ในตำนานเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย หมาป่าเฟนริล ผู้อาศัยในบึงเลน หมาป่าเฟรี "หมาป่าที่เลื่อง
ลือ", "อสูรกายป่งกม่น้ำวาน เป็หมาป่าขนาดมหึมา มีตัวตนอยู่ในบทกวีเอ็ดดา ที่เรียบเรียงในคริสต์ศตวรรษที่ 13 จากต้นฉบับโบราณ และร้อยแก้วเอ็ดดา และฮีมสกินก์กา ที่เขีนขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยสนอร์รี สเทอร์ลิวซัน ทั้งในบทกวีเอ็ดาและมหากาพย์เอ็ดดาเฟรรีร์เป็นหนึ่งในบุตรของโลกิ เป็นบิดาแห่งหมาป่าสกอลล์ และฮาติ เป็นหนึ่งในลางบอกเหตที่จะทำให้เกิดวัน แร็กนาร็อก
หมาป่าตนนี้เจริญเติบโตขึ้นทุกวันกลายเป็นหมาป่าที่ดุร้ายและมีกำลังมหาศาล โอดินจึงสั่งใน้พันธนาการเฟนรีน์ไว้ด้วยริบบิ้นไกลพ์นิร์ของเหล่าคนแคระที่แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อหล่าเทพแอซิร์จะหลอกพันธนาการเฟนริร์ มันเรียกร้องให้เหล่าเทพพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจโดยการวางมือลงในปากของมัน เทพอิร์อาสาทำหน้าที่นี้ เมื่อเฟนริร์เห็นว่าตนเองโดนหลอกและไม่สามารถดินหลุดจากโซ่ได้จึงกัดมือของทิร์ขาด
อีกเรื่องหนึ่งก็มาจากตำนานชาวนอร์สเช่นกัน ว่ากันว่สุนัขป่าตัวใหญ่นสองตัวได้ไล่ตามพระอาทิตย์และพระจันทร์ผ่านสรวงสวรรค์ เมื่อมันไล่จับได้จะทำให้เกิดปรากฎการณ์สุรยคราสหรือจันทรคราส โอดินเรียกสุนัขทั้งสองตัวว่า Geri จอมตะกละ กับ Freki ผุ้ละโมบ
จากคำทำนายในวันแร็กนาร็อก เฟนริร์จะหลุดออกมาได้ และสังหารโอดน เต่ในเวลาต่อมาเฟนรีร์จะถูกวีดาร์ หนึ่งในบุตรของโอดินสังหาร
หมาป่าเฟนรีร์เป็นการสะท้อนความเชื่อ และความรุ้สึกอย่างหนึ่งของชาวไวกิ้งที่มองเห็นเหล่าหมาป่าเป็นศัตรูเป็นปีศาจร้าย นอกเหนือจากเหล่ายักษ์น้ำแข็ง (หิมะและหน้าหนาว) และยักษ์เพลิง (ภูเขาไฟ)...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B9%8C
วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
Loki
โลกิ เป็นเทพเกเรในเทพปกรณัมนอร์ส โลกิมีความขี้เล่นและซุกซน ในช่งแรกนั้นดลกิได้ช่วยเหลือเหล่าเทพแห่งแอสการ์ดในการต่อสู้กับเหล่ายักษ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความซุซนของโลกิก็ยิ่งกลายเป็นความโหดร้ายยิ่งขึ้น เทพโลกิมีบุตร 3 คน คือ หมาป่าเฟนริล์ งูยักษ์มิดกาดโซรุม และฌอล เทวีแห่งอาณาจักรคนตาย ในวันแร็กนาร็อก วันสงครามสิ้นโลก บุตรทั้ง 3 ของโลกิจะมีส่นร่วมต่อสู้ในสงครามด้วย โลกิยังเป็นผุ้ให้กำเนิดม้าสเลปนิร์ของโอดิน
โลกิเป็นผู้สังหารบัลเอร์ เทพแห่งความสุขดดยใช้กิ่งของต้นมิสเซิลโท ซึ่งเป้ฯสิ่งเดียวที่ไม่เคยสาบานว่าไม่ทำร้ายบัลเลอร์ และเมื่อเทพเฮลมอดได้ไปตกลงกับเฮล ซึ่งจะยอมให้บัลเดอร์กลับจากยมดลกถ้าทุกชีวิตบนโลกร่ำไห้แก่บัลเดอร์นั้น นางยักษิณี ทอค ปฏิเสธที่จะรำไห้ตามคำของร้องของแอนซัส ผุ้ส่งสาร ซึ่งเชื่อว่าทอคนั้นก็คือโลกิปลอมตัวมานั่งเอง ซึงเหตุการณ์นี้เป็นจุดเร่ิมต้นที่ทำให้โลกิเป็นศัตรูกับเหล่าเทพแห่งแอสการ์ดและถูกจับล่ามโซ่ไว้จนถึงวันแร็กนาร็อก...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B4
... เมื่อชิฟ Sif เมียของธอร์เกิดหลับไปอย่างรวดเร็ซ โลกิจเกิดความหั่นใส หรืออย่างไรก็ไม่
ทราบได้ ก็ดอดเ้าไปในห้งอนอนของเทพีโดยไม่มีใครรู้ แล้วก็จตัดกล้อนผมาวสวยของซิฟ จนผมสีทองของเจ้าหล่อนกองอยู่รอบเตียงแล้งโลกิก็หายตัว ไปในสายตาของเขามันเป็นเพียงแต่ตลกร้ายล้อกันเล่นเท่านั้น เมื่อเพีตื่นขึ้นพบว่าผมของหลอนกระจายอยู่เต็มไปหมด หล่อนก็ฟูมฟายตกใจแทบสิ้นสติ ของรักที่สุดของผุ้หญิงที่ไว้ผมยาวสลายมานานแสนนานก็คือ ผม แล้วมันก็ไม่มีทางจะคืนดีกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว ธอร์ ธอร์เห็นเหตุกาณณ์รู้ทันที่่ว่าใครเป็นต้นเหตุ เขาโกรธมาก ถึงจะรู้ว่าโลกิไม่มีเจรนาอื่นอนอกจากอย่างเเกล้ง ทว่าตลกคราวนี้เขาไม่สนุกด้วยเทพสายฟ้าจึงไลี่ล่าจนะจอเจ้าตัวแสบ โลกิไมกลัวอะไรมากไปกว่าอารมณ์โกรธของธอร์ ในความลนลาน โลกิเสนอจะแก้ตัวด้วยการลงไปยัง ดินแนทของคนเคระไปหาลูกชายของอิวาลดี ข่างประดิษญ์ของที่เก่งที่สุดเท่าที่เชื้อสายคนแคระจะมีอยุ่ เขาจะไปสั่งให้ช่างทำวิกผมให้ซิฟ ใหม่ ซึงมันจะต้องงอกยาวเองได้เหมือนกของเดิม ธอร์ตกลง
โลกิ เดินทางสุ่วาร์ทาฟไฮล์ม อย่างโดดเดียวเขาเดินทางไปหาพี่น้อย ๆคนแคระลูกๆ ของอวาลลดี ขอให้ช่วยทำวิกผมทองซึงยาวเองได้ และโลกิยัวขอให้คนแคระทำของเพ่ิมเติมเป็นของหวัญแก่โอดินและเฟรย์ไปพร้อมๆ กัน (เพราะทั้ง โอดินและเฟรย์ต่างก็โกรธ โลกิที่เล่นตลกไม่เข้าทา) ของขวัญเหล่านี้จึงทำท่าเป็นของขวัญการเมืงอยู่ในตัว
แรกๆ คนเคระหมู่นี้ไม่สนใจคำของร้องของโลกิ แต่โลกิก็ใช่ไหวพริบในการพุดโน้มน้าวจิตใจ โลกิว่า ของขวัญเหล่านี้นอกจาจะทำให้บรรดาเทพที่กล่าวถึงพึงพอใจแล้ว ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงฝีมือันฉกาจฉกรรจ์ของพี่น้องคนแคระที่ไม่มีใครเที่ยมไปขึั่วกลาลนาน
โลกิ รออยุ่ในวาร์ทหฟไฮลมไม่นาน ของขวัยแด่บรรดาเทพก็เสร็จ ซิฟได้วิกผมทองซึ่งมีเส้นผมอร่ามเรืองงานกว่าเดิมทั้งยาวเองได้หเมือนของจริง เฟรย์เทพแห่งแสงอาทิตย์และราชาแห่งเอลฟ์ ได้เรื่อสกิดบลาดเนียร์ เรือยยาวแบบของชาวเหนือซึ่งสามรถพับได้ พับแล้วเหลือเล็กนิดเดียวใส่กระเป๋าเสื้อไปไหมมาไหนมาไหนโดยไม่มีจ้ำหนักเลย สำหรับโอดินได้หอกกุงเนอร์ หอกวิเศษที่พุ่งไปแล้วไม่พลาดเป้า เหป็นหากที่หากเทพและมนุษย์กล่าวคำสาบานต่อหน้าใบหอกแล้ว ไม่มีทงทวนคำสัตย์สาบานได้ โลกิสุดแสดจะดีใจต่อของขวัญให้เทพ เขารับเกินทางกลับแอสการ์ดทันที
