก็คือ ตัวแทนของบาป บาบเดอร์สามารถมองเห็นส่ิงต่าง ๆ อย่างชัดเจน โอเดอร์ก็ตาบอดสนิท
            วันหนึ่งบาลเดอร์ฝันร้ายเห็นตัวเองเดินอยุ่ในความมืด รอบข้างทางเดินเป็นศพคนตายและวิญญาณคนตายในรูปร่างน่าสยดสยองนับพันนับหมื่นที่ต่างชูมือยื้อแย่งตัวเขา มันเป็นฝันที่ทำให้เบาลเดอร์ตกใจตื่นทุกครั้ง บาลเดอร์เร่ิมฝันแบบเดียวกันอย่างเดียวกันซ้ำๆ บ่อยๆ ขึ้นกระทั่่งเป็นโรคหวาดกลัวการนอน เทวาที่ได้ชื่อว่าร่าเริงมากที่สุดและสง่างามที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่มีแต่ความทุกข์ ใบหน้าของเขาอิดโรย ไม่พูดไม่จากับใคร ซึ่งเหล่าทวยเทพก็สังเกตเห็นสิ่งนี้ เมื่อถามเข้าก็รุ้ว่าบาลเดอร์ฝันร้าย
             ความฝันที่บาลเดอร์เล่าให้ทวยเทพฟังทำให้เกิดความวิตกในหมู่ทวยเทพ ความฝันของบาลเดอร์ทำท่าจะเป็นเรื่องร้ายแรง บรรดาเทพตระหนักว่า ชีวติของบาลเดอร์น่าจะตกอยู่ในอันตราย เห็นที่จะต้องหาทางรุ้ใ้ห้ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกันแน่เทพเทวาต่างไปรวมตัวกันที่แกลดสไฮล์ม ทูลปรึกษาโอดิน
            เมื่อจอมเทพทราบข่าวทำให้เขาตกใจมาก และรีบขึ้นม้าไปหาเทพี นอร์น ยังโลกบาดาล คำตอบที่ได้รับทำให้โอดินเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านรู้ว่าบาลเดอร์กำลังจะตาย โอดินกลับสวรรค์ บอกกว่าวคำทำนายของเทพีนอร์น แต่ฟริกก้าผู้เป็นแม่ไม่ยอมเชื่อ หล่อนนำความไปปรึกษาเหล่าทวยเทพอีกครั้ง
           
