วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2567

13 distinct 'belts'

        สหรัฐฯแบ่งภูมิภาคต่างๆ เรามักจะพูดถึงภูมิภาค 5 แห่ง ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกเแียงใต้ ภาคกลางตะวันตก ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคตะวันตก อยางไรก็ตาม สำนักงานสำมะโนประชากรของสหรํฐฯ ใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย โดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตะวันตก ภาคใต้ และภาคตะวันตก 

        ในขณะที่ หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ เช่น สำนักวิเคราะห์เศราฐกิจและสำนักงานบริหารและงบประมาณใช้ระบบที่ละเอียดกว่า โดยแบ่งออแเป็น 8 หรือ 10 ภูมิภาค เป็นเรื่องน่าสนใจที่จะได้เห็นว่ามุมุองที่แตกต่างกันส่งผลต่อความเข้าใจของเราเรืองภูมิภาคของประเทศอย่างไร

       




         เขตพื้นที่ของสหรัฐฯเป็นส่วนหนึงของประเทศที่มีลักษณะร่วมกันบางประการ คำศัพท์ "เขตพื้นที่่" (เบลท์) ถูกใช้คร้งแรกเพื่เรียกเขตพื้นที่ปลูกพืชผลต่างๆ ซึ่งมักจะปลูกตามแนวละติจูด เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มักจะมีสภาพอากาศที่คล้ายคลึงกัน ดดยนัยนี้หมายถึงเขตพื้นที่ปลุกเสื้อผ้า 

         การใช้ได้ขยายไปสู่ความเข้มข้นด้านภุมิอากาศ เศราฐกิจ และวัฒนธรรมอื่นๆ ภุมิภาคเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำหนดอย่างเป็นทางการ มักทับซ้อนกันและขอบเขตที่ไม่ชัดเจน คำศัพท์นี้ยังใข้ภายนอกสหรัฐอเมริกา

          ภูมิภาค belt ที่โดดเด่นที่สุดในสหรัฐอเมริกา

          "Bible belt"เป็นพื้อนที่ในสหรัฐอเมริกที่นิกายโปรเตสแตนต์มีบทบาทอย่างมากในสังคมและการเมือง ผุ้คนในเขตไบเบิลเบลท์มักมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมทางสังคมและมีอัตราการเข้าโบสถ์สุงกว่าผุ้คนในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ เชือกันว่า "ไบเบิล เบลท์" ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาเกือบทั้งหมด โดยทอดยาวจากเวรอืจิเนียไปจนถึงฟลอริดาตอนเหนือ และ อดไปทางตะวันตกจนถึงบางส่วนของ เท็กซัส โอกลาโฮมา และมิสซุรี



        "Rust Belt" เป็นภูมิภาคที่ทอดยาวครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของภาคตะวันตกเฉียงเหือและภาคตะวันตกเแียงเหนือ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าที่เจริญรุ่งเรือง รัสท์ เบลท์ ได้รับชื่อจากโรงงานที่ถูกทิ้งร้ายและความเสื่อใโมรมของเมืองซึ่งสร้างร่องรอยให้กับภุมิภาคนี้มรต้้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยทั่วไปแล้วภูมิภาคนี้มักกล่าวกันว่าครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของ นิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย โอไฮโอ มิชิแกน อินเดียนา อิลลินอยส์ และ วิสคอนซิน พื้นที่นี้ครอบคลุมรัฐที่มีผลทางการเมืองผันผวนหลายรัฐและผุ้อยุ่อาศัยในรัฐรัสต์เบลท์มักมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี


          " Black Belt" แบล็กเบลท์เป็นภูมิภาคในภาคใต้ของสหรัฐฯซึ่งมีประวัติศาสตร์การเกษตรแบบวใช้แรงงานทาส และมีประชากรชาวแอฟริกันอเมริกันจำนวนมาก เดิมที คำนี้หมายถึงพื้นที่เฉพาะในอลาบามาตอนกลางซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องดินสีเข้มที่อุดมสมบูรณื ในที่สุด พื้นที่ดังกล่าวก็กลายเป็นแหล่งรวมทาสที่ดุแลผืนดิน และคำนี้ก็ขยายออกไปรวมถึงพื้นที่ที่ใหญ่กว่าซึ่งมีการค้าทาสและการปลุกฝ่้ายอย่างแพร่หลาย

          "เท่าที่ทราบ คำนี้ถุกใช้ครั้งแรกเพื่อระบุพื้นที่ของประเทศที่มีลักษระโดดเด่นด้วยสีของดินส พื้นที่ของประเทศที่มีอินหนา สีเข้ม และอุดสมบุร์ตามธรรมชาตินั้นแน่นอนว่าเป็นพื้นที่ทางใต้ทีททาสทำกำไรได้มากที่สุด และด้วยเหตุนี้ ทาสจึงถุกจบไปที่นั่นเป็นจำนวนมากที่สุด ต่อมา และโดยเฉาะอย่างยิ่งหลังจากสงคราม คำนี้ดุเะหมือนจะถูกใช้ในเชิงการเมืองโดยสมบูรณื นั่นคือเพื่อระบุเขตที่คนผิวดำมีจำนวนมากกว่าคนผิวขาว"

            ปัจจุบัน "แบล็กเบล" ครอบคลุมถึงเขตพื้นที่ตั้งแต่รัฐเวอร์จิดนียไปจนถึงภาคใต้ตอนล่างและรวมถึงบางส่วนของรัฐเท็กซัสและอาร์คันซอ


            "Corn Belt" เขตข้าวโพดเป็นภูมิภาคหนึ่งในแถบมิดเวสต์ที่ผลิตข้าวโพดในประเทศในปริมาณที่ไม่สมดุล ภูมิภาคนี้ทือดยาวจากโอไฮโอไปจนถึงบงส่วนของแคนซัส เนแบรสกา และกาโกตัส และครอบคลุมบางส่วนของมินนิโซตา ทางตอนเหนือ และมิสซูรีและเคนตักกี้ทางตอนใต้ ไอโอวาและอิลลินอยส์อาจถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเขตข้าวโพด เนื่องจากทั้งสองรัฐนี้คิดเป็นสัดส่วน หนึ่งในสามของข้าวโพดทั้งหมด ในสหรัฐฯ

             "Cotton Belt" เช่นเดียวกับ "แบล็กเบลท์" เขต "คอตตอน เบลท์" ก็มีรากฐานมาจากการค้าทาส ดดยครอบคลุมถภึงรัฐต่างๆ ที่ฝ้ายเป็นพืชผลทางการเกษตรหลักตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 1700 จนถึงศตวรรษที่ 20 ภูมิภาคนี้ครอบคลุมพื่้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้เป็นสวนใหญ่ และทอดยาวไปทางเหนือจนถึงรัฐแมริแลนด์ และไปทางตะวันตกไกลถึงรัฐเท็กซัส


            "Frost Belt" ตามชื่อที่บ่งบอก "ฟรอสท์ เบลท์" เป็นภูมิภาคที่ขึ้นชื่อเรื่องฤดูหนาวที่หนาวเหน็บและหินมะตกหนัก โดยครอบคลุมพื้นี่ทั้งหมกของนิวอิงแลนด์และภูมิภาคมิดแอตแลนติกและมิดเวสต์ส่วนใหญ่

            ไม่น่าแปลกใจที่ "ฟรอสท์ เบลท์" ทับซ้อนกับภูมิภาคที่เรียกว่า "ซอลท์ เบลท์" ซึ่งเป็นรัฐที่มีอากาศหนาวเย็นซึ่งมักโรยเกลือบนถนนเป็นจำนวนมากในช่วงฤดูหนาว สถานะของ ซอลท์ เบลท์ ในแต่ละรัฐนี้นเกี่ยวข้องกับเจ้าของและผุ้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากเหลือบนถนนอาจทำให้ชิ้นส่วนรถยต์ เกิดการกัดกร่อนได้

           jell-O Belt" เป็นชื่อเล่นที่น่ารักของ "มอร์มอน คอร์ริดอร์" ซึ่งเป็นพื้นที่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาที่พวกมอร์มอนเข้ามาตั้งถ่ินฐานในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 พื้นที่นี้ครอบคลุมยูทาห์และบางส่นของรัฐโดยรอบ

           เหตุใดจึงต้องกินเจลลี่โอ ดูเหมือนว่าชาวมอร์มอนจะกินเจลลี่โอกันจนอิ่มหนำสำราญ ไซอลต์เลกซิตี้เป็นเมืองหลวงแห่งการกินเจลลีโอของอเมริกา" และชาวเมืองซื้อเจลลี่โอมากกว่าคนอเมริกันทั่วไปถึงสองเท่า 

          คนในพื้นที่เชื่อกว่าการบริโภคเจลลี่โอในปริมาณมากเป็นผลมาจากประชากรมอร์มอนจำนวนมากที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และความชอบขนมหวานที่ชดเชยให้"

           "ไรซ์ เบลท์" เป็นเขตพื้นที่ที่ผลิตข้าเกือบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา อาร์คันซอ เป็นศุนย์กลางของ "ไรซ์ เบลท์" ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวขั้นนำของประเทศ นอกจากนี้ ภุมิภาคนี้ยังครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของรัฐเท็กซัส หลุ่ยเซียนา มิสซิสซิปปี้ และมิสซุรีอีกด้วย

          "Snow Belt" ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ช่วงใกล้บริเวณเกรตเลกส์ ซึ่งจัดเป็นช่วงที่มีหิมะตกมากที่สุดในสหรัฐฯ ภุมิภาคนี้ถือว่าหิมะที่ตกหนักเกิดจากปรากฎการณ์ที่เรียกว่า หิมะที่เกิดจากผลของทะเลสาบ ซึงก็คือเมื่ออากาศเย็นและแห้งพัดผ่าน้ำในทะเสาบที่อุ่นกว่า ดูดความชื้นและพัดพาความขื้นนั้นไปตามลม ทะเลสาบใหญ่ทั้้ง 5 แห่งล้วนสร้างเขตหิมะ โดยทะเลสาบออนแทรรีโอ อยุ่ตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก ทะเลสาบมิชิแกนไหลผ่านพื้นที่ทางตะวันตกของมิชิแกนทั้งหมด และทะเลสาบสุพีเรียครอบคลุมพื้นที่ทางเหนือของวิสคอนซินและคาบสมุทรตอนบนของมิชิแกน

          ผลกระทบแบบเดียวกันที่ทำให้เกิดหิมะจากปรากฎการณ์ทะเลสาบยังเอื้อต่อการเจริญเติบโตของผลไม้ ดังนั้น ภูมิภาคเหล่านี้จึงประกอบกันเป็น เขตผลไม่(ฟรุตท์ เบลท์" ของอเมริกาด้วย

          "Stroke Belt" เป็นกลุ่มรัฐ 11 แห่งที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือดรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดอื่นๆ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ 

           รัฐต่างๆ ในเขต "สโตรก เบลท์" ส่วนใหญ่ทางตะวันออกฌแียงมต้ ได้แก่ เวอร์จิเนีย นอร์ทแคดรไลนา เซาท์แคโรไลนา จอร์เจีย แอลาบามา มิสซิสซิปปี้ หลุยเซียนา อาร์คันซอ เทนเนสซี เคนตักกี้ และ อินเดียนา

          ผุ้ที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองสุงในภุมิภาคนี้ได้แก่ ประชากรผิวดำจำนวนมากและผุ้อาศัยที่มี "อาการอักเสบและการติดเชื้อมีความชุกศุง และมีสถานะทางเศราฐกิจและสังคมต่ำกว่า" 

           "Sun Belt" ทอดยาวไปทั่วบริเวณตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา แผ่นดินใหญ่ และขึ้นชื้อในเรื่องอากาศอบอุ่นและท้องฟ้าแจ่มใส เขตแดนทางเหนือของภูมิภาคนี้เรียงตามเส้นขนานที่ 36 

           นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งทีสอง พื้นที่ซันเบลท์ได้เห็นการเติบโตอย่ารวดเร้ซของจำนวนประชากรและโอาสทางเศราฐกิจโดยข้อมูลสำมะโนประชากรแสดงให้เห็นว่าภุมิภาคนี้กำลังเติบโตในอัตราที่เร้ซกว่าภาคตะวันออกเแียงเหนือและมิดเวสต์

           "Unchurched Belt" มีลักษณะตรงข้ามกับเขต "ไบเบิล เบลท์" โดยตั้งอยุ่ในมุมตะวันตกฉียงเหนือของประเทศ เป็นภุมิภาคที่มีอัตราการเข้าร่วมศาสนาและการเข้าโบสถ์ต่ำที่สุดในประเทศ รัฐทั้งสี่รัฐในเขต "อันเชิร์ชเตด เบลท์" ได้แก่ เนวาดา ออริกอน วอชิงตัน และอลาสก้า