ทว่าระหว่างทางที่โลกิเดินมาอย่างสำราญนั้นเอง เขาก็พบเข้ากับคนแคระบรอคค์ ทั้งองสนใจสบัติเทพที่ดลกิถือมา เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดคนแคระก็โอ่ว่าพวกตนสามารถทำได้ดีกว่าสิ่งประดิษฐ์ของลูกๆ อิวาลดิมา กโลกิไม่เชื้อ แต่เพื่อตัดควารำคาญเทพจอมโกงจึงท้าทายคนแคระทั้งสองด้วยการเอาหัวเป็นประกันให้เขาทำของถวายเทพขึ้น แล้วส่งไปให้เทพตัดสินด้วยกัน บรอคค์และเอทรีรับคำท้า ทั้งสองแน่ใจ่ว่าต้องชนะ เพราะความสามารถของตนเป็นอิสระมากว่าลูกๆ อิวาลดี และหากมันเป็นอย่างนั้นตัวก็มีสิทธิ์จะตัดหัวโลกิ มันคงเป็นการดีที่เีดยวท่จะกำจัดเทพจอมฉ้อฉลไปจากแอสการ์ดาเสียได้
ยรอคค์และเอทรีพาโลกิมายังที่อยุ่ของตน หาที่พักดีๆ อาหารดีๆ และเหล้าที่จะทำให้โลกิไม่โดววายระหว่างเขาออกไปโรงงานประดิษฐ์ของ โลกิก็นับว่าสำราญที่เดียวครับเมื่อมารอของอยู่ที่นี้ ไม่นานนักคึนแคระทั้งสองก็นำของวิเสษขึ้นมาสามอย่าง อย่างแรกเป็นหมู่ป่าขนทาองกัลลิเบสติ ให้เฟรย์ มันสามารถพาคนขี่ไปที่ใดก็ได้ที่ปรารถนา กระทั้งในที่มือดมิดของดลกใตพิภพ เรพาะขนของมันจะเรื่องแสงนำทางได้ อย่งที่สองบรอคค์ และเอทรีสร้างแหวนเดราป์เนียร์ แหวนวิเศษที่สาามรถถอดแบบตัวเอง ทุก 7 วัน มันจะมีฤทธิ์ทำให้ผุ้สวนใส่ร่ำรวยไม่นรู้จบ อย่างสุดท้าย คนแคระสร้างค้อนวิเศษจอลเนียร์ แก่ธอร์ เมือของวิเศษเศร็๗บรอคค์และเอทรีก็ออกเกินทางไปแอสการ์ดพร้อมกับโลกิ เอาของไปเพทตัดสิน
โอดิน เฟรย์ และธอร์ยินดีมากเห็นของวิเศษที่กองอยู่ตรงหน้า แต่หลงจากการปรึกษากันระหว่างเทพทั้งสามโอดินก็ต้องประกาศด้วยความเสียใจว่า พวกเทพเห้นว่าค้อนจอลเนียร์ดีที่สุดด้วยเหตุผลที่ว่ามันจะเป้นอาวุธที่ช่วยให้เทพป้องกันแอสการ์ดจากยักษ์ได้ คำประกาศตัดสินที่แทบจะหมายถึงความตายของโลกในฉับพลันบรอดค์และเอทรีแสนยินดีเขาเรียร้องขอหัวของโลกิตามที่เดิมพันกันไว้
ทว่าโลกิปราศจากความเกรงกลัว เขายิ้มแยบยลตามแบบฉบับ ยอมรับว่าเขาสัญญาจะให้ตัดหัวแต่ให้ตักเฉพาะหัวไมให้ตัดคอ ถ้าหากบรอคค์และเอทรีสามารถตัดหัวเขาโดยไม่เกี่ยวกับคอได้ก็เชิญ คำ ตอบยียวนของโลกิทำเอาคนแเคระเต้นผาง เขาหลงกลโลกิ บรอคค์และเอทรีหันหน้าปรึกษากันครุ่หนึ่งก็ได้ความคิด
ในเมื่อหัวโลกิเป็นของเขาตามสัญญา ถึงเขาจะตัดอกจาร่างเทพไม่ได้แต่จัดการอย่างอื่นได้ ดังนั้นบรอคค์และเอทรีเลยเอาเครื่องมือออกมาจากระเป๋าและเย็บปากโลกิ ฆ่าไม่ได้เย็บปากไว้ไม่ให้พุดกยังดี หลงจากนั้นทั้งคุ่ก็ลงจากแอสการ์ดไป
โลกิเป้นคนโชคดเรื่องคู่มาก เขามีเมียสองคน คนแรกชื่อว่า ซิยิน เป็นภรรยาคุ่ยากแล้วมีลูกสองคน คือ นาวี และวาลี
นอกจากซิยิน แล้วเขายังมีนางยักา์ อังกรโบดา เป็นเมียอีกหนึ่ง อังกรโบดาน่าจะเป็นยักษ์สาวพราวเสน่ห์พอควรจึงทำให้ระยะหนึ่งโลกิถึงขนาดหายไปินแนโจันไฮล์มของยักษ์บ่อยๆ กับเมียคนนี้โลกิมีล๔ูกถึงสามอย่าง(เพราะไม่ใช่คนหรือยักษ์) ตัวแรกคือ หมาป่าเฟนริส ตัวนี้ต่อไปจะดุร้ายจนมีแค่ไทร์เท่านั้นที่เข้าใกล้ได้ ตัวที่สองคืองูจอร์มุนกานต์ ตัวนี้ต่อไปจะหใญ่โตนกลายเป็นพญางูขดตวล้อมมิดการ์ดนิ่งอยุ่ใต้มหาสมุทรและเป็นคู่ปรับตลอดการของธอร์ ส่วนอย่างสุดท้ายคือ เฮล เทพธิดาที่ไม่ใช่ปีศาจก็ไม่เชิง เนื่องจากคนี้ปรากฎร่างเป็นหญิงตั้งแต่บันเอวขึ้นไป ส่วนตั้งแต่เอวลวมาเป็นซกศพ หล่อนกลายเป็นเทพีแห่งนรำในเวลาต่อมา...https://my.dek-d.com/freedeal/writer/viewlongc.php?id=50498&chapter=5
วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
Frey
เฟร์และ เฟรยา เป็นเทพต่างวงศ์ที่มาอยู่บแอสการ์ด แต่มีบทบาทไม่น้อย เฟรย์และเฟรยาต่างเป็นลูกสาว และสูกชาย ของนจอร์ด เทพแห่งสายลและท้องทะเล
เฟรย์ เป็นเทพแห่งอากาศดีและแสงอาทิตย์ (คนเหนือไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์แผ่รังสีให้ความร้อน) จึงแยกดวงอาทิตย์กับเทพแห่งแสงอาทิตย์เป็นคนละองค์ )ธรรมชาติของการให้ทำเฟรย์เป็นเทพรูปงาม หลังสงครามระหว่างเทพอีเซอร์และวาเนอร์ ครอบตรัวของเขาต้องมาอยู่แอสการ์ด
เฟรย์ เป็นเทพต่างงวศืีทีมีโอกาสได้นั่งเป็น หนึ่ง ใน 12 ของท้องพระดรงแกลดสไฮล์ม รับหน้าที่ปกครองอาล์ฟไฮล์ม อาณาเขตของเอลฟ์และแฟรี่ ซึ่งนับเป็นที่ๆ เหมาะที่สุดสไรับเทพแห่งแสงตะวันเช่นเขา
เฟรย์เป็นเจ้ของอาวุธที่มีอานุภาพมากที่สุดถ้าไม่นับจอลเนียร์ของธอร์ ดาบวิเศษของเฟรย์เมื่อชักออกมาจากฝัก มันจะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามด้วตัวของมันเอง พาหนะทรงพลังของเฟรย์คือหมูป่าขนทองกัลลินเบิร์สติกับเรือสกิดแบลดเนียร์ที่สามารถพับ ให้เหลือเล็กนิดเดียวเก็บไว้ในกระเป๋า ถึงเฟรย์จะเป็นเทพของแสงอาทิตย์ที่มีค่ามากที่สุดสำหรับขาวเหนื แต่เขากลับต้องทนทุกข์ กับความรัก และความรักนี่ละครับทำให้เขาต้องนิราศร้างไปจากชาวเหนือหลายเดือนในช่วงหนึ่งปี เรื่องนี้เป็นคำอธิบายว่าเหตุใดผุ้คนถึงต้องผจฐอากาศหนาวและความมือมากว่าจะพบเจอความอบอุ่น
เรื่องมันมีอยุ่ว่า วันหนึ่งในขณะที่ดอดินไม่อยู่ เฟรย์เดินเข้าในท้องพระดรงว่างๆ และเห็นบัลลงก์ฮลิดสเกียฟตั้งตระหง่านก็เกิดความคิดซุกซน เขาไต่ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ฮลิดสเกียฟ จะเห็นความเป็นไปของทุกโลกอย่างละเอียดจากที่นั่นเช่นเดียวกับดอดินเฟรย์เขม้นมองไปยังดินแดนต่างๆ อย่างเพลิดพิลน แต่พอหันไปยังทิศทางโจตันไฮล์ม เขาเห็ฯธิดายักษ์นำ้แข็ง เกอดา ยืนอยู่ตรงหน้าต่าปราสาทของนางใบหน้าของหล่อนงามราวกับเทพธิดา หมกควันน้ำแข็.ซึ่งลอยอ้อยอิ่งล้อมขอบภาพเพิ่มความงาม รวมกับหล่อนตกอยู่ในดินแดนแห่งความฝันทำให้เฟรย์ตะลึงงัน ตั้งแต่วินาทนั้นเป็นต้นมา เฟรย์รู้อย่างเดียวว่าเขาไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใดนอกจากนาง ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจอีกด้วยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาอยุ่ในฐานะเทพชั้นปกครองของสวรรค์ การจะเอานางสาวยักษ์เข้ามาอยู่กินด้วยย่อมเป็นไปไม่ได้ และเขาก็แน่ใจว่่ายักษ์ก็คงไม่ต้องการให้เทพอย่งเขาไปอยูในโจตันไฮล์ม
