อเมริกัน ซึ่งส่วนใหญ่ของชาวแอฟริกันอเมริกันจากชนบทมาจาการอพยพครั้งใหญ่ของชาวแอฟริกันอเมริกันจากชยบทางตอนใต้ไปยังเขตเมื้องทางตอนเหนือ จากไม่เกิน 16,000 คนเป็น 1,000,000 คนในช่วงเปลี่ยนศตวรษที่ 21 ชาวแอฟริกันอเมริกันของมิชิแกนประมาณครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองดีทรอยต์ ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขารวมกันเปนมากกว่าสี่ในห้าของประชากร นอกจากนี้ยังมีชุมชส ชาวแอฟริกนอเมริกันจำนวนมากในละแวกเก่าและบริเวณใจกลางเมืองฟลินท์ และซากันอว์ อีกด้วย
ประวัติศาสตร์ศาสนาของมาิชิแกนมีความแกต่างเล็น้อยจากรัฐอื่นๆ ลหายแห่งในมิคเวสต์ในชวงแรกๆ นิกายโรมันคาะอลิกเนื่องจากผุ้ตั้งถ่ินฐานชาวยุโรปกลุ่มแรกในดีทรอยต์เป็นโรมันคาธอลิกชาวฝรังเศสผู้ย้ายถ่ินฐานจำนวนมากที่มีความเชื่อดังกลาวจึงถุกดึงดูดมายังวเมือนี้ก่อนการอพยพของชาวไอริช อิตาลีและโปแลนด์จำนวนมากในศตวรรษทีค่ 19 ดีทรอยต์ได้รับการสภาปนาเป็นสังฆมณฑลในปี 1833 และเป็นอัครสังฆมณฑลในปี 1937 สังฆมณฑลอื่นๆ ได้รับการจัดต้งขึ้นในที่ต่างๆ อีก ห้าถึงหกที่ บรรดานิกายโปรเตสแตนต์ นิกายลูเทอแรนมีผุ้นับถือชาวเยรามันและสแกนดิเนเวียจำนวนมาก ในขณะที่นิกายเมธอดิสต์ มีความสำคัญทั้งในชนบทและมืเองของมิชิแกน ผุ้ตั้งถ่ินฐษนชาวดัตซ์กลุ่มแรกเป็นสมาชิกของคริสตจักรปฏิรูปคริสเตียน ซึ่งต่อต้านคริสตจักรของรัฐเนเธอร์แลนด์ คริสตจักรมิชิแกนเป็นอิสระอย่างมากจากคริตจักรดัตซ์ที่แยกตัวออกมานอกจากนี้ยังมีคริสตจักรเพรสไบทีเรียน แบ็บดิสต์ และเอพิสโกเปเลียน จำนวนมาก มิชิแกนมีนิกายโปรเตนแตนต์จำนวนมาก โดยบางนิกายมีสมาชิกเพียงเล็กน้อย
ผุ้อพยพชาวยิง กลุ่มแรกสู่มิชิแกนทีพม้นเพเป็นชาวเยอรมัน ในปี 1851 ชาวยิวจากเมืองดีทรอยต์ได้ก่อตั้งโบสถ์ ยิวขึ้น โบสถ์ยิวทั่วทั้งรัฐสะท้อนถึงศาสนายิว ทุกรูปแบบ ประชากรอาหรับส่วนหนึ่งของรัฐเป็นชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือ นิกายชีอะห์ อย่างไรก็ตาม ชาวอาหรับที่นับถือสาสนาคริสต์(ส่วนใหญ่) เป็นนิกายโรมันคาะอลิก มีจำนวนมากกว่าชาวอาหรับมุสลิมในภุมิภาคดีทรอยต์การตังถิ่นฐานในคาบสมุทรตอนบนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เมืองใหญ่ได้แก่ ไอรอนวูด, ไอรอน เมาท์เทน, แฮนค็อค, ฮิวตัน, และมารร์คิวตี้ ซึ่งล้วนตั้งอยุ่ใกล้กับเมืองหรือท่าเรือ มือง เซลาท์ เซนต์ แมรี่ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในคาบสมุทรตอนบนทางตะวันออก มองเห็นคลอง โซว์ ล็อคส์ บนเส้นทางเดินเรือที่เชื่อระหว่างทะเลสาบฮูรอนกับทะเลสาบสุพีเรีย ทัวทั้งคาบสมุทร ประชาชนจำนวนมากประกอบอาชีพด้านป่าไม้
พลังทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์เชื่อมโยงส่วนตะวันออกของคาบสมุทรตอนบนกับคึ่งทางเหนือของคาบสมุทรตอนล่างเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพื้นที่ที่เรยกว่ามิชิแกนตอนเหนือพื้นที่นี้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมป่าไม้ของรัฐมาช้านานป่าไม่จำนวนมากเป็นของรัฐบาลรัฐและรัฐบาลกลาง เมืองต่างๆ ทางตอนเหนือของมิชิแกนทำหน้าที่เป็นศุนย์กลางระดับภูมิภาค สำกรับนักท่องเที่ยวและเกษตรกร และมัเป็นสำนักงานใหญ่ของบริการรัฐบาลชุมชน ขนาดใหญ่หลายแห่งดุงดูดการผลิตขนาดเล็ ชุมชนอื่นๆ ทำหน้าที่เป็นทาเรืองที่สำคัญ
แม้ว่าพื้นที่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรตอลล่างจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีผลผลิตสูงในบางพื้นที่ แต่ฐานรากทางการเกษตรที่แบข็.แกร่งและหลากหลาย ที่สุดของรัฐ อยุ่ทางใต้ของมิชิแกน ซึ่งเป็นพื้นที่ทางใต้ของเขตทางแยกด้านข้างระหว่างเบย์ซิตี้ และมัีสคีกอนนอกจากนี้ มิชิแกนตอนใต้ยังประกอบด้วยเมืองใหญ่และศูนย์กลางอุตสาหกรรมส่วนใหญของรัฐ เช่น ดีทรอยต์ หนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเขตชานเมืองหลายแห่ง
เศรษฐกิจของมิชิแกนซึ่งเดมที่มีพื้นฐานมาจากการเกษตรขนาดเล็ก กลายมาพึ่งพาการทำไม้และการทำเหมืองในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 การตัดไม่ในป่าสนขาว ชนาดใหญ่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วระหว่างปี 1830-1905 กระทังความอุดมสมบุร์ของป่าหมดลงเกือบหมดสิ้น เมือถึงปี 1980 เหมืองเหล็กและทองแดงได้เปิดดำเนินการในคาบสมุทรตอนบนทางตะวันตก ซึ่ช่ยสงเสริมการตั้งถ่ินฐานใหม่ในบริเวณนั้น ความก้าวหน้าด้านการขนส่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศราฐฏิจในช่วงเวลานี้ ในปี 1855 เขื่อซูแห่งแรกบนแม่น้ำเซนต์แมรีส์ สร้างเสร็จ ทำให้เรือน้ำลึกสามารถสัญจรระหว่างทะเลสาบสุพีเพรยและเกรดเลกส์อื่นๆได้
ในทศวรรษที่สองของศตวรรษที่ 20 อุตสหกรรายานยนต์เร่ิมเข้ามาครอบงำเศรษณบกิจของมิชิแกนนับแต่นั้นมา มิชิแกนยังคงผูกติดกับโชคชะตาของบริษั่ทผลิตรถยนต์ แม้จะมีส่วนสนีบสนุนจากกิจกรรมการผลิตอื่นๆ การท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรมและป่าไม้ (แม้จะลดลง) การคว่ำบาตรน้ำมันในช่วงปลายทศวรรษปี 1970 ปรกอบกับการเพิ่ีมขึ้นอย่างมากของการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศและภาวะเศราฐกิจถอถอยของประเทศ ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในมิชิแกนระหว่งปี 1979-1982 ระดับการว่างงานของรัฐเพ่ิมสูวขึ้นอย่างร่วดเร็วและกลายเป็นระดับสุงสุดในประเทศ อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวเล็น้อยใสนข่วงสองทศวรรษถัดมาร