           "Wheat Belt" หรือเขตข้าวสาลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่่งของที่ราบใหญ่ที่มีการปลูกข้าสาลีเป็นพืชหลัก จริงๆแล้ว ภุมิภาคนี้ประกอบด้วยพื้นที่ปลุกข้าสาลี 2 แห่งที่แตกต่างกัน พื้นที่ทางตอนใต้ ซึ่งรวมไปถึงพื้นที่ของรัฐเท็กซัส โอคลาโฮมา แคนซัส เนแบรสกำ โคโลราดด และไวโอมิง ปลูกข้าวสาลีสีแดงเข็ง สำหรับฤดูหนาว พื้นทีททางตอนเหนือ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ของรับเซาท์ คาดดตา นอร์ทดาโคตา มินนิโซตา มอนทานา และไปจนถึงแคนาดา ปลูกข้าวสาลีสีแดงแข็งสำหรับฤดูใบไม่ผลิ



          https://www.businessinsider.com/regions-america-bible-belt-rust-belt-2018-4#unchurched-belt-12

          https://www.jagranjosh.com/general-knowledge/regions-of-united-states-complete-list-history-and-importance-1721218579-1
          


วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Sun Belt : swing state dynamics...(2)

          ตัวเลขสำมะโนประชากรล่าสุดเกี่ยวกับการเติบโตทั้งหมด ซ่งดำเนินต่อเนื่องมาหลายทศวรรษแสดงห้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในจำนวนประชากร และด้วยคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งและที่นั่งในสภาผุ้แทนราษฎรจึงย้ายออกจากรัฐ รัสท์ เบลท์ ในภาคตะวันออเฉียงเหนือละมิดเวสต์ ตอนบน เช่ โอไฮโอ และเพนซิลเวเสีย ไปยังรัฐ ซัน เบลท์ ในภาคใต้และภาคตะวันตก เชน นอร์ทแคดรไลนา เท็กซัส และโคโลราโด



         ในเวลาเดียวกันผลการสำรวจสำมะโนประชากรใหม่เกี่ยวกับการลงคะแนนเสียงแสดงห้เห็นว่าเมือเทียบกับ รัสท์ เบลท์ แล้ว ผุ้มีสิทธิเลือกต้งใน ซัน เบลท์ กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในทิศทางที่เป็นผระโยชน์ต่อพรรคเดโมแครต ดดยมีผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่คนผิวขาวเพ่ิมขึ้นในขณะที่ผุ้มีสิทะิเลือกตั้งที่เป็นคนงานผิวขาวมีจำนวนลดลง นั่นหมายความว่ารัฐต่าง ใน ซัน เบลท์ ซึ่งส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางพรรครีพับลิกันอย่างเหนียวแน่นจนกระทั่งเมืองไม่นานมานี้ มีแนวดน้มที่จะข่งขันกันได้มากขึ้น เม้ว่าอิทธิพลของพวกเขาในสภาปผุ้แทรราษำรรและคณะผู้เลือกตั้งจะเพ่มิขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม

          ในขณะที่รัฐต่างๆ ใน รัสท์ เบลท์ มีแนวดน้มท ี่จะยังคงมีการแข่งขันกันอย่างสุสีในการเลือกตั้งที่จะมาถึง แต่การที่คนผิวขาวซึ่งเป็นคนงานยังคงครองความได้เปรียบในพื้นที่นั้น และกลายเป็นเสาหลักที่พรรครีพัลลิกันยึดมั่นในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ และการเปรียนตัวผู้ลงสมัครเป็นผุ้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติอาจเป็นการเสียเปรียบในเขตนี้

          ขณะที่ใน รัสท์ เบลท์ มีความท้าทายมากขึน และใน ซัน เบลท์ มีอิทธิพบมากขึืน ความสามารถของเดโมแครตในการเข่งขันเพื่อชิงทำเนียบขาวและควบคุมรัฐสภาจนถึงช่วงทศวรรษท 2020 อาจขั้นอยุ่กัการที่พรรคนจะสามารถเดินหน้าก้าวหน้าในภูมิภาคนี้ได้หรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยนำไปสู่ความก้าวหน้าในโคโลราโด เวอร์จิเนีย และ เนวาดาและล่าสุดในแอริโซนา และจอร์เจีย


         ...แนวดน้มจำนวนประชากรจะส่งผลให้มีการจัดสรรอิทธิพลทางการเมืองใหม่ทันที่ ทั้ง 6 รัฐที่จะได้รับที่นั่งในสภาคองเกรส ผและด้วยเหตุนี้ จึงได้รับอิทธิพลจากคณะผุ้เลือกตั้งมากขึ้นด้วย) ล้วนอยุ่ในภาคใต้และภาคตะวันตก โดยมีเพียงเท็กซัสเท่านั้นที่ได้ 2 ที่นั่ง จาก 7 รัฐที่แต่ละรัฐจะสุญเสียที่นั่งไป 1 ที่นั่ง รัฐอื่นๆ ยกเว้น แคลิฟลอเนีย ล้วน อยุ่ในภาคตะวันออกเแียงเหนือและภาคตะวันตกกลาง

          ในช่วงทศวรรษสุดท้ายที่ 20 และช่วงกล่าวทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 20 นักวิเคราะห์และนักยุทธศาสตร์การเมืองจะเรียกการเปลี่ยนแปลงอิทธิพลในภูมิภาคนี้ว่าเป็นประดยชน์อย่างชัดเจนสำหรับพรรครีพัลลิกัน ในช่งเวลาที่ยาวนานนั้น ภาคใต้และภาคตะวันตกส่วนใหญ่มักจะเลือกพรรครัพัลลิกันในการเลือกตั้งประธานาะิบดี ยกเว้นรัฐทางชายฝั่งตะวันตกอย่างวอชิงตัน ออริกอน และแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเลือกพรรคเดฮมแครตอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ผี 1992 ในทางตรงกันข้ามในช่วงครึ่งหลังของช่วงเวลาอันยาวนานนั้น พรรคเดโมแครตสามารถแข่งขันได้อย่างเหนือชั้นในรัฐอุตสาหกรรมชนาดใหญ่ทั่ว รัสท์ เบลท์ โดยคว้าชัยชนะในมิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซินในการเลือกตั้งทั้ง 6 ครั้งตั้งแต่ปี 1992-2012 และคว้าชัยชนะใน โอไฮโอ 4 ครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว

         แต่ในแต่ละด้านของการแบ่งแยกตามภูมิภาค สมการพรรคการเมืองนั้นไม่ตรงไปตรงมาอีกต่อไปแล้ว และแนวดน้มประชากรในทั้งสองพื้นที่ก็เป็นสาเหตุที่สำคัยเช่นกัน

         นับตั้งแต่ยุค บารัค โอบาม พรรคเดโมแครตได้ยึดจุยืนในรัฐ ซันเบลท์ ที่สนับสนุนรีพัลลิกันมาก่อน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สุดเกิขึ้นใน โคโลราโด และเวอร์จิเนีย และนอร์ทแคร์โรไลนาซึ่งเดโมแครตด้บันทึการเพ่ิมขึ้นเป็นระยะๆ ในแต่ละรัฐ ..

       


แนวโน้มทางการเืองที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาคือความแข็งแกร่งของพรรคเดโมแครตที่เติบโตขึ้นในเขตเมืองซันเบลท์ ขนาดใหญ่ วึ่งเป็นที่อยุ่อาศัยของผุ้มีสิทะิเลือกตั้งที่มีความหลากหลายและมีการศึกษาดีจำนวนมากที่พรรคพึ่งพาในปัจจุบัน เร่ิมตั้งแต่โอบามาในปี 2008 และ 2012 และเร่งขึ้นในการเลือกตั้งปี 2016 และ 2020 โดยมีทรัมป์ เป็นคุ้ต่อสุ้ เดโมแครตได้ขยายพื้นที่เข้าไปในเขตซันเบลท์ อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดดยขยายพื้นที่ในเขตใจกลางเมืองและเขตชานเมืองชั้นใน ซึ่งเร่ิมขยายพื้นที่ในภูมิภาค อื่นๆ ในช่วงทศวรรษ 1990 

       ในปี 2020 โจ ไบเดน กลายเป็นเดโมแครตคนแรกที่ได้ชัยชนะในมณฑลมาริโคปา (โดยมีฟินิกซ์เป็นศุนย์กลาง) ตั้งแต่ปี 1948 และยังได้ชัยชนะอย่างถล่มถลายในเมืองใหญ่และขตชานเมืองชั้นในอย่าง เดนเวอร์ เวอร์จิเนียตอนเหนือ แอตแลอตา ชาร์ชอตต์ และราลีห์ ตามการคำนวณของ โรเบิร์ต แลง ศ.ด้านกิจการเมืองและนโยบายสาะารณะแห่งมหาวิทลัยเนวาดา ลาเวกัส ในรัฐเท็กซัส ไบเดนได้ชัยชนะทั้ง 4 เขตมหานครใหญ่ของรัฐ ซึ่งไม่มีผุ้สมัครจากพรรเดโมแครตคนใดทำได้มาก่อน นับตั้งแต่ลินดอน จอห์นสัน 

          ทรัมปื ได้เปรียบอย่างมากในเมืองเล็กๆ และชนบทของรัฐเหล่านี้น และนั่นก็เพียงพอให้เขานามารถ


ยึดครอง อร์ธแคโรไลนา และเท็กซัสได้ เหนือกว่าที่คาดไว้ การปรับปรุงกับผุ้มีสิทะิเลือกตั้งชาวฮิสแปนิกเมือเทียบกับปี 2016 ยังทำให้ตำแหนงของทรัมป์แข็งแกร่งขึ้นในรัฐสำคัญหลายแห่งในซันเบลท์

           แนวโน้มจำนวนประชากรเพียงอยางเดียวไม่สามารถกำหนดทิศทางทางทางการเมืองของภุมิภาคได้ สิ่งทีสำคัีญคือปฏิสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงเหลบ่านี้นและการวางตำแหน่งพรรคการเมือง ตลอดจนความแตกต่างในภุมิภาคในความภักดีทางการเมืองของกลบุ่มหลัก เม้ว่าพรรคเดโมแครตจะได้รับชัยชนะในเขตเมืองของเท็กซัส แต่รัฐก็ยังทำให้พรรคผิดหวัง เนื่องจากผลงานของพวกเขาในทีือ่นๆ ล้าหลังกว่าที่อื่นๆ ไม่เพียงแต่ในหมุ่คนผิวขาว(ทั้งที่มีและไม่มีวุฒการศึกษาระดับวิทยาลัยป แต่ยังรวมถึงชทวฮิสแปนิกด้วย ดดยเฉพาะในพื้นที่ชนบที่มีวัฒนะรรมอนุรักษ์นิยม...

          เนวาดา 

           แม้ผุ้สมัครจากพรรคเดโแมครตจะชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้เมือไม่นานนี้ แต่เนวาดาก็ยังคงเป็นพรรครี
พัลลิกันตั้งแต่ช่วงผลายทศวรรษท 1960 จนถึงต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งสร้างสถานการณ์ให้รัฐนี้กลายเป็นรัฐสมารภุมิอีกครั้งในรอบการเลือกต้งนี้ นอกจากจะเป็นหนึงในรัฐที่มีการเติบโตเร๋็วที่สุดแล้ว ประชากรที่มีความหลากหลายยังทำให้เนวาดาเป็นรัฐที่สำคัญที่ต้องจับตามองในการเลือกตั้งคร้้งต่อไปอีกด้วย นอกจากนี้ เช่นเดียวกับวิสคอนซิน ผุ้มีสิทะิเลือกตั้งเกือบสามในสิบของเนวาดาเป็นลงทะเบียนอิสระ ทำให้ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดกล่ายเป็นผุ้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ในรัฐ ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้รับแรงผลักดันจากความไม่พอใจต่อพรรคการเมืองหลักทั้งสองพรรค ซึ่งทรัมป์และไบเดน จะต้องผ่านอุปสรรคเหล่านนี้ให้ได้เพื่อประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง

           การชุมนุมในเนวาดาค่อนข้างเงียบสงบตั้งแต่ต้น ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับข้อมูลประชากรผุ้มีสิทธิเลืกตั้ง เนื่องจากผุที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองมักไม่ค่อยมีส่วนร่วมทางการเมืองเมือ่เทียบกับผุ้ที่สังกัดพรรคการเมืองอื่น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ประวัติการก่อการร้ายและข้อมูลที่ผิดพลาดในช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมของเนวาดาอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงส่ิงที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตามแม้ว่ารัฐเนวาดาจะมีประวัติ(ุ้ปฏิเสธการเลือกตั้และความรุนแรงในช่วงการเลือกตั้ง แต่กระแสอาจกำลังเปลี่ยนแปลงในรัฐ ซิลเวอร์ ในเดือนพฤศจิการยน 2022 จิม มาร์แชนท์ สมาชิกรัฐสภาเนวาดที่ลงสมัครรับเลือกต้งโดยอ้างอย่างไม่มีมุลว่าการเลือกตั้งปี 2020 ถูกขโมยไปจากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พ่า่ยแพ้ในการเลือกต้งรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งเป็ตำแหน่งที่ดุแลการลงคะแนนเสียงในรัฐเนวาดา นอกจากนี้ รัฐเนวาดายังได้รับการยกย่องให้เป็นต้นแบบในการต่อสุ้กับการแทรกแซงการเลือกตั้งของรัฐ โดยเฉาพะอย่างยิ่ง รายงานจากศุนย์ยุติะรรมเพบรแนนยกย่อเนวาดาที่เพ่ิมการคุ้มครองเจ้าหน้าที่การเลือกตั้ง ดดยมีกฎหมายที่ทำให้การเปิดเผยข้อมุลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งเป็นความผิดทางอาญาและเพิ่มการคุ้มครองตอการคุกคาม