เฟรย์กินไม่ได้นอนไม่หลับ ความทุกข์ทรมานของความรักที่เป็นไปไม่ได้ทำให้เฟรย์เปลี่ยนแปลงไป นจอร์ดพ่อของเฟย์ต้องเรียกสเคอร์เนียร์คนสนิทของลูกมากระซิบถาม สั่งให้เขาหาสาเหตุรวมทั้ง แก้ไขให้ได้ เรื่องการหาสาเหตุนี้มันไม่ยาก เพราะเฟรย์เองก็อยากระบายให้ใครฟัง เฟรย์บอกคนสนิทว่าเขาตกหลุ่มรักนางยักษ์สาวตนหนึ่ง เป็นรักแรกเห็นที่หักใจไม่ได้ เขาทุกข์เหลือเกินไม่รู้ว่ายักษ์สาวตนนั้นจะรู้สึกอยางเดียวกับเขาหรือเปล่า ที่แย่กว่านั้นเขารู้ว่าความรักของเขาันเป็นไปไ่ได้ทั้งในสวรรค์และแดนยักษ์ เฟรย์คอตกด้วยความเศร้า จู่ๆ ก็ฮึดสู้ เขาอยากรู้ว่ายักษ์สาวจะมีความรุ้สึกเช่นเดียวกับเขาหรือไม่
จึงขอร้องสเตอร์เนียร์ให้เดินทางไปหาเกอดา ณ ดินแดนยักษ์ เทพอย่ากรู้เพียงว่าเกอดารักพระองค์บ้างหรือไม่ เฟรย์ลงทุนอ้อนวอนคนสนิทสัญญาจะให้รางวัลอะไรก็ได้ที่ผุ้ถือสารต้องการ สเคอร์เนียตกลง เขาของดาบิเศษของเฟรย์เป็นของแลกเปลี่ยน พร้อมกับม้าบโลดักโอฟี ม้าวิเศษของเฟรย์ที่สามารถมองเห็นทางในความมือและไม่กลัวไฟ รางวัลที่ทูตสื่อสารขอเล่นเอาเฟรย์อึ้งไป..แต่เขาก็ตกลง
สเคอร์เนียร์ออกเดินทางไปถึงปราสาท เขาโดนจู่โจมด้วยล้อไฟซึ่งล้อมรอบปราสาทยักษ์นั้นอยุ่ เขาคิดถูกที่นำม้าที่สามารถมองเห็นในที่มืดมาด้วย และเป็นโชคของเขาที่ตอนนั้น ยักษ์กายเมียร์ ออกไปล่าสัตว์ปลอยให้เกอดาอยู่เพียงลำพังในปราสาท สเคอร์เมีย หล่านล้อมรำพันถึงความรักที่เฟรย์มีต่อนาง เสกรูปให้เห็นในอ่างน้ำ นางยักก็เฉยไม่สนใจเทพแห่งความอบอุ่น นางอยุ่แต่ในที่มีแต่ความเย็นเบียบของน้ำแข็งจนคุ้นเคย เธอไม่ต้องการไปจากทีนี่ จึงไม่รู้สึกอะไรกับเพทแม้แต่น้อย สเคอร์เนียร์ เห็นไม่ได้ความ จึงเสนอของวิเศษของเทพให้นาง ถึงสองสามอย่าง นางรุ้สึกรำคาญจึงตะเพิด
ความอดทนของสเคอร์เนียร์ขาดผึ่ง เขาชักดาบวิเศษของเฟรย์ออกมากวัดแกว่งขู่วา หากเธอยังคงปฏิเสธยักษ์อาจจะต้องเดือดร้อน เกอดาไม่กลัวครับเธอกลับรุกไล่ท้าทายทูตแห่งสวรรค์ กำลังที่สเคอร์เนียร์จะสิ้นท่า เขาก็เกิดนึกถึงอาวุธของตนขึ้นมาได้ มันเป็นไม่คทาทีสลักอักษณณูน อังกษรศักดิ์สิทธิ์บันดาลความเป็นไป คราวนี้เขาดุว่าไม้คทาอันนี้ขึ้นมาชูตรงหน้าเกอดากล่าว่า
"ถ้าอย่างนั้นเขาจะส่งเธอให้ไปอยู่ขอบโลก ที่ๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากประตูดินแดนแห่งความตาย หนาวเย็นโดดเดียวและเผล่าเปลี่ยวตลอดกาล" ก่อนไปเขาจะสาบให้เกดอากลายเป็นหญิงชรา..ว่าแล้วสเคอร์เนียร์ก็เริ่มควงคทา ท่าทางงและความศักดิ์สิทธิ์ของอักษณรูนทำให้เกอดาเกิดความกลัวขึ้นมาจริงๆ เธอถอยกลังอย่างตกใจ ลำล่ำละลักร้องห้ามยอมตกลงรับรักเทพเฟรย์สเคอร์เนียร์สมใจ เขาคว้าข้อมือเกิดาจะใไ้นั้งม้อซ้อนท้ายกลับแอสการ์ด..แต่เกอดาขอเวลา 9 วัน อย่างน้อยจะได้มีเวลาเตรียมตัวแล้ะวเธอจะไปพบเฟรย์ที่ป่าบาร์รี ของพวกเอลฟ์ยอมเป็นภรรยาของเขา
สเคอร์เนียร์กลับมาแจ้งข่าวดีแก่เฟรย์ เขารู้สึกว่าเวลาเก้าวันนานเกินไปสำหรับเขา(ขาวเหนือเปรียบเวลาช่วงนี้เป็นเวลาเก้าเดือนที่พวกเขาต้องผจญอากาศอันเลวร้าย) ..เมื่อเวลามาถึงเฟรย์ก็ได้พบกับเกอดาที่ป่าบาร์รี ตังตนอันอ่อนหวานนุ่มนวลของเฟรย์ทำเอายักษ์สาวอ่อนไหว ทั้งเฟรย์และเกอดาตกอยู่ในความรักซึ่งกันและกันทำให้ผืนป่าและท้องทุ่งที่แห้งแล้งเพราะความโศกเศร้าของเฟรย์กลับม่ชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง....https://web.facebook.com/permalink.php?id=190776687723264&story_fbid=239069239560675&_rdc=1&_rdr
เฟรย์ เป็นเทพแห่งอากาศดีและแสงอาทิตย์ (คนเหนือไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์แผ่รังสีให้ความร้อน) จึงแยกดวงอาทิตย์กับเทพแห่งแสงอาทิตย์เป็นคนละองค์ )ธรรมชาติของการให้ทำเฟรย์เป็นเทพรูปงาม หลังสงครามระหว่างเทพอีเซอร์และวาเนอร์ ครอบตรัวของเขาต้องมาอยู่แอสการ์ด
เฟรย์ เป็นเทพต่างงวศืีทีมีโอกาสได้นั่งเป็น หนึ่ง ใน 12 ของท้องพระดรงแกลดสไฮล์ม รับหน้าที่ปกครองอาล์ฟไฮล์ม อาณาเขตของเอลฟ์และแฟรี่ ซึ่งนับเป็นที่ๆ เหมาะที่สุดสไรับเทพแห่งแสงตะวันเช่นเขา
เฟรย์เป็นเจ้ของอาวุธที่มีอานุภาพมากที่สุดถ้าไม่นับจอลเนียร์ของธอร์ ดาบวิเศษของเฟรย์เมื่อชักออกมาจากฝัก มันจะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามด้วตัวของมันเอง พาหนะทรงพลังของเฟรย์คือหมูป่าขนทองกัลลินเบิร์สติกับเรือสกิดแบลดเนียร์ที่สามารถพับ ให้เหลือเล็กนิดเดียวเก็บไว้ในกระเป๋า ถึงเฟรย์จะเป็นเทพของแสงอาทิตย์ที่มีค่ามากที่สุดสำหรับขาวเหนื แต่เขากลับต้องทนทุกข์ กับความรัก และความรักนี่ละครับทำให้เขาต้องนิราศร้างไปจากชาวเหนือหลายเดือนในช่วงหนึ่งปี เรื่องนี้เป็นคำอธิบายว่าเหตุใดผุ้คนถึงต้องผจฐอากาศหนาวและความมือมากว่าจะพบเจอความอบอุ่น
เรื่องมันมีอยุ่ว่า วันหนึ่งในขณะที่ดอดินไม่อยู่ เฟรย์เดินเข้าในท้องพระดรงว่างๆ และเห็นบัลลงก์ฮลิดสเกียฟตั้งตระหง่านก็เกิดความคิดซุกซน เขาไต่ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ฮลิดสเกียฟ จะเห็นความเป็นไปของทุกโลกอย่างละเอียดจากที่นั่นเช่นเดียวกับดอดินเฟรย์เขม้นมองไปยังดินแดนต่างๆ อย่างเพลิดพิลน แต่พอหันไปยังทิศทางโจตันไฮล์ม เขาเห็ฯธิดายักษ์นำ้แข็ง เกอดา ยืนอยู่ตรงหน้าต่าปราสาทของนางใบหน้าของหล่อนงามราวกับเทพธิดา หมกควันน้ำแข็.ซึ่งลอยอ้อยอิ่งล้อมขอบภาพเพิ่มความงาม รวมกับหล่อนตกอยู่ในดินแดนแห่งความฝันทำให้เฟรย์ตะลึงงัน ตั้งแต่วินาทนั้นเป็นต้นมา เฟรย์รู้อย่างเดียวว่าเขาไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใดนอกจากนาง ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจอีกด้วยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาอยุ่ในฐานะเทพชั้นปกครองของสวรรค์ การจะเอานางสาวยักษ์เข้ามาอยู่กินด้วยย่อมเป็นไปไม่ได้ และเขาก็แน่ใจว่่ายักษ์ก็คงไม่ต้องการให้เทพอย่งเขาไปอยูในโจตันไฮล์ม
