วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561

The End of God "RagnaRok" III

            เมื่อเรือนาจิลฟาร์ เกยเหาก็เป็นเวลาเดียวกับที่โลกิเป็นอิสระจากพันธนาการ โลกิขึ้นเรือนำมันลงน้ำบังคับให้แล่นสู่ทุ่งวิกริดเขาและลูกๆ ประหลาดของเขา  คือ จอร์มุนกานด์และเฟนริส ระหว่างทางทั้งสองว่ายขนาบข้าเรือ เฟนริส สวาปามทุกสิ่งอย่างที่หลเข้ามาในทางของมัน ฝ่ายงูก็พ่นพิษไปตลอดทางใกล้ทุ่งวิกริด โลกิเห็นเหรืออีกลำแล่นมาจากโจตันไฮล์ม เรือลำที่ว่าบรรทุกยักษืมาจนเพียบแปร็ มียักาษ์ฮริม ทำหน้าที่บังคับเรือ บนเรือโลกิยังได้เห็นยักษ์เซิร์ทที่เพิ่งทำลานสวรรค์และสะพานรุ้งมาหยกๆ โดยสารมาด้วยทั้งหมดมุ่งหน้าไปขึ้นฝั่งทุ่งวิกริดพร้อมกัน จอร์มุนกานด์ดีดตัวขึ้นจากทะเลที่ำลังเดือดขึ้นไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกฤตพ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง
            สิ่งที่ทำให้โลจิดีมากที่สุดเมื่อขึ้นยังทุ่งนั้นก็คือ เฮลลูกสายลอยตัวขึ้นมาจากรอยแยกของแผ่นดิน ตามมาด้วยกาม หมาเฝ้าประตูวังของหล่อน และบรรดาวิญญาณขึ้นมาจากนรก จากนั้นงูนิดฮอดก็เลื้อยข้นมาจากรอยแยกปากของมันยังมีเศารากอิกดราซิลหักห้อยคา มันค่อยๆ คลีปีกพังผืนหนังกระพือสะบันแล้วบินขึ้นฟ้า ซากศพ มนุษย์ที่มันเก็บไว้ใต้ปีเป็นเสบียงเคี้ยวเล่นหล่นเป็นสาลงมาบนพื้น เป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียน(งูนิคฮอคนี้เชื้อกันว่ีารอดจากแร็กนาร็อคเหมือนกัน) 
          การทำลายล้างเร่ิมจากสวรรค์และสะพานสายรุ้งถุกยักษ์จุดไฟเผา พญางูยักษ์จอร์มังก์ได้เดีดตัวขึ้นจากน้ำทะเลที่เดือดพล่าน โอบทุ่งวิกริดแล้วพ่นพิษไปทั่ว หมา่าเฟรรีร์นำฝูงหมาป่าเข้ามากัดกินมนุษย์
         เฮลลอยตัวขึ้นรอยแยกของแผ่นดิน พาบรรดาวิญญาณขึ้นมารจากนรก เหล่าอสุรกายมีความสุขกับการได้กัดกินซากศพเป็นภาพที่น่าสยอง
         ในที่สุดท้้งสองฝ่ายก็เข้าประจันหน้ากันทเกิดเสียงโห่ร้องกัมปนาทกึกก้องแม้ต้นยิกดราซิลยังสะเทือนสั่นหวั่นไหว กองทัพวิญญาของเฮลและยักษ์เข้าห้ำหั่นเหล่าเทพ
       

                 โอดินกับเฟรริส :  เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและยาวนาน แต่สุดท้ายหมาป่าก็ได้ทีสังหารโอดิน ด้วยปากอันใหญ่โตของมัน ขย้ำโอดินปลิดชีวติขงอเทพบิดรทันที
                 วิดาร์ กับเฟรริส : แต่เฟรริสก็ไม่ได้ดีใจกับชัยชนะของตัวเองนานเท่าไหร่ วิดาร์เทพผู้เงียบขรึมก็โดดเข้าใสหมายักษ์ จับปากของมันฉีกกว้าง กรามล่างอยู่ที่พื้นโลก กรามบนยันท้องฟ้า เขากระแทกตัวเพ่ิมแรงอีกครั้งและฉีกหมาป่าเฟนริสเป็นสองสวน

              ธอร์กับจอร์มุนกานด์ : เป็นคู่ต่อสู้ที่มีความฉกาจฉกรรจ์พอๆ กันอีกคู่หนึ่ง แต่ในที่สุดค้อยจอลเนียร์ ก็เป็นฝ่ายมีชัยเหนือพยางู มันถูกทุบจนตายแทบเท้าของธอร์
           


               แต่ ธอร์เทพเจ้าสายฟ้า แม้เขาจะสังหารอร์มุนการ์นได้ แต่พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ
              เฟรย์และยักษ์เซิร์ท : คู่นี้ต่อสู้กันด้วยอาวุธเป็นสามารถ แต่เนื่องจากเฟรย์ยกดาบวิเศษของตนให้สเคอร์เนียร์ไปแลว กขาจึงไม่มีอะไรป้องกันตัวเองไปมากกว่าดาบธรรมดา ยักษ์เซิร์ทจึงมีชัยเหนือเทพ เป็นฝ่ายแทงเฟรย์จนตาย..
           