          จอร์เจีย

           เช่นเดียวกับแอริโซนาเป็นฐานที่มัีนของพรรครีพัลลิกันมาอย่างยาวนาน เมือไบเดนชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ในปี 2020 ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของพรรคเดโมแครตในจอร์เจียนับตั้งแต่ปี 1992 การเลือกตั้งในปี 2020 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ไม่เพียงแต่ทำให้ไบเดนได้เป็นประธานาธิบดีเท่านั้น แต่ยังพลิกกลับมาควบคุมวุฒิสภาได้ด้วยการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต 2 คน ชัยชนะที่ห่างกันเพียงเล็กน้อยในปี 2020 บ่งชี้ว่่าจะม่กากแข่งขันที่สูสีอีกครั้งในอนาคต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตมหานครแอตแลนตา และขตอื่นๆ เช่น เขตฟูลตัน และดีคัลน์ มีความสำคัญ เขตเหล่านี้พบว่มีผุ้มาใช้สิทะิเลือกตั้งที่ไมใช่คนผิวขาเพ่ิมขึ้นในปี 2020 ซึ่งวช่วยให้พรรคเดโมแคารตได้รับชัยชนะในรัฐ หากแนวดน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปในปี 2024  ผุ้มีสิะิเลือกตั้งที่ไม่ใช่คนผิวขาวอาจคิดเป็นกลุ่มปุ้มีสิทธิเลือกต้้งจำนวนมากเนื่องจากประชากรมากว่า 70% ของเขตดีคัลป์ เป็นผิวสีนอกจากประชากรของจอร์เจียยังได้รับการเสริมกำลังจากผุ้มีสิมธิเลือกตั้งพรรคเดโมแครตประมาณ 13,500 คน เนื่องมาจากการอพยพที่เพ่ิมขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อผลการเลือกตั้งในครั้งนี้

            ผลสำล่าสุดขี้ให้เห็นว่าหลายคนในรัฐพีชมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศราฐกิจและการย้ายถ่ินฐาน ผลการสำรวจเหล่านี้สอดคล้องกับส่ิงที่ชาวอเมิรกันหลายคนกังวล เนื่องจากเศราฐกิจและการย้ายถ่ินฐานมักถุกมองว่าเป็นความกังวลสุงสุดสำหรับผุ้มีสิทธิเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม จอร์เจียโดดเด่นในเรื่องที่ชาวจอร์เจียเกือบ 25% กังวลเกี่ยวกับการรักษาประชาธิปไตย ซึ่งยังระบุด้วยว่า ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการรักษาประชาธิปไตยเป็นสิงที่ชาวเดโแมครต 40% ให้ความสำคัญสุงสุด ผุ้ที่เป็นอิสระ 32% ก็ระบุเช่นกันว่านั่นเป็นความกังวลสุงสุดของพวกเขาความกังวลของชาวจอร์เจียเกี่ยวกับการรักษาประชาธิปไตยอาจได้รับแรงกระตุ้นจากคดีความที่ยังคงดำเนินอยุ่ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาการทุจริตการเลือต้งและแผนการปลอมแลงผุ้เลือกตั้งในการเลือกตังประธานาธิบดีปี 2020 

            ต่างจากรํบอื่นๆ มไ่มีประเด็นเดียวที่ผุ้ขาดการประท้วงในจอร์เจียแม้ว่าการประท้วงที่เกี่ยวข้องกับความขัแย่้งระหว่างอิสราเอลและกาซาจะเพ่มิขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ซึงเกิดขึ้นในรัฐอื่นๆ เช่นกัน แต่กิจกรรมการประเท้วงในจอร์เจียมีศุนย์กลางอยุ่ที่ "สต็อป คอป ซิตี้" เป็นหลักมาหลายปี ซึ่งเป็นแคมเปญเรียกร้องให้หยุดการก่อสร้างศุนย์ฝึกอบรมตำรวจแห่งใหม่นอกเมืองแอตแลนตา 

          แม้ว่ารัฐอื่นๆ จะเข้าร่วมการประทวงเพื่อแสดงความสามัคคี แต่จอร์เจียก็กลายเป็นตัวจุดชนวนของการชุมนุมเหล่านี้อย่างไม่น่าแปลกใจ โดยมีการบันทึกเหตุการณ์ประท้วงอย่าง น้อย 73 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 ในแอตแลนตาและเมืองอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จอร์เจียแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สำคัญสหรับการระดมพล รับจอร์เจียเป็นหนึ่งในรัฐที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดระหว่างการประท้วงเพื่อความยุติธรรมทางเชื้อชาติในปี 2020 ดดยการเคลื่อนไหวยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 2023 อันที่จริงแล้ว จอร์เจียอยุ่ในอันดับที่แปดของประเทศในการชุมนุมสนับยสนุนชบวนการ "แบล็ก ไลฟ์ส แมทเทอร์" นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 ซึ่งหลายครั้งมีจุดเร่ิมต้นมาจากากรเสียชีวิตของคนผิวสีซึ่งถุกตำรวจสังหาร ที่เมือง เมมฟิส เทนเนสซี..

         https://acleddata.com/2024/05/16/sun-belt-showdown-exploring-swing-state-dynamics-in-arizona-nevada-and-georgia/

         https://edition.cnn.com/2021/05/11/politics/battleground-states-sunbelt-midwest/index.html

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Sun Belt : swing state dynamics



        sunbelt เป็นภูมิภาคสหรัฐฯที่ดดยทั่วไปถือว่าทอดยาวทางตะวันออเฉีงใต้และตะวันตกเฉียงใต้ คำจำกัดความคร่าวๆ อีกประการหนึ่งของภูมิภาคนี้คือพื้นทีทางใต้ของเส้นขนานที่ 36 สภาพภูมิอากาสสามารถพบได้หลายแบบในภูมิภาคนี้ ได้แก่ทะเลทราย กึ่งทะเลทราย แมดิเตอร์เรเนียน กึ่งร้อนชื้น และเขตร้อน ซันเบลท์มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังสงครามโลกครั้งที่สองเนื่องมาจากผุ้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาแสวงหาภูมิอากาศที่อบอุ่นและมีแดดจัด การเพ่ิมขึ้นของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ที่เกษียณอายุและโอกาสทางเศราฐกิจที่เพ่ิมมากขึ้น การถือกำเนิดของเครื่องปรับอากาศทำให้สภาพอากาศในฤดูร้อนสบายขึ้น และทำให้ภาคการผลิตแลอุตสาหกรรมต่างๆ เข้ามาต้งถ่ินฐานในซันเบลท์มากข้น เนื่องจากการก่อสร้างในซันเบลท์ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างใหม่หรือเพิ่งสร้างไม่นาน รุปแบบและการออกแบบที่อยุ่อาศัยจึงมักจะทันสมัยและเปิดโล่ง โอกาสในการพักผ่านหย่อนใจในซันเบอลท์มักไม่ผุกติดกับฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่งโดยเฉพาะ และเมืองท่องเที่ยวและรีสอร์ทหลายแห่งในภูใมิาภคนี้สนับสนุนอุตสาหรรมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

           จาก 15 เมื่อที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา มี 12 เมืองที่ตั้งอยู่ในซันเบลท์ ปี 2023 นอกจากนี้ รหัสไปรษณีย์ 50 อันดับแรก 86% ที่มีผู้อาศัยใหม่เพ่ิมขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เร่ิมมีการระบาดของ โควิด 19 อยุ่ในเท็กซัส ฟลอริดา และแอริโซนา คำอะิบายแบบเดิมสำหรับการเติบโตคือผลผลิตที่เพ่ิมขึ้นในภาคใต้และตะวันตกและความต้องการส่ิงอำนวยความสะดวกในซันเบลท์ที่เพ่ิมขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพอากาศที่น่ารื่นรมย์ การลดลงของวานในรัท์เบลท์เป็นอีกสาเหตุสำคัญสำหรับการอพยพ

        ซันเบลท์ประกอบเด้วยพื้นที่ตอนใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงรัฐ แอละแบมา แอริโซนา ฟลอริดา จอร์เจีย หลุยเซียนา มิสซิสซิปปี้ นิวเม็กซิโก เซาท์แคโรไลนา เท็กซัส ประมารสองในสามของแคลิฟอร์เนีย และพื้นที่ตอนใต้ของ อาร์คันซอ นอร์ทแคโรไลนา เนวาดา โอคลา โอมาเทนเนสซี และยูทาห์ รัฐทั้งห้แห่งได้แก่ แอริโซนา แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา เนวาด และเท็กซัส บางครั้งเรียกรวมกันว่ารับแห่งทรายเนื่องจากมีชายหาดหรือทะเลทรายมากมาย  คำจำกัดความอื่นๆ อาจรวมถึงบางส่วนของ โคโลราโด แคนซัศ มิสซูรี และเวอร์จิเนียและส่วนใหญ่หรือทังหมดของอาร์คันซอ นอร์ทแคโรไลนา โอคลาโอมาและ เทนเนสซี 

          คำว่า "ซันเบลท์" ถุกใช้ครั้งแรกโดยนักวิเคราะห์ทางการเมือง ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 "ซันเบลท์"กายเป็นคำพ้องความหมายกำับพื้นทีท่างใต้ 1 ใน 3 ของประเทศ ในช่วงเวลบานี้ ความโดดเด่นทางเศราฐกิจและการเมืองได้เปลี่ยนจาก มิดเวสต์ และ ภาคตะวันออกเแียงเหนือไปเป็นทางใต้และตะวันตกปัจจัยต่างๆ เช่นสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้น การอพยพของแรงงานจากเม็กซิโกและการเติบโตในอุตสาหกรรมเกษตรกรรมทำให้พื้นที่ทางใต้ 1 .ใน 3 ของสหรัฐอเมริกาเติบโตทางเศราฐกิจได้สภาพอากาศไม่เพียงแต่กระตุ้นการเติบโตของภาพเกษตรกรรมเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นารย้รยถ่ินบษนของผุ้เกษียณอายุจำนวนมากไปยังชุมชนเกษียณอายุในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในฟลอริดาและ แอริโซนา

        อุสาหกรรมต่างๆ เช่น การบิน และอวกาศการป้องกันประเทศและนำ้มันเติบโตอย่างรวดเร็ว ใน ซันเบลท์ เนื่องจกบริษัทต่างๆ ใช้ประดยชนน์จากการมีส่วนร่วมที่ต่ำของสหภาพแรงงานในภุมิภาค และความใกล้ขิดกับ่ฐานทัพทหารซึ่งเป็นผุ้บิาโภคผลิตภัฒฑ์รายใหญ อุตสาหกรรมน้ำมันช่วยผลักรัฐต่างๆ เช่นเท็กซัสและหลุยเซียนาให้ก้าวหน้า และการท่องเที่ยวเตอบโตในฟลอริดาและเคลิฟอร์เนียตอนใต้ เมือ่ไม่นามานี้ อุตสาหกรรมเทคดนดลยีชั้นสุงและเศรษฐกิจใหม่ เป็นแรงผลักดันหลักในการเติบโตในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ เมื่อไม่นามมานี้ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง และ เศรษบกิจใหม่ เป็นแรงผลักดันหลักในการเติบโตในแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา เท็กซัส และพื้นที่อื่นๆ ของ ซันเบลท์ เท็กซัส และพื้นทืี่อื่นๆ ของ ซันเบลท์ เท็กซัสและแคลิฟรอ์เนียติดอันดับ 5 รัฐแรกในประเทศที่มีบริษัท Fortune 500 มากที่สุด

           ในอดีต ซันเบลท์ เป็นพื้นที่อนุรักษ์นิยมมากกว่าทั้งประเทศโดยรวม ดดยเฉพาะอย่างยิ่งเมือเปรียบเทียบกับภูมิภาคต่างๆ เช่น นิวอิงแลนด์ แปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือและในระดับที่น้อยกว่าเล็กน้อย คือ รัฐมิดแอตแลนติก และรัศต์เบลท์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป้นผลมาจากคริสเตียนอีแวนเจลิคัล ที่อาศัยอยุ่ในภฺมิภาคนี้เป็นจำนวนมาก