เฟรย์กินไม่ได้นอนไม่หลับ ความทุกข์ทรมานของความรักที่เป็นไปไม่ได้ทำให้เฟรย์เปลี่ยนแปลงไป นจอร์ดพ่อของเฟย์ต้องเรียกสเคอร์เนียร์คนสนิทของลูกมากระซิบถาม สั่งให้เขาหาสาเหตุรวมทั้ง แก้ไขให้ได้ เรื่องการหาสาเหตุนี้มันไม่ยาก เพราะเฟรย์เองก็อยากระบายให้ใครฟัง เฟรย์บอกคนสนิทว่าเขาตกหลุ่มรักนางยักษ์สาวตนหนึ่ง เป็นรักแรกเห็นที่หักใจไม่ได้ เขาทุกข์เหลือเกินไม่รู้ว่ายักษ์สาวตนนั้นจะรู้สึกอยางเดียวกับเขาหรือเปล่า ที่แย่กว่านั้นเขารู้ว่าความรักของเขาันเป็นไปไ่ได้ทั้งในสวรรค์และแดนยักษ์ เฟรย์คอตกด้วยความเศร้า จู่ๆ ก็ฮึดสู้ เขาอยากรู้ว่ายักษ์สาวจะมีความรุ้สึกเช่นเดียวกับเขาหรือไม่
จึงขอร้องสเตอร์เนียร์ให้เดินทางไปหาเกอดา ณ ดินแดนยักษ์ เทพอย่ากรู้เพียงว่าเกอดารักพระองค์บ้างหรือไม่ เฟรย์ลงทุนอ้อนวอนคนสนิทสัญญาจะให้รางวัลอะไรก็ได้ที่ผุ้ถือสารต้องการ สเคอร์เนียตกลง เขาของดาบิเศษของเฟรย์เป็นของแลกเปลี่ยน พร้อมกับม้าบโลดักโอฟี ม้าวิเศษของเฟรย์ที่สามารถมองเห็นทางในความมือและไม่กลัวไฟ รางวัลที่ทูตสื่อสารขอเล่นเอาเฟรย์อึ้งไป..แต่เขาก็ตกลง
สเคอร์เนียร์ออกเดินทางไปถึงปราสาท เขาโดนจู่โจมด้วยล้อไฟซึ่งล้อมรอบปราสาทยักษ์นั้นอยุ่ เขาคิดถูกที่นำม้าที่สามารถมองเห็นในที่มืดมาด้วย และเป็นโชคของเขาที่ตอนนั้น ยักษ์กายเมียร์ ออกไปล่าสัตว์ปลอยให้เกอดาอยู่เพียงลำพังในปราสาท สเคอร์เมีย หล่านล้อมรำพันถึงความรักที่เฟรย์มีต่อนาง เสกรูปให้เห็นในอ่างน้ำ นางยักก็เฉยไม่สนใจเทพแห่งความอบอุ่น นางอยุ่แต่ในที่มีแต่ความเย็นเบียบของน้ำแข็งจนคุ้นเคย เธอไม่ต้องการไปจากทีนี่ จึงไม่รู้สึกอะไรกับเพทแม้แต่น้อย สเคอร์เนียร์ เห็นไม่ได้ความ จึงเสนอของวิเศษของเทพให้นาง ถึงสองสามอย่าง นางรุ้สึกรำคาญจึงตะเพิด
ความอดทนของสเคอร์เนียร์ขาดผึ่ง เขาชักดาบวิเศษของเฟรย์ออกมากวัดแกว่งขู่วา หากเธอยังคงปฏิเสธยักษ์อาจจะต้องเดือดร้อน เกอดาไม่กลัวครับเธอกลับรุกไล่ท้าทายทูตแห่งสวรรค์ กำลังที่สเคอร์เนียร์จะสิ้นท่า เขาก็เกิดนึกถึงอาวุธของตนขึ้นมาได้ มันเป็นไม่คทาทีสลักอักษณณูน อังกษรศักดิ์สิทธิ์บันดาลความเป็นไป คราวนี้เขาดุว่าไม้คทาอันนี้ขึ้นมาชูตรงหน้าเกอดากล่าว่า
"ถ้าอย่างนั้นเขาจะส่งเธอให้ไปอยู่ขอบโลก ที่ๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากประตูดินแดนแห่งความตาย หนาวเย็นโดดเดียวและเผล่าเปลี่ยวตลอดกาล" ก่อนไปเขาจะสาบให้เกดอากลายเป็นหญิงชรา..ว่าแล้วสเคอร์เนียร์ก็เริ่มควงคทา ท่าทางงและความศักดิ์สิทธิ์ของอักษณรูนทำให้เกอดาเกิดความกลัวขึ้นมาจริงๆ เธอถอยกลังอย่างตกใจ ลำล่ำละลักร้องห้ามยอมตกลงรับรักเทพเฟรย์สเคอร์เนียร์สมใจ เขาคว้าข้อมือเกิดาจะใไ้นั้งม้อซ้อนท้ายกลับแอสการ์ด..แต่เกอดาขอเวลา 9 วัน อย่างน้อยจะได้มีเวลาเตรียมตัวแล้ะวเธอจะไปพบเฟรย์ที่ป่าบาร์รี ของพวกเอลฟ์ยอมเป็นภรรยาของเขา
สเคอร์เนียร์กลับมาแจ้งข่าวดีแก่เฟรย์ เขารู้สึกว่าเวลาเก้าวันนานเกินไปสำหรับเขา(ขาวเหนือเปรียบเวลาช่วงนี้เป็นเวลาเก้าเดือนที่พวกเขาต้องผจญอากาศอันเลวร้าย) ..เมื่อเวลามาถึงเฟรย์ก็ได้พบกับเกอดาที่ป่าบาร์รี ตังตนอันอ่อนหวานนุ่มนวลของเฟรย์ทำเอายักษ์สาวอ่อนไหว ทั้งเฟรย์และเกอดาตกอยู่ในความรักซึ่งกันและกันทำให้ผืนป่าและท้องทุ่งที่แห้งแล้งเพราะความโศกเศร้าของเฟรย์กลับม่ชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง....https://web.facebook.com/permalink.php?id=190776687723264&story_fbid=239069239560675&_rdc=1&_rdr
วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
Freyja
ในเทพปกรณัมนอร์ส เฟรยา อ่านว่า "ฟราญา" ในภาษาเดนมาร์ก, ภาษานอร์สโบราณ หมายถึง "หญิงสาว") เป็นที่พีแห่งความรัก, ความงาม, ความอุดมสมบูร์, ทอง, เซย์ท, สงคราม และความตาย เฟรยา เป็นเจ้าของสร้อยไบรซิกาเมน ขีรถลากที่เทียมแมวสองตัว, หมู่ป่าฮีลดีสวีนี, เสื้อคลุมขนเหยี่ยว มีโอเดอร์เป็นสามี มีลูกสาวสององค์คือ นอส และเจอเซมิ มีเฟรย์เป็นพี่ชาย (ภษานอร์สโบราณ, "ลอร์ด" )รวมบิดา( ยเยิร์ด) และ มารดา (น้องสาวของจอร์ด) เฟรยาเป็นเทพในวงศ์วาเนอร์ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2
เฟรยาปกครองดินแดนหลังความตายโฟล์กแวงเกอร์ ที่จะรับวิญญาณนักรบครึ่งหนึ่งที่ตายในสนามรบ ขณะที่อีกครึ้งหนึ่งจะไปยังโถงของโอดิน วัลฮัลลา โถงของโฟล์กแวงเกอร์คือ เซสริมเนียร์ โอเอร์ผุ้เป็นสามีได้หายตัวไปบ่อยๆ เฟรยาร้องไห้เป็นทองสีแดง น้ำตาของเธอร่วงยังพื้นโลก และเปลี่ยนเป็นสายแร่ทองคำ เธอได้ออกตามหาสามีภายใต้ชื่อปลอม..
เฟรย่า เป็นเทพิดาแห่งความอุดมสมบูร์ คามรัก ความมั่งมี ทรัพย์สิน แมว การทำนายทายทักลแะสงครา เธอเป็นเพทที่มีความงดงามที่สุด เฟรย่าเป็นเจ้าของสร้อยคอบริสซิงกาเมน และยังมีเส้อลุมขนนกวิเศษกับรถม้าที่จะพาเธอบินไปได้รอโลก และรถม้าของเธอนันต้องใช้แมวตัวผุ้ 2 ตัวลากรถของเธอ เธอเป็นเทพวานีร์ที่ถุกส่งให้มาอยู่ ณ ดินแดนเทพอแสการ์ดของเอซีร์พร้อมกับบิดาและพี่ชาย เพ่อเป็นพันธ์สัญญาสงบศึกของเทพทั้งสองฝ่าย เฟรย่าอาศํยอยู่ประจำ ณ ฟอล์กวัน นอกจากนี้ยังเป็นท่อยุ่ของเหล่านักรบสวรรค์และโอดินด้วย..