              ไทร์และการ์ม : ต่อสุ้กันจนตายทั้งคู่


              เช่นเดียวกับ โลกิและเฮมดัน ที่ต่อสู้กันจนตัวตายทั้งคุ่เช่นกัน


                  หมู่บริวารไม่ว่าเทพหรือยักษ์ต่างๆม่มีใครเพลี่ยงพล้ำแก่กัน แต่ก็กลับตายไปด้วยกัน ครั้นแล้วเมื่อสงครามแผ่นลทุกขณะ ทั่งท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ เซิร์ทยักษ์แห่งไฟก็หวัดแกว่งดาบขึ้นเหนื้อศรีษะ ขว้างลูกๆฟจากมัสเปลไฮล์มจุดไฟให้ลุกทั้วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิลการ์ดแผนดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินโจตันไฮล์มของยักษ์ แผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ และตัวยักษ์เซิร์ทเอง หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจึกรวาล...


                https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=11
                https://web.facebook.com/Mymystery4Year/posts/917028235029490?_rdc=1&_rdr

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2561

The End of God "RagnaRok" II

            .. ในยุคที่คน กลับไปมีชีวิตเหมือนสัตว์ เข่รฆ่ากันเยี่ยงสัตว์จะเรียกช่วงนี้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งอาวุธ
ก็คงไม่ผิด เมื่อช่วงเวลาแห่งอาวุธผ่านไป ก็ถึงช่วงน้ำแข็ง โลกมนุษย์ตกอยู่ในฤดูหนาวแสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามปี มันเป็นความหนาวที่สุดทนทาน น้ำแข็งและน้ำค้างแข็งปกคลุมแผ่นดินมิดการ์ดสุดลูกหุลูกตา สิ่งมีชีวิตบนโลกล้วน อดอยาก คนที่โชคดีคือคนที่ตายเพราะความหนาวก่อนจะอดตายดวงอาทิตย์ไม่ฉายแสง แผ่นดินแห้งแต่ปราศจากความอบอุ่น ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลง กระทั้งคน ก็เปลี่ยนไปเป็นคล้ายสัตว์โหดร้าย ป่าเถือน เมื่อสิ้นหน้าหนาว ความรัก ความเตตาก็หายไปจากทุ่งมิดการ์ด มีแต่ความดำมืดและความโหดร้ายเท่านั้นที่เหลือยู่หลังยุคโลหะ ยุคแห่งความหนาวก้มาถึงยุคของหมาป่า กล่าวคือนางยักษ์อังกรโบดาเมียของโกิที่ถูกพรากลูกประหลาดไป เมื่อนางเสียลูกไปหมดนางก็เลยเอาหมาป่าสกอลล์และฮาติ หมาป่าที่มีความอยากกินดวงอาทิตย์และดวงจัทร์มาตั้งแต่เกิด มาฟูมฟักแทนลุก นางเอาศพคนที่ตายเกลือนในยุคฆ่าพี่ฆ่าน้องให้มันกิน ศพพวกนี้ม่มากมายจนหมาป่าสองตัวไ่เคยอดอยากเหมือนสัตว์อื่น แต่สิ่งที่ประหลาดก็ คือ มันทั้งสองเติบใหญ่ขึ้นแข็งแรงขึ้นจเป้นหมาขนาดยักษ์เมื่อเวลามาถึง สกอลล์และฮาติไล่งับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อย่างมี่มัีนอยากทำมาเป้ฯเวลานาน สกอลล์อ้าปากอันมโหฬารงาบดวงอาทิตย์ทั้งราชรถและคนขับกร้วมเดียว ดวงอาทิตย์หายไปจากท้องฟ้า ฮาติไล่ตามดวงจันทร์ใช้กรามอันใหญ่โตขย้ำดวงจันทร์ไว้ในปากเช่นเดียวกับสกอลล์ เมื่อดาวทั้งสองหายไป หมู่ดาราที่เลื่อก็หมดกำลังใจจะส่งอแสง ทั่วทั้งโลกตกอยู่ในความมืดดำ
             
ความมือนนอนธการไม่ได้ทำลายแต่ความหวังของดวงดาวเท่าน้น แต่ทำลายพลังเวทย์ของเครื่องพันธนาการต่างๆ พวงกที่ถูกขังถูกกัก ได้รับอิสรภาพในทันที.. เฟนริสหมาป่าลูกของโลกิและอังกรโบดารู้สึกว่าจู่ๆ ริบบิ้นไกล์ปเนียร์ก็หลุดจากตัว ฝ่ายโลกิก็รู้สึกว่าโซ่ตรวนที่ตรึงอยู่หลุดออกไปเอง ไฟแห่งความเกลี่ยดชัวไหลบ่าเข้าท่วมหัวใจสิ่งขั่วทั้งสอง ดวงตาของโลกิและเฟนริสแดงด้วยความเกลี่ยดชัง
              ความมดยัวทำให้นิคฮอก พยางูที่นอนขดล้อมรากต้นอิกคราซิลมีกำลังมากขึ้นอย่างที่มันต้องการ นิคฮอคกัดรากต้นอิกดราซิล ทะลุ ทำให้ต้นไม่แห่งโลกต้นนี้สั่นสะเทือนสูงขึ้นไปถึงแอสการ์ด วินาที่ที่เขี่ยวของมันทะลุรากไก่บนยอดไม้ก็ขันเตือนภัยเทพว่า จุดจบมาถึงแล้ว เวลาเดียวกันไก่สีแดงเหมือนเลือดของเฮลก็ร้องขันเรียกนายก้องอยู่ในดินแดนิฟล์เฮม เสียงของมันทให้ไก่กลัลิงคัมบิของแอสการ์ดขันรับอีกทอดหนึ่งจากคอนที่มัน
เกาะเหนือวัลฮัลลา คราวนี้เสียงของมันได้ยินไปทั่วอาณาเขตเอนเฮเรียร์..เสียงไก่กัลลิงคัาบิคือสัญญาณอันตราย นอกจาโอดินจะได้ยินชัดเจนเต็มสองหู ไฮล์มดาลซึ่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งบนสะพานรุ้งก็ได้ยิน เขาเห็นความเป็นไปในมิดการ์ดตลอดมาหลังจากยุแห่งเลือดอันทุกข์ทรมาน ยุคแห่งความหนาวเย็นอันขาวโพลน เขาก็รู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องเป่าแตรศักดิ์สิทธิ์ "กจาล" เรียกเทพอีเซอร์และนักรบเอนเฮเรียร์ทั้งหมด ประชุมพลเพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้แล้ว...

