บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2012

Power Approach

แนววิเคราะห์เชิงอำนาจ   ความหมายของอำนาจ "คือ สมรรถภาพในความสัมพันธ์ของมนุษย์ ที่เกิดขึ้นจากการตัดสิน และมีผลต่อความสัมพันธ์ทางสังคมของมนุษย์"  มิติ ของ อำนาจ พิสัยอำนาจ คือ ชนิดของประเด็นปัญหาที่การตัดสินใจส่งผลไปถึง ทรัพยากรอำนาจ แหล่ง สิ่งใดๆ ที่บุคคลหรือปัจเจกบุคคลนำมาใช้เพื่อให้เกิดอำนาจ ความสามรถในการแผ่อำนาจ อำนาจสามารถขยายตัว หรือหดตัวได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพสังคมและ                                        และระบบการเมือง    การกระจายอำนาจ  คือ การจัดให้อำนาจแพร่ออกไปสู่มวลสมาชิกของสังคม  ลักษณะ ของ อำนาจ อำนาจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคลมีความสัมพันธ์กันทางสังคมเท่านั้น อำนาจทำให้เกิดการต้านทาน ลักษณะเช่นเราเรียกว่าการควบคุม การใช้อำนาจไม่เกิดผลเสมอไป การใช้อำนาจแต่ละครั้งจะเป็นเพียงความน่าจะเป็นเท่านั้น เป็นทั้งความจริง และจินตนาการ การบังคับ ภาวะครอบงำ ความต้องตาต้องใจ ความผูกพันทางจิตใจ         การใช้อำนาจในทางการเมือง มี ผู้กล่าวว่าอำนาจคือหัวใจของการเมือง การเมืองเป็นเรื่องการต่อสู้และแข่งขันชนิดหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ หรือ เืพื่ออุ

Public policy

นโบายสาธารณะ คือ สิ่งที่รัฐบาลเลือกที่จะทำ และไม่ทำ นโยบายสาธารณะและการตัดสินใจจึงแยกกันไม่ออก  - เป็นการปฏิบัติการที่มีเป้าหมาย  - มิใช่การตัดสินใจแต่อย่างเดียวแต่เป็นการปฏิบัติตามนโยบายด้วย เพื่อให้บรรลุผลของนโยบายนั้น โดยเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  - เป็นสิ่งที่รัฐบาลปฏิบัติอยู่ในขณะนั้น มิใช้เพียงสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำ  - เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจว่าจะทำ  - การใช้อำนาจบังคับ ตามนโยบายที่รัฐออกมา โดยการออกกฎหมาย ่หรือระเบียบ หรือคำสั่ง กระบวนการนโยบายเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกทั้งตัวบุคคล แลุ่มผลประโยชน์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสังคม กระบวนการนโยบายสาธารณะเป็นหระบวนการทางจริยธรรมเกี่ยวข้องกับปัจจัยและกระบวนการสำคัญโดยเรื่อตั้งแต่การกำหนดนโยบาย การบริหารนโยบายแารประเมินผลนโยบายและการเลิล้มนโยบาย          องค์ประกอบของนโยบายสาธารณะจะประกอบด้วยปัจจัยสำคัญคือ ตัวนโยบาย สภาพแวดล้อม ของนโยบายและผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบาย สภาพแวดล้อม การเมือง เศรษฐกิจ สังคม โลกาภิวัฒน์ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  ประชาชน นักการเม