.. เฟรย่าเป็นคนมีสองบุคลิก ด้านหนึ่งของความสวยงามเธอมีความอ่อนไหวของผุ้หยิ.เต็มเปี่ยมยามที่เธอปฏิบัติงานในหน้าที่เทพีแห่งความรัก เธอจะสวมเสื้อผ้าบางเบาเน้นให้เห็นร่างกายอันงดงาม แต่ในอีกบุคลิกหนึงเธอดุเหมือนเสือ ทั้งนี้เพราะเฟรยามีความรุ้ศาสตร์แม่ม รู้เรื่องพลังมที่มีเหนือชีวติและความตายสิ่งนี้เป็นสิ่งที่โอดินโปรดปรานาก ขอเรียนจากเฟรยาและมอบตำแหน่งให้เธอเป็นหัวหน้านางวัลคีรี นางฟ้าดำของพระองค์ เวลาปฏิบัติงานหน้าที่นี้หล่อนจะสวดเสื้อเกราะติดอาวุธแล้วขึ้นม้พาบริวารลงไปโฉบเหนือทุ่งสงคราม เลื่อกวิญญาณผุ้กล้าขึ้นหลังม้าแล้วกลับมาทางสะพานรุ้ง
https://my.dek-d.com/flowerpink/writer/viewlongc.php?id=75949&chapter=68
วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
Odin
โอดิน เทพเจ้าสูงสุดของชาวยุโรปเหนือ เป็นเทพเจ้าที่ใว่หาความรู้ ยึดมั่นในสัจจะ ช่วยเหลือผุ้อืน และออกผจญภัยเพื่อใช้ชีวิตให้คุ้มค่า รบอย่างกล้าหาญเพื่อให้ได้ตายอย่างมีเกี่ยรติในนามรบ ให้ลูกหลานนำเรื่องราวของตนไปเล่าขานในฐานะวีรบุรุษ แลเพื่อให้ดวงวิญญาณได้รับเลือกให้เข้าร่วมับกองทัพเทพ ร่วมต่อสู้กับยักษ์ในันสิ้นโลก (ไวกิ้งเป็นตัวอย่างหนึงของชนที่นับถือศาสนานี้)
แม้เทพโอดินทรงสร้างโลกแต่พระองค์ก็ไม่สามารถล่วงอนาคตของโลกได้ โดยเฉาพะความลับสูงสุดของจักรวาล การถือกำเนิด ชีวิตหลังความตาย และอนาคตของโลก เพื่อให้ทรงทราบความลับเหล่านี้ จึงทรงทรมาณองค์เองโดยผูกเท้าข้างหนึ่งกับพฤาษาที่เป็นแกนกลางของโลก แทงหากที่สีข้าง ทรมานอยู่ 9 วัน 9 คื อจนถึงกับสิ้นพระชนม์ แต่แล้วก็ทรงฟื้นคืนขึ้นมาใหม่โดยไม่เจ็บปวด แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยปรีชาญาณ ทรงบันทึกสิ่งที่พระองค์ค้นพบในรูปแบบอังษรศักดิ์สิทธิ์ 24 ตัว เรียกว่า รูนส์ ซึ่งต่อมาทรงพระราชทานรุนส์แก่ชาวโลกเพื่อให้ใช้ในฐานะเทพยากรณ์
ในที่สุด ทรงล่วงรุ้อนาคต รู้วันสิ้นโลก รู้ว่าในวันข้างหย้า ดลกจะถึงกาลแตกดับ แต่ก่อนจะถึงการแตกดับ พระองค์จะทะนุถนอมโลกที่ทรงสร้างอย่างดี เพื่อเมื่อถึงวันโลกาวินาส จะไ้ดมีเทพและอนนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ไปสร้างโลกใหม่ที่มีความสุข แต่ยังทรงต้องการความรู้เพื่อเติม จึงทรงไปที่รากของต้นไม่อีกก์ตราซิลเพื่อดื่อมน้ำพุวิเศษที่ทำให้กลายเป้นผุ้รอบรู้ ที่บ่อน้ำพุนี้มียักษ์ตนหนึงเผ้าอยุ่ ชื่อมีเมียร์ กากจะทรงถืออำนาจดื่มนำพุเลย ในฐานะจอมเทพย่อทรงกระทำได้ แต่พระองค์ไม่ทำเพราะเห็นว่าเป็นการกระทำของครโฉด จึงทรงแลกเปลี่ยนดวงตาข้างหนึ่งเพ่อการได้ด่ืมน้ำ ยักษ์ยินยอม แล้วพระองค์ก็ทรงดื่มน้ำนั้นจนหมดบ่อ
แม้จะทรงมีหอกวิเศษกุงเนยร์ อันเป็นหอกที่ไม่เขนยพลาดเป้าเป็นอาวุธแต่กลับไม่่อยได้ใช้อาวุธขงอพระองค์เท่าใดนัก ว่ากันว่าพระองค์จะได้ใช้หาอนี้อย่างแท้จริงก็คือในวันที่สงสรามแร็คนาร็อก แต่อย่างใดก็ดี ก็ไม่ช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากคมเขียวองพยาสุนัขป่าเฟนริส์ได้
ทรงมีสัตว์คืออีกาคู้ และถือเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ชือ ฮุกิน (ความคิด) และมูนีน (ความจำ) อีกาทั้งสองจะบินไปรอบโลก เพื่อนำข่าวคราวของสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกมาแจ้งแก่พระองค์ แทรงเลียงสุนัขป่าขนสีเงินอีกสองตัวคือ เกรี และเฟรคี สุัขทั้งอสงมันั่งอยุ่แทบพระบาท คอยกินอาหารที่ถุกนำมาถวาย ด้วยพระองค์ไม่โปรดอะไรนอกจากเลห้าน้ำฝึ่ง ทรงมีพาหนะคือม้าสเลปไนร์ ซึ่งมีขาถึง 8 ขา จึงทำให้มันวิ่งเร็วกว่าม้าใดๆ
ทรงมีมเหสีเอกคือเทวี ฟริกก์ และต่อมาทรงรับเทวีเฟรยาเป็นมเหสีอีกองค์ เทวีฟริกกาทรงเปี่ยมไปอ้วยเมตตา ปราศจากความอจฉาริษยา เทวีเฟรายาจึงเคารพพระนางเป็นอย่งยิ่ง ไม่เคยทำอะไรให้มเหสีเอกต้องขุ่นเคื่องพระทัย...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99
โอดินดำรงฐานะจอมเทพ (เทพแห่งเทพ สูงทีสุในบรรดาเทพชาวเหนือทั้งหลาย แต่พระองค์กลับมีความรัดทนมาตลอด สิ่งที่พระองค์ทรงมีคือวามแข็งแกร่ง ความแข้งแหร่งของชาตนักรบที่ถึงแม้จะรู้จุดจบของตัวแงและพวกพ้อง ก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือขลาดเขลาใดๆ ออกมา ความแข็งแกร่งชองจิตใจเป็นจุดเด่นของเทพโอดิน ทำให้ผุ้คนยุดรปภาคกลางซึ่งก็คือคนเชื้อชาติเยรมันยอมรับนับถือเป็นอย่งยิ่งแต่เรียกชื่อโอดินเพืนไปจากเดิมบ้ง ซึ่งในความหมายเทพพิทักษ์นักรบ เป็นที่มาของชื่อวันพุทธ ในภาษาอังกฤษนันเอง
โอดินเป็นบุตรของบอร์ เทพเริ่มแรกของโลก และบรรดาเทพอื่นๆ ที่อยู่บนแอสการ์ด ต่างก็เป็นลูกหลายของเทพองค์นี้ชะเหือบทั้งสิ้น รูปร่างของโอดินในความนึกคิดของชาวเหนือส่วนใหญ่จึงเป็นชายชราส่วมหมากปีกกว้างซ่อนใบหน้าไว้ในเงามือด นั่งอยุ่บน "ลัลลักง์กฮลิสเกียบ " ซึ่งทำให้สามารถสอดส่องความเป็นไปต่างๆ ในโลกทั้งเก้าได้โดยมี "หรีกก้า" ชายาคนที่สอง นั่งเคียงข้างบนลัลลังก์องค์นี้เได้เพียงผู้เดียว..