             เสียแตร "กจาล" ปลุกให้เทพอีเซอร์และนักรบเอนเฮเรียร์แต่งตัวเตรียมรบอย่างรวดเร็ว ต่างคนต่างคว้าดาบคู่กาย ทั้งดาบขวานและค้อนกรูออกจากโต๊ะเลี้ยงในวัลฮัลล วิญญาณแอนเฮเรียร์ทั้ง 800 วิ่งผ่านประตู 540 บาน ตั้งทพยกข้าสะพานไปฟรอส สู่ทุกวิกริด Vigrid ทันก่อนที่ยักษ์เซิร์ทจะจุดไฟเผาสวรรค์แอสกาณ์ดและสะพานรุ้งน้ำแข็ง
              สมาชิกแอสการ์ดไม่ใช่พวกเดียวที่ได้ยินเสียงแตรเรียกทัพ แต่ลึกลงไปในมหาสมุทร พยางูจอร์มุนกานด์ งูที่ขดตัวล้อมมิดการ์ดก็ได้ยินเช่นกัน มัีนเร่ิมบิดตัวกระตุก การเคลื่อนไหวของสัตว์ยักษ์อย่างมันทำให้เกิดคลื่นสูงเท่าภูเขาและพายุก็ตามมา คลื่นยักษ์ปลอปล่อยเรือนนาจิลฟาร์ ที่แสนจะน่ากลัวขึ้นบนผิวน้ำ มันเป็นเรือที่เกิดจากเล็บของคนตายซึ่งญาติๆ ลืมตัดให้กอ่นจุดไฟเผาศพ เมื่อเรือนาจิลฟาร์เกยตื้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่โลกิเป็นอิสระจากพันธนาการ...https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=11
             

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

The End of God "RagnaRok"

           
 ฝ่ายโลกิ เมื่ออกมาจากห้งประชุมเทพ เขาก็รู้ว่าครั้งนี้คงหนีถูกไล่ล่า เขาพยายามป้องกันตัวเองทุกวิถีทางโลกิเลือกทำเลที่ซ่อนใหม่เขาขึ้นไปสร้างกระท่อมสี่เหลี่ยมบนยอดเขา ฝ่าทั้งสี่ด้านของกระท่อมหลังนี้มีประตูเปิดไว้ตลอดเวลา เพื่อจะไ้รู้หากมีใครสักคนมาถึง ต่อลงไปจากกระท่อมมีลำธารไหลแรง โลกิกะว่า ถ้าถูกต้อนจนมุมเขาจะแปลร่างเป็นปลาแซชมอนโดดเนีลงน้ำ ธอร์พยายามติดตามโลกิจนรู้ตำแหน่งแหล่งที่ซ่อน ด้วยความที่เขาเป็นคนรู้จักโลกิมากที่สุดจากการผจญภัยด้วยกันหลายครั้ง ธอร์พอจะเดาออกว่าโลกิดคิดอะไร เมื่อวิเครื่อห็ชัยถชภูมิที่โลกิซ่อน ธอร์เห็นจุดอ่อน เขารุ้ทันควมคิดของโลกิว่า ถ้าจวนตัวมีหลังเทพองค์นั้นจะแปลงตัวเป้นปลากระโดลงน้ำหนีไปแน่ ธอร์จึงไปปรึกษาโอดินเตรียมแหวิเศษไปด้วย คราวนี้โอดินและธอร์ตามไปถึงรัง จับตัวโลกิมาได้
            เทวาอีเซอร์ช่วยกันคิดหาวิธีที่เหมาะสม แต่แน่ที่สุดคือโลกิต้องถูกจำไว้ที่มิดการ์ด พวกเขาไม่ต้องการให้สวรรค์ของพวกตนเปื้อนเลือดไปมากกว่านี้ เลือดของบาลเดอร์ที่นองพื้นสวรรค์น่ารจะพอแล้ว แต่ก่อนที่จะพาโลกิลงไป เขาต้องการสร้างความเจ็บปวดให้โลกิมากที่สุดจึงตามล่าลูกชายสองคนของโลกิ วาลีและนาวี สาปวาลีให้กลายเป็นหมาป่าที่กำลังอยุ่ในอารมณืโกรธรคคลุ้มลัง วาลีผุ้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรกับพ่อต้งอกลายร่างเป้ฯสัตคว์ร้าย สมองของเขาขณะนั้นไม่มีความเป้นคนเหลืออยุ่แถมยังตกอยู่ในความคลุ้มคลั่ง เหลียวซ้ายแลขวาเห้ฯนาวี ยืนตัวสั่นด้วยความตกใจก็เข้าทำร้าย หมาป่าแปลงกันพี่ชายของตนจนไส้ไหลถึงแก่ความตาย ก่อน
จะหนีเตลิดหายไปยังดินแดนโจตันไฮล์ม
         