        ความหลากหลายทางเชื้อชาติที่เพ่ิมมากขึ้นและการจัดแนวทางการเมืองใหม่ในเขตเมือง ชนบททำให้รัฐซันเบลท์บางรัฐมีการแข่งขันกันมากขึ้น แม้ว่ารัฐทั้งหมดในภุมิภาคนี้ ยกเว้นนิวเม็กซิโกและแคลิฟรอ์เนีย ยังคงลงคะแนนเสียงไปทงขวาของค่าเฉลี่ยระดับประเทศ

ซันเบลท์เป็นภูมิภาคเป้าหมายสำคัญของพรรคเดโแมครตในการเลือกตึ้งสหรัฐฯ ปี 2020 ไบเดนผุ้สมัคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครชนะรับแอริโซนาและจอร์เจียอย่างหวุดหวิดในการเลือกตั้งประธานาะิบดี และพรรคได้รับที่นั่งทั้งสองรัฐในการเลือกตั้งวุฒิสภาในปี 2022 แอริโซนาและจอร์เจียเลือกพรรคเดโแมครต อีกครั้งเพื่อพำรงตำแหน่ง วุฒิสมาชิกครบ 6 ปี

           แอริโซนา และจอร์เจียถือเป็นฐานที่มั่นของพรรครีพัลลิกันมาช้านาน ดดยผุ้สมัครของพรรีพับลิกันชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี 16 ครั้ง จาก 18 ครั้ง หลังสุดในแอริโซนา และ 8 ครั้งจาก 10 ครั้ง หลังสุดในจอร์เจีย แม้ว่าเนวาดาจะไม่ได้เป็นสีแดงอย่างน่าเชื่อถือในช่วงไม่กีปีที่ผ่านมา แต่ชัยชนะอย่างหวุดหวิดของฮิลลารี คลินตันในปี 2016 และ โจ ไบเดน ในปี 2020 รวมถึงการสำรวจความคิดเห็นล่าสุด บ่งชี้ว่ารัฐนี้อาจประสบกับการเลือกตั้งที่สูสีในปี 2024 เช่นกัน ทั้งสามรัฐยังดำเนินคดีกับบุคคลที่เก่ี่ยวข้องกับการสมคบคิดเพื่อแต่งตั้ง "ผุ้เลือกตั้งปลอม" เพื่อลงคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ให้กับอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ในรัฐที่มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง 7 รัฐ

         แม้ว่าการลงคะแนนเสียงจะค่อนข้างขัดแย้งกัน แต่รัฐที่เป็น "สมรภูมิ" เหล่านี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากรัฐอื่นๆ การประท้วงที่ประชานส่วนใหญ่ก่อขึ้นจากความขัแย้งระหว่างอิสรามและกาซา การจัดการของรัฐบาล ไบเดน ได้กระตุ้นให้เกิดการประท้วงของนักศึกษาทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีระดับตำ่กว่าในรัฐแอริโซนา เนวาดา และจอร์เจียเมื่อเที่ยบยกัีบพื้นทีอื่นๆ ของประเทศ ในทำนองเดียวกัน กิจกรรมกองกำลังิดอาวุธ ซึ่งเพ่ิมขึ้นในปีที่ผ่่านมาเพื่อตอบสนองต่อการประท้วงเพื่อความยุติธรรมทางเชื้อชาติ และการต้อต้านการทำแท้งและสิทธิขชองกลุ่ม รักร่วมเพศ ได้ลดน้อยลงเมือเร็วๆ นี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งในรัฐที่มีผลการเลือกตั้ชี้ขาดต้องเผชิญกับการคุกคามและการคุกคาทที่เพ่ิมมากขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องพิสุจน์ถึงความสำคัญของรัฐเหล่านี้ต่อการลงคะแนนเสียงในเดือนพฤศจิกายน ธีมการประท้วงและกอจกรรมกองกำลังติดอาวุธสะท้อนถึงปัญหาในท้องถ่ินและระดับชาติที่ผสมผสานกัน เช่นเดียวกับที่เราเห็นทั่วประเทศ

         แอริโซนา

         พรรครีพัลลิกันยึดมั่นกับการเลือกตั้งในรัฐแอริโซนาเป็นเวบลานานแล้ว แต่ชัยชนะของไบเดนในปี 2020 และการเปล่ยนแปลงผุ้มีสิทธิเลือกตั้งทำให้รัฐแกรนด์แคนยอนกลายเป็นสมารรภุมิที่เข่งขันกันอย่างดุเดือดสำหรับการเลือกตั้งครั้งตอไป แม้ว่ารัฐรัฐชีชะตาหลายรัฐจะมีประชากรเพ่ิมขึ้น แต่การเติบโตของประชากรในรัฐแอริโซนากลับรุนแรงมาก ดดยมีการคาดการณ์ว่ามณฑลที่มีประชากรในรัฐแอริโซนากลับรุนแรงมาก ดดยมีการคาดการณืว่ามณฑลที่มีประชากรมากที่สุดของรัฐแอริโซนาและมณฑลที่มีประชากรมากเป้นอันดับสี่ของสหรัฐฯ อย่างมาริดโคปา จะเพิ่มจำนวนประชากรจาก 4.4 ล้านคนเป็นมากว่า 300,000 คนในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน มีการเปลี่ยนแปลงทางประชากรในรฐสำคัญอื่นๆ ทั่วประเทศ แต่ผุ้ทำการสำรวจความคิดเห็นได้ตั้งข้อสังเกตว่าการเติบโตในรัฐแริโซนา ซึ่งส่วนหสึ่งเป็นเพราะคะแนนเสียงที่ชนะเพียงเล็กน้อย(กว่า 10,000 คะแนน) ทำให้ผุ้มีสิทะิเลือกตั้งรายใหมมีผลต่อการเลือตกั้งครั้งต่อไป นอกจากนี้มณฑ,มาริโคปายังเป็นที่อยุ่ิอาศัยของประชากรมากกว่า 60% ของรัฐแอริโซนา และมีเปอร์เซ็นต์ผุ้อพยพไปยังอเมริกาสุงกว่าค่าเฉลี่ย

          จำนวนผุ้อพยพจำนวนมากในรัฐแอริโซนาบ่งชี้ว่าการอพยพน่าะเป็นประเด็นสำคัญในการลงคะแนนเสียงในเดือนพฤศจิกายน แม้ว่าขาวอมริกันหลายคนจะมองว่าเศราฐกิจเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด แต่ชาวอเมริกันในรัฐแอริโซนากลับกล่าวว่าการอพยพเป็นปัญหาสำคัญที่สุดโดยผุ้ลงคะแนนเกือบหนึ่งในสามกล่าวว่าเป้นปัญหาที่สำคัญ

          ความสำคัญของการอพยพเข้าเมืองต่อสาะารณชนสะท้อนให้เห็นในบทบาทในการขับเคลื่อนการะดมพล อย่างไรก็ตาม สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วประเทศ การระดมพลที่เกิดจากความขัดแย้งระหวางอิสราเอลและกาซาได้กลายเป็นแรงผลักดันหลักของกิจกรรมการประท้วงในรัฐโดยบดบังทั้งปัญหาแรงงานและการย้อยถ่ินฐาน มีรายงานการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ในอยางน้อย 6 สภานที่ที่แตกต่างกันทั่วรัฐแอริโซนา  และคิดเป็น 41% ของการประท้วงทั้งหมดที่รายงานในรัฐตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023  แม้ว่ากิจกรรมการประท้วงล่าสุดอาจไม่ได้สอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นอย่างสมบูร์แบบ แต่ก็สอดคล้องกับแนวโน้มล่าสุดของการดำเนินการที่เพ่ิมขึ้นเกี่ยวกับความขัดแย้เงระหว่างอิสราเอลและกาซาและความคิดเห้ฯของผุ้มีสิทธิเลือกตั้งชขาวอเมริกันเกี่ยวกับวิธีที่นัการเมืองสหรัฐฯจัดการกับเรื่องนี้


 นอกจากนี้ รัฐแอริโซนาเพ่ิงได้รับความสนใจจากทั่งประเทศหลังจากที่ผุ้พิพากษาของรัฐได้ยกเลิกคำสั่งห้ามการบังคับใชักฎหมายห้ามทำแท้งในปี 1864 ซึ่งอาจทำให้แพทย์ที่ทำแท้งถุกดพเนินคดีได้ การตัดสินใจดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งมากที่สุดในรัฐตัั้งแต่คดี โร วี. เวดด์ ถุกพลิกกลับในเดือน มิถนายน 2022 แม้ว่าสภานิติบัญยัติของรับจะยกเลิกกฎหมายดังกล่าวไปอย่างหวุดหวิดเมือไม่นามนี แต่ก้อาจมีชข่วงเวลาหนึ่งที่กฎหมายห้ามดังกล่าวจะถุกบังคับใช้ก่อนที่กฎหมายจะยกเลิก ความสนใจที่เพ่ิมขึ้นในประเด็นนี้ เมื่อรวมกับวันครบรอบที่จะถึงนี้ของคำตัดสิน โดบบ์ส วี. แจคสัน ุวุแมน'เฮลท์ ออแกนิเซชั้น" โดยศาลฎีกาสหรัฐฯ อาจชี้ให้เห็นถึงการเพ่ิมขึ้นของกิจกรรมการประท้วงที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

           แอริโซนาเอง ก็มีกิจกรรมของวกลุ่มขวาจัดอยุ่ไม่น้อย โดยส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับการอพยพเข้าเมือง รัฐแอริโซนามีประวัติศาสตร์อันยาวนานของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชายแดนต่อต้านผุ้อพยพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม "เวเทอร์แรนส์ ออน แพททรอล" กลุ่มหัวรุนแรงต่อต้านรัฐบาลกลุ่มนี้ก่อตตั้งขึ้นในปี 2015 และเคลื่อนไหวน้อยลงในช่วงไม่กี่ปัีที่ผ่านมาเนื่องจากผุ้นำของกลุ่มซึ่งสนับสนุนแผนการสมคบคิด คิวอานอลต่างๆ เผลิญแรงกดดันทางกฎหมายที่เพ่ิมมากขึ้นหลังจากมีการจับกุมหลายครั้งตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา กลุ่ม เวเทอร์แรนส์ ออน แพทรอล เป็นกองกำลังติดอาวุธที่เคลื่อนไหวมากที่สุดในรัฐและคิดเป็น 31% ของกิจกรรมของกลุ่มขวาจัดทั้งหมดในแอริโซนาตั้งแต่เือนมกราคม 2023 โดยส่วนใหญ่เคลื่อนไหวใกล้ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก

           นอกจากการอพยพแล้ว ยัวมีประเด็นอื่นๆ ที่ช่วยกรุะตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวในกลุ่มขวาจัดอีด้วย ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา รัฐแอริโซนาติดอันดอับ 10 รัฐที่มีการชุมนุมสนับสนุนสิทะิการใบ้อาวุธปืนมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าการชุมนุมดังกล่าวจะไม่ได้จำกัดอยุ่แค่กลุ่มขวาจัดเท่าานั้น แต่กลุ่ามบางกลุ่ม เช่น พราวด์ บอยส์ ก็ได้สร้างความเขั้มแข็งให้กับรัฐนี้ ในการชุมนุมที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในปี 2024  กลุ่ม พราวด์ บอยส์ ในรัฐแริโซนาไดร่วมสนับสนุนสุทธิการใช้อาวุธปืนที่อาคารรัฐสภาแอริโซนาในเมืองฟินิกซื ดดยร่วมมือกับ คอลเลจ รีพับลิกัน ยนิเตท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ส่งเสริมเนื้อหาต่อต้านชาวยิว

            การเลือกตังยังทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการระดมกำลังคน ในรัฐแริโซนา "ทีมเตรียมความพร้อม" ในพื้นที่ ซึ่งนำโดยสาขา ยาวาปอล คัลทรี ได้จัดตั้งเครือข่ายองค์กรขวาจัดที่ทำหน้าที่ติดตามการเลือกตั้ง ซึ่กลีุมสิทะิของผุ้มีสิทธิเลือกตั้งกล่าวหาว่าข่มขุ่ผุ้มีสิทะิเลือกตั้งที่คูหาเลือกตั้ง ผุ้สมัครบางคนยังถูกกล่าวหาว่าใช้ถ้อยคำที่ยั่วยุ ซึ่งอาจก่อใไ้เกิดความรุนแรงก่อนการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งในรัฐแอริโซนายังต้องเผชิญกับการขู่ฆ่าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากการกล่าวอ้างเท็จเกี่ยวกัการทุจริตการเลือกตั้งที่วางแผนไว้ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนลาออกจากตำแหน่งในช่วงไม่กี่เดือน นอกจากการกล่าวโจมตีเกี่ยวกับการฉ้อโกงการเลือกตั้งและข้อมูลเท็จเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง คณะลูกขุนใหญ่ของรัฐแอริโซนาได้ฟ้องร้องบุคคล 18 คน รวมถึงอดีตพนักงานระดับสุงของทรัมป์อย่างมาร์ก เมโควส์และรูดี้ จูลีอานี ในข้อหารมีส่วนพันกับแผนการ "สร้างผุ้มีสิทธิเลือกตั้งปลอด" ในความพยายามที่จะปกป้องเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ได้พยายามสร้างความไว้วาใจกับผุ้มีสิทธิ่เลือกต้้งขึ้นมาใหม่โดยนำมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อเพ่ิมความโปร่งใส เช่น มาตคการติดตามบัตรลงคะแนนและการประชุมแบบ "ถามอะไรก็ได้" กับประชาชน เจ้าหน้าที่หวังวว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยระงับข้อมุลเท็จเกี่ยวกับการเลือกตั้งและปกป้องเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งในเือนพฤศจิกายน

                https://acleddata.com/2024/05/16/sun-belt-showdown-exploring-swing-state-dynamics-in-arizona-nevada-and-georgia/

                https://en.wikipedia.org/wiki/Sun_Belt

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Economic campain policy (2024)...(2)