โอดินมีเมียหลายคน มีทั้งเทพด้วยกันและยักษีประเภทต่างๆ ทว่า พวกที่ไดรับการยกยอ่งมีอยุ่ ก็คือเม่ียคนแรก จอร์ด หรือ เออดา เป็นลูกของภาวะหมุนวนสับสนรอบๆ กินนันกาแก๊บกับยักษีตนหนึ่งไม่ปรากฎนาม
โอดินมีลูกับชายผุ้มีกำเนิดค่อนข้างประหฃลาดคนหนึ่ง คือ "ธอร์" เทพแห่งสายฟ้าผุ้ซึ่่งแข็งแกร่งที่สุด ชายาคนที่สามชื่อว่า "รินด้า" คนนี้เป้นตัวแทนของความแห้งแล้ง ชองแผ่นดินที่หนาวเหน็บในช่วงหน้าหนาว ตอนไหนที่เจ้าหลอนไปอยู่กับสามี แผ่นดินที่เคยหนาวเหน็บจะอุ่นขึ้น (ก็เจ้ามแม่แห่งความหนาวไม่อยุ่เสียแล้วนี่) เป็นช่วงที่ตรอนเหนือมีฤดูร้อนช่วงสั้นๆ ความที่รินด้าเจ้าแม่แห่งความแห้งแล้งจากแ่นดินถ่ินที่อยู่ของมนุษย์แค่ช่วงสั้นๆ ชาวเหนือเลยทึกทัให้หล่อนเป็นภรรยาที่มีนิสัยค่อนข้างรังเกียจสามี นางให้เวลาโอดินอยู่ด้วยเพียงปีละช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แต่กับรินด้า คนนี้ โอดินก็มีลูกด้วย ชือว่า "วาลี" เป็นหนึ่งในบรรดาเทพ ไม่กีองค์ทีเหลือรอดจากแร็กนาร็อคและเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งเกี่ยวกับความตายของ "บาลเดอร์" เทพแห่งสัจจะและแสงสว่าง
โอดินจะแต่งตัวแบบนักรบเสมอๆ เทพจะถือ "หอกกังเนอร์ หรือ กุลงนิล" อาวุธประจำกาย ใส่ "แหวนดรอพเนอร์" มันคือวงกลมซึ่งเป็นูปทรงที่พลังของมันจะหมุนอยู่ตลอดไป มีอีกาชื่อ "ฮิวกิน" (ความคิด) และ "มิวนิน" (ความจำ) เกาะบนไหล่ซ้ายขวาคอยกระซบบอกข่าวใหม่ๆ ที่นายสังให้มันบินออกไปสังเกตเป็นพิศษ นอกจากนกทั้งสองตัวนีอดินยังมีสัตว์เลี่ยงแสนรักเป็นหนามป่าอีกสองตัวชือ "เอกรี่ไ และ "เฟรกี้" ซึ่งมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับเขามาก นัยว่านิสัยของมันคือสัญชาตญาณการล่าที่มีอยู่ในตัวมหาเทพนั้นเอง หมาป่าทั้งสองตัวมักจะคอยอยู่ข้างๆ นาย รับอาหารจำพวกเนื้องที่เขาเอามาวางไว้ตรงหน้าโอดิน ในเมื่อจอมเทพ ไม่กินเนื้อ สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังชีพในสวรรค์ได้เป็นอย่างดีคือ เหล้าน้ำผึ้ง...
โอดินคิดจะสะสมกำลังไว้วันข้างหน้าอย่างน้อยก็ไม่ได้ตายอย่างเสียเกี่ยติเกนไป เทพจัดตั้งกองทัพ "วัลคีรี่" ขึ้น คือ นางฟ้าดำแห่งความตาย ทั้งๆ ที่รูปลักษณืงดงาม ผิวขาว ผมทอง เป็นสาวพรหมจรรย์ซึ่งมฐานะกึ่งเทพ วัลคีรีที่แท้คือแรงเร้าแห่งการฆ่า พวงหางมีหนาที่สองอย่งคื อสรรหาเลือกเฟ้นวิญญานักรบผุ้กล้ากับคอยดุแลเลี้ยงดุเขาในวัลฮัลลา
เมื่อไรก็ตามที่เกิดการบในโลกมุย์ โอดินจะสงวัลคีรี่ไปรอดู นักรบคนใดสู้ตายชนิดที่ยังมีความกระหายสงคราม ค้างอยู่ในแววตา แม้มือจะเต็มไปด้วยเลือด วัลคีรีก็จะเลื่อกคนนั้นไปกับพวกหล่อนข้ามสะพานรุ้งน้ำแข็งขึ้นไปบนวัลฮัลลา วิญญาณ นักรบพวกนี้เรียกกันว่า พวกเอนเฮเรียร์
โอดินมีราชวังใหญ่ ๆอยู่สามแห่งในแอสการ์ด คือ "แกลดเฉม" โถงที่ประชุมของเทพ "วาลาเคียฟ" ฮลิคสเคียฟ" และ "วัลฮัลลา" พระราชวังซึ่งเป็นที่อยุ่ของพวกวิญญาณนักรบที่ได้รับเลือกขึ้นมา อันนี้ตั้งอยุ่ใ "เกลเซอร์" กลางป่าวิเศษซึ่งใบไม้ในป่านี้เป็นสีทองอดแดง
วัลฮัลล คือพระราชวังที่มีขนาดมหัศจรรย์ เล่ากันว่ามีประตูเข้าออกถึง 540 แห่ง แต่ละแห่งกว้างพอที่จะให้นักรบตัวโตๆ แปดคนเดนเรียงแถวหน้ากระดานเข้าไปได้อย่างสบายๆ ที่นีมีโต๊ะยาวเป็นจำนวนมากให้พวกเอนเฮเรียร์เขาประจำที่ คบไฟจุดไว้ตามผนัง แสงคบเพลิงสะท้อนใบหอกเป็นประกายวาววับอยู่ในแสงไฟ อาหารเตรียมพร้อมไวมากมาย ไม่่ว่าจะเป็นหมูย่างเบียร์หรือเหล้าน้ำผึ้ง
วัคีรีตะมีหน้าที่ คอนดูแลเหล่านักรบ ในเรื่องอหารและคเรื่องดื่ม เนื้อที่ใช้เสริ์บนวัลฮัลาเป็นเนื้อที่มาจากหมูป่าของเพทตัวหนึ่งชือ "แซ่ริมนอร์" มันจะถูกพ่อครั้ง "แอนด์ริมเนอร์" เชื่อดทุกวัน อพการเลี้ยงเสร็จสิ้นลง หมู่แซริมเนอร์ก็รวมตัวกันขึ้นใหม่ กลายเป็นหมูป่าสำหรับพ่อครัวเชื่อดวนเวียนไม่รุจบ ทำให้วัลฮัลลาไม่เคยขาดเนื้อในการเลี้ยงเลย
หลังจากกินอาหารแล้ว นักรบเอนเฮเรียร์จะพากันจบอาวุธออกไปที่ลามรอบวัง ฝึกปรือการต่อสู้ หรือส่วนใหญ่ต่อสู้กันจริงให้ตาย รอจนกระทั้งเสียงเป่าแขาเรียกกินอาหารเย็น จึงเขัาร่วมโต๊ะกันอีกหน โยมีโอดินนั่งเป็นปรธานที่สุดห้องโถง พระองค์จะนั่งดุนัรบเหล่านนั้นสนทนาพูดคุยกันอย่างมีความสุข หวังเพียงแค่ักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลานักรบพวกนี้จะสามัคีร่วมมือในศึกครั้งสุดท้ายอย่างดีที่สุดhttps://my.dek-d.com/Darkzear/writer/viewlongc.php?id=508212&chapter=6
วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
Thor
ในเทพปรกณัมนอร์ส ธอร์ เป็นเทพถือค้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับสายฟ้า ฟ้าร้อง พายุ ต้นโอ๊ก พละกำลัง การคุ้มครองมนุษชาติ และตลอดจนการทำให้ศักดิ์สิทธิ์ การรักษาและความอุดมสมบูรณ์ เทพที่มาจากกำเนิดเดียวกันในเทพปกรณัมเยอรมัน และเพเกิน ที่กว้างกว่k เป็นที่รุ้จักกันในภาษาอังกษว่า punor และภาษาเยอรมันในเขตเหนือ่า Donar ซึ่งกำเนิดจาภาษาโปรโตเยรมัน หมายถึง สายฟ้า
ธอร์เป็นเทพที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างสำคัญตลอดประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกของชาวเยรมัน จากการยึดครองดินแดนเยอรมาเนียของโรมัน ไปจนถึงการขยายชนเผ่าในสมัยการโยกย้ายถ่ินฐาน ไปจนถึงการไ้รับการนิยมอย่างสุงในยุคไวกิ้ง เมื่อ ในการเผชิญกับการะบวนการเผยแผ่ศาสนาคริสต์เข้าไปในสแกนดิเนเวีย สัญลักษณ์ค้อนจอลนีร์ ของพระองค์ ถูกสวมใส่เป็นการท้าทายและชื่อตัวของนอร์สเพเกินซึ่งมีชื่อขอวเทพเจ้าป็นพยานต่อความนิยมของเขา เมื่ออย่างเข้าสู่สมัยใหม่ ธอร์ยังได้การยอมรับต่อไปในตำนานพื้นบ้านชนบททั่วภูมิภาคเยอรมนี ะอร์มักอ้างถึงบ่อยครั้งในชื่อ สถานที่ ในวันประจำสัปดาห์ วันพฤหัสบดี (วันของธอร์) ปรากฎนามของพระงอค์ และชื่อซึงมาจากยุคเพเกิน ที่มีนามพระองค์นั้นังมีใช้กันอยุ่จวบจนปัจจุบัน ตลอดจนยังเป้นที่มาของคำว่า "ฟ้าร้อง " หรือ "ฟ้าผ่า" ในภาษาอังกฤษ อีกด้วย นอกจานี้แล้วนักวิชาการชาวอังกฤษผุ้หนึ่งบังเชื่อว่า ค้อนจอลนีร์ที่มีลักษณะข้างไปแล้วสามารถหวนกลับมาสู่มือของทอร์ได้เหมือนบูมเมอรแรงเป้นที่มรของสัญลักษณ์ สวัสดิกะ ที่แพร่หลายต่อมาในอารยธรรมของชาวอารยัน อีกด้วย
ธอร์เป็นหนึ่งในสิบสองสำคญของเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย เป็นเทพแห่งสายฟ้า ทอร์เป็นบุตรของเทพเจาโอดินและจอร์ดน่ง ยักษ์แห่งแผ่นดิน...
