นับตั้งแต่ประธานาธิบดี โจ ไบเดนถอนตัวจากการเลือกตั้งในวันอาทิตรย์ที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสก็ดุเหมือนวาจะเป็นตัวแต็งที่จะได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แฮร์ริสและโดนัลด์ทรัมป์
ผุ้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับรีกันเป็นตัวแทนฝ่ายต่างๆ ในประเด็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญหลายประเด็น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเด่นชัดมากขึ้น หากเธอเป็นผุ้สมัครคนใหม่ของ เดโมแครต เมือเทียบกับแฮร์ริสซึ่งคาดว่าจะเดินตามรอยของใบเดน ในนโยบายต่างประเทศที่สำคัญ ทรัมปืมีท่าทีแขงกร้าวต่อจีน ยือหยุ่นต่อรัศเซีย และเป็นผุ้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งกร้าวในการทำสงครามในฉนวนกาซา
จากการถอนตัวขงอ โจ ไบเดน รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ดูเหมือนวา่จะเป็นตัวแต็งในการเสนอชื่อชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต ซึงจะทำให้เธอเป็นคู่แข่งกับโดนัลด์ทรัมป์ ผุ้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับรีกัน ในด้านนโยบายต่างประเทศ ทรัมป์ และแฮร์ริสเป็นจตัวแทนของสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันใประเด็นต่างงๆ มากมาย รวมถึง รัสเซีย ยูเครน จีนและอิหร่าน คาดว่า แฮร์ริสจะเดินตามรอยนโยบายต่างประเทศของ ไบเดน ในประเด็นสำคัญเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่
อดีตประะานาธิบดีทรัมป์ซึ่งกำลังแสวงหาตำแหน่วประธานาธิบดีสมัยใหม่ หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับไบเดนในปี 2020 เป็นคนที่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน มีความยืดหยุนต่อรัสเซีย และเป็นผุ้สนับสนุนอย่างแข็งขันของอิสราเอลในการทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา
โดยทั่วไปแล้ว วาระ "อเมริกันต้องมาก่อน" ของเขามักให้ความสำคัญกับปัญหาภายในประเทศของสหรัฐฯ มากกวากิจการระดับโลก โดยมักจะละเลยปัญหาในระดับนานาชาติและความขัดแย้งในภูมิภาคไป
สงครามยุเครน-รัสเซีย
เช่นเดียวกับไบเดน แฮร์ริสให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งแกร่งในขณะที่ปกป้องยูเครนจากรัสเซีย ในเดือนมิถุนายน แฮร์ริสเป็นตัวแทนประเทศของเธอในการประชุมสุดยอดสันติภาพในยูะเครน ซึ่งเธอได้พบกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนเป็นครั้งที่ 6 ในการสนับสนุนเคียฟ เธอยังเป็นผุ้สนับสนุนความร่วมมือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย
ในการประชุมความมั่นคงมิวนิกเมืองเดือนกุมภาพันธ์ เธอได้ย้ำคำมั่นสัญญาของรัฐบาลไบเดนที่จะสนับนุนยูเครน "นานเท่าที่จำเป็น" นอกจากนี้ เธอยังกล่าวหารมอสโกว์ว่า "รับผิดชอบ" ต่อการเสียชีวิตของอเล็ซี นาวัลนี นัการเมืองฝ่ายค้านของรัสเซีย
ในมิวนิก แฮร์ริสพยายามที่จะสร้างความมั่นใจแก่พันธมิตรว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนความมั่นคงในการตอต้านการรุกรานของรัสเซียและภัยคุกคามอื่นๆ "ประชาชนชาวอเมริกันจะพบกับช่วงเวลานี้ และอเมริกาจะยังคงเป็นผุ้นำต่อไป" เธอกล่าว