Vinaya

เมื่อกล่าวถึงผู้หญิงหรือสตรีนั้นเมื่อจะทำ หรือกระทำสิ่งใดๆ อย่างที่บุรุษกระทำและปฏิบัตินั้น ย่อมมีพิธี กฎระเบียบที่เคร่งครัดและ รัดกุม มากกว่า บุรุษ จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ การที่จะให้ผู้หญิงหรือสตรีเพศกระทำและปฏิบัติได้เฉกเช่นชายนั้น กระบวนการและวิธีการจำต้องมีวิธีการที่มากกว่าและยุ่งยากกว่าชาย  เมืืือครั้งสตรีขอบวชในบวรพุทธศาสนานั้น พระสัมมาสัมพุทธในครั้งแรกทรงไม่อนุญาค แม้จะปลงผมห่มผ้าไตร พระพุทธองค์ก้ไม่ทรงอนุญาต   กระทั้งพระอานนท์เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวและไถ่ถามเมืองทราบเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจึงเข้าเฝ้าพระศาสดา ทูลขอให้ผู้หญิงบวชในพระธรรมวินัยหลายครั้ง หลายหน พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงอนุญาติจนในที่สุดพระอานนท์จึงทูลถามว่า  พระอานนท์: พระองค์ผู้เจริญ ผู้หญิงถ้าได้บวชในพระธรรมวินัยแล้ว ควรจะทำมรรคผลให้แจ้งได้หรือไม่?  พระสัมมาสัมพุทธะ: ควร อานนท์  พระอานนท์ : ถ้าควร พระนางมหาปชาบดีโครมีซึ่งเป็นน้านางของพระองค์ มีอุปการะมาก เมื่อพระชนนีของพระองค์สวรรคตแล้ว ได้เป็นผู้เลี้ยงและถวายนมมา ของผู้หญิงพึงได้บวชในพระธรรมวินัยนี้เถิด  พระสัมมาสัมพทธ : หากยอมรับครุธรรม 8 ประการ ข้อนั้นจงเป็นอุปสัม

Structural-Functional Approach

แนวการวิเคราะห์โครงสร้าง-หน้าที่   เป็นการวิเคราะห์ระบบโดยอาศัยกิจกรรมหน้าที่และระบบเป็นเกณฑ์ โดยสนใจปัญหาที่ว่า โครงสร้างใด ทำหน้าที่อะไร และภายใต้อะไรในระบบหนึ่งๆ กล่าวคือ เป็นการอธิบายและทำนายความจริงในสังคม จากการศึกษาโครงสร้างหน้าที่ขบวนการและกลไกในสังคมนั้นๆ โดยจุดหมายหลักคือการค้นหากฎเกณฑ์ของหน้าที่ทางสังคม โดยเฉพาะในแง่ที่ว่า โครงสร้างรูปธรรมทั้งหลายในสังคมปฏิบัิติหน้าที่อย่างไร รูปแบบของโครงสร้างต่างๆ บำรุงรักษาให้คงอยู่ได้อย่างไร โครงสร้างและหน้าที่ในหน่วยต่างๆ ช่วยบำรุงรักษาระบบอย่างไร โดยมีสมมติฐานมีดังนี้คือ    - พิจารณาว่าสังคมเป็นส่วนเดียว    - พิจารณาว่าสังคมมีส่วนประกอบหลายหน่วย    - ในสังคมย่อยมีเป้าหมายกว้างๆ และสมาชิกในสังคมยอมรับว่าเป็นสิ่งที่พึงประสงค์ แนววิเคาะห์แบบโครงสร้างหน้าที่สะท้อนให้เห็นลักษณะกิจกรรมทางการเมืองทั้งระบบว่ามีโครงสร้างและหน้าที่อย่างไร และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ทั้งนี้ผู้ที่ทำการศึกษาอาจเน้นตามแนววิเคราะห์นี้ที่มีนักทฤษฎีมากมายได้ทำการศึกษา ซึ่งผู้ศึกษาอาจให้ความสำคัญแตกต่างกัน   งานเขียนที่มีอิทธิพลต่อนักรัฐศาสตร์โดยเฉพาะ สาขาการเมื