           เพิ่มอัตราภาษีเพิ่มเติม

           ทรัมป์เรียกร้องให้เพ่ิมภาษีศุลกากร หากเขากลับไปที่ทำเนียบขาว แม้ว่าแฮร์ริสจะเไม่ได้พูดถึงแผนการค้าของเธอโดยเฉพาะ แต่รัฐบาลอขงไบเดน-แฮร์ริสยังคงใช้ภาษีศุลกากรจำนวนมากในยุคทรัมป์และเพ่ิมภาษีบางส่วน


          ทรัมป์เสนอว่า ภาษีศุลการแบบรวมอาจสุงขึ้น 20% "เราจะต้องเก็บภาษีนำเข้า 10-20 % กับประเทศต่างๆ ที่ขูดรีดเรามานานหลายปี" เขากล่าวในสุทนพจน์ ที่นอร์ธแคโรไลนาเมือวันพุธ ทั้งอ้างว่าภาษีศุลการใหม่จะดึงดุดงารและสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่โดยทั่วไปนักเศรษฐศาสตร์เห็นพ้องต้องกันว่าภาษีศุลกากรเป็นวิะีที่มีค่าใช้จ่ายสุงในการกรุตุ้นผุ้ผลิตบางรายมนสหรัฐฯ มีการประมาณการว่าแม้ว่า่ทรัมป์จะบรรเทาผลกระทบจากภาษีศุลกากรด้วยการลดภาษี ข้อเสนอการค้าของเขาจะทใไ้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สูญเสียตำแหน่งงาน กว่าเจ็ดแสนตำแหน่งทำให้เงินเฟ้อแย่งลง และผลิตภัฒฑ์มวลรวมภายในประเทศหดตัว 0.6%

          นอกจากนี้ผุ้นำเข้าจากสหรัฐฯ เป็นผุ้จ่ายภาษีนำเข้าแทนต่างประเทศตามที่ทรัมป์มักบอกไว้ จนถึงปัจจุบัน ชาวอเมริกันจ่ายเงินไปแล้วมากกว่า สองแสนสี่หมื่นล้านด้ลลาร์ สำหรับภาษีนำเข้าที่ทรัมปืกำหนดให้กับแผงโซลาร์เซลล์ เหล็กแลอลูมิเนียม และสินค้าที่ผลิตในจีนในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งอยุ่ตามข้อมุลของสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ

         ในเดือนมีนามคม ทรัปม์ยังเสนอว่าเขาจะจัดเก็บ ภาษีนำเข้ารถยนต์ทั้งหมด ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ 100% หากเขาชนะกำารเลือกตั้งอีกสมัย ภาษีศุลกากรส่นใหญ่ในยุคทรัมป์ยังคงอยุ่ รัฐบาล ไบเดน-แฮร์ริสได้วางแผยขึ้นภาษีสินค้าบางประเภทที่ผลิตในจีน ในอีกสองปีข้างหน้า

          รับมือกับการลดหย่อนภาษีที่กำลังจะหมดอายุ

           ทรัมป์และแฮร์ริสมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องวิะีการจัดการกับการลดหไย่อนภาษีรายบุคคลมุลค่ากว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ที่จะสิ้นสุดลงในปีหน้า

  ทรัมป์ กล่าวว่า เป้าหมายหลักประการหนึ่งขอวเขาคืออการขยายขอบเขตการลดหย่อนภาษีในพระราชบัญญติดหย่อนภาษีและการจ้างงานปี 2017 ซึ่งเป็นควาสำเร็จที่สำคัญประการหสึ่งในช่วงดำรงตำแหน่งคร้งแรกของเขา การลดหย่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมรดกจะสิ้นสุดลงในชข่วงปลายปีหน้า เขาได้สัญญาว่าจะลดหย่อนภาษี มากขึ้น สำหรับคนที่มีรายได้ทุกระดับรวมทั้งสำหรับธุรกิจในการชุมนุมหาเสียง "เพื่อให้การช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่คนงานและครอบครัว เราจะทำการลดหย่นภาษีเพ่ิมเติม" เขากล่าวในสุนทรพจน์เมืองวันพุธ "นั่นคือสิ่งที่ทำให้เรามีเสณาฐกิจที่ดี เราจะทำการลดหย่อนภาษเพ่ิมเติม เราจะทำให้มันเป็นไปอย่างถาวร" ครัวเรือนที่มีายได้สุงสุดจะได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าร้อยละ 45 หากขยายระยะเวลาบังคับใช้ของ TCJA ที่กำลังหมดอายุอกไป ตามการวิเคราะห์ของศูนย์นดยบายภาษี  Urban-Brookings นอกจากนี้ทรัมป์ยังต้องการลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 15% จาก 21% ที่กำหนดไว้สำหรับการลดหย่อนภาษีใปี 2017  แม้ว่าเขาจะยอมรับในบ่ทสัมภาษณ์กับ "บลูมเบิร์ก บิซิเนตวีค" เมือเดือนที่แล้วว่า การลดหย่อนภาษีลงมากขนาดนั้นคงเป็นเรื่องยาก การลดหย่อนภาษีนิติบุคคลส่วนใหญ่ในกฎหมายฉบับนี้มีผลเป็นการถาวร

             แฮร์ริส กล่าวว่า เธอจะสานต่อคำมั่นสัญญาของประะานาธิบดี โจ ไบเดน ที่จะไม่ขึ้นภาษีใครก็ตามที่มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 ดอลล่าร์ต่อปี และโจมตีทรัมป์ด้วยที่ต้องกานขยายการลดหย่อนภาษีที้งหมดในปี 2017 "โดนัลด์ ทรัมป์ต่อสุ้เพื่ีอดมหาเศรษฐีและบริษัทขนาดใหญ่" เะอกล่าวเมือวันศุกร์ "ฉันจะต่อสู้เพื่อคืนเงวินให้กับคนทำงานและชนชั้นกลางชาวอเมริกัน

           เพิ่มเครดิตให้กับชนชั้นกลาง

           แอร์ริสเปิดเผยแผนลดหย่อนภาษี สำหรับชนชั้นกลางและรายได้ต่ำของชาวอเมริกัน เมือวันศุกร์ซึ่งเ็นส่วนหนึ่งของนดยบายเศราฐกิจของเธอโดยแผสนดังกล่าวจะช่วยลดหย่อนภาษีให้กับชาวอเมริกันมากกว่า 100 ล้านคน แผนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการฟื้นคืนหรือขยายมาตรการชั่วคราวที่ ไบเดน และสมาชิกรัฐสภาพรรคเดโมแครตประกาศใช้ในแพ็คเกจสำคัญเมือช่วงสองปีแรกของการดำรงตำแหน่งของไบเดน ข้อเสนอของแฮร์ริสจะฟื้นฟุ การขยายเครติดภาษีบุตร ของแผนการกุ้ภัยอเมริกัน ซึ่งเป็นที่นิยมเพ่ิมขึ้นจาก 2,000 ดอลลาร์ เป็น 3,600 ดอลลาร์ และเรียกร้องให้มีการทำให้ภถาวร อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงนี้มี ผลบังคับใช้ ในปี 2021 เท่านั้น ไบเดนและผุ้นำพรรคเดโมแครตบนแคปิตอลฮิลล์ไม่สามารถขยายเวลาได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่สูง แผยดังกล่าวจะเพ่ิอมเครดิตภาษีบุตรใหม่สุงถึง 6,000 ดอลลาร์ สำหรับครอบตราัวชนชั้นกลางและรายได้น้อยที่มีบุตรในช่วงปีแรกของชีวิต และจะฟื้นฟูการเพ่ิมเครดิตภาษีรายได้ที่ได้รับจากการทำงานของแผนกุ้ภัยอเมริกัน ซึ่งเรียกว่า EITC โดยเพิ่มเครดิจสุงสุดสำหรับคนงานที่มไ่มีบุตรที่ต้องเลี้ยงดูเป็นประมาณ 1,500 ดอลลาร์ การเพ่ิมครั้งก่อนนั้นมีไว้สำหรับปี 2021 เท่านัี้น

 นอกจากนี้แพคเกจของเธอยังเรียกร้องให้ขยายากรอุดหนุนเบี้ยประกัน "แอฟฟรอดเดเบิล แคร์ แอท" ซึ่งมีกำหนดจะสิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 2025 การปรับปรุงดังกล่าวซึ่งมีให้ผ่าน "อเมริกัน เรสคิว แพลน" และขยายเวลาดดย "อินแฟลดชี่น รีดิวชั่น แอท" ได้ช่วยผลักดันให้การลงทะเบียนรับความคุ้มครอง "โอบามาแคร์" สุงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แผนของแฮร์ริสไม่ได้ระบุว่าบทบัญญํติอันทีค่าใชข้จ่ายสุงเหล่านี้จะมีผลยังคับใสช้เป็นเวลานานเพียงใด

            ลดราคา

            ทั้งแฮร์ริสและทรัมป์ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัฐญหาราคาของชำแลสิ่งของใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆ สำหรับบชาวอเมริกัน ในระหว่างการกล่าวสนุทรพจน์ด้านเศราฐกิจของทรัมปืเมือวันพุธ เขากล่าว่า เขาวางแผปยที่จะลงวนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันแรกที่กลับมาที่ห้องโอวัลออฟฟิต โดยสั่งให้หัวหน้าหน่วยงานทั้งหมดและเลขนุการคณะรับมนตรี ไใช้ทุกเครื่องมือและอำนาจที่มีเพื่อปราบปรามภาวะเงินเฟ้อ และลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้ลดลงอย่างรวดเร็ว"    

           "คุณแค่ดุ พวกมันจะลงมา และจะลงมาอย่างรวดเร็วไ เขากล่าวว่ากลยุทธ์อย่างหนึ่งของเขาในการลดราคาสินค้าคือ "ดการยกเลิกกฎระเบียบทุกฉับบที่มีค่าใข้จ่ายสุงและผลกระทบต่อกาจ้างงาน" แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์

           ทรีัมป์เคยพุดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาจะลดราคาน้ำมันดดยเพ่ิมการผลิตน้ำมันและก๊าซ แต่ราคาน้ำมันที่ปั้มในสหรัฐฯ นั้นขึ้นยอุ่กับตลาดน้ำมันโลกเป็นอย่างมากและได้รับผลกระทบยจากปัจจัยที่อยุ่นอกเนือการควบคุมของประะานาธ่ิบดีเช่น สงครามของรัฐเวียกับยูเครน หรือการตัดสินใจล่าสุดของโอเปกในการลดการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ การลิดตน้ำมันของสหรัฐฯ ยังเพ่ิมขึ้นถึงระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ภายใจั้การนำของไบเดน "เราจะเจาะลึกลวไป เจาะให้ลึกลงไป นั่นจะทำให้ราคาของทุกอข่างลดลง" เขากล่าวเมือวันพฤหัสบดี

         แฮร์ริสเรียกร้องให้รัฐบาลกลางห้ามการขึนราคาสินค้าดดยมิชอบ เพื่อมุ่งเป้าไปที่บริษัทต่างๆ และลดราคาสินค้าชำ แม้ว่าทีมหาเสยงของเธอจะเปิดเผยรายละเียดเกี่ยวกับข้อเสนอนี้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

         กลุ่มหัวก้าวหน้าบางคนดำหนิความโลภขององค์กรธุรกิจว่าเป็นสาเหตุที่ำทห้ราคาสินคาสุงขึ้นแนวคิดดังกล่าวคือบริษัทต่างๆ ใช้เงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นข้ออ้างในการกำหนดราคาสินค้าให้สูงเกินควรแก่ลุกค้าในขณะที่บริษัทเหล่านี้ทำกำไรได้ในระดับสูงสุด แฮร์ริสโต้แย้งว่าเครือร้ายขายของชำขนาดใหญ่หลายแห่งพบว่าต้นทืุนการผลิตของตนคงที่ แต่ยังคงรักษาราคาให้สุงไว้ได้