"เพแกน" มาจากภาษาละติน แปลว่ "ผู้ที่อยุ่ในชนบทเป้นคำที่มีความมหายกว้างที่ใช้บรรยายศาสนาหรือการปฏิบัติของหมู่ชนสมัยก่อนมีการนับถือคริสต์สาสาในยุโรป หรือถ้าขยายความหมายก็ใช้บรรยายศาสนาหรือการปฏิบัติของหมู่ชนสมัยก่อนมีการนับถือคริสต์ศาสนาในยุโรป หรือถ้าขยายความขึ้นไปอีกก็คือ ผุ้ที่มีธรรมเนียมการนับถือพระเจ้าหลายพระองค์ หรือศานาพื้นบ้าน โดยทั่วไปในโลกจากมุมองของผุ้ที่นับถือคริสต์สาสนาในดลกตะวัรตก คำนี้มีความหมายหลายอย่างแต่จากทัศนคติตะวันตกในนัยยะของความหมายในปัจจุบันหมายถึงความศรัทธาที่เป็นพหุเทวนิยมของผุ้ที่ปฏิบัติตามแบบเจตนิยม วิญญาณนิม หรือลัทธิเซมั่น เช่นในศาสนาพื้นบ้าน ในลัทธิการนับถือพรเจ้าหลายองค์หรือในลัทธินอกศาสนาใหม่
คำว่า "ลัทธินอกศาสนา" ได้รับการตีความหมายอย่างกว้างที่รวมถึงศาสนาทุกศาสนาที่อยุ่นอกกลุ่มศาสนาอับราฮัมของผุ้นับถือลัทธิเอกเทวนิยม ที่รวมทั้งศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม กลุ่มที่ว่านี้รวมท้งศษสนาตะวันออก ปรัมปราวิ
ทยาอเมิรกันพื้นเมือง และศาสนาพื้นบ้านโดยทั่วไปทีั่ไม่ใช่คริสต์ศาสนา ในความหมายคที่แคบลง "ลัทธินอกศาสนา" จะไม่รวมศาสนาของโลก ที่เป็นศาสนาที่เป้นที่ยอมรับกันอย่งเป็นทางการแต่จะจำกัดอยุ่ในศาสรนาท้องถ่ินที่ยังไม่ได้จดอยุ่ในระบบศาสนาของดลก ลักษณะการปฏิบัติของลัทธิเพกันคือความขาดสาวก และความนิยมในการนับถือปรัมปราวิทยาต่างๆ
"ลัทธินอกศาสรา" เป็นคำที่ผุนับถือคริสต์ศษสานำมาใช้สำหรับ "เจนไทล์" ของศาสนายูดาห์หรือชาวยิว ที่เป็นการใช้คำที่ออกไปทางเหยียดหยาม โดยหมู่ผุ้นับถือลัทธิเอกเทวนิมของโลกตะวันตก เที่ยบเท่ากับการใช้คำว่า "ฮีทเธน" หรื อ"อินฟิเดล" หรือ "กาฟิร" และ "มุชริก ในการเรียกผุ้ที่นับถือศาสนอิสลาม ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้นักชาติพันธุ์วิทยา จึงเลี่ยงใช้คำว่า "ลัทธินอกศาสนา" เพราะความหมายอันแตกต่างกันและไม่แน่นอน ในการกล่วถึง ความศรัทธาตามที่มีกันมาหรือในประวัติศาสตร์ และมักจะใช้คำที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงมากกว่า เช่น เจตนิยม วิญญาณนิยม ลัทธบามัน หรือสรรพเทวนิยม แต่ก็มีผุ้วิจารณ์การใช้คำเหล่านี้ที่อ้างว่าเป้นคำที่ให้ความหมายของศรัทธาในมุทมองหนึ่ง และมิได้กล่าวถึงตัวความเชื่อของศาสนาที่กล่าว..https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
ธอร์เป็นเทพที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างสำคัญตลอดประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกของชาวเยรมัน จากการยึดครองดินแดนเยอรมาเนียของโรมัน ไปจนถึงการขยายชนเผ่าในสมัยการโยกย้ายถ่ินฐาน ไปจนถึงการไ้รับการนิยมอย่างสุงในยุคไวกิ้ง เมื่อ ในการเผชิญกับการะบวนการเผยแผ่ศาสนาคริสต์เข้าไปในสแกนดิเนเวีย สัญลักษณ์ค้อนจอลนีร์ ของพระองค์ ถูกสวมใส่เป็นการท้าทายและชื่อตัวของนอร์สเพเกินซึ่งมีชื่อขอวเทพเจ้าป็นพยานต่อความนิยมของเขา เมื่ออย่างเข้าสู่สมัยใหม่ ธอร์ยังได้การยอมรับต่อไปในตำนานพื้นบ้านชนบททั่วภูมิภาคเยอรมนี ะอร์มักอ้างถึงบ่อยครั้งในชื่อ สถานที่ ในวันประจำสัปดาห์ วันพฤหัสบดี (วันของธอร์) ปรากฎนามของพระงอค์ และชื่อซึงมาจากยุคเพเกิน ที่มีนามพระองค์นั้นังมีใช้กันอยุ่จวบจนปัจจุบัน ตลอดจนยังเป้นที่มาของคำว่า "ฟ้าร้อง " หรือ "ฟ้าผ่า" ในภาษาอังกฤษ อีกด้วย นอกจานี้แล้วนักวิชาการชาวอังกฤษผุ้หนึ่งบังเชื่อว่า ค้อนจอลนีร์ที่มีลักษณะข้างไปแล้วสามารถหวนกลับมาสู่มือของทอร์ได้เหมือนบูมเมอรแรงเป้นที่มรของสัญลักษณ์ สวัสดิกะ ที่แพร่หลายต่อมาในอารยธรรมของชาวอารยัน อีกด้วย
ธอร์เป็นหนึ่งในสิบสองสำคญของเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย เป็นเทพแห่งสายฟ้า ทอร์เป็นบุตรของเทพเจาโอดินและจอร์ดน่ง ยักษ์แห่งแผ่นดิน...
"เพแกน" มาจากภาษาละติน แปลว่ "ผู้ที่อยุ่ในชนบทเป้นคำที่มีความมหายกว้างที่ใช้บรรยายศาสนาหรือการปฏิบัติของหมู่ชนสมัยก่อนมีการนับถือคริสต์สาสาในยุโรป หรือถ้าขยายความหมายก็ใช้บรรยายศาสนาหรือการปฏิบัติของหมู่ชนสมัยก่อนมีการนับถือคริสต์ศาสนาในยุโรป หรือถ้าขยายความขึ้นไปอีกก็คือ ผุ้ที่มีธรรมเนียมการนับถือพระเจ้าหลายพระองค์ หรือศานาพื้นบ้าน โดยทั่วไปในโลกจากมุมองของผุ้ที่นับถือคริสต์สาสนาในดลกตะวัรตก คำนี้มีความหมายหลายอย่างแต่จากทัศนคติตะวันตกในนัยยะของความหมายในปัจจุบันหมายถึงความศรัทธาที่เป็นพหุเทวนิยมของผุ้ที่ปฏิบัติตามแบบเจตนิยม วิญญาณนิม หรือลัทธิเซมั่น เช่นในศาสนาพื้นบ้าน ในลัทธิการนับถือพรเจ้าหลายองค์หรือในลัทธินอกศาสนาใหม่
คำว่า "ลัทธินอกศาสนา" ได้รับการตีความหมายอย่างกว้างที่รวมถึงศาสนาทุกศาสนาที่อยุ่นอกกลุ่มศาสนาอับราฮัมของผุ้นับถือลัทธิเอกเทวนิยม ที่รวมทั้งศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม กลุ่มที่ว่านี้รวมท้งศษสนาตะวันออก ปรัมปราวิ
ทยาอเมิรกันพื้นเมือง และศาสนาพื้นบ้านโดยทั่วไปทีั่ไม่ใช่คริสต์ศาสนา ในความหมายคที่แคบลง "ลัทธินอกศาสนา" จะไม่รวมศาสนาของโลก ที่เป็นศาสนาที่เป้นที่ยอมรับกันอย่งเป็นทางการแต่จะจำกัดอยุ่ในศาสรนาท้องถ่ินที่ยังไม่ได้จดอยุ่ในระบบศาสนาของดลก ลักษณะการปฏิบัติของลัทธิเพกันคือความขาดสาวก และความนิยมในการนับถือปรัมปราวิทยาต่างๆ
"ลัทธินอกศาสรา" เป็นคำที่ผุนับถือคริสต์ศษสานำมาใช้สำหรับ "เจนไทล์" ของศาสนายูดาห์หรือชาวยิว ที่เป็นการใช้คำที่ออกไปทางเหยียดหยาม โดยหมู่ผุ้นับถือลัทธิเอกเทวนิมของโลกตะวันตก เที่ยบเท่ากับการใช้คำว่า "ฮีทเธน" หรื อ"อินฟิเดล" หรือ "กาฟิร" และ "มุชริก ในการเรียกผุ้ที่นับถือศาสนอิสลาม ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้นักชาติพันธุ์วิทยา จึงเลี่ยงใช้คำว่า "ลัทธินอกศาสนา" เพราะความหมายอันแตกต่างกันและไม่แน่นอน ในการกล่วถึง ความศรัทธาตามที่มีกันมาหรือในประวัติศาสตร์ และมักจะใช้คำที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงมากกว่า เช่น เจตนิยม วิญญาณนิยม ลัทธบามัน หรือสรรพเทวนิยม แต่ก็มีผุ้วิจารณ์การใช้คำเหล่านี้ที่อ้างว่าเป้นคำที่ให้ความหมายของศรัทธาในมุทมองหนึ่ง และมิได้กล่าวถึงตัวความเชื่อของศาสนาที่กล่าว..https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