Interest

เมื่อกล่าวถึงผลประโยชน์ในทางการเมืองย่อม ต้องกล่าวถึงพรรคการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องของการจัดสรรประโยชน์ และปกป้ิองรวมทั้งเรียกร้องในประโยชน์อันพึงมีพึงได้ของกลุ่ม หรือพรรค หรือพวกพ้อง พรรคการเมืองและ กลุ่มผลประโยชน์ แม้จะมีความเกี่ยวข้องกันแต่เป้าหมายในทางการเมืองนั้นต่างกัน พรรคการเมืองมีหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างประชาชนและองค์กรของรัฐ โดยกลุ่มผลประโยชน์ทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางระหว่างประชาชนกับพรรคการเมือง พรรคการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ต่างก็เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความสำคัญต่อการเมือง และกระบวนการทางการเมืองทั้งสองสถาบันนี้มีหน้าที่เชื่อมโยงกั โดยที่กลุ่มผลประโยชน์มีบทบาทในการเรียกร้องร้องหรือแสดงออกซึ่งผลประโยชน์ ส่วนพรรคการเมืองมีบทบาทในการนำข้อเียกร้อง หรือการแสดงออกซึ่งผลประโยชน์ นั้นนำเสนอต่อรัฐบาล แตกต่างกันตรงที่พรรคการเมืองต้องการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยที่กลุ่มผละประโยชน์ไม่ต้องการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่ต้องการมีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจหรือนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลสนองตอบต่อข้อเรียกร้องหรือความต้องการของตน ปรทเศไทยกลุ่มผลประโยชน์ที่มีบทบาทมาก

metropolitan

การกระจายอำนาจ การปกครองประเทศไทยแบ่งออกเป็นส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวงทบวง กรม(centralization การรวมอำนาจ) ส่วนภูมิภาค ได้แก่ อำเภอ จังหวัด(Decentralization การแบ่งอำนาจ) ส่วนท้องถ่ินได้แก่ อบจ. อบต. เทศบาลฯ การปกครองแบบพิเศษ (Decentralizationการกระจายอำนาจ) รูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น -หน่วยการปกครองท้องถิ่นประเภทมหานคร เช่น มหานครโตเกียว มหานครนิวยอร์ก กรุงเทพมหานคร -หน่วยการปกครองท้องถิ่นของชุมชนที่เป็นเมือง เช่น เทศบาล Countrt เป็นต้น -หน่วยการปกครองท้องถิ่นของชุมชนขนาดเล็ก เช่น Villege อบต.เป็นต้น การปกครองส่วยท้องถิ่นของไทย      ช่วงแรกตั้งแต่การปฏิรูปการปกครองสมัยรัชกาลที่ 5 กระทั้งถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475มีการตราพระราชบัญญัติสุขาภิบาล ร.ศ. 127 จัดการหัวเมืองเพื่อรองรับการจัดตั้งสุขาภิบาลแก่หัวเมืองที่มีความพร้อม แต่มีการจัดตั้งน้อยมาก มีการจัดตั้งเพียงที่กรุงเทพมหานคร และหัวเมืองไม่กี่แห่ง      ช่วงที่สอง ตั้งแต่การเปลี่ยแปลงการปกครอง จนถึง พ.ศ.2540 ุ 65 ปีแห่งการวิวัฒนาการของการปกครองท้องถิ่นไทย หรือการกระจายอำนาจ เร่ิมจากการจัดตั้งเทศบาลในปี 2476 สภาจังหวัด

root

root aqua=water:Aquarium=an artificial  pond for water creaturesfact=make,do: Manufacture=to make (goods) using machineryject=throw: Trajectory= a path of something thrown in the machineryvert=turn,change:Convert=to changefrom one form to anotherport=carry:Portable=that can be easily carriedprefixre=againreuse=use againreload=load againreheat=heat againsuffixport=carryportable=(adj.)=that can bi easily carriedportably=(adv.)=in the way that can be easily carriedportative (adj.)=of carrying ; able to carried จรวด อ่านออกเสียง จะ-หลวด ภาษาเขมร กำชฺรวจ(พลุ) กัญชา รากศัพท์จากภาษาฮินดี(ganja) อ่านออกเสียง กัน-ชา (kan'c-aa) ภูเก็ต รากศัพทย์จากภาษามาเลย์bukit(เนินเขา) พู-เก็ด (p-uu'ket) ฆร รากศัพท์จากภาษาสันสกฤต:คฺฤห อ่านออกเสียง คะ-ตะ คำเกี่ยวข้อง -ฆรณี(เมีย,แม่เรือน) -ฆรวาส -คฤหัสถ์ โบ้ย รากศัพท์จากภาษาจีน บ้วย(ปลาย,หาง) คำกริยา -โยน หรือ ปัดไปให้เป็นเรื่องหรือความรับผิดชอบของคนอื่น