แต่ก็ต้องประสบกับความสูญเสียงครั้งใหญ่เมือราคาน้ำมันพุ่งสุงขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯชะลอตัวในช่วงตนศตวรรษที่ 21 รัฐบาลและผุ้นำธุรกิจของมิชิแกนได้ริเริ่มโครงการเพื่อดขยายฐานการผลิตของรัฐ เพื่อดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีชั้นสุงใหม่ๆ แลเพื่อส่งเสริมภาคบริการของเศรษฐกิจ ดดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวและการศึกษา ซึ่งยังคงดำเนินไปได้ดี
รัฐธรรมนูญมิชิแกนกำหนดให้มีฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลากรเช่ินเดียวกับรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ อำนาจบรเหารตกอยุ่กับผุ้ว่าการรัฐซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเวลาสี่ปี ผุ้ว่าการรัฐจะได้รับการเสนอชื่อโดยการเลือกต้งขึ้นต้น แต่รองผุ้ว่าการรัฐจะได้รับการเสนอชื่อโดยการประชุมพรรค จากนั้นผุ้ว่าการรัฐและรองผุ้ว่าการรัฐจะได้รับเลือกโดยการเลือกตั้งดดยตรง คณะกรรมการบริหารที่ผุ้ว่าการรัฐแต่งตั้งนั้นรับผิดชอบต่อฝ่ายบริหารและคณะกรรมการที่ปรึกษาหลายคณะ บริการของรัฐบาลที่สำคัีญส่วนใหญ่จะรวมกันอยุ่ภายใต่แผนกที่รับผิดชอบต่อผุ้ว่าการรัฐสภานิติบัญญัติของรัฐมิชิแกนประกอบด้วยวุฒิสภาซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้ง 38 คนซึ่งดำรงตำแหน่งวาระละ 4 ปี และสภาผุ้แทนราษำรซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการเลือกตึ้ง 110 คนซึ่งดำรงตำแหน่งวาระละ2 ปี เขตเลือกตั้งของสภานิติบัญัติจะถูกกำหนดใหม่โดยคณะกรรมาะิการพิเศษหลังจากการสำรวจสำมะโนประชากรของรัฐบาลกลางแต่ละครั้งการแก้ไขรัฐะรรมนูญของรัฐสามารภส่งไปยังผุ้มีสิทธิเลือกตั้งได้โดยสภนิติบัญญัติหรือโดยการ ยื่นคำร้อง เพื่อขออนุมัติ แตก่การแก้ไขทั้งหมดจะต้งได้รับการอนุมัติจากากรลงประชามติของผุ้มีสิทธิเลือกตั้ง
ศาลสุงสุดคือศาลฎีกาของรัฐซึ่งมีสมาชิก 7 คน หน่วยงานนี้ไม่เพียงแต่รับฟังคำอุทธรณ์จากศาลชั้นต้นเท่านั้น แต่ยังดุแลการดำเนินการของระบบศาลทั้งหมดด้วย ผุ้พิพากาษาศาลำีกาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง 8 ปี ศาลชั้น่างประกอบด้วยศาลอุทธรณ์ ศาลยุติะรรม ศาลมรดก และศาลที่มีเขตอำนาจศาลจำกัดซึ่งกำหนดโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
รัฐมิชิแกนมีหน่วยงานของรัฐบาลท้องถ่ินหลายพันแห่ง รวมถึงเขตเทศบาล เมือง ตำบล หมุ่บ้าน เขตดรงเรียน และเขตพิเศษ เช่นหน่วยงานสวนสาธารณะ แม้ว่าเขตเทศบาลส่วนใหย๋จะอยู่ภายใต้การบิรหาร
ของคณะกรรมการกำกับดุแล แต่เอกสิทธิการปกครองตนเองช่วยให้เขตเทศบาลได้ นอกจากนี้ เมืองต่าง ๆังได้รับเอกสิทธิการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางอีกด้วย เขตเทศบาลจะจำแนกตามจำนวนประชากร และได้รับเอกสิทะิของรัฐบาลที่แตกต่างกันออกไป