 เทพเก็บเอาไส้ของนนาวีมาทำโซ่มัดตรึงโลกิเข้ากับแผ่นหินใหญ่สามแผ่น สกาดียักษ์สาวที่ได้รับความอับอายเพราะโลกิอาสานำงูพิษมาสาปตรึ่งใว้เหนือหัว ให้งูนั้นพ่นพิษใส่หน้าตลอดเวลา แล้วเทพก็จะไไป โชคของโลกิที่เหลือเพียงสิ่งเดียวคือเวลานั้น ซียินเมีย ของโลกิ ผุ้จงรักภักดี หล่อนแอบตามมา เมื่อเห็นบรรดาเทพไปกันหมดแล้วก็ ออกจากที่ชซ่่อน นั่งเฝ้าสามาีคอยเอาถ้วยรองพิษงูไว้ไม่ให้ถุกใบหน้าดลกิ นางนั่งเคยยงข้างสามาีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนกระทั้งถึงเวลาแร็คนาร็อค ช่วยเดียวที่หล่อนไม่อยู่กบเขา ก็คือตอนที่เอาถ้วยรองพิษงูไปท้ิง เป้นตออนเดียวที่ดลกิเจ็บแสบกับน้ำพิษที่ร้อนเหมือนไฟ ความทุกข์ทรมานที่ถุกตรึงกับแผ่นหินด้วยไส้ของลุกตัวเอง กับความร้อน จากพิษทำให้ความฝังใจเจ็บกับเทพทวีขึ้นเรื่อยๆ
            ช่วงเวลาที่ดลกิถูกพันธนาการอยู่ในมิดการ์ด โอดินแน่ใจว่าความชั่วร้ายของโลกิจะค่อยๆ ซึ่งลงไปในใจมนุษย์อย่างช้าๆ ไม่นานนักมันก็เร่ิมพ่นพิษ โอดินนั่งมองจากบัลลังก์ส "ฮลิดสเกียฟเห็นคนเร่ิมฆ่ากันอย่างไร้เหตุผล และไร้เกี่ยรติ หัวใจ ทุกดวงเต็ไปด้วยความชั่วและความพยายามและทุกสิ่งทุกอย่างเร่ิมสับสน...
             พ่อฆ่าลูกชาย เอาลูกสาวมาทำเมีย ลูกชายบอบฆ่าครอบรัวในตอนกลางคือ พี่น้องสมสู่กันเอง แระทั่งแม่ก็ยังเกิดความใคร่ใตัวลูกชาย มันเป็ฯยุคตาต่อตา ฟันต่อฟัน ดาบต่อดาบ ความโกรธความเกลียดแม้เพียงน้อยนิดก็ไม่มี การอดทนให้อภัย แผ่นดินมิดการ์ดเต็มไปด้วยเลือด มันเป็นเวลาที่มนุษย์ไร้ศีลธรรมและอารยธรรมของความเป้นคน กลับไปมีชีวิตเหมือนสัตว์ ฆ่ากันเยี่ยงสัตว์ ...https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=11
         

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561

THE DEATH OF HODUR

           
 ครั้นเมื่อความโศกศร้าจางหายไปจากแอสการ์ เทพโอดินสมสู่กับรินด้า เมียคนที่สามให้กำเนิดวาลี  Vali ขึ้น เทพองค์นี้ก็เป็นผุ้ถามหาความยุติธรรมแก่บาลเดอร์ หลังจากเขาเกิดไม่กี่วัน วาลีถือคันศรและแล่งบรรจุลูกธนูติดตัวตลอดเวลาจนวันหนึ่งสบโอกาศก็ยิ่งโฮเดอร์ตาย ความตายของโฮเดอร์เป็นการแก้แค้นที่สามสมในความเห็นของคนเหนือ ทั้งๆ ที่ต้นเหตุคือโลกิ..
              แผนชั่วร้ายของโลกิทำชาวสวรรค์เศร้าโศรกเสียใจเกินกวาจะให้อภัยโลกิ..พวกเทพรวมตัวกันเนรเทศโลกิห้ามไม่ให้โลกิย่างหยี่ยบเข้ามาในแอสการ์ดไม่ว่าส่วนไหนๆ ทั้งสิ้น
              โลกิกลับไม่สำนึกว่าสิงที่เขาได้กระทำลงไปเป็นความผิดร้ายแรง เขากลับย่ิงโกรธแค้นหาทางแก้เผ็ด เรื่องการที่ต้องถูกเนรเทศ
             เช้าวันหนึ่งขณะที่มการเลี้ยงใหญ่ที่ทองพระโรง โอดินและธอร์ไม่อยู่ โลกิก็เดินเข้ามาในห้องเลี้ยง เร่ิมชี้หน้าด่าเทพแต่ละองค์ นำเรื่องความบกพร่องและน่าอับดายของเทพแต่ละองค์มาประจาน ทวยเทพต่างอ้าปากค้ง ไม่มีรใครห้ามโลกิได้ เขายังก่นด่าต่อไปเรื่อยๆ กระทั้งถึง ซิฟ โลกิพูดขึ้นว่า เสียงของเขาดังขึ้นๆ จึงไม่ทันสังเกตว่า ธอร์ไม่ได้อยุ่ในที่ประชุมเมื่อครู่ บันนี้ปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของเขาอย่างเงียบๆ เขาย่อมต้องได้ยินคำพูดที่โลกิกำลังประจานเมียรักของตน ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นในหัวของธรอร์ เทพสายฟ้าเหวี่ยงค้อนหมุนบนหัว คราวนี้กระว่าดลกิต้องตายคาห้องประชุม แต่เทพโลกิก็ไหวตัวทัน หันไปเห็นธอร์อยุ่เบื้งหลัง โลกิเผ่นออกไปจาห้องทันก่อนที่ค้อนจะปลิวมาถึงตัว
             ความอดทนของเทพที่มีต่อโลกิขาดผึง แทนที่จะแค่เนรเทศแล้วเกลิกสนใจ แต่ทวยเทพต่างตกลงกันว่า เห็นท่าจะต้องลงโทษให้สาสม โอดินสั่งให้จับโลกิเอาตัวมาทรมาน
https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=10