ในขณะเดียวกัน ทรัมปื ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาสามารถยุติสงครามระหวางรัสเซียและยูเครนได้เมื่อเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง
ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุม CNN Town Hall เมื่อเดอืนพฤษภาคม 2023 เขาพูดว่า "พวกเขาตายแล้ว ขาวรัสเซียและชาวยูเครน ผมอยากให้พวกเขาหยุดตาย และผมจะทำให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง"
สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่กรุงเคียฟเป็นมุลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่สงครามรัสเซ๊ยเร่ิมต้นในเดืนอกุมภาพันธ์ 2022 แต่หากทรัมป์ได้รับชัยชนะ การสนับสนุนในอนาคตก็อาจตกอยุ่ในความเสี่ยง
เจมส์ เดวิด และ เจดี แวนซ์ เพื่อร่วมทีมของทรัมป์ ก็เป็นหนึ่งในผุ้ที่ไม่เชื่อมั่นในการให้ความช่วยเหลือยูเครนเช่นกัน
ในสุนทรพจน์ที่สถบันควินซี เขาพูดว่า "ฉันชื่นชมชาวยูเครนที่กำลังต่อสุ้กับรัสเซียอย่างแน่นอน แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นผลประดยบขน์ของอเมริกาในการที่จะให้เงินทุนสำหรับสครามในยูเครนที่ไม่มีวันสิ้นสุดต่อไป"
"เป็นเวลาสามปีแล้วที่ชาวยุโรปบอกเราว่าวลาดิมีร์ ปูตินเป็นภัยคุกคามต่อยุโรป และเป็นเวลาสามปีแล้วที่พวกเขาไม่ตอบสนองราวกับว่านั้นเป็นเรื่องจริง" เขากล่าวกับ Politico ในบทสัมภาษณ์แยกกัน
สงครามของอิสราเอลต่อฉนวนกาซาในฐานะรองประธานาธิบดี แฮร์ริสสนับสนุนไบเดนเป็นส่วนใหญ่ในการทำสงครามกับฉนวนกาซา หลังจากการโจมตีของกลุ่มต่อต้านปาเลสไตน์ฮามาส เมือ่วันที่ 7 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม บางครั้งเธอกลับวิจารณ์ยุทธวิธีทางทหารของอิสราเอลมากกว่าประธานาธิบดีเสียอีก
เธอวิพากษืวิจารณ์อิสราเอลอยางเปิดเผยในเดือนมีนาคม ดดยระบุว่า อิสราเอลไม่ได้ทำอะไรมาก
พอที่จะบรรเทา "ภัยพิบัติทางมนุษยธรรม" ที่เกิดขึ้นระหว่างการบุกโจมตีภาคพื้นดินในดินแดนปาเลสไตน์
เธอยังไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะเกิด "ผลที่ตามมา" ต่ออิสราเอลหากอิสราเอลดำเนินการรุกรานพื้นที่ราฟาห์ ซึ่งเต็มไปด้วยผุ้ลี้ภัยในฉนวนกาซาอย่างเต็มรูปแบบ
แฮร์ริสยังเรียกร้องให้หยุดยิงในฉนวนกาซารทันที่ในเดืนอมีนาคม ก่อนที่ไบเดนจะทำเช่นนั้น
เมื่อเปรียบเทียบแล้ว แม้ว่าทรัมป์จะเป็นผุ้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน แต่เขาก็ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามในยูเครนและกาซาและปล่อยตัวประกันชาวอเมริกา
"เราต้องการตัวประกันของเรากลับมา และพวกเขาจะต้องกลับมาก่อนที่แันจะเขัารับตำแหน่ง ไม่เช่นนั้ คุณจะต้องจ่ายราคาแพงมาก" เขากล่าวในการประชุมใหญ่แห่งขชาติของพรรครีพับลิกันประจำปี 2024 โดยกล่าวต่อกลุ่มต่อต้านในฉนวนกาซา
ในระหว่างการดีเบตประะานาะิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรก ทรัมป์วิพากษ์วิจารณืไบเดนดดยเรียเขาว่า "ชาวปาเลสไตน์ที่เลวไ และกล่าวหาวาเขาขัดขวางไม่ให้อิสราเอล "ทำงานให้เสร็จสิ้น" และกล่าวเสริมว่า "สำหรับอิสราเอลและฮามาส อิสราเอลเป็นฝ่ายที่ต้องการไป เขา(ไบเดน) กล่าวว่ากลุ่มเดียวที่ต้องการไปต่อคือฮามาส จริงๆแล้วอิสราเอลเป็นฝ่ายที่ต้องการไปและคุณควรปล่อยให้พวกเขาไปและให้พวกเขาจัดการงานให้เสร็จ"เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่แข้งกร้าวในการสนับสนุนอิสราเอลอีกครั้งทรัมป์ได้ตัดสินใจฝ่ายเดียวที่จะย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากเทออาวีฟไปยังเยรูซาเลมเมื่อเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีใปี 2017
จีน
ในช่วง 4ปีที่ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย แฮร์ริสวิพากษืวิจารณ์ทรัมป์ถึงแนวทางของเขาต่อจีน ในระหวา่งดีเบตรองประธานาธิดบีกับ ไมค์ เพนซ์ ในปี 2020 เธอกล่าว่ว่าทรัมป์ "แพ้สงครามการค้าครั้งนั้น" เธอสังเกตอีกด้วยว่าภาษีของเขาสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยไม่ได้สร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์ระหวางประเทศกับจีนเลย
ในแง่ของประวัติการทำหน้าที่นิติบัญญัติ แฮร์ริสมักทำงานเกี่ยวกับกฎหมายที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในอ่องกงเมือเธอเป็นวุฒิสมาชิกในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับจีน เธอให้คำมั่นในเดือนกันยายน 2022 ว่าจะ "สนับสนุนการป้องกันตนเองของไต้หวันต่อไป สอดคล้องกับนะบายระยะยาวของเรา"
แฮร์ริสได้พบกับประธานาธิบดี สีจิ้นผิงสั้นๆ ในการประชุมผุ้นำเอเปค เมื่อปี 2022 ดดยเธอเรียกร้องให้เขาเปิดช่องทางการสื่อสารไว้เพื ่อบริหารจัดการการแข่งขันระหว่างสองประเทศอย่างมีความรับผิดชอบ
ทรัมป์ ยังมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีน โดยมีนโยบายต่อปักกิ่งที่เน้นการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึงร้อยละ 60 เขาสนับสนุนการจำกัดใหม่ต่อดครงสร้างพื้นฐานที่เป็นของจีนในสหรัฐและเสนอให้สร้างดล่ป้องกันขีปนาวุธ
แวนซ์ คุ่หูในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ดต้แย้งว่านดยบายที่สนับสนุนโดยประธานาธิบดีไบเดน และ "นักการเมืองที่ไม่ติดตามสถานการณ์" คนอื่นๆ ในวอชิงตัน ทำให้สหรัฐฯ ต้องจมอยุ่กับสินค้าจีนราคาถูก แรงงานต่างชาติ และในทศวรรษต่อๆ มาก็อาจมีการใช้เฟนทานิลจากจีนซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้
แวนซื ยังบอกกับฟ็อกซ์นิวส์ด้วยว่า จีนนั้นเป็น "ปัญหาที่แท้จริง" สำหรับสหรัฐฯ มากกว่าสวครามในยูเครน และถือเป็น "ภัยคุกคามที่ย่ิงใหญ่ที่สุด"
เมื่อพูดถึงการสนับสนุไต้หวันของสหรัฐฯ ทรัปม์กล่าวว่าเกาะแห่งนี้ควรจ่ายเงินให้สหรัฐฯ สำหรับการป้องกันประเทศ โดยเปรียบเทียบสหัฐฯ เป็นบริษัทประกันภัย และโต้แยเ้งว่าไต้หวันไม่ได้ให้สิ่งตอบแทนใดๆ สำหรับการปกป้องประเทศเลย "ผมรู้จักคนเหล่านี้ดีมาก และเคารพพวกเขามาก พวกเขาเอาธุรกิจชิปของเราไปเกือบ 100% ผมคิดว่าไต้หวันควราจ่ายเงินให้เราเพื่อากรป้องกันประเทศ" เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ "บลูมเบิร์ก บิวซิเนสวีค"