Norseman
ตำนานเทพเจ้าชาวนอร์สเป้นตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาของชาวไวกิ้ง แถวดินแดนสแกนดิเนเวีย (สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์) ทวีปยุดรปเหนือปัจจุบัน ซึ่งเป็ฯพวกไวกิ้งนั้นเป็นชนเผ่าหนึ่งซึ่งเรียกว่าชาวนอร์ส เรื่องเล่าตำนานชองชาวนอร์สหรือไวกิ้งถุกเล่าขานปากต่อปากมาเป็นเวลานาน ซึงบางเรื่องก้ฒีส่วนคล้ายกับตำนานเทพเจ้าของกรีและดรมัน เรื่องราวของเทพเจ้าชาวนอร์สถุกเขียนไว้ในวรรณกรรมของเอ็ดดา ซึงที่ทั้งหมด 2 เล่ม นอกจากนี้เรื่องรวของชาวไวกิ้งยังมีการบันทึกไว้เป็นบทกวี เรียกว่า ซาก้า อีกด้วย
เทพปกรณัมนอร์ส หรือ เทพปกรณัมสแกนดิเนเวีย เป็เทพปกรณัม ของขนเจร์แมนิกเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งขอวศาสนาเก่าแก่ของชาวนอร์สซึ่งเป็นความเชื่อพหุเทวนิยม และยังคงเล่าสืบเนื่องกันมาแม้ภายหลังจากชาวสแกนดิเนเวียดิเนเวียแห่งสมัยใหม่ เทพปกรณัมนอร์สเป็นการกจะรจายขึ้นเหนือสุดของเทพปกรฌัมเจอร์มานิก โดยประกอบด้วยนิทานเทวดาและวีรบุรุษต่างวๆ จากแห่งที่มาจำนวนมากทั้งก่อนและหลังยุคเพกัน ซึ่งรมถึงวรรณกรรมของชาวไอซ์แลนด์ที่เขยขึ้นในสมัยกลาง หลักฐานทางโบราณคดีและประเพณีพื้นบ้าน
เทพเจ้าองค์สำคัญในเทพปรณัมนอร์ส ได้แก่ ธอร์ เทพสายฟ้าผู้มีค้อนใย่เป็นอาวุธ โดยเป็นเพทนักรบผุ้พิทักษ์มนุษยชาติฯ
โอดินเทพพระเนตรเดียว ผุ้ทรงขวนขวายหาความรุ้ในโลกธาตุทั้งหลย และพระราชทานอัษรรูนให้แก่มนุาย์
เฟรยา เทพสตรีผุ้ทรงสิริโฉม ผุ้ใช้เวทมนตร์ และทรงฉลองพระองค์คลุมขนนก ผุ้ทรง้าเข้าสู่สมรภูมิเพื่อเลือกเอาดวงวิญญาในหมู่ผู้ตาย
สคาคดี ยักขินีและเทวีแหงการสกี ผุ้อาศัยอยู่ท่ามกลางผุงหมาป่าบนภูเขาในฤดูหนาว
นโยร์ด เทพเจ้าทรงฤทธิผุ้อาจปราบได้ทั้งทะเลและไฟ และยังประทานความมังคั่งและที่ดิน
เฟรย์ ผู้นำสันติสันตติภาพและความเพลิดเพลินสู่มนุษย์ชาติผ่านทางฤดูกาลและการกสิกรรม
อีดุนน์ เทพเจ้าผุ้ทรงรักษาแอปเปิลที่ให้ความเยาว์วัยชั่นนิรันดร์
เฮม์คาลร์ เทพเจ้าลึกลับผุ้ประสูติแต่มารดาเก้าตน ทรงสามารถฟังเสียงหญ้าโต มีพระทนต์เป็นทองคำและมีเขาสัตว์ที่เป่าได้ดังกึกก้อง
และ โยตุนโลกิ ผุ้นำโศกนาฎกรรมมาสู่ทวยเทพโดยวางแผนให้บัลเอร์พระดอรสแห่งเทพเจ้าฟริกก์ ต้องตาย เป็นต้น...
เทพปกรณัมนอร์ส จัดเหล่าเทพเจ้าออกเป็นสองกลุ่ม คือ พวกอัศร์ ซึ่งมีรากคำเดียวกันอสูร ในภาษาสันสกฤต ได้แก่ เทพเจ้าองค์สำคํญๆ ในเทพวิหารของนอร์ส (เช่น โอดิน ธอร์, ฟริกก์, บัลเดอร์ ฯลฯ) พวกหนึ่ง และพวกวาเน็น หรือวานร์ อันเป็นเหล่าเทพที่มีความเกี่ยวพันกับความอุดมสมบุร์ ปัญญา
เฉลี่ยวฉลาด ธรรมชาติ และการรู้อนาคตอีกพวกหนึ่ง ทั้งสองพวกเข้ามทำสงครามกันมาแต่ดึกดำบรรพ์ จนในที่สุดรุ้วาตนมีอำนาจเท่าๆกัน นอกจากนี้ในโลกยังมีสัตว์และเผ่าในเทพนิยายอยู่อีกนานับประการ (เช่น ยักษ์, คนเเคระ, เอลฟ์ และภูตในแผ่นดิน)
จักรวาลวิทยาของนอร์สประกอบด้วยโลกเก้าโลก ซึงขนาบอิตระซิล ต้นไม่แห่งเอกภพ โลกมนุษย์ในจักรวาลวิทยานอร์สมีชื่อเรียกว่า มิคการ์ นอกจจากนี้ยังมีภพหลังความตายอยุ่หลายภพซึงมีเทพเจ้าพิทักษ์รักษาอยู่แตกต่างกัน ในตำนานของนอร์มีตำนานสร้างโลกอยู่หลายแบบ มีการทำนายว่าโลกเหล่านี้จะกำเนิดใหม่หลังเหตุกาณ์แรกนะร็อก เมื่อเกิดการยุทธมโหฬารระหว่างเหล่าทวงเพทและฝ่ายศัตรู และมนุษย์สองคนจะเพ่ิมประชากรโลกอีกครั้ง....https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA
สแดนดิเนีเวีย เป็นภูมิภาคทางภูมิศาสตร์และปวัติศาสตร์ มีศุนย์กลางอยุ่ที่คาบสมุทรสแกนดิเนียในยุโรปเหนือ มาจากชื่อเดมว่ มณฑลสกาเนีนย ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ได้แก่ ราชอาณาจักรสวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก อาจรวมถึงประเทศอื่นๆ ในกลุ่มนอร์ติก เช่น ประเทศ ไอซืแลนด์ และประเทศฟินแลนด์ จากความสัมพันะ์ใกล้ชิดทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ในทางภาษาและวัฒนธรรม นิยามของสแกนดิเนเวียอาจขยายไปถึงดินแดนที่เคยมรีการพุดภาษานอร์เวย์โบราณ และดินแดนที่มีการพูดภาษากลุ่มเจอร์แมนิกเหนือ ดังนั้น ในทางภาษาและวัฒนธรรม สแกนดิเนเวียจึงรวมถึงประเทศไอซ์แลนด์ และ หมู่เกาะแฟโร
นอกจากนี้ ในทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สแกนดิเนเวียอาจรวมถึงฟินแลนด์ จากการที่ฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของสวีเดนมายาวนา ถึงแม้ว่าฟินแลดน์จะมีความเีก่ยว้องทางวัฒนธรรมกับชาติสแกนดิเนเวียอื่นๆ แต่ชาวฟินแลนด์มีเชื่้อชาติและภาษาแบบฟินโน-ยูกนิก ซึ่งมีลักษณะของทั้งยุโรปตะวันตกและตะวันออก
ถึงแม้ว่าความหมายของสแกนดิเนเวียอาจขึ้นอยุ่กับบริบท กลุ่มนอร์ตกิ นั้นหมายถึงนอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ รวมถึงหมู่เกาะแฟโร กรีนแลนด์ และหมู่เกาะโอลันด์ ซึ่งมีความคล้ายคลคงกันทั้งในด้านการเมืองและด้านวัฒนธรรม...https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Official vote counting...(3)
แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป รองป...
-
องค์ประกอบของโยนิโสมนสิการ ลักษณะการคิดแบบโยนิโสมนสิการมี 10 ประการ สรุปได้ดังนี้ครับ สืบสาวเหตุปัจจัย แยกแยะส่วนประกอบ สามัญลักษณ...
-
อาจกล่าวได้ว่า สงครามครูเสดเป็นความพยายามครั้งรแกๆ ของยุโรป และเป้นสำเร็จโดยรวมในความพยายามที่จะค้นหาตัวเองภายใต้วัฒนธรรมท่เป็...
-
วรรณกรรมในสมัยยุโรปกลาง จะแต่งเป็นภาษาละติน แบ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนา และ วรรณกรรมทางโลก วรรณกรรมทางศาสนา...