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

THE DEATH OF BALDUR

             
ระหว่างที่เสียงร่ำไห้ระงมทั่วแอสการ์ด เฮอร์มอดก็เข้าใกล้นิฟส์ไฮล์มเข้าไปทุกที เขาขี้ม้าแปดขาข้ามสะพานจิอัลลา สะพานที่ทอดข้าม จิอัล แม่น้ำแห่งความตาย ม้าพาคนที่กระโดดไกลเข้าประตูนรกไปสู่วังของเฮลกลางใจแผ่นดินนิฟล์ไฮล์มอย่างรวดเร็ว
              ในการเข้าถึงโลงเลี้ยงอาหารของเฮลนี้เอง เฮอร์มอดเห้นบาลเดอร์และนันนานั่งอยู่บนเก้าอี้ อาหารเบื้องหน้าไม่ได้รับการแตะต้อง เช่นเดียวกับเหล้าที่วางไว้เคียงกัน วิญาณของสองเทพดูจะตายเช่นเดียวกัยร่าง เฮอร์มอดพยายามให้กำลังใจผลักดันบาลเดอร์ว่าเขาควรกลับไปอยู่แดนของสิ่งมีชีวิต แต่วิญญาณของเทพตอบด้วยความเศณ้ษว่า มันเป็นไปไม่ได้อีแล้ว
             เฮอร์มอดพบเฮล บอกคำอ้อนวอนของพระนางฟริกก้า เฮลจ้องหน้าเทพด้วยดวงตาเย็นชา นางตอบว่า หากทุกสิ่งทุกอย่างในโลกทั้ง ต ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ร้องไห้ให้กับการจากไปของบาลเดอร์ นางจะยอมปล่อยให้เทพกลับไปมีชีิวิตอีกครั้ง แค่เพียงนี้ก็เป็นการต่อรองที่ดูจะมีหวัง เฮอร์มอดรีบกลับแอสการ์ด แจ้งเรื่องที่เฮลบอกให้โอดินทราบ
           
ข่าวของเทพบุตรหนุ่มสร้างความหวังริบหรี่ให้โอดิน เขาส่งทูตทั้งสี่ออกไปบอกข่าวแก่สิ่งต่างๆ ในโลกชนิดปูพรมแน่ใจว่า บาลเดอร์เป็นที่รักของทุกคนและทุกสิ่ง ไม่ยากเลยที่คนเหล่านั้นหรือสิ่งเหล่านั้นจะร่ำไห้ และทูตก็ทำงาน ได้ดี กระทั้งฝุ่นและหินก็ยังหลั่งน้ำตาของมันแก่เทพผุ้ล้มลงตาย ทูตทั้งสี่กลับแอสการ์ ระว่างทางกลับนั้น พวกเขาบังเอญเห็นถ้ำแห่งหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทูตสวรรค์ก็เลยลองเดินไปข้างใน พบนางยักษ์ธรอค
จึงแจ้งข่าวการตายของบาลเดอร์แก่นาง แต่นางยักษ์ฟังแล้วก็นิ่งเฉย ทูตถามย้ำว่าไม่เสียใจเรื่องความตายของเทพแห่งแสงสว่างบ้างเลยเชียวหรือ ยักษ์"ธรอค"มองหน้าทูตแล้วว่า นางไม่รุ้สึกอะไรเลย คำตอบของยักษ์ตนนี้คนเดียวเท่าน้น ทำให้บาลเดอร์ตกอยู่ในเงื้อมมือของเฮลตลอดไป
             ทูตสวรรค์กลับแอสการ์ดพร้อมกับข่าวร้าย แจ้งแก่เทพว่าทุกสิ่งทุกอย่างร่ำไห้แก่บาลเดอร์ ยาเหว้นสิ่งเดียวคือยักษ์ธรอค ยักษ์ที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อน ความน่ิงเฉยของยักษ์ตนนี้ทำให้
บาสเดอร์ไม่มีทางฟ้นกลับมาสู่สวรรค์อีกแล้ว ท้องพระโรงแอสการ์ดเต็มไปด้วยความเศ็าอีกครั้ง ไม่มีใครทันสังเกตแววตาสะใจวะวับของโลกิ ที่ยัะงคงแกล้งทำเป็นเสียใจ มันเป็นแววตาเดียวกับนางยัษ์ผุ้ม่ร่ำไห้...ยักษ์คิณีตนนั้นก็คือโลกินั้นเอง
            ความตายของบาลเดอร์นับเป็นต้นเหตุแห่งความเกลียดชังสำคัญระหวางเทพและโลก แต่คนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องนี้ คงเป็นโฮเดอร์ ผุ้ซึ่งถูกโลกิยืมมือให้ฆ่าแฝดผู้น้องโดยไม่รู้เรื่องรุ้ราว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลายเป็นเทพผุ้ถูกชังมากเข้าไปอีก...writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=10