อิหร่าน
แฮร์ริส และทรัปม์ยังมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเครียร์กับอิหร่าน
แฮร์ริส สนับสนุนแผนปฏิบัติการร่วมครอบคลุมปี 2015 ซึ่งมุ่งหมายที่จะจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน แต่ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวฝ่ายเีดยวในปี 2018
นอกจากนี้ เขายังถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงในปี 2018 และดำเนินกลยุทธ์กดดันสูงสุดต่ออิหร่าน โดยนำมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงมาใช้กับหน่วยงานของอิหร่านหลายชุด
ในเดือนมกราคมปี 2020 ทรัมป์สั่ง โจมตีทางอากาศใกล้กับสนามบินแบกแดด ซึ่งงสัหารกาเซม โซไลมานี ผุ้บัญชาการระดับสุงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสรลามแห่งอิหร่าน
ระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาอ้างว่าการต่อสุ้ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายของอิหร่านเป็ผลโดยตรงจากนโยบายของเขา "อย่างที่ทราบกันดีว่าอิหรานกำลังล้มละลาย พวกเขาไม่ได้ให้เงินสนับสนุนฮามาส และไม่ได้ให้เงินสนับสนุนอะไรเลย พวกเขาไม่ได้ให้เงินสนับสนุนอิซบุลเลาห์" เขากล่าว
นาโต้
องค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของนโยบายต่างประเทศแฮร์ริสคือการสับสนุน NATO อยางแข็งขันของเธอ โดยยืนยันว่าสหรัฐฯจะไม่ถอยห่างจากพันธกรณีที่มีต่อพันธมิตร "โดยกว้างๆ แล้ว นาโต้ ถือเป็นศูนย์กลางของแนวทางของเราต่อความมั่นคงระดับโลก สำหรับประธานาธิบดีไบเดนและฉัน พันะสัญญา ศักดิ์สิทธิของเราที่มีต่อ "นาโต้" ยังคงแน่นหนา" เธอกล่าวในการประชุมมิวนิค
"ฉันเชื่อว่าอย่างที่แันเคยบอกมาก่อนหน้านี้ว่า "นาโต้" คือพันธมิตรทางทหารที่ย่ิงใหญ่ที่สุดที่โลกเคยรู้จัก" เธอกล่าวเสริม
"และฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความมุ่งมั่นของเราในการสร้างและรักษาพันธมิตรได้ช่วยให้สหรัฐฯ ได้กลายเป็นประเทศที่ทรงพลังและเจิรญรุ่งเรืองที่สุดในโลก พันธมิตรที่ป้องกันสงคราม ปกป้องเสรีภาพและรักาาเสถีรภาพตั้งแต่ยุโรปไปจนถึงอินโด-แปซิฟิก
สำหรับทรัมป์เอง ก็ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสมาชิกหลายรายของ "นาโต้" ไม่ได้ปฏิบัติตามพันธกรณีทางการเงินภายใต้ "นาโต้"
แฮร์ริสวิพากา์วิจารณือยางหนักถึงความคิดเห็นของทรัปม์ต่อประเทศสมาชิก "นาโต้" ที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ 2% ของกลุ่มพันธมิตร
ในเดือนกุมภาพันธ์ ทรัมปืหล่าว่าเมือครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาได้เตือนว่าเขาจะไม่เข้าแทรกแซงในกรณีที่รัสเซียโจมตีพันธมิตรที่ไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีทางการเงินที่มีต่อนาโต้...https://www.aa.com.tr/en/americas/how-kamala-harris-foreign-policy-would-differ-from-donald-trumps-in-a-2024-showdown/3282454