 ทวยเทพต่างช่วยกันคิดว่าสิ่งใด ทางใด ที่จะทำร้ายบาลเดอร์ได้บ้าง ต่างคนต่างช่วยกันสมมุติสถานการ์ อาวุธ เชื้อโรค หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่จะสามารถฆ่าเทพอันเป็นที่รักได้ เมื่อหารือกันเสร็จสรุปเนื้อความแล้ว ฟรกก้าก็ถือเป็นหน้าที่ของเธอทีจะต้องออกเดินทางไปยังเก้าดลกขอคำสาบานจากทุกส่ิงทุกอย่างไม่ว่า ก้อนหิน กรวด ทราย คมหอก คมดาบ นุ่น ใบไม้ จากส่ิงที่แข็.ที่สุดถึงส่ิงที่อ่อนที่สุดว่า จำไม่ทำร้ายลูกชายของนตาง
            ฟริกก้าจบภารกิจด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่นางก็เบาใจที่ไม่มีสิ่งใดทำร้ายลูกของนางได้ การกลับมาของราชินีสวรรค์ทำให้ทวยเทพในแอสการ์ดมีความสุขขึ้นมาบ้าง ก็เลยจัดงานฉลองสามวันสามคืนไม่เลิกรา ยิ่งบาลเดอร์มีสีหน้าดีขึ้นเทพแอสการ์ดก็ยิ่งพากันยินดี เหล้าถูกเสริฟ์กันทั่วๆ ดื่มไปคุยไป ลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ
           แต่พอเวลาผ่านไปพักใหญ่ เทพเริ่มเมา เริ่มอยากทดลองว่าคำสาบานที่ฟริกก้าออกเดินทางไปขอมาจากส่ิงต่างๆ นั้นได้ผลจริงหรือไม่ เขาให้บาลเดอร์ยืนอยู่ตรงกลางแล้วบรรดาเทพก็ทยอยเอาอะไรต่อมิอะไรมาปาใส่ เร่ิมด้วยหินก้อนเล็กๆ ปาไปถูกหน้าผาก แต่บาลเดอร์ไม่เป็นอะไร จึงเริ่มทดลองด้วยอาวุธประเภทต่างๆ แม้กระทั่งธอร์เองก็เล่นกับเขาด้วย ซึ่งแม้จะใช้อาวุธเทพก็ไม่สามารถทำอันตรายได้แม้แต่น้อย ทั่วทั้งห้องประชุมต่างเต็มไปด้วยความยินดี
          ยกเว้นที่ซอกมุมหนึ่ง ของห้องพระโรงที่ดลกิหลบเร้นอยุ่ ความยินดีของเทพเป็นเหตุให้ดลกิหมั่นไส้ กลายเป็นความหงุดหงิดตามประสาโลกิ แบบนี้ต้องมีการแกล้ง เทพจอมโกงพยายามนึกๆ นึกว่ามันน่าจะต้องมีอะไรสักอย่างที่เล็ดรอดสายตาของฟริกก้า อะไรสักอย่างที่ไม่ได้กล่าวคำสาบาน ดวงตาของโลกิลุกโพลงด้วยความชั่วร้าย เขาหายตัวไปจากแกลดสไฮล์ม หาหนทางที่จะเป็นไปได้สองสามวันต่อมา โลกิคิดแผนออก เขาแปลงตัว
เป็นหญิงแก่ผอมโซหน้าตาน่ารรังเกียจมากที่สุดเท่ารที่จะทำได้ เสกใบหน้าให้เหียวย่น จมุกใหญ่ยื่นยาว กระย่องแย่งเข้าไปในเฟนซาเลียร์วังของฟริกก้า เขารู้ว่าฌะอหลยมานั่งพักหนีความวุ่นวายของท้องพระโรงอยุ่ที่นี่ โลกิแปลงเกินเข้าไปหาถามว่ามีงานอะไรในแกลดสไฮล์มจึงได้ส่งเสียงน่ารำคาญลอยลมมาเช่นนี้ ราชินีฟริกก้ามองผุ้มาเยือนอย่างนึกรำคาญ เธอยังไม่หายเหนื่อยจากการเดินทางไกลทั่วเก้าโลก
จึงตอบยายเฒ่าว่า "นั่นเป็นงานฉลองสวัสดภาพของบาลเดอร์เทพแห่งสัจจะ"  ยายเฒ่าทำท่าฉงนก่อนเอ่ยว่า"เช่นนั้น เหตุใดเขาต้องทรมานด้วยการถูกอาวุธทำร้าย" ยายเฒ่าแสดงท่าฉงนควีนฟรกก้าอธิบายว่า เธอได้เดินทางไปทั่วทั้ง 9 โลก ขอคำสาบานจากสิ่งต่างๆ ว่าจะไม่ทำร้ายลูกขายของนาง โลกิแผลงจี้ตรงจุด ถามว่าแน่ใจแล้วหรือว่าได้ถามมาแล้วทุกอย่างจริง เสียงของนางเฒ่า ตอลดจนความจู้จี้ จุกจิก ยิ่งทำให้พระนางฟริกก้ารำคาญมากขึ้น อยากให้ยายแก่ไปพ้นหูพ้นตา จึงตอบโดยไม่ทันคิดว่า "ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ ต้นมิสเซิลโท ตอนที่ข้าไปถึงมันยังเป็นไม้อ่อนเกินไป ข้าว่านอกจากมันจากมันจะฟังข้าไม่เข้าใจ มันคงไม่รุ้จะทำอันตรายบาลเดอร์ได้ยังไงด้วย"
             โลกิมองเห็นลู่ทาง แต่ยังทำแสร้งถามโน่นถามนี่จนนางรำคาญสุดขีดออกปากไล่ยายแก่โลกิเดินออกมาจากวังเฟนซาเลียร์ด้วยความลิงโลดที่เก็บไว้แทบไม่มิด เมื่อถึงราวป่าโลกิคืนร่าง เขามุ่งหน้าไปยังต้นมิสเซิลโท หักกิ่งของมันขนาดพอเหมาะแล้วเสี้ยมปลาย เดินถือเข้าไปในห้งอท้องพระโรงแกลสไฮล์มที่ยังเต็มไปด้วยความรื่นเริ่ง...