เขตเลือกตั้งเป็นหน่วยหลักของ องค์กร พรรคการเมือง และผุ้แทรจากเขตเลือกตั้งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประชุมประจำปีของพรรค ซึ่งผุ้สมัครจะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหนงรองผุ้วาการรัฐอัยการสุงสุด และเชขาธิการรัฐ รวมถึงตำแหน่งในคณะกรรมการที่ควบคุมระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา ของรัฐ และคณะกรรมการการศึกาาระดับรัฐผุ้พิพากษา ศาลฎีกาจะได้รับการเสนอชื่อโดยใช้บัตรลงคะแนนเพื่อเข้าร่วมการประชุมใหญ่ของประธานาะิบดีระดับประเทศอีกด้วย
สหภาพแรงงานมีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองของรัฐมิชิแกน และสหภาพแรงงานรถยนต์แห่งสหรัฐอเมริกายังรับรองผุ้สมัครในระดับเทศลาล ระดับรับ และระดับประเทศอีกด้วยความสนใจทางการะมือ ของคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันได้รับการกรุ้นจากชบวนการสิทะิพลเมืองในกลางศตวรรษที่ 20 และกลุ่มสิทะิพลเมืองยังคงปลูกฝังความตระหนักทางการเมืองในหมุ่ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นผวิดำ ต่อไปโคลแมนยังได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีชาวแอฟริกันอเมิรกันคนแรกของเมืองดีทรอยต์ในปี 1973
ในระดับรัฐพรรครีพัลลิกัมีอำนาจเหนือกว่าในช่วงเวลาส่วนใหญ่ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเอมริกา กระทั่งเกิดภาวะเศราฐกิจตกต่ำครั้งใหย๋เมือรัฐกลายเป็น ไสมรภูมิรบ" หรือรัฐ "ชิงชัย" ตังแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคทั้งเดโมแครตและรีพัลลิกันต่างก็มีอำนาจควบคุมผุ้วา่าการรัฐและสภานิติบัญญํติเป็นระยะๆ ในทำนองเดียวกัน ในการเมืองตำแนห่งประะานาธิบดี รบก็เอียงไปทางแต่ละพรรคในช่วงเวลาต่างกัน ตัวอย่างเช่น พรรครีพัลิกันชนะในรัฐนี้ในปี 1948 1952 และ 1960 แต่จากนั้นพรรคเดโแมครตก็ชนะการเข่งขันอีกสามครั้งถัดมา ตั้งแต่ปี 1972-1988 ผุ้สมัครชิงตำแนห่งประะานาธิบดีของพรรครีพับลิกันกวาดชัยชนะในมิชิแกนในการเลือกตั้งทุกครง แม้ว่าหลังจากนั้นพรรคเดโมแครตจะเร่ิมแซงหน้าพรรครีพัลลิกันก็ตามเจนนิเฟอร์ มิลเฮิร์น แกรนดอล์ม ซึ่งเป็นสมชิกพรรคเดโมแครต กลายเป็นผุ้ว่าการรัฐมิชิแกนหญิงคนแรกในปี 2002 (ดำรงตำแนห่งระหว่างปี 2003-2011)ฆ ก่อนหน้านี่เธอเคยดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐ(199-2003) ทให้เธอกลายเป็นผุ้หญิงคนแรกของรัฐที่ดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่ง
https://www.britannica.com/place/Michigan/Government-and-society