       แต่ผลการวิจัยที่เผยแพร่่ในเดืนอพฤษภาคมดดยะานาคารกลาวสหรัฐสาขาซานฟรานซิสโกพบว่ามีหลักฐานเพีงน้อยนิดที่บ่งชี้ว่่าการขึ้นราคาสินค้าเป็นสาเหตุหลักของภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

        แม้ว่าราคาสินค้าจะยังคงสุง แต่เงินเฟ้อได้ชะบอตัวลงแล้วหลัวจากที่แตะระดับ 9% ในปี 2022 ดัชนีราคาผุ้บริโภคล่าสุดลดลงต่ำกว่า 3% ทำให้ธนาคารกล่างสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

        ขยายที่ยอุ่อาศัยราคาประหยัด

        แฮร์ริสประกาศแผนสามส่วนในวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่อยุ่อาศัยราคาไม่แพงของประเทศส่วนหนึ่งของแผนดังกล่าวต่อยอดจากข้อเสนอที่ ไบเดนเปิดเผยไปแล้ว

         แผยของแฮร์ริส สัญญาวว่าจะให้เงินช่วยเหลือค่าดาวน์สุงสุด 25,000 ดอลลาร์สำหรับผุ้ซื้อบ้านครั้งแรก เงินช่วยเหลือค่าดาวส์จะใช้กับครอบครัวที่ทำงวานและจ่ายค่าเขรตรงเวลาเป็นเวลา 2 ปี ดดยจะให้การสนับสนุนที่มากขึ้นสำหรับผุ้ซื้อบ้านครังแรก แผนดังกล่าวซึ่งจะดำเนินการในช่วงวาระแรกของแฮร์ริส ตาที่ระบุไว้ในการณรงค์หาเสียง ยงจะให้เครติดภาษี 10,000 ดอลลาร์สำหรับผุ้ซื้อบ้านครั้งแรก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไบเดนเสนอไว้เมือต้นปีนี้

         ตามแผยรณรงค์ของแฮร์ริส แผนดังกล่าวจะชข่วยให้ผุ้ซื้อบย้านครังแรมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี รวมถึงผุ้ซื้อบ้านรุนแรก สามารถเข้าถึงเวินทุนได้ แฮร์ริสยังเรียกร้องให้สร้างบ้านใหมา 3 ล้านยูนิต เพื่อกระตุ้นการก่อสร้างเะอจะจัดให้มีแรงจุงใจทางภาษีเป็นครั้งแรกสำหรับผุ้สร้างบ้านที่สร้างบ้านเช่าราคาประหยัดอีกด้วย

 นอกจากนี้ แฮร์ริส ต้องการจัดตั้งกองทุนวัตกรรมใหม่มุลค่า 4 หมืนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการก่อสร้างที่อยุ่อาศัยเชิงนวัตกรรม ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของกาองทุนที่เสนอ โดยตัฐบาล ไบเดน ก่อนหน้านี้ กอ่งทุนดัง กล่าวจะุม่งส่งเสริมให้รัฐบาลท้องถ่ิน ผุ้พัฒนา และผุ้สร้าง สร้างที่อยุ่อาศัย ในราคาที่ีดื่อมถึงได้มากขึน และสนับสนุนวิธีการใหม่่ๆ ในการจัดหาเงินทุนสำหรับการก่อสร้าง

         แฮร์ิริสยังพยายามปรับเปลี่ยนที่ดินของรัฐบาลกลางบางส่วนให็เป็นที่อยุ่อาัยราคาประหยัด เช่นเดียวกับข้อเสนอที่ไบเดนและทรัมป์เสนอ แผนดังกล่าวยังเน้นย้ำถึงข้อเสนอหลัก 2 ประการที่มุ่งลดค่าเช่าในสหรัฐฯ ข้อเสนอแรกจะป้องกันไม่ใช้เจ้าของบย้านใชเครื่องมือกำหนดราคาที่ขับเคลื่อนด้วยอัลกอริทึมเพื่อกำหนดค่าเช่า ข้อเสนอที่สองจะห้ามไม่ให้นักลงทุนที่รำรวยซื้ออสังหาริมทรัพน์และขึ้นราคาต่ี่าเช่าเป็นจำนวนมาก ดดยจะยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับนักลงทุนที่ซื้อบ้านเช่าเดี่ยวจำนวนมาาก

         ทรัมป์ยังได้กล่าวถึงการใช้ที่ดินของรับบาลกลางเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนที่อยุ่อาศัย ดดยระบุถึงเรื่องนี้ในการหาเสียงสองงานในสัปดาห์นี้

         "เราจะเปิดพื้นที่ดินของรัฐบาลกลางสำหรับสร้างที่อยุ่อาศัยไ เขากล่าวในการแถลงข่าวเมือวันพฤหัสบดี "เราต้องการที่อยุ่อาํยอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่สามารถซื้อที่อยุ่อาศัยได้ในตอนนี้"

        นอกจากนี้แพลดฟอร์ม คณะกรรมการแห่งชาติของพรรครีพับลิกัน ยังกล่วอีกว่า พรรคจะ "สิ่งเสริมการเป็นเจ้าของย้านด้วยแรงจูงใจทางภาษีและการสนับสนุนผุ้ซื้อครั้งแรก และลดกฎระเบียบที่ไม่จำเป้นซึ่งจะทำหให้ต้นทุนที่อยุ่อาศัยสุงขึ้นไ เช่นดเดียวกับ "ลดอัตราจำนองดดยการลบดอัตราเงินเฟ้อ" 

         ต้นทุนยาลดลง 

          นอกจากนี้ แอร์ริสยังประกาศแผนงานในวันศุกร์ที่ต่อยอดความพยายามของรัฐบาล ไบเดน ในการลดต้นทุนยาตามใบสังแพทย์

         เธอเรียกร้องให้ขยาย เพดามค่าใช้จ่ายส่วนตัวสำหรับอินซูบินที่ 36 ดอลลาร์ต่อเดือน ในปัจจุบัน และเพดานค่าใช้จ่ายส่วนตัวสำหรับบาตามใบสั่งแพทย์ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อปีที่กำลังจะขยายออกไป ซึ่งโดยตามใบสั่งแพทย์ที่ 2,000 ดอลลารื๖่อปีที่กำลังจะขยายออกไป ซึ่งดดยทั่วไปแล้วจะครอบคลุมชาวอเมริกันทุกคน ไม่ใชขแค่เฉพาะผุ้รับบริการ "เมดิแคร์" ตามพระราชบัญฐญัติ ลดอัตราเงินเฟ้อ เพดานค่าใช้จ่ายยา เมดิแคร์ ส่วน D ที่ 2,000 ดอลลาร์จะมีผลบังคับใข้ในเดืนอมกาคม ผู้ผลิตอินซุบินรายใหญ่ 3 ราย ในสหรัฐฯ เสนอการกำหนดราคาหรือโปรแกรมลดราคาที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของอินซุลินลงเหลือ 35 อดลลาร์สำหรับผุ้ป่วยจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่นายไบเดนผลักดันในการกล่าวสุนทรพจน์ประจำปี ของรัฐสภา เมือปีที่แล้ว แผยของแฮร์ริสจะข่วยเร่งการเจรจาราคายาของเมดิแคร์ให้เร็วขึ้น เพื่อให้ต้นทุนยาต่างๆ ลดลงเร็วขึ้นรัฐบาลไบยเดนเพ่ิงประกาศผลเจรจารอบแรกซึ่งคาดว่าจะส่วผลให้เมดิแคร์ประหยัดเงินได้ 6 พันล้านดอลลาร์ และลดค่าใชบ้จ่ายส่วนตัวของผุู้สูงอายุได้ 1.5พันล้านดอลลาร์เมือราคายาลดลงมีผลยังคับใช้ในปี 2026 เมดิแคร์ได้รับอำนาจทางประวัติศาสตร์นี้ผ่านพระราชบัญญัติลดเงินเฟ้อ

           รองประธานาะิบดีจะปราบปรามบริษัทผลิตยาที่ขัดขวางการแข่งขันและการกำทำที่ลบะเมิดลิขสิทะิโดยผุ้จัดการสวัสดิการด้านเภสัชกรรม ซึ่งทำหน้้าที่เป็นคนกลางระหว่างผุ้ผลิตยาและลริษัทประกัน แม้ว่าแผนจะมไ่ได้ระบุว่าเธอจะดำเนินการอย่างไรก็ตาม

           นอกจานี้ แฮร์ริสยังกล่าวอีกวส่า เะอจะทำงานร่วมกับรัฐต่างๆ เพื่อยกเลิกหนี้ค่ารักษาพยาบาลของชขาวอเมริกันหลายล้านคน และข่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการค้างชำระค่ารักษาพยาบาลในอนาคต รัฐต่างๆ และเทศบาลต่างๆ ได้ใช้เงินทุนของแผนกู้ภัยอเมริกันเพื่อยกเลิกหนี้ค่ารักษาพยาบาลมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สำหรับชาวอเมริกันมากถึง 3 ล้านคน ตามข้อมูลของแคมเปญ แฮร์ริสได้กำกับดุแล ความพยายามองรัฐบาล ไบเดน ในการลบหนี้ค่ารักษาพยาบาลออกจากรายงานสินเชื่อ

            https://edition.cnn.com/2024/08/15/politics/harris-trump-economy-policies-inflation/index.html


วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Economic campain policy (2024)

            หลังจากห่างหายไปเกือบปี จากแพลตฟอร์ม x ในที่สุดทรัมป์ก็กลับมาอีกครัง และถามผุ้ติดตาม 89 ล้านคนของเขาว่า "ตอนนีุ้ณดีขึ้นกว่าตอนที่ผมเป็นประธานาะิบดีหรือไม่" ซึ่งเป็นการล้อคำพุดอันโด่งดังของโรนัลด์ เรแกนในระหว่างแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ได้รับชัยชนะในปี 1980 ซึ่งเรแกนถามว่า "วันนี้คุณดีขึ้นกว่าเมือ 4 ปีที่แล้วหรือไม่" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ชัดเจนของทรัมป์ในการเน้นที่เศรษฐกิจ

          ผลสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่ชี้ว่่านี่คือปัญหาที่ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันให้ความสำคัญมากที่สุด โดยระบุว่า "เงินเฟ้อ/ราคา" และ "การจ้างงานและเศรษฐกิจ" เป็นประเด็นที่ผุ้มีสิทธิเลือกต้เ้งให้ความสำคัญสูงสุด ที่สำคัญกว่านั้น การสำรวจยังบ่งชี้ว่าผุ้ลงคะแนนเสียงรู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นสภานะการณ์ที่เป็นใจต่อผุ้ท้าชิง แต่ในการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงไปจากการที่ กมลา แฮร์ริสเข้ามารับตำแหน่งผุ้มัครจากพรรคเดโแมครตแทน โจ ไบเดน ดุเมหือนว่าทรัมปืจะดิ้นรนที่จะส่งสารง่ายๆ องเขาเกี่ยวกับเศราฐกิจ 


           เมื่อไม่ถึงเดือนก่อน นับตั้งแต่เขาขึ้นเวทีในงานประชุมแห่งชาติของพรรครีพับลิกันดดยดุไร้เทียมทาน รอดพ้นจากความพยายามลอบสังหาร และมีคะแนนนิยมสูงในผลสำรวจความคิดเห็น ตอนนี้ เขาเสียเปรียบและ หลงทาง ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังโบกมือด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือล้น ซึ่งเขาพบว่่ายากที่จะโต้กลับ

         วิธีง่ายที่สุดที่จะทำลบายควาฝันจองเธอคือการเตือให้ผุ้มีสิทะิออกเสียงรู้ว่าพวกเขาไม่พอใจกับราคาสินค้าที่สุงแค่ไหน และตำแหนเธอในเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ค่าครองชีพสุงขึ้นในข่วงเวลาที่เธออยุ่เคียงข้างประธานาธิบดี ไบเดน ในทำเนียบขาว

        สาเหตุประการหนึ่งทีทรัมป์ไม่สามารถถ่ายทอดข้อความดังกล่วได้ คือ กลยุทธ์ของแคมเปญหาเสียงของแฮร์ริสในการเสนอข้อสเนอเพื่อพยายามลดค่าครองชีพให้เป็นหัวใจสำคัญ

         ผุ้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสองตางกระตือรือร้นที่จะแสดงให้ผุ้มีสิทธิเหลือตั้งเห็ฯว่าพวกเาจะจัดการเศราฐกิจอข่างไรหากได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งสองแคมเปญมีแนวโน้มประชานิยม แต่ผุ้สมัครต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในการช่วยเลหือชาวอมเริกัน ที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงแม้วาอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสุง จะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม

        แฮร์ริส กล่าวในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา(เมือวาน) เกี่ยวกับข้อเสนอทางเศาฐกิจที่เธอประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเครดิตภาษีที่เพ่ิมขึ้นสำหรับเด็ก ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย และความพยายามที่จะหยุดากรขึ้นราคาสินค้าเธอกล่าวถึงแผนงานเชิงมองไปข้าหน้าของเธอว่าเป็น "เศรษฐกิจแห่งโอกาส" ที่ชาวอเมริกันได้รับโอกาสที่แท้จริงที่จะประสบความสำเร็จ ในขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าเขามุ่งเน้นเฉพาะการช่วยเหลือผุ้มั่งคั่งและธุรกิจขนาดใหญ่

       ทรัมปืได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับเศราฐกิจและนโยบายต่างๆ ของเขาถึง 2 ครั้งในสัปดาห์นี้ แต่เขายังไม่ได้เปิดเผยแผนเศรษฐกิจโดยละเอียด เขาโจมตีรัฐบาล ไบเดน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าวว่าเงินเฟ้อสุงและให้คำมั่นว่าจะลดราคาสินค้าทันที่ นอกจากนี้ เขายังกล่าวหาแฮร์ริสว่าต้องการใช้ "การควบคุมราคมแบบคอมมิวนิสต์" 

         ในความเป็นจริ ประธานาธิบดีมีเครื่องมือน้อยมากในการแก้ไขปัญหาราคาที่เพ่ิมสูงขึ้นเพียงฝ่ายเดียว หน้าที่ของธานาคารกลางสหรัฐฯ คือการกำหนดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ข้อเสนอหลักส่วนใหญ่ของพวกเขาจะต้องได้รับกาอนุมัติจากรัฐสภา และผุ้สมัครบังไม่ได้ระบุว่าพวกเขาจะจ่ายเงินสำหรับรายการความต้องการอันแสนแพงของพวกเขาอย่างไร ในช่วงที่หนี้ของรัฐบาลกลางกำลังเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าแฮร์ริสจะบอกว่าเธอจะขอให้คนอเมริกันและบิรษัทที่มีฐานะดีจ่ายมากขึ้นก็ตามนี้คือสิ่งที่เรารุ้เกี่ยวกับแผนเศราฐกิจของแฮร์ริสและทรัมป์

          ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างเรียกร้องให้ยุติการเก็บภาษีเงินทิปของรับบาลกลางแม้ว่าทรัมป์จะเป็นผุ้เปิดเผยแนวคิดดังกล่วก่อนและตำหนิคู่แข่งที่เลี่ยนแบบเขาก็ตาม ข้อเสนอนี้กลายเป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาที่ทรัมป์ชื่อชอบที่สุดในการชุมนุมหาเสียงของเขา

       เขาเสนอแนวคิดนี้ ครั้งแรก ในเืดอนมิถนายนที่ลาสเวกัน รัฐเนวาดา ซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่มีพนักงานด้านการบริการและการต้อนรับจำนวนมาก แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เมือต้นสัปดาห์นี้ เขาเสนอแนะว่าเขาสนับสนุนการยกเลิกภาษีรายได้และภาษาีเงินเดือนของรัฐบาลกลางสำหรับเงินทิปซึ่งเป็นข้อ เสนอ ที่มีผลกระทบทางการเงินมากกว่า

       ทรัมป์กล่าวในการให้ัมภาษณ์กับ สเปคตรัม นิว 1 ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เมือถูกถามว่าเขาสนับสนุนการยกเลิกภาษีรายได้และเงินเดือนของรัฐบลกลางหรือไม่ว่า ไเรากำลังพิจาณาดำเนินการให้เต็มี่" มาตรการดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา เมื่อถูกถามถึงความชัดเจนในภายหลัง แคโรไลน์ ลีีวิตต์ โฆษกประจำตัวของทรัมป์ กล่าว่าเธอไม่มีอะไรจะพูดเพิ่มเติม

  จากข้อมุลจากศูนย์วิจัย "บัดเจท แลป" ที่มหาวิทยาลัยเยล พบว่ามีคนราว 4 ล้านคนที่ทำงานในอาชีพที่้องทิปในปี 2023 หรือคิดเป็นประมาณ 2.5% ของการจ้างงานทั้งหมด แต่กว่าหนึ่งในสามกลับมีรายได้น้อยเกินกว่ ที่จะต้องจ่ายภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลาง

        ภาษีเงินเดือนของรัฐบาลกลางจะนำไปใช้เป็นเงินุนประกันสังคมและประกันสุข-ภาพ และรวมเป็น 15.3% โดยครึงฝหนึ่งจ่ายโดยนายจ้าง เมือสัปดาห์ที่แล้ว แฮร์ริสยังสัญญาว่าจะยุติการเก็บภาษีรายได้ของรัฐบาลกลางจากเงินทิปที่ชุมนุมในลาสเวกัส โดยเงินทิปจะยังคงต้องเสียภาษีเงินเดือนตามแผนของแฮร์ริส

       หากยกเลิกภาษีเงินได้และภาษีเงินเดือนของรัฐบาลกลาง จะทำให้รายได้ลดลง 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐถึง 250,000 ล้านเหรียญสหรัญภายใน 10 ปี ตามข้อมูลของคณะกรรมการงบประมาณของรัฐบาลกลางที่มีความรับผิดชอบ การยกเลิกภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลางสำหรับเงินทิปเพียงอย่างเดียวจะทำให้สูญเสียรายได้ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าว

        ยุติการเก็บภาษีจากเงินประกันสังคม 

         ทรัมป์ยังเสนอให้ลดหย่อนภาษีให้กับกลุ่มผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอิทธิพลอีกกลุ่ม นั้นคือ ผุ้สุงอายุ เขาประกาศเมือปลายเดือนที่แลบ้วว่าเขาต้องการยุติการเก็บภาษีจากสวัสดิการประกันสังึคม "เพื่อช่วยเหลือผุ้สูงอายุที่มีรายได้คงที่ซึ่งกำลังประสบปัญหาจากภาวะเงินเฟ้อ จะไมีมีการเก็บภาษีประกันสังคม เราจะหยุดเรื่องนี้" เขากล่าวใสนการชุมนุมเมือวันพุธ ซึ่งถือเป็นการปราศรัยด้านเศราฐกิจ

         ในปัจจุบัน ผุ้สุงอายุไม่ต้องเสียภาษีจากสวัสดิการของตนหากมีรายได้น้อยกว่า 25,000 เหรียญสหรัีฐฯ ต่อบุคคล หรือ 32,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรังคู่สมรส ซึ่งเรียกว่ารายได้รวม ดดยคำนึงถึงรายได้รวมที่ปรับแล้ว ครึ่งหนึ่งของสวัสดิการประกันสังคม และดอกเบี้ยที่ไม่ต้องเสียภาษี หากมีรายได้เกิดนกว่าเกณฑ์ดังกล่าว พวกเขาอาจต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินช่วยเหลือสูงถึง 50% โดยรายได้จะนำไปเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญของสำนักงานประกันสังคม ผุ้ที่มีรายได้รวมกันอย่างน้อย 34,000 ดอลลาร์ต่อคน หรือ 44,000 ดอลลาร์ต่อคุ่สมีภรรยา อาจต้องเสียภาษีเงินได้จากเงนิช่วยเหลือเพ่ิมเติมสูงสุด 35% โดยเงินจะนำไปเข้ากองทุนประกันโรงพยาบาลของ "เมดิแคร์" การยกเกลิการเก็บภาษีจากเงินประกันสังคมจะช่วยลดาษีได้เฉลี่ย 550 ดอลลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าครัวเรือนที่มีรายได้น้อยจะแทบไมได้รับประโยชน์ใดๆ ในปีหน้าทก็าม ตามข้อมูลของ ศูนย์ นโยบายภาษี อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อดีครงการสิทธิประดยชน์ ของประชาชน รวมถึง เมดิแคร์ และงบประมาณของรัฐบาลกลางที่มีความรับผิดชอบ คาดว่าภาษีดังกล่าวจะสร้างรายได้ประมาณ 94,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

        การวิเคราะหฺ์ของคณะกรรมการพบว่การยกเลิกภาษีดังกล่าววจะทำให้ชขาดุลของรับบาลกลางเพ่ิมขึ้นระหว่าง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์จนถึงปี 2035 กองทุนบำเหน็จบำนายประกันสังคจะหมดลงเร็วกว่าเต็มหนึ่งปี และกองทุนประกันดรงพยาบาลของ เมดิแคร์ จะหมดลงเร็วกว่าเดิมหกปี ผุ้สูงอายุจำนวนมากอาจได้รับผลกรทะบในทีสุกหาก กองทุนประกัน สังคม และเมดิแคร์ หมดลงเร็วขึ้น และต้องตัดสวัสดิการ

       https://edition.cnn.com/2024/08/15/politics/harris-trump-economy-policies-inflation/index.html

        https://edition.cnn.com/2024/08/15/politics/harris-trump-economy-policies-inflation/index.html

          

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Debate

         ดีเบต หรือการอภิปราย เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการกล่าวสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการ การอภิปราย และการกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อเฉพาะหรือกลุ่มหัวข้อ โดยมักจะมีผุ้ดำเนินรายการและผุ้ฟัง ในการดีเบต ข้อโต้แย้งจะถุกนำเสนอเพื่อให้มีมุมมองที่ขัดแย้งกันโดยทั่วไป  การดีเบตมัจัดกันในที่ประชุมสาธารณะ สถาบันการศึกษา ห้องดีเบตร้านกาแฟ สนามการแข่งขันกีฬา และสภานิติบัญญัติ การดีเบตนังจัดขึ้นเพื่อการศึกษาและเพื่อการพักผ่อน มัเกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษาและสมาคมดีเบต ดีเบตเหล่านี้เน้นที่ความสอดคล้องตามตรรกะ ความถูกต้องตามข้อเท็จจริง และการดึงดูดอารมณืต่อผู้ฟัง รุปแบบการดีเบตแบบแข่งขันสมัยใหม่ยังรวมถึงกฎสำหรับผุ้เข้าร่วในการอภิปรายและตัดสินใจเกี่ยวกับรอบการดีเบต(วิธีการตัดสินการดีเบต) 



        การอภิปราย อาจใช้กับกระบวนาการที่ต่อเนื่อง ครอบคลุมและเป็นทางการน้อยกว่า ซึ่งประเด็นต่างๆ จะได้รับการสำรวจและแก้ไขผ่านหน่วยงานต่างๆ และในหมู่ประชาชนทั่วไปตัวอย่างเช่นในปี 2021 คณะกรรมาธิการยุโรป ได้เผยแพร่เอกสารกรีนเปเปอร์เกี่ยวกับผุ้สูงอายุซึ่งมีวัตถุประสงค์ฺเพื่อสร้างการอภิปรายเกี่ยวกับ "นโยบายเพื่อรับมือกับความท้าทายและโอากสนของผู้สุงอายุ" ในปีต่อๆไป และสมเด็จพระสันตปาปาปรานซิสทรางกล่าวถึง "ความจำเป็นในการอภิปรายอย่างตรงไปตรงมาและซื่อสัตรย์" เกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อมในจดหมายถึงผุ้ว่าการ เลาดาโร ซิ ของพระองค์ในปี 2015 

        การโต้วาทีในรูปแบบต่างๆ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สามารถสืบย้อนไปถึงการดต้วาทีทางปรัชญาและการเมืองในกรีกโบราณเช่น ประชาธิปไตยของเอเธนส์ หรือศัสตราะาในอินเดียโบาณรุปแบบการโต้วาทีสมัยใหม๋และการก่อตั้งสมาคมโต้วาทในดลกตะวันตกเกิดขึ้นในยุคแห่งการตรัสรู้ในศตวรรษที่ 18 

       วิทยาลัยทรินิตี้ดัลเลินมีสมาคมโต้วาทที่เก่าแก่ทีสุดในยุโรปสองแห่ง ก่อนตั้งเมือปี 1770และ 1786 เป็การเกิดขึ้นในลอนดอนในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 และในไม่ช้าก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่โดดเด่นในลอนดอน สังคมการดต้วาทีเป้นปรากฎการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นพร้อมกัของพื้นที่สาธารณะ ขอบเขตของการอภิปรายซึ่งแยกจาอำนาจตามธรรมเนียมและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการวิพากษ์วิจารณืและการพัฒนาแนวคิดและปรัชญาใหม่ๆ

        ในรัฐสภาและสภานิติบัญญัติ อื่นๆ สมาชิกจะอภิปรายข้อเสนอเกี่ยวกับกฎหมายก่อนลงคะแนนเสียงในมติซึ่งจะกลายเป็นกฎหมายการอภิปรายมักดำเนินการโดยเสนอกำหมายหรือแก้ไขกฎหมาย การอภิปรายแบบรัฐสภจะมีโครงสร้างโดย่ายค้านสองฝ่ายคือ ผุ้นำฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล หลังจากที่แต่ละฝ่ายได้รับอนุญาตให้พูดหนึ่งครั้ง สมาชิกจะได้รับอนุญารให้กล่าวสุนทรพนจ์ตอบโต้ประเด็นของฝ่ายค้าน หลังจากนั้น สมาชิกรัฐสภาจะอภิปรายข้อเสนอก่อนที่จะลงคะแนนเสียงสนับสนุนหรือคัดค้านกฎหมายดังกล่าว 