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Baldur and Hodur II

           ..... โลกิมองหาคนที่จะยืมมือได้ ทันที่เขาเห็นโฮเดอร์เทพตาบอดซึ่งถูกกีดกันจากเทพด้วยกันเองเสมอๆ ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง กำลังคลำงุ่มง่ามเปะปะไปตามผนัง เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมส์ ขว้างปาบาลเดอร์เพราะมองไม่เห็น โลกิ เกินเข้าไปโอบไหลโฮเดอร์ ทำเป็นมีเมตตา แล้วเร่ิมกล่อม
           " ทำไมเจ้าไม่หาอะไรมาข้างปาร่วมงานฉลองกับเขาบ้างเล่า" โลกิเอ่ย  "ก็ข้า..ข้ามองไม่เห็น แล้วก็ไม่รู้จะเอาของอะไรที่ไหนด้วย" โฮเดอร์ว่า โลกิเอาลูกศรไม้มิสเซิบโทใส่มือบาลเดอร์ และกล่าวว่า "เอาของข้าก่อนก็ได้ " โฮเดอร์จึงตอบว่า "แต่ข้าก็ม่เห็นอยุ่ดี" โลกิจึงตอบว่า "ไม่เป็นไร ข้าช่วย" โลกิจูงโฮเดอร์มาต่อแถว จับมือเทพตาบอดให้ถือศรเล็งตรงทาง "เอาละ ขว้าง"
            ไม้มิสเซิลโทวิ่งตรงแทงเข้าไปในอกบาลเดอร์ เขาชะงักค้าง ตาเหลือก ส่งเสียงกรนยาวออกมาแค่ครั้งเดียวก็ล้มลงกับพื้นสิ้นใจ..
             ทั่วทั้งท้องพระโรงงงงัน เงียบเสียงในทันใด ต่างคตนต่างช็อกกับภาพตรงหน้า แต่วินาที่น้นหลายคนหันไปทางตำแหน่งที่โฮเดอร์ยืน ทันได้เห็นโลกิยือนอยู่เบื้องหลังเทพตาบอด มือของเขาที่จับมือโฮเดอร์ช่วยเล็งยังค้างอยู่ เทพอีเซอร์รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นความแค้น รุมเข้ามาที่โลกิราวกับจะฉีกเนื้อ โลกิปลอ่ยเทพตาบอดแล้วหนีไปด้วยความกลัว
           
ตอนนั้นคึวามโทมนัสแผ่เข้าแทนที่ความรื่นเริง ไม่ว่าเทวาองค์ไนก็ไม่สามารถเก็บความเศร้าไว้ได้ เสียงแห่งการเฉลิมฉลองเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นเสียงระงมแห่งความโศกเศร้า แต่ความเศร้าใดๆ ของใคร ก็ไม่อาจเปรียบเที่ยบได้กับความเศร้าของ โอดิน นอกจากบาลเดอร์จะจากไปเ ขาเป็นคนเดียวที่รุ้ล่วงหน้าแล้วว่ เมื่อไร ก็ตามที่แสงส่วงและสัจจธรรมหายไปจากโลก เวลาแร็กนาร็อคก็ใกล้เข้ามา ต่อแต่นี้ ความชั่วและความตายจะมีพลังมากจนสั่นสะเื่อนความมั่นคงของจักรวาล โลกทั้งเก้าจะถูกทำลายราบเหลือเพียงกอเถ้าถ่าน
             ท่ามกลาวความโศรกเศร้านั้น ฟริกก้าพยายามหาทางแก้ไข พระนางถามหาผุ้กล้าที่สุดที่จะลงไปยังนรกไปนำวิญญาณบาลเดอร์กลับขึ้นมาสู่โลกแห่งชีวิต ปรากฎว่าเฮอร์มอด ลูกของนางอีกคนอาสา โอดินจึงให้นำม้าแปดขาของพระองค์ไปใช้
            ทันที่ที่เสียงฝีเท้าม้าจากไ โอดินสั่งให้เตรียมงานศพ ร่างของบาลเดอร์ถูกนำไปชำระล้างยังเบรดดาลิควังของตนขณะเดียวกันต้นไม้จำนวนมากถูกโค่นสำหรับเผาบาลเดอร์ ไม้ฝืนเหล่านี้เอาไปกองเรียงกันไว้บนดาคฟ้าเรื่องริงฮอร์น เรือหัวมังกรของเขาเอง จากนั้นร่างของเทพแห่งแสงส่างก็ไดรับการแต่งตัวในชุดสงคราม ถูกนำไปวางไว้บนกองฟืนกองนั้นเทพต่างๆ ช่วยกันนำของมีค่าและสิ่งสวยงามของตน วางไว้ข้างศพบาลเดอร์ในเรื่อเพื่อเป็นการเคารพครั้งสุดท้าย..โอดินวางแหวนเดราป์เนียร์ แหวนแห่งพิภพไว้บนอกบูกชาย (แหวนวงนี้กลับมาอีกครั้งเมื่อบาลเดอร์ฟื้นหลังช่วงแร็กนาล็อก) ก้มลงกระซิบบางอย่างข้างหูศพ กระทั่งทุกวันนี้ไม่มีใครรุ้ว่าจอมเทพกระซิบอะไร..แต่คาดว่าเป็นคำศักดิ์สิทธิสั่งในห้บาลเดอร์คืนชีพ โอดินเป็นเดียวที่รุ้ว่าลูกชายของตนจะกลับมาอีกคร้งหลังแร็คนาล็อก
               