              - https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=10
              - https://sites.google.com/a/nareerat.ac.th/dear-gods/page-6
           

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Ragnarok

         
ในเทพปกรฌัมนอร์ส ธอร์ แรกนะร็อก เป็นชุดเหตุการณ์ในอนาคต ประกอบด้วย การยุทธครั้งใหญ่ตามคำทำนายซึ่งนำไปสู่การสิ้นชีพของเหล่าเทพที่สำคัญ (ประกอบด้วย โอดิน, ทอร์, เทียร์, เฟรย์, เฉมคาลล์ และโลกิ) ในท้ายที่สุด,
           
 การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชติต่างและการที่แผ่นดินจมลวใต้สมุทรตาลำดับ ต่อจากนันแผ่นดินจะผุดขึ้นจากทะเลอีกครั้ง และกลับมาอุดมสมบูรณ์ เทพที่รอดชีวิตและเทพผู้กลับมาจากความตายจะม่พบกัน โลกจะกลับมามีพลเมืองด้วยมนุษย์สองคนที่เหลือรอด แรกนะร็อกเป็นเหตุการณ์สำคัญในทางความเชื่อและศาสนาของนอร์ส และเป็นหัวข้อของวจนิพนธ์ทางวิชาการและทฤษฎี
            ตามที่มีหลักฐานยืนยัน เหตุกาณณ์นี้ได้รับการบันทึกครั้งแรกใน บทกวีเอ็ดดา ซึ่งแปลในคริสต์ศตวรรษที่ 13 จากบันทึกโบราณ และบทร้อยแก้วเอ็ดดา ที่เขียนขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยสนอรรี สเทอร์ลิวซัน ในมหากาพย์เอ็ดดา และกลอนบทหนึ่งใน บทกวีเอ็ดดา เหตุการณ์นี้เรียกว่า แรกนาร็อก (ภาษานอร์สโบราณ แปลว่า "ชะตากรรมของเหล่าทวยเทพ" หรือ "สนธยาของเหล่าทวยเทพ" ตามลำดับ) การนำไปใข้งานที่มีชื่อเสียงกระทำโดยนักแต่งเพลงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ริชาร์ด วากเนอร์ ใช้เป็นหัวเรื่องตนตรีปรากร ปกรณัมแหวนแห่งนิเบลุงเกน องค์สุดท้ายของเขาเกิทเทอร์เดมอมรอ์รุง(ค.ศ. 1876)
           คำว่า "แร็กนาร็อก" ในภาษานอร์โบราณ เป็นคำผสมจากคำสองคำ คำแรกคือ แรกน่า คำแสดงความเป็จเจ้าของในรูปพหูพจของคำ รีจิน (แปลว่า "เทพเจ้า" หรือ "พลังอำนาจ") มีรากคำมาจากคำในภาษาโปรโต- เจอร์แมนิก ที่สร้างขึ้นใหม่ ราเจโน่ คำที่สอง "ร็อก" มีหลายความหมาย เช่น การพัฒนา แหล่งกำเนิด, สาเหตุ, ความสัมพันธ์, ชะตากรรม, สิ้นสุด," การตีความแบบเดิมก่อนความรวม และ ในภาษาไอซ์แลนด์ คำ ว่า "ร็อก" มีรากคำมาจากคำในภาษาโปรโต-เจอร์แมนิก เมื่อรวมคำแล้ว มักตีความเป็น "ชะตากรรมสุดท้ายของเทพเจ้า "...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81
           

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Valkyrie

             วาลคีรี เป็นเทพธิดาที่รังใช้ฮดินโดยมีหน้าที่นำนักรบที่ตรายในสงครามไปที่ วัลฮัลลาเพื่อพบกับโอดิน และมาเป็น  Einherjar สู้ศึกในสงครามแร็กนาร็อก สงครามสิ้นโลกระหว่งเพทเจ้าและปีศาจ


              ในทางศิลปะ วาลคีรีมักจะถูกกล่าวถึงในสัญลักษณ์ขงความสวยงาม โดยจะม่ลักษระนางฟ้าหญิง สวมหลมกนักรบถือหอกและขี่บนหลังม้าที่มีปีก วาลคีรีนั้นสามารถแปลงร่างเป็น หงส์ได้ วาลครีนั้นสามารถแต่งงานกับมนุุษย์ได้ แต่นั่นจะทำให้เสียอำนาจวิเศษของเทพธิดาไป