โคน

รูปภาพ
โคนอาวุธ สั้นอันทรงประสิทธิภาพ เป็นหมากที่คอยรุกระหน่ำในเกม (แม้จะไม่เหี้ยมเกรียมเท่าเบี้ยหงาย) และในขณะเดียวกัน ยังเป็นกองหลังที่ทรงประสิทธิภาพ โดยมากจะใช้เป็นหมากผูกให้เม็ดหรือม้า            คือถ้าเป็นนักเตะก็สารพัดประโยชน์ ถ้าเป็นสนามรบก็เป็นพวกเสนาธิการบัญชาการรบ โคน หมายถึง ช้าง หมากรุกจะมี พลช้าง พลม้า พลเรื่อ พลราบ(เบี้ย) รวมเป็น จตุรงค์ หมูหลบหอก หมูหลบหอก กลอกกลิ้งสิ่งสังเกต ฝ่ายประเภทหมากหนีวิธีสรร โคนกับเรือเผื่อช่วแรงกัน หมากไล่นั้นเรือคู่จู่ประจำ ขนานเรียงเคียงควบขนาบล้อม เข้าโอบอ้อมแอบรุกบุกกระหน่ำ ข้างหมากหนีลี้ซุ่มเข้ามุมทำ ในที่ขำโคนเคียงเรีบประนัง ถึงจะรุกคลุกขลุมตลุมไล่ เรือกันไว้มิได้หวั่นถวิลหลัง เรือกับโคนสู้กันขันประดัง ตามบทบังคับไว้ในตำรา แม้ครบยกหกสิบสี่ไม่จนแต้ม ในกลแกมเกณฑ์นับตำหรับว่า ทั้งสองข้างต่างเสมอเหมือนสัญญา ก็เลิกลาละลดงดกันไป ควายสู้เสือ ควายสู้เสือเหลือลำบากพวกมากหนี คือโคนมีอยู่กับเบี้ยไม่เสียท่า คอยป้องปิดติดแย้งทะแยงตา เข้ารับน่ากันรุกทุกกระบวน ข้าหมากไล่ได้เรื่อไว้กับเม็ด คอยลอดเล็ดล้อมเลี

Southeast Asian Writers Award ( I )

รูปภาพ
รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน(ซีไรต์)     เิริ่มก่อตั้งเมือปี พ.ศ.2522 เป็นรางวัลประจำปีที่มอบให้แก่นักเขียน ใน 10 ประเทศสาชิกแห่ง สมาคมประชาชาติแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รางวัลซีไรต์ มีความมุ่งหมายเพื่อส่งเสริม สนับสนุน และเชิดชู นักเขึยนในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้ง 10 ประเทศ   " รางวัลซีำไรต์" เป็นรางวัลเดียวในโลกที่มอบรางวัลทางวรรณกรรมให้แก่นักเขียนจากหลากหลายประเทศภายในภูมิภาคเป็นรางวัลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและยกย่องในแวดวงวณณกรรมทั่วโลกด้วยเกียรติภูมิที่ "รางวัลซีไรต์"ได้สั่งสมและสืบทอดอย่างงดงามมานานกว่า 30 ปี ในปัจจุบันจังเป็นรางวัมทางวรรณกรรมประจำปีที่ประชาคมวรรณกรรมไทยและภูมิภาคอาเซียนเฝ้าคอยอย่างจดจ่อ สื่อมวลชนห้ความสนใจอย่างกว้างขวาง นักอ่านชื่นชม ทั้งยังนำพาให้เกิดนักเขียนคุณภาพรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จเ็ด็จ กำจรเดช ผู้ได้รับรางวัลซีำไรต์ ปี 2554 "ร้อนเกินกว่าจะนั่งจิบกาแฟ" เป็นรวมเรื่องสั้น 12 เรื่องที่ทำให้เรามองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เรื่องสั้นเหล่านี้แม้จะดูหนักหน่วงมีมิติที่ทับซ้อนมีมุม