        แม้อังกฤษจะเป็นผุ้คิดค้นระบบการอภิปรายในรัฐสภา แต่ก็ไม่ใช่ประเทศสมัยใหม่เพียประเทศเดียวที่ใชข้ระบบรัฐสภา ปัจจุบันประเทศทีใช้ระบบรัฐสภาและการอภิปรายในรัฐสภได้แก่แคนาดา อิตาลีญี่ปุ่นลัตเวยเนเธอร์แลนด์และนิวซีแลนด์


          ประชาธิปไตยแบบมีสน่วนร่วมเป็นรูปแบบหนึ่งของรัฐบาลซึ่งประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรงในการตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งอาจทำได้โดยผ่านการอภิปรายสาธารณะ ในบางประเทศ สมาชิกรัฐสภอาจร้องขอให้มีการอ-ภิปรายเรื่องเร่งด้วนที่มีความสำคัญระดับชาติ ตามกฎข้อบังคับ ของระเบียบการประชุมภาวร การอภิปรายในกรณีฉุกเฉินอาจมีความสำคัญเหนือกว่าหากประธานสภาตัดสินใจ ในการประชุมครังถัดไปภายในเวลปกติ ประะานสภาบังกำหนด้วยว่าเมือใดระเบียบวาระขั้นตอนตามปกติอื่ๆ ที่ถุกแทนที่ดดยการอภิปรายในกรณีฉุกเฉินจะได้รับการพิจารณาหรือยกเลิก

        ในเขตอำนาจศาลที่เลือกผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสุง เช่น ประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรีผุ้สมัครบางครั้งจะโต้วาทีกันในที่สาธารณะ โดยปกติแล้วจะเป็นในช่งงการรณรงหาเสียงทั่วไป

        การดัเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปในปี 1976 การดีเบต ระหว่างผุ้สมัตรชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งแตกต่างจากการดีเบตที่จัดขึ้นในระดับมัธยมศึกษาหรือระดับวิทยาลัย ผุ้เขาร้วมและรูปแบบไม่ได้ถูกกำหนดอย่างเป็นอิสระ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหาเสียงซึ่งเต็มไปด้วยโฆษณทางโทรทัศน์ การสนทนา ทางวิทยุเสียงพุด และากรหหมุนวนการดีเบตเหล่านี้ยังคงเป็นโอากสอันหายากสำหรับประชาชนที่จะได้เห็นและได้ยินผุ้สมัครหลักเคียงข้างกัน รุปแบบของการดีเบตประธานาธิบลดี แม้ว่า จะมีากรกำหนดไว้แตกต่างกันในการเลือกตั้งงแต่ละครั้ง แต่ดดยทั่วไปแล้วจะเข้มวงดกว่ารูปแบบดั้งเดิมหลายๆ รูปแบบโดยห้ามผุ้เข้าร่วมถามคำถามซึ่งกันและกันและจำกัดการสนทนาในหัวข้อเฉพาะให้อยุ่ในกรอบเวลาสั้นๆ 

         การดีเบตประะานาะิบดีได้รับการปรับรุปแบบครั้งแรกในปี 1976,1980โดย "ลีค ออฟ วูแมน โวทเตอร์" และ "คอมมิสชั่น อน เพรสซิเดนอทียล ดีเบต" ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 โดย พรรค รีพับลิกันและ พรรค เดโมแครต วัตถุประสงค์หลักของการดีเบตประธานาะิบดีคือการสนัยบสนุนและจัดทำการดีเบตสำหรับผุ้สมัครชิงตำแหน่งประธานาะิบดีและรองประธานาธิบดีของสหรัฐฯในสภาพแวดล้อมที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด องค์กรซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรและไม่ฝักฝ่ายใด เป็นผุ้สนัยสนุนการดีเบตประธานาธิบดีหลายครั้งที่ผ่านมา

        อย่างไรก็ตาม ในการประกาศถอนตัวจาการสนับสนุนการอภิปรายสมาคมสตรีผุ้มีสิทธิเลือกตั้งได้ระบุว่าถอนตัว "เพราะข้อเรียกร้องขององค์กรณรงค์ทั้งสองจะทำให้เกิดกาฉ้อโกงผ้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันไ คณะกรรมการดีเบตของพลเมืองก่อตั้งขึ้นด้วยความหวังที่จะจัดตั้งผุ้สนับสนุนอิสราะสำหรับการดีเบตประธานาธิบดี โดยมีบทบาทที่เน้นผุ้มีสิทธเลืกตั้งมากขึ้นในการกำหนดผุ้เขาร่วม รูปแบบ และกฎเกณฑ์

           https://en.wikipedia.org/wiki/Debate

        




วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Age, generational,Race...,

          ปัจจุบัน อายุมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับการแบ่งพรรคแบ่งพวก และรูปแบบนี้ดำเนินมานานกว่าทศวรรษแล้ว พรรคเดโมแครตมีข้อได้เปรียบอย่างมากในกลุ่มมผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่อายุน้อย แขณะที่พรรครีพับลิกันมีข้อได้เปรียบในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุมากที่สุด

          ผูมีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปีประมาณสองในสาม(ร้อยละ) 66 สังกัดพรรคเดโมแครต เมือเทียบกับร้อยละ 34 ที่สังกัดพรรครีพับลิกัน

          มีช่องว่างที่ใหญ่พอๆ กันในสังกัดพรรคการเมืองของผุ้ีสิทธิเลือกต้งที่มีอายุระหว่าง 25-29 ปี( 64% เป็นเดโมแครตหรือมีแนวโน้มไปทางนั้น เที่ยบกับ 32% สำหรับรีพับลิกัน) ผู้มีสิทธิลงคะนนเสียงในช่วงวัย 30 ปี ยังเอียงไปทางพรรคเดโมคแครต แม้ว่าจะมีน้อยกว่าก็ตาม ดดย 55% เป็นพรรคเโมแครตหรือมีแนวโน้มไปทางพรรคเดโมแครต สวน 42% เป็นพรรครีพับลิกันหรือมีแนวโน้มไปทางพรรครีพับลิกัน ไม่มีฝ่ายใดมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าาอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ขัดในกลุ่มผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในช่วงวัย 40 และ 50


          ผู้มีสิทธิเลือกตจั้ง ครึ้งหนึ่งในช่วง 40 ปี สังกัดพรรเดโมแครตและ 47 % สังกัดรีพับลิกัน ดัชนีจะพลักกลับในกบุ่มผุ้มีสิทะิเลือกตั้งในข่วงวัย 50 ปี โดย 50% เห็นด้วยกับพรรครีพัลลิกัน และ 47% เห็นด้วยกับพรรคเดโแมครต ในกลุ่มผุ้มีสิทะิเลือกตั้งที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป พรรครัีพัลลิกันมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน

          การจัดแนวของพรรครีพับลิกันสุงกว่าการจัดแนวของพรรคเดโมแครต 10% (53% เทียบกับ 43% )ในกบุ่มผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุ 60 ปี 

         ผุ้มีสิทธิลงคะแนนที่มีอายุระหวาง 70-79 ปี มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนพรรค GOD (51%)มากว่าพรรคเดโมแครต (46%)เล็กน้อย ผุ้มีสิทธิเลือกต้ง ประมาณหกในสิบคนที่อายุ 80 ปีขึ้นไป 58% ระบุหรือเอนเอียงไปทางพรรค GOP ในขณะที่ 39% เชื่อมโยงกับพรรคเดโมแครต

         ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุมากว่าส่วนใหญ่จะระบุถึงพรรคการเมืองหนึ่งๆ ในขณะที่ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุน้อยกว่านั้น มีจำนวนค่อนข้างมากนอกเนือจากความแตกต่างในความโน้มเอียงในการเลือกพรรคการเมืองโดยรวมของผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่อายุน้อยและอายุมากแล้วผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่อายุน้อยยังมีแนวโน้มมากกว่าผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่อายุมากอย่างมากในการเลือกที่จะไม่ระบุตัวตนโดยตรงกับพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง

          เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอสยุต่ำกว่า 25 ปีเพียงประมาณครึ่งหนึ่ง 52% เท่านั้นที่ระบุตัวตนโดยตรงกับพรรคการเมือง 38% เป็นพรรคเดโมแครตที่ระบุตัวตนโดยตครงกับพรรคการเมือง (38% เป็นพรรคเดโแมครต 14% เป็นพรรครีพัลลิกัน) ในทางกลับกันประมารณครึ่งหนึ่งระบุว่าตนเองเป็นพรรคอื่นหรือเป็นอิสระ ดดย 28% เอนเอียงไปทางพรรคเดโมแครต และ 20% ไปทางพรรครีพับลิกัน

การแบ่งฝ่ายระหวางชายและหญิงภายในกลุ่มอายุ 

         ความแตกต่างของอายุในการแบ่งที่เห้ฯในประชาชนโดยรวมนั้นเห็นได้ชัดเจนทั้งในผุ้ชายและผุ็หญิง ตัวอย่างเช่น ทั้งผุ้ชายและผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 30 ปี มีคะแนนสอดคล้องกับพรรคเดโแมครตประมาณ 2ต่อ 1 

          ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งชายและหญิงในช่วงอายุ 30-49 ปี แบ่งออกค่อนข้างมากในความภักดีต่อพรรคกรเมือง แม้ว่าพรรคเดโแมครตจะมีคะแนนนำเล็กน้อยในกลุ่มผุ้หญิงในช่วงอายุนี้

          พรรครัพัลลิกันมีข้อได้เรียบอย่างมากในกลุ่มผุ้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไปขะที่ผุ้หญิงในวัยนี้มีแนวโน้มที่จะสังกัดพรรคท้งสองเท่าๆกัน

          เชื้อชาติ อายุ และการแบ่งแยก

          ในกลุ่มผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนผิวขาว ฮิสแปนิก และเอเชีย ผุ้สูงอายุในปัจุบันสวนใหญ่มักจะเป็นฝ่ายนีพัลลิกันมากกว่า(และเป็นเดโมแครตน้อยกว่า) มากกว่าผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่าแต่ไม่ใช่เช่นนั้นสำหรับผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนผิวดำ ผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนผิวตำและอายุน้อยกวย่าง50 ปี ถึง 17% ระบุว่าตนเองเป็นหรือมีแนวโน้มเป็นพรรครัพัลลิกัน เมือเทียงกับผุ้มีสิทธเิลืกตั้งที่เป็นคนผิวดำและอายุ 50 ปี ขึ้นไปเพียง 7% เท่านั้น

          จากการสำรวจที่ย้อนกลับไปถึงช่วงทศวรรษท 1990 ผุ้ม่สิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนผิวดำที่อายุน้อยกวา่มักจะเป็นฝ่ายรีพัลลิกันมากกว่าผุ้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนผิว่ำที่อายุมากว่าเล็กน้อย หรือไม่ก็มีความคิดเห็นว่าไม่มีความแตกต่างกันในการแบ่งฝ่ายของคนผิวดำตามช่วงอายุ

         การแบ่งแยกระหว่างรุ่น

         กาาพิจารณาความลำเีอยงของบุคคลที่เกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกันผกลุ่มอายุ) ช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบระหว่างรุ่นต่างๆ ในช่วงเวลาต่างๆ ได้ (สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มอายุ ปัจจุบัน กลุ่มคนอายุน้อยแต่ละกลุ่มมีแนวโน้มจะสนับสนุนพรรคเดโแมครตมากขึ้นกว่ากลุ่มก่อนหน้าแต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปตัวอย่างเช่น ในข่วงปลายทศวรรษ 1990 ความสมดุลของการแบ่งพรรคแบ่งพยกของผุ้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละกลุ่มอายุ(กลุ่ม) แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านนั้น

     ..ในปัจจุบันและช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีรุปแบบอายุที่ชัเจนและเป็นเส้นตรงมากขึ้น ผุ้ที่เกิดในช่วงทศวรรษ 1990 (ปัจจุบันอยุ่ในช่วงกลาง 20 ถึงต้น 30 )เป็นพรรคเดโมแครตมากกว่าผุ้ที่เกิดในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งในทางกลับกันก็เป็นพรรคเดโมแครตมากกว่าผุ้ที่เกิดในช่วงทศวรรษ 1970 และกลุ่มอายุที่มากที่สุดเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มสนับนุนพรรครีพับลิกันมากที่สุด...

            https://www.pewresearch.org/politics/2024/04/09/age-generational-cohorts-and-party-identification/

Official vote counting...(3)

                    แม้คะแนนอย่างเป็นทางการจะยังไม่ออกมา แต่แฮร์ริสก็ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยืนกรานว่าการต่อสู้ จะดำเนินต่อไป             รองป...