      คำว่า วาลคีรี มาจากภาษานอร์สโบราณ ประกอบด้วยคำสองคำ คือ วาล (หมายถึงผุ้ตายในสนามรบ) และ คลอซ่า (แปลว่าเลือก) เมื่อนำมารวมกันแปลว่า "ผุ้คัดเลบื่อกผปุ้ตาย๐ คำ วาลคีรี ในภาษานอร์สโบราณเป็นากศัพท์ของของคำ wælcyrge ในภาษาอังกฤษเก่า ชื่ออื่นของวาลคีรีประกอบด้วย óskmey (เด็กสาวแห่งคำอวยพร ในภาษานอร์สโบราณ) และ Óðins meyjar (เด็กสาวของโอดิน ภาษานอร์สโบราณ) อาจเกี่ยวข้องกับกับชื่อเทพโอดิน Óski  (ภาษานอร์สโบราณ, แหลว่า "ผู้เติมเต็มความหวัง" ) ซึงเกี่ยวโยงถึงโอดินรับเอานักรบผุ้ถุกสังหารสู่วลฮัลลา..https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B5
  

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Fenrir

             ในตำนานเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย หมาป่าเฟนริล ผู้อาศัยในบึงเลน หมาป่าเฟรี "หมาป่าที่เลื่อง
ลือ", "อสูรกายป่งกม่น้ำวาน เป็หมาป่าขนาดมหึมา มีตัวตนอยู่ในบทกวีเอ็ดดา ที่เรียบเรียงในคริสต์ศตวรรษที่ 13 จากต้นฉบับโบราณ และร้อยแก้วเอ็ดดา และฮีมสกินก์กา ที่เขีนขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยสนอร์รี สเทอร์ลิวซัน ทั้งในบทกวีเอ็ดาและมหากาพย์เอ็ดดาเฟรรีร์เป็นหนึ่งในบุตรของโลกิ เป็นบิดาแห่งหมาป่าสกอลล์ และฮาติ เป็นหนึ่งในลางบอกเหตที่จะทำให้เกิดวัน แร็กนาร็อก

              หมาป่าตนนี้เจริญเติบโตขึ้นทุกวันกลายเป็นหมาป่าที่ดุร้ายและมีกำลังมหาศาล โอดินจึงสั่งใน้พันธนาการเฟนรีน์ไว้ด้วยริบบิ้นไกลพ์นิร์ของเหล่าคนแคระที่แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อหล่าเทพแอซิร์จะหลอกพันธนาการเฟนริร์ มันเรียกร้องให้เหล่าเทพพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจโดยการวางมือลงในปากของมัน เทพอิร์อาสาทำหน้าที่นี้ เมื่อเฟนริร์เห็นว่าตนเองโดนหลอกและไม่สามารถดินหลุดจากโซ่ได้จึงกัดมือของทิร์ขาด

           อีกเรื่องหนึ่งก็มาจากตำนานชาวนอร์สเช่นกัน ว่ากันว่สุนัขป่าตัวใหญ่นสองตัวได้ไล่ตามพระอาทิตย์และพระจันทร์ผ่านสรวงสวรรค์ เมื่อมันไล่จับได้จะทำให้เกิดปรากฎการณ์สุรยคราสหรือจันทรคราส โอดินเรียกสุนัขทั้งสองตัวว่า Geri จอมตะกละ กับ Freki ผุ้ละโมบ

         จากคำทำนายในวันแร็กนาร็อก เฟนริร์จะหลุดออกมาได้ และสังหารโอดน เต่ในเวลาต่อมาเฟนรีร์จะถูกวีดาร์ หนึ่งในบุตรของโอดินสังหาร
         หมาป่าเฟนรีร์เป็นการสะท้อนความเชื่อ และความรุ้สึกอย่างหนึ่งของชาวไวกิ้งที่มองเห็นเหล่าหมาป่าเป็นศัตรูเป็นปีศาจร้าย นอกเหนือจากเหล่ายักษ์น้ำแข็ง (หิมะและหน้าหนาว) และยักษ์เพลิง (ภูเขาไฟ)...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B9%8C