South East Asia

รูปภาพ
South East Asia ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเซีย ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 10 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย พม่า ไทย ลาว สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา     ประเทศต่างๆในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นกลุ่มประเทศที่รับอารยธรรมทั้งทางอินเีดีย และ จีน ตั้งแต่ยุคโบราณ เมื่อวัฒนธรรม แนวคิด ความเชื่อทางศาสนา (พราณ์หม และพุทธ) รวมทั้งทางการปกครอง อารยธรรมอินเดียจึงมีอยู่อย่างกระจัดกระจายและมากมายในภูมิภาคนี้ อาทิ ประเพณีต่าง ๆ สิ่งก่อสร้าง ปราสาท รูปแบบการปกครอง เป็นต้น   อารยธรรมจีนนั้น แพร่กระจายเข้ามาโดยการแทรกซึมลึกอยู่กับคนจีนโพ้นทะเล ซึ่งอพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่สู่ภูมิภาคนี้ ซึ่งในปัจจุบันผู้มีอิทธิพล และร่ำรวยในภูมิภาคนี้โดยส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีน   ในส่่วนประวัติศาสตร์ของชนชาติแต่ละชนชาติในภูมิภาคมีลักษณะคล้ายคลึกกันในยุคสมัยเริ่มแรก คือ เป็นการสร้างอาณาจักร โดยการ รบพุ่งกันเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อรวบรวมเป็นชาติ หรือประเทศ ก็ยังพจญชะตากรรมเดียวกัน คือ ตกเป็นเมืองขึ้นชาตินักล่าอาณานิคม ซึ่งทิ้งมรดกทางการต่อสู้เรื่องอาณานิคมไว้ในดินแดนนี้ อาทิ กรณีเขาพระวิหาร เป็นต้น   หลักจากยุ

Approache

- แนวทาง - ภาพลายเ้้ส้นเค้าโครง ปรากฎการณ์หรือเหตุการใดๆ ที่ทำให้ทราบว่าคือสิ่งใด      ในการตัดสินใจกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งจำเป็นที่จะต้องทราบสถานะการณ์ โดยถูกต้องและชัดเจนต้องมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ มีการวิเคราะห์สถานะการณ์ การประเมิน ผลได้ ผลเสีย ในการตัดสินใจ แม้เพียงการตัดสินใจง่ายๆในชีวิตประจำวัน ในบางครั้งการตัดสินใจผิดอาจนำมาซึ่งการเสียเวลาโดยไม่จำเป็น      การประเมินเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเหตุการทางการเมือง ปัญหาสังคม ตลอดจน ปัญหาภายในที่ทำงาน แนวการศึกษาทำความเข้าใจในสิ่งเหล่าีนี้ ช่วยให้เราเข้าใจได้ถูกต้อง ปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงแก้ไขได้ตรงกับปัญหา    ในกีฬากอล์ฟมีชอตที่สำคัญรองลงมาจากการพัตลูกลงหลุ่มอยู่อีกชอต คือ ชอตขึ้นกรีน ซึ่งเป็นชอตที่จะบ่งบอกว่า ลูกที่ตีไปจะอยู่ในตำแหน่งไกลหรือใกล้จากหลุ่ม ชอตต่อไปจะพัต ง่าย หรือ ยาก จะใกล้ความเป็นจริงแค่ไหน   ชอตขึ้นกรีนนี้ จะมาทั้งจากกลางแฟร์เวย์ จากหลุ่มทรายซึ็่งก็คือชอตแก้ปัญหา มาจากรัฟ หรือหญ้า บริเวณหน้ากรีน หรือรอบกรีนซึ่งมีระดับความสูงต่ำไม่เสมอกัน การขึ้นกรีนนี้ จะต้อง พิจารณ