นันนาเป็นคนสุดท้ายที่มาจูบลาสามีของหล่อน ความโศกศร้าแล่นขึ้นมาจับหัวใจเธออีกครั้งหลังจากที่ร้องไห้คร่ำครวญจนเป็นมไปหลายครั้ง แต่คราวนี้ความเสียงใจที่พลุ่งขึ้นมาทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย นันนาล้มลงขาดใจตายข้าศพสามี ร่างของเธอจึงถูกยกวางไ้ข้างเขาเพื่อจะทำพิธีเผาไปด้วยกัน
                เมื่อทุกอย่างตระเกรียมเสร็จสิ้น ขั้นตอนที่เศร้าที่สุดคือปล่อยเรือลงน้ำ แต่ว่าในขณะนั้นน้ำหนักของฟืนและน้ำหนักของสมบัติหนักจนเรือขยับไม่ได้ โอดินสั่งคนสื่สารไปโจตัสไฮล์มขอความช่วยเหลือจาก ยักษ๊ภเขา นาม https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=10
เฮอร์โรคิน มาช่ยนำเรือลงน้ำ เมื่อปรากฎตัวของนางทำเอาชาวแอสการ์ขวัญหนี้ดีฝ่อ เนื่องจากควาใหญ่โตมโหฬารของนางยักษ์แล้ว นางยังขี้หลังหมาป่ายักยักษ์เดินทางสมาด้วย สายบังเหนียนเป็นงูพันกันดูน่ากลัว..เฮอร์โรคินใช้มือดันเรืองออกจาท่า เสียงเรืองริงฮอร์นลั่นเอี๊ยดอ๊าดเสียดประสาทหูไปทั่วทั้ง 9 ภิภพ กองไฟถูกจดขึ้น ธอร์กระโดดขันบนดานฟ้ายกค้อนจอลเนียร์ขึ้นสูงแล้ว ร่ายเวทนย์ป้องกันให้บาลเดอร์เดินทางสู่นิฟล์ไฮล์ม เรื่องริงฮอร์นลอยไปสู่ขอบฟ้า เพลิงที่จุดกลางลำเรือเผาทั้งศพของบาลเดอร์และนันนาไปกับตัวเรือ ซากที่เหลือไมามากจมลงใต้ท้องทะเลเวลาเดียวกัยที่อาทิตย์ตก การจากไปของเทพทั้งสองทำให้ภาพตะวันตกดินเป็นภาพงามที่เศร้าที่สุดที่ชาวแอสการ์ดเคยเห็น...

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Baldur and Hodur

           
บัลเดอร์ เทพแห่งรุ่งอรุณผู้มีรูปโฉมงดงามกว่าใคร เชียวชาญการใช้สมุนไพร เป็นลูกของโอดินกับปรกก้า เขาเป็นผุ้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพรูปงามที่สุดในบรรดาทวยเทพทั้งหมดของแอสการ์ด บาลเดอร์มีผมสีบรอนด์ทอง ซึ่งเปรียบได้ดั้งรังสีแห่งดวงอาทิตย์ เป็นผู้ทรงภูมิความรุ้มากองค์หนึ่ง เขารุ้เรื่องอังษรรูนและเรื่องสมุนไพรเยียวยาความป่วยไข้ ทำให้เขากลายเป็นเทพหลักของมนุษย์ในช่วงที่มีโรคภัยเบียดเบียนมิการ์ด..บาเดอร์เป็นเทพที่เป็นที่รักของเหล่าเทพในมิการ์ดยกเว้นเพียง..โลกิ
           โอเดอร์ คือน้องชายฝาแฝด ซึ่งเป็นเช่นด้านตรงข้ามของบัลเดอร์ หากบาลเดอร์เป็นเทพแห่งแสงสว่าง โฮเดอร์ก็คือเทพแห่งความมืด หากบาลเดอร์เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ โฮเดอร์ ก็คือ ตัวแทนของบาป บาบเดอร์สามารถมองเห็นส่ิงต่าง ๆ อย่างชัดเจน โอเดอร์ก็ตาบอดสนิท
            วันหนึ่งบาลเดอร์ฝันร้ายเห็นตัวเองเดินอยุ่ในความมืด รอบข้างทางเดินเป็นศพคนตายและวิญญาณคนตายในรูปร่างน่าสยดสยองนับพันนับหมื่นที่ต่างชูมือยื้อแย่งตัวเขา มันเป็นฝันที่ทำให้เบาลเดอร์ตกใจตื่นทุกครั้ง บาลเดอร์เร่ิมฝันแบบเดียวกันอย่างเดียวกันซ้ำๆ บ่อยๆ ขึ้นกระทั่่งเป็นโรคหวาดกลัวการนอน เทวาที่ได้ชื่อว่าร่าเริงมากที่สุดและสง่างามที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่มีแต่ความทุกข์ ใบหน้าของเขาอิดโรย ไม่พูดไม่จากับใคร ซึ่งเหล่าทวยเทพก็สังเกตเห็นสิ่งนี้ เมื่อถามเข้าก็รุ้ว่าบาลเดอร์ฝันร้าย
             ความฝันที่บาลเดอร์เล่าให้ทวยเทพฟังทำให้เกิดความวิตกในหมู่ทวยเทพ ความฝันของบาลเดอร์ทำท่าจะเป็นเรื่องร้ายแรง บรรดาเทพตระหนักว่า ชีวติของบาลเดอร์น่าจะตกอยู่ในอันตราย เห็นที่จะต้องหาทางรุ้ใ้ห้ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกันแน่เทพเทวาต่างไปรวมตัวกันที่แกลดสไฮล์ม ทูลปรึกษาโอดิน
            เมื่อจอมเทพทราบข่าวทำให้เขาตกใจมาก และรีบขึ้นม้าไปหาเทพี นอร์น ยังโลกบาดาล คำตอบที่ได้รับทำให้โอดินเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านรู้ว่าบาลเดอร์กำลังจะตาย โอดินกลับสวรรค์ บอกกว่าวคำทำนายของเทพีนอร์น แต่ฟริกก้าผู้เป็นแม่ไม่ยอมเชื่อ หล่อนนำความไปปรึกษาเหล่าทวยเทพอีกครั้ง
           