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Loki

           
โลกิ เป็นเทพเกเรในเทพปกรณัมนอร์ส โลกิมีความขี้เล่นและซุกซน ในช่งแรกนั้นดลกิได้ช่วยเหลือเหล่าเทพแห่งแอสการ์ดในการต่อสู้กับเหล่ายักษ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความซุซนของโลกิก็ยิ่งกลายเป็นความโหดร้ายยิ่งขึ้น เทพโลกิมีบุตร 3 คน คือ หมาป่าเฟนริล์ งูยักษ์มิดกาดโซรุม และฌอล เทวีแห่งอาณาจักรคนตาย ในวันแร็กนาร็อก วันสงครามสิ้นโลก บุตรทั้ง 3 ของโลกิจะมีส่นร่วมต่อสู้ในสงครามด้วย โลกิยังเป็นผุ้ให้กำเนิดม้าสเลปนิร์ของโอดิน
            โลกิเป็นผู้สังหารบัลเอร์ เทพแห่งความสุขดดยใช้กิ่งของต้นมิสเซิลโท ซึ่งเป้ฯสิ่งเดียวที่ไม่เคยสาบานว่าไม่ทำร้ายบัลเลอร์ และเมื่อเทพเฮลมอดได้ไปตกลงกับเฮล ซึ่งจะยอมให้บัลเดอร์กลับจากยมดลกถ้าทุกชีวิตบนโลกร่ำไห้แก่บัลเดอร์นั้น นางยักษิณี ทอค ปฏิเสธที่จะรำไห้ตามคำของร้องของแอนซัส ผุ้ส่งสาร ซึ่งเชื่อว่าทอคนั้นก็คือโลกิปลอมตัวมานั่งเอง ซึงเหตุการณ์นี้เป็นจุดเร่ิมต้นที่ทำให้โลกิเป็นศัตรูกับเหล่าเทพแห่งแอสการ์ดและถูกจับล่ามโซ่ไว้จนถึงวันแร็กนาร็อก...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B4
             ... เมื่อชิฟ Sif เมียของธอร์เกิดหลับไปอย่างรวดเร็ซ โลกิจเกิดความหั่นใส หรืออย่างไรก็ไม่
ทราบได้ ก็ดอดเ้าไปในห้งอนอนของเทพีโดยไม่มีใครรู้ แล้วก็จตัดกล้อนผมาวสวยของซิฟ จนผมสีทองของเจ้าหล่อนกองอยู่รอบเตียงแล้งโลกิก็หายตัว ไปในสายตาของเขามันเป็นเพียงแต่ตลกร้ายล้อกันเล่นเท่านั้น เมื่อเพีตื่นขึ้นพบว่าผมของหลอนกระจายอยู่เต็มไปหมด หล่อนก็ฟูมฟายตกใจแทบสิ้นสติ ของรักที่สุดของผุ้หญิงที่ไว้ผมยาวสลายมานานแสนนานก็คือ ผม แล้วมันก็ไม่มีทางจะคืนดีกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว ธอร์ ธอร์เห็นเหตุกาณณ์รู้ทันที่่ว่าใครเป็นต้นเหตุ เขาโกรธมาก ถึงจะรู้ว่าโลกิไม่มีเจรนาอื่นอนอกจากอย่างเเกล้ง ทว่าตลกคราวนี้เขาไม่สนุกด้วยเทพสายฟ้าจึงไลี่ล่าจนะจอเจ้าตัวแสบ โลกิไมกลัวอะไรมากไปกว่าอารมณ์โกรธของธอร์ ในความลนลาน โลกิเสนอจะแก้ตัวด้วยการลงไปยัง ดินแนทของคนเคระไปหาลูกชายของอิวาลดี ข่างประดิษญ์ของที่เก่งที่สุดเท่าที่เชื้อสายคนแคระจะมีอยุ่ เขาจะไปสั่งให้ช่างทำวิกผมให้ซิฟ ใหม่ ซึงมันจะต้องงอกยาวเองได้เหมือนกของเดิม ธอร์ตกลง
             โลกิ เดินทางสุ่วาร์ทาฟไฮล์ม อย่างโดดเดียวเขาเดินทางไปหาพี่น้อย ๆคนแคระลูกๆ ของอวาลลดี ขอให้ช่วยทำวิกผมทองซึงยาวเองได้ และโลกิยัวขอให้คนแคระทำของเพ่ิมเติมเป็นของหวัญแก่โอดินและเฟรย์ไปพร้อมๆ กัน (เพราะทั้ง โอดินและเฟรย์ต่างก็โกรธ โลกิที่เล่นตลกไม่เข้าทา) ของขวัญเหล่านี้จึงทำท่าเป็นของขวัญการเมืงอยู่ในตัว
            แรกๆ คนเคระหมู่นี้ไม่สนใจคำของร้องของโลกิ แต่โลกิก็ใช่ไหวพริบในการพุดโน้มน้าวจิตใจ โลกิว่า ของขวัญเหล่านี้นอกจาจะทำให้บรรดาเทพที่กล่าวถึงพึงพอใจแล้ว ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงฝีมือันฉกาจฉกรรจ์ของพี่น้องคนแคระที่ไม่มีใครเที่ยมไปขึั่วกลาลนาน
           
โลกิ รออยุ่ในวาร์ทหฟไฮลมไม่นาน ของขวัยแด่บรรดาเทพก็เสร็จ ซิฟได้วิกผมทองซึ่งมีเส้นผมอร่ามเรืองงานกว่าเดิมทั้งยาวเองได้หเมือนของจริง เฟรย์เทพแห่งแสงอาทิตย์และราชาแห่งเอลฟ์ ได้เรื่อสกิดบลาดเนียร์ เรือยยาวแบบของชาวเหนือซึ่งสามรถพับได้ พับแล้วเหลือเล็กนิดเดียวใส่กระเป๋าเสื้อไปไหมมาไหนมาไหนโดยไม่มีจ้ำหนักเลย สำหรับโอดินได้หอกกุงเนอร์ หอกวิเศษที่พุ่งไปแล้วไม่พลาดเป้า เหป็นหากที่หากเทพและมนุษย์กล่าวคำสาบานต่อหน้าใบหอกแล้ว ไม่มีทงทวนคำสัตย์สาบานได้ โลกิสุดแสดจะดีใจต่อของขวัญให้เทพ เขารับเกินทางกลับแอสการ์ดทันที
             ทว่าระหว่างทางที่โลกิเดินมาอย่างสำราญนั้นเอง เขาก็พบเข้ากับคนแคระบรอคค์ ทั้งองสนใจสบัติเทพที่ดลกิถือมา เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดคนแคระก็โอ่ว่าพวกตนสามารถทำได้ดีกว่าสิ่งประดิษฐ์ของลูกๆ อิวาลดิมา กโลกิไม่เชื้อ แต่เพื่อตัดควารำคาญเทพจอมโกงจึงท้าทายคนแคระทั้งสองด้วยการเอาหัวเป็นประกันให้เขาทำของถวายเทพขึ้น แล้วส่งไปให้เทพตัดสินด้วยกัน บรอคค์และเอทรีรับคำท้า ทั้งสองแน่ใจ่ว่าต้องชนะ เพราะความสามารถของตนเป็นอิสระมากว่าลูกๆ อิวาลดี และหากมันเป็นอย่างนั้นตัวก็มีสิทธิ์จะตัดหัวโลกิ มันคงเป็นการดีที่เีดยวท่จะกำจัดเทพจอมฉ้อฉลไปจากแอสการ์ดาเสียได้
              ยรอคค์และเอทรีพาโลกิมายังที่อยุ่ของตน หาที่พักดีๆ อาหารดีๆ และเหล้าที่จะทำให้โลกิไม่โดววายระหว่างเขาออกไปโรงงานประดิษฐ์ของ โลกิก็นับว่าสำราญที่เดียวครับเมื่อมารอของอยู่ที่นี้ ไม่นานนักคึนแคระทั้งสองก็นำของวิเสษขึ้นมาสามอย่าง อย่างแรกเป็นหมู่ป่าขนทาองกัลลิเบสติ ให้เฟรย์ มันสามารถพาคนขี่ไปที่ใดก็ได้ที่ปรารถนา กระทั้งในที่มือดมิดของดลกใตพิภพ เรพาะขนของมันจะเรื่องแสงนำทางได้ อย่งที่สองบรอคค์ และเอทรีสร้างแหวนเดราป์เนียร์ แหวนวิเศษที่สาามรถถอดแบบตัวเอง ทุก 7 วัน มันจะมีฤทธิ์ทำให้ผุ้สวนใส่ร่ำรวยไม่นรู้จบ อย่างสุดท้าย คนแคระสร้างค้อนวิเศษจอลเนียร์ แก่ธอร์ เมือของวิเศษเศร็๗บรอคค์และเอทรีก็ออกเกินทางไปแอสการ์ดพร้อมกับโลกิ เอาของไปเพทตัดสิน
             โอดิน เฟรย์ และธอร์ยินดีมากเห็นของวิเศษที่กองอยู่ตรงหน้า แต่หลงจากการปรึกษากันระหว่างเทพทั้งสามโอดินก็ต้องประกาศด้วยความเสียใจว่า พวกเทพเห้นว่าค้อนจอลเนียร์ดีที่สุดด้วยเหตุผลที่ว่ามันจะเป้นอาวุธที่ช่วยให้เทพป้องกันแอสการ์ดจากยักษ์ได้ คำประกาศตัดสินที่แทบจะหมายถึงความตายของโลกในฉับพลันบรอดค์และเอทรีแสนยินดีเขาเรียร้องขอหัวของโลกิตามที่เดิมพันกันไว้
              ทว่าโลกิปราศจากความเกรงกลัว เขายิ้มแยบยลตามแบบฉบับ ยอมรับว่าเขาสัญญาจะให้ตัดหัวแต่ให้ตักเฉพาะหัวไมให้ตัดคอ ถ้าหากบรอคค์และเอทรีสามารถตัดหัวเขาโดยไม่เกี่ยวกับคอได้ก็เชิญ คำ ตอบยียวนของโลกิทำเอาคนแเคระเต้นผาง เขาหลงกลโลกิ บรอคค์และเอทรีหันหน้าปรึกษากันครุ่หนึ่งก็ได้ความคิด
           