 ทวยเทพต่างช่วยกันคิดว่าสิ่งใด ทางใด ที่จะทำร้ายบาลเดอร์ได้บ้าง ต่างคนต่างช่วยกันสมมุติสถานการ์ อาวุธ เชื้อโรค หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่จะสามารถฆ่าเทพอันเป็นที่รักได้ เมื่อหารือกันเสร็จสรุปเนื้อความแล้ว ฟรกก้าก็ถือเป็นหน้าที่ของเธอทีจะต้องออกเดินทางไปยังเก้าดลกขอคำสาบานจากทุกส่ิงทุกอย่างไม่ว่า ก้อนหิน กรวด ทราย คมหอก คมดาบ นุ่น ใบไม้ จากส่ิงที่แข็.ที่สุดถึงส่ิงที่อ่อนที่สุดว่า จำไม่ทำร้ายลูกชายของนตาง
            ฟริกก้าจบภารกิจด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่นางก็เบาใจที่ไม่มีสิ่งใดทำร้ายลูกของนางได้ การกลับมาของราชินีสวรรค์ทำให้ทวยเทพในแอสการ์ดมีความสุขขึ้นมาบ้าง ก็เลยจัดงานฉลองสามวันสามคืนไม่เลิกรา ยิ่งบาลเดอร์มีสีหน้าดีขึ้นเทพแอสการ์ดก็ยิ่งพากันยินดี เหล้าถูกเสริฟ์กันทั่วๆ ดื่มไปคุยไป ลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ
           แต่พอเวลาผ่านไปพักใหญ่ เทพเริ่มเมา เริ่มอยากทดลองว่าคำสาบานที่ฟริกก้าออกเดินทางไปขอมาจากส่ิงต่างๆ นั้นได้ผลจริงหรือไม่ เขาให้บาลเดอร์ยืนอยู่ตรงกลางแล้วบรรดาเทพก็ทยอยเอาอะไรต่อมิอะไรมาปาใส่ เร่ิมด้วยหินก้อนเล็กๆ ปาไปถูกหน้าผาก แต่บาลเดอร์ไม่เป็นอะไร จึงเริ่มทดลองด้วยอาวุธประเภทต่างๆ แม้กระทั่งธอร์เองก็เล่นกับเขาด้วย ซึ่งแม้จะใช้อาวุธเทพก็ไม่สามารถทำอันตรายได้แม้แต่น้อย ทั่วทั้งห้องประชุมต่างเต็มไปด้วยความยินดี
          ยกเว้นที่ซอกมุมหนึ่ง ของห้องพระโรงที่ดลกิหลบเร้นอยุ่ ความยินดีของเทพเป็นเหตุให้ดลกิหมั่นไส้ กลายเป็นความหงุดหงิดตามประสาโลกิ แบบนี้ต้องมีการแกล้ง เทพจอมโกงพยายามนึกๆ นึกว่ามันน่าจะต้องมีอะไรสักอย่างที่เล็ดรอดสายตาของฟริกก้า อะไรสักอย่างที่ไม่ได้กล่าวคำสาบาน ดวงตาของโลกิลุกโพลงด้วยความชั่วร้าย เขาหายตัวไปจากแกลดสไฮล์ม หาหนทางที่จะเป็นไปได้สองสามวันต่อมา โลกิคิดแผนออก เขาแปลงตัว
เป็นหญิงแก่ผอมโซหน้าตาน่ารรังเกียจมากที่สุดเท่ารที่จะทำได้ เสกใบหน้าให้เหียวย่น จมุกใหญ่ยื่นยาว กระย่องแย่งเข้าไปในเฟนซาเลียร์วังของฟริกก้า เขารู้ว่าฌะอหลยมานั่งพักหนีความวุ่นวายของท้องพระโรงอยุ่ที่นี่ โลกิแปลงเกินเข้าไปหาถามว่ามีงานอะไรในแกลดสไฮล์มจึงได้ส่งเสียงน่ารำคาญลอยลมมาเช่นนี้ ราชินีฟริกก้ามองผุ้มาเยือนอย่างนึกรำคาญ เธอยังไม่หายเหนื่อยจากการเดินทางไกลทั่วเก้าโลก
จึงตอบยายเฒ่าว่า "นั่นเป็นงานฉลองสวัสดภาพของบาลเดอร์เทพแห่งสัจจะ"  ยายเฒ่าทำท่าฉงนก่อนเอ่ยว่า"เช่นนั้น เหตุใดเขาต้องทรมานด้วยการถูกอาวุธทำร้าย" ยายเฒ่าแสดงท่าฉงนควีนฟรกก้าอธิบายว่า เธอได้เดินทางไปทั่วทั้ง 9 โลก ขอคำสาบานจากสิ่งต่างๆ ว่าจะไม่ทำร้ายลูกขายของนาง โลกิแผลงจี้ตรงจุด ถามว่าแน่ใจแล้วหรือว่าได้ถามมาแล้วทุกอย่างจริง เสียงของนางเฒ่า ตอลดจนความจู้จี้ จุกจิก ยิ่งทำให้พระนางฟริกก้ารำคาญมากขึ้น อยากให้ยายแก่ไปพ้นหูพ้นตา จึงตอบโดยไม่ทันคิดว่า "ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ ต้นมิสเซิลโท ตอนที่ข้าไปถึงมันยังเป็นไม้อ่อนเกินไป ข้าว่านอกจากมันจากมันจะฟังข้าไม่เข้าใจ มันคงไม่รุ้จะทำอันตรายบาลเดอร์ได้ยังไงด้วย"
             โลกิมองเห็นลู่ทาง แต่ยังทำแสร้งถามโน่นถามนี่จนนางรำคาญสุดขีดออกปากไล่ยายแก่โลกิเดินออกมาจากวังเฟนซาเลียร์ด้วยความลิงโลดที่เก็บไว้แทบไม่มิด เมื่อถึงราวป่าโลกิคืนร่าง เขามุ่งหน้าไปยังต้นมิสเซิลโท หักกิ่งของมันขนาดพอเหมาะแล้วเสี้ยมปลาย เดินถือเข้าไปในห้งอท้องพระโรงแกลสไฮล์มที่ยังเต็มไปด้วยความรื่นเริ่ง...

              - https://writer.dek-d.com/tonkow12/story/viewlongc.php?id=226138&chapter=10
              - https://sites.google.com/a/nareerat.ac.th/dear-gods/page-6
           

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...