ในเมื่อหัวโลกิเป็นของเขาตามสัญญา ถึงเขาจะตัดอกจาร่างเทพไม่ได้แต่จัดการอย่างอื่นได้ ดังนั้นบรอคค์และเอทรีเลยเอาเครื่องมือออกมาจากระเป๋าและเย็บปากโลกิ ฆ่าไม่ได้เย็บปากไว้ไม่ให้พุดกยังดี หลงจากนั้นทั้งคุ่ก็ลงจากแอสการ์ดไป
               หลังจากคนเคระเหินทางกลับ ดลกิก็จัดการตัดด้ายเย็บปากออกปรายตามองไปยังเทพทั้งสามที่ยังชื่นชมของวิเศษที่ได้มา เขาคิดแค้นเทพว่าเมื่อยามอับจนที่สุดคคนที่ได้ประโยชน์จากเขาไม่คิดยืนมือเข้ามาช่วยเหลือทั้งที่ช่วยได้ แต่เขาก็เพียงเก็บความแค้นไว้ ไม่มีใครคิดเลยว่าวันข้างหน้าดลกิจะรวมความแค้นมาสนองตอบเทพ
              โลกิเป้นคนโชคดเรื่องคู่มาก เขามีเมียสองคน คนแรกชื่อว่า ซิยิน เป็นภรรยาคุ่ยากแล้วมีลูกสองคน คือ นาวี และวาลี
               นอกจากซิยิน แล้วเขายังมีนางยักา์ อังกรโบดา เป็นเมียอีกหนึ่ง อังกรโบดาน่าจะเป็นยักษ์สาวพราวเสน่ห์พอควรจึงทำให้ระยะหนึ่งโลกิถึงขนาดหายไปินแนโจันไฮล์มของยักษ์บ่อยๆ กับเมียคนนี้โลกิมีล๔ูกถึงสามอย่าง(เพราะไม่ใช่คนหรือยักษ์) ตัวแรกคือ หมาป่าเฟนริส ตัวนี้ต่อไปจะดุร้ายจนมีแค่ไทร์เท่านั้นที่เข้าใกล้ได้ ตัวที่สองคืองูจอร์มุนกานต์ ตัวนี้ต่อไปจะหใญ่โตนกลายเป็นพญางูขดตวล้อมมิดการ์ดนิ่งอยุ่ใต้มหาสมุทรและเป็นคู่ปรับตลอดการของธอร์ ส่วนอย่างสุดท้ายคือ เฮล เทพธิดาที่ไม่ใช่ปีศาจก็ไม่เชิง เนื่องจากคนี้ปรากฎร่างเป็นหญิงตั้งแต่บันเอวขึ้นไป ส่วนตั้งแต่เอวลวมาเป็นซกศพ หล่อนกลายเป็นเทพีแห่งนรำในเวลาต่อมา...https://my.dek-d.com/freedeal/writer/viewlongc.php?id=50498&chapter=5

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...